ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Letter #เพราะโลกนี้มี 'นาย' [FIC HKS]

    ลำดับตอนที่ #15 : บทที่ 14 : จดหมายฉบับที่ 1 ของ ‘เราสองคน’

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.05K
      4
      28 ส.ค. 55

     

    บทที่ 14 : จดหมายฉบับที่ 1 ของ เราสองคน

    ติ๊ก ติ๊ก!

    เสียงข้อความเข้าที่ดังมาจากไอโฟนที่วางอยู่บนหัวเตียง เรียกดวงตาของคนที่กำลังยืนส่องกระจกอยู่ให้หันมามอง ฮั่นเดินไปหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาดู ก่อนที่เขาจะอมยิ้มออกมา

    ตื่นเถิดชาวไทย อย่ามัวหลับใหลลุ่มหลง...พี่ฮั่นไปตลาดซื้ออาหารเช้าให้ป๊ากัน หิวๆ

    ผมตัดสินใจโทรกลับไปหาเจ้าของข้อความ

    (ตื่นยังพี่ฮั่นนนนนนนนนนนน)

    เสียงที่ดังมาตามสายทำให้ผมยิ้มออกมามากขึ้นกว่าเดิม

    ตื่นแล้วครับ กำลังส่องกระจกดูความหล่ออยู่ เด็กแถวนี้ก็ส่งข้อความมาขัดจังหวะ

    (ชิ! ถ้างั้นก็ส่องกระจกต่อไปเลย ไม่คุยด้วยแล้ว...) คนปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงติดจะงอน ทำให้คนที่อยู่อีกฟากของโทรศัพท์ต้องยิ้มกว้างกว่าเดิมอีกหลายเท่า

    หัวก็ไม่ได้ล้านซะหน่อย ทำไมถึงได้ขี้ใจน้อยขนาดนี้นะ...เดี๋ยวอีก 5 นาทีพี่จะไปยืนรอรับหน้าห้องเลยคร้าบบบบบ โอเคไหม คุณแฟน’...”

    คำว่า คุณแฟน ทำให้ทั้งคนพูดและคนฟังถึงกับยืนไม่ติดที่ มือไม้ก็ดูเกะกะไปหมดจนมันพันกันไปพันกันมา เกานู่นนี่นั่นไปเรื่อยเปื่อย

    ให้ตายเหอะ...นี่ถ้าแกงส้มไม่ใช่คน ๆ เดียวกับน้องเคเอสขึ้นมา...เขาจะทำยังไงล่ะเนี่ย!?!

    ออกตัวแรงซะขนาดนี้...ไอ้ฮั่นเอ๊ย...

    (พี่ฮั่นบ้า! พูดจาเรื่อยเปื่อยตลอด ไม่คุยด้วยแล้ว วางและ...)

    แล้วแกงส้มก็กดวางสายไป ทิ้งให้ฮั่นยืนมองหน้าจอไอโฟนด้วยดวงตาเป็นประกาย

    เมื่อคืนเขานอนแทบไม่หลับ เพราะครุ่นคิดถึงเรื่องคนในจดหมายอย่างน้องเคเอสกับคนในชีวิตจริงอย่างแกงส้ม ความคิดของเขาตีกันยุ่งเหยิงไปหมด...

    ใจหนึ่งเขาก็ภาวนาขอให้แกงส้มกับเคเอสคือคน ๆ เดียวกัน...

    แต่อีกใจหนึ่งเขาก็กลัวว่าความจริงจะไม่ใช่แบบนั้น...แต่...

    สุดท้ายเขาก็เชื่อในเซนส์ของตัวเองว่าแกงส้มกับเคเอสคือคน ๆ เดียวกัน!

    ปล.แล้วถ้าเซนส์เขามันผิดล่ะ...

    ฮั่นส่ายศีรษะไปมาเพื่อขับไล่ความคิดในเชิงลบ ก่อนที่เขาจะเดินเร็ว ๆ กลับไปที่กระจกเงาบานใหญ่ พลางหันซ้ายหันขวาสำรวจความหล่อของตัวเอง จากนั้นร่างสูงก็ยิ้มออกมา ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อยืดสีขาวที่มีลายการ์ตูนน่ารัก ๆ ออกมา

    ใส่ตัวนี้แหล่ะไปเดินตลาด...ท่าทางจะน่ารักดี

    งึมงำกับตัวเองเบา ๆ ฮั่นก็สวมเสื้อ ก่อนที่เขาจะเดินยิ้มกริ่มออกจากห้องนอนไป

    ...คนมีความรักมักจะดูเด็กลงไปนิดนึง...

    ก๊อกก๊อก...

    มาเร็วจัง ยังไม่ถึง 5 นาทีเลยครับ แกงส้มเอ่ยทัก พลางมองคนหน้าใสที่ใส่เสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีน้ำตาลพอดีเข่า รองเท้าแตะหูหนีบสีดำลายนกแองกรี้เบิร์ด

    เอิ่ม...ลุคนี้ของพี่ฮั่นทำเขาอึ้ง!

    ทำไมทำหน้าแบบนั้น...อึ้งอะไรไอ้ตัวแสบ ฮั่นถามพลางเอามือไปผลักหน้าผากคนที่ยืนมองเขาแบบอึ้ง ๆ คนโดนถาม ทำปากจู๋ก่อนจะย่นจมูกเล็กน้อย

    ก็ดูที่แต่งตัวดิ...เหมือนคนปกติไปไหน ผมก็เลยอึ้งน่ะสิ

    หืม ? พี่ก็คนปกตินะ ไม่ให้แต่งตัวเหมือนคนปกติ แล้วจะให้แต่งตัวเหมือนคนอะไรล่ะ...คนพิเศษหรอ

    คำว่า คนพิเศษ ทำให้คนฟังชะงักไปเล็กน้อย...

    ท่าทางนี้ของพี่ฮั่นบวกกับคำพูดทำให้แกงส้มฉุกใจคิดได้ว่า...เมื่อคืนพี่ฮั่นคงอ่านจดหมายที่เขาเขียนแล้ว ถึงได้มาพูดอะไรทำนองนี้...

    เอ...หรือว่าจะแค่บังเอิญหว่า...

    ไม่ ๆ ๆ ก็ปกติผมเห็นพี่ใส่เสื้อผ้าแบบจัดเต็มตลอด ถ้าเสื้อผ้าและเครื่องประดับรวมกันไม่ถึง 7 ชิ้น ผมว่าพี่คงไม่ยอมเดินจากห้องแน่ ๆ เลยใช่ไหม

    แหม่...มันก็นิดนึงนะ...ว่าแต่เราเหอะ เสร็จหรือยัง จะไปเลยไหม ฮั่นถามก่อนจะหลีกทางให้ร่างโปร่งเดินออกมาจากห้อง

    วันนี้แกงส้มใส่เสื้อยืดสีดำลายกราฟฟิคแบบเด็กฮิพฮอพ แต่ใส่กางเกงขาสั้นยีนส์ รองเท้าแตะหูหนีบลายสนูปปี้

    เอิ่ม...รู้สึกเหมือนเขาสองคนนัดกันใส่เสื้อผ้าเลยแฮะ...

    เสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าหูหนีบ...ฮ่า ๆ ๆ ๆ

    หัวเราะอะไรพี่ฮั่น

    ก็ดูเราสองคนแต่งตัวดิ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้นัดกันเลยนะ ใส่มาซะ...สไตล์เดียวกันเลย เมื่อฟังคนเป็นพี่พูดจบ แกงส้มก็ก้มลงมองการแต่งตัวของเขาสลับกับมองการแต่งตัวของคนพูด

    เออ...จริงด้วยเนอะ พี่อ่ะแหล่ะแต่งตัวเลียนแบบผม

    เฮ้ย! เรานั่นแหล่ะแต่งตัวเลียนแบบพี่

    พี่ต่างหาก

    เราต่างหาก

    เชอะ! เป็นพี่ภาษาอะไร ทำไมไม่รู้จักยอมน้องบ้างฮะ!”

    แล้วเป็นน้องภาษาอะไรทำไมไม่รู้จักยอมพี่บ้างอ่ะ

    พี่ฮั่น!!!!”

    อะไรครับพี่แกงงงงงงงง

    จบคำพูดของฮั่น มือบางของแกงส้มก็ฟาดไปเต็ม ๆ ไหล่หนา ตามมาด้วยแรงทุบอีกบึกใหญ่จนร่างหนาต้องร้องโอดโอยขึ้นมา

    พี่นี่มัน...เกรียนชะมัด! กวนประสาทผมแต่เช้าเลยนะ ไอ้พี่หมีบ้า!”

    ฮั่นสะดุดคำด่าสุดท้ายของแกงส้มจนต้องหันไปจ้องหน้าคนด่า และเหมือนแกงส้มจะรู้ตัว เขารีบก้าวฉับ ๆ เดินนำร่างสูงไปยังลิฟต์ทันที

    ไอ้แกงส้มเอ๊ย...ทำไมไปเรียกพี่ฮั่นว่าพี่หมีแบบนั้น...

    เกิดเขาไม่ใช่คน ๆ เดียวกัน...จะหน้าแตกไหมวะ...

    เอ๊ะ! แต่ถ้าเขาเป็นคน ๆ เดียวกันล่ะ...?

    โอ๊ย...อยากรู้ความจริงมันซะวันนี้เลยเว้ย...แต่ไม่ได้...

    เพราะอะไรที่ได้มาง่าย ๆ มันมักจะอยู่ไม่นาน แต่ถ้าอะไรที่ค่อย ๆ ถักทอสายใยความผูกพัน...มันจะอยู่แบบนี้ไปได้อีกนานแสนนาน...

    ส่วนฮั่น...แม้จะรู้สึกสะดุดกับคำพูดนั้นของแกงส้ม แต่เขาก็ยังคงทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร พลางเดินสาวเท้าตามคนที่เดินนำไปอย่างไม่เร่งร้อน

    เขาจะทำให้แกงส้มรู้สึกดีกับเขาในชีวิตจริงแบบนี้...และจะทำให้น้องเคเอสรู้สึกดีกับเขาในจดหมายแบบนั้น...แม้จะเป็นคน ๆ เดียวกันหรือไม่ก็ตาม...

    แต่เขาก็จะทำ...เขาตัดสินใจแล้ว...

    จะโดนว่าเป็น หมีสองใจ ก็ยอมวะ!

     

    ต้นไม้สีเขียวชอุ่มเนื่องจากฝนที่ตกเมื่อคืน เรียกความสดชื่นให้ร่างกายและจิตใจของผู้ที่มอง หยดน้ำที่หยดลงพื้นทำให้บรรยากาศภายในตลาดยามเช้าที่มีผู้คนมาจับจ่ายซื้อของมากมาย รู้สึกครึกครื้น

    กลิ่นของไอเย็นจากความชื้นทำให้คนที่เดินซื้อของนอกจากจะรู้สึกครึกครื้นแล้วยังรู้สึกเย็นสบายอีกด้วย นอกจากนี้ท้องฟ้าสีสดใสก็เรียกให้คนมองรู้สึกดีขึ้นมา

    ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ...!

    จะซื้ออะไรไปให้ป๊ากินดีอ่ะพี่ฮั่น แกงส้มพลางเดินมองนู่นมองนี่อย่างตัดสินใจไม่ถูก เสียงของผู้คนที่เดินจับจ่ายซื้อของในตลาดทำให้ฮั่นไม่ค่อยได้ยินสิ่งที่แกงส้มถาม เขาเดินเข้าไปใกล้แกงส้มจนท่อนแขนบดเบียดกัน พลางเอียงหน้าเข้าไปใกล้

    แกงว่าอะไรนะ เมื่อกี้พี่ได้ยินไม่ชัด

    ผมบอกว่า...โอ๊ะ!” ยังไม่ทันได้พูด ใบหน้าของแกงส้มที่หันมาอย่างกะทันหัน ก็ทำให้ริมฝีปากของเขาเฉียดแก้มใสของคนร่างสูง

    สัมผัสนี้อีกแล้ว...

    รอยอุ่นที่ติดตรึงอยู่ในหัวใจยังไม่ทันจางหายไป รอยใหม่ก็เพิ่มประทับเข้าไปอีกแล้ว...และแบบนี้เขาจะตัดสินใจห่างจากเจ้าของสัมผัสเหล่านี้ได้ยังไง

    เขาอุตส่าห์ทำเป็นลืมสัมผัสเมื่อคืนไปแล้วแท้ ๆ แต่พอมาเจอแบบนี้อีก...ใครลืมลงก็บ้าแล้ว!

    เอ่อ...แกงบอกว่าอะไรหรอ... ฮั่นโพล่งถามขึ้นมา ก่อนจะพยายามปั้นหน้าให้นิ่งที่สุด ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ยากโคตร ๆ เลย ไอ้การทำหน้านิ่งในตอนที่อารมณ์กำลังอินเนี่ย!!!!

    ผมบอกว่า...ผมจะซื้ออะไรให้ป๊ากินดี...ของกินให้เลือกเยอะขนาดนี้ ผมเลือกไม่ถูกเลยอ่ะ แกงส้มว่า พลางทำหน้าที่ฮั่นรู้สึกได้เลยว่า...น้องกำลังพูดไปเขินไป

    เป็นเขา...เขาก็เขิน!

    นี่ขนาดเขาเป็นคนโดนหอมนะ...ถ้าเป็นคนหอมเอง...จะเป็นยังไงน้า...

    ป้าบ!

    (ขอตบหัวตัวเองเรียกสติสตังหน่อย...)

