ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Letter #เพราะโลกนี้มี 'นาย' [FIC HKS]

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 : บางทีฝนตก...มันก็ดีเหมือนกันนะ

    • อัปเดตล่าสุด 17 ส.ค. 55


     

    บทที่ 6 : บางทีฝนตก...มันก็ดีเหมือนกันนะ

    แปะ ๆ ๆ ๆ เสียงของหยดน้ำที่ดังเบื้องหน้าเรียกดวงตาของคนที่นั่งกอดเข่าให้เงยขึ้น ใบหน้าหวานที่มาพร้อมกับร่มสีใส ทำให้ใบหน้าคมมีรอยยิ้มแต่งแต้มขึ้น...

    มานั่งทำอะไรตรงนี้ครับพี่ชาย...ฝนตกแล้วไม่กลับห้องหรอ แล้วโดนละอองฝนสาดใส่หน้าแบบนี้ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอกครับ

    คำถามที่มาพร้อมกับยิ้มหวานของคนที่ยืนถือร่ม ทำให้คนที่กำลังรู้สึกเหมือนถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ได้รู้สึกดีขึ้นมา

    พี่มานั่งรอใครบางคน...

    อ๋อ...แล้วเค้ายังไม่มาหรอครับ

    ไม่รู้สิ...พี่รอเค้าตั้งแต่ 8 โมงเช้า แต่ตอนนี้เค้ายังไม่มาเลย ฮั่นว่าด้วยใบหน้าที่เศร้าสลดลงเมื่อนึกถึงคนที่เขานั่งรอมาหลายชั่วโมง

    แกงส้มซึ่งเป็นคน ๆ นั้น...ย่อตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกับคนที่นั่งหน้าเศร้า ก่อนจะยกมือขึ้นไปตบที่บ่ากว้างเบา ๆ สองสามที พลางวางมือนั่นแช่ไว้บนบ่า

    อย่าคิดมากพี่ เค้าจะติดธุระสำคัญอะไรอยู่ก็ได้ หรือไม่...เค้าก็อาจจะจำวันเวลาผิด หรือมีเหตุอะไรฉุกเฉินบางอย่าง พี่อย่าเพิ่งไปจิตตกเลย พรุ่งนี้ก็ลองรอเค้าดูใหม่สิฮะ เผื่อพรุ่งนี้เค้าอาจจะมาก็ได้ แกงส้มว่าพลางส่งยิ้มหวานเป็นกำลังใจให้กับคนตรงหน้า ฮั่นยิ้มรับก่อนจะจับมือที่วางบนบ่าของเขามากุมไว้หลวม ๆ

    ขอบคุณสำหรับคำปลอบใจดี ๆ เหล่านี้นะ นายทำให้พี่รู้สึกดีขึ้นจริง ๆ

    ไม่เป็นไรครับ เรื่องแค่นี้เอง

    ว่าแต่เราเถอะ มาทำอะไรแถวนี้

    อ๋อ...ผมเพิ่งกลับจากทำงานน่ะครับ วันนี้เหนื่อยมากเลย ทำงานแทนรุ่นพี่ด้วย แถมตอนนี้ก็โคตรจะหิวข้าวเลย แกงส้มบ่นพลางดึงมืออกจากเกาะกุมของคนตรงหน้า ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อนิด ๆ เมื่อเขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากสัมผัสเมื่อสักครู่นี้

    แค่จับมือแบบไม่ได้ตั้งใจ...ทำไมทำให้เราใจเต้นแรงขนาดนี้นะ!?!

    งั้นไปกินข้าวกัน

    หืม? แกงส้มตกใจกับคำชวนของคนที่ลุกขึ้นยืนเป็นอย่างมาก เขารีบลุกขึ้นยืนตาม พลางเอียงคอมองหน้าอย่างนึกสงสัย

    งงอะไร ก็เราบ่นว่าหิวไม่ใช่หรอ พี่ก็เลยชวนเราไปกินข้าวไง ฮั่นว่าพลางส่งยิ้มตาใสไปให้คนที่ยืนทำหน้างง

    คนที่ทำหน้างงอยู่แล้ว ยิ่งทำหน้างงหนักขึ้นไปอีก

    แล้วพี่ไม่รอ คนนั้น แล้วหรอครับ?

    เค้าคงไม่มาแล้วล่ะ เพราะถ้าเค้ามา...พี่ก็ต้องเจอเค้าแล้ว ฮั่นพูดก่อนที่เขาจะเงยหน้ามองไปที่ท้องฟ้าซึ่งมีสีดำสนิท...

    แม้เขาจะรู้ว่าถึงคนที่เขารอจะมาตอนนี้...เขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าน้องคือคนไหน...

    เฮ้อ...เขาอยากมีคาถาอ่านใจคนได้จัง เขาจะได้รู้ว่าคนที่เขารอคอยคือใคร...

    แต่ที่แน่ ๆ คงไม่ใช่ เจ้าตัวแสบ ที่ยืนทำหน้างงอยู่ตอนนี้แน่ ๆ ...เพราะถ้าใช่...มันคงจะโลกกลมเกินไป

    ฮั่นคิดในใจ...โดยลืมนึกไปว่า...

    บนโลกกลม ๆ ใบนี้ ไม่มีสิ่งใดที่เรียกว่า ความบังเอิญ อยู่ทั้งนั้น ทุกสิ่งล้วนแต่มีที่มาที่ไปเสมอ การที่เราได้พบเจอใครสักคน มันไม่ได้เกิดขึ้นจากความบังเอิญ หรือเพราะความที่โลกมันกลม แต่มันเกิดขึ้นเพราะความตั้งใจ...ความตั้งใจของสิ่งที่มองไม่เห็น และความตั้งใจของ ตัวเรา เอง...

    หากความรักเดินทางมาทักทายหัวใจของใครแล้ว ก็ยากนักที่รักนั้นจะถอนตัวออกไปจากหัวใจของใครคนนั้น เพราะความรักหากได้ลองหยั่งรากลึกลงไปในหัวใจแล้ว...รากลึกนั้นก็ยากที่มันจะหายไปเพียงชั่วข้ามคืน....คนบางคนถึงไม่ยอมลืมความรักที่เกิดขึ้นและเขาอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อลบลืมความรักนั้น...

