คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ 12 : การมาของ ป๊ะป๋า
บทเพลงที่ 12 : การมาของ ‘ป๊ะป๋า’
เมื่อวางโทรศัพท์จากบิดา แกงส้มก็รีบไปหาคนเป็นอาที่ร้านอาหารทันที
ถ้าป๊าจะมาแบบรวดเร็วทันใจอย่างนี้ โดยไม่ให้เตรียมตัว แสดงว่าป๊า...จะต้องมีเรื่องอะไรมาทำให้เขาต้องปั่นป่วนแน่ ๆ
คิดได้แบบนี้ ขายาวก็ยิ่งก้าวเร็วขึ้นไปอีก...ทุกวินาทีช่างมีค่านัก!
“อาคิมมมมมมมมมมมมมมมม” เมื่อก้าวเท้าเข้ามาในร้าน แกงส้มก็ตะโกนเรียกคนเป็นอาเสียงดังลั่นร้าน โดยไม่สนใจสายตาของพนักงานในร้านที่มองมาสักนิด
แคร์ทำไม...ครึ่งหนึ่งของร้านนี้ก็เป็นของเขา (เกรียนสุด ๆ ไปเลยไอ้แกงส้มเอ๊ย!)
“ไอ้แกง แกจะตะโกนเรียกฉันเสียงดังเพื่อ ?”
“อารีบไปเก็บข้าวของอาย้ายมาที่ห้องผมด่วนเลย ตอนนี้ป๊าขับรถออกจากบ้านแล้ว อีกไม่ถึง 8 ชั่วโมงจะมาถึงห้องของผม”
“เฮ้ย! ไหนโน่มันบอกว่าพี่หนูจะมาพรุ่งนี้ไง ????” คิมตกใจทันทีที่ได้ยินสิ่งที่แกงส้มพูด
“ผมว่าป๊าต้องมีอะไรแน่ ๆ เลย เล่นมาแบบเปลี่ยนเวลาแบบนี้อ่ะ!”
“อืม...ก็คงจะอย่างนั้นแหล่ะ งั้นเดี๋ยวอาขับรถไปเอาของที่บ้านเลยแล้วกัน ดีนะที่อาเก็บของบางส่วนไปบ้างแล้ว” คิมว่า ก่อนจะกวักมือเรียกพนักงานในร้านให้เดินมาหาเธอ
“เดี๋ยวถ้าคุณจ๋ามา บอกเค้าด้วยว่าฉันไปเก็บของที่ห้อง คงจะเข้ามาอีกทีเย็น ๆ เลย ฝากให้เค้าดูแลร้านให้ดี ๆ ด้วย”
“ครับคุณคิม”
แล้วคิมก็เดินนำคนเป็นหลานให้ไปยังลานจอดรถบริเวณหน้าร้านของตัวเอง เมื่อเดินมาถึงที่รถ โทรศัพท์มือถือของเธอก็แผดเสียงดังลั่น พอหยิบมาดูชื่อคนโทรเข้าก็ปรากฏว่าเป็นคนคุ้นเคย (?)
“ว่าไงยัยจ๋า”
(คุณคิม...ตกลงเรื่องฮั่นแกง คุณว่ายังไงเนี่ย)
“ฉันไม่สะดวกคุยตอนนี้ ต้องไปย้ายของที่บ้านมาอยู่ห้องแกงส้ม เอาไว้ตอนเย็น ๆ ค่อยคุยกันเรื่องนี้”
(อ่อ...โอเคค่ะ งั้น...เย็นนี้เจอกัน ฝากบอกน้องแกงให้จ๋าหน่อยสิ...ว่าจ๋าคิดถึงน้องเค้าม๊ากมาก!) เสียงเริงร่าของคนเป็นสายเรียกริมฝีปากของคิมให้เบ้อย่างหมั่นไส้
“ไม่บอกย่ะ เรื่องอะไรฉันจะต้องบอก แต่ถ้าฉันบอก เธอจะยอมไปฮั่นนี่ให้ฉันไหมล่ะ ว่าฉันเองก็คิดถึงเค้าม๊ากมากเหมือนกัน”
(ไม่มีทาง! เชอะ! คุณคิมไม่บอกก็อย่าบอก แค่นี้แหล่ะ ชิ!) แล้วปลายสายก็กดวางไป เรียกรอยยิ้มเล็ก ๆ ให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย
ยัยแสบจ๋าเอ๊ย...
“อายิ้มอะไรอ่ะ ? คุยกะพี่จ๋าไม่ใช่หรอฮะ แล้วยิ้มแบบนี้...ฮั่นแน่~ อย่าบอกนะว่า ที่เห็นทะเลาะ ๆ กันเนี่ย ที่แท้ก็ ‘แอบชอบ’ กันอยู่” แกงส้มเอ่ยแซวคนเป็นอา ก่อนที่เขาจะโดนมะเหงกก้อนโตเขกลงกลางศีรษะอย่างแรง
“กรุณาอย่าพูดอะไรที่เป็นมงคลแก่ชีวิตฉันขนาดนั้น ไป ๆ ขึ้นรถ พูดมากนะแก...ถ้าไม่ติดว่าห้องแกอยู่ตรงข้ามกับห้องฮั่นนี่นะ จ้างให้ฉันก็ไม่ย้ายไปอยู่กับแกหรอก ถึงจะแค่อาทิตย์เดียวก็เถอะ!” คิมว่า ก่อนจะปลดล็อกประตูรถ พลางก้าวเท้าเข้าไปนั่งภายใน แกงส้มรีบเปิดประตูรถไปนั่งข้าง ๆ พลางบ่นอุบอิบพอให้ได้ยินคนเดียวว่า
“เกลียดอะไรเค้าว่าจะได้อย่างนั้น ระวังเถอะอาคิม...!”
“บ่นอะไรไอ้แกง”
“เปล่านะฮะ ไม่ได้บ่นอะไรเลย สักนิ๊ด!”
“ดี...”
