คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5 : หรือเราอาจไม่มีวันได้เจอกัน...
บทที่ 5 : หรือเราอาจไม่มีวันได้เจอกัน...
“ไอ้ฮั่นนนนนนน นี่แกจะทำซุปไก่ตุ๋นยาจีนไปฝากใครวะ ทำไมมันเยอะแยะเยี่ยงนี้ แต่กลิ่นหอมจังเลยว่ะ อ๊ายยยยยย ขอชิมหน่อยนะ”
จ๋าไม่พูดเปล่า แต่ยังเอาทัพพีที่วางอยู่ไปตักน้ำซุปในหม้อออกมาชิมด้วย แต่ยังไม่ทันที่ริมฝีปากจะได้สัมผัสกับทัพพี มือหนาของฮั่นก็ฟาดไปที่หลังมือของหญิงสาวเสียก่อน
“ไปเอาช้อนมาตักจากทัพพี ชิมจากทัพพีแบบนี้สกปรกไอ้จ๋า”
“โหยไอ้ฮั่น คนกันเอง แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก” พูดจบ จ๋าก็ทำท่าจะซด (อีกครั้ง) แต่คราวนี้ฮั่นไม่ยอมให้หญิงสาวทำแบบนั้น เพราะเขาดึงทัพพีออกจากมือของจ๋าทันที
“ถ้าเป็นซุปที่ฉันไม่ได้จะทำไปให้ใคร ฉันให้แกทำแบบนั้นได้ แต่นี่ฉันจะทำไปให้คนอื่นด้วย เพราะฉะนั้นรู้จักมารยาททางสังคมหน่อย แล้วนี่แกแปรงฟันหรือยังเนี่ย ทำไมฉันได้กลิ่นเหม็น ๆ วะ”
พอฮั่นพูดจบ จ๋าก็เอามือมาป้องปากตัวเอง ก่อนจะหน้าหน้ายู่
“เออว่ะ...ฉันลืม...ตื่นนอนมาก็ยังไม่ได้แปรงฟันเลย เพราะมัวแต่ตามกลิ่นไก่ตุ๋นยาจีนของแกมาอ่ะ”
“โหป้า!!!!! ทำไมเป็นคนแบบนี้อ่ะ” ยังไม่ทันที่ฮั่นจะพูดว่าคนเป็นเพื่อน หมิวซึ่งเดินกะเผลก ๆ ออกมาจากห้องก็พูดแทนเขาเรียบร้อย สงครามย่อย ๆ ระหว่างสองพี่น้องจึงเกิดขึ้น
“อะไรยัยหมิว แกไม่ต้องมาทำเป็นว่าฉันเลยนะยะ! เมื่อวานฉันยังไม่ได้เคลียร์กับแกเลยนะ ชิ! เพราะแกโทรไปผิดจังหวะ ทำให้น้องแกงของฉันหนีฉันไปเลย” จ๋าว่าพลางเอามือขึ้นทำท่าเช็ดน้ำตา (ที่ไม่มี) ของตัวเอง ฮั่นเห็นอาการนี้แล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะใช้ทัพพีที่ถืออยู่ในมือ โขกลงไปบนหัวฟูของคนเป็นเพื่อน
“ถ้าน้องแกงของแกเค้าอยากคุยกับแกนะ เค้าคงไม่หนีแกไปแบบนี้หรอก”
“อ๊ายยยยยยยยย ไอ้ฮั่น! แกอย่ามาพูดแบบนี้นะยะ คอยดูเถอะนะ...ฉันต้องจับน้องแกงปล้ำให้ได้สักวัน ว้าย ๆ ๆ ๆ นี่ฉันเผลอพูดอะไรออกไป อายจัง...”
“โอ๊ยป้า!!!! พูดออกมาซะขนาดนี้ คำว่าอายป้าคงจำไม่ได้แล้วมั้งว่าสะกดยังไง”
“ไอ้หมิวววววววว นี่แกว่าฉันหรอ!!!!” เมื่อได้ยินคนเป็นน้องพูดแบบนั้น จ๋าก็โวยวายขึ้นมาเสียงดังทันที
“แล้วป้าคิดว่าหมิวชมอยู่หรือเปล่าล่ะ” หมิวพูดพลางยักคิ้วและทำหน้ากวนส่งให้คนเป็นพี่
“อ๊ากกกกกกกก แกอยากข้อเท้าเดี้ยงอีกข้างหนึ่งใช่ไหม”
“พอแล้วน่าจ๋า แกจะไปว่าน้องมันทำไม ฉันว่าที่หมิวมันพูดก็ถูกนะ...ฉันชักอยากจะเห็นหน้าดีเจน้องแกงของแกซะแล้วสิ ว่าหน้าตาจะเป็นยังไง เห็นแกเพ้อแบบหื่นกามถึงน้องเค้าได้ทุกวัน 4 เวลาหลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน” ฮั่นว่า พลางตักซุปไก่ตุ๋นยาจีนของเขาลงกระติกที่เขาเตรียมไว้
“เฮอะ! ถ้าแกได้เห็นหน้าน้องแกงของฉัน แล้วแกจะรู้ว่าทำไมฉันถึงได้เพ้อถึงน้องเค้าขนาดนี้ ไม่อยากคุยกับพวกแกแล้ว ไปฟังน้องแกงต่อดีกว่า เอ้อ! ว่าแต่ว่าไอ้ไก่ตุ๋นยาจีนนี่...มันจะมีเหลือถึงฉันกับไอ้หมิวหรือเปล่าวะ” ถึงแม้ว่าจะโกรธเพื่อนหนุ่มของตัวเองแค่ไหน แต่ยังไงเรื่องปากท้องของเธอก็สำคัญ
“ถึงดิวะ ใครจะเอาไปคนอื่นก่อนโดยที่ไม่นึกถึงคนที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกันอย่างแกกับหมิวล่ะ หม้อนี้น่ะฉันเอาไปคนอื่น แต่อีกหม้อหนึ่งที่เสร็จแล้วตรงนู้น...ฉันเอาไว้ให้แกกับหมิวแล้วก็เพื่อนหมิวอย่างน้องฟลุ๊คและน้องปันปัน” พูดจบ ฮั่นก็ชี้มือไปที่หม้อซุปขนาดใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว
