คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : บทที่ 16 : จดหมายฉบับที่ 3 ของ เราสองคน
บทที่ 16 : จดหมายฉบับที่ 3 ของ ‘เราสองคน’
ตาค้าง...
เพราะเขานอนไม่หลับทั้งคืน...เนื่องจากเขามัวนอนครุ่นคิดถึงวิธีที่จะไปอธิบายให้แกงส้มเข้าใจว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเป็นแผนการของป๊า
เขาไม่ได้มีกิ๊กอย่างที่แกงส้มเข้าใจ
แต่...ถ้าเขาพูดไปแบบนี้แกงส้มจะเชื่อเขาไหม ?
“เฮ้อออออออออออออออออ” ฮั่นถอนหายใจออกมาอย่างยืดยาว ก่อนจะมองไปที่นาฬิกาเรือนใหญ่ปลายเตียง
นาฬิกาบอกเวลา 6 โมงเช้าแล้ว...ถ้าเป็นเมื่อวานมันคงเป็นวันที่เขามีความสุขมาก
แต่วันนี้...เฮ้อ...
“ถอนหายใจออกมายาวขนาดนั้น ไม่เอาหัวโหม่งหมอนไปเลยวะ”
“เฮ้ยไอ้จ๋า! แกเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วเข้ามาหาอะไรวะ”
ฮั่นอุทานออกมาอย่างตกใจทันที เมื่อเห็นร่างของเพื่อนสาวที่กำลังก้มหน้าก้มตารื้อ ๆ ค้น ๆ หาอะไรอยู่ภายในตู้เสื้อผ้าของเขา
“ฉันว่าจะยืมเสื้อแกหน่อย ไอ้ตัวที่ลายสวย ๆ อ่ะ ที่ฉันเคยขอยืมแกเมื่ออาทิตย์ก่อนแล้วแกบอกว่าให้ฉันมาหาเอาเอง แต่ฉันก็ลืมไปแล้ว วันนี้นึกอยากจะเอามาใส่ก็เลยเข้ามาหาอ่ะ และจะบอกให้รู้นะว่า...ฉันเข้ามาตั้งนานแล้ว เห็นตั้งแต่แกนอนเกลือกกลิ้งบนเตียงนอนถอนหายใจเป็นว่าเล่นน่ะ”
พูดจบ จ๋าก็คว้าเสื้อที่ว่าออกจากลิ้นชัก ก่อนที่เธอจะเดินมานั่งข้าง ๆ คนที่บัดนี้ลุกขึ้นนั่งหลังตรง มือบางของจ๋าตบไปที่ไหล่หนาเบา ๆ สองสามทีเป็นเชิงให้กำลังใจ
“ฉันว่าป๊าของน้องแกงเค้าก็คงจะแกล้งให้แกกับน้องแกงเข้าใจหัวใจของตัวเองมากขึ้นมั้ง ค่อยเป็นค่อยไปเว้ยเพื่อน ยังไงฉันก็เอาใจช่วย” แล้วจ๋าก็ลุกขึ้นยืนเตรียมเดินออกไปจากห้อง แต่...
หมับ! ฮั่นดึงแขนเพื่อนสาวให้ลงมาที่เดิม ก่อนที่เขาจะคว้าตัวเธอเข้าไปกอด คางคมวางบนไหล่ของจ๋า ส่วนสองมือนั้นก็โอบรอบเอว...
“ขอกอดหน่อยนะ...”
“อือ...กอดนาน ๆ ก็ได้ ถ้ามันทำให้แกรู้สึกดีขึ้น ยังไงฉันก็อยู่ข้างแกนะไอ้ฮั่น” จ๋าไม่พูดเปล่า แต่เธอยังโอบกอดเพื่อนสนิทตอบ พลางใช้ฝ่ามือลูบไปมาทั่วแผ่นหลังกว้างคล้ายต้องการจะปลอบประโลม
ฮั่นรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย...
อย่างน้อย ๆ จ๋าก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา เวลาที่เขามีอะไรไม่สบายใจก็ได้เพื่อนคนนี้นี่แหล่ะที่คอยช่วยเหลือและเป็นกำลังใจให้มาโดยตลอด
เฮ้อ...เพื่อนดีมีหนึ่งถึงจะน้อย ดีกว่าร้อยเพื่อนคิดริษยา
เหมือนเกลือดีมีนิดหน่อยด้อยราคา ยังมีค่ากว่าน้ำเค็มเต็มทะเล...
“ขอบใจมากไอ้จ๋า ฉันดีขึ้นแล้ว” ฮั่นว่าก่อนจะดันร่างตัวเองออกจากร่างของเพื่อนสาว ชายหนุ่มยิ้มออกมา แม้มันจะเป็นยิ้มที่ไม่เต็มยิ้มเท่าไรก็ตาม
“อือ....ถ้าแกดีขึ้นแล้ว แกก็ไปทำข้าวต้มกุ้งให้ฉันกินหน่อย อยากกินว่ะ” พูดจบ จ๋าก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ฮั่นนั่งถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
แม้จะรู้สึกดีขึ้น...แต่ตราบใดที่แกงส้มยังไม่หายเข้าใจผิดเขา ยังไงจิตใจของเขาก็ว้าวุ่นอยู่ดี!
เฮ้อ...
“หมิว...เดี๋ยวเอาข้าวต้มกุ้งในหม้อเล็กไปให้แกงส้มหน่อยสิ” ฮั่นว่าพลางยื่นหม้อข้าวต้มไปให้เด็กสาวที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ตรงหน้า
“ทำไมไม่เอาไปให้เองล่ะคะ เป็นแฟนกันไม่ใช่หรอ ?” คำถามของหมิวเสียดแทงเข้าไปในหัวใจของฮั่นยิ่งนัก
แฟนหรอ...แค่ในฐานะคนรู้จัก แกงส้มก็คงจะไม่อยากให้เขาเลยด้วยซ้ำ!
