คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : บทที่ 23 : หนึ่งคำถามสองคำตอบ VS ไฟดับกับมาม่า
บทที่ 23 : หนึ่งคำถามสองคำตอบ VS ไฟดับกับมาม่า
สายฝนที่ตกกระหน่ำบริเวณด้านนอกร้าน เรียกดวงตาหวานให้เหม่อมองออกไปที่กระจกใสซึ่งเปียกไปด้วยน้ำฝนที่สาดซัดเข้ามา เสียงฝนที่ตกกระทบหลังคาดูเข้ากันได้ดีกับภาพมัว ๆ ของกิ่งไม้ที่ไหวเอนไปตามแรงลมของพายุฝนที่โหมแรง เครื่องปรับอากาศที่เปิดภายในร้านคล้ายค่อย ๆ เย็นขึ้นตามความเย็นชื้นของอากาศเบื้องนอก สองแขนของแกงส้มโอบรอบตัวเองเบา ๆ
“หนาวหรอแกง...”
“นิดหน่อยครับ”
“งั้นกินกาแฟร้อนสักแก้วไหม หรือว่าจะกินชาดี” ฮั่นถามพลางถอดเสื้อยีนส์ที่สวมอยู่ ก่อนจะยื่นเสื้อตัวนั้นไปให้คนที่นั่งโอบตัวเอง ซึ่งแกงส้มก็ยื่นมือออกมารับเสื้อตัวนั้น และนำมันไปห่มตัวทันที
แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวคงรู้สึกหนาวจริง ๆ
...ใจจริงเขาอยากลุกจากเก้าอี้ไปโอบแกงส้มด้วยตัวเองนะ แต่เกรงใจสายตาของลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้าน รวมทั้งกลัวว่าจะโดนเจ้าเด็กตัวน้อยที่นั่งกินเค้กอยู่ใกล้ ๆ เอ่ยแซวด้วย
เห็นเขาดูเป็นคนชัดเจนแบบนี้...แต่เขาก็ ‘ขี้อาย’ นะ!
“อืม...ผมอยากกินลาเต้ร้อนใส่ฟองนมเยอะ ๆ อ่ะพี่หมี” สรรพนามที่แกงส้มใช้เรียก ทำให้คนถูกเรียกยกยิ้มขึ้นมาอย่างรู้สึกเขิน ๆ
ทำไมเวลาคนอื่นเรียกเขาว่าพี่หมี...เขาถึงไม่รู้สึกดีและรู้สึกเขินจนใจเต้นแรงแบบที่คน ๆ นี้เรียกนะ
หรือเพราะว่าเป็นแกงส้ม...
คงเพราะเป็น ‘คนพิเศษ’ เขาถึงได้รู้สึกแบบนี้...
...สินะ
“ถ้างั้นเดี๋ยวเอาลาเต้ร้อนใส่ฟองนมเยอะ ๆ กับชาซีลอนอุ่น ๆ สักแก้วนะครับน้องนิว” ฮั่นได้ทีเอ่ยสั่งเมนูเครื่องดื่มกับเจ้าเด็กตัวน้อยที่กำลังดูดนมเย็นแก้วโต
“โหยยยยยยย อะไรกันค้า~ พี่ชาย...น้องนิวยังกินไม่อิ่มเลยน้า~” เด็กร่างกลมพูดออกมา พลางทำหน้าเง้างอด แต่ก็ยอมลุกจากเก้าอี้เดินไปที่เคาน์เตอร์ แต่มิวายก่อนจะเดินพ้นโต๊ะ เด็กน้อยหันมามองพลางทำหน้ารู้ทัน แล้วเอ่ยพูดประโยคที่ทำให้ฮั่นถึงกับอยากจะเอาหน้ามุดลงไปใต้โต๊ะ
“น้องนิวรู้หรอกนะ...ว่าพี่ชายจะหลอกให้น้องนิวออกมาจากวงใช่ม้า~ พี่ชายจะได้สวีทกับพี่หน้าหวานอย่างเต็มที่ อย่านึกว่าน้องนิวรู้ไม่ทันน้า~”
ให้ตายเหอะ...เด็กสมัยนี้นี่พ่อแม่เขาให้กินอะไรนะ...
ทำไมถึงได้ฉลาดรู้ทันกันแบบนี้!!!!
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ พี่ฮั่นหน้าแดงแล้ว นี่แสดงว่าคิดอย่างที่น้องนิวพูดใช่ไหมครับ” คนพูดไม่พูดเปล่า แต่ยังเอานิ้วมาจิ้มแก้มคนเป็นพี่เบา ๆ เป็นเชิงหยอกล้อด้วย
ยิ่งทำให้คนที่หน้าแดงอยู่แล้ว ยิ่งหน้าแดงหนักขึ้นไปอีก
“แกงอ่ะ...จะมาแซวพี่ทำไมเนี่ย กินเค้กต่อไปเลย” ฮั่นว่าก่อนจะตักเค้กที่วางอยู่ตรงหน้าใส่ปากคนเป็นน้อง แต่แกงส้มก็หันหน้าหลบ ฮั่นเห็นดังนั้นก็พยายามจะตักเค้กให้เข้าปากคนที่พยายามจะหลบ เล่นกันไปเล่นกันมา สุดท้ายเค้กในช้อนนั้นก็โปะเข้าไปเต็ม ๆ ที่ปากของแกงส้ม
“ฮื้อ!!! พี่ฮั่นอ่ะ!!! เลอะเลย นิสัยไม่ดีแกล้งเค้า!!!” แกงส้มว่า ก่อนจะคว้ากระดาษทิชชู่ที่อยู่บนโต๊ะมาเช็ดปากของตัวเอง
ใบหน้าและสรรพนามที่ใช้แทนตัวเองยิ่งทำให้คนที่นั่งมองซึ่งยิ้มอยู่แล้ว ยิ่งเพิ่มความกว้างของรอยยิ้มให้มากยิ่งขึ้น
ฮั่นเอื้อมมือไปโยกศีรษะคนตรงหน้าเบา ๆ หนึ่งที ก่อนที่เขาจะแย่งกระดาษทิชชู่ในมือของแกงส้มมา แล้วค่อย ๆ บรรจงเช็ดรอยเลอะบริเวณริมฝีปากสวย
ดวงตาคมที่ทอดมองริมฝีปากด้วยสายตาอ่อนโยน ทำให้เจ้าของริมฝีปากต้องเม้มปากตัวเองเข้ามา เนื่องจากว่าแกงส้มรู้สึกเขินจนหัวใจเต้นแรง มือสองข้างที่วางอยู่บนโต๊ะค่อย ๆ เขยิบเลื่อนลงไปกำที่ชายเสื้อของตัวเอง
ทั้ง ๆ ที่เมื่อสักครู่นี้เขารู้สึกว่าอากาศมันเย็นมากจนรู้สึกหนาว แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงได้รู้สึกร้อนผะผ่าวที่ใบหน้าขนาดนี้นะ
เพราะสัมผัสอ่อนโยนจากคน ๆ นี้...