แล้วสองคนอาหลานก็ได้ฤกษ์ไปเก็บของกันเสียที
“ไอ้ฮั่น เดี๋ยวแกไม่ต้องไปส่งฉันก็ได้ แต่แกไปช่วยคุณคิมเก็บของที่บ้านดีกว่า” จ๋าว่า ก่อนจะต้องตกใจเมื่อเพื่อนหนุ่มเอามือมาอังที่หน้าผากของเธอ
“เฮ้ย! ทำอะไรของแกเนี่ยไอ้ฮั่น”
“ฉันก็กำลังตรวจดูน่ะสิว่าแกไม่สบายหรือเปล่า ทำไมจู่ ๆ ถึงยอมให้ฉันไปช่วยคิมเก็บของที่บ้าน ปกติแกหวงฉันจะตาย แค่เข้าใกล้คิมไม่ถึงเมตร แกยังจับแยกซะอย่างกับเป็นตัวเชื้อโรค” ฮั่นว่าพลางมองหน้าเพื่อนสาวด้วยใบหน้าที่งง
“ก็พอดีว่าแกไม่ได้ไปอยู่กับคุณคิมแค่สองต่อสองไง มีน้องแกงของฉันไปด้วย เพราะฉะนั้นฉันก็สบายใจได้ว่า...แกจะไม่โดนยัยป้านั่นแทะโลม”
“แกแน่ใจได้ไงวะ ?”
“แกเชื่อฉันดิ เซนส์ฉันมันบอกแบบนั้น” สีหน้าบวกกับท่าทางของคนเป็นเพื่อน ทำให้ฮั่นอดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้
เซนส์ของไอ้จ๋าเนี่ยนะ...ไม่อยากจะบอกว่า ‘ห่วยมาก’
แต่ก็เอาเถอะ ลองเชื่อมันดูสักครั้งก็คงไม่เสียหลาย...
“เออ ๆ ๆ งั้นฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวคลาดกับคิม” พูดจบ ฮั่นก็สตาร์ทรถขับออกไปจากคอนโด ทิ้งให้จ๋ามองตาด้วยสายตาที่มีเลศนัย
“ที่ฉันรู้ว่าแกจะไม่โดนแทะโลม ก็เป็นเพราะว่า...แกจะมีคนคอยขัดอย่างน้องแกงส้มของฉันไง หึ! อย่านึกว่าฉันดูไม่ออกนะว่าพวกแกสองคนมีซัมทิงรองอะไรกัน...แค่ฉันไม่พูด ไม่ได้แปลว่าฉันไม่รู้เว้ย!!!!”
จ๋าพูดตามหลังคนที่ออกรถไปแล้ว ก่อนที่เธอจะเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโด
ปิ๊น ปิ๊น! เสียงแตรที่บีบดังบริเวณหน้าบ้าน เรียกดวงตาของผู้เป็นเจ้าของบ้าน ซึ่งอยู่บนห้องนอนให้แหวกผ้าม่านดู
“ฮั่นนี่ ?”
“อาคิมว่าอะไรนะครับ” ชื่อที่ถูกเอ่ยออกมาเรียกดวงตาของคนที่กำลังพับเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าให้เงยขึ้น
“แกลงไปเปิดประตูให้ฮั่นนี่หน่อยสิ”
“พี่ฮั่นมาหรอครับ”
“อือ..ไปเร็ว ๆ แกงส้ม” เมื่อคนเป็นอาเอ่ยเร่ง แกงส้มก็รีบวิ่งตึงตังลงไปอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวนี้เด็กรับใช้เค้าคัดหน้าตาด้วยหรอเนี่ย” ทันทีที่เปิดประตูรถลงมา ฮั่นก็เอ่ยแซวคนที่ยืนปาดเหงื่อ
“แรงอ่ะ! ใครเป็นเด็กรับใช้ฮะพี่ฮั่น เดี๋ยวเหอะ ๆ”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ เรายืนกันอยู่สองคน ถ้าพี่ไม่ว่าเราเป็นเด็กรับใช้ แล้วพี่จะว่าใครล่ะ ว่าตัวเองหรอ ?”
“ใครจะไปรู้ล่ะฮะ พี่อาจจะว่าตัวเองก็ได้ ว่าแต่เราจะยืนเถียงกันกลางแดดอีกนานไหม ผมร้อนนะ” แกงส้มว่า ก่อนจะเดินนำคนที่มาใหม่ให้เดินตามเขาไป
“คนบ้าอะไรจะว่าตัวเองล่ะแกง พี่ไม่ใช่แกงนะ”
“ฮื้อ! อยู่ดี ๆ พี่มาหาเรื่องผมทำไมเนี่ย” คนที่เดินนำหน้าหันมาโวยวายใส่คนที่เดินตามหลัง โดยที่เขาไม่ได้มองว่าฮั่นนั้นเดินตามเขามาติด ๆ แค่ไหน ทำให้เมื่อเขาหันมาใบหน้าของเขาก็กระแทกไปเต็ม ๆ ปลายคางของคนที่เดินตามมาทันที แรงกระแทกส่งผลให้ร่างของแกงส้มหงายหลังลงไปนั่งจุ้มปุ๊กที่พื้น
“โอ๊ย!”
“เฮ้ย...เป็นไรเปล่าแกง” ฮั่นรีบคุกเข่าลงนั่งตรงข้ามกับคนที่นั่งก้มหน้าทันที มือหนาเชยคางคนที่ก้มหน้าให้เงยขึ้น แล้วเขาก็เห็นว่าจมูกโด่งของคนตรงหน้าเป็นรอยแดงเถือก
“เจ็บมากไหมแกง...”