    ถ้างั้นก็ไปกินข้าวกันครับ ว่าแต่...แล้วเราจะไปกันยังไงล่ะเนี่ย ร่มก็คันนิดเดียวเอง แกงส้มว่า พลางมองร่มที่ตัวเองถืออยู่ในมืออย่างนึกปลงในใจ

    เขากับพี่ชายคนนี้ตัวโตอย่างกับหมี ขืนเดินไปในร่มคันเดียวกัน คงได้เปียกหมดแน่ ๆ

    ไปกินที่ร้านข้าวต้มลุงแทนกันไหม อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้หรอก วิ่งฝ่าฝนไปไม่ถึงห้านาทีก็ถึงแล้ว ฝนตกปรอย ๆ อย่างนี้เราไม่น่าจะเปียกกันนะฮั่นเสนอความคิด พลางเบนสายตาไปมองสายฝนที่ตกพรำ

    อืม...ความคิดของพี่ก็ไม่เลวนะ ร้านนั้นผมก็รู้จัก งั้นเราไปกินร้านนั้นกัน ว่าแต่ว่า...แล้วเราจะวิ่งฝ่าฝนกันไปดื้อ ๆ แบบนี้อ่ะนะครับ ไม่คิดจะมีอะไรบังหัวกันสักนิดเลยหรอฮะ แกงส้มถาม พลางเบนสายตามองสายฝนที่ตกพรำ (เหมือนกับคนที่ยืนข้าง ๆ)

    เอาเสื้อพี่คลุมหัวกันไปแล้วกัน ตัวใหญ่ น่าจะบังฝนได้อยู่... พูดจบ ฮั่นก็ถอดเสื้อยีนส์ที่สวมอยู่ออก แกงส้มรีบหันหน้าหนีทันที

    เฮ้ย! หันหน้าหนีทำไม พี่ไม่ได้แก้ผ้าซะหน่อย แค่ถอดเสื้อตัวนอกเองนะ ฮั่นถาม พลางหยุดการถอดเสื้อไว้ ทำให้ตอนนี้ชายหนุ่มอยู่ในสภาพที่เสื้อยีนส์ถูกถอดไปแค่ครึ่งแขน และค้างอยู่อย่างนั้น

    เฮ้ย! ก็แล้วทำไมพี่ไม่ถอดให้มันเสร็จ ๆ ไปวะ ผมเขินนะเว้ย แกงส้มไม่พูดเปล่า แต่เจ้าตัวยังมีอาการหน้าแดงก่ำสนับสนุนคำพูดของตัวเองอีกด้วย

    เขินอะไรวะ...

    เออน่า...พี่จะถามให้มันมากความทำไม รีบ ๆ ถอดให้มันเสร็จ ๆ เลย หิวแล้ว!” แกงส้มไม่พูดเปล่า แต่เขายังส่งใบหน้าเหวี่ยงไปให้คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รับรู้อีกด้วยว่า หากเขายังมัวแต่ทำเป็นเล่นอยู่แบบนี้ อาจจะโดนงับหูเอาได้ง่าย ๆ ฮั่นจึงรีบถอดเสื้อยีนส์ออก ก่อนจะสะบัดสองสามทีเพื่อไล่กลิ่น

    ไป...ไปกันได้แล้ว ฮั่นว่าก่อนจะยกเสื้อขึ้นเหนือหัว พลางพยักหน้าเรียกคนที่กำลังพันร่มเก็บ คนโดนเรียก หันหน้าไปมองคนเรียก ก่อนที่เขาจะต้องตกใจ เมื่อเห็นว่าเขาจะต้องเข้าไปอยู่ใกล้ชิดกับคน ๆ นี้

    คิดถูกหรือคิดผิดนะที่จะใช้เสื้อยีนส์บังฝนแล้ววิ่งไปร้านลุงแทนเนี่ย...

    เอ้า! ยืนมองอะไรอยู่ล่ะ หิวไม่ใช่หรอ รีบ ๆ เข้ามาสิ เสียงเรียกของคนเป็นพี่ ทำให้แกงส้มค่อย เขยิบเดินเข้าไปใกล้ จากนั้นฮั่นก็ดึงไหล่ของคนที่ร่างบาง (กว่าเขานิดหน่อย) ให้เขยิบเข้ามาชิดมากขึ้น ก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปกระซิบที่ข้างหูคนที่ยืนข้าง ๆ ว่า

    พอพี่นับ 1 2 3...เราก็ออกวิ่งกันเลยนะ โอเคไหม...

    แกงส้มไม่ตอบอะไรแต่พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงว่ารับรู้

    เอาล่ะ...1 2 3...วิ่ง!!!!”

    แล้วคนสองคนก็วิ่งฝ่าสายฝนที่ตกพรำ ๆ ออกไปจากจากชายคาของร้านหนังสือแบ่งปัน...ร่างสองร่างที่วิ่งออกไปนั้นได้ทำให้เกิดความรู้สึกดี ๆ ขึ้นภายในหัวใจของคนทั้งสอง

    ในวันที่สายฝนตกพรำ ๆ เราคงนึกอยากจะมีใครสักคนมายืนกางร่มให้แล้วบอกว่าเดินไปด้วยกันภายใต้ร่มคันนั้นไหม...แต่ก็ยังมีใครอีกหลายคนที่ไม่ได้อยากจะมีใครสักคนมากางร่มให้ แต่อยากมีใครที่พร้อมจะจับมือแล้วบอกว่า...เราเดินฝ่าสายฝนไปด้วยกันเถอะมากกว่า

    และหนึ่งในคนเหล่านั้นก็คือคนสองคนที่เพิ่งจะวิ่งออกไปนั่นเอง

    ฮั่นทิ้งความเหงาและความอ้างว้างไว้เบื้องหลัง...เพื่อจะออกวิ่งไปเจอกับสิ่งที่เขาคิดว่ามันน่าจะดีกว่า...เขาไม่ได้เลือกที่จะทิ้งความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อคนในจดหมาย แต่เขาเลือกที่จะทิ้งสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่ดีไว้ที่นี่ต่างหาก

    เขาจะไม่ขอนัดเจอกับน้องเคเอสอีกแล้ว...