เพราะเป็น ‘พี่ฮั่น’...เขาถึงได้รู้สึกเขินได้ขนาดนี้...
คงเพราะพี่ฮั่นเป็น ‘คนพิเศษ’...สินะ
“โอเคเรียบร้อย...” พูดจบ ฮั่นก็เงยหน้าขึ้นไปสบตากับดวงตากลมหวานที่ทอดมองลงมา คนสองคนมองสบตากันนิ่งโดยไม่เอื้อนเอ่ยวาจาใด มีเพียงแต่ลมหายใจที่ติดขัดของคนทั้งคู่ที่บ่งบอกให้รู้ว่าการสบตากันครั้งนี้มีผลมากแค่ไหนกับอัตราการเต้นของหัวใจและการเข้าออกของลมหายใจ
“อะแฮ่ม!” แล้วเสียงกระแอมของหญิงสาวร่างสูงผู้เป็นเจ้าของร้านก็ทำให้ฮั่นกับแกงส้มละสายตาจากกันมามองคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
“เอ่อ...ขอโทษที่ต้องขัดจังหวะนะจ๊ะ พอดีพี่เอาลาเต้ฟองนมหนา ๆ กับชาซีลอนอุ่น ๆ มาเสิร์ฟจ้ะ” พูดจบ จอยก็วางลาเต้ที่มีฟองนมหนานุ่มซึ่งถูกตกแต่งเป็นรูปหัวใจสวยงามกับชาซีลอนร้อนกลิ่นมะลิสีสวยบนโต๊ะ
“ขอบคุณครับพี่จอย” แกงส้มเอ่ยขอบคุณก่อนจะยิ้มให้คนเป็นเจ้าของร้านด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีแดงนิด ๆ
เขินชะมัด...
“ไม่เป็นไรจ้ะ ยังไงก็ต้องขอโทษทั้งสองคนด้วยนะที่เจ้าตัวแสบนิวมาก่อกวนตั้งนาน พี่เรียกให้พี่นุชมาลากเจ้าตัวแสบไปนอนแล้วล่ะ เพราะฉะนั้น...’หวาน’ กันตามสบายนะจ๊ะ ไม่มีใครมาขัดแล้ว” แล้วคนพูดก็ขยิบตาไปให้คนร่างสูงที่พยายามปั้นหน้านิ่ง
โดนแซวกันซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้ คนที่พยายามนิ่งก็ถึงกับหลุดเขินจนต้องยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยตัวเอง
“ผมว่าผมจะไม่เขินแล้วนะครับ แต่โดนแซวแบบนี้...ผมเริ่มเขินแล้วนะคร้าบบบบบบ” ฮั่นว่าก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ เรียกกำปั้นของแกงส้มให้ชกเบา ๆ ไปที่แขนของคนพูด
“พอเหอะพี่ฮั่น ผมว่าวันนี้เราคงไม่ต้องทำอะไรกันแล้วล่ะ มัวแต่เขินกันอยู่นี่แหล่ะ”
“อ่า...พี่ว่าพี่เริ่มเป็นส่วนเกินแล้ว เพราะฉะนั้น...พี่ไปก่อนดีกว่า” พูดจบ จอยก็หมุนตัวเดินออกไปจากบริเวณนี้ ทิ้งให้คนสองคนต้องหันมามองหน้ากันก่อนจะเสมองออกไปคนละทาง
พยายามจะหยุดเขินแล้วนะ...แต่ ณ เวลานี้...มันหยุดไม่ได้จริง ๆ
ก็คนมันเขินอ๊ะ!!!!!!
เวลาผ่านไปหลายสิบนาที คนที่เสมองไปที่นอกร้านผ่านกระจกบานใสที่เริ่มมองเห็นท้องถนนมากขึ้น ก็ยกนิ้วขึ้นมาเขียนถ้อยคำบางอย่างลงไปที่กระจกใสซึ่งมีฝ้าขึ้นเพราะอากาศที่เย็น
‘รู้สึกดีจัง’
‘ฝันเป็นจริงแล้ว’
‘ขอบคุณนะครับ’
คนที่นั่งมองอยู่ ยิ้มออกมา พลางเบนสายตาไปที่ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่เขาซื้อให้คนตรงหน้า
“แกง...”
“ครับ..?” คนโดนเรียกชื่อหันมามองคนเรียก ก่อนจะอมยิ้มออกมา เมื่อฮั่นยื่นกุหลาบสีชมพูหวานดอกหนึ่งซึ่งเขาเพิ่งจะหยิบออกมาจากเจ้าตุ๊กตาหมีตัวใหญ่
“ให้...”
แค่เพียงคำพูดสั้น ๆ ก็ทำให้คนฟังยิ้มทั้งปาก สายตา และหัวใจ
“ถ้าผมไม่รับล่ะครับ”
“อืม...ถ้างั้นพี่คงต้องบอกความหมายของกุหลาบดอกนี้ให้แกงฟังเพื่อประกอบการพิจารณาก่อนมั้งครับ เผื่อแกงอาจจะเปลี่ยนใจรับมันไว้” คำพูดที่มาพร้อมกับดวงตาคม ทำให้แกงส้มต้องอมยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงบอกให้คนพูดเริ่มอธิบายถึงความหมายของเจ้าดอกกุหลาบดอกนี้
“กุหลาบสีชมพู หมายถึง ความงดงามและความอ่อนโยนความหวานของหัวใจที่มอบให้กันตลอดเวลา การเอาใจใส่เปรียบกับการเปลี่ยนสีของดวงใจเป็นสีชมพูจรดสีแดง แสดงถึงรอยยิ้มที่มอบให้แก่กันและกันตลอดเวลา แม้ไม่เจอหน้าแต่ยิ้มของคนที่เรารักก็ยังติดตาเป็นกำลังใจให้เราและคนที่เรารักตลอดเวลา และ แสดงถึงความสดใสของความรักที่มีความสุขตลอดไป...”
