ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Letter #เพราะโลกนี้มี 'นาย' [FIC HKS]

    ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ 12 : การมาของ ‘ป๊ะป๋า’

    • อัปเดตล่าสุด 29 ส.ค. 55


     

    บทเพลงที่ 12 : การมาของ ป๊ะป๋า

                เมื่อวางโทรศัพท์จากบิดา แกงส้มก็รีบไปหาคนเป็นอาที่ร้านอาหารทันที

                ถ้าป๊าจะมาแบบรวดเร็วทันใจอย่างนี้ โดยไม่ให้เตรียมตัว แสดงว่าป๊า...จะต้องมีเรื่องอะไรมาทำให้เขาต้องปั่นป่วนแน่ ๆ

                คิดได้แบบนี้ ขายาวก็ยิ่งก้าวเร็วขึ้นไปอีก...ทุกวินาทีช่างมีค่านัก!

                อาคิมมมมมมมมมมมมมมมม เมื่อก้าวเท้าเข้ามาในร้าน แกงส้มก็ตะโกนเรียกคนเป็นอาเสียงดังลั่นร้าน โดยไม่สนใจสายตาของพนักงานในร้านที่มองมาสักนิด

                แคร์ทำไม...ครึ่งหนึ่งของร้านนี้ก็เป็นของเขา (เกรียนสุด ๆ ไปเลยไอ้แกงส้มเอ๊ย!)

                ไอ้แกง แกจะตะโกนเรียกฉันเสียงดังเพื่อ ?

                อารีบไปเก็บข้าวของอาย้ายมาที่ห้องผมด่วนเลย ตอนนี้ป๊าขับรถออกจากบ้านแล้ว อีกไม่ถึง 8 ชั่วโมงจะมาถึงห้องของผม

                เฮ้ย! ไหนโน่มันบอกว่าพี่หนูจะมาพรุ่งนี้ไง ???? คิมตกใจทันทีที่ได้ยินสิ่งที่แกงส้มพูด

                ผมว่าป๊าต้องมีอะไรแน่ ๆ เลย เล่นมาแบบเปลี่ยนเวลาแบบนี้อ่ะ!”

                อืม...ก็คงจะอย่างนั้นแหล่ะ งั้นเดี๋ยวอาขับรถไปเอาของที่บ้านเลยแล้วกัน ดีนะที่อาเก็บของบางส่วนไปบ้างแล้ว คิมว่า ก่อนจะกวักมือเรียกพนักงานในร้านให้เดินมาหาเธอ

                เดี๋ยวถ้าคุณจ๋ามา บอกเค้าด้วยว่าฉันไปเก็บของที่ห้อง คงจะเข้ามาอีกทีเย็น ๆ เลย ฝากให้เค้าดูแลร้านให้ดี ๆ ด้วย

                ครับคุณคิม

                แล้วคิมก็เดินนำคนเป็นหลานให้ไปยังลานจอดรถบริเวณหน้าร้านของตัวเอง เมื่อเดินมาถึงที่รถ โทรศัพท์มือถือของเธอก็แผดเสียงดังลั่น พอหยิบมาดูชื่อคนโทรเข้าก็ปรากฏว่าเป็นคนคุ้นเคย (?)

                ว่าไงยัยจ๋า

                (คุณคิม...ตกลงเรื่องฮั่นแกง คุณว่ายังไงเนี่ย)

                ฉันไม่สะดวกคุยตอนนี้ ต้องไปย้ายของที่บ้านมาอยู่ห้องแกงส้ม เอาไว้ตอนเย็น ๆ ค่อยคุยกันเรื่องนี้

                (อ่อ...โอเคค่ะ งั้น...เย็นนี้เจอกัน ฝากบอกน้องแกงให้จ๋าหน่อยสิ...ว่าจ๋าคิดถึงน้องเค้าม๊ากมาก!) เสียงเริงร่าของคนเป็นสายเรียกริมฝีปากของคิมให้เบ้อย่างหมั่นไส้

                ไม่บอกย่ะ เรื่องอะไรฉันจะต้องบอก แต่ถ้าฉันบอก เธอจะยอมไปฮั่นนี่ให้ฉันไหมล่ะ ว่าฉันเองก็คิดถึงเค้าม๊ากมากเหมือนกัน

                (ไม่มีทาง! เชอะ! คุณคิมไม่บอกก็อย่าบอก แค่นี้แหล่ะ ชิ!) แล้วปลายสายก็กดวางไป เรียกรอยยิ้มเล็ก ๆ ให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย

                ยัยแสบจ๋าเอ๊ย...

                อายิ้มอะไรอ่ะ ? คุยกะพี่จ๋าไม่ใช่หรอฮะ แล้วยิ้มแบบนี้...ฮั่นแน่~ อย่าบอกนะว่า ที่เห็นทะเลาะ ๆ กันเนี่ย ที่แท้ก็ แอบชอบกันอยู่ แกงส้มเอ่ยแซวคนเป็นอา ก่อนที่เขาจะโดนมะเหงกก้อนโตเขกลงกลางศีรษะอย่างแรง

                กรุณาอย่าพูดอะไรที่เป็นมงคลแก่ชีวิตฉันขนาดนั้น ไป ๆ ขึ้นรถ พูดมากนะแก...ถ้าไม่ติดว่าห้องแกอยู่ตรงข้ามกับห้องฮั่นนี่นะ จ้างให้ฉันก็ไม่ย้ายไปอยู่กับแกหรอก ถึงจะแค่อาทิตย์เดียวก็เถอะ!” คิมว่า ก่อนจะปลดล็อกประตูรถ พลางก้าวเท้าเข้าไปนั่งภายใน แกงส้มรีบเปิดประตูรถไปนั่งข้าง ๆ พลางบ่นอุบอิบพอให้ได้ยินคนเดียวว่า

                เกลียดอะไรเค้าว่าจะได้อย่างนั้น ระวังเถอะอาคิม...!”

                บ่นอะไรไอ้แกง

                เปล่านะฮะ ไม่ได้บ่นอะไรเลย สักนิ๊ด!”

