คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 8 : รู้จักกันมากขึ้น...อีกนิด
บทที่ 8 : รู้จักกันมากขึ้น...อีกนิด
“แกงส้ม...เสร็จแล้ว โอ๊ะ! กำลังอินกับจดหมายอยู่หรอ ขอโทษทีว่ะพี่เข้ามาผิดจังหวะ งั้นพี่กลับไปที่เดิมก่อนแล้วกันนะ” ป๊อกว่าพลางทำท่าจะหมุนตัวกลับเข้าไปที่เดิม
“ไม่ต้องหรอกพี่ป๊อก ไหน ๆ พี่ก็ออกมาขัดอารมณ์ผมไปแล้ว ขืนพี่กลับเข้าไป อารมณ์อินผมมันก็ไม่ได้กลับคืนมาหรอก เอาราเม็งของพี่หมีมากินดีกว่า ดูสิว่าจะอร่อยสู้กับไก่ตุ๋นยาจีนเมื่อวานได้หรือเปล่า...”
“อร่อยสู้ได้อยู่แล้วแก เพราะว่ามันอร่อยจริง ๆ” พูดจบ ป๊อกก็วางชามราเม็งตรงหน้าของแกงส้ม ชายหนุ่มตาลุกวาวขึ้นมาทันที
หน้าตาน่าทานมาก!
“งั้นกินเลยนะคร้าบบบบบบบ”
แล้วตะเกียบในมือของแกงส้มก็คีบไปที่เส้นราเม็งนุ่ม...ชายหนุ่มใช้เวลาในการเอร็ดอร่อยกับอาหารตรงหน้าพลางนึกไปถึงคนทำและข้อความในจดหมาย
อาหารที่ทำด้วยหัวใจ...อร่อย ‘สุดหัวใจ’ จริง ๆ
...
“โอ๊ยยยยยยยยย อิ่มท้องจะแตก นี่พี่หมีเค้าทำอาหารมาขุนผมหรือเปล่าเนี่ย ทำไมมันเยอะแยะได้โล่ขนาดนี้ แต่อร่อยเนอะ” แกงส้มว่าพลางนั่งเอนหลังเอามือลูบท้อง รอยยิ้มหวานแต่งแต้มบนใบหน้าเรียว เรียกดวงตาของป๊อกให้มองมาที่ชายหนุ่มก่อนที่เธอจะยิ้มหวานตามออกมา
“อื้อ...อร่อยจริง ๆ คุณหมีแกเป็นคนที่ใส่ใจในการทำอาหารมาก ๆ เลยนะ เพราะนอกจากหน้าตาจะน่าทานแล้ว รสชาติยังอร่อยเวอร์อีกต่างหาก”
ป๊อกไม่พูดเปล่า แต่เธอยังตาลอยนึกไปถึงรสชาติของราเม็งและซุปไก่ตุ๋นยาจีนที่ได้ลิ้มลองมา
“กินของคาวไปแล้ว สงสัยผมต้องไปหาของหวานมาตบกระเพาะตัวเองซะหน่อย” แกงส้มว่า พลางนั่งนึกว่าเขาจะกินของหวานอะไรต่อดี (ได้ข่าวว่าเมื่อกี้เพิ่งจะบ่นว่าอิ่มท้องจะแตก...)
“แหม ๆ ๆ ๆ ของหวานยังต้องกินอีกหรอจ๊ะ อ่านจดหมายก็อิ่มของหวานแล้วม้างงงงง” คนเป็นพี่เอ่ยแซว พลางเอานิ้วชี้ไปจิ้มที่แก้มใสซึ่งกำลังขึ้นสีแดงระเรื่อเนื่องจากถูกแซว
“พี่ป๊อกอ่ะ! อย่ามาแซวผมดิ ไม่มีอะไรซะหน่อย”
“หรอ ๆ ๆ ๆ ๆ ไม่มีอะไรแล้วทำไมต้องทำตาหวานตอนอ่านจดหมายด้วยล่ะ” ป๊อกว่าพลางมองหน้าแกงส้มอย่างรู้ทัน
“ใครทำตาหวาน ไม่มี๊!”
“เสียงสูงเลยนะยะ”
“ง่ะ...ผมไม่พูดกับพี่แล้ว ไปกินเค้กที่ร้านน้องนิวดีกว่า” พูดจบ แกงส้มก็หยิบกระเป๋าก่อนจะลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไปนอกร้าน
“เดี๋ยวแกงส้ม...” เสียงเรียกของป๊อก ทำให้คนที่กำลังจะเดินออกไป ต้องหมุนตัวกลับมา พลางยกคิ้วขึ้นหนึ่งข้างเป็นเชิงถาม
“คุณหมีเค้าฝากพี่ให้มากำชับเราว่า จดหมายเค้าน่ะเก็บให้มันดี ๆ หน่อย อย่าให้ไปเลอะหมึกเลอะน้ำฝนอะไรอีก...ที่สำคัญนะ...เค้ามารอแกนานมาก!” คำพูดประโยคสุดท้ายของคนเป็นพี่ ทำให้แกงส้มต้องเดินกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้ง
“จริงหรอพี่ป๊อก นานแค่ไหนครับ...?”
“ก็แค่ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ยัน 6 โมงเย็น...ก็แค่นั้นเอง” จบคำพูดของคนตรงหน้า แกงส้มก็แทบจะหงายหลังตกเก้าอี้
นี่พี่หมีรอเขานานขนาดนี้เลยหรอ...
มิน่าล่ะ...ถึงได้พูดว่าเกือบจะถอดใจไม่อยากมาเจอเขาแล้ว
เพราะความสะเพร่าไม่ระมัดระวังของเขาเชียวที่เกือบทำให้คน ๆ หนึ่งต้องสูญเสียความรู้สึกดี ๆ ไป
ผมขอโทษนะครับพี่หมี...คืนนี้ผมจะไถ่โทษพี่ด้วยการเขียนจดหมายตอบกลับแบบยาว (มากๆ) เลย เอาให้ยาวกว่าพี่สิบเท่า!
“เฮ้อ...ผมสะเพร่าเองแหล่ะพี่ แต่จะไม่มีครั้งต่อไปแล้วล่ะ งั้นผมไปก่อนนะ ไว้พรุ่งนี้เจอกันใหม่คร้าบ” คราวนี้คนพูดก็ได้ฤกษ์เดินออกไปจากร้านจริง ๆ ทิ้งให้ป๊อกต้องมองตามแล้วส่ายหัวเบา ๆ
“จะรอดไหมวะคู่นี้...”