“ว้าว!!!! แกเป็นผู้ชายที่หล่อแสนดีแล้วก็น่ารักที่สุดในโลกเลยว่ะฮั่น มามะ ๆ มาให้ฉันจุ๊บเหม่งขอบคุณหน่อย” จ๋าไม่พูดเปล่า แต่ยังเดินเข้ามาหาคนเป็นเพื่อนอย่างต้องการจะทำตามที่พูดจริง ๆ ฮั่นรีบยกมือขึ้นมาดันหน้าจ๋า ก่อนจะเอามืออีกข้างมาบีบจมูกตัวเอง
“ก่อนที่แกจะมาจุ๊บเหม่งให้รางวัลฉัน แกกรุณาไปแปรงฟันแล้วก็อาบน้ำอาบท่าให้มันดีเสียก่อนเหอะ กลิ่นแกนี่ได้รับไม่ได้จริง ๆ ว่ะ ฉันไปทำอาหารของฉันต่อและ”
เมื่อฮั่นพูดจบ เขาก็เอามือที่ดันหน้าจ๋าออก ก่อนจะหันกลับไปเพ่งสมาธิอยู่กับการตักไก่ตุ๋นยาจีนลงกระติก จ๋าเห็นแบบนั้นก็ทำปากเบะขึ้นมา ก่อนจะเดินไปเกาะบ่าเพื่อนสนิท แล้วเอียงคอพิจารณามองใบหน้าคมสัน
“แกมีความรักเปล่าวะฮั่น ?”
“หา...ถามบ้าอะไรของแกไอ้จ๋า”
“ก็ฉันรู้สึกว่า...ช่วงนี้หน้าแกดูผ่องใสผิดปกติอ่ะ เหมือนคนกำลังมีความรักเลย อย่าบอกนะว่า...แกแอบมีแฟนแล้วไม่บอกฉันน่ะ”
“เฮ้ย...แฟนเฟินที่ไหน ฉันไม่มีเว้ย โสดสนิท!” ฮั่นพูดเสียงหนักแน่นเพื่อให้คนที่มายืนคาดคั้นเขาเชื่อ แต่ดูเหมือนว่าจ๋าจะไม่คิดแบบนั้น
“หรอ...แล้วไอ้ที่ฉันเห็นแกยืนทำกับข้าวไปยิ้มไปบ่อย ๆ นั่นมันหมายความว่ายังไงวะ”
“อะไร...ไม่มี...แกมั่วแล้วไอ้จ๋า” ฮั่นว่า ก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองแก้มร้อนขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่อุณหภูมิห้องก็เท่าเดิม
ก็คนมันร้อนตัว...อะไร ๆ ก็ดูร้อนไปหมด...
เอ๊ะ...หรือว่าเพราะความเขินที่ถีบตัวขึ้นมานะ...แก้มของเขาถึงได้ร้อนขนาดนี้ ยิ่งฮั่นคิด เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าหากเขายังยืนอยู่ตรงนี้ เขาคงเพลี่ยงพล้ำเผลอพูดอะไรออกไปแน่ ฮั่นจึงตัดสินใจตัดบทด้วยการพูดประโยคที่แสนะจะยืดยาวว่า
“เสร็จแล้ว...เดี๋ยวฉันไปก่อนนะ ซุปในหม้อกินกันไปได้เลยไม่ต้องรอ หมิว...ชวนน้องฟลุ๊คกับน้องปันปันมากินด้วยนะ แล้ววันนี้เราก็ไม่ต้องทำงานบ้านล่ะ เดี๋ยวพี่เอาของนี่ไปให้เพื่อนและพี่จะกลับมาทำเอง เราก็กินข้าวเสร็จก็กินยาแล้วนอนพักซะ ส่วนแกไอ้จ๋า...ไปอาบน้ำแปรงฟันได้แล้ว! เป็นผู้หญิงภาษาอะไรสกปรกชะมัด ไปและ ๆ”
แล้วฮั่นก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้องครับ ทิ้งให้สองสาวยืนมองตามหลังร่างสูงไปอย่างข้องใจ
จ๋า...ข้องใจในอาการที่เกิดขึ้นของเพื่อนหนุ่ม เธอเป็นเพื่อนกับเขามาตั้งแต่เด็ก ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าท่าทางนั้นของฮั่นมันหมายความว่ายังไง แน่นอนว่าปกติฮั่นไม่เคยปิดเธอ เขาจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้เธอฟังหมด แต่คราวนี้มันกลับไม่เป็นแบบนั้น...ทำไมนะ!?!
ส่วนหมิว...เด็กสาวข้องใจมากว่าทำไมเพื่อนสนิทของพี่สาวเธอจะต้องมาสั่งอย่างกับเธอเป็นเด็กสิบขวบ ทั้ง ๆ ที่เธอก็โตพอจะดูแลตัวเองได้แล้ว...ทำอย่างกับเป็นพ่อ...
เอ๊ะ...หรือว่าเราจะเรียกพี่ฮั่นว่าป๊ะป๋าดีนะ...หมิวคิดในใจ ก่อนจะอมยิ้มกริ่ม
เธอได้ฉายาใหม่ของพี่ฮั่นแล้ว...ป๊ะป๋า...
แอ๊ด...
ทันทีที่เปิดประตูร้านเข้าไป กลิ่นหอมของดอกไม้ก็ทำให้คนที่เพิ่งเดินเข้ามาต้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แสงแดดยามเช้าที่สาดส่องกระทบกับชั้นหนังสือที่เรียงราย เรียกดวงตาของฮั่นเบิกกว้าง...