“หมิวเอาไปให้นั่นแหล่ะดีแล้ว ขืนพี่เอาไปให้ เกิดป๊าแกงส้มออกมารับ ได้คว่ำหม้อข้าวต้มใส่หัวพี่กันพอดี” ฮั่นว่าพลางส่งยิ้มไปให้หมิว หญิงสาวหรี่ตามองใบหน้าคมที่บัดนี้ดวงตาแทบจะปิดสนิทเข้าหากัน...ไม่ใช่ปิดสนิทเพราะยิ้มตาหยี แต่เป็นเพราะชายหนุ่มแทบจะฝืนดวงตาของตัวเองให้ลืมขึ้นไม่ไหว
“อย่าคิดว่าหมิวไม่รู้นะพี่ฮั่นว่าเมื่อคืนพี่ไม่ได้นอนทั้งคืน”
“หืม...หมิวรู้ได้ยังไง”
“ก็หมิวเห็นไฟห้องพี่มันลอดออกมาจากห้องน่ะสิคะ หมิวตื่นมากินน้ำตอนตี 3 ก็ยังเห็นไฟเปิดอยู่เลย” หมิวว่าก่อนจะยกหม้อข้าวต้มมาถือไว้ หญิงสาวลุกเดินออกไปจากห้อง แต่ยังไม่ทันที่จะเดินพ้นประตู เธอก็หันกลับมามองร่างสูงที่ยืนมองตาม
“อยากจะฝากอะไรไปถึงเจ้าของห้องนู้นหรือเปล่าคะ...”
“ไม่ล่ะหมิว ขอบใจนะ”
เมื่อได้รับคำตอบแบบนี้ หมิวก็เดินออกไปทันที ฮั่นทรุดตัวลงนั่ง พลางมองชามข้าวต้มตรงหน้าด้วยดวงตาที่เริ่มสับสน
เขาจะเริ่มต้นไปง้อแกงส้มยังไงดีนะ...
คิดมาทั้งคืนก็ไม่เห็นหนทาง...
“เอ้า ๆ ๆ ๆ นั่งทำหน้าเป็นหมีตายซากเลยแก ไป ๆ อาบน้ำแต่งตัวให้มันดี ๆ งานการจะไม่ไปทำใช่ไหม” จ๋าที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องนอนพูดพลางนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามฮั่น
“ไปดิวะ...ไม่ไปลูกค้าก็ด่าตายสิ งั้นฉันไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน” พูดจบ คนพูดก็ลุกขึ้นยืน แล้วฮั่นก็เห็นว่าหมิวถือหม้อข้าวต้มกลับมา
“อ้าวหมิว...เอากลับมาทำไมอ่ะ ป๊าแกงเป็นคนออกมารับหรอ ?”
“เปล่าค่ะ แกงเป็นคนออกมารับ แต่แกงบอกว่า...เค้าไม่อยากกินอาหารฝีมือคนใจร้าย ให้หมิวเอากลับคืนไป แล้วเขาก็ยังบอกอีกว่า...อะไรที่เคยตกลงกันไว...’จบกัน’ แค่เพียงเท่านี้...”
เมื่อฮั่นได้ยินประโยคนี้ เขาก็รีบวิ่งออกไปนอกห้องทันที
ก๊อกก๊อก!
ชายหนุ่มเคาะห้องของแกงส้มเสียงดัง พลางยืนรอคนมาเปิดด้วยความกระวนกระวายใจ
ขอให้แกงส้มมาเปิด
ขอให้แกงส้มมาเปิด...
“พี่ฮั่น...”
แกงส้มเป็นคนออกมาเปิดจริง ๆ
“แกง...เรื่องทั้งหมดพี่อธิบายได้นะ มันไม่ใช่อย่างที่แกงคิดเลยครับ” ฮั่นรีบชิงพูดอธิบาย พลางส่งสายตาเว้าวอนมองไปที่คนหน้าหวาน ซึ่งมีใบหน้าที่อิดโรยไม่ต่างจากเขา รอบดวงตากลมมีอาการบวมช้ำราวกับเจ้าตัวผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ฮั่นนึกอยากจะถึงตัวคนตรงหน้าให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดเสียเดี๋ยวนั้น
แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่หักห้ามใจ...
“ผมไม่มีอะไรคุยกับพี่ครับ ขอตัว...”
“เดี๋ยวสิแกง...ทำไมแกงไม่ฟังพี่บ้าง ทำไมแกงถึง...”
“เพราะผมฟังพี่มากเกินไปไง ถ้าพี่มีแฟนแล้วก็น่าจะบอกกับผม ผมจะได้ไม่ต้องขอให้พี่มาเป็นแฟนผม ถ้าแค่ผมรู้...”
ฮั่นยังพูดไม่ทันจบประโยคดี แกงส้มก็โพล่งแทรกขึ้นมา บัดนี้ดวงตาที่ฮั่นเคยมองว่ามันหวานคลอไปด้วยน้ำตาจนเต็มหน่วย ก่อนที่น้ำตานั้นจะไหลลงมาเป็นทางอาบแก้มขาว
“เค้าไม่ใช่แฟนพี่ ไม่ใช่ทั้งแฟนและไม่ใช่ทั้งกิ๊ก! เค้าถูกป๊าของแกงจ้างมาให้เล่นละครหลอกแกง เพื่อให้แกงเข้าใจพี่ผิด แกง...พี่กับเขาเราไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ นะ”
“พอเถอะพี่ฮั่น ผมไม่อยากฟัง ถ้าพี่จะมาแก้ตัวด้วยการใส่ร้ายป๊า พี่ก็กลับไปเถอะ ผมไม่อยากเห็นหน้าพี่ ผมรู้ว่าผมไม่สิทธิ์ทำแบบนี้ เพราะจริง ๆ แล้วเราไมได้เป็นอะไรกัน แต่ผมบอกตามตรงนะว่าผม ‘เสียความรู้สึก’ เพราะฉะนั้น...เราเลิกติดต่อกันเถอะครับ” พูดจบ แกงส้มก็ปิดประตูใส่หน้าฮั่น ชายหนุ่มกำมือขึ้นมาก่อนจะทุบไปที่กำแพงอย่างแรงพลางสบถออกมา
“โธ่เว้ย! ทำไมไม่ฟังกันบ้างวะ!”
แล้ววันนี้ทั้งวัน ฮั่นก็ทำหน้าเป็นหมี...หมีที่กำลังโมโห!