    จะไม่ขอนัดเจอจนกว่าเขา...จะทำใจได้กับเรื่องที่ต้องถูก ผิดนัด’...

    ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ย่อมไม่ต้องการเป็นคนที่ถูก ทิ้ง ด้วยกันทั้งนั้น!

    และเขาเองก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น...

     

    รถเยอะจัง นี่ขนาดสองทุ่มกว่าแล้วนะเนี่ย แกงส้มบ่นออกมาเมื่อเขายืนรอสัญญาณไฟจราจรเพื่อจะข้ามถนน ร่างสูงที่ยืนชูเสื้ออยู่ เงยหน้าจากการเผลอมองใบหน้าหวานของคนข้าง ๆ ไปมองถนนที่มีรถติดไฟแดงยาวเหยียด

    มันก็เรื่องปกตินะ แถวนี้รถก็ติดเป็นประจำอยู่แล้วนี่...อุ๊ย!” ฮั่นอุทานออกมา เมื่อมีแรงกระแทกจากด้านหลังส่งผลทำให้หน้าอกกว้างของเขากระแทกเข้ากับไหล่ของคนที่ยืนอยู่ด้านหน้า รวมทั้งใบหน้าของเขาก็ยังซบลงไปที่กลุ่มผมหนาของคนที่อยู่ด้านหน้าแบบพอดิบพอดีอีกด้วย การกระทำนี้ของเขา ทำให้แกงส้มหันหน้ามามอง  ก่อนที่คนมองจะก้มหน้าหลบสายตาที่เขามองกลับไป

    คงเพราะเราใกล้กันเกินไปสินะ...ถึงได้รู้สึกเขินกันเองแบบนี้

    ใช่...ตอนนี้เขากำลังรู้สึกเขิน...เขินอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน ทั้ง ๆ ที่แค่แตะสัมผัสกันเพียงแผ่วเบาเท่านั้นนะ แต่ทำไมมันทำให้รู้สึกเขินได้แบบนี้ก็ไม่รู้

    แถมกลิ่นหอมของแชมพูจากผมของคนตรงหน้าก็เหมือนจะติดจมูกเขาไปเสียแล้ว...

    คราวก่อนก็โดนมนต์แป้งเด็ก คราวนี้โดนมนต์ยาสระผมเข้าไปอีก...

    เอาเข้าไปไอ้ฮั่น...มึงจะโดนมนต์น้องเขาทุกอย่างเลยใช่ไหม!!!

    พี่ครับ...เดินได้แล้ว ไฟเขียวแล้วครับ เสียงเรียกของคนที่อยู่ด้านหน้าเรียกสติของฮั่นให้กลับคืนมา ชายหนุ่มรีบสาวเท้าตามคนข้างหน้าไปอย่างรวดเร็ว อากัปกริยานี้ของเขาเรียกดวงตาของคนที่เดินข้ามถนนพร้อมกันหลายคนให้หันมามอง

    ภาพของผู้ชายร่างสูงใหญ่หุ่นสมชายชาตรี เดินถือเสื้อยีนส์ตัวใหญ่กันฝนให้กับผู้ชายอีกคนที่มีรูปร่างสูงโปร่งและมีขนาดความสูงพอ ๆ กัน แถมระยะห่างของร่างกายผู้ชายสองคนนั้นก็แทบจะเรียกได้ว่า ไม่มี...

    เจอกันตรง ๆ ชัด ๆ แบบนี้...ไม่ให้พวกเขาคิดก็ไม่รู้ว่าจะว่าอย่างไรแล้ว...

     

     

    สั่งอะไรดีอ่ะพี่ เมื่อมานั่งที่โต๊ะในร้านข้าวต้มซึ่งตั้งอยู่บนฟุตบาธริมถนน แกงส้มก็เอ่ยถามคนที่นั่งพลิกเมนูในมือไปมา

    อืม...แกงส้มล่ะกัน

    ฮะ!?!”

    คนโดนสั่งเป็นกับข้าวสะดุ้งขึ้นมาเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง

    พี่บอกว่าพี่จะกินแกงส้ม ทำไม...ตกใจอะไร ฮั่นถามพลางมองหน้าคนที่นั่งตรงข้ามเขาอย่างงง ๆ

    ปะ เปล่าครับ แล้วนอกจากแกงส้มพี่จะกินอะไรอีกครับ

    อืม...ไข่เจียวแล้วกัน แกงส้มก็ต้องคู่กับไข่เจียว กินคู่กันอร่อยดีนะ เอายำปลาดุกฟูด้วย ชอบ...อืม เอาอะไรอีกดี... เมื่อได้พูดถึงของกิน ฮั่นก็ดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นมา

    ก็เขาชอบเรื่องของอาหารเป็นชีวิตจิตใจนี่นา...

    อืม...เอาต้มยำเพิ่มแล้วกันพี่ ผมอยากกิน

    โอเคตามนั้น...ลุงแทน...สั่งอาหารหน่อยคร้าบบบบ

    เมื่อได้เมนูอาหารที่ต้องการ ฮั่นก็ตะโกนเรียกคนเป็นเจ้าของร้านให้ออกมารับออร์เดอร์ของเขา...เจ้าของร้านที่ทำผมทรงโมฮอกสีขาวเงินเดินออกมาพร้อมสมุดจดเล่มเล็ก ๆ

    ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเรา หายหัวไปไหนมาล่ะ

    ผมไปทำงานอยู่ร้านอาหารครับ ก็เลยไม่ได้มาเลย คิดถึงลุงจะแย่แล้วเนี่ย ฮั่นพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนคนที่เดินมาถึง แน่นอนว่าอากัปกิริยานี้ของเขาทำให้คนที่มาด้วยต้องตกตะลึงจนนั่งอึ้ง

    ผู้ชายตัวโตกำลังทำเสียงอ้อนผู้ชายที่ตัวโตกว่า...คุณพระ!

