คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 : พบเจอ...แล้วก็ ผ่านเลยไป
บทที่ 2 พบเจอ...แล้วก็ ‘ผ่านเลยไป’
“Good morning my people. Thx for support anything ~ อรุณสวัสดิ์ยามเช้าครับผู้ฟังของผมทุกคน เช้านี้อากาศเย็นสบายสดชื่นมาก เพราะว่าเมื่อคืนมีพายุฝนฟ้าคะนองกระจายเกือบทุกพื้นที่ ดังนั้นผมขออนุญาตเปิดเพลงนี้ต้อนรับเช้าวันใหม่ที่แสนสดใสครับ...”
~อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง อดทนเวลาที่ฝนจาง ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ~
เสียงทุ้มใสที่ดังออกมาจากในวิทยุเครื่องน้อยที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงของเพื่อนสาว เรียกดวงตาคมให้หันไปมอง
“เสียงเพราะอย่างนี้เองสินะ มิน่าล่ะไอ้จ๋ามันถึงได้หลงจนหัวปักหัวปำแบบนี้” ฮั่นว่าพลางเบนสายตามองไปยังเพื่อนสาวที่นอนกอดก่ายหมอนข้างน้ำลายยืด ชายหนุ่มส่ายหัวให้กับภาพตรงหน้าก่อนที่เขาจะเอามือไปสะกิดไหล่เพื่อน
“จ๋า...ไอ้จ๋า...จ๋าตื่นได้แล้วเว้ย เช้าแล้ว! ดีเจของแกเค้าส่งเสียงเรียกแล้ว จ๋า...ฮะเฮ้ย!” นอกจากจะไม่ตื่นตามเสียงเรียกแล้ว คนที่นอนหลับฝันหวานอยู่ก็วาดมือเหวี่ยงจนเกือบโดนหน้าคนเรียกอีกต่างหาก ยังความขุ่นเคืองไปให้ร่างสูง
“หนอยไอ้จ๋า เรียกดี ๆ แล้วไม่ตื่นใช่ไหม ยังนี้มันต้องเจอท่าไม้ตาย...ย้ากกกกกกกก” ฮั่นออกเสียงเรียกพลังก่อนจะยกเท้าขึ้นมาแล้วยันไปเต็ม ๆ ก้นโด่งของร่างที่นอนหลับอุตุ แรงถีบส่งผลให้ร่างของจ๋ากลิ้งลงไปนอนแผ่หลาที่พื้นห้อง (อย่างหมดสภาพ)
“โอ๊ยยยยยยยย ไอ้บ้าฮั่น นี่แกมาถีบฉันทำไมวะ เจ็บนะเว้ย! ฉันกำลังฝันว่าได้ถอดเสื้อน้องแกงอยู่เชียวนะ...ฮึ่ย! แกมันไอ้มารความสุข ไอ้ตัวขัดจังหวะ ฉันเกลียดแกไอ้หมีฮั่น!!!!!” ทันทีที่รู้สึกตัว คนที่นอนหมดสภาพก็ลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ พลางส่งเสียงด่าคนที่ยืนกุมท้องหัวเราะอย่างโคตรจะเคือง
กำลังจะได้เห็นแผงอกของน้องแกงแล้วนะ...ว้าก! หงุดหงิดจริงโว้ย!!!!!
“ยัยป้าจ๋าหื่นกามลามกเอ๊ยยยยย ไป ๆ ๆ รีบ ๆ ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเลย เดี๋ยวสายกว่านี้แล้วคนจะเยอะ”
“เฮอะ! คนมันก็เยอะทุกวันนั่นแหล่ะ” จ๋าว่า ก่อนจะผุดลุกขึ้นพลางเอามือคลำไปที่บริเวณบั้นท้ายของตัวเอง จากนั้นหญิงสาวก็ส่งสายตาขุ่นไปให้คนหน้าคมที่ยืนอมยิ้มมอง
“แล้วแกจะยืนมองฉันหาป้าแกหรือไง ออกไปดิวะ” เมื่อเห็นว่าร่างสูงยังไม่ออกไปจากห้องของเธอเสียที คนร่างบาง (กว่า) จึงออกปากไล่
“ทำไมวะจ๋า...ฉันกับแกก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เคยแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันมาแล้ว เพราะงั้นถ้าแกจะเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าฉันตอนนี้ ฉันก็ไม่รู้สึกอะไรหรอกนะเว้ย...โอ๊ย!” ฮั่นพูดยังไม่ทันจบประโยคดี หมอนหนุนใบโตก็ถูกขว้างเข้ามาโดนใบหน้าหล่อเต็ม ๆ
“เก็บปากแกไว้ชิมอาหารเหอะไอ้ฮั่น ของ ๆ ฉัน ฉันเก็บไว้ให้น้องแกงดูคนเดียวย่ะ แล้วแกก็เลิกมากวนทีนฉันสักที ไม่งั้นฉันจะเปลี่ยนจากโยนหมอน เป็นโยนหน้าแข้งไปฟาดหน้าแกแทนนะโว้ยยยยยยย”
“เออ ๆ ๆ ๆ แหม...กวนนิดกวนหน่อยทำเป็นโมโห เดี๋ยวฉันออกไปทำโจ๊กฮ่องกงให้หมิวกินต่อก็ได้ ไม่อยากอยู่ดูยัยป้าที่ไม่มีอะไรให้น่าดูสักนิดอย่างแก...ฮ่า ๆ ๆ “ พูดจบ ฮั่นก็หัวเราะออกมาลั่นห้อง ก่อนที่ร่างสูงจะเดินออกไป ทิ้งให้คนที่มองตามอย่างจ๋าได้แต่ยกมือขึ้นมาเสยผมอย่างอารมณ์เสีย
จังหวะนั้น...เสียงเพลงในวิทยุก็ตัดเป็นเสียงพูดของดีเจพอดี
“หากใครที่กำลังอารมณ์เสียหรือว่าขุ่นเคืองใคร ผมขอแนะนำให้ฟังเพลงนี้แล้วโยกตัวไปตามจังหวะมันส์ ๆ เลยครับ จะได้หายโมโห...เอ้า...เพลงมา!”