“เอม...เราบอกว่าให้เอมเตรียมจานสีเหลืองไม่ใช่หรอ ทำไมเอาจานสีครีมมา รู้ไหมว่ามันไม่เข้ากัน”
“เอ่อ...ก็ฮั่นบอกเราเองนี่นาว่ากุ้งอบชีสใส่สีครีมแล้วมันจะเด่น”
“เด่นอะไรเล่า! เห็นไหมเนี่ยว่าจืดสนิทเลย! ไปเปลี่ยนมาใหม่!” ท้ายประโยคฮั่นตะโกนออกมาจนเอมสะดุ้งสุดตัว หญิงสาวรีบกุลีกุจอไปหยิบจานมาเปลี่ยนให้ฮั่นใหม่ พลางยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยตัวเอง
นี่เธอเป็นคนผิดไปได้ยังไงนะ...ทั้ง ๆ ที่ทำตามคำสั่งทุกอย่างแล้วแท้ ๆ
“ไอ้กร! มึงเขียนอะไรของมึงมา อ่านไม่ออกโว้ย! จดมาใหม่ดิ๊!” ฮั่นด่าบริกรหนุ่มที่ยืนส่งกระดาษออร์เดอร์ลูกค้า จนชายหนุ่มคนนั้นถึงกับรีบหยิบกระดาษแผ่นใหม่ขึ้นมาแล้วเขียนรายการอาหารใหม่ด้วยตัวบรรจงสุดขีด
“ไอ้กร! มึงจะบรรจงเขียนคัดไทยไปเอาโล่ที่ไหน เอาที่เขียนแล้วกูอ่านพอออก ก็พอ...โว้ย! ไม่ได้ดั่งใจเลยสักคน!”
พูดจบ ฮั่นก็ฟึดฟัด ๆ พาหน้าเหวี่ยง ๆ ของตัวเองไปที่เตาปรุงอาหาร เหล่าบรรดาผู้คนที่อยู่ในห้องครัวต่างหันมามองหน้ากันแล้วทำหน้าแหยงทันที
ใครทำให้เชฟฮั่นเหวี่ยงได้ขนาดนี้นะ!
น่ากลัวจริง ๆ...
“คุณคิม...จ๋าว่าขืนปล่อยให้ไอ้ฮั่นมันยังเป็นบ้าอยู่แบบนี้ รับรองได้ว่าพนักงานร้านเราขี้หดตดหายกันหมดแน่ ทำอะไรสักอย่างเหอะคุณคิม” จ๋าที่ซึ่งแอบมองอยู่ด้านนอก หันมาถามคนที่ยืนกอดอกมอง
“เดี๋ยวให้ฮั่นนี่กลับบ้านเลยแล้วกัน”
“ไม่ต้อง!”
“พี่หนู!/ป๊าน้องแกง” เมื่อรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่กันตามลำพังสองคน คิมกับจ๋าก็หันมาส่งยิ้มแหย ๆ ให้บุคคลที่สามทันที
“เดี๋ยวเรียกหมอนั่นไปหาฉันที่สวนหลังร้าน”
“เอ่อ...พี่คิดจะแกล้งอะไรฮั่นอีกคะ แค่นี้ยังไม่พอหรือไง รู้ไหมว่าเมื่อคืนเจ้าแกงมันนอนร้องไห้ทั้งคืนเลยนะพี่...” คิมว่าก่อนจะต้องตกใจกับคำตอบที่ตามมาของคนเป็นพี่
“รู้สิ...”
“รู้แต่พี่ก็ยังทำเนี่ยนะ”
“แล้วแกจะเข้าใจว่าพี่ทำไปทำไมคิม ถ้าแกได้เป็นพ่อหรือแม่คน...แกจะเข้าใจพี่ว่าทำไมพี่ถึงต้องทำแบบนี้...” พูดจบ บิดาของแกงส้มก็เดินไปทางหลังร้าน ทิ้งให้คิมกับจ๋าหันมามองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ
“คุณลุงเรียกผมมาพบ มีธุระอะไรหรอครับ”
“นั่งก่อนสิ” ฮั่นมีท่าทีลังเลเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะยอมทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้หินตรงข้ามกับชายสูงวัย
“นายรู้ใช่ไหมว่าเมื่อคืนนี้เป็นแผนของฉัน”
“ครับ...ผมเพิ่งทราบจากผู้หญิงคนนั้นครับ”
“แล้วนายรู้ไหมว่าฉันทำแบบนั้นทำไม...?”
“เอ่อ...ไม่ทราบครับ” ฮั่นตอบพลางมองหน้าบิดาของแกงส้มอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก แววตาใจดีของคนตรงหน้าทำให้เขาเริ่มรู้สึกมึนงง
ป๊าจะมาไม้ไหนเนี่ย!?!
“ฉันรู้นะว่านายกับแกงส้มไม่ได้เป็นแฟนกันอย่างที่บอกกับฉัน แล้วฉันก็รู้ด้วยว่าพวกนายสองคนเพิ่งจะรู้จักกันได้แค่ไม่กี่วัน แต่มีความสัมพันธ์ที่ก้าวกระโดดเร็วมาก”
“เอ่อ...”
“แกงส้มเป็นเด็กขี้เหงา แม้จะมาจากครอบครัวที่อบอุ่น แต่เพราะการมาอยู่ที่กรุงเทพคนเดียว ทำให้เค้าค่อนข้างเป็นเด็กที่เฟรนลี่เพราะอยากมีเพื่อนให้มาก ๆ เนื่องจากไม่อยากเหงา และเขาจะไม่คบใครเป็นพิเศษ แต่มีอยู่หนึ่งคนในหลายวันที่ผ่านมาที่แกงส้มโทรไปเล่าเรื่องของ ‘คน ๆ นั้น’ ให้แม่เค้าฟัง...คน ๆ นั้นก็คือ ‘นาย’...”
เมื่อได้ฟังคำพูดประโยคนี้ของป๊า ฮั่นก็ตาโตขึ้นมาทันที
“แล้วรู้ไหมว่าวันที่ฉันเจอนายกับแกงอยู่ด้วยกัน ฉันก็รู้สึกได้ทันทีว่าพวกนายสองคนมีความรู้สึกที่พิเศษต่อกัน...ความรู้สึกที่ไม่จำเป็นต้องแสดงออกมาเป็นคำพูด แต่สามารถสัมผัสได้ด้วยความรู้สึกจากหัวใจ”
“เอ่อ...ผม...”