                ดี...

                แล้วสองคนอาหลานก็ได้ฤกษ์ไปเก็บของกันเสียที

               

               

                ไอ้ฮั่น เดี๋ยวแกไม่ต้องไปส่งฉันก็ได้ แต่แกไปช่วยคุณคิมเก็บของที่บ้านดีกว่า จ๋าว่า ก่อนจะต้องตกใจเมื่อเพื่อนหนุ่มเอามือมาอังที่หน้าผากของเธอ

                เฮ้ย! ทำอะไรของแกเนี่ยไอ้ฮั่น

                ฉันก็กำลังตรวจดูน่ะสิว่าแกไม่สบายหรือเปล่า ทำไมจู่ ๆ ถึงยอมให้ฉันไปช่วยคิมเก็บของที่บ้าน ปกติแกหวงฉันจะตาย แค่เข้าใกล้คิมไม่ถึงเมตร แกยังจับแยกซะอย่างกับเป็นตัวเชื้อโรค ฮั่นว่าพลางมองหน้าเพื่อนสาวด้วยใบหน้าที่งง

                ก็พอดีว่าแกไม่ได้ไปอยู่กับคุณคิมแค่สองต่อสองไง มีน้องแกงของฉันไปด้วย เพราะฉะนั้นฉันก็สบายใจได้ว่า...แกจะไม่โดนยัยป้านั่นแทะโลม

                แกแน่ใจได้ไงวะ ?

                แกเชื่อฉันดิ เซนส์ฉันมันบอกแบบนั้น สีหน้าบวกกับท่าทางของคนเป็นเพื่อน ทำให้ฮั่นอดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้

                เซนส์ของไอ้จ๋าเนี่ยนะ...ไม่อยากจะบอกว่า ห่วยมาก

                แต่ก็เอาเถอะ ลองเชื่อมันดูสักครั้งก็คงไม่เสียหลาย...

                เออ ๆ ๆ งั้นฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวคลาดกับคิม พูดจบ ฮั่นก็สตาร์ทรถขับออกไปจากคอนโด ทิ้งให้จ๋ามองตาด้วยสายตาที่มีเลศนัย

                ที่ฉันรู้ว่าแกจะไม่โดนแทะโลม ก็เป็นเพราะว่า...แกจะมีคนคอยขัดอย่างน้องแกงส้มของฉันไง หึ! อย่านึกว่าฉันดูไม่ออกนะว่าพวกแกสองคนมีซัมทิงรองอะไรกัน...แค่ฉันไม่พูด ไม่ได้แปลว่าฉันไม่รู้เว้ย!!!!”

    จ๋าพูดตามหลังคนที่ออกรถไปแล้ว ก่อนที่เธอจะเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโด

               

     

                ปิ๊น ปิ๊น! เสียงแตรที่บีบดังบริเวณหน้าบ้าน เรียกดวงตาของผู้เป็นเจ้าของบ้าน ซึ่งอยู่บนห้องนอนให้แหวกผ้าม่านดู

                ฮั่นนี่ ?

                อาคิมว่าอะไรนะครับ ชื่อที่ถูกเอ่ยออกมาเรียกดวงตาของคนที่กำลังพับเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าให้เงยขึ้น

                แกลงไปเปิดประตูให้ฮั่นนี่หน่อยสิ

                พี่ฮั่นมาหรอครับ

                อือ..ไปเร็ว ๆ แกงส้ม เมื่อคนเป็นอาเอ่ยเร่ง แกงส้มก็รีบวิ่งตึงตังลงไปอย่างรวดเร็ว

                เดี๋ยวนี้เด็กรับใช้เค้าคัดหน้าตาด้วยหรอเนี่ย ทันทีที่เปิดประตูรถลงมา ฮั่นก็เอ่ยแซวคนที่ยืนปาดเหงื่อ

                แรงอ่ะ! ใครเป็นเด็กรับใช้ฮะพี่ฮั่น เดี๋ยวเหอะ ๆ

                ฮ่า ๆ ๆ ๆ เรายืนกันอยู่สองคน ถ้าพี่ไม่ว่าเราเป็นเด็กรับใช้ แล้วพี่จะว่าใครล่ะ ว่าตัวเองหรอ ?

                ใครจะไปรู้ล่ะฮะ พี่อาจจะว่าตัวเองก็ได้ ว่าแต่เราจะยืนเถียงกันกลางแดดอีกนานไหม ผมร้อนนะ แกงส้มว่า ก่อนจะเดินนำคนที่มาใหม่ให้เดินตามเขาไป

                คนบ้าอะไรจะว่าตัวเองล่ะแกง พี่ไม่ใช่แกงนะ

                ฮื้อ! อยู่ดี ๆ พี่มาหาเรื่องผมทำไมเนี่ย คนที่เดินนำหน้าหันมาโวยวายใส่คนที่เดินตามหลัง โดยที่เขาไม่ได้มองว่าฮั่นนั้นเดินตามเขามาติด ๆ แค่ไหน ทำให้เมื่อเขาหันมาใบหน้าของเขาก็กระแทกไปเต็ม ๆ ปลายคางของคนที่เดินตามมาทันที แรงกระแทกส่งผลให้ร่างของแกงส้มหงายหลังลงไปนั่งจุ้มปุ๊กที่พื้น

                โอ๊ย!”

                เฮ้ย...เป็นไรเปล่าแกง ฮั่นรีบคุกเข่าลงนั่งตรงข้ามกับคนที่นั่งก้มหน้าทันที มือหนาเชยคางคนที่ก้มหน้าให้เงยขึ้น แล้วเขาก็เห็นว่าจมูกโด่งของคนตรงหน้าเป็นรอยแดงเถือก

                เจ็บมากไหมแกง...