กิ๊งก่อง~
“อ้าวแกงส้ม ทำไมมาเวลานี้ล่ะเนี่ย ?” จอยเอ่ยทักเด็กหนุ่มที่เพิ่งเปิดประตูเดินเข้าร้านมาด้วยความแปลกใจ
ก็ปกติแกงส้มจะมาที่ร้านเธอตอนสาย ๆ หลังจากที่เลิกงาน หรือไม่ก็มาอีกทีตอนเย็น ๆ ก่อนไปทำงาน แต่นี่มาซะบ่ายเชียว
“อ๋อ พอดีว่าพี่ที่ผมทำงานด้วย เค้าจะอยู่แบบยาว ๆ เลยน่ะครับ ผมก็เลยได้กลับ ผมเอาชาเขียวปั่นกับเค้กเลมอนชีสนะครับ”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘เค้กเลมอนชีส’ คิ้วของจอยก็ขมวดเข้าหากัน...
แกงส้มชอบกินเค้กเลมอนชีสเหมือนกับคุณผู้ชายหน้าคมคนนั้นเลย!
เมื่อสั่งของหวานเสร็จ แกงส้มก็เดินไปนั่งที่โต๊ะซึ่งอยู่ติดกับริมกระจก ภาพของรถที่วิ่งบนท้องถนน ทำให้ชายหนุ่มเลือกที่จะหลับตาลง
บางทีเขาก็อยากจะลืมตาขึ้นมา แล้วพบว่ามีคนที่เขารักแล้วเขาก็รักนั่งอยู่เบื้องหน้า...
แต่มันก็เป็นได้แค่ความคิดเท่านั้น เพราะเขายังไม่มีคนที่รักเขาแล้วเขาก็รัก...
“จะเอ๋!!!!”
เมื่อลืมตาขึ้นมา เขาก็พบกับใบหน้ากลมป้อมแก้มป่องของน้องนิว ซึ่งเป็นลูกสาวของพี่นุช เจ้าของร้านอีกคน
“น้องนิว!”
“ใช่ค่ะพี่หน้าหวาน น้องนิวเองค่า~”
“น้องนิว มาซนกับลูกค้าของน้าอีกแล้วนะ ไปเล่นหลังร้านไป...” จอยว่า ก่อนจะเอาจานเค้กและแก้วเครื่องดื่มวางเบื้องหน้าคนที่เป็นลูกค้าอย่างแกงส้ม
“ขอบคุณครับพี่จอย”
“ว้าว! ทานเค้กเลมอนชีสเหมือนกันอีกแล้วววววว เนื้อคู่กันจริง ๆ ด้วย!” เสียงร้องที่มาพร้อมกับใบหน้าที่เปล่งประกาย ทำให้คิ้วสวยของคนมองขมวดเข้ากัน
น้องนิวพูดถึงเนื้อคู่อีกแล้ว...
“น้องนิวครับ ตกลงว่าเนื้อคู่ของพี่แกงชอบกินเค้กเลมอนชีสหรอครับ”
“ใช่ค่ะ...ชอบกินเค้กเลมอนชีส แล้วก็ชอบทำหน้าแบบนี้เวลาที่น้องนิวพูดถึงเรื่องเนื้อคู่ด้วย” น้องนิวไม่พูดเปล่า แต่ยังทำหน้าล้อเลียนแกงส้มอีกต่างหาก ชายหนุ่มหัวเราะออกมาทันที ก่อนจะเอามือไปโคลงหัวทุยนั่นเบา ๆ หนึ่งทีอย่างนึกเอ็นดู
“แล้วเค้าชื่ออะไร เป็นใครครับ เผื่อพี่จะได้ไปทักทายเค้าเพื่อทำความรู้จัก”
“โห...ถามคำถามน้องนิวแบบเดียวกันเป๊ะเลยด้วย!”
“แล้วคำตอบมันคืออะไรล่ะครับ...”
“อา...น้องนิวไม่รู้จักชื่อพี่เค้าหรอกค่ะ น้องนิวชอบเรียกเค้าว่าพี่ชาย แต่น้องนิวไม่เคยถามชื่อพี่เค้าเลยค่า~~...” พูดจบ เด็กน้อยก็ยิ้มหวานทำหน้าบ๊องแบ๊วใส่คนถาม
“ถ้าอย่างนั้นคราวหน้าน้องนิวต้องถามชื่อพี่เค้ามานะครับ เผื่อพี่จะได้ไปทำความรู้จักกับเค้าบ้าง ไหน ๆ ก็เป็นเนื้อคู่กันแล้วทั้งที ก็ขอให้ได้ทำความรู้จักกันสักหน่อยเถอะ” แกงส้มว่าพลางเริ่มจินตนาการไปถึงคนที่น้องนิวบอกว่าเป็นเนื้อคู่เขา
อืม...จะหน้าตาเป็นยังไงนะ...
เขาขอคนที่หน้าตาดี ๆ ขาว ๆ แล้วก็ทำอาหารเก่ง ๆ ก็แล้วกัน...
ส่วนเรื่องนิสัยนี่...ขอแบบเป็นคนดี นิสัยดี รักครอบครัว ดูแลเอาใจใส่กัน และเข้าใจในตัวเขา รับทุกสิ่งที่เป็นเขาได้ แค่นี้ก็พอแล้ว...
...ว่าแต่จะมีคนแบบนี้ไหมนะ...
“พี่หน้าหวานเคยเจอเค้าแล้วนะคะ...บ่อยด้วย”
“ฮะ ? พี่เนี่ยนะครับ”
“ก็ใช่น่ะสิค้า~~”
“ที่ไหน ยังไงครับเนี่ย ?”
“ถ้าบอกแล้วจะสนุกหรอคะ...น้องนิวหิวหนมแล้วอ่า...ขอตัวไปกินหนมก่อนนะคะ พี่ชายขา...ขอจุ๊บแก้มทีนึงสิค้า~~” คำขอที่มาพร้อมกับริมฝีปากที่กำลังทำปากจู๋ ทำให้แกงส้มต้องเอียงแก้มไปหา
จุ๊บ~
“น้องนิวจุ๊บพี่หวานไปแล้ว พี่หวานก็ต้องจุ๊บคืนน้องนิวสิคะ...”
