ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Letter #เพราะโลกนี้มี 'นาย' [FIC HKS]

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7 : เคมี เนื้อคู่ ตัวอักษร และอาหาร

    • อัปเดตล่าสุด 19 ส.ค. 55


     

    บทที่ 7 : เคมี เนื้อคู่ ตัวอักษร และอาหาร

    นิ้วเรียวที่ค่อย ๆ บรรจงพับจดหมายเข้าซอง ชายหนุ่มยกซองจดหมายฉบับนั้นขึ้นมาแล้วบรรจงจูบไปเบา ๆ ที่จดหมายฉบับนั้น

    เขารู้แล้วว่าทำไมน้องถึงไม่ไปตามนัดของเขา...คงเพราะข้อความนั้นของเขามันหายไปสินะ...

    เขาเข้าใจแล้ว...และเขาก็จะเชื่อในความรู้สึกของเขาเช่นเดียวกัน...

    ว่าไม่ว่าอย่างไร...คนที่ทำให้หัวใจของเขากำลังรู้สึกดี ๆ ด้วยมากที่สุด ก็คือ คนที่อยู่ในจดหมาย’...

    แม้ว่าคนที่อยู่ในโลกแห่งความจริงกำลังจะทำให้เขาหวั่นไหว...แต่สุดท้ายแล้วคนที่ทำให้เขายิ้มได้และทุกข์ได้ไปพร้อม ๆ กันก็ยังเป็นคน ๆ นั้น...คนที่อยู่ในจดหมายอยู่ดี...

    คิดได้แบบนี้ ฮั่นก็หยิบกระดาษและปากกาที่เขาเอาติดตัวมาด้วยออกมาจากในกระเป๋า ก่อนที่ชายหนุ่มจะเริ่มจรดปากกาลงไปเขียนถ้อยคำลงในกระดาษว่างเปล่า

    กลิ่นกาแฟที่หอมกรุ่นทำให้คนที่กำลังจะเขียนจดหมาย ต้องเงยหน้าขึ้นไปมองคนเป็นเจ้าของร้าน รอยยิ้มของจอยทำให้ฮั่นนึกไปถึงรอยยิ้มของคนในจดหมาย

    เขายิ้มได้ทุกครั้งที่ได้เขียนจดหมายหาน้อง น้องเองก็ยิ้มได้เมื่อได้เขียนจดหมายถึงเขา

    เขาสองคนยิ้มได้เมื่อได้เขียนจดหมายถึงกันและกัน...

    คิดมาถึงตรงนี้ ฮั่นก็หยิบกาแฟร้อนที่มีฟองนมหนานุ่มขึ้นมาจิบ ก่อนที่เขาจะเริ่มจรดปลายปากกาลงเป็นถ้อยคำเพื่อเขียนถึงคนที่ตอบจดหมายเขากลับมา

     

    ใบหน้าคมสันที่มีรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา ทำให้คนที่เป็นเจ้าของร้านกาแฟซึ่งแอบมองเขามานาน ต้องนึกถามกับตัวเองในใจว่า

    แค่เขียนจดหมายถึงใครสักคน ต้องยิ้มเกือบตลอดเวลาขนาดนั้นเลยหรือ...

    ท่าทางคนในจดหมายจะเป็นคนสำคัญ เพราะถ้าเป็นใครคนหนึ่ง....คงไม่สามารถทำให้คนที่กำลังตั้งใจเขียนจดหมายยิ้มได้เกือบตลอดเวลาขนาดนั้น

    ว่าแต่ว่า...นี่มันพ.ศ.ไหนกันแล้ว ทำไมยังเขียนจดหมายถึงกันอยู่อีก ปกติวัยรุ่นสมัยนี้เขาก็คุยกันผ่านสื่อออนไลน์ทั้งนั้น แต่ผู้ชายคนนี้กลับเลือกที่จะติดต่อสื่อสารกับคนอีกคนด้วยวิธีโบราณ...

    แปลกคนได้อีกจริง ๆ...หรือโลกมันจะหมุนกลับไปสู่ยุคเดิมนะ!?!

    แต่ถึงจะแปลกยังไง การสื่อสารแบบนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกดีไปด้วย เพราะการที่คนเรากว่าจะเขียนตัวอักษรลงไปได้แต่ละตัวก็ต้องผ่านกระบวนการทางความคิดที่กลั่นกรองออกมาจากจิตใจ แน่นอนว่าทุกตัวอักษรจะมีความหมายและมีคุณค่ามาก ๆ เมื่อคนอ่านได้รับจดหมาย เขาก็จะอ่านแบบบรรจงและกลับไปกลับมา

    นั่น...ยิ่งทำให้คุณค่าของจดหมายมีมากขึ้นอีกทวีคูณ รวมทั้งยังทำให้คนที่เป็นผู้ส่งและเป็นผู้รับจดหมายนั้น ค่อย ๆ เพิ่มพัฒนาความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้กันแบบกค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้า ๆ เบา ๆ แต่แน่นหนักนักในความรู้สึก...

    หลังจากที่เวลาผ่านไปร่วมครึ่งชั่วโมง จดหมายที่ฮั่นใช้เวลาเขียนนานมาก (กว่าทุกครั้ง) ก็เสร็จสิ้นลง ชายหนุ่มไล่อ่านทีละตัวอักษรอย่างช้า ๆ ก่อนที่เขาจะระบายยิ้มออกมาเต็มใบหน้า

    ถ้าน้องเคเอสได้อ่านจดหมายฉบับนี้...น้องคงจะ ยิ้มหน้าบาน กว่าเขาเป็นแน่!

    (หรือเปล่านะ...?)