“ไม่เท่าไหร่ครับ นิดหน่อย ฮ่ะ ๆ”
แม้ปากจะพูดว่าไม่เป็นไร แต่น้ำใสที่ซึมออกมาทางหางตาก็ทำให้ฮั่นรู้ว่าแกงส้มกำลังเจ็บ
พรูด ~
ฮั่นก้มใบหน้าลงไปแล้วเป่าลมเบา ๆ บริเวณรอยแดง
“ไม่เจ็บนะครับคนดี...แค่นี้ไกลหัวใจตั้งเยอะ” คำปลอบโยนแสนหวานที่มาพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น ทำให้คนที่กำลังรู้สึกเจ็บจนน้ำตาเล็ด รู้สึกเขินขึ้นมา
หัวใจเจ้ากรรมก็เต้นรัว (อีกตามเคย) ...
ก็จะไม่ให้ใจเต้นแรงได้อย่างไร อยู่ก็ใกล้กัน...แถมยังมาทำท่าอ่อนโยนแบบนี้อีก
คนนะครับไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่ได้รู้สึกอะไรกับสัมผัสเหล่านี้...
เขินเว้ยเฮ้ย!
“ผมไม่เจ็บแล้วครับ ขอบคุณสำหรับการเป่ามนต์นี้ของพี่นะฮะ” แกงส้มว่า ก่อนจะต้องเบนสายตาหลบดวงตาคมที่มองมา ริมฝีปากสวยของคนพูดเม้มเข้าหากันอย่างต้องการระงับอาการเขินที่ถีบตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ
“อื้อ...ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง เอาล่ะ...ลุกขึ้นได้แล้วครับคนเก่ง” ฮั่นว่า ก่อนที่เขาจะยืดตัวเต็มความสูง พลางยื่นมือไปให้คนที่เงยหน้ามามอง
แกงส้มแสดงท่าทีลังเล ฮั่นเห็นดังนั้นจึงก้มตัวลงไปแล้วฉุดข้อศอกของคนเป็นน้องให้ลุกขึ้น แกงส้มจึงยอมลุกตามแรงฉุดนั้น
การกระทำของคนสองคนถูกเก็บบันทึกไว้ในเมมโมรี่สมองของคนที่ยืนมองจากบันได
“หึ ๆ ไอ้แกงส้ม...แกจะมาแย่งฮั่นนี่ที่รักของฉันหรอ...ชิ! แล้วฮั่นนี่ก็นะ...จะมองไอ้หลานตัวดีของฉันหวานไปไหน โว้ย! แต่ไม่เป็นไร สาววายอย่างฉันโอเคนะ ถ้าเป็นสองคนนี้...ไม่อยากจะเชื่อว่ายัยจ๋าจะเซนส์แม่น ชิชะ!”
“อะแฮ่ม! ไม่ทราบจะมาช่วยเก็บของหรือว่าจะมาทำอะไรกัน ทำไมไม่เห็นขึ้นไปสักที รอนานแล้วนะ” คิมว่า ก่อนจะส่งยิ้มหวานแบบเย็น ๆ ไปให้คนสองคนที่ตอนนี้ผละออกจากกันแล้ว
“เอ่อ...งั้นผมไปช่วยอาพับเสื้อผ้าต่อดีกว่า”
“เดี๋ยวแกง...อาว่า...เรากับฮั่นขนของอาบางส่วนไปเลยดีกว่า เพราะว่าตอนนี้อาก็เหลือแต่พับเสื้อผ้าอย่างเดียว มันจะได้ไม่เสียเวลาไง”
“อืม...ผมว่าความคิดของคิมก็ดีนะ งั้นเราขึ้นไปขนของกันเลยดีกว่า” พูดจบ ฮั่นก็เดินไปที่บันได โดยมีร่างของแกงส้มเดินตามต้อย ๆ คิมเห็นแบบนั้นแล้วก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
ไม่อยากอยู่กับฉัน ก็ไม่ต้องแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นก็ได้นะฮั่นนี่...หมั่นไส้!
เธอส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามคนสองคนที่เดินนำขึ้นไป
“ทำไมจู่ ๆ พ่อเราถึงได้ลงมาจากเชียงใหม่ล่ะ ?” เมื่ออยู่กันตามลำพังภายในห้องพักของแกงส้ม ฮั่นก็เอ่ยถามคนที่ลากกระเป๋าใบใหญ่ไปวางไว้ที่มุมห้อง
“คงมาเรื่องแฟนผมมั้งครับ”
“แฟน ?”
“ครับ...คือเมื่อหลายวันก่อน ป๊าเค้าไปได้ข่าวว่าลูกชายบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ เค้ามีแฟนเป็นตัวเป็นตนมาอวดพ่อแม่ที่บ้าน ป๊าเค้าก็เลยอยากให้ผมมีบ้าง แล้วผมก็ดันไปโกหกเค้าไว้ว่าผมมีแฟนแล้ว และถ้าเค้าลงมากรุงเทพเมื่อไหร่จะเอาแฟนมาอวด...ซึ่งนั้นเป็นการพูดที่ฆ่าตัวเองชัด ๆ เพราะผมยังไม่มีแฟนที่ว่านั่น”
แกงส้มพูดออกมายืดยาว พลางทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาสีขาวตัวใหญ่ ร่างสูงที่เดินมานั่งข้าง ๆ ยกมือขึ้นมาตบไหล่ของแกงส้มเบา ๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ
“ก็ถ้าพ่อเรามา ก็บอกท่านไปตรง ๆ สิว่ายังไม่มีแฟน และการไม่มีแฟนก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย คนบนโลกนี้ไม่มีแฟนอีกตั้งเยอะตั้งแยะนะ”
“คือกับพ่อคนอื่น เค้าคงเข้าใจอ่ะพี่ฮั่น แต่กับพ่อผมเนี่ย...มันไม่ใช่แบบนั้นครับ”
“หืม...ไม่ใช่แบบนั้นแล้วแบบไหนอ่ะ ?” ฮั่นถามพลางขมวดคิ้วหนาอย่างสงสัย
“คือป๊าเค้าเป็นคนที่กลัวว่าลูกตัวเองจะขาดคนดูแลน่ะครับ เค้าก็จะเป็นห่วงผมตลอดว่าผมจะอยู่ได้ไหม มีใครดูแลหรือเปล่า แล้วการมีแฟนก็คือการที่ผมมีคนดูแล ผมจึงไม่กล้าบอกป๊าไปว่าผมย้ายออกมาอยู่คอนโดคนเดียว เพราะถ้าผมบอกไปแบบนั้น ผมคงโดนป๊าลากกลับไปอยู่ที่บ้านด้วยแน่ ๆ”
“ถ้างั้นนายก็หาแฟนปลอม ๆ สักคนสิ”
“พูดอย่างกับแฟนมันหาง่ายอย่างนั้นแหล่ะพี่ฮั่น” แกงส้มว่าก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“เดี๋ยวให้ยืมไอ้จ๋าก็ได้ รายนั้นไม่ต้องขอร้อง มันก็พร้อมจะเป็นแฟนเรานะ”
“ไม่เอาอ่ะพี่ฮั่น พี่จ๋าอายุมากไป ป๊าไม่เชื่อหรอก” จบคำพูดของแกงส้ม ฮั่นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาชุดใหญ่
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ นี่ถ้าไอ้จ๋ามาได้ยินเราบอกว่ามันแก่นะ มันคงจะเคืองเราน่าดู”
“ผมไม่ได้พูดว่าพี่จ๋าเค้าแก่นะพี่ฮั่น ผมแค่พูดว่าเค้าอายุมากเฉย ๆ”
“แล้วมันต่างกันตรงไหน ?”