~oahhhhh
man, u know who it is man, u know who back better than this man,
seven heaven man, ya gotta shake this shhh out.
ขึ้นมาสวรรค์ชั้นเจ็ดอ่าา
(ญ)อ่า ขอขึ้นอีกที อีกที นะคะพี่
เข้ามาสวรรค์ชั้นเจ็ดเซ่
(ญ)อ่า ขอเข้า ขอเข้า อีกที นะค๊ะพี่ (yeah ขึ้นมาๆ)
ก็ผมเป็นคนชอบเจ็ด
ก็ผมเป็นคนชอบเจ็ด~
“อ๊ายยยยยย น้องแกงชวนเจ้ขึ้นสวรรค์ชั้น 7 หรอ...ชวนแบบนี้เจ้ก็เขินแย่เลย...อ๊ายยยยยย เค้าเขิน//” มโนเอง เขินเองเสร็จสรรพ หญิงสาวร่างสูงก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
ก๊อกก๊อก...ก๊อกก๊อก
เสียงเคาะประตูหน้าห้อง เรียกดวงตาสามคู่ให้หันไปมอง จ๋าพยักเพยิดไปทางเด็กสาวที่อยู่ในชุดนักศึกษา เป็นเชิงบอกให้เธอลุกไปเปิดประตู แต่...
“ป้าจ๋าเป็นอะไรอ่ะ...คอเคล็ดหรอ?”
“วุ้ย! คอเคล็ดบ้านแกสิยัยหมิว ที่ฉันทำท่านี้น่ะ ฉันหมายความว่าให้แกไปเปิดประตูดูว่าใครมาต่างหาก!”
“แล้วป้าก็ไม่พูด ไอ้เราเห็นทำคอยึก ๆ ยัก ๆ ไอ้เราก็นึกว่าคอเคล็ด” หมิวว่า ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ประตู
เมื่อเปิดประตูออกไป หมิวก็เห็นแผ่นหลังบางในชุดนักศึกษาหายเข้าไปในห้องพักที่อยู่ข้าง ๆ ห้องเธอ แล้วสายตาของหมิวก็เหลือบไปเห็นถุงน้ำเต้าหูกับปาท่องโก๋วางอยู่ที่พื้นหน้าห้อง หญิงสาวจึงรู้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไร...เธอคว้าถุงน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋นั้นขึ้นมาก่อนจะเดินไปเคาะห้องข้าง ๆ
“ฟลุ๊ค...ปันปัน...พี่รู้ว่าพวกเธออยู่ในนั้น ออกมาเดี๋ยวนี้เลย”
“...”
เงียบสนิท...ไม่มีเสียงใด ๆ ตอบกลับมาจากภายในห้องนั้น
ปัง ๆ ๆ ๆ
คราวนี้หมิวไม่แค่เคาะแล้ว แต่เธอใช้กำปั้นทุบไปที่บานประตูห้องนั้นแทน
“ฟลุ๊ค ปันปัน ถ้าไม่เปิดประตู พี่จะเอาน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋นี่ไปให้ไอ้ปอเช่หน้าคอนโดกินจริง ๆ ด้วย!”
ได้ผล...ประตูห้องถูกเปิดทันที!
“พะ พี่หมิวอ่ะ...ทำไมต้องพูดจาทำร้ายจิตใจกันแบบนี้ด้วย” ‘ฟลุ๊ค’ เด็กสาวที่อยู่ในชุดนักศึกษาสถาบันเดียวกับหมิวเอ่ยพูด พลางขยับแว่นตากรอบเหลืองสดขึ้นอย่างรู้สึกหวาดเล็ด ๆ เมื่อเห็นสายตาของคนเป็นพี่ที่มองมา
พี่ก็ไม่ได้อยากจะพูดจาทำร้ายจิตใจเราหรอกนะ แต่เราอยากไม่ยอมเปิดประตูออกมาเอง ต้องให้พี่ใช้กำลัง ว่าแต่...นี่มันหมายความว่ายังไง...?” หมิวถามพลางชูสิ่งที่อยู่ในมือขึ้นเป็นเชิงถามคนตรงหน้า
“เอ่อ...คือว่า...” ยังไม่ทันที่ฟลุ๊คจะตอบ ใบหน้าคมของฮั่นก็โผล่ออกมาจากห้องของตัวเอง
“เอะอะเสียงดังอะไรกันครับเด็ก ๆ ...? อ้าวน้องฟลุ๊ค ไม่ได้เจอกันซะนานเลย คิดถึงนะครับ” คำพูดที่มาพร้อมกับยิ้มหวานละลายใจ ทำให้สาวน้อยที่มีใจปลื้มชายหนุ่มเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถึงกับเขินอายม้วนต้วนยืนบิดจนหน้าผากไปกระแทกกับวงกบประตูดังปังใหญ่ ๆ
“โอ๊ย!”
“น้องฟลุ๊คเป็นอะไรหรือเปล่าครับ...??”