    ตุบ ๆ ๆ

    เสียงฝีเท้าที่วิ่งตรงมาทางฮั่น เรียกดวงตาของชายหนุ่มให้เงยไปมองยังเสียงนั้น แล้วเขาก็พบกับร่างกลมป้อมของน้องนิว ผู้ที่บอกว่าตัวเองเป็นกามเทพกลับชาติมาเกิด

    พี่ชายยยยยยย สวัสดีค่ะ วันนี้ทานอะไรคะเนี่ย เสียงใสที่เอ่ยทักทาย ทำให้ฮั่นต้องยกยิ้มขึ้นมา ก่อนที่เขาจะยกจานที่มีเค้กสีเขียวอ่อนขึ้นให้คนที่เอ่ยทักดู

    ทานเค้กเลมอนชีสฝีมือคุณแม่น้องนิวไงครับ

    ว้าว! พี่ชายชอบทานเค้กเลมอนชีสหรอคะ เหมือนพี่หน้าหวานเลย!”

    เมื่อได้ยินเด็กน้อยพูดถึงอีกคนหนึ่ง คิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากัน

    พี่หน้าหวาน...?

    พี่หน้าหวานคือใครครับน้องนิว

    อ้าว...พี่ชายไม่รู้จักพี่หน้าหวานหรอคะ เค้าเป็นเนื้อคู่พี่ชายเชียวน้า~~” คำพูดที่มาพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำให้คนมองหมั่นเขี้ยวจนต้องลุกขึ้นไปอุ้มคนพูดขึ้นมา

    พูดถึงเนื้อคู่ของพี่อีกแล้ว นี่เราเป็นกามเทพจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย

    ก็จริงน่ะสิคะ พี่ชายคิดว่าเด็กอย่างน้องนิวโกหกอย่างนั้นหรอคะ เด็กหญิงตัวน้อยว่าพลางเอียงคอมองหน้าคนที่อุ้มเธอ

    เปล่าครับ พี่ไม่ได้บอกว่าน้องนิวโกหก แต่พี่แค่สงสัยว่าน้องนิวรู้ได้ยังไงว่าคนไหนเป็นเนื้อคู่ของใคร... ฮั่นถามพลางเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้โดยมีเด็กน้อยนั่งบนตักเขา

    ก็...น้องนิวดูจากเคมีของคนสองคนไงคะ

    เคมี...?

    ก็แบบว่า...คนเราเวลาที่จะมีชะตาต้องกันมันก็จะต้องมีอะไรที่สามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ใช่ไหมค้า~ อาจจะเป็นใบหน้าที่คล้ายกัน หรือว่ามีนิสัยบางอย่างที่เข้ากันได้ หรืออาจจะไม่มีทั้งสองอย่างเลย แต่ดูแล้ว...ดันเข้ากันได้...

    เด็กหญิงตัวน้อยพูดออกมายืดยาว ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำของฮั่นที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาจิบ

    น้องนิวก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงให้พี่ชายเข้าใจ แต่ว่า...พี่ชายกับพี่หน้าหวานมีเคมีที่เข้ากันได้จริง ๆ นะค้า...น้องนิวขอยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ตีลังกายันเลยยยยยยยยย ท้ายประโยคเด็กหญิงลากเสียงยาวมาก จนคนที่นั่งฟังเธอพูดต้องหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ

    โอเคครับ ถ้าน้องนิวจะทั้งยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ตีลังกายันขนาดนี้ พี่ก็คงต้องเชื่อแหล่ะครับ ว่าแต่...พี่หน้าหวานของน้องนิวเค้าชื่ออะไรครับ

    อา...น้องนิวไม่รู้จักชื่อพี่เค้าหรอกค่ะ น้องนิวชอบเรียกเค้าว่าพี่หน้าหวาน น้องนิวก็เลยไม่เคยถามชื่อพี่เค้าเลย... พูดจบ เด็กน้อยก็หันหน้ามามองคนที่เธอนั่งอยู่บนตักเขาตาแป๋ว

    ถ้าอย่างนั้นคราวหน้าน้องนิวต้องถามชื่อพี่เค้ามานะครับ เผื่อพี่ชายจะได้ไปทำความรู้จักกับเค้าบ้าง ไหน ๆ ก็เป็นเนื้อคู่กันแล้วทั้งที ก็ขอให้ได้เจอกันสักหน่อยเถอะ ฮั่นว่าพลางเริ่มจินตนาการไปถึงคนที่น้องนิวบอกว่าเป็นเนื้อคู่เขา

    หน้าหวานหรอ...อืม...ก็ดีนะ เขาชอบคนหน้าหวาน ๆ มองแล้วมันชวนให้ละลายดี!

    แต่ถ้าจะให้ดี ขอตาโต ๆ ด้วยนะ...ขาวด้วย...

    อืม...ต้องเป็นคนที่จริงใจ เข้าใจในทุก ๆ อย่างที่เขาเป็น...รับได้ในทุกสิ่งของเขา

    แล้วก็ที่สำคัญที่สุด...ต้องเป็นคนที่กล้าจะบอกกับทุกคนว่า...เขาคือคนที่รัก...

    ...ว่าแต่ว่า...จะมีไหมนะคนแบบนี้...

     

    พี่ชายเคยเจอเค้าแล้วนะคะ

    ฮะ ? พี่เนี่ยนะครับ

    ก็ใช่น่ะสิค้า~~”

    ที่ไหน ยังไงครับ ?

    ถ้าบอกแล้วจะสนุกหรอคะ...น้องนิวหิวนมแล้วอ่า...ขอตัวไปกินนมนอนก่อนนะคะ พี่ชายขา...ขอจุ๊บแก้มทีนึงสิค้า~~” คำขอที่มาพร้อมกับริมฝีปากที่กำลังทำปากจู๋ ทำให้ฮั่นต้องเอียงแก้มไปหา

    จุ๊บ~

    น้องนิวจุ๊บพี่ชายไปแล้ว พี่ชายก็ต้องจุ๊บคืนน้องนิวสิคะ...

