คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ย้อนยุค 6 : คนงามเเห่งต้าฉิง (2) (Rewrite)
"มารดามันเถอะ! ช่างวิ่งเร็วเสียจริง!"
"รีบตามหาเร็วเข้า หากโจวเจว่ยหนีไปได้พวกเราตายเเน่!!"
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าหลายคู่ใกล้เข้ามาทุกขณะจิต โจ่วเจว่ยเเนบตัวกับกำเเพงเก่า สองตาสอดส่องดูพวกชายฉกรรจ์ รอยยิ้มสวยเจือเเววอำมหิตปรากฏขึ้นบนใบหน้างามล่มเมือง นิ้วเรียวยาวขยับแตะแผ่นเหล็กเย็บเฉียบใต้เเขนเสื้อ
หมับ!
"อื้อ!"
จู่ ๆ ก็มีฝ่ามือหยาบกร้านเอื้อมมาปิดปากจากด้านหลัง โจวเจว่ยสะดุ้งสุดตัว เกือบเหวี่ยงพัดฟาดหน้าอีกฝ่ายไปแล้ว ถ้าไม่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเอ่ยเเทรกขึ้นมาก่อน "คุณชายโจว มาทางนี้ขอรับ"
โจวเจว่ยเลิกคิ้วขึ้น ลดมือข้างซ้ายลง
"เจ้า...?" บ่าวที่ตำหนักเมื่อครู่?
"ข้าชื่อสือโถวขอรับ ตอนนี้ท่านเข้ามาหลบตรงนี้ก่อน"
สือโถวลากคนงามลัดเลาะซอกซอยจนมาถึงตรอกเเคบๆ ตรอกหนึ่ง ตรงสุดทางเดินแห่งนี้เต็มไปด้วยฟางเเห้ง โจวเจว่ยขมวดคิ้ว ยังไม่ทันได้เอ่ยถาม สือโถวก็ลากคนตัวสูงกว่าเข้าไปนั่งอยู่กลางกองฟางก่อนหยิบฟางเเห้งมากลบโจวเจว่ยจนมิดศีรษะ
"อยู่ตรงนี้ท่านจะปลอดภัย ข้าจะไปล่อพวกมันไปไกลๆ ให้นะขอรับ!"
"เดี๋ยว..."
สือโถวไม่สนใจโจวเจว่ย เขาหมุนตัววิ่งออกจากตรอกทันที
อย่าเพิ่งพูดทั้งนั้นเพราะแค่นี้เขาก็อยากเอาหัวโขกกำเเพงตายเเล้ว!
ให้ตายเถอะ หลังจากเอามู่หลี่หลงมาเลี้ยงดูเหมือนหัวจะเพี้ยนกว่าเดิมถึงได้มายุ่งเรื่องชาวบ้านแบบนี้
"เจอตัวรึยัง!"
"มันมีปีกหรือไรกัน!"
สือโถวเบรกเท้าแทบไม่ทัน ไอ้พวกนี้เเม่งวิ่งไวกันจังเว้ย!
เอายังไงดี อีกฝ่ายมีตั้งหกคน เขาคงรับมือไม่ไหวเเน่ หรือจะเเยกพวกมันออกจากกลุ่มก่อน?
ในระหว่างที่ครุ่นคิดเสียงย่ำเท้าหนักๆ ก็ขยับใกล้เข้ามา เขาเหงื่อเเตกพลั่กๆ เป็นไงเป็นกันว่ะ!!
"เฮ้ย พี่ชาย!"
พรึบ!!
อุ้ยตาย หันมาพร้อมกันหมดเลยเหรอตัวเอง
ตัวร้ายเบอร์หนึ่งตวาด "มีอะไร! ข้ายุ่งอยู่!!"
"เเฮ่ม!" สือโถวยกกำปั้นกระแอมไอก่อนปั้นหน้าเหี้ยมโหด กดเสียงแหบต่ำเลียนแบบพวกตัวโกงในหนัง "ข้าได้ยินว่าพวกพี่ชายกำลังหาตัวคนงามอยู่หรือ"
ในเมื่อรู้ว่าสู้ไม่ได้ก็ใช้เเผนหลอกล่อปล่อยข่าวลวงให้พวกมันเดินหลงทางไปไกลถึงแปซิฟิก (?) เลยเเล้วกัน!