“มะ มะ ไม่เป็นไรค่ะพี่ฮั่น ฟลุ๊คสบายมากค่ะ แค่นี้ชิลด์เวอร์...อูย...” ฟลุ๊คตอบพลางเอามือถูหน้าผากตัวเองไปมาเพื่อระบายความเจ็บ
“อ่อครับ งั้นก็ดีแล้ว...เอ้อ! น้องฟลุ๊คมาทานโจ๊กฮ่องกงกับพวกพี่สิครับ ชวนน้องปันปันมาด้วย โจ๊กกำลังร้อน ๆ เลย อร่อยมากกกกกก” ฮั่นว่าพลางเดินออกมายืนเต็มตัวก่อนที่ชายหนุ่มจะผายมือเป็นเชิงเชิญชวน
“ฟลุ๊คไม่รบกวนพี่ฮั่นดีกว่าค่ะ เอ่อ...ฟลุ๊คเพิ่งทานน้ำเต้าหู้ไปเมื่อตะกี้นี้เอง ถ้ายังไงเดี๋ยวฟลุ๊คขอตัวก่อนนะคะ บาย ๆ ค่ะพี่ฮั่น พี่หมิว...” พูดจบ เด็กสาวก็ผลุบหายเข้าไปในห้อง ก่อนจะปิดประตูใส่หน้าคนที่ยืนอยู่ทั้งสอง หมิวกับฮั่นหันมามองหน้ากัน ก่อนที่ชายหนุ่มร่างสูงจะเป็นฝ่ายหลบสายตาของร่างที่เล็กกว่า
เขาไม่กล้ามองหน้าหมิวนาน กลัวโดนเชิดใส่แบบเมื่อคืน!
“ของพี่ค่ะ” ถุงน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ถูกยื่นมาตรงหน้า สร้างความงุนงงให้ปรากฏชัดในดวงตาของฮั่น
“หมิวแอบไปซื้อมาให้พี่หรอครับ???”
“อย่าพูดจาเพ้อเจ้อแบบเป็นไปไม่ได้แบบนั้นค่ะพี่ฮั่น อย่างหมิวเนี่ยนะคะจะถ่อสังขารไปซื้อน้ำเต้าหู้ในตลาดมาให้พี่ แค่เดินไปซื้อมาม่าที่ซุปเปอร์ข้างล่างคอนโดหมิวยังขี้เกียจเดินเลย...น้องฟลุ๊คต่างหากค่ะที่เป็นคนซื้อมาให้พี่”
“อ้าว...แล้วหมิวทำไมไม่บอกพี่ พี่จะได้ขอบคุณน้องฟลุ๊คเค้า”
“โอ๊ย! พี่ไม่ต้องไปขอบคงขอบคุณอะไรน้องฟลุ๊คหรอกค่ะ แค่พี่กินของน้องเค้าแล้วเวลาเจอหน้าน้องเค้าแล้วพี่ยิ้มหวาน ๆ ๆ ๆ ให้เค้าทุกครั้งที่เจอ แค่นั้นมันก็มากกว่าคำขอบคุณแล้วค่ะ” พูดจบ หมิวก็คว้ามือฮั่นมาพลางยัดถุงน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ใส่มือเขา ก่อนจะก้าวฉับ ๆ เดินเข้าห้องไป ทิ้งให้ฮั่นยืนมองถุงน้ำเต้าหู้ในมือสลับกับมองประตูห้องของเด็กสาวที่ชื่อฟลุ๊ค
เขาก็ไม่ได้อยากจะให้ความหวังอะไรใครด้วยการรับของมาแบบนี้ แต่ไอ้ครั้นจะไปปฏิเสธ...เขาก็กลัวคนให้จะเสียใจอีก
เฮ้อ...เป็นคนหล่อเสน่ห์แรงนี่มันชวนให้ลำบากเสียจริง...
(โคตรหลงตัวเองเลยกู!)
จ้อกแจ้ก จ้อกแจ้ก
เสียงผู้คนที่สถานีรถไฟฟ้าทำให้ฮั่นนึกขอบคุณตัวเองที่เขาไม่ลืมที่จะพกหูฟังอันใหญ่บวกกับไอพอดเครื่องโปรดมาฟังในระหว่างการเดินทาง เขาชอบฟังเพลงฮิพฮอพและเพลงแดนซ์มันส์ ๆ นะ มันช่วยทำให้ร่างกายและจิตใจของเขาตื่นตัว เขาจึงไม่เคยนึกรำคาญเวลาที่เพื่อนสาวของเขาอย่างจ๋าเปิดฟังคลื่นใต้ดินของเจ้าดีเจแกงส้มอะไรนั่นทุกวัน
แต่เห็นลุคของเขาเป็นชายหนุ่มที่หล่อเท่ดูไฮเทคโนโลยีแบบนี้ แต่จริง ๆ แล้วเขารักการเขียนจดหมายมาก ในห้องนอนของเขามีจดหมายเกินพันฉบับ ใต้เตียงของเขา...เขาสั่งทำเป็นแบบพิเศษคือทำเป็นช่องว่างขนาดใหญ่สามารถดึงออกมาได้ ในนั้นบรรจุจดหมายมากมายของเขาไว้
ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจดหมายเหล่านั้นคือจดหมายที่เขาเขียนถึง ‘ใครคนหนึ่ง’ ที่ไม่เคยมีตัวตน...
ใครคนหนึ่งที่คอยรับฟังเรื่องราวต่าง ๆ ที่เขาเขียนระบายออกมาจากการได้ออกไปพบเจอผู้คนและสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน...