“นี่เรากำลังคุยกันผิดประเด็นหรือเปล่าเนี่ยพี่ฮั่น!” เมื่อผมเห็นว่าเราเริ่มจะคุยกันนอกประเด็น ผมก็ลากพี่ฮั่นให้กลับมาคุยเรื่องประเด็นเดิม...คือเรื่อง ‘แฟนของผม’...
“ฮ่า ๆ ๆ โอเค ๆ กลับมาก็กลับมา ถ้าไม่เอาไอ้จ๋า งั้นก็หมิวแล้วกัน...รายนั้นถึงจะอินดี้ไปหน่อย แต่ก็โอเคนะ”
“ไม่เอาอ่ะพี่ฮั่น ผมว่าป๊าไม่เชื่อหรอก ว่าผมกับหมิวเป็นแฟนกันจริง ๆ อีกอย่าง...หมิวคงจะยอมร่วมวงโกหกกับผมอยู่หรอกนะ อินดี้ขนาดนั้น แถมรู้สึกว่าหมิวกับพี่โน่จะมีซัมติงอะไรกันอยู่ด้วย ผมไม่อยากมีปัญหากับพี่โน่อ่ะ” แกงส้มว่า ก่อนจะทำปากจู๋อย่างคิดไม่ตก
“ไอ้หมิวไม่เอาอีก...งั้นน้องฟลุ๊คไหม ? น่ารักไปอีกแบบนะ”
“ฟลุ๊ค...? อ๋อ...คนที่ใส่แว่นสีเหลืองอ่ะหรอครับ”
“อื้ม คนนั้นแหล่ะ โอเคไหม ?”
“ก็โอเคอยู่นะพี่ แต่ว่า...ฟลุ๊คดูเด็กเรียน เรียบร้อยไป ผมว่า...ป๊าคงไม่เชื่อหรอกว่าแฟนผมจะเด็กเรียนขนาดนั้น” เมื่อแกงส้มพูดจบ ฮั่นก็กลายเป็นฝ่ายที่ถอนหายใจออกมาแทน
คนนู้นก็ไม่ดี คนนี้ก็ไม่เอา...ทำไมเอาใจยากจังวะ!
“งั้นก็เหลือคนสุดท้ายแล้วนะที่พี่รู้จัก...น้องปันปันเพื่อนน้องฟลุ๊ค”
“ปันปัน...โห...คนนั้นดูท่าทางนิ่ง ๆ อ่ะพี่ฮั่น ผมว่า...”
“พอแล้วแกง เลิกหาเหตุผลมาปฏิเสธสักที สรุปว่าเราไม่เอาคนที่พี่เสนอทั้งนั้นสินะ!” ฮั่นว่า ก่อนจะพิงหลังไปที่โซฟาอย่างนึกเคืองคนที่นั่งข้าง ๆ
อุตส่าห์คิดหาทางช่วย พ่อคุณก็เล่นปฏิเสธแทบจะทุกทางเลย...ไม่ช่วยแล้วเว้ย!
“ก็คนที่พี่เสนอมันไม่เวิร์กนี่นา...” แกงส้มว่าก่อนจะหันไปมองหน้าคนที่นั่งทำหน้าเหมือนจะงอน
“อือ...งั้นก็ตามใจเราแล้วกัน”
“นี่งอนผมป่ะเนี่ย” แกงส้มพลางเขยิบไปนั่งใกล้ฮั่นมากขึ้น ก่อนจะเอียงคอถามแล้วเอานิ้วเรียวไปจิ้มที่แก้มใสของคนที่นั่งทำหน้านิ่ง
“งอนอะไร ทำไมพี่ต้องงอนด้วยล่ะ”
คนไม่งอนพูดโดยที่ไม่ยอมมองหน้าคนที่เอานิ้วมาจิ้มแก้ม
“ถ้าไม่งอน แล้วทำไมไม่หันมามองหน้าผมอ่ะ” แกงส้มถามพลางออกแรงจิ้มที่แก้มฮั่นแรงขึ้น
“ไม่อยากมอง”
“ใจร้าย!”
“ก็เราอยากมาใจร้ายโดยการไม่รับความช่วยเหลือของพี่ก่อนทำไมล่ะ” คราวนี้คนพูดยอมหันมามองหน้าแกงส้ม พลางส่งสายตาตัดพ้อ
“ผมไม่ได้ไม่รับความช่วยเหลือจากพี่นะพี่ฮั่น แต่ความช่วยเหลือของพี่มันช่วยอะไรผมไม่ได้ต่างหาก” พูดจบ แกงส้มก็ส่งยิ้มหวานไปให้คนที่นั่งข้าง ๆ
หวังว่ารอยยิ้มของเขาจะทำให้คนที่งอน...หายงอนนะ...