เมื่อได้ยินเด็กน้อยพูดแบบนั้น แกงส้มก็ไม่รอช้า รีบก้มหน้าลงไปจุ๊บที่แก้มใสของเด็กน้อยเบา ๆ หนึ่งที จากนั้นร่างกลมป้อมก็กระโดดลงไปจากเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับเขา ก่อนจะวิ่งหายเข้าไปที่ประตูซึ่งอยู่ข้างเคาน์เตอร์ทันที
ทิ้งให้แกงส้มองตามพลางขมวดคิ้วครุ่นคิดถึงสิ่งที่เด็กน้อยพูด...
เขากับเนื้อคู่เคยเจอกันแล้ว...บ่อยด้วย...ที่ไหนหว่า!?!
ช่วงนี้ชีวิตเขาก็พัวพันอยู่กับคนไม่กี่คนเองนะ...หรือว่าจะเป็น...
‘พี่หมี’...ไม่น่าจะใช่ เพราะว่าพี่หมีกับเรายังไม่เคยเจอกัน...
หรือว่าจะเป็น...’พี่ชายใจดีคนนั้น’...
บ้าน่า! เพ้อเจ้อไอ้แกง!
แกงส้มคิดในใจ ก่อนจะตักเค้กเข้าปาก ความนุ่มละมุนของเนื้อเค้กทำให้อารมณ์ของคนกินยิ่งอินและมีความสุข ถ้าตอนนี้เขาได้นั่งกินเค้กกับคนรัก...มันก็คงจะดีไม่ใช่น้อย
เฮ้อ...อยากมีคนรัก คนมีรักมันแบบไหน...คนอย่างฉันนั้นมันไม่เคยเข้าใจ!
ตุบ!
แกงส้มทิ้งตัวลงไปบนเตียงนอน พลางแหงนหน้ามองรูปแผนที่ดาว ที่เขาแปะไว้บนเพดาน ดวงตากลมมองรูปดวงดาวเหล่านั้น ก่อนจะถอนหายใจออกมา ไอโฟนที่เงียบสนิทไม่มีสรรพเสียงใดดังขึ้น ทำให้แกงส้มยิ่งรู้สึกหม่นหมอง...
ความเหงาค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาในหัวใจ ชายหนุ่มพลิกตัวนอนตะแคง เหม่อมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ตึกสูงหลายตึกที่อยู่ใกล้กันจะรู้สึกเหงาเหมือนเขาตอนนี้บ้างไหมนะ...
ตึกจะเหงาได้ยังไง ตึกไม่มีหัวใจซะหน่อย...แต่คนมีหัวใจอย่างเขานี่สิ...’โคตรเหงา’ เลย!
“เขียนจดหมายหาพี่หมีดีกว่า...อ่า...ฮ้าวววววว” แต่ยังไม่ทันที่คนเหงาจะได้ลงมือเขียนจดหมายตามที่ใจปรารถนา ชายหนุ่มก็หาวออกมาเสียก่อน ความง่วงงุนทำให้แกงส้มเลือกที่จะหยิบตุ๊กตาสนูปปี้ตัวใหญ่มาหนุนหัว แล้วหลับตาลง
“...ขอนอนพักสายตาสัก 15 นาทีนะพี่หมี แล้วเดี๋ยวผมจะตื่นมาเขียนจดหมายหาพี่นะครับ...”
แล้วคนที่บอกว่าขอหลับพักสายตา 15 นาที ก็เผลอนอนหลับยาวจนตะวันเริ่มลับขอบฟ้า แกงส้มก็ได้ฤกษ์ตื่นขึ้นมาบิดขี้เกียจแล้วดูนาฬิกา
“เฮ้ยยยยยยยยยย หกโมงเย็นเลยหรอวะเนี่ย เวร! นึกว่าหลับไปแป๊บเดียวซะอีก มิน่าล่ะ...ท้องร้องเพราะหิวเลย ฮ้า...ออกไปหาอะไรกินดีกว่า แล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาเขียนจดหมายหาพี่หมี”
ตกลงกับตัวเองเสร็จสรรพ แกงส้มก็ลุกออกไปจากเตียง เข้าไปในห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเรียกความสดชื่น ก่อนที่เขาเดินออกไปจากห้องของตัวเอง
แกร๊ก!
แกงส้มกำลังจะปิดล็อกประตู เสียงล็อกประตูของห้องตรงข้ามก็เรียกดวงตาของชายหนุ่มให้หันไปมอง หญิงสาวในชุดนักศึกษาสามคนเองก็หันหน้ามามองเขาพอดี
“อ้าว...มาอยู่ใหม่หรอคะ” เสียงทักของคนที่อยู่ในแว่นตากรอบสีเหลือง เรียกขาของแกงส้มให้ก้าวเข้าไปหาคนทัก
“ใช่ครับ”
“ฟลุ๊คนะคะ อยู่ห้อง 825 ค่ะ อยู่กับปันปัน...” ฟลุ๊คชี้มือไปที่ผู้หญิงอีกคนที่ยืนส่งยิ้มอยู่ก่อนแล้ว
“ส่วนคนนี้พี่หมิวค่ะ อยู่ห้อง 827 กับพี่จ๋าแล้วก็พี่ฮั่น”
แกงส้มสะดุดกับชื่อ ‘จ๋า’ กับ ‘ฮั่น’ เป็นอย่างมาก...
ชื่อแรกเหมือนกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยมาทักเขาเมื่อวันก่อนบอกว่าเป็นแฟนคลับของเขา ส่วนคนหลังเหมือนชื่อของคน ๆ หนึ่งที่เขาเคยได้ยินใครสักคนพูดถึงบ่อย ๆ
“พี่จ๋ากับพี่ฮั่น...?”
“ค่ะ...พี่จ๋าเป็นพี่สาวของหมิว ส่วนพี่ฮั่นเป็นเพื่อนสนิทของพี่จ๋าค่ะ แล้วคุณชื่ออะไรคะ...?”
“แกงส้มครับ...ผมชื่อแกงส้ม...”
“ฮะ!?! ชื่อแกงส้มหรอ!?!” หมิวอุทานออกมาเสียงดังทันที ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปมองหน้าแกงส้มใกล้ ๆ หญิงสาวไม่มองเปล่า แต่เธอยังเอามือไปจับคางของชายหนุ่มหันไปหันมาอีกด้วย
“คนนี้เนี่ยนะ ที่ยัยป้าจ๋าคลั่งไคล้นักคลั่งไคล้หนา...”
“อ่า...ก็ถ้าแกงส้มทำงานเป็นดีเจ ก็คงจะคนเดียวกันนะพี่หมิว” ปันปันว่า พลางมองหน้าแกงส้มแล้วอมยิ้มนิด ๆ
ถ้าใช่...พี่จ๋ารู้คงกรี๊ดแตก!