ตัวร้ายเบอร์สองยกดาบขึ้นชี้หน้า "พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร เจ้าเห็นมันงั้นรึ!!"
พูดขนาดนี้คงไม่เห็นมั้ง ไอ้โง่เอ๊ย!!
แม้ในใจจะด่าไปแล้วสิบบท แต่ภายนอกก็ยังเเสยะยิ้ม สือโถวบังคับให้ดวงตาเบิกกว้างเหมือนคนหื่นกระหาย
"เเน่นอนสิพี่ชาย! ใบหน้างดงามเเบบนั้นข้าเห็นเเวบเดียวก็จำได้ไม่ลืม เห็นพี่ชายตามหาเเบบนี้ในฐานะคนดีข้าเลยอยากจะบอกว่าคนงามวิ่งไปทางนู้น" เขาชี้ไปทางขวา
เหล่าตัวประกอบค่าตัวถูกหันหน้าตามทิศทางที่ถูกชี้ เขารีบพูดต่อ "หลังจากนั้นก็เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาเลี้ยวขวาตีลังกาขึ้นกำเเพงวิ่งวนไปทางเหนือ กระโดดลงทางตะวันออก กระดืบไปทะ-"
"หยุด!!!" ตัวร้ายเบอร์อะไรสักอย่างตะโกนขัด สือโถวหุบปากฉับ ในใจร้องว่าแย่แล้ว พวกมันรู้ตัวแล้วเหรอ?!
"เอาใหม่อีกที ข้าฟังไม่ทัน"
สือโถว "..."
ต่อให้แกฟังทัน ทางนี้ก็จำไม่ได้หรอกเว้ย!!
สือโถวอึกอัก "เอ่อ หลังจากนั้นก็เลี้ยวขวา ตรงไปห้าร้อยเมตร กระดืบไปทางตะวันออก มุดไปทางตะวันตก กระโดดกำเเพงไปทางใต้"
"ทำไมมันไม่เหมือนเดิม!"
"อ่า"
"เจ้าจะบ้าเหรอ! มันไม่เหมือนเดิมตรงไหน!" ตัวร้ายเบอร์สามประท้วง
"หา? เเต่ตอนเเรกมันเป็นทางซ้าย-"
"เจ้าหูเพี้ยนไปมากกว่า ข้าได้ยินอยู่ชัด ๆ ว่าไปทางขวาก่อน! ถ้าสมองไม่สามารถฉลาดไปมากกว่านี้ก็หุบปากไปซะ!!"
ว้าย แรงงงงงงงงง
สหายร่วมนรกไม่ยอมให้โต้เถียงตัวร้ายเบอร์อะไรสักอย่างก็ได้แต่เงียบปาก พลางทำหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม ตัวร้ายเบอร์หนึ่งตบบ่าสือโถวด้วยความซาบซึ้งใจ "ขอบใจเจ้ามาก บุญคุณครั้งนี้ข้าจะไม่มีวันลืมเลย!"
"อ้อ ไม่เป็นไรขอรับ" ช่วยลืมๆ มันไปเถอะเนาะ เอาให้เหมือนว่าไม่มีเหตุการณ์นี้อยู่ในความทรงจำได้ยิ่งดี
"เจ้าช่างถ่อมตัวนัก" หัวหน้าตัวร้ายประทับใจ "ดูจากลักษณะน้องชายเเล้วหน่วยก้านไม่เลว หากอยากร่วมกองโจรดิ่งพสุธาของพวกเราก็มาหาข้าได้เสมอนะ!" กองโจรดิ่งพสุธาฉีกยิ้มอวดฟันเหลืองอ๋อย อ้าแขนพร้อมต้อนรับสมาชิกใหม่เต็มที่ "พวกเรายินดีต้อนรับ!!"