    ไม่ต้องมาทำเป็นอ้อนเลยไอ้ตัวแสบ นี่อย่าบอกนะว่าแอบขโมยสูตรที่ร้านลุงไปน่ะ

    ง่ะ! ใครจะกล้าทำแบบนั้นครับลุง ผมไปเป็นเชฟอาหารอิตาเลี่ยนคร้าบบบบบบบ ฮั่นว่าก่อนจะต้องอมยิ้มขำเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่มากับเขา

    นี่...จะนั่งอ้าปากค้างให้ยุงมันเข้าไปไข่หรือไง

    อ่ะ...ผมไม่ได้เป็นแบบนั้นซะหน่อย แกงส้มว่าพลางรีบงับปากของตัวเองทันที

    อ้อหรอ ๆ ๆ เห็นนั่งอ้าปากค้างแบบนั้นก็นึกว่าจะให้ยุงมันไปเพาะพันธุ์ ฮ่า ๆ ๆ โอ๊ย ๆ ๆ เออ ๆ ไม่แซวแล้วก็ได้ ฮั่นเลิกแซวคนตรงข้ามทันที เมื่อโดนมือบางฟาดมาที่ไหล่

    อาการหยอกล้อของคนสองคน ทำให้คนที่ยืนมอง รู้สึกได้ถึงความพิเศษบางอย่างที่ลอยวนอยู่รอบ ๆ คนทั้งคู่...เขาไม่ได้มีญาณวิเศษอะไร แต่แค่สังเกตจากสายตาและท่าทางของคนสองคน มันก็สามารถบ่งบอกได้แล้วว่า...อะไรเป็นอะไร...หึ ๆ

    เอ้า ๆ เลิกเล่นกันสักที ตกลงว่าจะกินอะไรกันมั่งล่ะ

    ก่อนจะสั่ง ผมขอแนะนำให้เจ้าเด็กคนนี้รู้จักลุงก่อนนะครับ นี่นาย...ลุงคนนี้เขาชื่อว่าลุงแทนนะ เป็นเจ้าของร้านที่นี่ แล้วก็มีศักดิ์เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของพ่อฉัน หรือเรียกสั้น ๆ ว่ามีศักดิ์เป็นลุงนั่นเอง โอ๊ย! ลุงอ่ะมาตบหัวผมทำไมเนี่ย เจ็บนะ

    ก็แล้วแกจะแนะนำฉันให้มันเหมือนคนปกติเค้าหน่อยได้ไหมเล่า ไอ้นี่...กวนตลอด

    เชอะ! ผมงอนลุงแล้ว!”

    เออดี...งั้นไม่ต้องสั่งอะไรนะ

    โอ๋ย ๆ ๆ ๆ ผมขอโทษคร้าบบบบ เอาเป็นว่าผมเอา แกงส้มผักรวม ไข่เจียว ยำปลาดุกฟู แล้วก็ต้มยำครับ สั่งเมนูอาหารเสร็จ ลุงแทนก็หันไปยิ้มให้คนที่มากับคนที่เป็นหลานชายของเขา ก่อนจะก้มหน้าลงไปกระซิบที่ข้างหูของคนหน้าหวานว่า

    ลุงไม่อยากจะบอกหรอกนะว่า...ไอ้บ้านั่นอย่าให้มันทำตัวอ้อนเราเป็นอันขาด ไม่งั้นเราจะ เสร็จ มันแน่นอน หมอนี่มันอ้อนเก่ง... พูดจบ ลุงแทนก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะยักคิ้วไปให้แกงส้ม คนที่รับรู้เรื่องราวนี้ อมยิ้มขึ้นมาก่อนต้องเอากระดาษเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาปิดหน้าตัวเองแล้วยิ้มแบบกว้างสุดปาก

    พี่ชายใจดีคนนี้...มีมุมน่ารักแบบนี้ด้วยหรอ...

    อ๊ากกกกกกกก น่ารักว่ะ!

     

    หลังจากที่ลุงแทนรับออร์เดอร์ไปแล้ว เขาก็ไปทำอาหารตามที่ได้รับออร์เดอร์มา ทิ้งให้คนที่นั่งรอที่โต๊ะต้องหันมามองหน้ากัน โชคดีที่ตอนนี้ฝนหยุดตกไปแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่ได้มานั่งกินข้าวกันด้านนอกแบบนี้ สายลมที่พัดเอื่อยให้ความรู้สึกที่เย็นสบาย ท้องฟ้าที่เปิดกว้างมากขึ้น ทำให้พอมองเห็นดวงดาวที่ส่องประกายบนท้องฟ้า

    พี่เชื่อในเรื่องของพรหมลิขิตไหมครับ...?

    หืม...พรหมลิขิตหรอ ?

    ใช่ครับ พรหมลิขิต

    ไม่รู้สินะ...แต่ก่อนพี่ก็คงไม่เชื่อ แต่พอพี่ได้พบกับใครคนหนึ่ง...พี่ก็เริ่มจะเชื่อแล้วว่าพรหมลิขิตมีจริง... ฮั่นว่าพลางนึกไปถึงคนที่เขาเขียนจดหมายถึง

    ไม่ว่าอย่างไร...คนที่อยู่ในห้วงความคิดของเขาก็คือน้องเคเอส...

    เหมือนผมเลยครับ แต่ก่อนผมคิดเสมอว่า...การที่คนสองคนจะได้มาเจอกันนั้นมันก็คงไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไร แต่พอผมได้พบกับใครคนนั้น...ผมก็รู้เลยว่า...สิ่งที่ยากที่สุดของการได้พบกันก็คือ...จังหวะเวลา...จังหวะเวลาที่ไม่รู้ว่าจะได้ตรงกันเมื่อไหร่...”

    คำพูดของคนที่นั่งตรงข้าม ทำให้ฮั่นรู้สึกฉุกใจขึ้นมา...

    จังหวะเวลาอย่างนั้นหรอ...