                ไม่เท่าไหร่ครับ นิดหน่อย ฮ่ะ ๆ

    แม้ปากจะพูดว่าไม่เป็นไร แต่น้ำใสที่ซึมออกมาทางหางตาก็ทำให้ฮั่นรู้ว่าแกงส้มกำลังเจ็บ

                พรูด ~

                ฮั่นก้มใบหน้าลงไปแล้วเป่าลมเบา ๆ บริเวณรอยแดง

                ไม่เจ็บนะครับคนดี...แค่นี้ไกลหัวใจตั้งเยอะ คำปลอบโยนแสนหวานที่มาพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น ทำให้คนที่กำลังรู้สึกเจ็บจนน้ำตาเล็ด รู้สึกเขินขึ้นมา

                หัวใจเจ้ากรรมก็เต้นรัว (อีกตามเคย) ...

                ก็จะไม่ให้ใจเต้นแรงได้อย่างไร อยู่ก็ใกล้กัน...แถมยังมาทำท่าอ่อนโยนแบบนี้อีก

                คนนะครับไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่ได้รู้สึกอะไรกับสัมผัสเหล่านี้...

                เขินเว้ยเฮ้ย!

                ผมไม่เจ็บแล้วครับ ขอบคุณสำหรับการเป่ามนต์นี้ของพี่นะฮะ แกงส้มว่า ก่อนจะต้องเบนสายตาหลบดวงตาคมที่มองมา ริมฝีปากสวยของคนพูดเม้มเข้าหากันอย่างต้องการระงับอาการเขินที่ถีบตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ

                อื้อ...ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง เอาล่ะ...ลุกขึ้นได้แล้วครับคนเก่ง ฮั่นว่า ก่อนที่เขาจะยืดตัวเต็มความสูง พลางยื่นมือไปให้คนที่เงยหน้ามามอง

                แกงส้มแสดงท่าทีลังเล ฮั่นเห็นดังนั้นจึงก้มตัวลงไปแล้วฉุดข้อศอกของคนเป็นน้องให้ลุกขึ้น แกงส้มจึงยอมลุกตามแรงฉุดนั้น

                การกระทำของคนสองคนถูกเก็บบันทึกไว้ในเมมโมรี่สมองของคนที่ยืนมองจากบันได

                หึ ๆ ไอ้แกงส้ม...แกจะมาแย่งฮั่นนี่ที่รักของฉันหรอ...ชิ! แล้วฮั่นนี่ก็นะ...จะมองไอ้หลานตัวดีของฉันหวานไปไหน โว้ย! แต่ไม่เป็นไร สาววายอย่างฉันโอเคนะ ถ้าเป็นสองคนนี้...ไม่อยากจะเชื่อว่ายัยจ๋าจะเซนส์แม่น ชิชะ!”

                อะแฮ่ม! ไม่ทราบจะมาช่วยเก็บของหรือว่าจะมาทำอะไรกัน ทำไมไม่เห็นขึ้นไปสักที รอนานแล้วนะ คิมว่า ก่อนจะส่งยิ้มหวานแบบเย็น ๆ ไปให้คนสองคนที่ตอนนี้ผละออกจากกันแล้ว

                เอ่อ...งั้นผมไปช่วยอาพับเสื้อผ้าต่อดีกว่า

                เดี๋ยวแกง...อาว่า...เรากับฮั่นขนของอาบางส่วนไปเลยดีกว่า เพราะว่าตอนนี้อาก็เหลือแต่พับเสื้อผ้าอย่างเดียว มันจะได้ไม่เสียเวลาไง

                อืม...ผมว่าความคิดของคิมก็ดีนะ งั้นเราขึ้นไปขนของกันเลยดีกว่า พูดจบ ฮั่นก็เดินไปที่บันได โดยมีร่างของแกงส้มเดินตามต้อย ๆ คิมเห็นแบบนั้นแล้วก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

                ไม่อยากอยู่กับฉัน ก็ไม่ต้องแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นก็ได้นะฮั่นนี่...หมั่นไส้!

                เธอส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามคนสองคนที่เดินนำขึ้นไป

               

     

                ทำไมจู่ ๆ พ่อเราถึงได้ลงมาจากเชียงใหม่ล่ะ ? เมื่ออยู่กันตามลำพังภายในห้องพักของแกงส้ม ฮั่นก็เอ่ยถามคนที่ลากกระเป๋าใบใหญ่ไปวางไว้ที่มุมห้อง

                คงมาเรื่องแฟนผมมั้งครับ

                แฟน ?

                ครับ...คือเมื่อหลายวันก่อน ป๊าเค้าไปได้ข่าวว่าลูกชายบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ เค้ามีแฟนเป็นตัวเป็นตนมาอวดพ่อแม่ที่บ้าน ป๊าเค้าก็เลยอยากให้ผมมีบ้าง แล้วผมก็ดันไปโกหกเค้าไว้ว่าผมมีแฟนแล้ว และถ้าเค้าลงมากรุงเทพเมื่อไหร่จะเอาแฟนมาอวด...ซึ่งนั้นเป็นการพูดที่ฆ่าตัวเองชัด ๆ เพราะผมยังไม่มีแฟนที่ว่านั่น

    แกงส้มพูดออกมายืดยาว พลางทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาสีขาวตัวใหญ่ ร่างสูงที่เดินมานั่งข้าง ๆ ยกมือขึ้นมาตบไหล่ของแกงส้มเบา ๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ

                ก็ถ้าพ่อเรามา ก็บอกท่านไปตรง ๆ สิว่ายังไม่มีแฟน และการไม่มีแฟนก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย คนบนโลกนี้ไม่มีแฟนอีกตั้งเยอะตั้งแยะนะ

                คือกับพ่อคนอื่น เค้าคงเข้าใจอ่ะพี่ฮั่น แต่กับพ่อผมเนี่ย...มันไม่ใช่แบบนั้นครับ

                หืม...ไม่ใช่แบบนั้นแล้วแบบไหนอ่ะ ? ฮั่นถามพลางขมวดคิ้วหนาอย่างสงสัย

                คือป๊าเค้าเป็นคนที่กลัวว่าลูกตัวเองจะขาดคนดูแลน่ะครับ เค้าก็จะเป็นห่วงผมตลอดว่าผมจะอยู่ได้ไหม มีใครดูแลหรือเปล่า แล้วการมีแฟนก็คือการที่ผมมีคนดูแล ผมจึงไม่กล้าบอกป๊าไปว่าผมย้ายออกมาอยู่คอนโดคนเดียว เพราะถ้าผมบอกไปแบบนั้น ผมคงโดนป๊าลากกลับไปอยู่ที่บ้านด้วยแน่ ๆ