แต่ก่อนเขาเขียนจดหมายหา ‘คนที่ไม่มีตัวตน’
แต่วันนี้ เขามีคนที่พร้อมจะอ่านจดหมายเขาแบบมีตัวตนแล้วนะ...
คงไม่ต้องบอกใช่ไหม...ว่ามันทำให้หัวใจ ‘รู้สึกดี’ แค่ไหน
“พี่ฮั่น...รถไฟฟ้ามาแล้วค่ะ ยืนเหม่ออะไรอยู่คะ เหม่อแบบนี้เดี๋ยวก็โดนคนเบียดตกรางตายหรอกค่ะ”
“โหน้องหมิว...อวยพรกันได้ดีมาก!”
“ไม่ต้องขอบคุณหมิวนะคะ หมิวไม่อยากได้...” แล้วคนพูดก็เดินนำฮั่นและจ๋าเข้าไปในรถไฟฟ้าที่จอดเทียบอยู่
สาบานได้ว่าถ้าหมิวมันไม่ใช่ญาติเพื่อนสนิทและอายุน้อยกว่า...ผมคงถีบมันตกรางรถไฟฟ้าไปแล้ว...อินดี้เกิ๊นไอ้เด็กคนนี้!!!!
ฮั่นคิดในใจก่อนจะถ้าวเท้าตามคนที่เขาอยากถีบตกรางไปอย่างรวดเร็ว
ผู้คนนับร้อยที่ยืนเบียดเสียดแย่งอากาศกันหายใจภายในรถไฟฟ้า ทำให้ชายหนุ่มหน้าหวานที่ยืนกอดเสาอยู่รู้สึกหงุดหงิด ด้วยเพราะเขาจัดรายการมาตลอดทั้งคืน นอนก็ไม่ได้นอน แถมเมื่อวานก็ยังได้กินแค่สปาเก็ตตี้ที่พี่สุเอามาฝากอีก...หิวโว้ย!
แล้วไอ้คนที่ยืนข้างหลังนี่ก็ไม่รู้จะเบียดอะไรกันนักกันหนา เบียดจน ‘ไอ้นั่น’ ทิ่มจนเขารู้สึกขยะแขยงไปหมดแล้ว
แม่ง...กูก็ผู้ชายเหมือนกับมึงนะเว้ย!
สุดท้ายแกงส้มก็ทนไม่ไหว ตัดสินใจเขยิบและเบียด ๆ ๆ ผู้คนเดินไปทางขวามือ ซึ่งเขามองเห็นไกล ๆ ว่ามันยังพอมีเนื้อที่ว่างมากกว่านี้
ปึก!
แรงกระแทกเบา ๆ บริเวณหัวไหล่ เรียกดวงตาคมของฮั่นให้หันไปมอง...
ใบหน้าหวานซึ้งบวกกับดวงตากลมโตที่ดูอิดโรย (แต่แฝงประกายระยิบระยับ) ทำให้ฮั่นเผลอมองคนข้าง ๆ เนิ่นนานอย่างไม่รู้สึกตัว กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ผสมกับกลิ่นแป้งเด็กที่ลอยเข้ามาในจมูก เรียกจังหวะการเต้นของหัวใจฮั่นให้ผิดไปจากเดิม
ความรู้สึกแบบนี้...เหมือนความรู้สึกตอนที่เขาเปิดจดหมายฉบับนั้นเลย!
ปึก!
แต่แล้วยังไม่ทันที่ฮั่นจะได้คิดหรือว่ารู้สึกอะไรต่อ แรงกระแทกจากผู้ชายที่ยืนด้านหลังก็เรียกสติของเขาให้กลับคืนมา สายตาของฮั่นรีบเลื่อนออกจากใบหน้าหวานโดยการไปมองอย่างอื่นทันที
ขืนมองแต่หน้าหวาน ๆ แบบนี้...สงสัยไอ้ฮั่นได้ละลายตาย...
คนอะไรน่ารักชิบ!
แต่ให้ตายเหอะ...ความรู้สึกเมื่อกี้มันคืออะไรนะ!?!
ผ่านไป 10 นาที...
“เฮ้ยแก...เดี๋ยวฉันไปส่งไอ้หมิวก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเจอกันที่ร้าน” เสียงเรียกของเพื่อนสาว ทำให้ฮั่นหันไปมอง นี่เขาลืมไปได้ยังไงว่าเขากับจ๋าและหมิวมาด้วยกัน
โดนมนต์แป้งเด็กซะแล้วกู!
“เออ ๆ ๆ ไปดีมาดีล่ะ หมิว...ตั้งใจเรียนนะ อย่าไปอินดี้ใส่ใครมากล่ะ...”
“หมิวว่า...พี่มากกว่าค่ะ อย่าไปเกรียนใส่ใครเขามาก เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!” แล้วเด็กอินดี้หมิวก็ทำท่าเชือดคอตัวเองส่งมาให้ ฮั่นจึงได้แต่ส่ายหัวให้กับความเกรียนของคนเป็นน้อง
จากนั้นร่างสูงของฮั่นก็โดนเบียดจากคนข้างหลังอีกครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มหันไปมองคนที่เบียด แล้วเขาก็พบกับผู้ชายร่างอวบแต่งกายด้วยชุดสูทเต็มตัวแบบดูดี ใบหน้าที่อยู่ภายใต้แว่นกรอบบางสีทอง ทำให้ฮั่นรู้สึกแปลก ๆ ในใจ เขาว่าผู้ชายคนนี้ท่าทางแปลก ๆ
ทำไมต้องเบียดเขาขนาดนี้นะ...แล้วอยู่ ๆ สายตาของฮั่นก็มองต่ำลงไปจนเห็นว่า...ผู้ชายคนนั้นกำลังจะเอามือไปจับก้นของคนหน้าหวานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา
เมื่อเห็นแบบนั้น ฮั่นจึงเอามือไปปัดมือหนาของผู้ชายคนนั้นออกอย่างรวดเร็วทันที แต่แรงปัดก็ส่งผลให้มือของฮั่นไปกระแทกกับก้นของคนหน้าหวาน
“เฮ้ย!”