“...”
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล เพราะฮั่นยังคงนั่งเงียบเฉย
“พี่ฮั่น...”
“...”
“พี่ฮั่นครับ...”
“...”
“นี่งอนผมจริง ๆ หรอเนี่ย...โอเค ๆ ๆ ผมจะยอมเลือกสักคนที่พี่ว่ามาเป็นแฟนปลอม ๆ แล้วกัน”
“ดีมาก...ถ้างั้นก็เลือกมาเลย”
แล้วคนที่นั่งเงียบ ก็ยอมปริปากพูดออกมา แกงส้มเห็นแบบนั้นก็อดที่จะเอาหมอนอิงที่วางอยู่ข้างตัวไปฟาดคนที่หายงอนไม่ได้
“โอ๊ย! เจ็บนะแกง”
“เจ็บหรอ...งั้นโดนอีกหลาย ๆ ทีเลย นี่แน่ะ ๆ ๆ “
ฮั่นเมื่อโดนประทุษร้ายด้วยหมอน เขาก็คว้าหมอนที่อยู่ข้างตัวเขาขึ้นมาบ้าง
จากนั้นสงครามหมอนก็เริ่มต้นขึ้น...
และในขณะนั้นเอง...
“แกงส้มลูกรักของป๊า อยู่ไหนเอ่ย...เฮ้ยยยยยยยยย!”
บุคคลที่สามซึ่งมาใหม่ก็เปิดประตูเข้ามา...คนเป็นพ่อตกใจกับภาพที่ลูกชายของเขากำลังเล่นตีหมอนกับผู้ชายตัวโตอีกคนเป็นอย่างมากจนต้องร้องอุทานออกมาเสียงดังลั่น ทางด้านแกงส้มกับฮั่นเมื่อได้ยินเสียงอุทานของผู้มาเยือน คนสองคนก็ตกใจปล่อยหมอนที่มือทันที
“ป๊า!”
“แกงส้ม...อย่าบอกนะว่าแฟนที่เราบอกป๊าว่ามีแล้ว คือไอ้หมอนี่!?!”
“คือป๊า...ไม่ใช่นะฮะ พี่ฮั่นไม่ใช่แฟนผม” แกงส้มรีบปฏิเสธ แต่ดูเหมือนว่าผู้เป็นพ่อจะไม่เชื่อสิ่งที่ลูกชายของตัวเองบอก
ภาพที่เขาเห็นเมื่อสักครู่นี้รวมทั้งบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นบางอย่าง ทำให้คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานรู้สึกได้ถึง ‘ความรู้สึกพิเศษ’ ของสองคนนี้!
“ไม่ใช่แฟน...แต่อยู่ในห้องด้วยกันสองคน แถมยังนั่งเล่นกันแบบนี้อีก...”
“ป๊า...ผมอธิบายได้นะ”
“ใช่ครับ...เราเป็น ‘แฟนกัน’...”
จบคำพูดของฮั่น แกงส้มก็หันไปมองคนพูดตาแทบถลน
ไอ้พี่ฮั่นพูดบ้าอะไรวะเนี่ย...
แล้วนั่น...ทำไมป๊าถึงยิ้มล่ะ ?
“แมนดีมาก งั้นแสดงว่าเราคงมีเรื่องต้องคุยกันยาวสินะ...” พูดจบ คนพูดก็เดินมานั่งที่โซฟา โดยมีร่างสูงของฮั่นที่เดินไปหยิบกระเป๋าจากมือผู้สูงวัยกว่าเดินตามหลัง เมื่อเดินผ่านแกงส้ม ฮั่นก็ขยิบตาเป็นเชิงส่งสัญญาณ
“เอ่อ...ป๊าคือว่า...”
“คบกันมานานแค่ไหนแล้ว ?”
ยังไม่ทันที่แกงส้มจะได้พูด คนเป็นพ่อก็แทรกถามขึ้นมา คนโดนถามนั่งนิ่งไปเพราะยังไม่ได้เตรียมข้อมูลเอาไว้ หากแต่คนที่เดินมานั่งข้าง ๆ ก็ชิงตอบขึ้นมา
“เพิ่งเริ่มคบกันในฐานะแฟนเมื่อไม่กี่วันมานี้ครับ แต่เรารู้จักกันมานานแล้วฮะ”
“อย่างนั้นหรอ...แล้วห้องนี้อยู่ด้วยกันหรือเปล่า”
“เปล่าครับ ห้องนี้แกงอยู่คนเดียว ส่วนผมอยู่ห้องตรงข้ามน้องครับ” ฮั่นตอบตามความเป็นจริงไป ทำให้แกงส้มอยากจะอ้าปากเถียง แต่เมื่อเห็นดวงตาคมมองสบมาเป็นเชิงบอกให้เงียบ เขาจึงยอมเงียบฟัง
ดูสิ...พี่ฮั่นจะไหลไปได้แค่ไหน...!
“แล้วนี่ข้าวของใครล่ะ ?”
“ของอาคิมฮะ พอดีว่า...อาคิมเค้าคิดถึงป๊าก็เลยจะมานอนค้างด้วยน่ะครับ” คราวนี้แกงส้มเป็นคนตอบบ้าง คนเป็นพ่อพนักหน้านิดหน่อยเป็นเชิงว่ารับรู้ ก่อนจะหันหน้าไปมองคนที่บอกว่าเป็นแฟนลูกชายเขา
“แล้วเราทำงานอะไร”
“เป็นเชฟอาหารอิตาเลี่ยนที่ร้านคิมครับ”
“อืม...”