                ถ้างั้นนายก็หาแฟนปลอม ๆ สักคนสิ

                พูดอย่างกับแฟนมันหาง่ายอย่างนั้นแหล่ะพี่ฮั่น แกงส้มว่าก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

                เดี๋ยวให้ยืมไอ้จ๋าก็ได้ รายนั้นไม่ต้องขอร้อง มันก็พร้อมจะเป็นแฟนเรานะ

                ไม่เอาอ่ะพี่ฮั่น พี่จ๋าอายุมากไป ป๊าไม่เชื่อหรอก จบคำพูดของแกงส้ม ฮั่นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาชุดใหญ่

                ฮ่า ๆ ๆ ๆ นี่ถ้าไอ้จ๋ามาได้ยินเราบอกว่ามันแก่นะ มันคงจะเคืองเราน่าดู

                ผมไม่ได้พูดว่าพี่จ๋าเค้าแก่นะพี่ฮั่น ผมแค่พูดว่าเค้าอายุมากเฉย ๆ

                แล้วมันต่างกันตรงไหน ?

                นี่เรากำลังคุยกันผิดประเด็นหรือเปล่าเนี่ยพี่ฮั่น!” เมื่อผมเห็นว่าเราเริ่มจะคุยกันนอกประเด็น ผมก็ลากพี่ฮั่นให้กลับมาคุยเรื่องประเด็นเดิม...คือเรื่อง แฟนของผม’...

                ฮ่า ๆ ๆ โอเค ๆ กลับมาก็กลับมา ถ้าไม่เอาไอ้จ๋า งั้นก็หมิวแล้วกัน...รายนั้นถึงจะอินดี้ไปหน่อย แต่ก็โอเคนะ

                ไม่เอาอ่ะพี่ฮั่น ผมว่าป๊าไม่เชื่อหรอก ว่าผมกับหมิวเป็นแฟนกันจริง ๆ อีกอย่าง...หมิวคงจะยอมร่วมวงโกหกกับผมอยู่หรอกนะ อินดี้ขนาดนั้น แถมรู้สึกว่าหมิวกับพี่โน่จะมีซัมติงอะไรกันอยู่ด้วย ผมไม่อยากมีปัญหากับพี่โน่อ่ะ  แกงส้มว่า ก่อนจะทำปากจู๋อย่างคิดไม่ตก

                ไอ้หมิวไม่เอาอีก...งั้นน้องฟลุ๊คไหม ? น่ารักไปอีกแบบนะ

                ฟลุ๊ค...? อ๋อ...คนที่ใส่แว่นสีเหลืองอ่ะหรอครับ

                อื้ม คนนั้นแหล่ะ โอเคไหม ?

                ก็โอเคอยู่นะพี่ แต่ว่า...ฟลุ๊คดูเด็กเรียน เรียบร้อยไป ผมว่า...ป๊าคงไม่เชื่อหรอกว่าแฟนผมจะเด็กเรียนขนาดนั้น เมื่อแกงส้มพูดจบ ฮั่นก็กลายเป็นฝ่ายที่ถอนหายใจออกมาแทน

                คนนู้นก็ไม่ดี คนนี้ก็ไม่เอา...ทำไมเอาใจยากจังวะ!

                งั้นก็เหลือคนสุดท้ายแล้วนะที่พี่รู้จัก...น้องปันปันเพื่อนน้องฟลุ๊ค

                ปันปัน...โห...คนนั้นดูท่าทางนิ่ง ๆ อ่ะพี่ฮั่น ผมว่า...

                พอแล้วแกง เลิกหาเหตุผลมาปฏิเสธสักที สรุปว่าเราไม่เอาคนที่พี่เสนอทั้งนั้นสินะ!” ฮั่นว่า ก่อนจะพิงหลังไปที่โซฟาอย่างนึกเคืองคนที่นั่งข้าง ๆ

                อุตส่าห์คิดหาทางช่วย พ่อคุณก็เล่นปฏิเสธแทบจะทุกทางเลย...ไม่ช่วยแล้วเว้ย!

                ก็คนที่พี่เสนอมันไม่เวิร์กนี่นา... แกงส้มว่าก่อนจะหันไปมองหน้าคนที่นั่งทำหน้าเหมือนจะงอน

                อือ...งั้นก็ตามใจเราแล้วกัน

                นี่งอนผมป่ะเนี่ย แกงส้มพลางเขยิบไปนั่งใกล้ฮั่นมากขึ้น ก่อนจะเอียงคอถามแล้วเอานิ้วเรียวไปจิ้มที่แก้มใสของคนที่นั่งทำหน้านิ่ง

                งอนอะไร ทำไมพี่ต้องงอนด้วยล่ะ

                คนไม่งอนพูดโดยที่ไม่ยอมมองหน้าคนที่เอานิ้วมาจิ้มแก้ม

                ถ้าไม่งอน แล้วทำไมไม่หันมามองหน้าผมอ่ะ แกงส้มถามพลางออกแรงจิ้มที่แก้มฮั่นแรงขึ้น

                ไม่อยากมอง

                ใจร้าย!”

                ก็เราอยากมาใจร้ายโดยการไม่รับความช่วยเหลือของพี่ก่อนทำไมล่ะ คราวนี้คนพูดยอมหันมามองหน้าแกงส้ม พลางส่งสายตาตัดพ้อ

                ผมไม่ได้ไม่รับความช่วยเหลือจากพี่นะพี่ฮั่น แต่ความช่วยเหลือของพี่มันช่วยอะไรผมไม่ได้ต่างหาก พูดจบ แกงส้มก็ส่งยิ้มหวานไปให้คนที่นั่งข้าง ๆ

                หวังว่ารอยยิ้มของเขาจะทำให้คนที่งอน...หายงอนนะ...