ภาพความสวยงามเหล่านี้...เกิดขึ้นได้เพราะ ‘คนมองมีความสุข’ สินะ...
ไม่ว่าจะมองแค่ชั้นหนังสือเก่า ๆ หรือว่าจะมองปลวกที่นั่งแทะไม้...แต่ถ้าเรากำลังอารมณ์ดี ภาพเหล่านี้ก็จะดูงดงามขึ้นมาทันทีทันใด
“คุณหมี...มาแต่เช้าเลยนะคะวันนี้ แล้วนั่นถืออะไรมาคะ เต็มไม้เต็มมือเชียว”
ป๊อกเอ่ยทักคนที่ยืนทำหน้าหล่อชวนฝัน เสียงทักของเธอทำให้คนที่กำลังมีความสุขกับภาพตรงหน้าต้องเกิดอาการสะดุ้งเล็ก ๆ ชายหนุ่มหันมามองหญิงสาวผมยาวด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
“ของฝากสำหรับผู้ส่งสารครับ”
“ของฝาก?”
“ครับ...พอดีผมตื่นเช้า ก็เลยไปเดินเล่นที่ตลาดนัดตอนเช้าข้างคอนโดน่ะครับ เจอไก่ตัวใหญ่มาก เลยจับมาทำซุปไก่ตุ๋นยาจีน ฝากคุณป๊อกแล้วก็น้องเคเอสน่ะครับ” ฮั่นว่าพลางส่งกระติกที่บรรจุของอร่อยที่มีสรรพคุณทางยาที่ดีให้กับหญิงสาวที่ยืนทำหน้างง
“น้องเคเอส...”
“ก็น้องเคเอสที่ผมเขียนจดหมายคุยกับเขาไงครับ”
“อ๋อ...อ้อ...ขอบคุณคุณหมีมาก ๆ เลยนะคะ ป๊อกไม่คิดเลยน้าว่าจะได้ชิมอาหารฝีมือคุณหมี ปกติเห็นเขาบอกว่ากว่าจะได้กินอาการฝีมือคุณหมีต้องต่อคิวยาวมาก ๆ เลยไม่ใช่หรอคะ? แบบนี้ต้องขอบคุณน้องเคเอสเค้านะคะ ที่ทำให้ป๊อกได้กินของอร่อย ๆ แบบนี้”
ป๊อกไม่พูดเปล่า แต่เธอยังทำหน้าแบบว่ามีความสุขสุด ๆ อีกด้วย ฮั่นเห็นแบบนั้นก็อดที่จะยิ้มหวานออกมาไม่ได้
“คุณป๊อกยังไม่ได้ชิม อย่าเพิ่งชมผมสิครับ”
“ไม่ต้องชิมป๊อกก็รู้ค่ะว่าอร่อย กิตติศัพท์คุณหมีดังมากค่ะ อีกอย่าง...ยัยเกรซน้องสาวป๊อกก็ไปกินอาหารที่ร้านคุณหมีทุกวันด้วย กลับบ้านมาทีไรก็จะเพ้อถึงรสชาติอาหารของคุณหมีให้ฟังตลอดค่ะ”
“ฝากขอบคุณน้องสาวคุณป๊อกด้วยนะครับที่ไปอุดหนุนทุกวัน แล้วก็ฝากขอโทษเค้าด้วยนะครับที่เมื่อวานไม่ได้คุยกับเธอเลย พอดีผมมัวแต่ดีใจที่ได้รับจดหมายน่ะครับ” ฮั่นว่าพลางทำหน้าเป็นเชิงสำนึกผิดในสิ่งที่เขาได้ทำลงไป ป๊อกเห็นดังนั้นก็เอามือไปตบต้นแขนชายหนุ่มเบา ๆ เป็นเชิงบอกให้เขารู้ว่า...เรื่องนี้เล็กน้อยมากสำหรับน้องสาวของเธอ
“ว่าแต่...วันนี้มีแต่ของฝากเป็นอาหารหรอคะ ไม่มีจดหมายหรือไง”
“มีสิครับ ไม่มีได้ยังไง นี่ครับ...” พูดจบ ฮั่นก็หยิบซองจดหมายสีหวานยื่นส่งให้หญิงสาวที่ยื่นมือออกมารอรับ
“แล้วน้องเค้าจะเข้ามารับจดหมายตอนไหนหรอครับ”
“ก็หลังจากคุณหมีกลับไปนั่นแหล่ะค่ะ เวลาประมาณสัก 9 โมง...คุณหมีถามทำไมคะ หรือว่าจะรอเจอน้องเค้า”
“ก็...ไม่ใช่วันนี้หรอกครับ ถ้ายังไงวันนี้ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ แล้วพรุ่งนี้เจอกันฮะ ทานซุปให้อร่อยนะครับ” พูดจบ คนพูดก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากร้าน ทิ้งให้ป๊อกมองตามอย่างนึกสงสัยในใจ
“ถามเหมือนจะอยู่รอ...เฮ้อ...ประหลาดคน แต่ถึงจะประหลาดยังไง ไอ้ป๊อกก็ขอชิมไก่ตุ๋นยาจีนหน่อยเว้ย ว่าจะอร่อยเหาะแค่ไหน....” แล้วหญิงสาวก็เก็บจดหมายในมือไว้ในลิ้นชัก (ที่เดิมที่เดียว) ก่อนจะหิ้วกระติกอุ่นเดินเข้าไปในห้องซึ่งอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์
ทางด้านแกงส้มที่ตอนนี้กำลังวุ่นวายมากกับการขนของออกจากคอนโดเดิม ร่างโปร่งที่กำลังแบกลังขึ้นรถหกล้อแบบทุลักทุเล เรียกสายตาเอ็นดูให้ปรากฏบนใบหน้าสวยของเจ๊ม้า
“ถ้าแกงส้มไม่อยู่...เจ๊คงคิดถึงแกงส้มแย่เลย”
“ผมก็คิดถึงเจ๊ครับ แต่ยังไงผมก็ต้องขอบคุณเจ๊มาก ๆ นะฮะที่เอื้อเฟื้อและอนุเคราะห์ให้ผมยืมรถหกล้อมาขนของ ไม่อย่างนั้นผมคงขนของเสร็จไม่ทันเที่ยงคืนของวันนี้แน่ ๆ” แกงส้มไม่พูดขอบคุณแต่ปาก แต่เขายังยกมือขึ้นมาไหว้ผู้ที่สูงวัยกว่าอย่างนอบน้อมอีกด้วย
อากัปกริยานี้ของเขา ทำให้คนมองยิ่งนึกเอ็นดูเข้าไปใหญ่
เด็กที่ดีมีมารยาทแบบนี้...หาได้ยากยิ่งนักในสังคมปัจจุบัน บางคนแค่จะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ก็ยังทำไปแบบขอไปที ซึ่งความจริงแล้วแค่ไหว้ให้สวยงามแค่นี้มันไม่ใช่เรื่องที่จะทำยากเย็นอะไรเลย
ค่านิยมแบบผิด ๆ ทำให้คนบางคนคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูก...ใครจะว่าเธอหัวโบราณ...เธอก็ไม่โกรธเพราะเธอคิดว่า...วัฒนธรรมและประเพณีไทยไม่ว่าอย่างไรก็เป็นสิ่งที่สวยงามและควรค่าที่จะอนุรักษ์ไว้
ไม่ใช่ให้วัยรุ่นสมัยใหม่เอามาทำลายเหยียบย่ำ...