    ฮั่นไม่รอช้า รีบก้มหน้าลงไปจุ๊บที่แก้มใสของเด็กน้อยเบา ๆ หนึ่งที จากนั้นร่างกลมป้อมก็กระโดดลงไปจากตักของเขา ก่อนจะวิ่งหายเข้าไปที่ประตูซึ่งอยู่ข้างเคาน์เตอร์ทันที

    ทิ้งให้ชายหนุ่มมองตามพลางขมวดคิ้วครุ่นคิดถึงสิ่งที่เด็กน้อยพูด...

    เขากับเนื้อคู่เคยเจอกันแล้ว...ที่ไหนวะ!?!

    ช่วงนี้ชีวิตเขาก็พัวพันอยู่กับคนไม่กี่คนเองนะ...หรือว่าจะเป็น...

     

    ~อยากมีคนรัก คนมีรักมันเป็นแบบไหน คนอย่างฉันมันยังไม่เคยเข้าใจ บอกก็คงไม่รู้ ดีแค่ไหนก็คงไม่รู้ คงต้องหาสักคนมาเป็นเนื้อคู่~

    เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมา ทำให้ความคิดของฮั่นสะดุดลง เขาหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาจากกระเป๋าก่อนจะกดรับ

    ว่าไงครับ

    (ฮั่นนี่ที่ร้ากกกกกก วันนี้ยังไม่เข้าร้านอีกหรอจ๊ะ เค้ารอตัวนานแล้วน้า...คิดถึงจนใจจะขาดรอน ๆ แล้วเน้อ รีบ ๆ มาหน่อยสิจ๊ะ...)

    ผมกำลังรีบไปครับ เอ่อ...คิมจะโทรมาหาผมแค่นี้หรอครับ

    (จริง ๆ แล้วมันมีอะไรมากกว่านั้นจ้ะ...)

    มีอะไรครับ...?

    (คือ...คือว่า...เฮ้ยยยยยยยย เอาโทรศัพท์ฉันคืนมานะยัยจ๋า อ๊ายยยยยย....ไอ้ฮั่นแกรีบ ๆ วางไปเลย คุณคิมไม่มีอะไรสำคัญหรอก แค่อยากจะโทรมาเร่งให้แกมาร้านเร็ว ๆ แค่นั้นแหล่ะ แต่แกไม่ต้องรีบมานะ ฉันอยากเห็นคนลงแดงตายว่ะ โอ๊ย!!!!....อะแฮ่ม ๆ นี่คิมตัวจริงแล้วนะจ๊ะฮั่นนี่จ๋า เมื่อตะกี้มันร่างปีศาจอวตารจ้ะ เอาเป็นว่าฮั่นนี่รีบมาที่ร้านก็แล้วกันนะจ๊ะ เดี๋ยวเค้าค่อยบอก...)

    ครับ ๆ ฮั่นรับคำสั้น ๆ ก่อนจะกดวางสายไป ถ้าให้เขาเดา เขาว่าป่านนี้ที่ร้านคงปั่นป่วนน่าดู เพราะจ๋ากับคิมคงจะทะเลาะกันร้านแทบแตก คนห้ามอย่างสุก็ลาไปดูแลแฟนที่เกิดไม่สบายขึ้นมากะทันหันอีก ส่วนเอมก็เป็นคนไม่ค่อยกล้าห้ามทัพสองคนนั้นด้วย

    เฮ้อ...คงต้องเป็นเขาอีกแล้วสินะที่ต้องไปเป็นกรรมการห้ามทัพ งั้นคงต้องรีบไปแล้ว เดี๋ยวสองคนนั้นตีกันร้านแตกเสียก่อน

    ทั้งหมดเท่าไหร่ครับ

    อ้อ...80 บาทค่ะ

    นี่ครับ 100 ไม่ต้องทอน ผมให้น้องนิวเป็นค่าขนมครับ พูดจบ ฮั่นก็หยิบกระเป๋าก่อนจะเดินออกไปจากร้าน

    ทิ้งความอบอุ่นจากใจความในจดหมายให้ลอยตลบอบอวลภายในร้าน...

     

     

    แอ๊ด...

    แน่นอนว่าก่อนที่ฮั่นจะไปทำหน้าที่เป็นกรรมการห้ามทัพ เขาก็ต้องทำหน้าที่ของหัวใจด้วยการมาส่งจดหมายหาคนที่มีผลต่อความรู้สึกก่อน

    อ้าวคุณหมี...หายไปแป๊บเดียวเอง กลับมาแล้ว อย่าบอกนะว่า...

    ครับ...ผมเขียนจดหมายหาน้องเค้าเสร็จแล้ว ฝากคุณป๊อกให้น้องเค้าด้วยนะครับ แล้ว...ราเม็งอร่อยไหมฮะ

    อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกค่ะ!” อาการลากเสียงยาวของหญิงสาว ทำให้ฮั่นหัวเราะออกมา

    ยาวไปนะครับคุณป๊อก

    ไม่ยาวไปหรอกค่ะ เพราะว่ามันอร่อยจริง ๆ นี่ถ้าเจ้านั่นได้กินนะคะ รับรองว่าติดใจจนต้องมาฝากท้องกับคุณหมีทุกวันแน่ ๆ เลย ป๊อกว่า เมื่อนึกไปถึงเจ้าคนที่ชอบกินทุกสิ่งอย่างเป็นชีวิตจิตใจ

    ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสิครับ ถ้ายังไง...ผมฝากด้วยแล้วกันนะครับ พูดจบ ฮั่นก็ส่งจดหมายในมือไปให้หญิงสาวที่ยืนยิ้มตรงหน้า

    ฝากกำชับน้องเค้าด้วยว่า...อย่าให้จดหมายของผมไปเลอะน้ำฝนหรือหมึกที่ไหนอีก ผมไม่อยากนั่งรอจนรากงอกมาพันคอตัวเองอีก...