ความหมายยืดยาวของดอกกุหลาบที่คนตรงหน้าอธิบายทำให้คนฟังถึงกับแก้มร้อน รอยยิ้มที่พยายามเก็บกักไว้ ถูกปลดปล่อยออกมา
หากเขายิ้มกว้างได้มากกว่านี้กำลังยิ้มอยู่ เขาก็คงจะทำไปแล้ว
“แล้วแกงรู้ไหมว่าทำไมพี่ถึงหยิบกุหลาบมาให้แกงแค่ดอกเดียว..”
“เพราะพี่กลัวว่าเจ้ามายเดียร์จะไม่มีกุหลาบถือใช่ไหมครับ” คำตอบเกรียน ๆ ที่แกงส้มตอบออกมาทำให้ฮั่นรู้ว่าตอนนี้คนตอบกำลังเขินมากแค่ไหน
ก็ถ้าแกงส้มเกรียนมาก ๆ เมื่อไหร่ แปลว่าตอนนั้นแกงส้มกำลังเขินสุดขีด...เขารู้ข้อเท็จจริงข้อนี้ดี!
ไม่อยากบอกหรอกนะแกง...ว่าพี่มีอะไรให้แกงเขินได้มากกว่านี้อีก...!!!
“คำตอบของแกงผิดครับ เพราะที่พี่ให้กุหลาบดอกนี้กับแกงแค่ดอกเดียว เป็นเพราะว่าพี่อยากจะบอกแกงว่า...แกงคือคนเดียวในหัวใจของพี่ตอนนี้...พี่มี ‘แค่แกง’...เท่านั้นครับ”
จบคำพูดประโยคนี้ คนพูดก็คว้ามือบางที่วางอยู่บนโต๊ะให้รับดอกกุหลาบที่เขาถือ ก่อนที่ฮั่นจะกุมมือนั้นไว้อย่างพยายามสื่อให้รู้ว่า...
ทุกคำพูดที่เขาพูดนั้น...เขายืนยันได้ด้วยความรู้สึกที่ส่งผ่านไปทางมือคู่นี้ด้วย
แค่เพียงคำพูดอาจไม่เพียงพอต่อความรู้สึกที่มี แต่การสัมผัสร่างกายกันเบา ๆ ก็อาจจะสื่อให้คนที่เราสัมผัสได้รับรู้ว่า...
ทุกคำพูดที่เอื้อนเอ่ยออกไป ไม่ใช่แค่เพียงคำพูดลอย ๆ แต่มันคือความรู้สึกจริง ๆ จากหัวใจของคนพูด
“แล้วพี่เอาน้องเคเอสไปไว้ที่ไหนล่ะครับ”
คำถามของคนตรงหน้าทำให้ฮั่นยิ้มออกมาพลางหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่เขาจะปล่อยมือของแกงส้มและเอนตัวไปพิงกับพนักเก้าอี้
“ก็เอาไว้ที่เดิมแหล่ะครับ น้องเคเอสก็ส่วนน้องเคเอส แกงก็ส่วนแกง...” คำตอบที่มาพร้อมกับท่าทีสบาย ๆ ทำให้คนถามขมวดคิ้วมุ่น
“ฮื้อ...นี่พี่คิดจะจับปลาสองมือหรอครับ”
“จับปลาสองมือที่ไหนแกง พี่ก็จับปลามือเดียวนะ เพราะพี่จับแกงแค่คนเดียว” พูดจบ ฮั่นก็หัวเราะออกมา เมื่อเห็นใบหน้าหวานกำลังทำหน้ายู่
“อย่ามาเกรียนพี่ฮั่น ผมถามพี่จริง ๆ นะ...ถ้าเกิดผมกับน้องเคเอสไม่ใช่คน ๆ เดียวกัน พี่จะเลือกใครครับ”
คำถามที่มาพร้อมกับใบหน้าจริงจัง ทำให้คนที่กำลังหัวเราะร่าต้องหยุดหัวเราะแล้วค่อย ๆ ยืดนั่งหลังตรง
คำถามชวนตอบยากมาแล้ว!
นั่นสินะ...ถ้าหากแกงส้มกับน้องเคเอสไม่ใช่คน ๆ เดียวกันล่ะ...
เขาจะเลือกใคร...
ระหว่างคนในจดหมายกับคนในชีวิตจริง...?
ใครกันนะที่ทำให้เขารู้สึกดีได้มากกว่ากัน...
อาการนิ่งเงียบของคนตรงหน้า ทำให้แกงส้มนึกหวาดหวั่นในใจ หากพี่ฮั่นตอบว่าเขาเลือกคนในจดหมายนั่นก็แปลว่า...คนในชีวิตจริงอย่างเขาไม่มีความหมายเลย แต่หากพี่ฮั่นตอบว่าเลือกเขาที่อยู่ในชีวิตจริง งั้นก็แปลว่า...ทุกตัวอักษรที่เขาเขียนไป ก็ไม่สามารถทำให้พี่ฮั่นรู้สึกดีกับเขาได้เลย
โอ๊ย...ไม่ว่าจะเลือกใคร ทำไมมันถึงได้ทำให้รู้สึกไม่ดีทั้งคู่เลยนะ
ว่าแต่ว่า...แล้วถ้าเป็นเขาล่ะ...
เขาจะเลือกใคร ระหว่างพี่หมีกับพี่ฮั่น...?
เมื่อถามตัวเองกลับแบบนี้...แกงส้มก็นิ่งไปราวกับตกอยู่ในภวังค์
คำถามที่ชวนตอบยากของเขาเมื่อย้อนกลับมาถามตัวเอง มันช่างทำให้รู้สึกอึดอัดใจจัง...
คิดถูกหรือคิดผิดนะที่ถามพี่ฮั่นออกไปแบบนี้!?!
“แกง...พี่มีคำตอบให้แกงแล้วนะ”
หลังจากเงียบไปนาน ฮั่นก็หาคำตอบให้กับคำถามของแกงส้มได้
คำตอบที่เขารู้ดีว่า...นี่คือความรู้สึกทั้งหมดในหัวใจของเขา
“คำตอบของพี่คืออะไรครับ...”