ก่อนจะไปต้อนรับชาวบ้านเขา รบกวนไปเเปรงฟันไม่ก็เปลี่ยนชื่อกลุ่มดีมั้ย
ดิ่งพสุธา? ตอนตั้งชื่อนี่ละเมอเดินตกเหวอยู่เหรอ
"ฮ่า ฮ่า ขอบคุณพี่ชายทั้งหลายที่ชวน หากมีโอกาสน้องชายคนนี้ต้องไปเยือนแน่นอน" สือโถวหัวเราะด้วยเสียงโมโนโทน เเม้จะดีใจที่แผนดูเหมือนจะไปด้วยดี แต่ลึก ๆ ก็ยังโคตรสงสัยว่าคนพวกนี้เชื่อที่เขาพูดจริงดิ?
"เอาละ ไปตามล่าโจวเจว่ยกัน!!" กองโจรจอมดิ่งเหวร้องตะโกนปลุกไฟแห่งความฮึกเหิม
ก่อนวิ่งย้อนกลับทางเดิม...
"..." โอเค หมดข้อสงสัยละ
สงสัยค่าตัวที่พวกพี่แกได้มาคงจะไม่รวมถึงสมองด้วยล่ะมั้ง
“ไปกันหมดเเล้วหรือ?"
เฮือก!
"คะ คะ คุณชายโจวเจว่ย!" สือโถวยกมือลูบอก จู่ๆ มากระซิบข้างหูใครไม่ตกใจก็ไม่ใช่คนเเล้ว ขณะที่คิดจะตำหนิอีกฝ่ายเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเพิ่งฝัง- หมายถึง เอาฟางบังคนงามอยู่อีกตรอกหนึ่งไม่ใช่เหรอ
"เหตุใดท่านถึงมาอยู่นี่ล่ะขอรับ!" มันอันตรายไม่รู้หรือไง!
"ก็ข้าเป็นห่วง" คนงามทำหน้าสลด
เหมือนโดนลูกศรยิงเข้าอย่างจัง สือโถวยกมือกุมอก ขอล่ะพี่ชายคนงาม อย่าทำหน้าสวยเรี่ยราดไปเรื่อยสิ!
สือโถวพยายามตั้งสติ เขาสูดลมหายใจลึกเรียกความเคร่งขรึมกลับมา "ตัวข้าทั้งสูงใหญ่เเละบึกบึน ไม่มีใครทำอะไรข้าได้หรอกขอรับ"
"สูงใหญ่บึกบึน?" โจวเจว่ยกวาดสายตาขึ้นลง คนงามอมยิ้มจนดวงตาโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว ไม่รู้ทำไมสือโถวรู้สึกว่าอุณหภูมิในตรอกสูงขึ้นพรวดพราด มือไม้เเลดูจะเกะกะแปลก ๆ
"อะ เอ่อ ท่านนัดกับลูกน้องไว้หรือเปล่าขอรับ ข้าจะได้ไปส่ง"
"หืม? เจ้าจะคุ้มกันให้ข้าหรือ?"
สือโถวพยักหัวหงึกๆ นัยน์ตาหงส์หรี่ตาลง โจวเจว่ยลากเสียงยาว "อืมมม งั้นก็ได้ ตามข้ามาสิ"
พี่ชายคนงามหันหลังเดินไปในทิศทางตรงกันข้ามกับกองโจรตกเหวเมื่อครู่ สือโถวรีบสาวเท้าตาม เรียกอีกฝ่ายอึกอัก "คะ คุณชายโจว คือ..."
"ว่าไง"
"...มือ" ไม่จำเป็นต้องจับก็ได้มั้ง!!