    ค่ะ...ป๊อกจะกำชับให้คุณหมีเองค่ะ

    ขอบคุณคุณป๊อกมากนะครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนแล้วกันครับ

    จากนั้นร่างสูงก็เดินออกไปจากร้าน โดยที่ป๊อกไม่ได้มองตามเหมือนทุกที แต่เธอหยิบซองจดหมายในมือมาเพ่งพิจารณาแทน

    จดหมายเลอะน้ำฝนและหมึกหรอ...อย่าบอกนะว่าที่เจ้าแกงส้มผิดนัดคุณหมีเมื่อวาน เป็นเพราะจดหมายเลอะน่ะ...อ๊ายยยยยย ไอ้แกงส้มมมมมม ทำไมแกไม่เก็บจดหมายให้มันดี ๆ วะ!!!!!” ป๊อกโวยวายกับซองจดหมายคนเดียวเสียงดัง ก่อนที่เธอจะรู้สึกตัวและเอามือมาปิดปากตัวเองไว้ พลางจัดผมจัดเผ้าให้เข้าที่เข้าทาง

    ลืมไป...ว่ามีคน แอบมอง ฉันอยู่....อ๊าย!”

    แล้วป๊อกก็ยืนเขินบิดไปบิดมาเมื่อนึกถึงชายหนุ่มอีกคนที่เธอเพิ่งเจอเมื่อเช้า จากนั้นหญิงสาวก็เก็บจดหมายเข้าไปในลิ้นชัก แล้วทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้หลังเคาน์เตอร์ พลางยกมือขึ้นมาท้าวคาง

    สายตาเหม่อลอย...คิดถึง...คน ๆ นั้น...

    ไม่รู้ว่าเขาจะใช่เนื้อคู่เธอไหม แต่เธอก็คิดถึงเขาไปแล้ว...หรือนี่คือ รักแรกพบ กันนะ

     

     

    ทางด้านแกงส้มที่ตอนนี้กำลังนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ในหัวสมองครุ่นคิดถึงภาพใครบางคนที่วิ่งวนอยู่ในหัวสมองตั้งแต่เมื่อคืน

    ภาพของผู้ชายร่างสูงที่อยู่ในลิฟต์ ซ้อนทับภาพของพี่หมีที่เขามโนขึ้นมา...

    เขาพยายามจะนึกว่าพี่ชายใจดีที่เลี้ยงข้าวเขาเมื่อวานอยู่ห้องไหน แต่เขาก็นึกไม่ออก...ทั้ง ๆ ที่เขาก็เคยไปห้องพี่เขามาแล้วแท้ ๆ แต่ตอนนั้นเขาไม่ทันได้ดูเลขห้อง เพราะว่าตอนเข้าก็รีบเข้า ตอนออกก็รีบออกอีก แล้วคอนโดแห่งนี้ก็มีประตูเหมือนกันหมดทุกห้อง ตัวเลขก็คล้าย ๆ ด้วย

    เวรเอ๊ยไอ้แกงส้ม ทำไมแกถึงไม่ดูเลขห้องเขาไว้วะ รู้สึกเสียเปรียบชะมัดที่ไม่ได้รู้เขารู้เราเนี่ย ต่อให้รบร้อยครั้ง เราคงต้องแพ้ทั้งร้อยครั้ง ฮึ่ย!” แกงส้มบ่น พลางเอามือขึ้นมาขยี้ผมตัวเองอย่างเคืองในอารมณ์

    เป็นไรแกง ทำไมขยี้หัวตัวเองเละแบบนั้น พีมเอ่ยถามคนที่กำลังนั่งขยี้ผมตัวเอง ก่อนจะวางขนมปังลูกเกดกับชาเขียวปั่นตรงหน้าของแกงส้ม

    ไม่มีไรหรอกพี่พีม ผมแค่เคืองตัวเองนิดหน่อยอ่ะครับ

    อ้อหรอ...เออใช่ เดี๋ยววันนี้เรากลับเลยก็ได้นะ เดี๋ยวพี่ดูต่อแบบยาว ๆ เอง

    เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอกพี่ ยังไงผมก็สลับเวรกับพี่แล้วนี่ครับ

    ไม่เป็นไร ๆ ๆ วันนี้พี่อารมณ์ดี เดี๋ยวพี่ดูยาว ๆ เอง พีมว่า พลางกัดขนมปังลูกเกดเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ อย่างน่าอร่อย

    ถ้างั้นก็...ผมขอตัวกลับบ้านเลยนะพี่ พี่แน่ใจนะว่าดูไหว ให้คืนนี้ผมมาช่วยไหม

    ไม่ต้อง ๆ ๆ เดี๋ยวเรามาอีกทีพรุ่งนี้เวรเดิมเลย เพราะว่าพรุ่งนี้พี่หนึ่งจะมาทำเหมือนเดิมแล้ว พีมยกมือขึ้นมาส่ายปฏิเสธ ก่อนที่เธอจะกัดขนมปังเข้าปากอีกคำหนึ่ง

    พี่หนึ่งหายดีแล้วหรอครับ

    หายดีแล้ว พี่สุไปดูแลขนาดนั้น ถ้าไม่หายพี่ว่าพี่หนึ่งแกก็คงเตรียมจองวัดได้แล้วล่ะ เป็นเวอร์เกิ๊น!!!”

    ฮ่า ๆ ๆ พี่พีมก็ไปว่าพี่หนึ่งเขาแบบนั้น...