รับคำเพียงสั้น ๆ สายตาของผู้สูงวัยก็มองชายหนุ่มหน้าคมตั้งแต่ศีรษะไล่ลงมาจนถึงปลายเท้า แม้เขาจะรู้สึกได้ว่าสองคนนี้มีอะไรบางอย่างที่พิเศษต่อกัน และเขาก็รู้ว่าคน ๆ นี้กำลังโกหกเรื่องเป็นแฟนกับแกงส้มอยู่ แต่เขาก็รู้สึกดีที่แกงส้มมีคนคอยดูแลแล้ว...แม้จะเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก แต่สายตาที่ผู้ชายคนนี้มองลูกของเขา มันทำให้เขารู้ว่า...
แกงส้มมีคนที่คอยดูแลแล้วจริง ๆ
“เอ่อป๊า...ป๊าไม่ว่าหรอ ที่ผมมีแฟนเป็นผู้ชาย” แกงส้มอดที่จะถามคนเป็นพ่อไม่ได้ เมื่อเห็นว่าท่านไม่มีท่าทีโวยวาย
เอ๊ะ! หรือว่าพ่อเขาจะเป็นหนุ่มวาย...บ้าหรอไอ้แกงส้ม! คิดบ้าอะไรของแกเนี่ย!!!!
“ป๊าเคยบอกแกงว่าไง...จำไม่ได้หรอ...ป๊าเคยบอกว่า ไม่ว่าแกงส้มจะมีแฟนเป็นใคร แต่ขอแค่เค้าดูแลแกงส้มของป๊าได้ และไม่ทำให้แกงส้มต้องเสียใจ แค่นั้นก็พอแล้ว...อืม...ถ้าอย่างนั้น...ห้องป๊าอยู่ไหน ป๊าจะไปนอนพักผ่อนแล้ว ขับรถมาไกล เหนื่อย...”
“ทางนี้ครับ ผมจัดห้องไว้ให้แล้ว” พูดจบ แกงส้มก็ลุกขึ้นยืน พลางชี้มือไปทางห้องนอนที่อยู่ถัดจากห้องนี้ไป ผู้เป็นพ่อพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่เขาจะเดินไปยังห้องนั้น
เมื่อคนเป็นพ่อเดินเข้าห้องนอนไปแล้ว แกงส้มก็หันมาถลึงตาใส่คนที่นั่งอมยิ้มทันที
“พี่คิดอะไรของพี่เนี่ยพี่ฮั่น ไหนบอกว่าให้ผมเลือกสี่สาวนั่นไง ไหงสุดท้ายกลายมาเป็นพี่วะ”
“ก็ตอนแรกพี่ก็ว่าจะบอกว่าเป็นคนใดคนหนึ่งในสี่สาวอ่ะ แต่พอดีเห็นสายตาป๊าแกงแล้ว...ขืนโกหกแบบด้นสดโดยมีคนอื่นมาร่วมด้วย เกรงว่าจะไม่เนียนเท่ากับการด้นสดโดยมีแค่ตัวเองอ่ะ” ฮั่นตอบก่อนจะต้องหลบมือบางที่ฟาดมาที่ไหล่
“พี่นี่มัน...ฮึ่ย!”
“เอาน่าแกง...ยังไงแกงก็รอดตัวไปแล้วไง”
“พี่ยังรู้จักป๊าผมไม่ดีพอ คอยดูเถอะ...ชีวิตต่อจากนี้พี่วุ่นวายไม่หยุดแน่ ว่าแต่อาคิมยังไม่มาเลย รู้มั่งไหมเนี่ยว่าแผนมันเปลี่ยนไปแล้ว!”
“แผนเปลี่ยนอะไรหรอไอ้แกง” แล้วคนที่ถูกพูดถึงก็โผล่มา แกงส้มแทบอยากจะกระโดดไปขย้ำคนที่เพิ่งมานัก
“อารู้ไหมเนี่ยว่าป๊ามาแล้วนะ”
“เฮ้ย! จริงดิ แล้วอะไรยังไงวะ ?”
“เอาเป็นว่า...ป๊าเค้ารู้แล้วว่าผมอยู่คนเดียว และเค้าก็คิดว่าผมกับพี่ฮั่นเป็นแฟนกันด้วย” จบคำพูดของแกงส้ม คิมแทบจะกรี๊ดออกมาเดี๋ยวนั้น ดีที่หญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดปากกันไว้เสียก่อน
อ๊าย...ออกตัวแรงมากคู่นี้!
“แล้วพี่หนูไม่ว่าอะไร ?”
“ครับ...ไม่ว่า...เฮ้อ...อาเอาของไปเก็บในห้องเหอะ เดี๋ยวผมขอตกลงอะไรกับพี่ฮั่นก่อน”
“อืม ๆ” รับคำสั้น ๆ คิมก็ลากกระเป๋าเสื้อผ้าตัวเองเข้าห้องนอนไป ทิ้งให้คนสองคนยืนมองหน้ากัน
ต้องมีเรื่องให้วุ่นวายตามมาอีกเพียบแน่ ๆ จริงสิ...
ถ้าป๊ามาอยู่ด้วย แล้วเขาจะเอาเวลาที่ไหนไปส่งจดหมายหาพี่หมีล่ะ!?! เวลาไปทำงานป๊าก็คงจะตามไป เวลากลับก็คงจะกลับด้วยกันอีก เวรแล้ว...
แต่เอ...เดี๋ยวก่อนนะ...เราบอกว่าเรามีภารกิจจับผิดหมีนี่นา ทำไมเราไม่ใช้โอกาสนี้หาเรื่องจับความจริงเสียเลยล่ะ...หึ ๆ แกงส้มคิดอะไรดีออกแล้ว
“แกง...”
“ครับ ?”
“เป็นแฟนกันแล้วนะ...” ถ้อยคำสั้น ๆ ที่มาพร้อมกับอาการเกาท้ายทอยของคนพูด ทำให้แกงส้มต้องรู้สึกเขินตามขึ้นมา
“อื้อ...ผมรู้แล้ว”
“ถ้างั้น...เอาเบอร์แกงมาสิ...”