    ทำบ้าอะไรของพี่เนี่ยพี่ฮั่น ตบหัวตัวเองทำไม แกงส้มถามพลางขมวดคิ้วสงสัยในพฤติกรรมของคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฮั่นหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะหาเรื่องกลบเกลื่อนความมโนล้ำของตัวเอง

    ไม่มีอะไรหรอกแกง พี่ตบยุงบนหัวน่ะ ฮ่ะ ๆ

    หรอ...นึกว่าตบงูบนหัวซะอีก พูดจบ แกงส้มก็เดินไปยังร้านขายนมสดร้อนที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ทันที ทิ้งให้คนที่โดนว่าว่ามีงูบนหัว ต้องรีบเอามือขึ้นไปจับบนหัวตัวเอง พลางพึมพำเบา ๆ

    งูบนหัวไม่มีสักกะหน่อย...แกงอ่ะ...!”

     

    จากนั้นแกงส้มกับฮั่นก็เดินเข้าร้านนู้นออกร้านนี้กันอย่างสนุกสนาน โดยคนที่มีหน้าที่ถือถุงต่าง ๆ ก็คือคนร่างสูงตัวหนาที่มีใบหน้าคมคาย ส่วนคนร่างโปร่งที่มีใบหน้าหวาน มีหน้าที่แค่เพียงบอกว่าอยากจะกินอะไรและอยากจะได้อะไรเท่านั้น...

    พี่ฮั่น...อยากกินคุกกี้ร้านนั้นอ่ะ...

    เอาคุกกี้อะไรแกง มีหลายรสให้เลือก ทั้งวานิลา กาแฟ อัลมอนด์

    อืม...พี่ว่ารสไหนอร่อย แกงส้มถามพลางยกถุงคุกกี้ขึ้นมาดูทีละถุง ฮั่นก้มหน้าลงไปจนเกือบชิดที่ใบหูคนถามก่อนจะตอบไปว่า

    อร่อยทุกรสเลย เพราะพี่เคยกินมาหมดแล้ว

    อืม...งั้นผมเอาทุกรสเลย พูดจบ แกงส้มก็หยิบคุกกี้ทั้งสามรสยื่นไปให้แม่ค้าที่ยืนมองพวกเขายิ้ม ๆ

    เอ่อ...ลืมไปเลยแฮะว่าพี่ฮั่นกับเขา...

    แต่งตัวคล้าย ๆ กัน เดินซื้อของด้วยกัน มีกระซิบข้างหูกัน...

    ว้าก! ทุกคน คิด กันไปแล้วใช่ไหม!?!

    ผมไม่ได้คิดอะไรเลยนะ...ไม่ได้คิดเลยจริง ๆ

    ปั้บ!

    (ตบหัวตัวเองเรียกสติ)

    แกง...ตบหัวตัวเองทำไมอ่ะ

    ไม่มีอะไรครับพี่ฮั่น ตบแมลงวี่ที่อยู่บนหัวน่ะ คำตอบของแกงส้มทำให้ฮั่นหลุดหัวเราะออกมา

    มุกนี้เหมือนพี่จะเล่นไปแล้ว

    อย่ามามั่วพี่ฮั่น...พี่เล่นแมลงวัน แต่ผมบอกแมลงหวี่นะ... แกงส้มเถียงออกไป ก่อนจะยื่นเงินส่งไปให้แม่ค้าพลางรับถุงคุกกี้มาถือไว้ในมือ พลางสาวเท้าเดินออกไปจากร้านนี้ โดยมีฮั่นเดินตามไป

    ร่างสูงที่เดินตามร่างที่เตี้ยกว่าเล็กน้อย ทำให้ผู้คนในตลาดต่างพากันอมยิ้ม...

    ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้ชายทั้งคู่ คงนึกว่า พ่อบ้าน กับ แม่บ้าน มาจ่ายตลาด!

    ส่วนคนที่โดนมโนไปว่าเป็นพ่อบ้านแม่บ้านก็ยังคงเดินซื้อของกันต่ออย่างไม่สนใจกับอะไรหรือว่าใคร เพราะกว่าที่ฮั่นกับแกงส้มจะเดินกลับมาถึงห้อง ในมือของฮั่นก็เต็มไปด้วยถุงหลากหลายขนาด มือของแกงส้มเองก็มีถุงเล็กถุงน้อยเต็มไม้เต็มมือเหมือนกัน

    เมื่อคนสองคนเดินมาถึงห้องพัก แกงส้มก็เคาะเรียกคนที่อยู่ภายในห้องให้เปิดประตูออกมา ใบหน้าคมเข้มของคนเป็นพ่อที่เป็นคนเปิดประตูก็ทำให้แกงส้มกับฮั่นตกใจ

    ไปไหนกันมาแต่เช้า!”

    เอ่อ...ออกไปซื้อกับข้าวมาครับ ฮั่นตอบ แต่...

    ฉันถามลูกชายฉัน ไม่ได้ถามนาย

    ฮั่นสะอึกไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะยิ้มออกมาอย่างแหย ๆ

    พ่อแกงส้มนี่โหดชะมัด!

    ป๊านี่ก็...ไปตลาดกันมาครับ ดูสิ...ของกินเพียบเลย ไป ๆ เราไปกินของอร่อย ๆ กันดีกว่าป๊า แล้วแกงส้มก็กอดแขนบิดาแล้วพาเดินกลับเข้าไปภายในห้อง โดยมีร่างสูงของฮั่นเดินตามมาติด ๆ

    วางข้างของพวกนั้นไว้บนโต๊ะ แล้วก็อัญเชิญตัวเองออกไปซะ พ่อลูกเค้าจะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน

    จบคำพูดของผู้เป็นบิดา แกงส้มก็หันไปมองหน้าฮั่นทันที

    ใบหน้าคมที่สลดแบบหงอย ๆ ทำให้คนมองต้องรู้สึกสงสารและเห็นใจ แม้จะไม่ได้เป็นแฟนกันจริง ๆ แต่เขาก็เข้าใจความรู้สึกของพี่ฮั่นนะ...โดนป๊าเขาใช้คำพูดแบบนั้น เป็นใคร...ใครก็หงอยรับประทาน

    ป๊านี่ก็...หวงลูกเวอร์เกิ๊น!

    แต่พี่ฮั่นเค้ามีน้ำใจพาผมออกไปซื้อของมาให้ป๊านะครับ แล้วป๊าจะไม่มีน้ำใจชวนเค้าอยู่กินข้าวเช้ากับเราหน่อยหรอครับ ผมไม่ยักกะรู้นะ ว่าพ่อเลี้ยงสุรศักดิ์แห่งไร่ชัยอรรถจะเป็นคนไม่มีน้ำใจให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแบบนี้...นี่ถ้าแม่รู้เข้า...แม่คงโมโหแน่เลย...โทรบอกแม่ดีไหมนะ...?