                ...

                แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล เพราะฮั่นยังคงนั่งเงียบเฉย

                พี่ฮั่น...

                ...

                พี่ฮั่นครับ...

                ...

                นี่งอนผมจริง ๆ หรอเนี่ย...โอเค ๆ ๆ ผมจะยอมเลือกสักคนที่พี่ว่ามาเป็นแฟนปลอม ๆ แล้วกัน

                ดีมาก...ถ้างั้นก็เลือกมาเลย

                แล้วคนที่นั่งเงียบ ก็ยอมปริปากพูดออกมา แกงส้มเห็นแบบนั้นก็อดที่จะเอาหมอนอิงที่วางอยู่ข้างตัวไปฟาดคนที่หายงอนไม่ได้

                โอ๊ย! เจ็บนะแกง

                เจ็บหรอ...งั้นโดนอีกหลาย ๆ ทีเลย นี่แน่ะ ๆ ๆ

                ฮั่นเมื่อโดนประทุษร้ายด้วยหมอน เขาก็คว้าหมอนที่อยู่ข้างตัวเขาขึ้นมาบ้าง

                จากนั้นสงครามหมอนก็เริ่มต้นขึ้น...

    และในขณะนั้นเอง...

                แกงส้มลูกรักของป๊า อยู่ไหนเอ่ย...เฮ้ยยยยยยยยย!”

                บุคคลที่สามซึ่งมาใหม่ก็เปิดประตูเข้ามา...คนเป็นพ่อตกใจกับภาพที่ลูกชายของเขากำลังเล่นตีหมอนกับผู้ชายตัวโตอีกคนเป็นอย่างมากจนต้องร้องอุทานออกมาเสียงดังลั่น ทางด้านแกงส้มกับฮั่นเมื่อได้ยินเสียงอุทานของผู้มาเยือน คนสองคนก็ตกใจปล่อยหมอนที่มือทันที

                ป๊า!”

                แกงส้ม...อย่าบอกนะว่าแฟนที่เราบอกป๊าว่ามีแล้ว คือไอ้หมอนี่!?!”

                คือป๊า...ไม่ใช่นะฮะ พี่ฮั่นไม่ใช่แฟนผม แกงส้มรีบปฏิเสธ แต่ดูเหมือนว่าผู้เป็นพ่อจะไม่เชื่อสิ่งที่ลูกชายของตัวเองบอก

                ภาพที่เขาเห็นเมื่อสักครู่นี้รวมทั้งบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นบางอย่าง ทำให้คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานรู้สึกได้ถึง ความรู้สึกพิเศษ ของสองคนนี้!

                ไม่ใช่แฟน...แต่อยู่ในห้องด้วยกันสองคน แถมยังนั่งเล่นกันแบบนี้อีก...

                ป๊า...ผมอธิบายได้นะ

                ใช่ครับ...เราเป็น แฟนกัน...

                จบคำพูดของฮั่น แกงส้มก็หันไปมองคนพูดตาแทบถลน

                ไอ้พี่ฮั่นพูดบ้าอะไรวะเนี่ย...

    แล้วนั่น...ทำไมป๊าถึงยิ้มล่ะ ?

    แมนดีมาก งั้นแสดงว่าเราคงมีเรื่องต้องคุยกันยาวสินะ... พูดจบ คนพูดก็เดินมานั่งที่โซฟา โดยมีร่างสูงของฮั่นที่เดินไปหยิบกระเป๋าจากมือผู้สูงวัยกว่าเดินตามหลัง เมื่อเดินผ่านแกงส้ม ฮั่นก็ขยิบตาเป็นเชิงส่งสัญญาณ

    เอ่อ...ป๊าคือว่า...

    คบกันมานานแค่ไหนแล้ว ?

    ยังไม่ทันที่แกงส้มจะได้พูด คนเป็นพ่อก็แทรกถามขึ้นมา คนโดนถามนั่งนิ่งไปเพราะยังไม่ได้เตรียมข้อมูลเอาไว้ หากแต่คนที่เดินมานั่งข้าง ๆ ก็ชิงตอบขึ้นมา

    เพิ่งเริ่มคบกันในฐานะแฟนเมื่อไม่กี่วันมานี้ครับ แต่เรารู้จักกันมานานแล้วฮะ

    อย่างนั้นหรอ...แล้วห้องนี้อยู่ด้วยกันหรือเปล่า

    เปล่าครับ ห้องนี้แกงอยู่คนเดียว ส่วนผมอยู่ห้องตรงข้ามน้องครับ ฮั่นตอบตามความเป็นจริงไป ทำให้แกงส้มอยากจะอ้าปากเถียง แต่เมื่อเห็นดวงตาคมมองสบมาเป็นเชิงบอกให้เงียบ เขาจึงยอมเงียบฟัง

    ดูสิ...พี่ฮั่นจะไหลไปได้แค่ไหน...!

    แล้วนี่ข้าวของใครล่ะ ?

    ของอาคิมฮะ พอดีว่า...อาคิมเค้าคิดถึงป๊าก็เลยจะมานอนค้างด้วยน่ะครับ คราวนี้แกงส้มเป็นคนตอบบ้าง คนเป็นพ่อพนักหน้านิดหน่อยเป็นเชิงว่ารับรู้ ก่อนจะหันหน้าไปมองคนที่บอกว่าเป็นแฟนลูกชายเขา

    แล้วเราทำงานอะไร

    เป็นเชฟอาหารอิตาเลี่ยนที่ร้านคิมครับ

    อืม...