“แค่แฟนปลอม ๆ ต้องมีเบอร์ไปทำไมพี่ฮั่น” ถามทั้ง ๆ ที่กำลังล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อควานหาโทรศัพท์
“ก็ถ้าไม่มีเบอร์กัน...แล้วเกิดพ่อแกงสงสัยหยิบโทรศัพท์แกงไปดู ไม่มีข้อความหรือแม้แต่สายที่เราโทรหากันเลย พ่อจะไม่สงสัยหรอ ?” คำตอบของฮั่นทำให้แกงส้มรีบส่งโทรศัพท์ไปให้คนที่ยืนแบมือรอ
ไม่ถึง 3 นาที โทรศัพท์เครื่องเดิมก็ถูกส่งมาหาคนเป็นเจ้าของ
“พี่เมมเบอร์พี่ไว้ให้แกงเรียบร้อยแล้ว ถ้ายังไง...เดี๋ยวไว้พี่จะโทรหาเรานะ พี่ไปร้านก่อน”
“ครับ...เดินทางดี ๆ ฮะ”
ร่างสูงหันมาโบกมือลาคนเป็นน้องที่ซึ่งบัดนี้กลายเป็นแฟนไปแล้ว (แฟนปลอม ๆ) ส่วนคนหน้าหวานที่ยืนมองตามร่างสูงไป ก็ทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา พลางครุ่นคิดไปถึงแผนการที่เขาแอบวางไว้ในใจ
แผนการเกี่ยวกับภารกิจจับผิดหมี...
โดยแผนการที่เขาวางไว้ก็คือ...เขาจะเขียนจดหมายฉบับล่าสุดไปหาพี่หมี โดยมีใจความในจดหมายว่า เขาจะขอไม่มารับ-ส่งจดหมายกับพี่หมีหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ แต่จะให้เราสองคนเขียนจดหมายเล่าเรื่องเกี่ยวกับชีวิตประจำวันที่เราพบเจอแทน แล้วรวบรวมนำมาส่งให้กัน (แบบเห็นตัว) ในวันที่ 8...
แน่นอนว่าถ้าถึงวันนั้น...เขาก็จะได้รู้ความจริงแล้วว่าพี่หมีกับพี่ฮั่นเป็นคนเดียวกันไหม...
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องรอให้ครบอาทิตย์หนึ่งด้วย...นั่นเป็นเพราะว่าเขาอยากจะทำความรู้จักกับพี่ฮั่นตัวจริง ๆ ให้มากกว่านี้ รวมทั้งเขาเองก็อยากจะรู้จักกับพี่หมีในจดหมายให้มากกว่านี้เช่นกัน (แม้คนในจดหมายจะแอบได้รู้จักก็ต่อเมื่อได้รู้ความจริงแล้วก็ตาม)
ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นแบบค่อยเป็นค่อยไปมาโดยตลอด แกงส้มก็อยากจะให้มันเป็นแบบนั้น...เขาไม่เคยเบื่อจะต้องมีเกิดความคลุมเครือไม่แน่ใจแบบนี้...
ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะเบื่อก็ได้นะ...
แต่การที่เราจะทำความรู้จักกับใครสักคน เราก็อยากจะรู้จักเขาในหลากหลายแง่มุม
อยากรู้จักเขาให้ลึกซึ้งในทุก ๆ ด้าน...
เพราะว่าเขาคือ ‘คนที่พิเศษ’...เราจึงต้องรู้จักเขาให้มาก
และสำหรับคนพิเศษของเขาอย่างพี่หมีหรือพี่ฮั่น...เขาก็อยากจะทำความรู้จักให้มากกว่านี้...
สุดท้ายแกงส้มก็ตัดสินใจเดินเข้าห้องนอนไปหยิบกระดาษเขียนจดหมายและซองจดหมายออกมาจากลิ้นชัก ก่อนที่เขาจะจรดปากกาลงไปที่กระดาษแผ่นนั้น
ถึง พี่หมี
เสียดายจัง ไม่ได้กินแกงเขียวหวานของพี่ แต่ผมจะบอกว่า...ผมได้กินแกงเขียวหวานจากคนอื่นนะครับ ซึ่งคนอื่นที่ว่า...จริง ๆ แล้วไม่ใช่คนอื่นหรอกครับ แต่เขาคือคนพิเศษที่ผมเคยบอกว่าจะเล่าให้พี่ฟังไงครับ!
เขาคนนี้เป็นเชฟเหมือนกับพี่ครับ...ทำอาหารเก่งมากกกกกกกกก แถมยังอร่อยด้วย!
เขาชอบแกล้งผมประจำเลยครับ ไม่รู้ทำไม...สงสัยจะโรคจิต!
แต่ผมก็หัวเราะได้และยิ้มได้ทุกทีที่เขาแกล้งนะครับ (แอบไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน...หรือว่าผมจะโรคจิตตามเขาไปแล้วนะ) ฮ่า ๆ ๆ ๆ
ที่พี่บอกผมว่าการที่เราเขียนจดหมายถึงกันแล้วมีเขาคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องและจะทำให้ผมรู้สึกไม่ดีนั้น พี่ไม่ต้องคิดมากเลยฮะ...
ผมว่าจริง ๆ แล้วการเขียนจดหมายของเรามันหมายถึงการที่เราเล่าทุก ๆ อย่างที่เรากำลังรู้สึกและพบเจอมาเพื่อเป็นการระบายถึงสิ่งที่เราคิดและอยู่ภายในหัวใจ
เพราะฉะนั้นพี่ไม่ต้องกลัวว่าผมจะคิดมากเลยครับ ผมชิลด์มาก!
ผมรู้สึกดีเสียอีกที่พี่ยอมเล่าทุกอย่างให้ผมฟัง...เฮ้อ...ผมมีความสุขจังเลยครับที่พี่ไว้ใจผมขนาดนี้
มันรู้สึกดีจนบอกไม่ถูกอ่ะพี่หมี ><
เพลงของเรามันเพราะจริง ๆ เนอะ...ผมเคยบอกพี่หรือเปล่าครับว่าบทเพลงที่ไพเราะที่สุด ก็คือบทเพลงที่เราเขียนขึ้นมาเองจากความรู้สึกของเรา...และเพลงของเราเพลงนี้มันก็คือเพลงที่ไพเราะสุด ๆ ไปเลยครับ...เดี๋ยวเรามาเขียนเพลงของเรากันอีกนะพี่หมี
พี่หมีครับ...ผมมีอะไรสนุก ๆ มาให้พี่ทำแหล่ะ...