มือของโจวเจว่ยไม่ได้เนียนนุ่มเหมือนเหล่าผู้ดีทั้งหลาย ตรงกันข้ามฝ่ามือของชายหนุ่มทั้งใหญ่ทั้งแข็งแกร่ง ข้อต่อแต่ละนิ้วเรียวยาวสวยทำเอาสือโถวอดอายสภาพมือของตัวเองไม่ได้
"อ้อ" คนงามนิ่งไปชั่วครู่คล้ายกำลังประมวลผลก่อนหันกลับมาขยิบตาให้ "ข้ายังรู้สึกกลัวอยู่เลยน่ะ อีกอย่างจับมือเเบบนี้จะไม่ได้หลงกันด้วย"
"..." ตรอกเเคบขนาดนี้ จะไปหลงกันได้ไง แม่งไม่ได้อยู่ในป่าวงกตกันซะหน่อย สือโถวเเอบค่อนขอดอยู่ในใจ
เขาปล่อยให้โจวเจว่ยกุมมือจนกระทั่งเดินออกไปถนนใหญ่ คนงามเดินฮัมเพลงในลำคอไม่สนใจสายตาของชาวบ้านเลยสักนิด ผิดกับสือโถวที่หน้าเริ่มซีดสลับเเดง
เเหงล่ะ ภาพคนงามจูงมือเด็กหนุ่มที่หน้าเหมือนโจร เเค่คิดก็รู้สึกสะเทือนใจแล้ว
"คุณชายโจว" เขากระตุกมืออีกฝ่าย "ปล่อยเถอะขอรับ คนเยอะเเบบนี้ท่านไม่ต้องกลัวเเล้วล่ะ"
"คนเยอะเช่นนี้อาจจะพลัดหลงกันง่าย จับมือกันไว้แหละดีเเล้ว"
โจวเจว่ยยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป สือโถวชักสงสัยเเล้วว่าต่อมประสาทรับความรู้สึกของคุณชายโจวน่าจะมีปัญหา คนมองเยอะขนาดนี้ไม่รู้สึกอะไรเลยจริง ๆ เหรอ?
สือโถวแอบถอนหายใจ
เอาว่ะ ขนาดคนงามยังไม่อาย เขาจะอายทำไม คิดซะว่ามาเดินเที่ยวกับคุณแม่ก็เวอร์ชันมีช้างน้อยแล้วกัน!
...............
กว่าจะเดินมาถึงสถานที่นัดหมายของโจวเจว่ย สือโถวก็แทบหมดลม
เขาคู้ตัวหอบเเฮ่ก เสื้อตัวในเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เบื้องหลังคือดวงตะวันที่ใกล้จะลาลับฟ้า ส่วนเบื้องหน้าคือศาลเจ้ารกร้างที่เริ่มถูกความมืดมิดของยามวิกาลปกคลุม
สถานการณ์ที่เหมือนพร้อมมีวิญญาณบรรพบุรุษของใครสักคนออกมาทักทายทำให้เขาตะลึงจนหายเหนื่อย
คนของหุบเขาเหมยลี้คิดบ้าอะไรอยู่ถึงได้นัดคนงามล่มเมืองมาเจอกันที่วัดผีสิงเเบบนี้ฟะ คิดจะทดสอบความกล้าฉบับหน้าร้อนกันรึไง!
"ว้าว ศาลเจ้ายังไม่พังอีกเหรอ"
"หะ?"
สือโถวหันขวับ โจวเจว่ยแย้มยิ้มราวกับเมื่อครู่ไม่ได้เอ่ยคำพูดชวนน่าสงสัย ขายาวก้าวเข้าไปในศาลเจ้าอย่างไม่กลัวเกรง ทิ้งให้ใครอีกคนเลิ่กลั่ก
เดี๋ยวก่อน พี่สา- เอ๊ย พี่ชายคนงาม ใจคอจะไม่จุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางหน่อยเหรอ ขืนมี 'อะไร' โผล่มาได้วิ่งป่าราบลงเขาเลยนะเออ!
คิดเเล้วอยากตีลังการ้องไห้ ศาลเจ้านี่ตั้งอยู่บนยอดภูเขา ถ้าเจอบรรพบุรุษของใครขึ้นมาจริง ๆ เขากลัวว่าจะตัวเองจะสติแตกกระโดดลงผาแทนที่จะได้วิ่งลงเขาเหลือเกิน
เห็นคนอายุน้อยกว่ายังยืนนิ่ง โจวเจว่ยจึงกวักมือเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "เข้ามาสิสือโถว"
"ขะ ขอรับ" เขาหันซ้ายหันขวา
เวรละ ไม่มีธูปเลยสักด้าม งั้นเเค่ไหว้บอกก็พอมั้ง?