“ครับ...ผมทำงานเป็นดีเจ”
จบคำพูดของแกงส้ม สามสาวก็หันมามองหน้ากันทันที
งานนี้โลกกลมของแท้เลยเว้ย!
“ถ้าอย่างนั้น...แกงส้มก็ต้องระวังตัวนะ กลางคืนก็ล็อกห้องดี ๆ ล่ะ อย่าหาว่าหมิวไม่เตือน”
“ใช่ ๆ ๆ ถ้าแกงส้มยังอยากจะมีชีวิตที่สงบสุขก็อย่าโผล่หน้ามาให้พี่จ๋าเจอบ่อย ๆ ล่ะ”
“ถูกต้องที่สุด...พี่จ๋าไม่ใช่แค่ชอบแกงส้มนะ แต่ ’คลั่ง’ เลยล่ะ” เมื่อปันปันพูดประโยคสุดท้ายจบลง สามสาวก็ขอตัวเดินไปก่อน ทิ้งให้คนที่ได้รับคำเตือนมาหมาด ๆ ต้องหันไปมองห้อง 827 ที่อยู่ตรงข้ามเขาทันที
เอ่อ...คำเตือนพวกนี้...น่ากลัวจังแฮะ!
เขาจะล็อกห้องอย่างดี จะไม่โผล่หน้าไปให้คนที่ชื่อจ๋าเจอบ่อย ๆ...โอ๊ย...ไปหาข้าวกินดีกว่า ยิ่งพูดถึงแล้วยิ่งเครียด
ว่าแต่...ชื่อ ‘ฮั่น’ ทำไมมันฟังคุ้นหูจังวะ...!
ร่างโปร่งที่เดินทอดน่องปล่อยอารมณ์ไปตามทางเดินบนฟุตบาธ กำลังครุ่นคิดถึงสิ่งที่ตกค้างอยู่ในใจ สายลมทีพัดเอื่อย ๆ ทำให้แกงส้มรู้สึกเย็นสบาย
“ฮ้า...เย็นนี้กินอะไรดีน้า...”
ปิ๊น!
เสียงแตรรถที่บีบด้านหลัง ทำให้คนที่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ต้องสะดุ้งจนสุดตัว ชายหนุ่มหันไปมองรถที่บีบแตรใส่เขาทันที แต่ยังไม่ทันที่เขาจะอ้าปากด่า แกงส้มก็รีบหมุนตัวกลับแล้วออกวิ่ง
“ไอ้แกงส้มมมมมมมม ถ้าแกไม่หยุดวิ่งนะ ฉันจะฟ้องพ่อแก ว่าแกแอบมาอยู่คนเดียวโดยที่ไม่ยอมไปอยู่กับฉัน!” เสียงตะโกนของคนที่อยู่ในรถทำให้คนวิ่งจำต้องชะลอฝีเท้า จนในที่สุดฝีเท้านั้นก็หยุดลง
ป้าบ!
แรงตบบริเวณด้านหลัง ทำให้แกงส้มหน้าเบ้ขึ้นมา
“เจ็บนะอาคิม ตีผมทำไมเนี่ย”
“ตีผมทำไมหรอ...กล้าถามนะยะ ก็แกวิ่งหนีฉันทำไมล่ะ” คิมว่า พลางส่งสายตาเขียวปั้ดไปให้คนเป็นหลาน
“ก็....”
“ไม่ต้องพูดมาก ยังไงวันนี้แกก็ต้องไปที่ร้านกับฉัน”
“แต่ผม...”
“หรือจะให้ฉันบอกพ่อแกเรื่องที่แกมาอยู่คนเดียว”
“ง่ะ! อาคิมอ่ะ ชอบเอาเรื่องนี้มาขู่ผมอยู่เรื่อยเลย” แกงส้มบ่นพลางทำปากจู๋ใส่คนเป็นอา
“ก็ถ้าไม่ขู่ แล้วแกจะฟังฉันไหม ยังไงร้านนั้นมันก็เป็นของแกครึ่งหนึ่งนะ หัดไปดูแลบ้าง ไป ๆ ๆ ขึ้นรถเดี๋ยวนี้!” สั่งจบ คิมก็ล็อกคอคนเป็นหลานลากไปขึ้นรถทันที
ถ้าไม่ติดว่าอาคิมเป็นผู้กุมความลับเรื่องที่เขาอยู่คอนโดคนเดียวแทนที่จะไปอยู่กับครอบครัวของอาคิมนะ...เขาจะไม่ยอมทำตามที่อาสั่งเลยจริง ๆ
ฮึ่ย! ผู้หญิงเผด็จการ!!!!!
หอมจัง~
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในร้าน กลิ่นของอาหารที่ลอยออกมา ก็ทำให้แกงส้มต้องยกมือขึ้นมาลูบท้องของตัวเอง เขาชอบร้านอาหารของอาคิมก็ตรงที่อาคิมจะปล่อยให้กลิ่นของอาหารลอยเข้ามาภายในตัวร้านบ้างประปรายนี่แหล่ะ คือบางร้านอาจจะไม่ชอบที่จะมีกลิ่นของอาหารเข้ามาภายในตัวร้าน แต่เขาว่ามันก็ดีออกนะที่กลิ่นอาหารได้มีโอกาสออกมา...เพราะนั่นมันทำให้เรารู้สึกได้ว่า...
นี่แหล่ะคือ ‘ร้านอาหาร’ จริง ๆ
“อาจะให้ผมทำอะไรอ่ะ”
“ตอนนี้ลูกค้ายังไม่เยอะมาก ตามอาเข้าไปในครัว”
“ครับ ๆ”
แกงส้มรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะก้าวเท้าตามคนเป็นอาเข้าไปยังภายในห้องครัว ร่างสูงสมส่วนของผู้ชายที่อยู่ในชุดสีขาวสะอาดตา ทำให้แกงส้มต้องยกมือขึ้นมาขยี้ลูกตาตัวเอง
ทำไมเหมือนกันจังวะ...
อย่าบอกนะว่า...คน ๆ เดียวกันน่ะ!
“เสร็จแล้ว สปาเก็ตตี้ครีมซอสกุ้งเผา...” คำพูดที่มาพร้อมกับอาหารจานโตหน้าตาน่ารับประทาน เรียกน้ำย่อยในกระเพาะของแกงส้มให้ทำงานอย่างหนัก
“อ้าวคิม...เข้ามาในครัวทำไมครับ แล้วนั่น...เฮ้ย! ไอ้ตัวแสบนี่” แล้วสรรพนามที่ฮั่นเรียกแกงส้มก็ทำให้คิมขมวดคิ้วมุ่น
ไปรู้จักกันตอนไหน...ไม่เห็นรู้เรื่องเลย!