    รับคำเพียงสั้น ๆ สายตาของผู้สูงวัยก็มองชายหนุ่มหน้าคมตั้งแต่ศีรษะไล่ลงมาจนถึงปลายเท้า แม้เขาจะรู้สึกได้ว่าสองคนนี้มีอะไรบางอย่างที่พิเศษต่อกัน และเขาก็รู้ว่าคน ๆ นี้กำลังโกหกเรื่องเป็นแฟนกับแกงส้มอยู่ แต่เขาก็รู้สึกดีที่แกงส้มมีคนคอยดูแลแล้ว...แม้จะเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก แต่สายตาที่ผู้ชายคนนี้มองลูกของเขา มันทำให้เขารู้ว่า...

    แกงส้มมีคนที่คอยดูแลแล้วจริง ๆ

    เอ่อป๊า...ป๊าไม่ว่าหรอ ที่ผมมีแฟนเป็นผู้ชาย แกงส้มอดที่จะถามคนเป็นพ่อไม่ได้ เมื่อเห็นว่าท่านไม่มีท่าทีโวยวาย

    เอ๊ะ! หรือว่าพ่อเขาจะเป็นหนุ่มวาย...บ้าหรอไอ้แกงส้ม! คิดบ้าอะไรของแกเนี่ย!!!!

    ป๊าเคยบอกแกงว่าไง...จำไม่ได้หรอ...ป๊าเคยบอกว่า ไม่ว่าแกงส้มจะมีแฟนเป็นใคร แต่ขอแค่เค้าดูแลแกงส้มของป๊าได้ และไม่ทำให้แกงส้มต้องเสียใจ แค่นั้นก็พอแล้ว...อืม...ถ้าอย่างนั้น...ห้องป๊าอยู่ไหน ป๊าจะไปนอนพักผ่อนแล้ว ขับรถมาไกล เหนื่อย...

    ทางนี้ครับ ผมจัดห้องไว้ให้แล้ว พูดจบ แกงส้มก็ลุกขึ้นยืน พลางชี้มือไปทางห้องนอนที่อยู่ถัดจากห้องนี้ไป ผู้เป็นพ่อพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่เขาจะเดินไปยังห้องนั้น

    เมื่อคนเป็นพ่อเดินเข้าห้องนอนไปแล้ว แกงส้มก็หันมาถลึงตาใส่คนที่นั่งอมยิ้มทันที

    พี่คิดอะไรของพี่เนี่ยพี่ฮั่น ไหนบอกว่าให้ผมเลือกสี่สาวนั่นไง ไหงสุดท้ายกลายมาเป็นพี่วะ

    ก็ตอนแรกพี่ก็ว่าจะบอกว่าเป็นคนใดคนหนึ่งในสี่สาวอ่ะ แต่พอดีเห็นสายตาป๊าแกงแล้ว...ขืนโกหกแบบด้นสดโดยมีคนอื่นมาร่วมด้วย เกรงว่าจะไม่เนียนเท่ากับการด้นสดโดยมีแค่ตัวเองอ่ะ ฮั่นตอบก่อนจะต้องหลบมือบางที่ฟาดมาที่ไหล่

    พี่นี่มัน...ฮึ่ย!”

    เอาน่าแกง...ยังไงแกงก็รอดตัวไปแล้วไง

    พี่ยังรู้จักป๊าผมไม่ดีพอ คอยดูเถอะ...ชีวิตต่อจากนี้พี่วุ่นวายไม่หยุดแน่ ว่าแต่อาคิมยังไม่มาเลย รู้มั่งไหมเนี่ยว่าแผนมันเปลี่ยนไปแล้ว!”

    แผนเปลี่ยนอะไรหรอไอ้แกง แล้วคนที่ถูกพูดถึงก็โผล่มา แกงส้มแทบอยากจะกระโดดไปขย้ำคนที่เพิ่งมานัก

    อารู้ไหมเนี่ยว่าป๊ามาแล้วนะ

    เฮ้ย! จริงดิ แล้วอะไรยังไงวะ ?

    เอาเป็นว่า...ป๊าเค้ารู้แล้วว่าผมอยู่คนเดียว และเค้าก็คิดว่าผมกับพี่ฮั่นเป็นแฟนกันด้วย จบคำพูดของแกงส้ม คิมแทบจะกรี๊ดออกมาเดี๋ยวนั้น ดีที่หญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดปากกันไว้เสียก่อน

    อ๊าย...ออกตัวแรงมากคู่นี้!

    แล้วพี่หนูไม่ว่าอะไร ?

    ครับ...ไม่ว่า...เฮ้อ...อาเอาของไปเก็บในห้องเหอะ เดี๋ยวผมขอตกลงอะไรกับพี่ฮั่นก่อน

    อืม ๆ รับคำสั้น ๆ คิมก็ลากกระเป๋าเสื้อผ้าตัวเองเข้าห้องนอนไป ทิ้งให้คนสองคนยืนมองหน้ากัน

    ต้องมีเรื่องให้วุ่นวายตามมาอีกเพียบแน่ ๆ จริงสิ...

    ถ้าป๊ามาอยู่ด้วย แล้วเขาจะเอาเวลาที่ไหนไปส่งจดหมายหาพี่หมีล่ะ!?! เวลาไปทำงานป๊าก็คงจะตามไป เวลากลับก็คงจะกลับด้วยกันอีก เวรแล้ว...

    แต่เอ...เดี๋ยวก่อนนะ...เราบอกว่าเรามีภารกิจจับผิดหมีนี่นา ทำไมเราไม่ใช้โอกาสนี้หาเรื่องจับความจริงเสียเลยล่ะ...หึ ๆ แกงส้มคิดอะไรดีออกแล้ว

    แกง...

    ครับ ?

    เป็นแฟนกันแล้วนะ... ถ้อยคำสั้น ๆ ที่มาพร้อมกับอาการเกาท้ายทอยของคนพูด ทำให้แกงส้มต้องรู้สึกเขินตามขึ้นมา

    อื้อ...ผมรู้แล้ว

    ถ้างั้น...เอาเบอร์แกงมาสิ...