สือโถวตบมือดังป้าบ ขยับปากพึมพำขอขมาเจ้าที่ก่อนจะเดินตัวสั่นเข้าไปในศาลเจ้าร้าง โจวเจว่ยยังยืนรออยู่ที่เดิม ในดวงตาคู่สวยปรากฏแววขบขัน
"ใกล้จะมืดเเล้ว คนของข้าคงจะมาสาย เรามาตั้งกองไฟก่อนเเล้วกัน"
"ได้ขอรับ" สือโถวพยักหน้า เขาแยกกับโจวเจว่ยช่วยกันหาเศษไม้เเห้งเเถวนั้นเอามากองไว้กลางห้องโถงกลางศาลเจ้า โจวเจว่ยใช้เวลาชั่วครู่ ประกายไฟก็ปรากฏขึ้น
เห็นคนตรงกันข้ามนั่งเขี่ยกองไฟเงียบๆ ไม่หือไม่อือ โจวเจว่ยจึงส่งเสียงทัก “สือโถว”
คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้น “ขอรับ?”
โจวเจว่ยยกมือเท้าคาง “เจ้าไม่คิดจะถามข้าหรือว่าคนพวกนั้นเป็นใคร ทำไมถึงตามล่าข้า”
“อ้อ” สือโถวร้องคำหนึ่ง เกลี่ยกองไฟไม่ให้ดับ “ท่านเองก็ไม่ถามข้าเช่นกันว่าทาสอย่างข้ามาช่วยท่านทำไมไม่ใช่หรือ”
โจวเจว่ยนั่งอึ้ง ไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะย้อนตนเช่นนี้ ความเงียบปกคลุมพวกเขาสองคนสักพักก่อนโจวเจว่ยจะหลุดหัวเราะพรืด “ตอบได้ดี"
ดวงตาคู่สวยหลุบลง "อืมม นั่นสินะ ที่พวกเขาตามล่าข้าเพราะข้าคือโจวเจว่ยกระมัง เอาล่ะ ข้าตอบแล้ว ถึงตาเจ้าตอบข้าบ้าง”
แบบนี้ก็ได้?
สือโถวเงยหน้ามองท้องฟ้าดำสนิทที่ถูกความมืดมิดครอบครอง ทำไมถึงได้ช่วยน่ะเหรอ
“เพราะไม่อยากวิ่งหนีอีกแล้ว...ล่ะมั้ง”
เหตุการณ์บางอย่างผุดขึ้นมาในความทรงจำ ร่างเล็กที่นอนหายใจแผ่วเบาบนพื้นท่ามกลางช่อดอกตูมเลือด แววตาที่มองมาด้วยอารมณ์หลากหลายและความตายที่มาเยือนในเวลารุ่งสาง
“หือ? เจ้าว่าอย่างไรนะ?”
สือโถวหลุดออกจากภวังค์ เขาเบือนหน้าหนี “พอดีที่บ้านมีคนที่ชอบเกิดเรื่องแบบนี้บ่อยๆ น่ะขอรับ พอรู้สึกตัวอีกทีก็พุ่งเข้าไปช่วยซะแล้ว”
โจวเจว่ยร้องหืมในลำคอคล้ายสนใจ “เด็กผู้หญิง?”
“ไม่ใช่ๆ ผู้ชายขอรับ” ถึงแม้จะน่ารักกว่าผู้หญิงเป็นล้านเท่าก็ตาม เห็นคนงามทำหน้าสนใจไม่เลิก เขาเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่ท่านไม่กลัวข้า เอ่อ ทำร้ายท่านหรือขอรับ พวกเราเพิ่งเจอกันครั้งที่สองเองนะ”
ยิ่งหน้าโจรแบบนี้แล้วด้วย พี่ชายคนงาม ท่านจะคิดน้อยไปหน่อยหรือเปล่า? เล่นจูงมือคนแปลกหน้ามาอยู่ที่เงียบสงัดกันสองคนแบบนี้
“ทำร้าย? เจ้าน่ะหรือ?” โจวเจว่ยเงยหน้าหัวเราะขึ้นฟ้า ทำราวกับเพิ่งได้ยินเรื่องที่ตลกที่สุดมา
"..." ปกติคนสวยเขาเส้นตื้นกันแบบนี้เหรอวะ ถึงหัวเราะได้ทั้งวัน
โจวเจว่ยกลั้วหัวเราะ “ข้าคิดว่าข้ารับมือเจ้าได้สบายเลยล่ะ”
“อ้อ?”