    นั่นสินะ...หรือว่าจังหวะเวลาของเราสองคนยังไม่ตรงกัน...

    วันนี้เขาถึงยังไม่ได้เจอกับน้องเคเอส...

    หรืออาจจะมีบางอย่างผิดพลาดจริง ๆ...

    มาแล้ววววววววว แล้วเสียงของลุงแทนที่มาพร้อมกับอาหารกลิ่นหอมฉุย ก็ทำให้ผมพุ่งความสนใจไปที่อาหารหลายอย่างบนโต๊ะ

    โห...น่ากินทั้งนั้นเลยฮะ

    ไม่ใช่แค่น่ากินนะ แต่รสชาติก็ยังอร่อยเหาะอีกด้วย ไม่เชื่อลองชิมสิ ฮั่นไม่พูดเปล่า แต่เขายังตักยำปลาดุกฟูใส่จานให้แกงส้มอีกด้วย คนถูกตักอาหารให้รู้สึกเขินขึ้นมานิดหน่อย

    ปกติไม่เคยมีใครมาทำอะไรแบบนี้ให้เขา...

    และเขาก็ไม่คิดว่าการโดนทำอะไรแบบนี้ มันจะให้ความรู้สึกที่ดีได้ขนาดนี้...

    การเป็นคนที่ถูกดูแล...มันก็ดีไปอีกแบบหนึ่งแฮะ

    แล้วคนสองคนก็ผลัดกันเป็นคนดูแลและผู้ถูกดูแลไปพร้อม ๆ กัน...บรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่ไม่จำเป็นต้องมีอาหารที่ราคาแพงใด ๆ ก็ทำให้ความสุขลอยอบอวลรอบตัวคนทั้งสองได้

    ความสุขในมื้ออาหารไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ราคาของอาหาร...แต่มันขึ้นอยู่ที่...คนที่มาทานอาหารกับเรา มากกว่า!

     

     

    โอ๊ย...อิ่มจนท้องจะแตก ฮั่นพูดพลางเอามือมาลูบท้องตัวเอง จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าคนที่เขาพามาด้วย กำลังนั่งซดน้ำต้มยำช้อนสุดท้ายเข้าปาก

    ถ้าจะซดขนาดนั้นนะ คราวหน้าพี่ว่าเราเอาหลอดมาดูดเลยดีกว่า

    ไม่เอาอ่ะพี่ ใช้หลอดดูดแล้วมันทำให้สำลัก เอาช้อนตักแบบนี้แหล่ะดีแล้ว...เง้อ! พี่อ๊า...

    ฮั่นขำออกมาทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่กำลังทำหน้าตาน่ารัก...เสียงหัวเราะของเขาทำให้คนที่กำลังทำหน้าน่ารัก ต้องหันมาทำท่าแยกเขี้ยวใส่เขา

    ชอบแซวผมตลอดเลยนะพี่ เดี๋ยวเหอะ!”

    ฮ่า ๆ ๆ กลัวจังเลย ว่าแต่ว่า...ตกลงเราไปทำอะไรที่คอนโดพี่อ่ะ

    ถ้าผมบอกพี่อย่าตกใจนะ

    อืม...ลองบอกมาสิ

    ผมย้ายไปอยู่ที่นั่นชั่วคราวครับ

    ฮะ...ว่าไงนะ ย้ายมาอยู่ที่นั่นชั่วคราวหรอ เมื่อได้ยินว่าคนตรงหน้าย้ายมาอยู่ที่คอนโดเขา ฮั่นก็ตกใจปนดีใจจนแทบจะลุกขึ้นยืนเขย่าตัวคนพูด

    น้องย้ายมาอยู่ที่คอนโดเขา!!!!

    แปลว่าเรา...จะได้เจอกันบ่อยขึ้นน่ะสิ...

    เยส!

    ครับ...ก็คอนโดที่ผมเคยอยู่ เค้าปิดปรับปรุงชั่วคราว ผมก็เลยต้องย้ายไปอยู่ที่คอนโดพี่อ่ะ เออจริงสิ...พี่อยู่ห้องอะไรอ่ะ...?

    เฮ้ย! อยู่ดี ๆ มาถามเลขห้องเค้า เค้าเขินนะ... แล้วคนที่พูดว่าเขินก็ทำท่าบิดไปบิดมา จนคนที่มองต้องเบ้หน้า

    พี่อย่าทำท่าแบบนี้เลยครับ ไม่เข้ากับพี่สักนิด เมื่อเจอเบรกซะจนหัวแทบทิ่มขนาดนี้ ฮั่นก็เลิกทำท่าเขินแบบแอ๊บแบ๊วทันที

    ก่อนจะถามเลขห้องคนอื่น บอกเลขห้องตัวเองมาก่อนสิ

    ไม่เอา...พี่บอกก่อนสิ

    ไม่เอา...เราบอกก่อน

    พี่บอกก่อน

    เราบอกก่อน

    พี่...

    เรา...

    งั้นบอกพร้อมกัน/งั้นบอกพร้อมกัน แล้วทั้งสองคนก็เอ่ยประโยคนี้ออกมาพร้อมกัน

    เอ่อ...

    เอ่อ...

    พอจะพูดประโยคต่อมา ก็เกิดอาการติดอ่างพร้อมกันอีก...เอาเข้าไป

    งั้นผมนับ 1 2 3 แล้วเราก็พูดพร้อมกันเลย โอเคไหมครับ

    อืม...

    1 2 3...828 ครับ... แล้วคนนับก็เป็นฝ่ายพูดออกมา โดยที่ไม่มีเสียงของอีกฝ่ายที่ไม่ได้นับพูด แกงส้มมองหน้าคนที่นั่งอมยิ้มกริ่มด้วยดวงตาที่เอาเรื่องทันที

    ทำไมพี่ไม่พูดพร้อมผมล่ะ!”