“ฟังฉันให้ดีนะ...ถ้านายจะง้อแกงส้ม ต้องไม่ง้อด้วยการพูดอธิบายความจริงในครั้งแรก เพราะแกงส้มจะไม่ฟัง เนื่องจากเค้าจะเชื่อในสิ่งที่เห็นก่อน และเขาจะยังโกรธอยู่ ดังนั้นนายจะต้องหาวิธีทำยังไงก็ได้ให้แกงส้มหายโกรธนายก่อน หายโกรธแต่ไม่ได้หมายความว่าหายเข้าใจผิด เข้าใจที่ฉันพูดไหม...?”
ฮั่นนิ่งฟังก่อนจะคิดตามทุกคำพูดของป๊า
ทำให้หายโกรธก่อนแต่ไม่ได้หมายความว่าหายเข้าใจผิด...อ่า...ซับซ้อนจังแฮะ
แต่เขาก็ว่าเขาเข้าใจอยู่นะ...!
“ผมเข้าใจครับ”
“อืม...และเมื่อแกงส้มหายโกรธนายก็ค่อยอธิบายให้เขาฟัง แล้วเขาจะเข้าใจนายเอง อ้อ! แต่ขอเตือนนะว่าอย่าไปพูดว่าฉันเป็นคนจ้างผู้หญิงคนนั้นอีก เพราะแกงส้มมันไม่เชื่อหรอก ยกเว้นว่าฉันจะไปพูดเอง”
พูดจบ ป๊าก็หัวเราะออกมานิดหน่อย ก่อนที่ชายสูงวัยจะยกมือขึ้นมาตบที่ไหล่หนาเบา ๆ
“เมื่อวานฉันแกล้งนายแรงไปหน่อย วันนี้ฉันคงจะกลับห้องดึกนะ...ยังไงก็เคลียร์กันให้เสร็จก่อนฉันกลับล่ะ แล้วฉันจะรอฟังข่าวดี เกือบลืม...นี่คีย์การ์ด”
คนพูดส่งคีย์การ์ดมาให้กับฮั่น ก่อนที่ร่างสูงของป๊าจะลุกขึ้นยืนพลางขยิบตาแบบมีความหมายส่งไปให้กับคนที่นั่งทำหน้าแบบไปต่อไม่ถูก
ฮั่นไม่รู้ว่าเขาควรจะยิ้มดีหรือว่าควรจะทำหน้าอะไร...
ตอนนี้เขารู้สึกสับสนมาก ป๊าแกล้งเขาเมื่อวาน แต่วันนี้กลับแนะวิธีให้เขาไปง้อแกงส้ม...
แถมยังให้คีย์การ์ดมาอีก!
เอ่อ...มันแลดูเป็นอะไรที่ขัดแย้งกันได้อีกจริง ๆ
แต่ก็เอาเถอะ...ถ้าวิธีของป๊ามันทำให้แกงส้มยอมหายโกรธเขาจริง ๆ เขาจะยอมให้ป๊าแกล้งแรงกว่านี้เลยเอ้า!
ฮั่นตัดสินใจกลับบ้านก่อนเวลาเลิกงานหลายชั่วโมง พลางขับรถแวะไปที่ร้านเค้กซึ่งอยู่ข้างร้านหนังสือที่เขามาส่งจดหมายกับน้องเคเอสบ่อย ๆ ชายหนุ่มสั่งเค้กเลมอนชีสมาสามปอนด์ (กินได้แบบทั้งครอบครัว 5-6คน) เพื่อมาง้อแกงส้มโดยเฉพาะ!
เค้กเลมอนชีส...ที่น้องนิวบอกว่าเนื้อคู่ของเขาชอบกิน!
เอ...เนื้อคู่ที่ว่านี่ใช่แกงส้มไหมนะ ?
หึ ๆ เดี๋ยวก็รู้ว่าใช่หรือไม่ใช่...ฮั่นครุ่นคิดพลางเดินยิ้มกริ่มมายังห้องของตัวเอง ชายหนุ่มคิดออกแล้วว่าเขาจะหาวิธีไหนมาทำให้แกงส้มหายโกรธเขา
เขาเป็นคนชอบเขียนจดหมาย...เพราะฉะนั้นเขาก็ต้องใช้จดหมายนี่แหล่ะง้อแกงส้ม!
ฮั่นหยิบกระดาษเอสี่ออกมาปึกใหญ่พร้อม ๆ กับปากกาสีชมพู ชายหนุ่มเดินออกไปนั่งที่หน้าห้องของแกงส้ม ก่อนที่เขามองซ้ายมองขวาพลางเสียบคีย์การ์ดเข้าไป ประตูถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย ชายหนุ่มรีบแทรกตัวเข้าไปภายในห้องทันที
ฮั่นยืนงงอยู่สักพักว่าห้องไหนคือห้องของคิมห้องไหนคือห้องของป๊าและห้องไหนคือห้องของแกงส้ม แล้วฮั่นก็เห็นรูปตัวสนูปปี้ที่แปะอยู่หน้าห้อง ๆ หนึ่ง เขารีบสาวเท้าไปที่ห้องนั้นทันที
ก๊อกก๊อก...
“แกงครับ...พี่รู้ว่าแกงอยู่ในนั้น พี่ฮั่นเองนะ...พี่มาง้อแกงแล้วนะครับ แกงหายโกรธพี่นะ...”
เงียบสนิท! ราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตใดภายในห้องนั้น
หรือว่าป๊าจะหลอกเขา...
ปึง! เสียงของอะไรบางอย่างที่ดังออกมาจากในห้อง ทำให้ฮั่นหลุดยิ้ม
ป๊าไม่ได้หลอกเขา แต่แกงส้มต่างหากที่คิดจะหลอกเขา...เสร็จเขาล่ะ!
ฮั่นนั่งขัดสมาธิที่บริเวณหน้าห้องของแกงส้ม ก่อนที่เขาลงมือจรดปากกาสีลงไปเป็นข้อความ เมื่อเขาเขียนเสร็จ เขาก็เคาะประตูห้องของแกงส้ม ก่อนที่เขาจะสอดกระดาษที่เขาเขียนไปที่ใต้ประตูห้องนั้น...