    แกงส้มว่าพลางหยิบไอโฟนออกมาจากกระเป๋าแล้วทำท่าจะกดโทรไปหาผู้เป็นมารดา

    เออ ๆ ๆ อยากจะอยู่ก็อยู่...ฮึ่ม! ฝากไว้ก่อนนะเจ้าแกง...

    สุดท้าย ฮั่นก็ได้นั่งยิ้มอยู่ที่โต๊ะอาหารภายในห้องของแกงส้ม...

     

     

    ตกลงว่าป๊าจะไม่ไปพร้อมพวกผม ?

    อื้อ...ไม่ไป เดี๋ยวป๊าไปเอง

    ทำไมป๊าไม่ไปพร้อมพวกเราล่ะครับ แกงส้มถามพลางมองบิดาของตัวเองด้วยดวงตาที่สงสัย

    เขาว่าพ่อของเขาต้องกำลังวางแผนอะไรสักอย่างเพื่อแกล้งพี่ฮั่นแน่ ๆ เลย...อย่านึกว่าเขาดูไม่ออกนะ!

    เหอะน่ะ อย่าถามมาก รีบ ๆ ไปทำงานเลยไป พูดจบ คนเป็นพ่อก็โบกมือไล่คนเป็นลูก แกงส้มซึ่งยังสงสัยไม่หายก็พยายามที่จะรั้งตัวเองไว้เพื่อจะถามให้แน่ใจ แต่เขาก็โดนมือหนาของฮั่นลากให้เดินออกไปด้วยกัน

    ดูเหอะ...ขนาดพี่ฮั่นจับมือเขาลากออกมา ป๊ายังไม่โวยวายสักคำ มันต้องมีอะไร!

     

     

    เมื่อมาถึงร้าน...แกงส้มก็โดนฮั่นลากตัวไปในห้องครัวทันที เอมกับสุกำลังจัดเตรียมวัตถุดิบอยู่ ส่งยิ้มหวานมาให้ผู้มาใหม่ทั้งสอง

    มาแต่เช้าเชียวนะฮั่น แกงส้ม

    หวัดดีสุ เอม

    สวัสดีครับพี่สุ พี่เอม

    จ้า...ไปเปลี่ยนชุดสิแกง พี่เตรียมไว้ให้เราแล้วที่ตู้ล็อกเกอร์ช่องข้าง ๆ ฮั่น สุว่าก่อนจะพยักเพยิดไปทางห้องแต่งตัว แกงส้มรีบวิ่งไปที่ห้องนั้นอย่างกระตือรือร้นทันที โดยมีสายตาของฮั่นมองตามไป เอมซึ่งลอบมองคนทั้งสองอยู่ ก็เผลอหั่นต้นหอมเสียยาวเกินปกติจนสุซึ่งหันมาพอดี ต้องเอ็ดเธอ

    ใจลอยไปถึงไหนเอม...ดูสิ...ต้นผอมหั่นยาวไปถึงยะลาแล้ว

    อ่า...เอมขอโทษสุ เดี๋ยวเอมหั่นใหม่นะ

    จ้า...ว่าแต่...ฮั่นทำไมไม่ไปเปลี่ยนชุดล่ะ

    เอ่อ...รอให้แกงส้มเปลี่ยนเสร็จก่อนน่ะ คำตอบของฮั่นทำเอาสุขมวดคิ้ว

    ทำไมต้องรอให้แกงส้มเปลี่ยนเสร็จก่อน ผู้ชายด้วยกัน กะอีแค่สวมเสื้อเชฟทับไม่น่าจะต้องมีอะไรมากเลย แต่ดูเหมือนว่า...ฮั่นจะทำให้มันมีอะไรนะ...

    เสร็จแล้ว... แล้วคนที่เดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัวก็เดินออกมาพร้อมชุดสีขาว ร่างโปร่งของแกงส้มดูดีมากเมื่ออยู่ในชุดสีขาว หมวกสีเดียวกันกับชุดถูกมือหนาจับไปวางไว้พลางกดให้มันอยู่บนศีรษะทุยอย่างเข้าที่เข้าทางพอดี

    หล่อเหมือนกันนะเรา คำชมของฮั่นทำให้แกงส้มผุดรอยยิ้มน่ารักขึ้นมา

    แน่นอนสิครับ ผมหล่ออยู่แล้ว...มาก ๆ ด้วย

    หลงตัวเอง

    ถือว่าเป็นคำชมครับ

    เอ้า ๆ เลิกเถียงกันเถอะสองคนนั้นน่ะ...ฮั่นไปเปลี่ยนชุดสิ จะได้มาสอนน้องให้ทำอาหาร สุว่าด้วยเสียงที่เข้มนิด ๆ ทำให้คนสองคนที่กำลังยืนเถียงกันอยู่ต้องสะบัดหน้ากันไปคนละทาง ก่อนที่คนเป็นพี่จะแกล้งเดินเบียดคนเป็นน้องเดินไปยังห้องแต่งตัว แกงส้มยกกำปั้นขึ้นมาทำท่าจะปล่อยไปใส่ฮั่น แต่พอเจอสายตาของสุเข้าไป เขาก็ปล่อยมือที่กำหมัด แล้วส่งยิ้มแหย ๆ ไปให้คนที่มองมา

    พี่สุเป็นคนใจดี...แต่ถ้าเอาจริง...โคตรน่ากลัว!

    เมื่อฮั่นเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เขาก็เดินออกมา ภาพที่เขาเห็นก็คือแกงส้มกำลังยืนฟังสุอธิบายถึงหน้าที่ของเธอให้แกงส้มฟังอยู่ ใบหน้าหวานที่ยืนฟังอย่างตั้งใจทำให้ฮั่นเผลอมองอย่างลืมตัว...

    เขามารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีมือของเพื่อนสาวคนสนิทอย่างจ๋ามาสะกิดบริเวณหัวไหล่

    มองซะเคลิ้มเลยนะไอ้ฮั่น

    มองอะไร เคลิ้มอะไร มั่วแล้วไอ้จ๋า ฮั่นว่า พลางรีบขยับสายตาของตัวเองมามองใบหน้าของเพื่อน

    เออฉันมันมั่ว แต่ขอโทษเถอะ...แกไปเป็นแฟนกับน้องแกงของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย เนียนนะแก!”

    ฉันตามน้ำน้องเค้าเว้ย

    อย่ามาไอ้ฮั่น...แกเล็งน้องเค้าไว้อยู่แล้วใช่ไหมล่ะ แล้วก็ทำมาเป็นบอกว่าตามน้ำน้องเค้า ไอ้หยิบชิ้นปลามัน!” จ๋าว่าพลางย่นจมูกใส่คนเป็นเพื่อนอย่างนึกเคือง เสียงของเธอเรียกดวงตาของคนสามคนที่ยืนขะมักเขม้นในการเตรียมวัตถุดิบให้หันมามอง

    มาพอดีเลยฮั่น...เดี๋ยวมาสอนแกงแกะกุ้งหน่อย

    อืมได้สิสุ...รับคำเสร็จ ฮั่นก็รีบชิ่งไปหาสุทันที ทิ้งให้จ๋ายืนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว

    คอยดูเถอะไอ้ฮั่น..ฉันจะไปป่วนแกกับน้องแกงให้มันส์เลย!”