    ก็พี่ยังไม่ได้บอกว่าตกลงแล้วพี่จะพูดพร้อมกับเรานี่

    แต่พี่รับคำว่าอืมแล้วนะครับ แกงส้มโวยวายออกมา ก่อนที่คำตอบของคนที่นั่งอมยิ้มจะทำให้เขาเหมือนคนที่เสียรู้

    อืมของพี่หมายถึงรับรู้แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำตามนี่ครับ

    อ๊ากกกกกกกกก พี่มันชั่วร้าย!” แล้วแกงส้มก็เอาส้อมที่วางอยู่บนโต๊ะมาจิ้มไปที่ต้นแขนของคนที่นั่งเอามือกุมท้องหัวเราะอย่างเคืองสุดขีดทันที

    ฮ่า ๆ ๆ ๆ โอ๊ย...ก็เราอยากซื่อเองทำไมล่ะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ

    เสียงหัวเราะและเสียงโวยวายของคนทั้งคู่ ทำให้คนที่เป็นเจ้าของร้านต้องส่ายหัวเบา ๆ

    มันคิดว่ามันมีกันอยู่สองคนบนโลกใบนี้หรือไงวะ...

    ไอ้พวกบ้าเอ๊ย!

    เกรงใจลูกค้าโต๊ะอื่นที่เขามองมึงแบบอิจฉาบ้างก็ได้เว้ย!

     

     

    ตกลงพี่จะไม่บอกผมจริง ๆ ใช่ไหมว่าพี่อยู่ห้องไหน... แกงส้มเอ่ยถามเมื่ออยู่กันตามลำพังในลิฟต์กว้าง ฮั่นส่ายหัวก่อนจะอมยิ้มกรุ้มกริ่ม...

    เรื่องอะไรจะบอกว่าเราอยู่ห้องตรงข้ามกัน...ขืนบอกไปแบบนั้นก็ไม่เซอร์ไพร์สน่ะสิ!

    เออ...ไม่บอกก็อย่าบอก จำไว้เลย

    จำอะไรหรอ...

    ไม่รู้ไม่ชี้ ผมไม่พูดกับพี่แล้ว พูดจบ ลิฟต์ก็เปิดที่ชั้น 8 พอดี แกงส้มรีบสาวเท้าออกไปก่อนจะหันมาแลบลิ้นใส่คนที่อยู่ในลิฟต์ จากนั้นฮั่นก็เปิดประตูลิฟต์ค้างไว้...

    พี่จะเปิดประตูลิฟต์ค้างไว้ทำไม เผื่อคนอื่นเรียก เดี๋ยวเค้าก็บ่นพี่หรอก

    พี่อยากเปิดดูเพื่อให้รู้ว่าเราเข้าห้องเรียบร้อยแล้ว

    เพื่อ?

    เพื่อที่พี่จะได้ไม่ต้อง เป็นห่วง เราไง... แค่ถ้อยคำสองพยางค์นี้ที่ทำให้คนถูกเป็นห่วงต้องยกยิ้มขึ้นมาก่อนที่เขาจะรีบก้าวเท้าเร็ว ๆ เดินไปที่ห้องตัวเอง แต่ก่อนที่เขาจะเดินเข้าห้องไป แกงส้มก็หันมาโบกมือให้กับคนที่อยู่ในลิฟต์พลางตะโกนออกไปเสียงดังว่า

    พี่ก็กลับห้องตัวเองดี ๆ ล่ะ อย่าไปกวนประสาทใครเค้านัก บาย ๆ ครับ...

    แล้วร่างของแกงส้มก็หายเข้าไปในห้อง....ทิ้งให้คนที่มองตามอย่างฮั่นต้องยิ้มกว้างออกมาอย่างอารมณ์ดี

    ขอบคุณนะ...ที่ทำให้ค่ำคืนที่พี่รู้สึกเกลียดฝน กลายเป็นค่ำคืนที่พี่รู้สึกรักฝนขึ้นมา...

    น้องเคเอสครับ...พรุ่งนี้พี่จะไปรอเราอีก...

    พี่จะไม่หมดหวังที่จะไปเจอเรานะครับ...รอเจอพี่นะ...

     

     

    เห...?

    ทันทีที่ย่างเท้าเข้ามาภายในร้าน ป๊อกก็ต้องรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นว่ามีจดหมายฉบับหนึ่งวางอยู่บนเคาน์เตอร์ของเธอ หญิงสาวตะโกนเรียกน้องสาวที่อยู่ภายในห้องหลังเคาน์เตอร์ทันที

    มีไรพี่?

    จดหมายนี่...ใครเอามาวางไว้

    อ๋อ...ไอ้แกงมันฝากให้พี่อ่ะ มันรีบมาแต่เช้าเลย บอกว่ามันสลับเวรกับพี่หนึ่งอ่ะ เมื่อป๊อกได้ยินดังนั้น หญิงสาวก็พยักหน้าเป็นเชิงว่ารับรู้ และยังไม่ทันที่เธอจะได้ทำอะไร ร่างสูงของใครคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามา

    คุณป๊อก อรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้ผมมีอาหารญี่ปุ่นมาฝากครับ

    อาหารญี่ปุ่น...มาม่าหรอคะ?

    โหย...มาม่ามันไม่มีประโยชน์ครับ ทานนี่ดีกว่า...ราเม็งสูตรพิเศษของผม รับรองว่าคุณป๊อกจะต้องติดใจ เอ้อ...ผมเอามาฝากน้องสาวคุณป๊อกด้วยนะครับ ฮั่นไม่พูดเปล่า แต่ยังส่งกล่องที่บรรจุราเม็งให้กับหญิงสาวหน้าสวยที่ยืนมองเขาตาเยิ้ม

    ชะ เชฟฮั่นทำมาเผื่อเกรซด้วยหรอคะ

    ครับ...ตอบแทนที่คุณไปทานอาหารที่ร้านผมทุกวันไงครับ

    ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ เกรซคงมีความสุขไปอีกหลายวันเลย อ๊ายยยยยย ดีใจเวอร์ค่ะ แล้วคนดีใจเวอร์ก็คว้ากล่องราเม็งไปถือไว้แนบอก จากนั้นหญิงสาวก็วิ่งเข้าไปในห้องหลังเคาน์เตอร์อย่างรวดเร็ว

    อย่าไปสนใจยัยเกรซมันเลยค่ะ มันก็บ้า ๆ ของมันแบบนี้แหล่ะ ว่าแต่...วันนี้เจ้าเด็กนั่นเอาจดหมายมาส่งแต่เช้าเลยนะคะ คงไม่เข้ามาที่นี่แล้วล่ะค่ะ ป๊อกชี้แจง ก่อนจะส่งจดหมายที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์มาให้กับชายหนุ่มที่บัดนี้ยืนทำหน้านิ่งเป็นรูปปั้นไปเรียบร้อยแล้ว

    งั้นหรอครับ...ถ้าอย่างนั้น...ผมฝากราเม็งไว้ให้น้องเค้าด้วยนะครับ...เผื่อน้องเค้าจะแวะเข้ามา....