แกงส้มสะดุ้งสุดตัวเมื่อก้นของเขาถูกลวนลาม ชายหนุ่มสบถออกมาก่อนที่เขาจะหันมามองร่างสูงที่ยืนข้าง ๆ ทันที
ใบหน้าคมคายบวกกับการแต่งกายที่ดูดีราวกับหลุดออกมาจากแม็กกาซีน ทำให้แกงส้มทำหน้ายู่ขึ้นมาอย่างนึกรังเกียจ
คนอะไรแต่งตัวก็ดี...แต่ดันเป็นโรคจิตมาจับก้นคนอื่น...ทุเรศ!
“ไอ้โรคจิต นี่แกจับตูดฉันหรอวะ!!!”
“เฮ้ย! เปล่านะ ฉันไม่ได้จับตูดเธอเอ่อนายนะ คนที่จับน่ะนู่นต่างหาก” ฮั่นหันไปชี้คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา แต่ว่าผู้ชายคนนั้นกลับไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
“ไหน...แกจะโทษใคร หนอย...ทำผิดแล้วยังหน้าด้านไปโยนความผิดให้คนอื่นอีก ทุเรศว่ะ!!! เจ้าข้าเอ๊ยยยยย มาดูผู้ชายแต่งตัวดีแต่เป็นเกย์เที่ยวจับตูดคนอื่นบนรถไฟฟ้าหน่อยเร๊ววววววว!!” แล้วแกงส้มก็แผดเสียงแปดหลอดของตัวเอง ด้วยประโยคที่ทำให้ฮั่นแทบอยากจะแทรกพื้นรถไฟฟ้าหนีสายตาเหยียดหยามของเหล่าประชาชีในรถ
จะทำความดีทั้งที...ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้วะ!?~
“ฉันบอกว่าฉันไม่ได้ทำ”
“แต่หลักฐานมันมัดตัวแกขนาดนี้ ยังจะกล้าพูดอีกหรอว่าไม่ได้ทำน่ะฮะ!!!”
“ไหนล่ะหลักฐาน”
“ก็...” แกงส้มอึกอักและเงียบไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่า เมื่อสักครู่นี้เขาแค่รู้สึกว่ามีคนมาจับก้นเขา แต่เขาก็ไม่ได้เห็นกับตาอยู่ดีว่าเป็นใคร
อ่า...สวยแล้วไอ้แกงส้ม!
“เห็นไหมว่านายไม่มีหลักฐาน...เพราะฉะนั้นนายต้องขอโทษฉัน ที่มาทำให้ฉันต้องอับอายคนบนรถไฟฟ้านี้...” ฮั่นว่าพลางทำหน้าแบบคนที่เหนือกว่า แกงส้มได้แต่กัดริมฝีปากล่างแน่น พลางยกมือขึ้นมาไหว้ขอโทษคนร่างสูง
“ผมขอโทษครับที่ไปพูดแบบนั้น ก็ผมไม่รู้นี่นาว่าคุณไม่ได้ทำจริง ๆ แต่ไม่รู้แหล่ะ...ยังไงหน้าคุณมันก็เหมือนคนโรคจิตอยู่ดี แบร่!” พูดจบ แกงส้มก็แลบลิ้นใส่หน้าฮั่น
อากัปกิริยานี้ของคนตรงหน้า ทำให้ฮั่นส่ายหัวไปมาอย่างนึกขำปนเอ็นดู
เด็กน้อยจริง ๆ
“ก่อนจะว่าอะไรใครก็หัดดูให้มันแน่ ๆ ก่อนนะ แล้วหน้าหล่อ ๆ อย่างฉันไม่ได้เหมือนโรคจิตสักนิด ไอ้เด็กฮิพขี้โวยวาย”
“คุณว่าใครขี้โวยวาย”
“ก็ฉันคุยกับนาย...นายคิดว่าฉันว่าใครล่ะ”
“เฮอะ! ผมไม่คุยกับคุณแล้ว อารมณ์เสีย...” แล้วคนที่กำลังทำหน้าเหวี่ยงก็หันหน้าหนีคนหน้าคม
“นึกว่าฉันอยากคุยกับนายตายล่ะ...”
แล้วคนสองคนก็ปล่อยให้ความเงียบโรยอยู่รอบตัว จนเวลาผ่านไปหลายนาที เสียงของโอเปอเรเตอร์ประจำรถไฟฟ้าก็พูดขึ้นมาเป็นการบอกให้รู้ว่าสถานีต่อไปคืออะไร...ร่างสูงของคนสองคนก็ขยับตัวพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างหันมามองหน้ากัน ก่อนที่จะเบนสายตามองออกไปคนละทาง
เมื่อก้าวออกมาจากรถไฟฟ้าแล้ว ฮั่นก็เดินเลี้ยวไปทางขวา ส่วนแกงส้มก็เดินเลี้ยวไปทางซ้าย จุดหมายปลายทางของคนสองคนคือสถานที่เดียวกัน นั่นก็คือ...ร้านหนังสือ ‘แบ่งปัน’...