    ก็มันจริงนี่หว่า เออ ๆ ๆ แกกลับบ้านไปเหอะ ไว้ค่อยเจอกันใหม่ แล้วคนพูดก็ยกมือขึ้นมาโบกลาคนเป็นน้อง ก่อนที่เธอจะไปให้ความสนใจกับขนมปังต่อ

    ไอ้เราก็นึกว่าซื้อมาให้เรา...ซื้อมากินเองซะงั้น!

    ขอบคุณมากครับพี่พีม...หึ!

    งั้นผมไปแล้วครับ สวัสดีครับ

    เออ ๆ

     

    ร่างโปร่งเดินไปตามทางเดินบนฟุตบาธ พลางครุ่นคิดในใจว่า วันนี้เขาจะกลับคอนโดใหม่ยังไงดี นั่งรถไฟฟ้า นั่งรถประจำทาง หรือว่าเดินไปดีนะ...

    จริง ๆ แล้วคอนโดใหม่ของเขาใกล้ที่ทำงานมากกว่าคอนโดเดิมเสียอีก ไม่จำเป็นต้องโดยสารรถไฟฟ้าหรือว่ารถประจำทางเลย แค่เดินไม่ถึง 20 นาทีก็ถึงแล้ว...แต่ประเด็นคือ...ตอนนี้แดดร้อนมาก!

    เขาขึ้นรถประจำทางดีกว่า ถึงมันจะใกล้ แต่ก็ขี้เกียจเดินตากแดดร้อน ๆ

    เมื่อขึ้นมาบนรถประจำทาง เขาก็รู้สึกเหมือนคิดผิด เพราะคนบนรถเยอะมาก ๆ อุตส่าห์เลือกขึ้นรถปรับอากาศแล้วนะ ทำไมคนยังเยอะอีกเนี่ย!!!!

    อิด...เอี๊ยดดดดดดดดด ปุ้ก! เพล้ง!

    ยังไม่ทันที่แกงส้มจะได้จ่ายเงินค่าตั๋วรถ เสียงของอะไรบางอย่างก็ทำให้เขาและผู้โดยสารคนอื่น ๆ ต้องหันไปมอง

    กระจกที่ข้างที่แตกเป็นทางยาว ทำให้แกงส้มรู้ได้ทันทีว่า

    ตอนนี้รถประจำทางที่เขาโดยสารมา เกิดอุบัติเหตุ!

    เจริญเลยเรา...ขึ้นรถประจำทางในรอบหลายปี เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาซะงั้น!!!

    ขอโทษนะคะผู้โดยสาร เดี๋ยวรอขึ้นคันใหม่นะคะ...พอดีรถเกิดอุบัติเหตุค่ะ จบคำพูดของกระเป๋ารถประจำทาง แกงส้มก็หมุนหมวกแก๊ปที่สวมหัวเอาข้างหน้าหันกลับมาบังใบหน้าหวาน พลางเอาแขนเสื้อที่เพิ่งถกขึ้นลงมาปกปิดแขนขาว

    รู้งี้เดินกลับก็ดีแล้วกู ไม่น่าดิ้นรนอยากขึ้นรถเมล์เลย แกงส้มบ่นก่อนจะเดินดุ่ม ๆ ไปยังทางเดินบนฟุตบาธด้วยอารมณ์ที่เริ่มหงุดหงิด

    อากาศก็ร้อน แถมยังจะต้องมาเจอเหตุการณ์นี้อีก หงุดหงิดโว้ย!

    ~อยากมีคนรัก คนมีรักมันเป็นแบบไหน คนอย่างฉันมันยังไม่เคยเข้าใจ บอกก็คงไม่รู้ ดีแค่ไหนก็คงไม่รู้ คงต้องหาสักคนมาเป็นเนื้อคู่~

    เสียงโทรศัพท์ที่แผดเสียง เรียกดวงตากลมให้เบิกกว้างขึ้น

    คนกำลังหงุดหงิด ใครโทรมาอีกวะ!

    พี่ป๊อก

    มีไรพี่...!” น้ำเสียงที่บ่งบอกอาการหงุดหงิด ทำให้คนที่อยู่ปลายสายรู้สึกได้เลยว่าเธอโทรมาผิดจังหวะ

    (วันนี้จะเข้ามาที่ร้านไหม คุณหมีเอาจดหมายมาส่งอ่ะ)

    พอได้ยินชื่อ คุณหมี’...คนที่กำลังหงุดหงิดก็เริ่มอารมณ์ดีขึ้นมา

    เข้าครับ เดี๋ยวผมจะแวะเข้าไปตอนนี้เลย

    (หือ...ไมมาไวจัง เลิกงานและหรอ)

    ครับ แค่นี้นะพี่ ผมขี้เกียจคุยต่อแล้ว แดดมันร้อน พูดจบ แกงส้มก็กดวางสาย ก่อนจะรีบสาวเท้าเร็ว ๆ ไปยังร้านหนังสือแบ่งปัน

    โชคดีที่ร้านแห่งนี้เป็นทางผ่านการไปทำงานของเขา ซึ่งเขาอยากจะบอกว่า...เส้นทางแต่ละเส้นทางที่เขาก้าวเดินผ่านทุกวันล้วนแล้วแต่อยู่ไม่ไกลกันเลย ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงานของเขา ร้านหนังสือพี่ป๊อก ร้านกาแฟของพี่จอย หรือแม้กระทั่งร้านอาหารลุงแทน...

    แต่น่าแปลกที่ทุก ๆ ร้านที่เขากล่าวมาไม่เคยให้ความรู้สึกที่ทำให้เขารู้สึกลึกซึ้งเท่ากับมีใครคนหนึ่งก้าวเข้ามา ไม่สิ...ต้องบอกว่าเป็นคนสองคนมากกว่า...