    ค่ะ ได้ค่ะ

    ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนแล้วกันครับ... พูดจบ ฮั่นก็วางกล่องราเม็งอีกสองกล่องไว้บนเคาน์เตอร์ จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินออกไป ร่องรอยความเศร้าที่ปรากฏชัดในดวงตาคู่นั้น ทำให้ป๊อกนึกสงสารชายหนุ่มขึ้นมา

    ท่าทางว่างานนี้เธอจะต้องออกโรงสอบถามไอ้ตัวแสบแกงส้มซะแล้ว...ว่าทำไมถึงไม่ยอมไปตามนัด!

     

    แอ๊ด...

    เสียงเปิดประตูอีกครั้ง เรียกดวงตาของป๊อกให้หันไปมอง แล้วเธอก็พบกับชายหนุ่มรูปร่างสูงสมส่วนที่อยู่ในชุดนักศึกษาสีขาวสะอาดตา ใบหน้าคมสันรับกับสันจมูกโด่ง บวกกับริมฝีปากสีชมพูอ่อน ทำให้คนที่มองถึงกับต้องยกมือขึ้นตบเบา ๆ ที่แก้มตัวเอง

    นี่เธอกำลังฝันอยู่หรือเปล่า...ทำไมรู้สึกเหมือนเจอเทพบุตรตอนเช้าเลย!

    ขอโทษนะครับ...คือผมจะเอาหนังสือมาบริจาค ไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของร้านครับ เสียงทุ้มน่าฟัง ทำให้คนที่กำลังเคลิ้ม ต้องรีบสะบัดศีรษะตัวเองไปมา ก่อนที่ป๊อกจะเดินไปที่หลังเคาน์เตอร์เพื่อแสดงตัวให้ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่า...เธอนี่แหล่ะ...เจ้าของร้าน

    ฉันเองค่ะ

    อ่อ...ผมเอาหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยามาบริจาคน่ะครับ ไม่ทราบว่าผมต้องทำยังไงบ้างครับ

    ก็เดี๋ยวกรอกข้อมูลลงในนี้นะคะ... แล้วป๊อกก็แนะนำวิธีการกรอกข้อมูลต่าง ๆ ให้ชายหนุ่ม (ที่เธอแอบเล็งไว้ในใจ) หญิงสาวอาศัยจังหวะที่หนุ่มคนนี้กำลังกรอกข้อมูลสำรวจตรวจตราบนใบหน้าหล่อนั้นอีกครั้ง...เฮ้อ...ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้หล่อจัง!

    ถ้าได้เป็นแฟนสักวัน...ให้ป๊อกทำอะไรก็ยอมนะคะ...~

    เอ่อคุณครับ...

    คะ คะ...

    เรียบร้อยแล้วครับ เอ่อ...ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนนะครับ

    ค่ะ แล้วคนที่ปกติจะชอบพูดยาวเป็นหางว่าว ก็ทำได้แต่เพียงโบกมือให้กับคนที่เพิ่งเดินออกไป หญิงสาวหยิบกระดาษที่มีข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือที่บริจาคขึ้นมาดู จากนั้นดวงตาของป๊อกก็เบิกโตขึ้น เมื่อเธอเห็นตัวหนังสือขยุกขยิก ๆ เล็ก ๆ ที่เขียนไว้ที่ด้านล่างสุดของกระดาษ

    ...ผมแอบมองคุณมานานแล้วนะครับ...รู้ตัวบ้างหรือเปล่าครับคุณบรรณารักษ์...><

    กรี๊ดดดดดดดดดด นี่มันคือความจริงใช่ไหม...?

    ป๊อกกรี๊ดออกมาเบา ๆ กับตัวเอง ก่อนที่เธอจะหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาส่องใกล้ ๆ อีกครั้ง

    เธอไม่ได้ฝัน ตัวหนังสือพวกนี้มันมีอยู่จริง ๆ ผู้ชายคนเมื่อกี้...เขาเขียนประโยคนี้จริง ๆ

    กรี๊ด!

    ปล.แต่ฉันไม่ใช่บรรณารักษ์นะยะ! บรรณารักษ์เขาไว้ใช้กับห้องสมุดย่ะ! แต่ก็เอาเถอะ...คนสวยให้อภัย

    ป๊อกคิดในใจ ก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดูอีกครั้ง...อีกครั้ง...และอีกครั้ง...

     

     

    ถึง พี่หมี

    แถวบ้านผม ฝนก็ตกหนักมากเลยครับ...ตกได้ตกดี ตกทั้งวี่ทั้งวัน เฮ้อ...ผมเบื่อฝนชะมัด พี่หมีครับ...ผมอยากรู้จังว่า...พี่จะมาเจอผมวันไหน ? เราจะได้เจอกันไหม ? ที่ผมถามไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ...

    แต่ผมแค่อยากเจอพี่หมีตัวเป็น ๆ เพื่อขอบคุณสำหรับไก่ตุ๋นยาจีนที่อร่อยที่สุดในสามโลกน่ะครับ...มันอร่อยจริง ๆ นะพี่!!!! โคตร ๆ เลยอ่ะจริง ๆ...ไม่เคยกินไก่ตุ๋นที่อร่อยแบบนี้มาก่อนเลย...ขอบคุณมาก ๆ ครับที่ทำให้ผมได้กินของอร่อย ๆ แบบนี้ ถ้าใครได้พี่ไปเป็นแฟน...คงโชคดีสุด ๆ ไปเลยเนอะ...