“ก่อนที่พี่จะตอบ แกงก็ตอบพี่ด้วยนะว่าระหว่างพี่หมีกับพี่ฮั่น...ถ้าเป็นแกง...แกงจะเลือกใคร”
“อื้อ...ผมก็คิดคำตอบของคำถามนี้ไว้แล้วเหมือนกันครับ”
ได้ยินแบบนั้น ฮั่นก็สูดลมหายใจเข้าปอดยาว ๆ ก่อนที่เขาจะเริ่มพูดคำตอบที่เขาคิดได้เมื่อสักครู่นี้
“ถ้าหากพี่จะต้องเลือกระหว่างแกงกับน้องเคเอสจริง ๆ ถ้าเป็นก่อนที่เราจะตกลงเรื่องเป็นแฟนปลอม ๆ กัน พี่ก็คงเลือกน้องเคเอส เพราะพี่รู้สึกดี ๆ กับน้องเค้าตั้งแต่รู้จักเขาแค่เพียงได้พูดคุยกันผ่านตัวอักษร ถึงแม้พี่จะรู้สึกหวั่นไหวกับแกงซึ่งมีตัวตนจริงก็ตาม แต่...พอพี่ได้ใช้เวลาอยู่กับแกงตลอดระยะเวลาเจ็ดวันที่ผ่านมา พี่ก็รู้หัวใจตัวเองเลยว่า...พี่เลือกคนที่อยู่ในชีวิตจริง...แกงอาจจะคิดว่าพี่โลเล เป็นคนไม่แน่นอน แต่การที่เราจะเลือกรู้สึกดี ๆ กับใครสักคน เค้าคนนั้นก็ควรจะเป็นคนที่เราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยมากกว่าที่จะเป็นคนที่ไม่เคยได้ใช้เวลาด้วยกันมาก่อน ถึงแม้ว่าตัวอักษรจะทำให้คนเรารักกันได้ก็ตาม แต่คนที่หายใจแล้วอยู่ข้าง ๆ กันมีวันเวลาดี ๆ ร่วมกันต่างหาก คือคนที่หัวใจของเราควรเลือก...และนี่ก็คือคำตอบของพี่ครับ”
คำตอบของฮั่นทำให้แกงส้มยิ้มออกมา...
นี่แหล่ะคำตอบที่เขาต้องการ!
ใช่...เพราะเขาเองก็เลือกคนที่อยู่ในชีวิตจริงเหมือนกัน
“ผมดีใจนะครับที่ได้ยินคำตอบนี้จากพี่ เพราะว่าคำตอบของผมก็คงไม่ต่างจากพี่นัก...จริง ๆ แล้ว ผมรู้สึกดีกับคนในชีวิตจริงมากกว่าคนที่อยู่ในจดหมายนะครับ เพราะผมเชื่อเสมอว่า...หากคนเราจะรู้สึกดีกับใคร เค้าคนนั้นก็ควรจะเป็นคนที่เราสัมผัสได้ คือเห็นหน้า พูดคุย สบตาและมีวันเวลาดี ๆ ร่วมกัน แต่พี่หมีในจดหมายก็ทำให้ผมรู้ว่า...แม้ผมจะไม่สามารถรู้สึกดีกับเขามากไปกว่าคนในชีวิตจริง แต่เขาก็ทำให้ผมยิ้มได้ และมีความสุขทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับเขาผ่านตัวอักษร...ไม่รู้ว่าพี่จะเชื่อผมไหม...แต่ผมว่าเราเกิดเพื่อ ‘คู่กัน’ นะ”
จบคำพูดของแกงส้ม ชายหนุ่มก็ยกกุหลาบที่ถืออยู่ในมือมาจูบเบา ๆ แล้วนำกุหลาบดอกนั้นไปแตะที่ริมฝีปากบางของคนที่กำลังยิ้มตรงหน้า
“นี่คือรางวัลสำหรับคำตอบของพี่ครับ...ผมชอบมันนะฮะ...”
แล้วคนพูดก็ยกแก้วกาแฟตรงหน้าขึ้นจิบแก้เขิน พลางเสสายตาตัวเองหลบสายตาคมที่มองมา
ให้ตายเหอะ...ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย!
เขินชิบ!!!!
“แกงรู้ไหม...ว่าแกงทำแบบนี้...มันทำให้พี่ต้องหักห้ามใจตัวเองแค่ไหน” ฮั่นว่าพลางเขยิบตัวเอง แล้วยื่นใบหน้าไปจนเกือบชิดใบหน้าหวาน
“พะ พะ พี่ฮั่น...ถอยออกไปเลยนะ คนมองใหญ่แล้ว” แกงส้มว่า ก่อนจะผลักใบหน้าของคนเป็นพี่ให้ออกไปห่าง ๆ ใบหน้าของตัวเอง แต่ฮั่นก็ดึงมือนั้นไว้...ก่อนจะเลื่อนใบหน้าคมไปกระซิบที่ข้างหูคนเป็นเจ้าของมือด้วยน้ำเสียงที่ทำให้แกงส้มแทบละลาย
“รางวัลของพี่สำหรับคำตอบที่น่ารักสุด ๆ ของแกง...พี่คงให้ที่นี่ไม่ได้ เพราะว่ามันจะ ‘พิเศษ’ จนแกงแทบลืมไม่ลงเลยล่ะครับ...”
ไอ้พี่ฮั่นบ้า! กระซิบด้วยเสียงนุ่มและหวานขนาดนี้...แกงส้มคนนี้ก็ตายสิคร้าบบบบบบบบ
แล้วฮั่นก็ถอยใบหน้าของตัวเองออกไป พลางส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้คนที่กำลังมองเขาตาขวาง
“พูดบ้าอะไรของพี่เนี่ยพี่ฮั่น!”
“ก็พูดตามที่ใจคิดไงครับ”
“ใจพี่คิดอะไรอยู่วะ ถึงได้บอกว่าจะให้รางวัลพิเศษที่ทำให้ผมลืมไม่ลงน่ะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าให้ที่นี่ไม่ได้”
“ง่ะ...ใบ้หน่อยดิ ผมอยากรู้อ่ะ” แกงส้มถามพลางยิ้มน่ารักเอาใจ แต่...
“ไม่บอกครับ...ต้องรอให้ถึงห้องก่อน...เอาเป็นว่า...เราเคลียร์กันเรื่องคนในจดหมายกับคนในความจริงแล้วนะครับน้องคะ คะ เคเอส!!!” ท้ายประโยคฮั่นแกล้งลากชื่อคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงล้อเลียน เรียกฝ่าเท้าของคนที่นั่งตรงข้ามให้ฟาดมาที่แข้งของคนล้อ
“เฮอะ! พอเคลียร์ชัดก็เกรียนกลับเลยนะพี่!”
“แน่นอนสิครับ ก็พี่อารมณ์ดีนี่...ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
แล้วเสียงหัวเราะของคนเป็นพี่ก็ทำให้แกงส้มต้องส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนที่เขาจะยิ้มออกมา
หนึ่งคำถามสองคำตอบ...