“ใช่พี่จริง ๆ ด้วย อย่าบอกนะว่าพี่ทำงานเป็นเชฟที่ร้านอาคิม...”
“ก็ใช่น่ะสิ อาคิมอย่างนั้นหรอ...?”
“อย่าบอกนะว่า”
“อย่าบอกนะว่า”
“พี่คือเชฟฮั่นนี่ที่อาคิมพูดถึงในโทรศัพท์บ่อย ๆ”
“เราคือหลานแกงที่คิมพูดให้ฟังบ่อย ๆ”
คำพูดที่ออกมาจากปากพร้อมกันของคนสองคนยิ่งเพิ่มแรงขมวดของคิ้วให้มากยิ่งขึ้น
มันจะใจตรงกันบ่อยไปไหม...ฮึ่ม!
“เอางี้นะ เดี๋ยวคิมจะเฉลยให้ฟังเอง...แกง...นี่คือเชฟฮั่นนี่ว่าที่ ‘สามีในอนาคต’ ของอา ส่วนฮั่นนี่ที่รัก...คนนี้คือหลานแกงส้ม ‘หลานชายสุดที่รัก’ ของคิมเอง”
เมื่อคิมพูดจบ แกงส้มกับฮั่นก็ส่งยิ้มให้กัน
ในที่สุดคนทั้งคู่ก็รู้จักชื่อของกันและกันแล้ว...อย่างน้อย...ก็เป็นการรู้จักที่พัฒนาขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง...
“ไอ้ฮั่นนนนนนน แซลมอนอบชีสเห็ดที่หนึ่งโว้ย เฮ้ย! มายืนเกะกะขวางทางอะไรเนี่ยคุณคิม...” คนที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่ โวยวายใส่คนที่ยืนขวางทางทันที แต่แล้วเมื่อเธอเห็นว่าใครยืนอยู่ข้าง ๆ คิม จ๋าก็ตาลุกวาวแทบจะกระโดดเข้าไปกอดคน ๆ นั้น
“น้องแกงส้มมมมมมมม เฮ้ย! เป็นไงมาไงเนี่ย อย่าบอกนะว่ามาหาพี่จ๋าอ่ะ...อ๊ายยยยยยย”
ป๊อก!
มะกอกที่ถูกดีดเข้ากลางหน้าผาก ทำให้คนที่กำลังจะมโนฝันหวาน เป็นอันต้องพับโครงการนั้นทันที
“อย่ามาเกาะแกะหลานชายฉันนะ”
“ฮะ...แกงส้มน่ะหรอหลานชายคุณคิม คุณพระ! ทำไมช่างต่างกันราวฟ้ากับเหวเยี่ยงนี้”
“อ๊าย!!!! ยัยจ๋า เดี๋ยวหล่อนจะโดนนะยะ”
“ก็มันจริงนี่นา...”
“ไปทำงานของหล่อนเลยไป”
“ไม่ไป...จ๋าจะอยู่กับน้องแกง น้องแกงจ๋า...ขอเจ้กอดที่นึงได้ไหมอ่ะ เจ้คิดถึงน้องแกง มามะ ๆ...” จ๋าไม่พูดเปล่า แต่ยังเดินเข้าไปหาแกงส้มจริง ๆ อย่างที่พูดด้วย อากัปกิริยานี้ของหญิงสาว ทำให้คนที่ยืนมองอยู่ไกล ๆ อดไม่ได้ที่จะหยิบเห็ดโคนที่อยู่ในตะกร้าขว้างไปเต็ม ๆ หน้าเธอ
“อย่ามาทำหื่นแถวนี้ไอ้จ๋า เมื่อกี้แกบอกว่าแซลมอนอบชีสเห็ดใช่ไหม...รอแป๊บนะ” แล้วคนพูดก็ส่งยิ้มหวานให้กับคนมองอย่างแกงส้มหนึ่งที ก่อนจะหันกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
แผ่นหลังกว้างที่ขะมักเขม้นกับการทำอาหาร ทำให้แกงส้มอดไม่ได้ที่จะยืนมองอย่าง ‘หลงใหล’
เขาชอบคนทำกับข้าวเก่ง ๆ เพราะครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวที่ทำอาหารกันอยู่แล้ว เขาจึงซึมซับกับบรรยากาศในห้องครัวแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก
เขาจึงฝังใจและคิดมาเสมอว่า...คนที่จะมาเป็นคนรักของเขา จะต้อง ‘ทำอาหารเก่ง’...
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า...เขาจะให้พี่เชฟฮั่นคนนี้มาเป็นคนรักของเขานะ...เขาแค่พูดลอย ๆ เฉย ๆ
(แล้วเขาจะแก้ตัวทำไมล่ะเนี่ย!?!)
“อะแฮ่ม ๆ มองนานไปแล้วไอ้แกง มานี่เลย...แกมาทำงานของแกเลย”
“ฮะ...? งานอะไรของอาอ่ะ”
“นั่นสิ...คุณคิมจะใช้ให้แกงส้มของจ๋าทำงานอะไร”
แล้วคำตอบของคำถามก็ปรากฏเป็นจานชามกองโตที่กองอยู่ในอ่าง
“อย่าบอกนะว่าอาจะให้ผมล้างจานทั้งหมดนี่?”
“อุ๊ย! มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว โทษฐานที่แกบ่ายเบี่ยงไม่ยอมเข้ามาที่ร้านตลอดเกือบเดือนที่ผ่านมา เพราะฉะนั้น...วันนี้แกทำงานล้างจานชดเชยความผิด!” จบคำพูดของคิม แกงส้มก็เหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางศีรษะ
ล้างจานให้หมดนี่...ตายพอดี!
“อาคิม! แต่มันเยอะมากเลยนะ”
“แล้วไง?...ยัยจ๋าไม่ต้องพูด ไปทำงานของเธอซะ ฉันกำลังสอนหลานฉันอยู่” เจอคำพูดดักทางเข้าไป จ๋าก็พูดอะไรไม่ออก
แม้จะสงสารเด็กหนุ่มผู้เป็นที่รักอย่างแกงส้มจับใจ แต่เธอก็รู้ดีว่า...เวลาที่คุณคิมเอาจริงมันน่ากลัวแค่ไหน...!