    คนหนึ่งคือคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจอ....คือคนที่ทำให้เขาได้รู้จักโลกใบใหม่ที่เขาไม่เคยได้ลองเข้าไปสัมผัส คือคนที่เขาอยากเจอมากที่สุดในตอนนี้...

    เขากล้ายอมรับได้เลยว่า...เขารู้สึกดีกับคน ๆ นี้เกินกว่าจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด เพราะมันเป็นความรู้สึกที่ผูกพัน...

    แค่เพียงตัวอักษรไม่กี่พันตัว แค่เพียงจดหมายไม่กี่ฉบับ ทำไมมันถึงทำให้เขาเป็นได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้...เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน...

    ส่วนคนอีกคนหนึ่งคือคนที่เขาได้พบถึงสามครั้งด้วยความบังเอิญ...ความบังเอิญที่เขาเคยแอบคิดตอนที่เจอกับคน ๆ นี้ในครั้งที่สองว่า...

    หากเราได้เจอกันด้วยความบังเอิญอีกครั้งในครั้งที่สาม แปลว่าเราเป็น เนื้อคู่ กัน...นั่นคือสิ่งที่เขาแอบคิดเล่น ๆ แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นความจริงขึ้นมา...

    เพราะเขากับพี่ชายใจดีได้เจอกันสามครั้งแล้ว...บังเอิญจริง ๆ

    แต่บนโลกใบนี้มีความบังเอิญเกิดขึ้นได้จริง ๆ หรอ...?

    เขาไม่เคยเชื่อในความบังเอิญเลยสักครั้ง เพราะเขาเชื่อในพรหมลิขิต...

    พรหมลิขิตที่ขีดเส้นให้คนสองคนได้มาเจอกัน...แต่ไม่ได้ขีดเส้นให้คนสองคนรักกัน...

    เพราะความรักไม่สามารถเป็นไปตามที่พรหมลิขิตขีดไว้ได้ แต่ความรักจะเป็นไปตามที่หัวใจของคนสองคนนำพาให้มันเป็นไปต่างหาก...!

     

    แอ๊ด...

    มาแล้วหรอไอ้ตัวแสบ

    แหมพี่ป๊อก...เจอหน้าผมก็เรียกผมซะดูดีเลยนะครับ แกงส้มว่าก่อนจะเดินมาทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับคนพูด มือบางเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำเย็นที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ขึ้นมาดื่มอึก ๆ ๆ จนหมดแก้วอย่างหิวกระหาย

    อากาศร้อนทำให้เขาสูญเสียน้ำในตัวไปเยอะ!

    ไอ้แกงส้มมมมมม แกกินเข้าไปได้ไง นั่นน้ำที่ฉันเอามาวางให้คนที่มายืมหนังสือเมื่อตะกี้ แล้วเค้าก็กินไปแล้วด้วย อี๋! แกกินขี้ปากเค้าหรอ ป๊อกว่าก่อนจะทำหน้าขยะแขยง คนที่ดื่มน้ำเข้าไปแล้ว แทบจะพ่นสิ่งที่เพิ่งเอาเข้าปากไปออกมาทันที

    เมื่อเห็นอาการนี้ของแกงส้ม ป๊อกก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

    ฮ่า ๆ ๆ ๆ แกโดนฉันหลอกแล้วไอ้แกงส้ม!”

    โหพี่ป๊อก...ร้ายกาจว่ะ

    แกงส้มว่าพลางทำปากยู่อย่างต้องการจะงอน แต่คนเป็นพี่ที่เอาแต่หัวเราะไม่สนใจก็ทำให้ชายหนุ่มเลิกงอน แล้วแบมือขอสิ่งที่ทำให้เขาต้องรีบมาที่นี่จากคนตรงหน้า

    แหม่...รีบเลยนะยะ

    ไม่ได้หรอกพี่ ของสำคัญนี่!”

    ต๊าย!!!! เดี๋ยวนี้เรียกของสำคัญแล้วหรอยะ ที่เมื่อหลายวันก่อนยังบอกว่าเล่น ๆ อยู่เลยไม่ใช่หรอ ป๊อกว่า พลางส่งสิ่งที่เธอหยิบออกมาจากลิ้นชักใส่มือแกงส้ม

    อะไรที่มันผ่านไปแล้ว ก็ปล่อยให้มันผ่าน ๆ ไปบ้างก็ได้นะพี่ ว่าแต่...หิวข้าวจังเลย ที่ร้านพี่มีอะไรกินมั่ง

    อุ๊ย!!! ฉันลืมไปเลยว่าคุณหมีเค้าฝากของกินมาให้แกอีกแล้ว เดี๋ยวฉันไปอุ่นมาให้แกกินนะ รอแป๊บ ๆ

    แล้วป๊อกก็รีบวิ่งเข้าไปในประตูหลังเคาน์เตอร์ ทิ้งให้แกงส้มมองตามหลังไปอย่างงง ๆ

    อะไรของเค้าวะ...อ่านจดหมายรอดีกว่า...

    นิ้วสวยค่อย ๆ แกะซองจดหมายออกอย่างเบามือ เขาเก็บซองจดหมายเอาไว้เป็นอย่างดีทุกฉบับ โดยที่เขาจะไม่รีบร้อนแกะจนซองฉีกขาดเสียหายมากนัก เพราะเขาอยากทะนุถนอมสิ่งที่มีค่าไว้ให้ดีที่สุด...

    แค่คราวที่แล้วเขาทำจดหมายของพี่หมีเลอะ...เขาก็รู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว!!!

     

    ถึง น้องเคเอส

    พี่ขอโทษนะครับ...