“ไม่เป็นไรหรอกน่ะแกงส้ม เรื่องแค่นี้จิ๊บ ๆ ยังไงไปอยู่ที่นู่นก็ดูแลตัวเองดี ๆ นะจ๊ะ โชคดีมีชัยเอาผู้ชายจากคอนโดนู้นมาฝากเจ๊ด้วยนะ เจ๊ไปและ ต้องไปทำบัญชีต่อ”
“เจ๊จะไปทำบัญชีต่อ หรือว่าจะไปส่องหนุ่ม ๆ ในแคมฟรอกกันแน่ครับ” แกงส้มเอ่ยแซวก่อนจะต้องหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น เมื่อได้ยินประโยคก่อนไปของเจ๊ม้า
“เจ๊ก็ต้องไปส่องหนุ่ม ๆ เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงานก่อนสิจ๊ะ ก็หนุ่ม ๆ แถวนี้หายไปอยู่ที่อื่นกันหมดแล้วนี่...!”
เมื่อร่างของเจ๊ม้าเดินหายลับเข้าไปในตัวคอนโด แกงส้มก็กระโดดขึ้นรถหกล้อ เพราะขนของเสร็จพอดี
“ออกรถเลยพี่”
จากนั้นชายหนุ่มก็หันกลับมามองคอนโดที่ตัวเองอยู่ก่อนจะยกมือขึ้นโบกลา
อีกหนึ่งเดือนเจอกันนะ เจ้าคอนโด...ฉันคงคิดถึงแกแย่เลย...
เส้นทางที่เดินไปข้างหน้า ไม่มีใครสามารถล่วงรู้เลยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น บางครั้งสิ่งที่เราคิดไว้ มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิด ส่วนบางสิ่งที่เราไม่เคยคิดเอาไว้...มันอาจจะมีเกิดขึ้นมาก็เป็นได้
โลกนี้ไม่มีอะไรเป็นสิ่งที่เที่ยงแท้แน่นอน...เพราะความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอนนั่นเอง!
“เจ๊ป๊อกกกกกกกกกก ยู้ฮูววววววว” เสียงที่เอ่ยทักทันทีที่เปิดประตูเข้ามา เรียกดวงตาของคนที่นั่งอ่านหนังสือให้เงยขึ้นมามอง
“ทำไมวันนี้มาช้าจังแกง”
“พอดีผมขนของอยู่อ่ะพี่”
“ขนของ?”
“อือขนของ...นี่ผมยังไม่ได้บอกพี่หรอว่าผมย้ายคอนโดแล้ว”
“อ้าว? ย้ายทำไมอ่ะ” ป๊อกถามก่อนจะยืดตัวนั่งหลังตรง
“ก็พอดีคอนโดที่ผมอยู่เค้าปิดปรับปรุงชั่วครางเดือนหนึ่ง ผมก็เลยต้องระเห็จไปอยู่อีกคอนโดหนึ่งที่ไม่ไกลจากที่นี่”
“อ๋อ...มิน่าล่ะ สภาพแกถึงได้มาแบบสุดจะโทรมแบบนี้” ป๊อกว่าพลางมองเด็กหนุ่มที่ยืนตรงหน้าอย่างนึกปลง ผมก็ยุ่งเหยิง ใบหน้าก็มันย่อง แถมเนื้อตัวยังเลอะไปด้วยคราบฝุ่นอีก
แกงส้มของฉัน...หมดหล่อเลย!
“แต่ถึงผมจะโทรม แต่ผมก็ยังหล่อใช่ไหมล่ะครับ...?”
“ย่ะ! หล่อมากกกกกกกกก วุ้ย! แกรีบ ๆ เอาจดหมายแกไปแล้วไปจัดของเลย เห็นหน้าแกแล้วปวดเฮดว่ะ” ป๊อกว่าพลางส่งจดหมายที่เธอเพิ่งหยิบออกมาจากลิ้นชักไปให้เด็กหนุ่มที่กำลังทำหน้ากวน
“ขอบคุณนะคร้าบบบบบบ งั้นผมไปและ”
“เฮ้ยเดี๋ยว!!!! ฉันลืมไปเลยว่าคุณหมีเค้าฝากของกินมาให้แกด้วย เดี๋ยวฉันไปหยิบมาให้ รอแป๊บ...”