แอ๊ด...
เสียงของบานประตูที่ดัง ทำให้คนที่ยืนจัดหนังสืออยู่ที่ชั้น ต้องรีบเดินออกมาที่หน้าเคาน์เตอร์
“คุณหมี ?”
“ครับผมเอง...วันนี้คุณป๊อกเข้าไปจัดหนังสือหรอครับ” ฮั่นเอ่ยถามหญิงสาวนผู้เป็นเจ้าของร้านหนังสือด้วยความสงสัย ปกติเธอจะชอบนั่งอ่านหนังสือที่หน้าเคาน์เตอร์ประจำ แต่คราวนี้กลับปล่อยให้เคาน์เตอร์ว่างได้ จึงทำให้เขารู้สึกแปลกใจ
“ใช่ค่ะ พอดีป๊อกเพิ่งได้หนังสือมาใหม่จาก ‘พี่จอย’ พี่สาวเจ้าของร้านกาแฟข้าง ๆ น่ะค่ะ ก็เลยเอาเข้าไปจัดไว้ในชั้น ว่าแต่คุณหมีเถอะค่ะ ลมอะไรหอบมาคะ เมื่อวานก็เพิ่งจะมา วันนี้ก็มาอีกแล้ว อย่าบอกนะคะว่า...มา ‘ส่งสาร’ น่ะ”
“เบื่อจังเลยนะครับ คนรู้ทันเนี่ย...ยังไงก็ฝากคุณป๊อกบอกน้องเค้าด้วยนะครับว่า...ถ้าสนใจจะ ‘ศึกษาชีวิตหมี’ ก็เขียนมา...เดี๋ยวผมจะบอกเค้าให้รู้จักหมีแบบทุกซอกทุกมุมเลย...” พูดจบ คนพูดก็อมยิ้มกริ่มทำหน้าตาแบบที่ป๊อกเห็นแล้วอยากจะกระโจนเข้าไปจูบ
โอ๊ย...ฉันอิจฉาแกงส้ม!!!!!!
จากนั้นฮั่นก็ส่งซองจดหมายสีชมพูที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ไปให้กับป๊อกที่ยื่นมือออกมารอรับ
“งั้นผมขอตัวก่อนะครับคุณป๊อก”
“ค่ะ...แต่อืม...นี่ก็ใกล้เวลาที่น้องเค้าจะมาที่นี่แล้วนะคะ คุณหมีไม่รอเจอน้องเค้าหรอคะ”
“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมต้องไปทำงานต่อแล้ว...อีกอย่าง...ผมพอใจกับการติดต่อกับเค้าแบบนี้มากกว่าครับ” ฮั่นตอบก่อนจะทำท่าหันหลังเดินออกไปนอกร้าน แต่มือบางที่รั้งศอกเขาไว้ ทำให้ชายหนุ่มต้องหันหน้ากลับมา
“ป๊อกถามจริง ๆ เถอะค่ะ...ทำไมคุณหมีถึงเลือกที่จะเขียนจดหมายคุยกับน้องเค้าแทนที่จะรอเจอหน้าแล้วคุยกันแบบตรง ๆ ถ้าเป็นป๊อก...ป๊อกคงเลือกที่จะคุยแบบเห็นหน้ากันมากกว่า”
“สำหรับคุณป๊อกและคนอื่น ๆ อาจจะคิดแบบนั้นนะครับ แต่สำหรับผมที่ได้มารู้จักกับน้องเค้าก็เพราะตัวอักษรที่ผมเขียนไว้ ผมจึงอยากให้เราได้รู้จักกันมากขึ้นด้วยตัวอักษรเราเขียนตอบกันมาเช่นกันครับ...” ฮั่นว่าพลางยิ้มออกมา เมื่อนึกถึงตัวอักษรที่เขาบรรจงเขียนเมื่อคืน
ตัวอักษรอาจไม่สามารถบอกให้รู้ว่าคนที่กำลังเขียนมีสีหน้า ท่าทางหรือว่าสายตาเช่นไรก็จริง...
แต่มันทำให้เราได้รู้สึกถึงความคิดและความรู้สึกของผู้เขียน...
ก็คงจะคล้าย ๆ กับการเขียนนิยายเรื่องหนึ่ง...เราสามารถล่วงรู้ได้เลยว่าผู้เขียนแต่ละคนนั้น มีตัวตนและความรู้สึกนึกคิดอย่างไร ยามที่เราอ่านนิยายเรื่องนั้น...
เพราะหลายคนมักบอกว่า ‘นิยาย’ ส่วนใหญ่...คนเขียนเป็นอย่างไร...นิยายก็เป็นอย่างนั้น!
“อย่างนั้นหรอคะ...ถ้าอย่างนั้น...เชิญคุณหมีกลับไปทำงานได้เลยค่ะ ไม่ต้องห่วงสารฉบับนี้นะคะ ส่งถึงมือน้องเค้าแน่นอน โชคดีค่ะ...ว่าง ๆ ก็แวะไปทานกาแฟที่ร้านข้าง ๆ ด้วยนะคะ กาแฟอร่อยมาก”
“ครับ...แล้วเจอกันพรุ่งนี้คุณป๊อก...”