คนที่อยู่อีกฟากหนึ่งของประตูซึ่งยืนกอดอกอยู่นั้น ก็ย่อตัวลงพลางหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่าน
‘ดีกันนะครับ...’
“เฮอะ...ง่ายไปมั้งพี่ฮั่น”
และไม่ถึงสองนาที กระดาษแผ่นใหม่ก็ถูกสอดเข้ามา คราวนี้แกงส้มทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิหันหน้าเข้าประตูพลางหยิบกระดาษแผ่นที่สองขึ้นมาอ่าน
‘อยากให้รู้ว่าเป็นห่วงนะ’
“เป็นห่วง...แต่เพิ่งมาง้อเอาตอนบ่ายสามเนี่ยนะ! ชิ!”
บ่นยังไม่ทันจะจบประโยคดี กระดาษแผ่นที่สามก็ถูกสอดเข้ามา
‘กินอะไรหรือยังครับ หิวไหม...?’
“หิวดิ...ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเหอะ”
แล้วกระดาษแผ่นที่สี่ ห้า หก เจ็ด แปดก็ตามมา
‘พี่รู้ว่าแกงไม่อยากฟังคำอธิบายของพี่ แต่ขอแค่...ให้โอกาสพี่ได้เช็ดน้ำตาแกงได้ไหม’
‘รู้ไหมว่าเห็นดวงตาช้ำคู่นั้นแล้ว หัวใจพี่ช้ำกว่านะ...ดีกันเถอะครับ’
‘พี่ต้องทำยังไงแกงถึงจะยอมเปิดประตูแล้วออกมาคุยกับพี่ครับ...’
‘แกงไม่อยากคุยกับพี่แบบเห็นหน้าก็ไม่เป็นไร...แต่เขียนตอบกลับมาได้ไหมครับ...’
‘แกงครับ...’
คนที่ตั้งใจว่าจะโกรธให้มากที่สุด เมื่อเห็นข้อความเหล่านี้เขาก็อดที่จะใจอ่อนไม่ได้...แกงส้มลุกขึ้นเดินไปหยิบปากสีส้มของตัวเองมา ก่อนที่เขาจะจรดปากกาเขียนข้อความต่อจากประโยคของคนเป็นพี่
เมื่อเขาเขียนข้อความเสร็จ แกงส้มก็สอดกระดาษนั้นกลับคืนไปโดยเรียงจากข้อความที่ส่งมาหลังสุดไปยังข้อความหน้าสุด
‘แกงครับ...’>> เรียกชื่อแล้วไม่พูดหมายความว่ายังไง....!!!???
‘แกงไม่อยากคุยกับพี่แบบเห็นหน้าก็ไม่เป็นไร...แต่เขียนตอบกลับมาได้ไหมครับ...’ >> คงไม่ต้องบอกนะว่าคำตอบคืออะไร...ก็เห็น ๆ กันอยู่นะพี่ฮั่น...
‘พี่ต้องทำยังไงแกงถึงจะยอมเปิดประตูแล้วออกมาคุยกับพี่ครับ...’>> ไม่ต้องทำไง ถ้าผมอยากคุยกับพี่เดี๋ยวผมจะเปิดประตูออกไปเอง...
‘รู้ไหมว่าเห็นดวงตาช้ำคู่นั้นแล้ว หัวใจพี่ช้ำกว่านะ...ดีกันเถอะครับ’ >> สำนวนเน่าไปนะพี่ฮั่น...จะอ้วก!
‘พี่รู้ว่าแกงไม่อยากฟังคำอธิบายของพี่ แต่ขอแค่...ให้โอกาสพี่ได้เช็ดน้ำตาแกงได้ไหม’ >> คิดว่าตัวเองเป็นพี่แบงค์วงแคลชหรือไง จะมาขอเช็ดน้ำตงเช็ดน้ำตาน่ะ!
‘กินอะไรหรือยังครับ หิวไหม...?’>> หิวดิ! หิวมากด้วย ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อคืน โคตรดับเบิ้ลโคตรจะหิวเลย ชิ!
‘อยากให้รู้ว่าเป็นห่วงนะ’ >> เป็นห่วงแต่เพิ่งมาเอาป่านนี้เนี่ยนะ! เฮอะ!
‘ดีกันนะครับ...’>> ไม่รู้ไม่ชี้...เชอะ ๆ
เมื่อฮั่นอ่านกระดาษที่ถูกสอดกลับมา ดวงตาคมก็มีประกายวิบวับ ความหวังที่ตอนแรกแลดูริบหรี่จนแทบจะมองไม่เห็นแสงแห่งความหวัง ก็ค่อย ๆ มีแสงอ่อน ๆ สาดทอออกมา จากนั้นฮั่นก็ได้ยินเหมือนเสียงประตูเปิด ชายหนุ่มรีบผุดตัวลุกขึ้น แล้วเขาก็พบกับร่างโปร่งของคนที่เขาอยากเจอมากที่สุด
“แกง...”
“ผมให้เวลาพี่สองนาที พี่อยากจะพูดอะไรพี่ก็รีบ ๆ พูดมา...” ได้ยินดังนั้น ฮั่นก็ยกยิ้มขึ้น ก่อนที่เขาจะรวบตัวคนตรงหน้าให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
“อื้ออออออออ ผมให้พี่พูดอธิบายเรื่องราว ไม่ใช่ให้พี่มากอดผมแบบนี้นะ!” แกงส้มโวยวายออกมาก่อนจะพยายามดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของคนร่างใหญ่
“แหะ ๆ ขอโทษครับ...” ฮั่นว่าก่อนจะดันตัวเองออกจากตัวของแกงส้ม จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยตัวเองอย่างติดจะเขินนิด ๆ
ไม่น่าดีใจมากจนออกอาการเวอร์เลย...ไอ้ฮั่นเอ๊ย!!!!!
“แกงฟังพี่ให้ดี ๆ นะครับ...พี่กับผู้หญิงคนนั้นเราไม่ได้รู้จักกันจริง ๆ พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเค้ามาพูดแบบนั้นเพื่ออะไร แต่พี่ไม่ได้เป็นกิ๊กกับเค้า ไม่...แม้แต่จะคิด! เพราะขนาดแฟน...พี่ยังไม่มีเลย แล้วจะไปมีกิ๊กได้ยังไงกัน อีกอย่างนะครับ...พี่ก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงอกอึ๋มด้วย!!!...”