สองคำตอบที่ออกมาจากความรู้สึกในหัวใจ...ความรู้สึกที่ได้พูดออกมาหลังจากที่เก็บกักมันไว้ แม้จะเป็นคำตอบที่ยังไม่กระจ่างชัดทุกความรู้สึกก็ตาม แต่มันก็เป็นคำตอบที่ทำให้คนถามรู้สึกดี...เพราะคำตอบนี้มันคือสิ่งที่อยู่ในห้วงความคิดและจิตใจของทั้งคนถามและคนถูกถามมาโดยตลอด
หากเรารู้สึกสงสัยในความรู้สึกใดของใคร...บางครั้งถ้าถึงโอกาสที่เราสามารถที่จะถามได้ เราก็ไม่ควรปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอยผ่านไป เพราะไม่ว่าคำตอบของคำถามจะเป็นไปในทิศทางไหน สุดท้ายแล้ว...ความรู้สึกที่มีในหัวใจก็จะเป็นตัวบอกเราเองว่าคำตอบของคำถามนั้นมันทำให้เรารู้สึกอย่างไร...
อย่ากลัวที่จะต้องถามอะไรกับใคร...เพราะไม่ว่าคำตอบของคำถามจะเป็นอย่างไร...อย่างน้อยความรู้สึกสงสัยในหัวใจก็อาจจะลดน้อยถอยลง ดีกว่าที่เราจะเก็บงำคำถามนั้นไว้ให้มันตายไปกับเราโดยที่ไม่ได้เอ่ยออกไป...
“โอ๊ยหนัก!!!!” ฮั่นบ่นออกมาเมื่อรู้สึกว่าหลังของเขากำลังทำงานหนัก
ก็จะไม่ให้เขาบ่นได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้เขาต้องแบกทั้งเจ้ามายเดียร์ของเขาและเจ้าโหดของแกงส้มไว้บนหลังทั้งสองตัวนี่นา ตอนที่ออกมาจากร้านพี่จอย มันก็สบายอยู่หรอก เพราะขับรถมา แต่อีตอนที่เดินจากลานจอดรถมาที่ลิฟต์นี่สิ...
หนักเอาเรื่องเลย!
“ไม่ต้องมาบ่นเลยพี่ฮั่น ก็พี่อยากทำตัวเป็นสุภาพบุรุษบอกว่าจะแบกเจ้าสองตัวนี้เอง ทั้ง ๆ ที่ผมก็แข็งแรง เฮอะ! อยากโชว์แมนกว่าก็เอาสิครับ จัดไปเลยพี่!!!!! ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
คำตอบของคนที่ยืนหัวเราะข้าง ๆ ทำให้ฮั่นนึกอยากจะเอาเจ้าตุ๊กตาสองตัวนี้ทุ่มใส่หัวคนพูดนัก
เออ...เขามันอยากโชว์แมนเอง!
แต่ให้ตายเหอะ...จริง ๆ แกงส้มก็ไม่ได้บอบบางขนาดนั้นนะ แต่ทำไมเขาต้องทำเหมือนน้องมันบอบบางด้วยวะ มันก็ตัวโต๊โต...ปล่อยให้มันแบกก็ได้นี่หว่า...
แต่ไม่หรอก...เขาอยากเทคแคร์น้องนี่นา...แม้จะแค่เรื่อง ๆ น้อย ๆ แต่เขาก็อยากจะทำ!
“เออ! ไปกดลิฟต์เลย” สั่งเสร็จ ฮั่นก็แบกเจ้าสองตัวบนหลังเดินลากเท้าไปที่ลิฟต์ แกงส้มซึ่งเห็นแบบนั้นก็อดสงสารไม่ได้ แกล้งวิ่งเฉียดเบียดไหล่คนเป็นพี่ให้เซเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปกดลิฟต์
“แกงส้ม!!!!!!! ไอ้ตัวแสบ แค่นี้พี่จะล้มอยู่แล้ว เดี๋ยวเหอะนะ!!!”
“ฮ่า ๆ ๆ อย่าบ่นมากดิพี่ฮั่น รีบ ๆ เดินมาเร็ว ๆ ชักช้าเป็นเต่าไปได้ เป็นหมีไม่ใช่หรอคร้าบบบบบบ”
“ฮึ่ย!!!! ไอ้ตัวแสบ!!!!!” ฮั่นบ่นงึมงำกับตัวเอง พลางสาวเท้าให้เร็วขึ้น
ถามว่าโกรธไหมที่โดนแกงส้มแกล้งแบบนี้...ตอบได้เลยว่า ‘ไม่’...
ก็ถ้าการโดนแกล้งมันทำให้ยิ้มได้ทั้งริมฝีปากและหัวใจขนาดนี้...ก็อยากจะโดนแกล้งทุกวัน...วันละหลายเวลานะครับ...
“อ่ะ...คราวนี้แบกเข้าห้องไปเองนะ” ฮั่นว่าพลางส่งเจ้าหมีเชฟในมือไปให้คนที่ยืนยิ้มแป้นแล้นตรงหน้า แกงส้มรับเจ้าหมีมาถือไว้ในมือ ก่อนจะส่งกล่องกระดาษในมือของเขาไปให้คนที่ยื่นมือรอรับอยู่แล้ว
“ถ้างั้นเราแยกกันตรงนี้นะพี่ฮั่น...แล้วเจอกันครับ”
“เดี๋ยวแกง...”
“หืม...มีอะไรครับ”
“อย่ายิ้มกับจดหมายพี่จนแก้มแตกล่ะ พี่ยังอยากเห็นแก้มป่อง ๆ ของเราในวันพรุ่งนี้เช้านะ” จบคำพูดของตัวเอง คนพูดก็อมยิ้มแก้มแทบแตกแทน เมื่อเห็นใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อ
ให้ตายเหอะ! เขาชอบเวลาที่แกงส้มเขินจริง ๆ
มันดูน่ารักจนทำให้หัวใจจะวาย...
เฮ้อ...เป็นเอามากจริง ๆ ไอ้ฮั่นเอ๊ย!!!!