พูดจบ ร่างสูงของฮั่นก็เดินออกไปจากร้าน ทิ้งให้ป๊อกยืนมองจดหมายในมือด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
“นี่มันยุค 2012 หรือว่ายุครุ่นแม่ฉันกันแน่เนี่ย...ใช้จดหมายติดต่อคุยกัน...เอ้อ...แปลกคนดีเหมือนกันแฮะคุณหมีคนนี้”
“โย่วววววว พี่ป๊อกคนสวยยยยย คิดถึงจังเลยไม่ได้เจอกันตั้งหลายชั่วโมง จดหมายของคุณหมีมาหรือยังคร้าบบบบบบ”
บ่นยังไม่ทันจบประโยคดี ร่างโปร่งของแกงส้มก็โผล่พรวดเข้ามาภายในร้าน ทำให้คนที่ยืนถือจดหมายอยู่เกือบทำสิ่งที่อยู่ในมือร่วง
“ไอ้แกงส้ม! แกช่วยเข้ามาให้มันเหมือนคนปกติหน่อยได้ไหม มาซะเสียงดังตกอกตกใจหมดเลย”
“แหมพี่ป๊อกก็...เมื่อวานผมก็เข้ามาแบบคนปกติแล้วไง วันนี้ก็เลยขอแบบไม่ปกติหน่อย แล้วตกลงว่า...คุณหมีเขาตอบจดหมายผมกลับมาไหมครับ”
แกงส้มถามพลางมองหน้าคนเป็นพี่อย่างลุ้นในคำตอบอย่างตัวโก่ง แล้วจดหมายในมือป๊อกก็ถูกส่งไปตีหน้าผากมนเบา ๆ
“นี่ไง...เขาเพิ่งมาส่งเมื่อตะกี้นี้เอง”
“เฮ้ยจริงดิ! แล้วเค้าไปทางไหนอ่ะพี่ ผมจะได้วิ่งออกไปดูหน้าเค้า”
“ไม่บอกย่ะ! เพราะคุณหมีเค้าอยากรู้จักนายผ่านตัวอักษร ไม่ได้อยากรู้จักนายแบบเห็นหน้า ดังนั้น...นายก็จงกลับไปเขียนโต้ตอบกับเขาด้วยวิธีโบร๊าณโบราณเถอะ” จบคำพูดของป๊อก แกงส้มก็หน้ามุ่ยลง
ความจริงเขาก็อยากจะเห็นหน้าคนที่เขาเขียนจดหมายถึงนะ...
แต่...ถ้าคุณหมีเขาอยากให้เราสองคนรู้จักกันผ่านตัวอักษร...มันก็คงต้องเป็นแบบนั้น...
อ่า...คุณหมีตอบจดหมายเรากลับมาว่าอะไรน้า...
“แกงส้ม!”
“ฮะ...อะไรพี่?”
“ทำไมแกงต้องทำหน้าทำตาแบบนั้นด้วยวะ...?”
“ทำหน้าทำตาแบบไหนครับ...”
“ก็ทำหน้าทำตาเหมือนคนมีความรักอ่ะ...นี่แกอย่าบอกนะว่าแกหลงรักคุณหมีของฉันน่ะ! อ๊ายยยยย ไอ้คนใจง่าย นี่แกหลงรักผู้ชายของฉันทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยเห็นหน้า แค่เขียนจดหมายหากันแค่ฉบับเดียวเนี่ยนะ!!!!”
คำพูดโวยวายของป๊อก ทำให้แกงส้มถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ พลางส่งสายตาแบบว่า...เอือมคนเป็นพี่
“พี่จะบ้าหรอไงพี่ป๊อก ผมเนี่ยนะจะไปหลงรักคุณหมีของพี่ ก็แค่หาอะไรทำสนุก ๆ แบบไม่ซ้ำใครเท่านั้นเอง พี่ก็อย่าเวอร์ให้มันมากไปหน่อยเลยน่า...”
“อ้อหรอ...นี่แกคิดจะ ‘เล่น ๆ’ กับคุณหมีเค้าอย่างนั้นหรอ...ระวังเถอะนะ...ไอ้ที่ว่าเล่น ๆ น่ะมันจะกลายเป็น ‘จริง’ ขึ้นมา...แต่ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะว่า...ความรู้สึกมันไม่ใช่สิ่งที่แกจะเอามาล้อเล่นได้ ถึงมันจะเป็นแค่ตัวอักษร แต่มันก็เป็นตัวอักษรที่พวกนายเขียนกันออกมาด้วยใจ เพราะฉะนั้น...ถ้านายไม่คิดจะจริงจัง ก็อย่าไปทำให้มันเกินเลย ไม่อย่างนั้นคนที่เสียใจจะไม่ได้มีแค่นายคนเดียว...”
พูดจบ ป๊อกก็เอามือไปโยกหัวคนที่นั่งมองเธอตาแป๋ว
แม้เธอจะไม่เคยมีประสบการณ์ในด้านความรักทำนองนี้...แต่เธอก็รู้สึกได้ว่า...เรื่องราวของคนคู่นี้มันจะต้องมีอะไรที่มาทำให้เกิดเรื่องราวมากมายในชีวิตเธอแน่ ๆ
แต่เธอก็อยากจะเป็นคนที่เฝ้าดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนะ...
“ขอบคุณในคำเตือนดี ๆ นะพี่สาว ผมขอตัวไปนอนงีบที่ชั้นหนังสือด้านในมุมเดิมมุมโปรดของผมหน่อยนะ อย่าให้ใครไปรบกวนผมล่ะ รักพี่ครับ...” แล้วแกงส้มก็สวมกอดป๊อกหลวม ๆ ก่อนที่เขาจะเดินหายเข้าไปบริเวณชั้นหนังสือที่ตั้งเรียงราย
“เฮ้อ...น้องฉันมันจะคิดได้อย่างที่ฉันพูดหรือเปล่านะ...?”