    เราอาจจะงงว่าพี่เริ่มต้นด้วยคำว่าขอโทษเราทำไม แต่พี่อยากจะบอกกับเราว่า...พี่ขอโทษเราจริง ๆ นะ

    จดหมายฉบับที่แล้วพี่เขียนนัดเจอกับเรานะ รู้ไหม ? เราคงไม่รู้หรอก...เพราะว่าเราไม่มาตามนัดของพี่ ตอนนั้นพี่คิดว่าเราคงจะไม่อยากเจอพี่ เราก็เลยไม่มา...พี่เสียใจมากเลยรู้ไหมครับ...มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกจริง ๆ

    เหมือนโดนตบหน้า...เหมือนถูกรังเกียจ...มันมีแต่คำว่า เสียใจ ลอยเต็มหัวไปหมด...

    พี่เกือบจะเลิกคิดเรื่องที่จะนัดเจอเราเลยนะ...

    แต่พอได้อ่านจดหมายฉบับล่าสุดของเรา พี่ก็รู้โดยทันทีว่า...เราไม่มาตามนัดเพราะว่าใจความในจดหมายมันมีไม่ครบนั่นเอง! เฮ้อ...บอกตามตรงว่าพี่โล่งใจมากเลยที่ได้รู้ว่าเหตุผลของการไม่มาตามนัดของเรามันคือเหตุผลนี้ ไม่ใช่เหตุผลอื่น...

    ถามว่าตอนนี้สบายใจขึ้นไหม...ตอบได้เลยว่า มาก

    แต่ถามว่าอยากนัดเจออีกไหม...พี่คงตอบได้แค่ว่า ไม่อยากนัดเจอตอนนี้...

    เพราะอะไรรู้ไหมครับ...?

    เพราะว่าพี่คิดว่า...จังหวะเวลาของเรามันยังไม่ตรงกัน...

    บางทีเราอาจจำเป็นต้องใช้เวลาเรียนรู้กันผ่านตัวอักษรอีกหลายฉบับ ผ่านอาหารอีกหลายอย่าง ผ่านสิ่งดี ๆ ที่เรามาแบ่งปันร่วมกันอีกหลายสิ่ง...แล้วเราค่อยมานัดเจอกันอีกที...เราคิดเหมือนพี่ไหมครับ...

    ดีใจนะครับที่เราชอบไก่ตุ๋นยาจีนของพี่...วันนี้พี่ทำราเม็งสูตรพิเศษไปให้แน่ะ...ไม่รู้ว่าจะชอบอีกไหม แต่อยากให้ชอบนะครับ...เพราะว่าอาหารทุกอย่างที่พี่ทำไป พี่ทำด้วย หัวใจ...มันต้องอร่อยอย่างแน่นอน!!!!

    ไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะครับ แต่แค่อยากให้รู้ว่า...อาหารที่ทำด้วยหัวใจ พอคนกิน...กินเข้าไป พี่เชื่อว่าคนกินรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในอาหาร...

    เนอะ...

    โลกของพี่ที่พี่พาเราเข้ามา...มันอาจเป็นโลกที่ดูเหมือนไม่มีอะไร เชย ๆ โบราณ ๆ และไม่มีใครเขาชอบอยู่ในโลกแบบนี้แล้ว แต่พี่ก็คิดว่า...เราคงรู้แล้วใช่ไหมครับว่า...โลกที่ดูเหมือนไม่มีอะไรให้สนใจใบนี้ มันมีอะไรให้เราสนใจ และมันเป็นโลกที่ทำให้เรารู้สึกดีและรู้สึกสบายใจ....

    พี่คิดไปเองแล้วว่าเราคุยกับพี่แล้วสบายใจ...เพราะพี่เอาบรรทัดฐานความรู้สึกของตัวเองที่คุยกับเราแล้ว(โคตร)สบายใจมาเป็นตัววัด ว่าเวลาที่เราคุยกับพี่ เราคงจะรู้สึกแบบเดียวกัน...พี่ไม่ได้คิดไปเองจริง ๆ ใช่ไหมครับ...?

    โอ้...เขียนมาเยอะขนาดนี้เลยหรอเนี่ย...ตกใจตัวเองจัง!

    ก็บอกแล้วไงครับว่าคุยกับเราแล้วสบายใจและรู้สึกดี พี่เลยเผลอเขียนมาซะเยอะเลย อย่าเพิ่งขี้เกียจอ่านนะครับ...เพราะถ้าเราขี้เกียจอ่าน พี่คงเสียใจแย่เลย ฮือ ๆ ๆ  (พร้อมทำท่าประกอบการร้องไห้ด้วยการยกหลังมือขึ้นมาปาดน้ำตา)...ฮ่า ๆ ๆ พี่เริ่มเวิ่นแล้วสินะ...งั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกันครับ...

    อ๊ะ! เกือบลืมบอก...พี่รออ่านเนื้อเพลง เพลงของเรา อยู่นะครับ...พูดมาซะขนาดนี้แล้ว แปลว่าพี่เองก็อยากจะก้าวเข้าไปทำความรู้จักกับโลกของเราเหมือนกันนะครับ...อยากรู้ว่าโลกของเราจะทำให้พี่รู้สึกแปลกใหม่เหมือนกับที่พี่ทำให้เรารู้สึกแปลกใหม่กับโลกของพี่หรือเปล่า...

     

    จาก พี่หมี

     

    ปล.ขอบคุณสำหรับความห่วงใยอีกทั้งกำลังใจดี ๆ ที่มีให้กัน...ไม่สัญญาว่าพี่จะมีตอบแทนให้ได้มากหรือเท่ากับที่เราให้พี่มา แต่พี่จะมีความห่วงใยและความรู้สึกดี ๆ ให้เราเท่าที่หัวใจของคน ๆ หนึ่งจะมีให้ได้นะครับ...รักษาสุขภาพด้วยครับ เหมือนฝนจะตกบ่อยนะช่วงนี้...