“ไอ้พี่ฮั่นบ้า! ผมไม่พูดกับพี่แล้ว เขินโว้ย!” พูดจบ แกงส้มก็รีบเสียบคีย์การ์ดแล้วลากตัวเองเข้าห้องด้วยความไวแสง เนื่องจากเขารู้ตัวเองดีว่า...ขืนยังยืนอยู่ตรงนั้นเขาคงจะยิ้มแก้มแทบแตกจริง ๆ โดยที่ยังไม่ทันได้อ่านจดหมายที่คนเป็นพี่เขียนมา
“พี่ฮั่นบ้า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ โรคจิต!...ชอบมาทำให้เขินอยู่ได้ โว้ย! เขิน...” แล้วคนเขินก็รีบอุ้มเจ้าตุ๊กตาหมีไปวางไว้ในห้องนอนข้างหมอนหนุน พลางวางกล่องไม้ในมือบนเตียงนอน รอยยิ้มหวานที่แต่งแต้มขึ้นก็ทำให้เจ้าตัวคุกเข่าลงนั่งข้างเตียงก่อนจะต้องค่อย ๆ ไล้ปลายนิ้วไปที่กล่องไม้ตรงหน้า
“ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ผมได้รู้ความจริง แล้วความจริงนั้นก็ทำให้ผมรู้สึกดีจนไม่รู้จะพูดยังไง...ขอบคุณนะพี่หมีฮั่น...ขอบคุณ...”
พรึบ!
แต่ยังไม่ทันที่แกงส้มจะได้หยิบจดหมายในกล่องออกมาอ่าน ไฟภายในห้องก็ดับ ความมืดที่โรยรอบตัวทำให้แกงส้มมือเย็นเฉียบ ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งเอาหลังพิงกับเตียงแล้วงอเข่าขึ้นมาพลางซบหน้าลงกับหัวเข่า ความกลัวค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาเกาะกุมในหัวใจ
เขาเกลียดความมืดที่สุด!
พี่ฮั่นอยู่ไหน...ช่วยผมด้วย!!!!!
ก๊อกก๊อก!!
เสียงเคาะประตูทำให้คนที่นั่งกอดเข่าอยู่สะดุ้งสุดตัว ใบหน้าหวานที่บัดนี้เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตามีสีหน้าเลิ่กลั่ก
“แกง...แกง!”
เสียงตะโกนเรียกชื่อหน้าห้องที่แสนคุ้นเคย ทำให้แกงส้มยิ้มออกมาทั้งน้ำตา หากแต่ขาของเขาก็ไม่สามารถพาตัวเขาให้เดินฝ่าความมืดออกไปได้ ชายหนุ่มรีบหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาจากกระเป๋าแล้วกดโทรออกไปหาคนที่อยู่ด้านนอกทันที
(แกง...มาเปิดประตูสิครับ)
“ฮือ ๆ ๆ ๆ พี่ฮั่น...ผมออกไปไม่ได้ ผมกลัวความมืดอ่ะ ประตูไม่ได้ล็อกพี่รีบเข้ามานะ...ฮือ ๆ ๆ ๆ”
แล้วปลายสายก็ตัดไป ทิ้งให้แกงส้มต้องนั่งกอดเข่าพลางเพ่งสายตาที่เริ่มชินกับความมืดมองไปที่ประตูห้องนอน
ทันทีที่ประตูเปิดออก ร่างสูงของฮั่นที่ถือไฟฉายก็ปรากฏขึ้น ฮั่นเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ของคน ๆ หนึ่งที่นั่งอยู่ข้างเตียง เขารีบวิ่งไปที่ร่างนั้นทันที
“แกง...”
หมับ!
แกงส้มกอดไปที่ร่างของคนตรงหน้าเต็มแรง ใบหน้าหวานซุกไปที่อกกว้าง น้ำตาที่ไหลซึมเข้าไปในเสื้อยืดเรียกมือหนาของฮั่นให้ลูบไปที่ศีรษะทุยเบา ๆ อย่างต้องการปลอบโยน
“ไม่ต้องกลัวนะแกง พี่อยู่ตรงนี้แล้ว...ไม่ต้องกลัวน้า...”
“ฮือ ๆ ๆ ๆ ผมกลัวจริง ๆ นะพี่ฮั่น”
“อืมพี่รู้...พี่ว่า...เดี๋ยวเราออกไปนั่งกันที่ระเบียงดีกว่านะ อยู่ในนี้ร้อนเปล่า ๆ ระเบียบลมพัดเย็น ๆ”
“ครับ...ยังไงก็ได้ ขอแค่ไม่อยู่ในความมืดแบบนี้ก็พอ”
แล้วฮั่นก็ค่อย ๆ พยุงตัวคนที่สั่นเบา ๆ ให้ลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียง และทันทีที่เปิดประตูระเบียงออกไป ลมเย็นจากอากาศที่ฝนเพิ่งจะตกมาไม่กี่นาทีก็ทำให้ฮั่นต้องยกมือขึ้นมาโอบไหล่คนที่ยืนข้าง ๆ
“ดีขึ้นไหมแกง” ฮั่นถาม พลางใช้นิ้วโป้งไล่เช็ดน้ำตาที่เปื้อนสองแก้มของคนหน้าหวาน
“ดีขึ้นแล้วครับ...ขอบคุณพี่มาก ๆ เลยนะครับ ถ้าไม่ได้พี่ ผมคงนั่งร้องไห้จนกว่าไฟจะมาแน่ ๆ”
“ก็ถ้าแกงกลัว แกงก็โทรมาหาพี่สิครับ เบอร์ก็มี แถมห้องเราก็อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง”
“อ่า...ตอนนั้นความกลัวมันทำให้ผมคิดอะไรออกอ่ะครับ” แกงส้มตอบก่อนจะยิ้มแหย ๆ ออกมา
“ทำไมถึงกลัวความมืดขนาดนั้นแกง”
“ผม...เคยถูกเพื่อนแกล้งให้ไปซ่อนที่ห้องเก็บของน่ะครับ ตอนนั้นผมอยู่ป.4 ได้มั้ง เราเล่นซ่อนหากันแล้วเพื่อนบอกผมว่าให้ผมไปซ่อนที่ห้องเก็บของใต้บันได ผมก็ไปซ่อน...แล้วผมก็เผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีก็ดึกแล้ว...ห้องเก็บของใต้บันไดในตอนนั้นมันมืดมาก ผมพยายามจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีใครมาช่วยผม ผมกลัวมากเลยตอนนั้น กว่าป๊าจะมา...ก็ปาเข้าไปหลายชั่วโมงแล้ว เพราะว่าเพื่อนผมไม่กล้าบอกว่าหลอกผมให้มาซ่อนที่นี่ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา...ผมก็กลัวความมืดมาโดยตลอด...”