     

    แกงดูพี่ทำก่อนนะ

    ครับ... รับคำเสร็จ แกงส้มก็มองมือหนาที่กำลังแกะกุ้งด้วยความตั้งใจ ดวงตากลมโตจับทุกรายละเอียดพลางจดจำไว้ทุก ๆ อย่าง

    จริง ๆ แล้วเขาชอบทำอาหารมาก...ตอนอยู่กับครอบครัวที่เชียงใหม่ เขาเข้าครัวช่วยแม่ทำอาหารเกือบทุกวัน แต่พอมาอยู่ที่กรุงเทพฯ เขาก็แทบจะไม่ได้แตะต้องการทำอาหารอีกเลย

    แค่เวลาจะนอนยังไม่ค่อยจะเหมือนคนอื่น...แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปทำอาหาร...

    ใบหน้าคมที่ใช้สายตามองกุ้งตรงหน้า ทำให้แกงส้มเผลอยิ้มออกมา เขาว่าเขาชอบเวลาที่พี่ฮั่นอยู่กับอาหารนะ หมายถึง..อยู่กับการทำอาหาร เพราะเขาว่าพี่ฮั่นจะดูเป็นคนที่พิถีพิถันมาก แล้วก็ค่อนข้างจะใส่ใจในรายละเอียดทีเดียว สายตาที่แสดงออกถึงความตั้งใจ ทำให้แกงส้มไม่อาจละสายตาไปจากฮั่นได้

    เขาชอบคนที่ทำอาหารเก่งเป็นที่สุด!

    มองแต่พี่จนพี่จะละลายแล้วนะแกง

    อ่ะ...ผมเปล่ามองพี่ซะหน่อย แกงส้มว่าก่อนจะต้องหลบสายตาคมที่มองมา

    โดนจับได้เหรอเนี่ย...น่าอายจัง!

    ก็เห็น ๆ อยู่ว่ามอง...ยังจะปฏิเสธอีกหรอ

    อืม...ถ้ามองแล้วจะทำไมครับ

    ก็ไม่ทำไม...แต่แค่อยากจะบอกว่า...การเป็นคน ถูกมอง บางทีมันก็เขินนะ... ฮั่นพูดแค่นั้น เขาก็ส่งกุ้งตัวที่ยังไม่แกะเปลือกมาให้แกงส้ม

    พี่ว่าจริง ๆ แล้ว...แกงก็น่าจะแกะกุ้งเป็นนะ มันไม่ได้ยากอะไรเลยสำหรับลูกอดีตเจ้าของร้านข้าวแกง

    เฮอะ...เบื่อนักคนรู้ทันเนี่ย

    แล้วแกงส้มก็หยิบกุ้งจากมือฮั่นมาแกะเปลือกอย่างชำนาญ แล้วคนสองคนก็ผลัดกันแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องอาหารที่ต่างคนต่างมีอย่างสนุกสนาน โดยมีคนวงนอกอย่างจ๋า สุและเอมยืนมองอย่างงง ๆ

    อยู่กันก็ตั้งหลายคน...แต่คุยกันเหมือนโลกนี้มีกันอยู่แค่สองคน...

    ดีจริง!

    จากนั้นแกงส้มก็ได้เรียนรู้วิธีการเตรียมวัตถุดิบอื่น ๆ อีกมากมายหลายอย่าง จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนถึงเวลาเปิดร้าน...

    แน่นอนว่าแกงส้มมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยของฮั่น แต่เขาก็ยังทำอะไรไม่ได้มาก เพราะเพิ่งจะเรียนรู้งานอย่างจริงจังวันแรก แต่ฮั่นก็ไม่ได้ดุหรือว่าพูดว่าอะไรเขา แม้ว่าเขาจะหยิบพริกไทยเป็นเกลือ หยิบเกลือเป็นพริกไทย จนต้องเปลี่ยนอาหารให้ลูกค้าใหม่ไปหลายจานก็ตาม...

    ไอ้ฮั่น ๆ ๆ มีลูกค้าคนหนึ่งเขาอยากจะเจอแกว่ะ

    ฉันไม่เคยออกไปเจอลูกค้าในระหว่างที่ทำอาหาร แกก็รู้นี่จ๋า!”

    แต่ลูกค้าคนนี้แกต้องออกไปว่ะ...

    ทำไมวะ ?

    พ่อน้องแกง!”

    อ้อ...โอเค ๆ งั้นเดี๋ยวฉันตามออกไป ขอ 2 นาที เมื่อได้ยินว่าเป็นใคร ฮั่นก็รีบทำอาหารที่ค้างอยู่บนเตาให้เสร็จ ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากห้องครัว

    ป๊าของแกงส้ม...คิดจะแกล้งอะไรเขาอีกนะ!

    มีอะไรครับ

    มีแมลงสาบอยู่ในนี้ เป็นพ่อครัวภาษาอะไร ทำไมปล่อยให้อาหารสกปรกแบบนี้!” บิดาของแกงส้มว่าพลางตักตัวแมลงสาบที่อยู่ในซุปข้าวโพดมายื่นให้จนแทบจะติดใบหน้าของฮั่น

    เห็น ๆ อยู่ว่าเมื่อกี้ป๊าของแกงส้มแอบหย่อนแมลงสาบลงไป

    หืม... และเพราะเห็น...ฮั่นจึงไม่มีท่าทีตกใจ จากนั้นเขาก็หยิบช้อนที่มีแมลงสาบมาถือไว้ พลางกวักมือเรียกบริการที่อยู่ไม่ไกลให้เดินมาหา

    เดี๋ยวเอาแมลงสาบนี่ไปทิ้งนะ

    ครับ...

    เรียบร้อยแล้วครับ เชิญคุณลุงทานต่อได้เลยฮะ เมื่อเจอฮั่นเกรียนกลับมาแบบนี้ บิดาของแกงส้มก็นึกขำในใจ

    มันกล้ามาก...กล้ามากจริง ๆ!

    กลับที่ของนายไปเถอะ ฉันเบื่อแล้ว

    ครับ...เดี๋ยวผมให้เด็กยกซุปข้าวโพดมาให้คุณลุงใหม่นะครับ แล้วฮั่นก็โค้งตัวเดินกลับเข้าไปยังห้องครัวเหมือนเดิม ดวงตาที่แสดงออกถึงความไม่โกรธเคืองใด ๆ เลย ทำให้บิดาของแกงส้มยิ้มออกมา

    ทั้ง ๆ ที่มันรู้ว่าเขาแกล้งมันซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้...แต่มันก็ยังกล้าที่จะเกรียนเขากลับมา แถมยังไม่ส่งสายตาโกรธกลับมาด้วย

    นับว่าเป็น ลูกผู้ชาย พอตัวเลย!