“แกงส้มที่รักของเจ้...เจ้คงช่วยอะไรเราไม่ได้จริง ๆ เอาเป็นว่าเจ้ส่งกำลังใจไปให้เราแบบรัว ๆ ก็แล้วกันนะ เดี๋ยวเลิกงานแล้วเจ้จะมาบีบนวดให้ แต่ตอนนี้เจ้คงต้องไปทำงานของเจ้แล้วล่ะ บายนะจ๊ะ...มาให้เจ้จุ๊บเหม่งให้กำลังใจทีนึง โอ๊ย!”
ยังไม่ทันที่จ๋าจะได้ทำอย่างที่พูด ต้นหอมญี่ปุ่นต้นใหญ่ก็ลอยมาจากมือของฮั่นปักลงไปตรง ๆ กลางศีรษะของคนพูด
“เยอะไปแล้วไอ้จ๋า!!!!”
“ฮึ่ย! คนที่เยอะมันแกโว้ยไอ้ฮั่น นี่แกหวงฉันหรือว่าหวงน้องแกงวะ!!!!!”
พูดจบ จ๋าก็สะบัดหน้าออกไปจากห้องครัว ทิ้งให้คำพูดของเธอทำให้คนสองคนต้องหันมาสบตากัน ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างเบือนหน้าหนีกันไปคนละทาง
โดยเฉพาะกับคนที่กำลังปรุงอาหาร...
เมื่อกี้นี้...เขาไม่ได้หวงเพื่อนสนิทของเขาสักนิด แต่เขา ‘หวง’ อีกคนหนึ่งต่างหาก
เขารู้ตัวเลยว่าเขาหวง...แต่ไม่รู้ว่าหวงทำไม...ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
ส่วนคนที่ถูกหวงเอง...ก็รู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังเต้นผิดจังหวะ...
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าสายตานั้นของพี่ฮั่นมันหมายความว่ายังไง...แต่ที่เขาไม่เข้าใจคือ...
พี่ฮั่นหวงเขาในฐานะอะไร...แล้วทำไมต้องหวงเขาด้วย...
“เอ้า ๆ ๆ ไอ้แกงไปล้างจานได้แล้ว เดี๋ยวไม่เสร็จ ส่วนฮั่นนี่...ให้เค้าช่วยซับเหงื่อให้ตัวไหม โอ๊ย...ไอ้แกง แกมาขัดขาอาทำไมเนี่ย!?!”
คนที่โดนหลานชายขัดขารีบหันมาโวยวายใส่คนขัดขาทันที
“ผมเปล่านะอา แต่อาสะดุดความหื่นของตัวเองเองหรือเปล่า...” พูดจบ แกงส้มก็ทำตาแป๋วใสซื่อไปให้คนเป็นอา แน่นอนว่าคิมกำลังเคือง แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้
หนอยไอ้หลานตัวแสบ! ฝากไว้ก่อนเถอะย่ะ!
แล้วคิมก็สะบัดหน้าเดินออกไปจากห้องครัว ทิ้งให้คนสองคนยืนอยู่ในห้องครัวกันตามลำพัง สายตาของคนทั้งคู่ที่ลอบมองกันไปมองกันมา หาได้รอดพ้นสายตาของเอม ที่ซึ่งยืนหลบมุมมองอยู่ไม่...
เธออยากจะเดินเข้าไปตอนนี้ แล้วแสดงให้ทั้งสองคนรู้ว่า ในห้องครัวแห่งนี้ยังมีเธออีกคนหนึ่ง...แต่สายใยความผูกพันบางอย่างที่กำลังโอบล้อมคนทั้งคู่ ทำให้เอมยอมยืนมองอยู่ตรงนี้...
บางครั้งไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใด ๆ แค่เพียงมองสายตาและการกระทำ...ทุกสิ่งอย่างมันก็สะท้อนออกมาให้เห็นได้เอง...
เพราะ ‘ความชัดเจน’ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปของ ‘คำพูด’ เพียงอย่างเดียวเสมอไป...มันอาจจะอยู่ที่ ‘สายตา’ หรือว่า ‘การกระทำ’ ก็ได้...
และความชัดเจนของคนสองคนที่อยู่ในห้องครัว ก็ทำให้เธอเลือกที่ยืนแอบมอง...
“โอยยยยยยยยย เหนื่อยชะมัด เมื่อยด้วย...” แกงส้มบ่นออกมาทันทีที่จานใบสุดท้ายถูกเขาเช็ดเสร็จ
วาบ!
ขวดน้ำเย็นที่วางแนบกับแก้มขาว ก็ทำให้แกงส้มสะดุ้งรีบหันไปมองเจ้าของขวดน้ำทันที แล้วเขาก็พบกับใบหน้าคมที่กำลังยืนส่งยิ้มหวานมาให้
“กินซะสิ แล้วก็ไปล้างหน้าหน้าล้างตาซะ เดี๋ยวพี่ทำอาหารให้กิน”
“จริงหรอครับ ? แล้วลูกค้าหมดแล้วหรอฮะ”
“อื้ม...หมดแล้ว ว่าแต่เราอยากกินอะไรล่ะ ?”
“ณ ตอนนี้...ผมกินได้หมดแหล่ะครับ หิวจนแสบกระเพาะไปหมดแล้ว” พูดจบ แกงส้มก็เปิดขวดน้ำแล้วดื่มเข้าไปรวดเดียวครึ่งขวด
“ถ้างั้นเดี๋ยวพี่ทำสปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเลให้กินแล้วกัน”
“ครับ...” รับคำเสร็จ แกงส้มก็เดินไปที่ห้องน้ำ โดยมีสายตาของฮั่นมองตามไป
“พี่จะทำให้เราติดใจเลยแกงส้ม...”