“เจ้าคงจะหิว ข้าจะออกไปหาผลไม้แถวนี้มาให้นะ” จู่ ๆ โจวเจว่ยลุกขึ้นพลางปัดฝุ่นที่ปลายเสื้อ สือโถวรีบลุกขึ้นบ้างแต่อีกฝ่ายกลับยกมือห้าม “นั่งเฝ้าอยู่ตรงนี้แหละ เจ้าเพิ่งเคยมาครั้งแรก ขืนโดนเสือแถวนี้คาบไปกินคงน่าเสียดายแย่”
“หา?”
สะ เสือ!
ข่มขู่ (?) เสร็จ คุณชายสำนักเหมยลี้ก็หายไปในความมืด สือโถวขยับร่างแข็งทื่อนั่งลงตามเดิม กวาดตาสอดส่องไปทั่วบริเวณอย่างหวาดระแวง
โครกกกกกก
“อา ให้ตายสิ” เขาอวดครวญฝังหน้ากับหัวเข่า รู้สึกปวดแสบบริเวณท้องขึ้นมา จะว่าไปแล้วก็ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เที่ยงเลยนี่นา
ใบหน้าภายใต้เส้นผมหยักศกมู่ลง สือโถวคู้ตัวเพื่อบรรเทาความหิวพลางยกมือลูบท้อง
จะว่าไปแล้วเขาผอมลงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
สงสัยเจียดข้าวไปให้เด็กนั่นมากไป
กึก
ขณะที่กำลังนั่งรอคุณชายโจว จู่ ๆ ความเย็นยะเยือกก็แล่นขึ้นตามไขสันหลัง ขนอ่อนพลันลุกชันทั่วร่าง มันเป็นความรู้สึกแบบเดียวก่อนจะโดนลอบทำร้ายเหมือนที่โดนมาตลอดหลายเดือน
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนแอบมองลอดผ่านช่องว่างของแขนที่ซบอยู่ ทว่าสิ่งที่สะท้อนเข้าสู่สายตากลับมีเพียงห้องโถงกว้างที่เต็มไปด้วยหยักไหย่ หน้าต่างห้อยต่องแต่งที่ใกล้จะหลุดออกมาจากกรอบอยู่รอมร่อ
ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่ต่าง ทว่าสัญชาตญาณกำลังร้องเตือนว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาราวกับผูล่าที่กำลังเฝ้ารอเพื่อตะครุบเหยื่อ
หัวใจของสือโถวเต้นระรัว
อย่าบอกว่าพวกมันตามมาเจอแล้ว!
เขาเปลี่ยนท่าทางทำเป็นเขี่ยกองไฟเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ความจริงแอบคว้าไม้ท่อนใหญ่ที่ดูแข็งแรงมาไว้ในมือ น้ำลายเหนียวหนืดถูกกลืนลงคออย่างฝืดเคือง
หวังว่าคุณชายโจวจะยังไม่โดนลากเข้าพงหญ้าไปฆ่านะ
พรึบ
มาแล้ว!
สือโถวพลิกตัวไปด้านข้างทันที สองมือยกไม้ขึ้นตั้งรับการโจมตีที่หมายเอาชีวิต
ฉึก!
เสียงดาบฝังเข้าไปในเนื้อไม้ดังลั่นศาลเจ้า ดวงตาสีดำสนิทภายใต้ผ้าคลุมสีเดียวกันเบิกกว้าง ผิดกับสือโถวที่หน้าซีดจนแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียว
แม่งเอ๊ยยยย หัวเกือบเบะเป็นแตงโมแล้วมั้ยยยยยยย!!