คำบอกเล่าที่มาพร้อมกับใบหน้าหวานที่แสดงออกถึงความกลัวในหัวใจ ทำให้ฮั่นต้องโอบคนตรงหน้าให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอีกครั้ง
“ไม่ว่ายังไง พี่จะไม่มีวันทำให้แกงต้องรู้สึกกลัวแบบนั้นเป็นอันขาด พี่จะไม่ทิ้งให้แกงต้องอยู่ลำพังแบบนั้น...ต่อให้ความมืดมิดของรัตติกาลจะมากแค่ไหน แต่พี่จะจับมือแกงไว้ จะโอบกอดแกงไว้ จะไม่ทำให้ความมืดนั้นมาทำร้ายแกงอีกแล้ว...จำไว้นะครับ”
พูดจบ ฮั่นก็จรดริมฝีปากของตัวเองไปที่เรือนผมของคนที่อยู่ในอ้อมกอด สัมผัสอ่อนโยนนี้ซึมซับเข้าไปในหัวใจของแกงส้ม...
แค่คำพูดที่อ่อนโยนก็มากเพียงพอที่จะทำให้ความกลัวในหัวใจของแกงส้มบรรเทาเบาบางแล้ว แต่เมื่อมีสัมผัสที่แสนอ่อนโยนนี้อีก หัวใจของแกงส้มก็ยิ่งรู้สึกดีจนเกินบรรยาย
ทำไมผู้ชายที่ฮั่นคนนี้...ถึงได้แสนดีได้มากขนาดนี้นะ...
เขาช่างเป็นคนที่โชคดีจริง ๆ ที่ได้รับความแสนดีนี้จากพี่ฮั่น
โครก...
แล้วเสียงท้องร้องของคนที่กำลังซึ้งกับสัมผัสของคนเป็นพี่ ก็ทำให้ฮั่นหลุดขำออกมา
“ฮ่า ๆ ๆ นี่แกงหิวจนท้องร้องดังขนาดนี้เลยหรอ ได้ข่าวว่ากินเค้กไปเกือบหมดก้อนนะ” ฮั่นว่าก่อนจะดันคนในอ้อมกอดออกห่างตัว ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงเล็กน้อย ๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะใช้กำปั้นทุบมาที่ไหล่เขา
“ไม่ต้องมาแซวผมเลยนะ แค่เค้กก้อนเดียว มันจะไปอิ่มอะไรล่ะพี่ กระเพาะผมมันใหญ่นะ”
“ฮ่า ๆ ๆ แต่ไฟดับแบบนี้...พี่คงทำกับข้าวอร่อย ๆ ให้แกงไม่ได้หรอก”
“อืม...นั่นสิเนอะ เอ้อ! แต่ผมมีมาม่าอยู่นะ กินมาม่ากัน อากาศเย็น ๆ แบบนี้กินมาม่าร้อน ๆ เข้ากันดี”
“กินมาม่าก็ต้องใช้น้ำร้อนสิแกง แล้วแกงเสียบกระติกน้ำร้อนได้หรอ”
“โธ่พี่ฮั่น...เสียบน้ำร้อนไม่ได้ ก็ใช้เตาแก๊สดิพี่”
“เออเนอะ พี่ลืมไปเลย...” ฮั่นว่า ก่อนที่เขาจะทำท่าหมุนตัวเดินเข้าไปภายในห้อง แต่แรงฉุดที่ชายเสื้อก็ทำให้เขาต้องหันกลับมา
“ผมไปด้วย”
“แต่ข้างในมืดนะ”
“ก็พี่บอกว่า...ต่อให้มืดแค่ไหนพี่ก็จะจับมือผมไว้ไงครับ” จบคำพูดของแกงส้ม เจ้าตัวก็ยื่นมือมาตรงหน้าฮั่น ชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นมา ก่อนที่เขาจะยื่นมือของตัวเองไปจับมือคนเป็นน้องไว้ ก่อนจะกระตุกเบา ๆ เป็นเชิงบอกให้เดินตามเขามา แล้วคนทั้งคู่ก็เดินฝ่าความมืดเข้าไป
แค่เพียงจับมือกันไว้...แม้จะต้องเดินฝ่าความมืดมิดสักเพียงใด
คนสองคนก็จะสามารถก้าวผ่านความมืดนั้นไปได้
ขอแค่อย่าหวั่นไหวกับสิ่งอะไรที่ผ่านกระทบเข้ามาเป็นพอ...
“โอ๊ย...ร้อนอ่ะ!” แกงส้มบ่นพลางเป่าลมออกมาจากปาก มือก็ใช้ตะเกียบคีบเส้นมาม่าเข้าปาก
“ร้อนอะไรมิทราบ รู้สึกคนที่ถือชามน่ะมันเป็นพี่นะ เพราะฉะนั้นคนที่ร้อน มันควรจะเป็นพี่มากกว่า” ฮั่นว่า ก่อนจะส่ายศีรษะเบา ๆ
กินเขาก็ไม่ได้กิน แต่ต้องมาถือชามให้คนที่กำลังกินอย่างแกงส้ม...
ร้อนด้วยนะ แต่เขาก็ไม่บ่นสักคำ ส่วนคนที่บ่นน่ะคือคนที่ไม่ได้ถือชาม...
เหอะ ๆ ไอ้แสบแกงส้มเอ๊ย!
“โธ่พี่ฮั่น...พี่ก็อย่าบ่นนักเลย ผมไม่อยากถือเองเพราะว่ามันร้อนอ่ะ กินไม่ถนัดด้วย พี่ไม่หิว พี่ก็ถือให้ผมนี่แหล่ะ ถูกต้องแล้ว ว่าแต่...พี่ไม่หิวจริง ๆ หรอ มาม่าอร่อยน้า~” แกงส้มไม่ถามเปล่า แต่เขายังคีบเส้นมาม่าขึ้นมา แล้วแกว่งไปแกว่งมาเบื้องหน้าฮั่นอีกด้วย
“ไม่เอาแกง พี่ไม่ชอบกินมาม่า มันทำให้ท้องอืด แถมมาม่ามันก็ไม่มีประโยชน์ด้วย!”
“โหยพี่ฮั่น...พี่ต้องรู้จักกินของไม่มีประโยชน์บ้างนะ เพราะแม้ว่ามาม่ามันจะไม่มีประโยชน์ แต่มันก็ทำให้พี่รู้จักอีกรสชาติหนึ่งของชีวิตนะ...กินคำหนึ่งน่ะ นะ ๆ ๆ ๆ” น้ำเสียงอ้อนเล็ก ๆ ของคนที่ยื่นเส้นมาม่ามาตรงหน้า ทำให้ฮั่นต้องอ้าปาก
งับ!