“โห!!!!! น่ากินมากอ่ะพี่ฮั่น พี่นี่สุดยอดไปเลย มิน่าล่ะ...อาคิมถึงไม่ยอมให้พี่ไปไหน เพราะว่าพี่ทำอาหารได้หน้าตาโคตรน่ากินแบบนี้นี่เอง” แกงส้มพูดพลางทำท่าดีใจโอเวอร์ เรียกมือหนาของฮั่นให้ผลักไปที่หน้าผากคนพูดเบา ๆ
“ยังไม่ทันจะกิน ก็พูดซะโอเวอร์แล้วนะเรา”
“ก็มันจริงนี่ครับ...” พูดจบ แกงส้มก็ใช้ส้อมม้วนเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปาก แล้วตามด้วยปลาหมึกชิ้นโต คราวนี้คนกินก็ทำตาโตตามชิ้นปลาหมึก
“อื้อหือ...มันอร่อยเหาะเลยอ่ะพี่ฮั่น พี่นี่โคตรเก่งเลยว่ะ! รสชาติสุโค่ยมากกกกกกกกก ผมกดไลค์แบบรัว ๆ เลย” แกงส้มไม่พูดเปล่า แต่เขายังยกนิ้วโป้งขึ้นมาสองนิ้วแล้วทำท่ากดแบบรัวเป็นปืนกลประกอบคำพูดของตัวเองด้วย เรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม
“ถ้าอร่อยก็กินให้หมด กินช้า ๆ ด้วย อย่ารีบกิน เดี๋ยวติดคอ...พี่ไปเปลี่ยนชุดก่อน แล้วเรากลับห้องพร้อมกัน”
“ครับ ๆ” แกงส้มรับคำสั้น ๆ พลางเงยหน้าไปส่งยิ้มให้คนพูด ก่อนที่เขาจะก้มหน้าก้มตาสนใจอาหารในจานต่อ
เมื่อฮั่นเปลี่ยนชุดเสร็จ แกงส้มก็ล้างจาน(ที่กินเอง)เสร็จพอดี
“โอ้โห! นี่กินหรือว่ายัดเนี่ยฮะ ทำไมมันเร็วแบบนี้”
“กินสิครับ พี่ก็...” แกงส้มว่าพลางย่นจมูกใส่คนที่มองเขาแล้วอมยิ้ม
“น้องแกงจ๋า....กลับห้องกันเถอะจ้ะ” เสียงเรียกที่มาพร้อมกับร่างสูง ทำให้ฮั่นต้องเขยิบไปยืนแทรกกลางระหว่างคนเรียกและคนที่ยืนทำหน้าหวาน
“ไอ้ฮั่นนนนนน แกจะมายืนแทรกกลางทำไมวะ ไม่ยืนที่อื่นไป๊!”
“ไม่ไป...ฉันจะยืนตรงนี้”
“ไอ้ฮั่น!”
“พอ ๆ ๆ ไม่ต้องเถียงกันครับ ผมว่า...เรารีบกลับกันเถอะครับ ผมง่วงจะแย่แล้ว” เมื่อแกงส้มพูดจบ เขาก็เดินออกไปจากห้องครัวทันที ทิ้งให้ฮั่นกับจ๋าหันมาแลบลิ้นใส่กัน ก่อนที่จะเดินตามแกงส้มออกไปอย่างรวดเร็ว
“ไปขึ้นรถ...เดี๋ยวคิมไปส่ง” เมื่อเดินออกมาถึงหน้าร้าน คิมซึ่งนั่งอยู่ในรถเก๋งสีขาวก็ตะโกนเรียกคนทั้งสามให้ขึ้นรถของเธอ แต่...
“ไม่เป็นไรอาคิม ผมอยากไปเดินเล่นก่อน อาไม่ต้องไปส่งผมหรอก”
“ไปเดินเล่นตอนเที่ยงคืนเนี่ยนะ แกจะบ้าหรอไอ้แกง!!!!!” คิมตะโกนออกมา ก่อนจะต้องแทบหงายหลังเงิบเมื่อได้ยินคำพูดประโยคต่อมาของฮั่น
“ผมก็จะไปเดินเล่นเหมือนกันครับ คิมไม่ต้องไปส่งผมหรอกครับ”
“เอ่อ...แต่จ๋าคงไม่เดินอ่ะ เมื่อยมากวันนี้ น้องแกง...แล้วเจอกันที่ห้องนะจ๊ะ จุ๊บ ๆ”
จ๋านั้น...ใจจริงอยากจะไปเดินกับแกงส้มและฮั่นใจแทบขาด แต่เธอมีแผนอะไรบางอย่างที่อยากจะปรึกษากับคิม เพราะฉะนั้น...เธอจึงต้องจำยอมให้คนสองคนเขาไปเดินเล่นด้วยกัน
“ถ้างั้น...กลับบ้านกันดี ๆ นะทั้งสองคน...ฮั่นนี่จ๋า...พรุ่งนี้เจอกันนะจ๊ะ ส่วนแกนะแกง...กรุณามาที่ร้านบ่อย ๆ ด้วย ไม่งั้นแกจะโดนหนักกว่าวันนี้แน่ ไปและ!”
แล้วคิมก็ออกรถไปโดยที่มีจ๋านั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ เมื่ออยู่กันตามลำพัง ฮั่นก็ยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอย ก่อนจะรู้สึกเก้อ ๆ เขิน ๆ
เขินทำไมวะไอ้ฮั่น ทำอย่างกับมึงไม่เคยอยู่กับน้องเขาสองต่อสองอย่างนั้นแหล่ะ!
ส่วนแกงส้มเอง เขาก็ไม่รู้ว่าจะเอ่ยพูดประโยคอะไรขึ้นมา เพราะอยู่ ๆ เขาก็รู้สึกเขินขึ้นมากะทันหัน
โอ๊ยไอ้แกงส้ม! แกเขินอะไรของแกวะ...ก็แค่ยืนอยู่กับพี่เขาแค่สองคน ที่หน้าร้านอาหารอิตาเลี่ยน มีแสงไฟจากหน้าร้านเป็นเพื่อนยืนด้วย ก็แค่นั้นเอง!
“เอ่อ”
“เอ่อ”
“แกงพูดก่อนสิ”
“พี่พูดก่อนสิครับ”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” แล้วคนทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน เมื่อเขาสองคนเผลอใจตรงกัน (อีกแล้ว) จากนั้นแกงส้มก็เป็นฝ่ายเดินนำฮั่นลงไปตามขั้นบันได โดยที่พอเขาเดินมาถึงขั้นสุดท้าย เขาก็เกิดขาอ่อนขึ้นมากะทันหัน ขาพันกันเอง จนหน้าทิ่มลงไปตามแรงโน้มถ่วงโลก
หน้ากระแทกพื้นแน่เลยไอ้แกง!
แต่...หน้าของแกงส้มไม่ได้กระแทกพื้นอย่างที่เจ้าตัวคิด เพราะคนที่เดินตามมาด้านหลังคว้าเอวของคนที่เดินนำหน้าไว้ได้ทัน จากนั้นฮั่นก็ออกแรงดึงให้ร่างตรงหน้ากลับมายืนตัวตรงบนขั้นบันไดได้อีกครั้ง
“เดินระวัง ๆ หน่อยสิแกง...”