    จริงสิพี่...จดหมายที่ส่งมา ผมทำมันเปื้อนน้ำกับหมึกอ่ะ มันเลยใจความเหมือนขาดหายไป ถ้าหากผมตอบอะไรพี่ไปไม่ครบทุกสิ่งที่พี่ถามมา ผมก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ สัญญาว่าจดหมายฉบับหน้าจะเก็บรักษาให้ดีกว่านี้ พอดีผมยุ่ง ๆ กับการย้ายที่อยู่และงานที่ทำน่ะครับ อาจจะไปส่งจดหมายไม่เป็นเวลานะฮะ พี่อย่างอนผมล่ะ...ผมไม่ได้อยากจะทำให้พี่ต้องรู้สึกไม่ดีนะครับ...

    เพราะว่าผม แคร์ความรู้สึก ของพี่มาก ๆ แม้เราจะไม่ได้เจอกัน แต่ผมก็อยากให้พี่รู้ว่า...พี่ยังมีผมที่อยู่ไกล ๆ คอยเป็นห่วงและเป็นกำลังใจให้พี่เสมอ...ผมอยากให้ทุกตัวอักษรของผมทำให้พี่รู้สึกดีแบบนี้ไปตลอด เพราะผมเองรู้สึกดีกับทุกตัวอักษรที่พี่เขียนมา...

    ไม่อยากจะเชื่อเลยนะครับว่าผมจะได้มาทำอะไรแบบนี้...เป็นเพราะพี่คนเดียวเลยรู้ไหมครับ ที่ทำให้ผมได้มารู้จักกับโลกที่ผมไม่เคยได้พบเจอ...ขอบคุณที่พี่พาผมให้มารู้จักโลกนี้ของพี่ แล้วพี่ล่ะครับ...อยากลองมารู้จักโลกของผมดูบ้างไหม...? โลกของผม...คือโลกแห่งเสียงดนตรีครับ...จดหมายฉบับหน้าผมจะเขียน เพลงของเรา มาให้พี่ลองอ่านดูนะครับ...

    แล้วพบกันใหม่ครับพี่หมี...ที่แสนดีและน่ารักของผม

     

    จาก น้องเคเอส

     

    ปล. ความห่วงใยของผมอาจมองไม่เห็นด้วยสายตา แต่ทว่ามันสามารถรับรู้ได้ด้วยความรู้สึกจากข้างในหัวใจนะครับ ขอให้พี่เชื่อในความรู้สีกที่เรามีต่อกัน...ไม่ว่าจะเกิดอะไร...พี่คือคนที่ผม รู้สึกดี ๆด้วยครับ...

     

     

    นิ้วเรียวค่อย ๆ บรรจงพับจดหมายเข้าซอง ชายหนุ่มยกซองจดหมายฉบับนั้นขึ้นมาแล้วบรรจงจูบไปเบา ๆ ที่จดหมายฉบับนั้น

    เขารู้แล้วว่าทำไมน้องถึงไม่ไปตามนัดของเขา...คงเพราะข้อความนั้นของเขามันหายไปสินะ...

    เขาเข้าใจแล้ว...และเขาก็จะเชื่อในความรู้สึกของเขาเช่นเดียวกัน...

    ว่าไม่ว่าอย่างไร...คนที่ทำให้หัวใจของเขากำลังรู้สึกดี ๆ ด้วยมากที่สุด ก็คือ คนที่อยู่ในจดหมาย’...

    แม้ว่าคนที่อยู่ในโลกแห่งความจริงกำลังจะทำให้เขาหวั่นไหว...แต่สุดท้ายแล้วคนที่ทำให้เขายิ้มได้และทุกข์ได้ไปพร้อม ๆ กันก็ยังเป็นคน ๆ นั้น...คนที่อยู่ในจดหมายอยู่ดี...

     

     

    หากความรักเริ่มต้นด้วยความรู้สึกดี ๆ...ความรักนั้นก็จะค่อย ๆ เติบโตไปอย่างงดงามในหัวใจ แม้ว่าจะต้องพบเจอกับอะไร แต่ความรู้สึกดี ๆ ที่มีนั้นจะสามารถลบทำลายสิ่งเลวร้ายได้...เพราะ...ความรักชนะทุกสิ่ง’...

     

     

     

     

     

     

     

    //มะ มะ มาอัพเรื่องนี้อีกแล้ววววววว เค้าไม่ได้ลืมฟิคสั้นแต่อย่างใด เพียงแต่ว่า...หลังจากที่สอบเสร็จแล้วนั่งรถเมล์กลับบ้าน พล็อตตอนนี้ก็วิ่งตุบตับ ๆ อยู่ในหัว จนทำให้กลับมาบ้านต้องปั่น ๆ ๆ อย่างรวดเร็ว แต่ก็มาดึกอยู่ดี 555+ เอาเป็นว่า...ขอโทษนะคะที่ไม่สามารถทำให้พี่น้องได้รับรู้กันได้ว่าเขาคือคนในจดหมายของกันและกัน ย้ำชัดๆ ว่าไม่ได้ทรมาณคนอ่านแต่อย่างใด แต่แค่อยากให้คนสองคนได้ค่อย ๆ ผูกพันถักทอสายใยกันไปเรื่อย ๆ ค่ะ ^^

    หวังว่าตอนนี้จะทำให้ยิ้มได้นะคะ ไม่ต้องกลัวว่าเค้าจะเขียนดราม่านาน,,,เค้าไม่ชอบเขียนหรอก มันบีบคั้นหัวใจ...หุหุ เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ (หากมีคำผิดต้องขออภัย)....

     

    รักคนอ่านมากมายนะคะ ,,, แค่อยากให้รู้ไว้ว่า...ทุกการเข้ามาอ่านของทุกคน ทำให้เค้ามีกำลังใจที่จะเขียนต่อไปจริง ๆ ค่ะ ไปแล้วค่า,,,บาย ๆ ><~
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×