คำอธิบายที่มาพร้อมกับดวงตาที่สื่อความหมายจริงจังอย่างที่เจ้าตัวกำลังพูด ทำให้แกงส้มรู้สึกเหมือนมีความมั่นใจมากขึ้น...
เขาไม่น่าเชื่อแค่สิ่งที่เห็นเลย
เขาน่าจะฟังคนตรงหน้าอธิบายก่อน
แต่เพราะว่าเขารู้สึก ‘หวง’ คนตรงหน้ามากไปหน่อย เขาจึงมาตีโพยตีพายและเข้าใจพี่ฮั่นผิดแบบนี้
บางที...ความรักก็ทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเองจริง ๆ นะ...
“ผมเข้าใจแล้วครับ...”
“เข้าใจแล้ว...งั้นเราก็ดีกันนะครับ...” ฮั่นถามพลางยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้า แกงส้มยิ้มออกมาก่อนจะยื่นนิ้วก้อยของตัวเองไปเกี่ยวกระหวัดกับนิ้วของคนเป็นพี่
คนสองคนต่างมอบรอยยิ้มหวานให้แก่กัน
ความรักต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจ หากขาดไร้ซึ่งความเข้าใจแล้ว ต่อให้รักกันมากแค่ไหน สุดท้ายคนที่บอกว่ารักกันก็ไม่สามารถไปด้วยกันรอด แต่หากเรารักกันและเปิดใจที่จะคุยกัน ต่อให้เราต้องทะเลาะกันหรือว่างอนกันแค่ไหน สุดท้ายความเข้าใจก็จะทำให้เรากลับมา ‘รักกัน’ เหมือนเดิม
“พี่ซื้อเค้กมาง้อแกงด้วยนะ เดี๋ยวพี่กลับไปเอามาให้ แกงนั่งรอพี่อยู่ที่นี่นะ”
“ครับ...”
เมื่อแกงส้มรับคำ ฮั่นกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังประตู แต่ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะเดินพ้นประตู แกงส้มก็ส่งเสียงเรียกเขาไว้ ทำให้ฮั่นชะงักฝีเท้า พลางหันหน้ากลับมามองคนเรียก
“ผมว่าเดี๋ยวผมไปกินเค้กที่ห้องพี่ก็ได้ กินที่ไหนก็เหมือนกัน เพราะห้องพี่ก็เหมือนห้องผม ห้องผมก็เหมือนห้องพี่ เพราะเราเป็น ‘แฟนกัน’ นี่ครับ...” พูดจบ แกงส้มก็เดินตามมายืนข้างฮั่น จากนั้นแขนเรียวก็คล้องไปยังแขนแกร่ง ก่อนจะออกแรงลากให้คนที่ยืนยิ้มแบบงง ๆ ให้เดินไปยังห้องที่อยู่ตรงข้าม
“อ้าปากสิพี่ฮั่น...”
“อ้ามมมมมมมม” แล้วคนที่อ้าปากจนกว้างก็งับเค้กเข้าปากไปคำใหญ่...ครีมที่ติดบริเวณรีมฝีปากล่าง ถูกคนหน้าหวานใช้นิ้วโป้งปาดให้ จากนั้นคนปาดก็เอาครีมที่ติดนิ้วนั้นเข้าไปกินต่อ ฮั่นเห็นแบบนั้น เขาก็อมยิ้มออกมา พลางวางแผนบางอย่างในใจ
“แกง...”
“ครับ ?”
“ให้พี่ป้อนแกงมั่งสิ”
“ได้ครับ” แล้วแกงส้มก็ส่งช้อนไปให้คนที่ยื่นมือมา จากนั้นฮั่นก็ตักเค้กมายื่นให้แกงส้ม แต่พอแกงส้มอ้าปากจะงับ ฮั่นก็ดึงช้อนกลับ ทำให้แกงส้มต้องงับอากาศเข้าไปแทน
“ฮื้อ...พี่ฮั่นอ่ะ แกล้งผมหรอ!”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ไม่ได้แกล้งนะ...จริงจริ๊งงงงงงง” แล้วคนที่ลากเสียงสูงก็โดนมือบางฟาดไปที่ไหล่ เค้กที่อยู่ในช้อนหล่นลงพื้นทันที
“โห...เสียดายอ่ะ พี่ฮั่นนะพี่ฮั่น เล่นอะไรก็ไม่รู้” แกงส้มบ่น พลางคว้าช้อนในมือฮั่นมาถือไว้เอง แต่ฮั่นก็ดึงช้อนนั้นกลับ ต่างคนต่างยื้อช้อนคันเล็กไปมา จนในที่สุดฮั่นก็ใช้แรงที่ตัวเองมีมากกว่าออกแรงดึงให้คนร่างโปร่งที่นั่งอยู่ใกล้ล้มมาทับตัวเขา
ร่างที่อยู่ใกล้ชิดกันจนได้กลิ่นลมหายใจทำให้คนสองคนใจเต้นแรงและหายใจติดขัด
“พี่ฮั่นปล่อยผม...”
“อื้ม...แต่ก่อนจะปล่อยพี่ขออะไรแกงอย่างหนึ่งได้ไหมครับ”
“อะไรครับ ถ้าผมทำได้ผมจะทำ”
“ขอให้แกง ’ฟัง’ พี่...และ...‘เชื่อใจ’ พี่ได้ไหมครับ พี่รู้ว่าระยะเวลาที่เรารู้จักกันมันอาจจะน้อย และสถานะของเราตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจน แต่ไม่ว่ายังไง...พี่ก็อยากให้แกงเชื่อพี่...พี่จริงใจกับแกงเสมอนะครับ” พูดจบ ฮั่นก็เลื่อนใบหน้าของตัวเองเข้าไปจนหน้าผากของเขาชนกับหน้าผากมน
แค่เพียงอยู่ใกล้กันเท่านี้...หัวใจของคนสองคนก็โอบล้อมไปด้วยความอบอุ่น ไม่จำเป็นต้องสัมผัสกันให้ลึกซึ้งมากมาย แค่เพียงใช้ภาษากายเบา ๆ แค่นั้น...