    แค่แฟนปลอม ๆ ต้องมีเบอร์ไปทำไมพี่ฮั่น ถามทั้ง ๆ ที่กำลังล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อควานหาโทรศัพท์

    ก็ถ้าไม่มีเบอร์กัน...แล้วเกิดพ่อแกงสงสัยหยิบโทรศัพท์แกงไปดู ไม่มีข้อความหรือแม้แต่สายที่เราโทรหากันเลย พ่อจะไม่สงสัยหรอ ? คำตอบของฮั่นทำให้แกงส้มรีบส่งโทรศัพท์ไปให้คนที่ยืนแบมือรอ

    ไม่ถึง 3 นาที โทรศัพท์เครื่องเดิมก็ถูกส่งมาหาคนเป็นเจ้าของ

    พี่เมมเบอร์พี่ไว้ให้แกงเรียบร้อยแล้ว ถ้ายังไง...เดี๋ยวไว้พี่จะโทรหาเรานะ พี่ไปร้านก่อน

    ครับ...เดินทางดี ๆ ฮะ

    ร่างสูงหันมาโบกมือลาคนเป็นน้องที่ซึ่งบัดนี้กลายเป็นแฟนไปแล้ว (แฟนปลอม ๆ) ส่วนคนหน้าหวานที่ยืนมองตามร่างสูงไป ก็ทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา พลางครุ่นคิดไปถึงแผนการที่เขาแอบวางไว้ในใจ

    แผนการเกี่ยวกับภารกิจจับผิดหมี...

    โดยแผนการที่เขาวางไว้ก็คือ...เขาจะเขียนจดหมายฉบับล่าสุดไปหาพี่หมี โดยมีใจความในจดหมายว่า เขาจะขอไม่มารับ-ส่งจดหมายกับพี่หมีหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ แต่จะให้เราสองคนเขียนจดหมายเล่าเรื่องเกี่ยวกับชีวิตประจำวันที่เราพบเจอแทน แล้วรวบรวมนำมาส่งให้กัน (แบบเห็นตัว) ในวันที่ 8...

    แน่นอนว่าถ้าถึงวันนั้น...เขาก็จะได้รู้ความจริงแล้วว่าพี่หมีกับพี่ฮั่นเป็นคนเดียวกันไหม...

    หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องรอให้ครบอาทิตย์หนึ่งด้วย...นั่นเป็นเพราะว่าเขาอยากจะทำความรู้จักกับพี่ฮั่นตัวจริง ๆ ให้มากกว่านี้ รวมทั้งเขาเองก็อยากจะรู้จักกับพี่หมีในจดหมายให้มากกว่านี้เช่นกัน (แม้คนในจดหมายจะแอบได้รู้จักก็ต่อเมื่อได้รู้ความจริงแล้วก็ตาม)

    ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นแบบค่อยเป็นค่อยไปมาโดยตลอด แกงส้มก็อยากจะให้มันเป็นแบบนั้น...เขาไม่เคยเบื่อจะต้องมีเกิดความคลุมเครือไม่แน่ใจแบบนี้...

    ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะเบื่อก็ได้นะ...

    แต่การที่เราจะทำความรู้จักกับใครสักคน เราก็อยากจะรู้จักเขาในหลากหลายแง่มุม

    อยากรู้จักเขาให้ลึกซึ้งในทุก ๆ ด้าน...

    เพราะว่าเขาคือ คนที่พิเศษ...เราจึงต้องรู้จักเขาให้มาก

    และสำหรับคนพิเศษของเขาอย่างพี่หมีหรือพี่ฮั่น...เขาก็อยากจะทำความรู้จักให้มากกว่านี้...

    สุดท้ายแกงส้มก็ตัดสินใจเดินเข้าห้องนอนไปหยิบกระดาษเขียนจดหมายและซองจดหมายออกมาจากลิ้นชัก ก่อนที่เขาจะจรดปากกาลงไปที่กระดาษแผ่นนั้น

     

    ถึง พี่หมี

    เสียดายจัง ไม่ได้กินแกงเขียวหวานของพี่ แต่ผมจะบอกว่า...ผมได้กินแกงเขียวหวานจากคนอื่นนะครับ ซึ่งคนอื่นที่ว่า...จริง ๆ แล้วไม่ใช่คนอื่นหรอกครับ แต่เขาคือคนพิเศษที่ผมเคยบอกว่าจะเล่าให้พี่ฟังไงครับ!

    เขาคนนี้เป็นเชฟเหมือนกับพี่ครับ...ทำอาหารเก่งมากกกกกกกกก แถมยังอร่อยด้วย!

    เขาชอบแกล้งผมประจำเลยครับ ไม่รู้ทำไม...สงสัยจะโรคจิต!

    แต่ผมก็หัวเราะได้และยิ้มได้ทุกทีที่เขาแกล้งนะครับ (แอบไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน...หรือว่าผมจะโรคจิตตามเขาไปแล้วนะ) ฮ่า ๆ ๆ ๆ

    ที่พี่บอกผมว่าการที่เราเขียนจดหมายถึงกันแล้วมีเขาคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องและจะทำให้ผมรู้สึกไม่ดีนั้น พี่ไม่ต้องคิดมากเลยฮะ...

    ผมว่าจริง ๆ แล้วการเขียนจดหมายของเรามันหมายถึงการที่เราเล่าทุก ๆ อย่างที่เรากำลังรู้สึกและพบเจอมาเพื่อเป็นการระบายถึงสิ่งที่เราคิดและอยู่ภายในหัวใจ

    เพราะฉะนั้นพี่ไม่ต้องกลัวว่าผมจะคิดมากเลยครับ ผมชิลด์มาก!

    ผมรู้สึกดีเสียอีกที่พี่ยอมเล่าทุกอย่างให้ผมฟัง...เฮ้อ...ผมมีความสุขจังเลยครับที่พี่ไว้ใจผมขนาดนี้

    มันรู้สึกดีจนบอกไม่ถูกอ่ะพี่หมี ><

    เพลงของเรามันเพราะจริง ๆ เนอะ...ผมเคยบอกพี่หรือเปล่าครับว่าบทเพลงที่ไพเราะที่สุด ก็คือบทเพลงที่เราเขียนขึ้นมาเองจากความรู้สึกของเรา...และเพลงของเราเพลงนี้มันก็คือเพลงที่ไพเราะสุด ๆ ไปเลยครับ...เดี๋ยวเรามาเขียนเพลงของเรากันอีกนะพี่หมี

    พี่หมีครับ...ผมมีอะไรสนุก ๆ มาให้พี่ทำแหล่ะ...