ยังไม่ให้ศัตรูได้ตั้งตัว สือโถวยกเท้าเตะตวัดขาอีกฝ่ายเต็มแรง ร่างในผ้าคลุมชะงักไปเสี้ยววินาทีก่อนกระโดดหลบวูบด้วยความเร็วที่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถทำได้ ทันใดนั้นอีกฝ่ายก็ฟาดดาบลงมาอีกครั้ง สือโถวรีบยกท่อนไม้ขึ้นตั้งรับ ทว่าครั้งนี้ท่อนไม้เก่าไม่สามารถทนแรงกระแทกได้อีกต่อไป มันจึงหักเป็นสองท่อนทันที!
โครม!
ผู้บุกรุกยกเท้าถีบกลางลำตัวจนร่างของสือโถวกระเด็นไปติดฐานรองรูปปั้นพระพุทธรูป ร่างสูงใหญ่ภายใต้เสื้อคลุมสะบัดดาบเล่มยาวไปข้างตัวก่อนดีดเท้าพุ่งเข้าหาด้วยความเร็วที่ตามองไม่ทัน
“หยุดนะตงฉิน!!”
กึก
“อึก!” สือโถวแทบลืมวิธีการหายใจ ปลายดาบคมกริบอยู่ห่างจากดวงตาเพียงเสี้ยวใบไม้กั้นเท่านั้น
โจวเจว่ยก้าวออกมาจากความมืด ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มแต่ดวงตากลับส่องประกายหงุดหงิด ผู้บุกรุกภายใต้ผ้าคลุมเก็บดาบ โค้งตัวให้โจวเจว่ยอย่างนอบน้อม “คุณชาย”
“อย่าได้คิดทำร้ายผู้มีพระคุณของข้าเชียว” โจวเจว่ยเข้ามาประคองสือโถวที่ยังคงมึนงงให้ลุกขึ้นยืน กวาดสายตาขึ้นลงเพื่อหาบาดแผล “เมื่อครู่ได้บาดเจ็บหรือไม่?”
สือโถวส่ายหัว
เห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่เป็นไร โจวเจว่ยก็ถอนหายใจโล่งอก หันไปหาตัวต้นเหตุที่ยืนทำหน้าทะมึนห่างออกไปไม่ไกล
“คนนี้คือผู้ติดตามของข้า ชื่อตงฉิน ต้องขอโทษด้วยที่เขาทำร้ายเจ้า”
‘ตงฉิน’ ที่ว่าปลดผ้าคลุมออก ใบหน้าดุดันหล่อเหลาสมชายชาตรี คิ้วเข้มพาดเฉียงแลดูเป็นคนเข้มงวด ดวงตาคมปลาบเรืองรอง จมูกโด่งจัดรับกับริมฝีปากหยักลึก เส้นผมสีดำบดบังใบหน้าไปครึ่งหนึ่ง...ถ้ามู่หลี่หลงกับโจวเจว่ยถือว่าตรงหลักสูตรอุเคะน้อย คนตรงหน้าก็คือตัวแทนของเซเมะโดยแท้จริง!
ว่าแต่ที่แท้ไอ้โม่งดำก็คือพ่อหนุ่มหน้าโหดที่แหกปากเสียงดังตอนเช้านั่นเอง
สือโถวมองโจวเจว่ยสลับกับตงฉิน หลังจากวิเคราะห์ท่าทีของตงฉินตั้งแต่เช้าจนถึงเมื่อกี้ สถานะของอีกฝ่ายพุ่งแวบขึ้นมาในหัวโดยไม่ต้องมีใครกระซิบบอก
สามี!
ที่เเท้ก็เป็นสามีคนงามนี่เอง!!
“ไอ้หมอนี่เป็นใคร?”