“แหะ ๆ ขอโทษครับ” พูดจบ แกงส้มก็ค่อย ๆ เขยิบตัวเองออกจากการเกาะเกี่ยวของฮั่น
จากนั้นร่างของคนทั้งคู่ ก็เดินคู่กันออกไปจากร้านอาหารแห่งนี้
ท้องถนนในยามค่ำคืนที่ไม่ค่อยมีรถสัญจรไปมา ทำให้ถนนที่มีแต่เสียงอึกทึกครึกโครมในตอนกลางวันเงียบสงบ แสงไฟที่สาดส่องมาจากเสาไฟฟ้าและเสาไฟสองข้างทาง ทำให้ต้นไม้ต้นใหญ่ที่ปลูกเรียงรายดูไม่มืดครึ้มน่าหวาดกลัวจนเกินไป
ร่างของคนสองคนที่ยืนทอดน่องเดินพูดคุยกันอย่างเรื่อย ๆ ทำให้อากาศที่ค่อย ๆ เย็นเพราะฝนที่ตกเมื่อตอนเย็นคล้ายจะทำให้อากาศอบอุ่นขึ้นมาได้
คนสองคนที่วันนี้ได้ก้าวผ่านคำว่า ‘คนไม่รู้จัก’ ให้กลายมาเป็น ‘คนรู้จัก’ ได้นั้น...กำลังค่อย ๆ ใช้คำว่าคนรู้จักเรียนรู้ศึกษากันอย่างช้า ๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป ความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนว่าจะไม่มี ‘อะไร’ คล้ายกับว่ากำลังจะมีอะไรให้งอกเงยเพิ่มขึ้นมา...
วันเวลาที่ผ่านพ้นไป...จะทำให้ใจสองใจได้เรียนรู้ถึงคำว่า ‘ความรัก’ ได้หรือไม่นั้น...ก็ขึ้นอยู่กับว่าหัวใจของคนสองคนนั้น...ว่ามีความรู้สึกที่ ‘พิเศษ’ ต่อกันหรือเปล่า...
“ตอนที่พี่ทำอาหารอยู่ในครัว พี่ทำให้ผมนึกถึงคน ๆ หนึ่ง”
“หืม ? ใครอ่ะ ? แฟนเราหรอ ?”
“ไม่ใช่ครับ แต่เขาเป็นคน ๆ หนึ่งที่เป็น ‘คนพิเศษสำหรับผม’ ต่างหาก” คำตอบที่มาพร้อมกับดวงตากลมที่เงยขึ้นไปมองบนท้องฟ้า ทำให้คนที่เดินอยู่ข้าง ๆ ต้องหยุดเดินแล้วหันหน้าไปมองคนพูดอย่างไม่เข้าใจ
“คนพิเศษ แต่ไม่ใช่แฟนเนี่ยนะ ?”
“ครับ...ก็คนพิเศษไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนเสมอไปนี่ฮะ คนพิเศษก็คือคนที่มีความสำคัญกับเรามากกว่าที่จะเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป แต่ไม่ได้หมายถึงแฟนหรือคนรักเสมอไปนะครับ อาจจะหมายถึงพ่อแม่ เพื่อน หรือว่าใครก็ได้...” แกงส้มอธิบายออกมา ก่อนจะยกยิ้มขึ้นอีกครั้ง เมื่อนึกไปถึงพี่หมี...คนที่เขากำลังพูดถึงอยู่ในขณะนี้
“อ่า...แล้วแกงมีแฟนหรือยัง”
“ยังครับ ผมทำงานไม่ค่อยเป็นเวลา...ไม่มีใครมาชอบหรือว่ามาสนใจหรอกครับ”
“หรอ...งั้นเรา...เป็น ‘แฟน’ กันไหม...”
ไม่ว่าบนโลกนี้จะมีคนอีกกี่ร้อยกี่ล้านคน...แต่แค่เพียงคนหนึ่งคนที่มีความสำคัญกับหัวใจของเรา แค่เพียงคนเดียวเท่านั้น...แค่นั้น...มันก็มากเกินพอแล้วสำหรับชีวิตของคน ๆ หนึ่ง...
//มาอัพดึกมาก ๆ เลย ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีเค้ากว่าจะได้มาเปิดคอมส์ก็ปาเข้าไปสองทุ่มกว่าแล้ว แถมยังมีภารกิจอื่นที่ต้องทำอีก ทำให้มาอัพดึกมาก ๆ เลย...ขอโทษสำหรับคนที่รออ่านน้า ~~
เค้ามาอัพทุกวัน แต่คงจะสลับเรื่องกันไป ... และหากวันไหนไม่มาอัพก็ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ เพราะการบ้าน + รายงาน เค้าก็เยอะพอตัวเลย แต่ที่พยายามมาอัพบ่อย ๆ เพราะรู้ว่ามีคนรออ่านอยู่ เค้าเองก็เข้าใจความรู้สึกของคนอ่านนะคะ เพราะเค้าก็เป็นนักอ่านตัวยงเหมือนกัน ฮ่า ๆ ๆ เพราะฉะนั้น...ขอบคุณมากกกกกกกกกกก สำหรับการติดตามทั้งสองเรื่องจริง ๆ ค่ะ
ตอนล่าสุดนี้ ไม่มีการเขียนจดหมายถึงกันเลย...เอ๊ะ! ทำไมเป็นอย่างนั้นนะ...? แล้วไอ้ประโยคที่ว่า
“หรอ...งั้นเรา...เป็น ‘แฟน’ กันไหม...” มันคืออะไรยังไงล่ะเนี่ย....(ลุ้นจัง >> ฮ่า ๆ ๆ ) ติดตามตอนต่อไปนะคะ!!
เอาเป็นว่า...ติชมพูดคุยกันได้นะคะ...แอบกระซิบบอกว่า...พี่น้องจะยังไม่รู้ความจริงว่าเป็นคนในจดหมายของกันและกันอีกหลายตอนค่ะ....ขอโทษนะคะที่ต้องเขียนมาในแนวนี้...แต่เค้าว่าถ้าคนเราค่อยๆ เรียนรู้กันไปเรื่อย ๆ ให้ความรู้สึกมันหนักแน่นน่าจะดีกว่านะ...........หวังว่าจะติดตามกันต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกการเข้ามาอ่าน ทุกคอมเม้น และทุก ๆ กำลังใจค่า !
#รักคนอ่านมาก ๆ
ความคิดเห็น