    ผมจะขอไม่มารับ-ส่งจดหมายกับพี่หมีหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ นะครับ แต่เราสองคนเขียนจดหมายเล่าเรื่องเกี่ยวกับชีวิตประจำวันที่เราพบเจอแล้วเก็บไว้ก่อนแทน จากนั้นเราก็รวบรวมนำมาส่งให้กัน (แบบเห็นตัว) ในวันที่ 8...ของการเขียนจดหมาย...ที่ร้าน แบ่งปัน...

    ร้านที่เป็น จุดเริ่มต้น ความสัมพันธ์ของเราสองคน...

    ถ้าพี่ตกลงตามนี้...บอกพี่ป๊อกไว้เลยนะครับ

    แต่ถ้าพี่ไม่ตกลง...ผมก็อยากจะให้พี่ตกลงอยู่ดี (ผมรู้ว่าพี่ต้องตกลงอยู่แล้ว)

    ถ้าอย่างนั้น...วันนี้ผมขอเขียนแค่นี้นะครับ...

    อ๊ะ! เหมือนผมจะรู้สึกนิด ๆ นะครับว่าพี่คือใคร (ในชีวิตจริง)

    หวังว่าจดหมายฉบับนี้จะทำให้พี่พอรู้สึกนิด ๆ เหมือนผมนะครับว่าผมคือใคร (ในชีวิตจริง)

     

     

    จาก น้องเคเอส

    ปล.ไม่ว่าจะวันไหน...พี่ก็คือ คนพิเศษของผม ครับ...ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะครับ อย่าหักโหมทำนู่นทำนี่มาก จนลืมดูแลตัวเอง แล้วอย่าไปหวั่นไหวหรือหนีไปขอใครเป็นแฟนนะครับ...

     

     

    เมื่อเขียนเสร็จ แกงส้มก็อ่านทวนอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะผุดรอยยิ้มขึ้นมา...รอยยิ้มที่ทำให้เจ้าตัวรู้สึกได้เลยว่า...นับจากวันนี้ไปเขาคงจะได้เจอแต่เรื่องสนุก ๆ

    ความผูกพันที่เขามีกับทั้งคนในจดหมายและคนในชีวิตจริง กำลังจะทำให้เขาไม่สามารถถอนหัวใจออกไปจากสองคนนี้ได้แล้ว...

    ไม่สิ...ไม่ใช่สองคน แต่อาจจะเป็นคนเดียว...คนเดียวที่ทำให้เขาต้องอมยิ้มทุกครั้งที่นึกถึง

    อยากจะรู้นักว่าถ้าพี่หมีได้รับจดหมาย...เขาจะสงสัยอะไรบ้างไหมนะ...

     

     

     

     

    ความคิดของคนเราล้วนแล้วแต่ไม่เหมือนกันทั้งสิ้น สิ่งที่เราคิดกับสิ่งที่คนอื่นคิด น้อยนักที่จะตรงกัน และถึงจะตรงกันแต่ความหมายอาจจะคนละอย่างกันก็ได้ เพราะฉะนั้น...อย่าดูถูกความคิดของใคร หรือบอกว่าความคิดของใครถูกหรือผิด เพราะไม่มีความคิดของใครที่ถูกที่สุดหรือผิดที่สุด...มีแต่ความคิดที่เป็นของเราและของใคร...เท่านั้นเอง

     

     





     

     

     

    //อยากบอกว่าเค้าขัดใจคนอ่านอีกแล้ว...ทั้ง ๆ ที่บอกว่าจะให้เจอกันแล้วแท้ ๆ แต่เค้าก็ยังเลือกที่จะยืดเวลาการเจอกันออกไปอีก...คนอ่านคงเริ่มเซ็งและอาจจะเบื่อที่จะอ่านแล้ว...แต่เค้าก็ยังยืนยันที่จะเขียนแบบนี้นะคะ (ไม่ได้อินดี้แบบไม่ฟังใคร) แต่แค่มันเป็นความคิดของเค้าที่อยากจะเขียนมาในทำนองนี้

    ความสุขของเค้าคือการทำให้คนสองคนรักในตัวอักษรของกันและกันรวมทั้งรักกันในตัวจริง ๆ ด้วย...เหมือนกับที่เขาพยายามจะทำให้คนอ่านรักในฟิคเรื่องนี้...

    ขอบคุณทุกการอ่าน ทุกคอมเม้นดี ๆ ขอบคุณจริง ๆ นะคะ...เค้าไม่คิดว่าจะมีคนอ่านแล้วชอบขนาดนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ดีจริง ๆ นะคะ ยิ่งได้อ่านเม้นของทุกคนซ้ำไปซ้ำมา เค้าก็ปลื้มจนหุบยิ้มไม่ได้...

    ไม่ใช่แค่คนอ่านที่ติดฟิคเรื่องนี้ แต่เค้าก็ติดที่จะเขียนฟิคเรื่องนี้เช่นกันค่ะ...

    ใจจริงอยากจะเขียนสัก 40 ตอน ,, แต่ไม่รู้ว่าคนอ่านจะเบื่อก่อนจะถึงตอนนั้นหรือเปล่าน่ะสิคะ ฮ่ะๆ

    วันนี้แค่นี้ก่อนเนอะ ดึกมากแล้ว ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ^^

     

    ปล.ขอโทษที่ผิดสัญญาไม่ไปอัพเรื่องสั้น...T^T...อ่านเรื่องยาวไปพลาง ๆ ก่อนนะคะ แหะๆ

    ปล.อีกที,,,หากมีคำผิดต้องขออภัยนะคะ ~

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×