เมื่อได้ยินคำว่าของกิน คิ้วสวยก็ขมวดเข้าหากัน...
อย่าบอกนะว่าพี่หมีทำอาหารมาให้เขาจริง ๆ น่ะ!
แล้วคำตอบก็ปรากฏเบื้องหน้าแกงส้ม มือบางที่เอื้อมไปรับกระติกอุ่น สั่นเทาไปด้วยความตื้นตันใจ
เขาไม่คิดว่าพี่หมีจะยอมทำอย่างที่เขาเขียนไป...เขาก็แค่เขียนไปตามความคิดเล่น ๆ แต่คน ๆ นั้นกลับทำให้ความคิดเล่น ๆของเขากลายเป็นความจริงขึ้นมา...
เขาพูดไม่ออกเลยจริง ๆ...ทำไมพี่หมีถึงแสนดีแบบนี้นะ!!!!
“อึ้งจนพูดไม่ออกเลยสิยะ ตอนที่คุณหมีบอกว่าทำอาหารมาให้แก ฉันก็อึ้งเหมือนกัน...รู้ไว้ซะด้วยนะยะว่าเขาน่ะจริงจัง! เพราะฉะนั้นถามตัวแกเองดี ๆ ว่าแกพร้อมจะจริงจังกับเขาหรือเปล่า อย่าทำลายความรู้สึกใครด้วยคำพูดที่ไม่คิดอะไรนะเว้ย...พี่ขอเตือนด้วยความหวังดี (อีกครั้ง)”
คนฟังเมื่อได้ยินแบบนี้เขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนหัวใจบีบตัวเข้าหากัน...
นี่เขา...กำลังรู้สึกอย่างไรกันแน่นะ ?
“...ขอบคุณสำหรับคำเตือนนะพี่ ผมจะเก็บเอาไปคิดครับ งั้นวันนี้ผมไปก่อนนะ บาย ๆ ๆ” แล้วคนพูดก็โบกมือลาคนเป็นพี่ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากร้าน สายตาของป๊อกที่มองตามมันไม่สามารถบรรยายออกมาได้ว่าเธอกำลังรู้สึกอย่างไร เพราะความรู้สึกในใจของเธอนั้นกำลังตีกันวุ่นวาย
ใจหนึ่งเธอก็นึกสงสารคุณหมี...เพราะเธอรู้ดีว่าแกงส้มยังไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับเขา แต่เขาจริงจังกับแกงส้มมาก เพราะถ้าเขาไม่จริงจัง เขาจะไม่มีวันตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำอาหารให้คนที่เขาไม่ได้คิดอะไรด้วยกินเด็ดขาด แม้ว่าเขาจะทำงานเป็นเชฟก็เถอะ...
แต่อีกใจหนึ่งเธอก็นึกสงสารแกงส้ม...เพราะถึงเธอจะรู้ว่าแกงส้มยังไม่ได้คิดจริงจังอะไร แต่ในความไม่จริงจังนั้นมันก็ได้มีสายใยความผูกพันที่เริ่มถักทอมัดตัวและหัวใจเจ้าเด็กคนนี้ไว้แล้วโดยที่เจ้าตัว...ยังไม่รู้ตัวเอง
แต่สุดท้าย...เธอคงสงสารตัวเองที่สุด ที่ต้องมาเป็นคนกลางแบบนี้...
อ๊าก! เนื้อคู่ฉันไปมุดหัวอยู่มุมไหนของโลกวะ...ออกมาสักทีสิโว้ย!!!!
เม็ดฝนที่ตกพรำ ๆ ทำให้คนที่ขนของอยู่ต้องรู้สึกอารมณ์บ่จอย...
เขาเกลียดฝนที่สุด!
แต่ฝนบ้านี่ก็ตกได้ทุกวัน...จะตกเอาโล่หรือไงก็ไม่รู้...
“เอ่อคุณแกงส้มครับ ผมขนลังอันสุดท้ายขึ้นไปแล้วนะครับ งั้นผมขอตัวกลับเลยนะ” คนขับรถหกล้อเอ่ยพูดขัดอารมณ์ที่หงุดหงิดของแกงส้ม ชายหนุ่มหันไปพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าคอนโดไป แต่มิวายร่างโปร่งก็อดที่จะหันกลับไปมองสายฝนที่ตกพรำไม่ได้
ภาพเหตุการณ์เมื่อวานฉายชัดเข้ามาในห้วงความคิด
ภาพของเขาที่กอดกับพี่ชายใจดีคนนั้น ทำให้เขารู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา...
แกงส้มสะบัดศีรษะก่อนจะรีบเดินไปยังโถงทางเดิน เขาไม่ควรต้องคิดถึงคนที่เพิ่งเจอกันเพียงแค่สองครั้ง...ไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการคิดถึงคนอื่นในระหว่างที่เขากำลังคิดที่จะ ‘จริงจัง’ กับใครบางคน...
“โอยยยยยยยย เหนื่อยชะมัด กว่าจะจัดของทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางได้ อุ๊ย...อ่านจดหมายพี่หมีแก้เหนื่อยดีกว่า” คิดได้แบบนี้ แกงส้มก็หยิบจดหมายที่เขาสอดไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมา
ซองจดหมายสีชมพูที่เปียกน้ำและรอยหมึกเป็นดวง ๆ ทำให้ดวงตากลมโตเบิกโพลงขึ้นอย่างตกใจ
“ชิบแล้วไอ้แกง! จดหมายเปียกน้ำแถมเลอะหมึกอีก ตายห่...” แกงส้มสบถออกมา ก่อนที่เขาจะรีบเปิดซองจดหมาย แล้วคลี่กระดาษที่อยู่ภายในออกดู
ถึง น้องเคเอส...