ความรู้สึกในหัวใจก็มีแต่ความอิ่มเอม...
ถึง พี่หมี...(ของผม)
จดหมายฉบับนี้คงมีแต่ความหวาน...หวาน...และก็หวาน...><
ผมดีกับแฟนผมแล้วนะครับ ทุกอย่างมันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน...ผมมันบ้าไปเอง ที่คิดมากจนเผลอทำให้ตัวผมเองต้องปวดร้าว
ผมก็เป็นแบบนี้แหล่ะครับพี่หมี...ชอบคิดไปเองแบบนี้เสมอ
ก็ผมมันคนคิดมากนี่ครับ!
ทั้ง ๆ ที่ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสถานะที่แท้จริงในหัวใจของเราสองคนคืออะไร แต่ผมก็แสดงออกไปอย่างชัดเจนแล้วว่า...เขาคนนั้นคือคนที่ผมแคร์มาก...
เพราะถ้าผมไม่แคร์เขา ผมคงจะไม่มีทางเสียน้ำตาให้กับเขาเป็นอันขาด
พี่เอง...คงไม่ร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังให้กับคนที่ไม่มีความสำคัญกับพี่หรอกใช่ไหมครับ...
วันนี้ผมเห็นลายมือของเขาแล้วนะครับ...ลายมือเหมือนพี่เป๊ะเลย!
แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมมั่นใจได้ยังไงล่ะครับว่าเป็นคน ๆ เดียวกัน...
พี่หมีกับพี่ฮั่น...เป็นคน ๆ เดียวกันจริง ๆ สินะครับ!
ผมดีใจมาก ๆ เลยนะครับที่พี่สองคนเป็นคนเดียวกัน...
ว่าแต่...พี่รู้ตัวหรือยังนะพี่หมีว่าผมกับแกงส้มเป็นคน ๆ เดียวกัน
ถ้าพี่ได้รู้ความจริง พี่จะทำหน้ายังไงนะ...
ผมอยากเห็นหน้าพี่ตอนนั้นจัง~
เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะลองแย็บ ๆ ถามพี่ดูดีกว่า...ว่าพี่สะกิดใจสงสัยอะไรบ้างไหม...
ถ้าไม่สงสัยอะไรเลยนี่...ผมว่าพี่ทึ่มมาก ๆ เลยนะครับ ฮ่า ๆ ๆ
วันนี้เค้กอร่อยมากเลยครับ เค้กเลมอนชีส...กินแล้วนึกถึงน้องนิวที่เป็นลูกสาวพี่นุชเจ้าของร้านอีกคนหนึ่ง...น้องนิวบอกว่าเนื้อคู่ของผมชอบกินเค้กเลมอนชีส!
เอ...เหมือนวันนี้พี่ฮั่นจะบอกว่าเขาเองก็ชอบกินเค้กเลมอนชีสเหมือนกัน
หรือเราจะเป็น ‘เนื้อคู่’ กันนะ...ฮ่ะ ๆ ๆ ผมนี่ชักจะเพ้อใหญ่แล้ว ไปนอนดีกว่า...
คืนนี้ผมคงหลับฝันดีมาก เพราะว่า...ผมได้รู้แล้วว่า...คนที่หัวใจของผมต้องการคือใคร
แล้วพี่ล่ะครับ...รู้บ้างหรือยังว่าหัวใจของพี่ต้องการใคร...
จาก น้องเคเอส (ของพี่)
ปล. แค่เพียงได้ใช้เวลากับคนที่หัวใจต้องการ แม้เพียงเศษเสี้ยววินาที...มันก็สามารถทำให้หัวใจดวงนี้มีความสุขไปได้อีกหลายหมื่นวัน...^^...
แกงส้มนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับจดหมายที่เขาบรรจงเขียน ก่อนที่เขาจะต้องรีบหยิบหนังสือเล่มหนามาวางทับไว้ เมื่อคนเป็นพ่อเดินเข้ามา
“ทำอะไรอยู่น่ะแกง”
“อ๋อ...อ่านหนังสืออะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะครับป๊า”
“เข้าใจกับเจ้านั่นแล้วใช่ไหม”
“ครับ...เข้าใจกันแล้ว ว่าแต่...ผู้หญิงคนนั้นป๊าจ้างมาจริง ๆ ใช่ไหมครับ” แกงส้มถามพลางเงยหน้าขึ้นไปมองผู้เป็นบิดา
“อื้ม...ใช่แล้ว ป๊าจ้างมาเองแหล่ะ”
“แล้วป๊าทำแบบนั้นทำไมครับ ชอบหรอเห็นลูกตัวเองร้องไห้น่ะ” แกงส้มว่าพลางย่นจมูกใส่คนเป็นพ่อ
“เห็นแกงร้องไห้แล้ว ‘รู้ใจตัวเอง’ มากขึ้น...ป๊าว่ามันก็คุ้มนะ”
จบประโยคนี้ของป๊า แกงส้มก็โอบรอบเอวผู้เป็นพ่อทันที
“ขอบคุณนะครับป๊า ที่ทำให้ผมรู้ว่า...หัวใจของผมต้องการใคร...”
“อืม...รู้ไว้นะแกง ว่าป๊าน่ะ...ไม่เคยคิดจะทำให้แกงต้องร้องไห้ไปอย่างเปล่าประโยชน์ ทุกสิ่งบนโลกใบนี้ล้วนมีที่มาที่ไปทั้งนั้น เราจึงไม่ควรเลือกมองแค่สิ่งต่าง ๆ ด้านเดียว เพราะจริง ๆ แล้วทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้มีหลากหลายด้านนัก มันอาจจะไม่ได้มีแค่ด้านบวกหรือด้านลบ แต่มันยังมีอีกหลายด้านที่พร้อมจะให้เราเรียนรู้ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องรู้ให้เท่าทันกับทุก ๆ ด้านของสิ่งเหล่านี้...”
“ครับป๊า...ต่อไปนี้ผมจะมองโลกและคนให้กว้างขึ้นอย่างครบทุกด้าน ผมจะไม่ยอมเสียน้ำตาเพราะมองแค่ด้านเดียวอีกแล้ว”
แล้วสองคนพ่อลูกก็กอดกันด้วยความรักและความเข้าใจ
ทางด้านคนอีกคนหนึ่งที่นั่งเอาหลังพิงหัวเตียง ก็หยิบกระดาษขึ้นมาเตรียมเขียนจดหมายหาคนที่เขากำลังคิดถึงในตอนนี้
ถึง น้องแกงส้มเอ๊ยน้องเคเอส...