“น่ารักที่สุดเลย อีกคำนะ”
“ไม่เอาแล้วแกง คำเดียวพอ” ฮั่นว่าพลางเคี้ยวมาม่าในปากตุ้ย ๆ
“อีกคำหนึ่งจะหมดชามแล้วเนี่ย”
“อ่ะ ๆ ๆ คำหนึ่งก็คำหนึ่ง” แล้วฮั่นก็งับเส้นมาม่าเข้าปากไปอีกคำใหญ่ จากนั้นเขาก็ใช้มือข้างที่ว่างหยิบเส้นมาม่าที่ย้อยออกมาจากปากออก
แต่ยังไม่ทันจะได้หยิบ ใบหน้าหวานที่ยื่นริมฝีปากมางับเส้นมาม่านั้น ก็ทำให้ฮั่นตัวแข็งทื่อ...
ริมฝีบางที่งับเส้นมาม่าไปไม่ได้เพียงแต่งับเส้นมาม่าเท่านั้น แต่ยังแตะเบา ๆ ที่ริมฝีปากสวยอีกด้วย
สัมผัสที่แผ่วเบาราวกับสายลมพัดผ่าน ทำให้หัวใจของคนที่ถูกสัมผัสล่องลอยราวกับอยู่ในความฝัน แค่เพียงสัมผัสเบา ๆ แต่ทำไมถึงได้รู้สึกหนักไปทั้งหัวใจราวกับมีใครเอาอะไรมาวางไว้ข้างในแบบนี้...
หนักไปด้วยความรู้สึกดี ๆ...จนไม่รู้จะอธิบายยังไง...
รู้แต่ว่า...เขินมาก!!!!!!!
วันนี้มันวันเขินแห่งชาติหรือไงนะ...
“หมดแล้ว! มาม่าอร่อยจัง!”
คนที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้หัวใจของฮั่นเต้นรัวจนแทบจะกระดอนออกมานอกอก
มะ มะ เมื่อกี้มันคืออะไร!!!!!
“เอ่อแกง...”
“ก็ของขวัญพิเศษที่ผมบอกว่าจะให้พี่อีกอย่างหนึ่งไงครับ...”
พูดแค่นั้น คนพูดก็กัดริมฝีปากตัวเอง พลางเสสายตามองไปที่ท้องฟ้าที่มืดสนิท...ดวงดาวที่ลอยเด่นบนฟากฟ้าคงเป็นพยานให้กับเขาแล้วนะ...ว่าเขาได้มอบของขวัญสุดพิเศษอีกอย่างหนึ่งให้กับพี่ฮั่นแล้ว...ของขวัญที่เขาไม่เคยคิดว่า...เขาจะมีโอกาสได้ให้กับใคร...โดยเฉพาะกับคนที่ยืนอยู่ตรงนี้...
ระยะเวลาที่รู้จักกันมาอาจจะดูเหมือนไม่ยาวนานนักในความรู้สึกของใครหลายคน แต่สำหรับเขาแล้ว...ราวกับว่าเขาและพี่ฮั่นรู้จักกันมาแสนนาน...แบบนี้หรือเปล่านะที่เขาเรียกกันว่า...
ความรักไม่ต้องการเวลา...
หากถามว่าความรักต้องการเวลาไหม...หลายคนอาจตอบว่าต้องการ...เพราะระยะเวลาคือสิ่งที่จะสามารถพิสูจน์ความรู้สึกที่มีของคนสองคนได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับคนบางคนแล้ว...ความรักอาจไม่ต้องการเวลา เพราะเวลา...อาจมีไม่มากพอสำหรับเขา ดังนั้น...ความรักจะต้องการเวลาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคนที่มีความรักนั้นว่าเขามีเวลามากพอแค่ไหนสำหรับความรักนั้นของเขา...
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย ขอโทษที่ตอนนี้มีแต่ฉากสวีทหวาน (เวอร์ๆๆๆ) ของพี่ฮั่นและน้องแกง เรียกว่าไม่มีตัวละครอื่นเลย นอกจากพี่จอยและน้องนิวที่ออกมานิดหน่อยเท่านั้น...ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ
ก็แบบว่า...แบบว่า...แบบว่าเค้าอินกับงานของเดอะดาวน 8 ที่ซีคอนบางแคมากไปหน่อยอ่ะ ก็พี่ฮั่นเล่นจัดเต็มทั้ง แหวนน้องแกง ทั้งเข็มขัดคู่ ทั้งการชงตัวเอง โอ๊ยยยยยยย เค้าเลยฟินมากไปหน่อยอ่า...
ขอโทษสำหรับคนอ่านจริง ๆ ที่ฟิคนี้มันหวานเวอร์เกินไปอีกแล้ว ตอนหน้าจัดดราม่ามาดับหวานดีไหมคะ...? ฮ่า ๆ ๆ ๆ เค้าล้อเล่นน้า...ก็เค้าบอกแล้วว่าฟิคนี้ของเค้า มันจะเป็นไปตามอารมณ์ของเค้าจริง ๆ
โอ๊ะ!!! เวิ่นมาเยอะแล้ว เจอกันตอนหน้านะค้า...หวังว่าคงจะอิน ฟิน และหวานไปกับฟิคตอนนี้ของเค้าน้า ~~ ><
รักพี่ฮั่นน้องแกง ก็รักเค้าด้วยนะคะ...เพราะเค้าก็รักพี่ฮั่นน้องแกงและคนอ่านทุกคนมาก ๆ เหมือนกัน!!
เชื่อเค้ายังอ่ะ...ว่า ‘เรื่องจริงฟินกว่าฟิค’ เสมอ...
ปล.เกือบลืมเลย...เค้าว่าเค้าเขียนค้างเรื่องคำพูดนี้ของพี่ฮั่นอยู่ใช่ไหมคะ...
“รางวัลของพี่สำหรับคำตอบที่น่ารักสุด ๆ ของแกง...พี่คงให้ที่นี่ไม่ได้ เพราะว่ามันจะ ‘พิเศษ’ จนแกงแทบลืมไม่ลงเลยล่ะครับ...”
...อ่า...รางวัลนี้คืออะไรน้า...ติดตามตอนต่อไปแล้วกันเนอะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ
ปล.อีกที...มีคำผิดต้องขออภัยนะค้าบบบบบ ><
ความคิดเห็น