เอ๊...เราบอกว่าอยากกินอาหารฝีมือพี่ใช่ไหมครับ...ได้เลย...อยากกินอะไรโปรดบอกมา เดี๋ยวเชฟหมีคนนี้จะทำไปให้กินครับ รับรองว่าต้องอร่อยติดใจแน่นอน!!!
พี่จะบอกว่า...พี่ชอบฟังเพลงมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ครับ...ชอบฟังเพลงแนวฮิพฮอพด้วยนะ ถึงแม้ว่าหน้าไม่ให้แต่ใจรักมากครับ ขอบอก! ว่าง ๆ เราก็แต่งเพลงมาให้พี่ลองอ่านดูบ้างนะครับ รออ่านอยู่นะ...
วันนี้ฝนตกหนักมากเลยครับ กว่าพี่จะไปทำงานได้ ก็เล่นเอาทุลักทุเลพอสมควรเลย แถว ๆ บ้านพี่ฝนตกแล้วแถว ๆ บ้านน้องล่ะ...ฝนตกไหม...?
วันนี้พี่เจอคนที่บอกว่า ... ด้วยครับ...พี่เพิ่งเคยเจอคนที่บอกแบบนี้นะ...รู้สึกแปลก ๆ มากเลย เพราะว่าพี่ชอบสายฝน มันทำให้พี่ชุ่มชื้น และรู้สึกสดชื่น แล้วเราล่ะ...? ชอบฝนเหมือนพี่หรือว่า.........
เอ้อ...แล้วคนที่พี่เจอมาวันนี้นะ เขาทำให้พี่คิดถึงเราเลยรู้เปล่า...เขาทำให้พี่อยากเจอเรามากขึ้น พี่เคยบอกกับตัวเองไว้ว่า ตราบใดที่เรายังเขียนจดหมายโต้ตอบกันไม่ถึงฉบับที่ 8 พี่จะไม่ยอมไปเจอหน้าเราเลย ............. ......... ....... ...ถ้าโชคชะตากำหนดมาให้เราเจอกัน...เราก็คงจะได้เจอกันนะครับ ... .... ..... ...เพราะพี่ยังเชื่อว่า ‘สักวันหนึ่ง’ เราจะต้องได้พบกันอย่างแน่นอน
รู้ไหมครับว่าไม่ใช่แค่เราเท่านั้นนะ...ที่รู้สึกเพลินและรู้สึกดีที่ได้เขียนจดหมายแบบนี้ แต่พี่เองก็รู้สึกไม่ต่างไปจากเรา...ขอบคุณทุกตัวอักษรที่เราเขียนมานะ...พี่ยิ้มจนแก้มแทบแตกทุกครั้งที่อ่านเลยรู้ไหม...
อยากบอกว่า ‘รู้สึกดี’ ที่ได้คุยกับเราแบบนี้...จริง ๆ นะ...
จาก พี่หมี
ปล. อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยแค่เม็ดยา 8 ชั้นแผงสีส้ม ยี่ห้อ ‘ริปลี่ย์’ คงไม่พอ...คงต้องพึ่งความห่วงใยที่ปล่อยผ่านสายลมไปดูแลเราอีกแรงหนึ่งนะ...ดูแลตัวเองด้วยครับ โรคจิตเดี๋ยวนี้มันเยอะ แต่คนดี ๆ ก็ยังมีอีกเยอะเหมือนกันครับ ^^
สายตาของแกงส้มที่ไล่อ่านตัวอักษรแต่ละตัวบนหน้ากระดาษฉายชัดถึงความรู้สึกอิ่มเอมในหัวใจ แม้ว่าจดหมายในบางช่วงบางตอนจะเหมือนขาดหายไปเพราะมันเปียกน้ำและเลอะกับหมึกปากกาที่เขายัดใส่ไว้ในกางเกงแล้วมันเกิดแตกใส่จดหมายก็เถอะ
“เฮ้อ...พี่หมีของผมน่ารักอีกแล้ว...เดี๋ยวผมก็ ‘หลงรัก’ พี่เข้าจริง ๆ หรอก...”
แกงส้มพูดขึ้นมาพลางส่งยิ้มหวานน่ารักไปให้จดหมาย ซึ่งเขามโนว่าจดหมายฉบับนี้คือพี่หมีที่เขียนจดหมายมาหาเขา ชายหนุ่มรีบผุดตัวลุกขึ้นแล้ววิ่งไปหยิบปากกากับกระดาษออกมาจากกระเป๋า แล้วบรรจงเขียนจดหมายถึงคนที่เขาอยากคุยด้วยมากที่สุดทันที
จดหมายที่ตอบกลับแบบใจความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ เพราะโชคชะตากำลังเล่นตลกอะไรบางอย่างกับคนสองคน...
เวลาที่เดินผ่านไปอย่างเชื่องช้าทำให้คนที่กำลังอยู่ในโลกที่ตัวเองสร้างขึ้นมามีความสุขอย่างที่สุด
คนหนึ่งมีความสุขที่คิดว่าตัวเองจะได้เจอกับคนที่อยากเจอ
แต่อีกคนมีความสุขที่คิดว่าตัวเองจะได้พูดคุยกับคนอีกคนผ่านทางนี้เหมือนเดิม...
ความสุขที่แตกต่าง...อาจทำให้เกิด ‘เรื่องราว’ บางอย่างขึ้นได้
หากเรามีความ ‘มั่นคงในหัวใจ’ แม้จะเกิดเรื่องราวอะไร...เราย่อมผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน...