    ...ความอดทนสำหรับวันนี้ ผ่าน’...

     

     

    ตกดึกหลังจากที่ร้านอาหารปิดแล้ว...แกงส้มกับฮั่นก็เดินออกมาบริเวณด้านหน้าร้าน รอคิมกับจ๋าที่ยังคุยกันไม่เสร็จ...

    สายลมเย็นที่พัดปะทะผิวกายเรียกให้วงแขนแกร่งของฮั่นยกขึ้นมาโอบตัวเอง เขาหันไปมองคนที่ยืนข้างตัว...แกงส้มเองก็กำลังทำท่าแบบเดียวกับเขา...

    หนาวหรอ

    ก็นิดหน่อยครับ แล้วพี่ล่ะ...หนาวเหมือนกันล่ะสิ ยกแขนขึ้นมากอดตัวเองแบบนั้น

    ก็ไม่หนาวหรอก...แต่แค่รู้สึกเย็น ๆ บางทีนะ...พี่ก็อยากมีคนให้กอดบ้าง เพราะกอดตัวเองทีไรมันไม่เคย อุ่นไปถึงหัวใจ สักที... จบคำพูดของฮั่น แกงส้มก็เงยหน้าขึ้นไปสบตาคนพูด

    ถ้าหากคน ๆ นี้คือคนเดียวกันกับคนในจดหมาย...เขาก็คงจะไม่ลังเลที่จะดึงแกงส้มให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด แต่เพราะเขาเองไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วแกงส้มกับน้องเคเอสคือคน ๆ เดียวกันจริงไม่...เขาจึงเลือกที่จะหยุดการกระทำนี้ไว้เพียงแค่นี้...แค่เพียงมองสบตากันเท่านั้นพอแล้ว...

    หากมากกว่านี้...เขาเกรงว่ามันจะเป็นการไม่เหมาะสม...

    (ทำไมเขาดูเป็นคนดีจังนะ!)

    คำพูดพี่นี่...มาเป็นสำนวนเลยนะครับ น่าเอาไปเขียนนิยายเนอะ แกงส้มว่าพลางส่งยิ้มไปให้คนหน้าคม ฮั่นหัวเราะออกมาเบา ๆ พลางแหงนหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าสีดำสนิทที่มีดวงดาวกระจายเกลื่อน

    แกงรู้ไหมว่าเวลาที่พี่เหงา...พี่เคยนึกอยากให้ดวงดาวบนท้องฟ้ามาอยู่เป็นเพื่อนพี่นะ...อยากให้มาอยู่ด้วย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ความเหงานี่ทำได้ทุกอย่างจริง ๆ เนอะ ทำให้เราเพ้อเจ้อได้ขนาดนี้...บ้าชะมัดเลย

    ไม่บ้าหรอกพี่ฮั่น...เพราะว่าผมก็เคยรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน

    เคยรู้สึกแบบนั้น...แสดงว่าตอนนี้ไม่รู้สึกแบบนั้นแล้วสิ

    ไม่แล้วล่ะครับ...ตั้งแต่ที่ผมได้พบกับคนพิเศษ...ผมก็เลิกเหงา เพราะว่าผมมีเค้า...เค้าที่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขทุกครั้งที่ได้คุยกัน แกงส้มไม่พูดเปล่า แต่เขายังมีรอยยิ้มอบอุ่นระบายเต็มดวงหน้าหวาน

    ในหัวของแกงส้มตอนนี้มีแต่ตัวอักษรที่ถูกประดิษฐ์ออกมาเป็นคำพูดของพี่หมีลอยวนไปวนมาเต็มไปหมด...ในเวลาแบบนี้...เขาคิดถึง พี่หมี’...

    ที่เขาคิดถึงพี่หมี...ก็เพราะคำพูดของพี่ฮั่นที่มันชวนให้เขาคิดถึง...

    ...คำพูดที่เพ้อแต่ให้ความละมุน...นี่แหล่ะคือจุดที่ทำให้เขารู้สึกว่าพี่ฮั่นกับพี่หมีคือคน ๆ เดียวกัน

    แต่ในความแน่นอนก็มีความไม่แน่นอนซ่อนอยู่เสมอ...

    อะไรที่เราคิดว่าใช่...มันอาจจะไม่ใช่...อย่าปักเชื่อในอะไรหากยังไม่ได้รับการ พิสูจน์’!

    ทางฮั่นเองเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้นของแกงส้มแล้ว...เขาก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้

    เข ารักรอยยิ้มนี้ของแกงส้ม...

    น้องเคเอสกับแกงส้ม...ได้โปรดเป็นคน ๆ เดียวกันเถอะ...เพราะตอนนี้เขากำลังหวั่นไหวกับคนที่มีอยู่จริงตรงหน้านี้มากจนแทบจะหักห้ามความรู้สึกเหล่านี้ไม่ได้แล้ว

    หากความหวั่นไหวค่อย ๆ ก่อตัวกลายเป็นความรัก...เมื่อนั้นต่อให้แกงส้มกับน้องเคเอสเป็นคนละคนกัน เขาก็คงไม่อาจถอนหัวใจไปจากแกงส้มได้แล้ว...

    แล้วพี่ไม่มีคนพิเศษบ้างหรอครับ

    เมื่อปล่อยให้ความเงียบได้ทำหน้าที่ของมันมาหลายนาที แกงส้มก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามบ้าง

    มีสิ...คนพิเศษของพี่เขาเป็นคนที่น่ารักมาก พี่ไม่เคยคิดเลยนะว่าพี่จะได้เจอกับเขา โลกใบนี้มันกลมและแคบจนเกินไปจริง ๆ แต่พี่ก็ดีใจนะที่ได้รู้จักเขา...แม้ว่าเรา...

    แม้ว่าเรา...

    แม้ว่าเราอาจเป็นได้แค่...คนที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านเลยไป... ฮั่นพูดแค่นั้นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่คิมและจ๋าเดินออกมาจากร้านอาหาร คนสองคนจึงหยุดบทสนทนาเพียงเท่านั้น

    ปล่อยให้โชคชะตาเป็นตัวกำหนดความเป็นไปของคนสองคน...โชคชะตาที่มีใครบางคนคอยควบคุม...

     

     

    โคมไฟที่เปิดสว่าง บนโต๊ะไม้สี่เหลี่ยม ทำให้คนที่กำลังจรดปากกาลงบนกระดาษสีหวานหันไปจ้องมันแทนกระดาษที่ยังว่างเปล่า...

    พี่จะเขียนเล่าอะไรให้เราฟังดีล่ะ...ขอนึกก่อนนะ...อ่ะ...นึกออกแล้ว!”

     

    ถึง น้องเคเอส...

    บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตอนนี้พี่กำลังรู้สึกอะไรอยู่ แต่ที่แน่ ๆ พี่ว่าพี่เริ่มสงสัยและรู้สึกตัวแล้วล่ะว่าเรา(ในชีวิตจริง) เป็นใคร...ถ้าเป็นคนที่พี่คิดจริง ๆ โลกมันคงจะกลมและแคบน่าดู...

    แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ถ้ามีปาปิก้าสินะ ฮ่า ๆ ๆ ไม่เกี่ยวกับปาปิก้าสักนิด!

    เราบอกว่าไม่ให้พี่แอบไปเป็นแฟนกับใคร...พี่ต้องขอโทษเราจริง ๆ นะ เพราะว่าพี่ดันไปเป็นแฟนกับคน ๆ หนึ่งเข้าแล้วสิ แฟนพี่คนนี้ทั้งดื้อ ทั้งแสบ ทั้งเหวี่ยง แต่น่ารักสุด ๆ ครับ...ถ้าน้องเคเอสได้รู้จักน้องเคเอสก็คงจะคิดเหมือนพี่แหล่ะครับ ><

    และเพราะว่ามีแฟนแล้ว พี่ก็เลยต้องมาดูแลว่าที่พ่อตา (หรือว่าพ่อแฟน) ... พ่อแฟนพี่คนนี้เป็นคนที่เดาอารมณ์ได้ยากมาก ๆ เลยครับ ท่านเหมือนจะใจดีนะ...แต่หาเรื่องแกล้งพี่ตลอดเลย ไม่รู้ว่าพี่ไปทำอะไรให้ท่านเกลียดขี้หน้านักหนา...เฮ้อ...แต่พี่ก็สนุกดีนะครับที่ได้โดนท่านแกล้ง (นี่พี่โรคจิตหรือเปล่าเนี่ย!?!)

    จริง ๆ คงเพราะพอโดนแกล้งแล้วชีวิตดูมีสีสันดีมั้งครับ ฮ่ะ ๆ

    เรารู้ไหม...ว่าวันนี้แฟนของพี่ทำให้พี่นึกถึงเราขึ้นมา...เรากับเขาคนนั้น...เหมือนกันจนพี่อยากให้เอามารวมเป็นคน ๆ เดียวกันมาก แต่พี่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้...เอ๊ะ! หรือว่าเป็นไปได้นะ...

    แอบงง...ที่เราต้องมาเขียนจดหมายกันแบบนี้...

    ทำไมต้อง 7 วันด้วยนะ!

    อ้อ...7 วันเท่ากับวันที่พ่อแฟนพี่มาเลยล่ะ...อะไรจะ บังเอิญ ขนาดนี้ก็ไม่รู้เนอะ ^^

    พี่มีความสุขกับวันนี้มาก...เพราะสัมผัสของคน ๆ นั้น...คน ๆ นั้นที่เหมือนเรา...

    วันที่หนึ่งผ่านพ้นไปกับความชัดเจนในหัวใจของพี่ที่เอนเอียงไปทางคน ๆ นั้น...เราไม่คิดจะทำคะแนนเพิ่มกับพี่บ้างหรอ...มาเจอพี่ในฝันก็ยังดีนะครับ...

    วันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่า เหนื่อยมาก ๆ ~

     

     

    จาก พี่หมี

     

    ปล. ไม่รู้ทำไม...แต่อยากบอกว่า รู้สึกดี ทุกครั้งที่ได้เขียนจดหมายทุกฉบับนะครับ

    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความรู้สึกที่พี่มีต่อเรา...มันจะยังเหมือนเดิม...ตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลง !

     

    เมื่อเขียนจนจบถึงตัวอักษรสุดท้าย ฮั่นก็พับกระดาษเขียนจดหมายใส่เข้าไปในซองสีหวาน พลางพรมน้ำหอมกลิ่นที่เขาใช้ลงไป

    ความหอมของน้ำหอมทำให้ฮั่นรู้สึกสดชื่นขึ้นมา ชายหนุ่มยิ้มกับจดหมายฉบับนี้ ก่อนที่เขาจะวางมันไว้บนโต๊ะแล้วปิดไฟ พลางเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง

    ฮั่นหันหน้ามองออกไปที่นอกหน้าต่าง แล้วพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ว่า

    ฝันดีนะครับน้องเคเอสและแกงส้ม...ถึงจะเป็นคนเดียวกันหรือคนละคน แต่พี่ก็รู้สึกดีกับทั้งสองคนมาก ๆ นะ...

     

     

    ทางด้านคนอีกคนหนึ่งที่นอนคว่ำทับเจ้าตัวสนูปปี้ตัวโต ก็กำลังจรดปากกาลงบนกระดาษสีขาวที่ตอนนี้มีลายกราฟฟิคสีสวยเขียนไว้เป็นลายที่มุมขวาด้านล่างของกระดาษแผ่นนี้

     

    ถึง พี่หมี

    ตอนนี้พี่คงจะเริ่มสงสัยแล้วก็ไม่แน่ใจในตัวผมแล้วใช่ไหมล่ะครับ...ก็ผมเล่นเขียนใบ้ไปซะขนาดนั้น ถ้าพี่ไม่รู้ก็ทึ่มเกินไปแล้ว ฮ่า ๆ ๆ ๆ และผมว่าคนฉลาดอย่างพี่ก็คงจะพอเดาออกนะครับ ^^

    ตอนนี้ผมมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วนะฮะ...แฟนที่ผมไม่รู้ว่ามาได้ยังไง ตามน้ำกันมาเลยทีเดียวคนนี้ เนียนตัวพ่ออ่ะ ผมว่านะ...จริง ๆ แล้วพี่เขาคงจะแอบเล็งผมไว้แล้วแน่ ๆ เลย ถึงได้ทำเป็นพูดนั่นพูดนี่ แต่สุดท้ายก็กลายมาเป็นเขา ฮ่ะ ๆ ๆ ผมล้อเล่นนะครับ ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงได้กลายมาเป็นเขา แต่เพราะเป็นเขา ถึงทำให้ผมยิ้มได้และทำอะไรบางอย่างลงไปอย่างไม่รู้ตัว...

    เขาดีกับผมมาก จนผมรู้สึกว่าผมกำลังจะเคยตัว หากเขายังดีแบบนี้...ผมกลัวว่าผมจะรู้สึกดีกับเขามากไปกว่าแค่หวั่นไหว พี่หมีว่าผมควรจะทำยังไงดีครับ...(ผมจะเชื่อคำตอบของพี่ได้ไหมนะ...)

    ผมไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี แต่ผม...ชอบเวลาที่เขาอยู่กับการทำอาหารมาก ๆ ครับ มันเป็นภาพที่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ และมันทำให้ผมไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้ เฮ้อ...เป็นเอามากจริง ๆ นะผมเนี่ย!