ถึง ‘น้องKS’...(รู้สึกแปลก ๆ ที่ต้องเรียกเราว่าน้อง...)
คิดไม่ถึงล่ะสิ ว่าพี่จะตอบจดหมายเรากลับมา ก็แบบว่า...น้องอุตส่าห์ใจดียอมให้ความสำคัญกับจดหมายฉบับหนึ่งของคนอย่างพี่ พี่ก็เลยต้องตอบน้องกลับมา เอ๊ะ! แต่ว่า...ตกลงเราเป็นน้องพี่จริง ๆ ใช่ไหม...? ไม่ใช่อายุมากกว่าแล้วมาแอบอ้างว่าเป็นน้องนะ...พี่ไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ฮ่า ๆ ๆ
อืม...ตอนที่เขียนจดหมายอยู่คนเดียว พี่ก็มักจะระบายเรื่องต่าง ๆ ที่พบเจอในแต่ละวัน แต่พอมีคนมาให้ระบายด้วยจริง ๆ พี่ก็กลับไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรดี...ตลกตัวเอง...
เอาเป็นว่า...เราเริ่มรู้จักกันด้วยการเขียนเล่าประวัติของตัวเองกันไหม...อาทิเช่น...
พี่เป็นคนชอบทำอาหาร ชอบมาตั้งแต่เด็ก ๆ จำความได้ แม่ก็หัดให้พี่จับตะหลิวเข้าครัวทอดไข่แล้ว แล้วเราล่ะ...? ทำกับข้าวเป็นหรือเปล่า...? แล้วชอบทานอะไรเป็นพิเศษ...? เผื่อพี่ทำเป็นจะทำไปให้ทาน...
เอ...เขียนมากี่บรรทัดแล้วน้า...1 2 3 4 5 6 7 8...
อ่า...พี่ชอบเลข ‘8’ งั้นวันนี้พี่เขียนแค่นี้แล้วกันนะ...
ไว้พบกันใหม่ในจดหมายฉบับหน้าที่ไม่รู้ว่าจะยาวกว่านี้หรือเปล่า...มันก็ต้องขึ้นอยู่กับคนตอบล่ะนะ ว่าจะตอบกลับมายาวแค่ไหน...
จาก ‘พี่หมี’
ปล. KS ย่อมาจากอะไร...?
ใช่...Kon-Sab = คนแสบ หรือเปล่าเอ่ย...?
แกงส้มยิ้มออกมาทันทีที่อ่านจดหมายฉบับนี้จบ
คุณพี่หมีบ้า! มาว่าเขาเป็นคนแสบ...ตัวเองนั่นแหล่ะแสบ!
คอยดูเถอะ จะเขียนจดหมายให้ยาวไปถึงกำแพงเมืองจีนเลย หมั่นไส้นัก...ว่าแล้วก็เอากระดาษขึ้นมาเขียนจดหมายดีกว่า
คิดได้แบบนี้ แกงส้มก็หยิบกระดาษสมุดสีส้มออกมาจากกระเป๋าสะพาย จากนั้นเขาก็จรดปลายปากกาลงไปเป็นข้อความตามใจที่อยากจะเขียนถึงคนที่เขาเพิ่งจะรู้จัก
หากถามว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไรกับเจ้าของจดหมายสองฉบับที่เขาเพิ่งจะรู้จัก เขาคงตอบได้แต่เพียงว่า...รู้สึกดี...
แต่หากถามว่าเขา...รู้สึกรัก...หรือยัง...
ตอบได้เลยว่า ‘ไม่’
ความรักสำหรับเขา...คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนที่ยังไม่เคยพบหน้า...
แต่ใครเลยจะรู้ว่า...พรหมลิขิตอาจเลือกแล้วก็ได้ว่าอยากให้คนสองคน ‘รักกัน’
หมื่นล้านพันความเชื่อย่อมถูกหักล้างด้วยทฤษฏีความคิดอ่านส่วนตัวเสมอ...แต่มันไม่มีความเชื่อไหนจะถูกลบล้างออกไปจดหมดได้ ตราบใดที่เรายังมี ‘ศรัทธา’...
และคนที่มีศรัทธาเท่านั้น ถึงจะได้รู้ว่า...’รักแท้มีอยู่จริง’...
//อัพแล้วค่า,,,ฟิคตอนที่ 2.....อ๊ายยยยย แอบผิดคำพูดกับคนอ่านฟิคเรื่องสั้นเสียแล้ว เพราะเค้ามาอัพฟิคเรื่องนี้ก่อน...เค้าขอโต๊ดดดดดดดด พรุ่งนี้อัพเรื่องสั้น แน่นอนๆ
ไม่รู้ว่าตอนนี้จะถูกใจคนอ่านหรือเปล่า,,,แบบว่า...เค้าบอกแล้วว่าเค้าเขียนตามอารมณ์ส่วนตัวจริง ๆ ฮ่า ๆ ๆ เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปนั้น...โปรดติดตามตอนต่อไปค่า~~
เม้นกันบ้างอะไรบ้าง,,,เค้าก็มิหวงห้ามเน้อ...อยากรู้ว่าคนอ่านที่รักคิดเห็นอย่างไรอ่ะนะ...อิอิ
บาย ๆ ๆ ๆ ๆ แล้วเจอกันตอนหน้าคร้าบบบ จุ๊บๆ
ความคิดเห็น