แสงแดดอ่อน ๆ ที่ตกกระทบหน้าต่าง เรียกดวงตาของชายหนุ่มที่นอนคุดคู้อยู่บนเตียงให้ลืมตาขึ้น ฮั่นขยี้ตาตัวเองไปมา ก่อนที่เขาจะรีบผุดตัวลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
เขาสายแล้ว! วันนี้เขาจะไปเจอน้องเคเอส เขาต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้ว ฮั่นใช้เวลาไม่นาน เขาก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ วันนี้เขาเลือกที่จะใส่เสื้อยืดสีขาวสวมทับด้วยเสื้อยีนส์ดูเท่สบาย ๆ กับกางเกงยีนส์ขนาดพอดีตัว
เขาแต่งตัวเบา ๆ เพื่อจะไปเจอกับคนที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเบา ๆ...
ชายหนุ่มเดินยิ้มกริ่มตั้งแต่หน้าคอนโดไปจนถึงหน้าร้านหนังสือแบ่งปัน
เขาจะได้น้องเคเอสแล้ว!
“คุณหมี...วันนี้แต่งตัวซะหล่อเชียวนะคะ” ป๊อกเอ่ยทักคนที่เดินเข้ามา ก่อนที่เธอจะต้องตกใจ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มหน้าคนทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามเคาน์เตอร์
“วันนี้ขอผมนั่งรอน้องเคเอสตรงนี้นะครับ”
“เห...พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะคุณหมี...?”
“ก็หมายความว่า...วันนี้ผมมารอเจอน้องเคเอสไงครับ” พอคนพูดพูดจบ คนฟังก็อ้าปากค้างทันที
“ไหนคุณหมีบอกว่ายังไม่อยากจะเจอน้องเค้าเร็วไงคะ”
“ผมเปลี่ยนใจแล้วครับ”
“อ่า...ถ้าอย่างนั้นคุณหมีก็รอแป๊บหนึ่งนะคะ เดี๋ยวเจ้านั่นก็มาแล้วค่ะ ใกล้จะถึงเวลาแล้ว” ป๊อกที่ซึ่งแม้จะยังงง ๆ กับท่าทีของคนตรงหน้า แต่เธอก็รู้สึกยินดีลึก ๆ
เธอว่า...ถ้าสองคนนี้เจอกัน...มันก็คงจะดีมิใช่น้อยนะ...
ว้าว! อย่างกับฉากในละคร(น้ำเน่า)หลังข่าวเลยแฮะ!
เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง...
“เอ่อ...คุณป๊อกครับ...ทำไมน้องเค้าถึงยังไม่มาสักทีครับ” เมื่อเห็นว่าเลยเวลามานาน คนที่นั่งรอก็เปิดปากถาม
“ปกติเจ้านี่ไม่เคยมาผิดเวลาขนาดนี้นะคะ เดี๋ยวป๊อกลองโทรตามให้ดีกว่าค่ะ” แล้วป๊อกก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดเบอร์ไปหาแกงส้มทันที
หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ค่ะ...
เสียง call center ที่ดังมาตามสาย ทำให้ป๊อกหน้าถอดสี
“โทรไม่ติดค่ะ...เจ้านั่นปิดเครื่อง...”
“ถ้างั้นลองรอดูอีกสักหน่อยดีกว่าครับ...เผื่อน้องเขาจะรถติด...”
เวลาผ่านไป 2 ชั่วโมง...
“คุณหมีคะ เที่ยงแล้ว...คุณหมีจะทานอะไรดีคะ เดี๋ยวป๊อกไปซื้อให้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากรอทานพร้อมน้องเคเอส...”
“ถ้างั้นก็ตามใจค่ะ ป๊อกฝากเฝ้าร้านแป๊บหนึ่งนะคะ ป๊อกหิวข้าวแล้วค่ะ”
“ครับ...”
รับคำเสร็จ ฮั่นก็นั่งมองประตูร้านที่เปิดออกไป โดยมีร่างของผู้เป็นเจ้าของร้านเดินลับหายไป
ทำไมน้องเคเอสถึงยังไม่มานะ...
หรือว่าน้องเขาไม่อยากเจอผม...
เวลาผ่านไปจนกระทั่งตกเย็น....แสงอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้า ทำให้ผู้หญิงที่ยืนจัดหนังสืออยู่ที่ชั้นรู้สึกสงสารผู้ชายที่นั่งเท้าคางจับใจ
นี่คุณหมีนั่งรอเจ้าแกงส้มตั้งแต่ 8 โมงเช้าจนถึง 6 โมงเย็นเลย...เขานั่งรอเข้าไปได้ยังไง!?!
ถ้าเป็นเธอ...เธอคงกลับไปตั้งแต่เที่ยงแล้ว...
แล้วไอ้ตัวแสบก็เหมือนกัน หายหัวไปไหนทั้งวัน โทรหาก็ไม่ติด ไม่โผล่หน้ามาสักนิด...