ผมจะขอไม่มารับ-ส่งจดหมายกับพี่หมีหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ นะครับ แต่เราสองคนเขียนจดหมายเล่าเรื่องเกี่ยวกับชีวิตประจำวันที่เราพบเจอแล้วเก็บไว้ก่อนแทน จากนั้นเราก็รวบรวมนำมาส่งให้กัน (แบบเห็นตัว) ในวันที่ 8...ของการเขียนจดหมาย...ที่ร้าน ‘แบ่งปัน’...
ร้านที่เป็น ‘จุดเริ่มต้น’ ความสัมพันธ์ของเราสองคน...
ถ้าพี่ตกลงตามนี้...บอกพี่ป๊อกไว้เลยนะครับ
แต่ถ้าพี่ไม่ตกลง...ผมก็อยากจะให้พี่ตกลงอยู่ดี (ผมรู้ว่าพี่ต้องตกลงอยู่แล้ว)
ถ้าอย่างนั้น...วันนี้ผมขอเขียนแค่นี้นะครับ...
อ๊ะ! เหมือนผมจะรู้สึกนิด ๆ นะครับว่าพี่คือใคร (ในชีวิตจริง)
หวังว่าจดหมายฉบับนี้จะทำให้พี่พอรู้สึกนิด ๆ เหมือนผมนะครับว่าผมคือใคร (ในชีวิตจริง)
จาก น้องเคเอส
ปล.ไม่ว่าจะวันไหน...พี่ก็คือ ‘คนพิเศษของผม’ ครับ...ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะครับ อย่าหักโหมทำนู่นทำนี่มาก จนลืมดูแลตัวเอง แล้วอย่าไปหวั่นไหวหรือหนีไปขอใครเป็นแฟนนะครับ...
เมื่อเขียนเสร็จ แกงส้มก็อ่านทวนอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะผุดรอยยิ้มขึ้นมา...รอยยิ้มที่ทำให้เจ้าตัวรู้สึกได้เลยว่า...นับจากวันนี้ไปเขาคงจะได้เจอแต่เรื่องสนุก ๆ
ความผูกพันที่เขามีกับทั้งคนในจดหมายและคนในชีวิตจริง กำลังจะทำให้เขาไม่สามารถถอนหัวใจออกไปจากสองคนนี้ได้แล้ว...
ไม่สิ...ไม่ใช่สองคน แต่อาจจะเป็นคนเดียว...คนเดียวที่ทำให้เขาต้องอมยิ้มทุกครั้งที่นึกถึง
“อยากจะรู้นักว่าถ้าพี่หมีได้รับจดหมาย...เขาจะสงสัยอะไรบ้างไหมนะ...”
ความคิดของคนเราล้วนแล้วแต่ไม่เหมือนกันทั้งสิ้น สิ่งที่เราคิดกับสิ่งที่คนอื่นคิด น้อยนักที่จะตรงกัน และถึงจะตรงกันแต่ความหมายอาจจะคนละอย่างกันก็ได้ เพราะฉะนั้น...อย่าดูถูกความคิดของใคร หรือบอกว่าความคิดของใครถูกหรือผิด เพราะไม่มีความคิดของใครที่ถูกที่สุดหรือผิดที่สุด...มีแต่ความคิดที่เป็นของเราและของใคร...เท่านั้นเอง
//อยากบอกว่าเค้าขัดใจคนอ่านอีกแล้ว...ทั้ง ๆ ที่บอกว่าจะให้เจอกันแล้วแท้ ๆ แต่เค้าก็ยังเลือกที่จะยืดเวลาการเจอกันออกไปอีก...คนอ่านคงเริ่มเซ็งและอาจจะเบื่อที่จะอ่านแล้ว...แต่เค้าก็ยังยืนยันที่จะเขียนแบบนี้นะคะ (ไม่ได้อินดี้แบบไม่ฟังใคร) แต่แค่มันเป็นความคิดของเค้าที่อยากจะเขียนมาในทำนองนี้
ความสุขของเค้าคือการทำให้คนสองคนรักในตัวอักษรของกันและกันรวมทั้งรักกันในตัวจริง ๆ ด้วย...เหมือนกับที่เขาพยายามจะทำให้คนอ่านรักในฟิคเรื่องนี้...
ขอบคุณทุกการอ่าน ทุกคอมเม้นดี ๆ ขอบคุณจริง ๆ นะคะ...เค้าไม่คิดว่าจะมีคนอ่านแล้วชอบขนาดนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ดีจริง ๆ นะคะ ยิ่งได้อ่านเม้นของทุกคนซ้ำไปซ้ำมา เค้าก็ปลื้มจนหุบยิ้มไม่ได้...
ไม่ใช่แค่คนอ่านที่ติดฟิคเรื่องนี้ แต่เค้าก็ติดที่จะเขียนฟิคเรื่องนี้เช่นกันค่ะ...
ใจจริงอยากจะเขียนสัก 40 ตอน ,, แต่ไม่รู้ว่าคนอ่านจะเบื่อก่อนจะถึงตอนนั้นหรือเปล่าน่ะสิคะ ฮ่ะๆ
วันนี้แค่นี้ก่อนเนอะ ดึกมากแล้ว ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ^^
ปล.ขอโทษที่ผิดสัญญาไม่ไปอัพเรื่องสั้น...T^T...อ่านเรื่องยาวไปพลาง ๆ ก่อนนะคะ แหะๆ
ปล.อีกที,,,หากมีคำผิดต้องขออภัยนะคะ ~
ความคิดเห็น