สือโถวสะดุ้งเฮือก มาแล้วไง คำถามเปิดประเด็นหึงหวง หลังจากได้เห็นคนรักผู้งดงามของตนอยู่กับไอ้หนุ่มหน้าหนวดที่ไหนก็ไม่รู้ ในใจของผู้ชายคนนี้ต้องเกิดความโกรธแค้นขึ้นมา พอทะเลาะกันไปได้สักพักก็จะอุ้มคนตัวเล็กกว่าไปที่เตียง กระชากเสื้อผ้าออกจนหมด ใช้เชือกมัดปาก แล้วก็ ติ๊ด (เซนเซอร์) ติ๊ด (เซนเซอร์) ตามด้วย ตี๊ดดดดดด (เซนเซอร์)
“ทาสที่เจอตอนเช้าไง” โจวเจว่ยตอบ
“ทาส?” ดวงตาคมกริบหรี่ลงอย่างพิจารณา "ทำไมถึงมีทาสมาอยู่ที่นี่"
"เรื่องนี้" สือโถวรีบเก็บอาการ เขากระแอมเสียงเบา “ข้าเข้าไปช่วยคุณชายที่กำลังโดนไล่ทำร้าย พอเห็นว่าเขาอยู่คนเดียวอาจจะเป็นอันตรายเลยขออาสาอยู่เป็นเพื่อน” เจตนาโคตรจะบริสุทธิ์ไม่ได้คิดจะแอ้มคนรักของพี่ชายเลยสักนิด!
“อย่างเจ้านี่นะ? ช่วยคุณชาย?” ตงฉินมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา สือโถวชักไม่พอใจขึ้นมาบ้างเลยเเอบบ่นพึมพำในลำคอ “คิดว่าทาสต่ำต้อยอย่างข้าไม่อาจเอื้อมไปช่วยเจ้านายเจ้าได้อยู่ล่ะสิไอ้กร๊วก”
"เจ้าว่าอะไรนะ!"
"..." สัตว์ประเสริฐ เสือกได้ยินอีก!
“เอาน่าทั้งสองคน” โจวเจว่ยรีบเข้ามาแทรกกลาง “พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนะตงฉิน เขาเป็นคนส่วนน้อยที่สามารถรับดาบของเจ้าได้เชียวนะ”
ตงฉินชะงัก ใบหน้าคมคายมึนตึงถลึงตาใส่สือโถว
สือโถว "..." โดนเมียดุแล้วพาลนี่หว่า
“ตอนนี้ผู้ติดตามข้าก็มาแล้ว เราคงต้องแยกกันแล้วนะ” โจวเจว่ยหันมายิ้มสดใสให้คนที่อายุน้อยที่สุดในนี้ สือโถวหันหน้ากลับ ตอบรับคำของนายน้อยหุบเขาเหมยลี้เสียงเบา "ขอรับ"
"น่าเสียดาย ข้ายังไม่ทันได้ทำอาหารให้เจ้ากินเลย"
"ไม่เป็นไรขอรับ เรื่องกินไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด ขอแค่ท่านปลอดภัยก็พอแล้ว"
"หึ ช่างพูดจาน่ารักเสียจริง ทาสตัวน้อย" คนงามแจกรอยยิ้มหวานที่มาพร้อมกับรังสีฆ่าฟันของตงฉิน
"เอ่อ" สือโถวโอดครวญในใจ พี่ชายคนงาม ก่อนจะชมใครรบกวนหมุนคอไปดูคนด้านหลังด้วย สามีของท่านจ้องเหมือนจะฉีกเลือดเนื้อข้าออกมากินสดๆ แล้วนะ ได้โปรดโปรยเสน่ห์ให้น้อยลงหน่อย!
“หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้งนะสือโถว”
“ขอรับ”
แม้ปากจะตอบรับเเต่ในใจกลับกรีดร้องขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย หรือถ้าต้องกันอีกก็รบกวนอย่าหิ้วสามีกล้ามแน่นมาด้วยก็พอ!
โจวเจว่ยโบกมือลา ทันใดนั้นสายลมแรงก็พัดเข้ามาในห้องโถงจนต้องหลับตาปี๋ ครั้นลืมตาอีกครั้งคนทั้งสองก็หายไปเสียแล้ว
สือโถวตะลึง สักพักน้ำตาก็เอ่อคลอหน่วยตา
“คุณชาย...”
ท่านลืมไปหรือเปล่าว่าข้าเพิ่งมาที่ภูเขานี้ครั้งแรก
ข้าไม่รู้ทางกลับเข้าในเมืองนะ!!
..................................................
ความคิดเห็น