    ไม่อยากจะนึกภาพตอนที่พี่อ่านจดหมายฉบับนี้และอีก 6 ฉบับของผมเลย ผมว่า...เราคงอ่านไปหัวเราะไปแน่ ๆ เวลาเขียนจดหมายแล้วไม่ได้ส่งแบบนี้...เหมือนอ่านไดอารี่ประจำวันเลยเนอะ...

    มันให้ความสุขไปอีกแบบใช่ไหมล่ะครับ...ผมรู้นะว่าพี่คงกำลังยิ้ม เหมือนกับที่ผมเองก็กำลังยิ้มเหมือนกัน บอกไม่ถูกเลยจริง ๆ ว่ามันรู้สึกดีมากแค่ไหนกับทุกตัวอักษรที่ได้เขียนมาแบบนี้...

    ขอบคุณนะครับที่ทำให้ผมได้ก้าวเข้ามาในโลกใบนี้...โลกใบนี้ที่ทำให้ผมยิ้มได้ในทุก ๆ วัน ^^

    รู้สึกเพลีย ๆ จากการไปเป็นผู้ช่วยเชฟมาก ๆ ครับ แต่ทำอาหารนี่ก็สนุกดีจริง ๆ นะฮะ ผมชักจะ ติดใจ การทำอาหารเข้าแล้วสิครับ...แย่งอาชีพพี่หมีดีไหมนะ...อิอิ ><

    วันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่า ง่วงแล้วอ่ะ...

     

    จาก น้องเคเอส

     

    ปล. ฝันดีผมไปวิ่งเล่นรอบเตียงพี่นะครับ...ต่อให้มีอะไรมาทำให้เรารู้สึกไม่ดีหรือเปลี่ยนไป แต่ผมยังยืนยันว่าทั้งหัวใจผมยังมีที่ว่างเอาไว้ให้พี่เสมอครับ...(หวานไปนะบางที) ฮ่า ๆ ๆ ๆ

     

    เมื่อเขียนเสร็จ คนเขียนก็อ่านทวนอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะพับกระดาษแผ่นนั้นใส่ซองที่เขาวาดลายเอง พลางฉีดพรมน้ำหอมลงไปในซองจดหมาย...

    รอยยิ้มหวานแต่งแต้มบนใบหน้าเรียว ก่อนที่เจ้าตัวจะหยิบจดหมายไปใส่ไว้ในลิ้นชักบนหัวเตียง ก่อนจะกลับมานอนหงายแล้วกอดเจ้าตุ๊กตาสนูปปี้ไว้แนบอก พลางกระซิบที่ข้างหูเจ้าตุ๊กตาตัวนี้ว่า

    ฝันถึงผมด้วยนะครับพี่หมีและพี่ฮั่น...หวังว่าเราคงจะได้พบกันในฝัน ผมอยากมีวันที่ดี ๆ กับพี่ทั้งสองคนนะครับ...เอ๊ะ! หรือว่าแค่คนเดียวนะ...หึๆ

     

     

     

    คนเราเมื่อมีความสุขก็จงนึกถึงความทุกข์ไว้บ้าง เพื่อไม่ให้เราสุขจน มากเกินไป

    และเมื่อเรามีความทุกข์ก็จงนึกถึงความสุข เพื่อไม่ให้เราทุกข์จน มากเกินไป

    อะไรที่มีมาแบบ พอดี ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ดีแน่นอน...

     

     

    ความรักแค่เพียงเราเปิดใจ...ไม่ว่าจะเป็นใคร เพศไหน...เราก็สามารถมี รักที่ดี กับ คนที่หัวใจต้องการ ได้...

     

     

     

     

     

     

     

    //ขอโทษจริง ๆ ค่ะที่มาอัพดึกขนาดนี้!!!!!! คือจริง ๆ แล้ว...เค้าขอสารภาพว่าวัน ๆ หนึ่งเขาทำหลายอย่างมากจริง ๆ ทั้งปั่นบ้านในพันทิพ ทั้งดูทวิตบ้าน (บ้าง) ทั้งดูทวิตตัวเอง ทั้งเข้าเฟส (คุยงานกับเพื่อน ๆ ที่ม.) ทั้งทำรายงานและเขียนฟิคไปด้วย...พอทำหลาย ๆ อย่างเข้า...มันก็เลยทำให้ทุกอย่างมันแลดูช้าไปหมด ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ โดยเฉพาะอย่างหลัง เค้าต้องเลือกทำรายงานก่อน ฟิคจึงมาอยู่เป็นลำดับสุดท้าย...ทำให้มาซะดึกดื่นขนาดนี้! ขอโทษสำหรับคนที่รอจริง ๆ ค่ะ ><

    และเพราะอัพดึกมาก ,, เรื่องราวจึงดูแปลก ๆ ไปสักนิด หรือว่าอึนไปสักหน่อย ถ้ามันไม่สนุกยังไงหรือว่ามีอะไรแปลก ๆ ก็ติชมกันมาได้เลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ เค้าเป็นแคลช (รับได้ทุกอย่าง) ฮ่า ๆ ๆ ๆ (เล่นมุกซะโบเชียวเรา) ^,^!

    บอกได้เลยนะคะว่าอีก 6 ตอนนับจากนี้ ,,, ก็จะเป็นเรื่องราวแบบนี้แหล่ะค่ะ พี่น้องเจอกันในชีวิตประจำวัน ส่วนจดหมายก็เขียนถึงกันแต่ยังไม่ได้ส่ง...ดังนั้น...คนอ่านลองเดากันดูนะคะว่าอีกกี่ตอนนะที่พี่น้องจะได้เจอกันตัวเป็น ๆ อิอิ สปอยมาซะขนาดนี้แล้ว...คงเดาได้นะคะ ~

    แต่ก็อย่าลืมนะคะว่า...คนเขียนเรื่องนี้ออกจะอินดี้และประหลาด ๆ ไปสักหน่อย ดังนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ค่ะ...คุณป๊าดูไม่โหดนะตอนนี้...(หรือเปล่า?) ตอนหน้าคงจัดเต็มกว่านี้ (ไหมนะ) ฮ่า ๆ ๆ ตอนนี้ตัวละครมีไม่ค่อยมาก เน้นฮั่นแกง เพราะว่า...ฟินกับการอัพ IG รูปคู่ของพี่น้องวันนี้มากไปไปหน่อยค่ะ (ขอสารภาพเลย) ><

    เวิ่นมายาวมากแล้ว...ก็เหมือนทุกครั้งค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกการอ่าน ทุกการติดตาม ทุกคำคอมเม้น (ตอนนี้ทราบแล้วค่ะว่าบางคนอ่านแต่ไม่ได้เม้น ไม่เป็นไรนะคะ แค่ขอให้อ่าน แค่นั้นก็พอแล้วค่ะ) #รักทุกคนมาก ๆ ค่ะ ติดตามกันไปเรื่อย ๆ น้า...40 ตอนไม่ไกลเกินฝัน (ใครฝันกับแกเนี่ย!!!!) 555 แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×