“คุณหมีคะ...คือป๊อกต้องกลับบ้านแล้ว แต่ถ้าคุณหมีจะนั่งรอน้องเคเอส ป๊อกก็ฝากคุณหมีปิดร้านให้ด้วยค่ะ หรือว่าคุณหมีจะกลับพร้อมป๊อกเลยคะ”
แต่เมื่อเห็นว่าได้เวลาอันสมควรแล้ว ป๊อกก็เอ่ยถามประโยคนี้ขึ้นมา
“คุณป๊อกจะปิดร้านแล้วหรอครับ งั้นผมออกไปนั่งรอข้างนอกดีกว่า ขืนนั่งรอข้างในนี้คนเดียว ผมกลัวว่าเดี๋ยวจะโดนปลวกที่อยู่ตามชั้นหนังสือแทะตัวเอาน่ะครับ” แม้ใบหน้าคมจะเคร่งขรึม แต่คนพูดก็ยังสรรหามุกตลกมาเล่น
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจคุณหมีค่ะ...แต่ป๊อกว่าวันนี้เจ้านั่นไม่มาแล้วล่ะค่ะ”
“ผมเชื่อว่าเขาต้องมาครับ”
“คือ...ป๊อกไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณสองคนเขียนอะไรถึงกัน แต่ป๊อกว่า...มันต้องมีอะไร ‘ผิดพลาด’ แน่ ๆ เลยค่ะ คุณหมีอย่าเพิ่งคิดมากนะคะ”
“ครับ...ขอบคุณคุณป๊อกมาก ๆ ครับ กลับบ้านดี ๆ นะครับ” พูดจบ ฮั่นก็เดินนำร่างบางออกมานอกร้าน เป็นจังหวะเดียวกับที่ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาทันที
“อุ๊ย! เหมือนฝนจะตกเลย...คุณหมีเอาร่มไว้ไหมคะ”
“ถ้าผมเอาร่มไว้ เกิดฝนตกกลางทาง คุณป๊อกก็เปียกสิครับ ผมอยู่ใต้ชายคาร้านไม่เปียกหรอกครับ”
ฮั่นว่าพลางส่งยิ้มไปให้หญิงสาวที่มองเขาด้วยแววตาห่วงใย
“ก็จริงของคุณหมีนะคะ ถ้างั้น...ป๊อกกลับแล้วนะคะ แล้วเจอกันค่ะ”
แล้วร่างบางของคนพูดก็กดล็อกประตู พลางสาวเท้าเดินออกไป ร่างของหญิงสาวค่อย ๆ เลือนหายลับไปตามความมืดมิดของค่ำคืน
ไม่ถึงสิบนาที...สายฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ความเย็นของไอฝนทำให้ร่างสูงที่ยืนอยู่ต้องยกแขนขึ้นมาโอบกอดตัวเอง ชายหนุ่มรู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังสั่นเทา...
ความรู้สึกปวดร้าวทำให้กระบอกตาของเขาร้อนขึ้นมา...
ทำไมน้องถึงไม่มาตามนัดที่เขาเขียนไว้ในจดหมาย
ทำไมน้องถึงไม่ปล่อยให้เขารอนานขนาดนี้
หรือน้องไม่อยากเจอเขา...
ที่ผ่านมาเขารู้สึกไปเองใช่ไหมว่าเราน่าจะไปกันได้...
เขาคงคิดไปเองคนเดียวสินะ...
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ร่างสูงก็ทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าที่พื้น....ละอองฝนที่สาดเข้ามา ทำให้ฮั่นต้องยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าของตัวเอง กลิ่นฝนในตอนนี้ไม่อาจทำให้เขารู้สึกสดชื่นได้เลย...
เขาว่าเขาเริ่ม ‘เกลียดฝน’ เหมือนใครบางคนแล้วสิ
การเป็นคนที่ถูกทิ้ง...ทำไมมันถึงรู้สึกทรมาณแบบนี้นะ...
ทำไมโชคชะตาถึงใจร้ายกับเขานัก!
เขาไม่เข้าใจเลย...ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
แปะ ๆ ๆ ๆ เสียงของหยดน้ำที่ดังเบื้องหน้าเรียกดวงตาของคนที่นั่งกอดเข่าให้เงยขึ้น ใบหน้าหวานที่มาพร้อมกับร่มสีใส ทำให้ใบหน้าคมมีรอยยิ้มแต่งแต้มขึ้น...
....
เมื่อถึงเวลา...สิ่งที่รอคอยและตามหาจะปรากฏขึ้นเอง โดยที่เราไม่จำเป็นต้องดิ้นรนหรือว่าขวนขวายอะไร เพราะสิ่งใดที่เป็นของเรา...มันก็จะเป็นของเราไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม...
//วันนี้ขออนุญาตมาอัพเรื่องนี้ก่อนนะคะ เพราะว่าช่วงนี้พี่น้องไม่ค่อยได้มีงานคู่กัน เค้าก็เลยไม่สามารถมีจินตนาการไปเขียนฟิคเรียลไทม์อย่างฟิคสั้นได้เลย ฮ่า ๆ ๆ แม้ว่าวันนี้จะฟินและอินกับหวยก็ตาม 28 ... แหม่,,,ตามมาทุกงวด พองวดนี้เค้าไม่ตาม ดันออกซะงั้น!!!! เซ็งกันเลยทีเดียว หุหุ
เอาเป็นว่า...ตอนนี้อาจจะดูเนือย ๆ ดราม่า ๆ หรือว่าอะไรก็ตามแต่....แต่ขอให้รู้ไว้ว่า...เค้ามีความสุขที่ได้เขียนจริง ๆ ค่ะ (ไม่รู้จะย้ำทำไมนักหนา แต่มันรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ นะคะ) เค้าก็หวังว่าคนอ่านจะมีความสุขทุกครั้งที่อ่านเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ ^__^
แล้วเค้าก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ไปบ่นว่าน้อยใจเรื่องเม้น,,,,มันเป็นแค่อารมณ์น้อยใจชั่ววูบค่ะ ตอนนี้เค้าเข้าใจแล้ว,,,,ไม่เม้นแต่ตามอ่าน ตามให้กำลังใจกัน,,,เค้าก็ขอบคุณมาก ๆ แล้วค่ะ (แต่ถ้าเม้นด้วย เค้าก็จะดีใจมาก ๆ ๆ ค่ะ) ฮ่า ๆ ๆ ๆ
เอาเป็นว่า...แล้วพบกันตอนต่อไปนะคะ...เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปนะ คนที่กางร่มคือน้องเคเอสหรือน้องคนนั้นเอ๊ะ,,,แล้วเค้าจะได้เจอกันแล้วจริง ๆ หรอ....? ไม่ได้ทรมาณคนอ่านนะคะ แต่ว่า...เค้ายังไม่อยากให้พี่น้องเจอกันเลยอ่ะ (เอ๊ะยังไง?) ฮ่า ๆ ๆ ติดตามต่อไปแล้วกันค่ะ ไปแล้วค่า,,,บาย ๆ ๆ ๆ รักนะคะ จุ๊บๆ
ความคิดเห็น