     

    เมื่ออ่านจดหมายจบ แกงส้มก็ต้องเอาจดหมายฉบับนั้นขึ้นมาวางทาบที่หน้าอกด้านซ้ายตำแหน่งเดียวกับหัวใจ...

    ตึกตัก ตึกตัก

    เสียงหัวใจที่เต้นแรงให้ความรู้สึกที่แปลก...

    แค่ตัวอักษรจากคน ๆ หนึ่ง ทำไมถึงได้มีผลต่อการเต้นของหัวใจได้ขนาดนี้นะ...

    หากพี่หมีบอกว่าจะมีความห่วงใยและความรู้สึกดี ๆ ให้เขาเท่าที่หัวใจของคน ๆ หนึ่งจะมีให้ได้ เขาเองก็จะมีความห่วงใยและความรู้สึกดี ๆ ให้กลับคืนไปเท่าที่หัวใจของเขาจะให้ได้เช่นกัน...

    หัวใจ...ที่มีแค่ดวงเดียว...

    จะมีความรู้สึกที่ดีอัดแน่นได้เท่าไหร่กัน...

    ถ้าเอามาเทแล้วนับ...ก็คงนับไม่ได้...

    แต่ถามว่ามากมายไหม...คงมีมากจน นับไม่ถ้วนสินะ...

     

    แกงส้ม...เสร็จแล้ว โอ๊ะ! กำลังอินกับจดหมายอยู่หรอ ขอโทษทีว่ะพี่เข้ามาผิดจังหวะ งั้นพี่กลับไปที่เดิมก่อนแล้วกันนะ ป๊อกว่าพลางทำท่าจะหมุนตัวกลับเข้าไปที่เดิม

    ไม่ต้องหรอกพี่ป๊อก ไหน ๆ พี่ก็ออกมาขัดอารมณ์ผมไปแล้ว ขืนพี่กลับเข้าไป อารมณ์อินผมมันก็ไม่ได้กลับคืนมาหรอก เอาราเม็งของพี่หมีมากินดีกว่า ดูสิว่าจะอร่อยสู้กับไก่ตุ๋นยาจีนเมื่อวานได้หรือเปล่า...

    อร่อยสู้ได้อยู่แล้วแก เพราะว่ามันอร่อยจริง ๆ พูดจบ ป๊อกก็วางชามราเม็งตรงหน้าของแกงส้ม ชายหนุ่มตาลุกวาวขึ้นมาทันที

    หน้าตาน่าทานมาก!

    งั้นกินเลยนะคร้าบบบบบบบ

    แล้วตะเกียบในมือของแกงส้มก็คีบไปที่เส้นราเม็งนุ่ม...ชายหนุ่มใช้เวลาในการเอร็ดอร่อยกับอาหารตรงหน้าพลางนึกไปถึงคนทำและข้อความในจดหมาย

    อาหารที่ทำด้วยหัวใจ...อร่อย สุดหัวใจ จริง ๆ...

     

     

     

    ไม่ว่าความรักจะเดินทางมาถึงจุดไหน แม้มันจะยังไม่ถึงปลายทาง ใช่ว่าระหว่างทางจะไม่มีเรื่องราวดี ๆ เพราะในการเดินทางไปที่ไหนสักแห่ง จุดหมายปลายทางอาจไม่สำคัญเท่ากับเรื่องราวระหว่างทางที่เราพบเจอเลย...เพราะบางครั้งการเดินทางของหัวใจก็ไม่จำเป็นต้องถึงจุดหมายปลายทางเสมอไป...

     

     

     

     

     

     

     

    //มะ มะ มาอัพฟิคยาวอีกแล้ววววว ฟิคสั้นจะน้อยใจร้องไห้งอแงไหมเนี่ย...? เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ขออนุญาตไปอัพฟิคสั้นบ้างนะคะ เดี๋ยวฟิคสั้นร้องไห้ ฮ่า ๆ ๆ

    ตอนนี้เขียนด้วยความรู้สึกที่เนือยมาก ๆ เลย ไม่รู้ว่าคนอ่านจะรู้สึกเบื่อไหม...แต่เขาก็คิดว่าคนอ่านคงจะค่อย ๆ สัมผัสและซึมซับถึงความรู้สึกที่มีมากขึ้นของพี่น้องนะคะ...ขอให้สนุกกับฟิคที่เค้าเขียนในตอนนี้และทุก ๆ ตอนนะคะ...

    และที่มีหลายคนสงสัยว่าเอ๊ะ...ทำไมแกงเคยไปห้องพี่หมีแล้วจำไม่ได้ว่าเป็นห้องพี่หมีนั้น...คงทราบคำตอบแล้วในฟิคตอนนี้นะคะ ว่าน้องแกงของเราความจำสั้นและไม่ได้มองเลขห้องของคนเป็นพี่ อีกทั้งน้องแกงก็ยังจำไม่ได้ด้วยว่าพี่ชายใจดีอยู่ชั้นอะไร...บางทีคนเราก็ไม่ได้ใส่ใจกับรายละเอียดตรงนี้มากนัก เพราะคิดว่าแค่ผ่านมาแล้วก็คงจะผ่านไป โดยลืมคิดไปว่า...กับสิ่งที่ไม่สำคัญ มันอาจจะแค่ผ่านมาแล้วผ่านเลยไป แต่สิ่งที่สำคัญ...มันจะไม่มีวันผ่านเข้ามาแล้วผ่านเลยไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน! เอ๊ะ...เค้าจะสื่อถึงอะไรล่ะเนี่ย...ฮ่ะๆๆๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×