ลายมือที่เขียนตอบกลับมาหาพี่วันนี้...คุ้นตาจังนะครับ!
อย่านึกว่าพี่ดูไม่ออก รู้ไม่ทันเรานะ...เป็นคน ๆ เดียวกันอย่างที่พี่คิดไว้จริง ๆ ด้วย...
ถ้าพี่กระโดดตัวลอยแล้วร้องโวยวายไปมาได้โดยไม่โดนไอ้จ๋ากับหมิวด่านะ...พี่ก็จะทำ!
เพราะตอนนี้พี่มีความสุขมากกกกกกกกกกกกกก
มีความสุขที่ได้รู้ว่าน้องเคเอสกับแกงส้มเป็นคน ๆ เดียวกัน
มีความสุขที่แกงส้ม(ซึ่งเป็นแฟน) ยอมหายโกรธหายงอนแล้วดีกันพี่แล้ว
ถามว่าตอนนี้จะมีอะไรสุขมากไปกว่านี้ไหม...ตอบได้เลยว่ายังไม่มีครับ
ขอบคุณนะที่เกิดมาบนโลกนี้ให้พี่รู้สึกดี ๆ ด้วย...ไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงดี...
เฮ้อ...ที่ถอนหายใจคราวนี้ไม่ได้รู้สึกเศร้านะครับ
แต่พี่กำลังรู้สึกดี...ดีมาก...ถึงดีมากที่สุด!
แม้ว่าสถานะของเราจะยังไม่ชัดเจน...แต่ความรู้สึกในหัวใจของพี่ก็ชัดเจนนะครับ
ชัดเจนแล้วว่า...หัวใจของพี่ต้องเรา...
แล้วเราล่ะครับ...ต้องการพี่เหมือนกันใช่ไหม...
ถ้าความรักเดินทางมาถึงเราแล้ว พี่ก็อยากจะขอให้ความรักนั้นคงอยู่กับเราตลอดไป...พี่จะโอบประคองให้ความรักที่มี ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเราไปแบบนี้อีกนานแสนนาน ตราบเท่าที่คน ๆ หนึ่งจะทำได้นะครับ...เราพร้อมจะไปพร้อมกับพี่นะ...
จาก พี่ฮั่นเอ๊ยพี่หมี ... (ลืมตัว ๆ)
ปล. พรุ่งนี้ก็คือพรุ่งนี้...วันนี้...ก็คือวันนี้...และ ณ เวลานี้...พี่มีแต่ ‘เรา’ ในหัวใจนะครับ
(สั้น ๆ ง่าย ๆ แต่ได้ใจความเนอะ ^^)
รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าคม จนเจ้าตัวรู้สึกได้เลยว่าเขากำลังยิ้มแบบแก้มจะแตก...ไม่รู้ว่าทุกคนจะเป็นเหมือนเขาไหม แต่เวลาที่เขาได้เขียนจดหมาย ได้เขียนบรรยายความรู้สึกที่มีหัวใจ มันทำให้เขารู้สึกดีและอิ่มเอม อบอุ่น...มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกจริง ๆ แต่มันทำให้หัวใจรู้สึกดี...จริง ๆ...
ให้ความรักมันเติบโตในใจ ปลูกมันไว้จนถึงส่วนที่ลึกที่สุดในหัวใจ...เมื่อความรักเติบโตงอกงามในใจแล้ว ทุกความรู้สึกดี ๆ ทุกเรื่องราวดี ๆ ก็จะผลิดอกออกผลอกมาให้เราชื่นชมและชื่นใจ...ความรักดี ๆ ยังมีอยู่อีกมากมาย ขอแค่เราลอง ‘เปิดใจ’ แล้วเราจะพบกับความรักจากผู้คนที่หลากหลายที่เขาพร้อมจะให้ความรักที่ดี ๆ กับเรา...
//อัพดึกอีกตามเคย,,,เหมือนเคยตัวแล้วอ่ะ...ขอโทษที่ทำให้ต้องรอนะคะ...แต่เค้าก็ทำดีที่สุดแล้วน้า~~
เค้าอยากจะบอกว่า....ถ้าเค้าหายไป...ทุกคนไม่ต้องแปลกใจนะคะ เพราะตอนนี้การบ้านและรายงานกำลังเข้ามาแบบเต็มสตรีมมากมาย เขาอาจจะต้องหลบไปเคลียร์และอาจจะไม่ได้มาอัพ (แต่ถ้ามาได้ สัญญาว่ามาแน่นอนค่ะ) เค้าเองก็ไม่อยากให้คนอ่านต้องรอนาน ๆ เหมือนกัน รู้สึกเกรงใจ...
ขอบคุณจริง ๆ จากหัวใจเลยนะคะที่ติดตามกันมาถึงขนาดนี้ ไม่คิดว่าฟิคที่เรื่อย ๆ เอื่อย ๆ เฉื่อย ๆ เรื่องนี้จะทำให้ทุกคนมีความสุขและอินไปกับมันได้ขนาดนี้...พลิกความคาดหมายในหัวใจมาก ๆ ค่ะ แต่มันทำให้คนเขียนอย่างเค้ารู้สึกดีมากกกกกกกกกกกกกกก ><
หวังว่าตอนนี้จะช่วยดับมาม่าจากตอนเมื่อวานได้นะคะ ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ เค้าเป็นคนไม่ค่อยหวาน อาจจะเขียนได้ไม่โรแมนติกเท่าที่ควร ยังไงก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ
หวังเป็นอย่างยิ่งเหมือนกับทุก ๆ ครั้งว่า...คนอ่านจะมีความสุข ยิ้ม อมยิ้ม และอินไปกับฟิคตอนนี้และฟิคเรื่องนี้ของเค้านะคะ รักคนอ่านมาก ๆ ค่ะ แล้วพบกันในตอนต่อไปค่า ~~ ^^
ปล. ขออภัยหากมีคำผิดมาให้ขุ่นเคืองใจนะคะ
ความคิดเห็น