ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Letter #เพราะโลกนี้มี 'นาย' [FIC HKS]

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 9 : ‘เพลงของเรา’

    • อัปเดตล่าสุด 22 ส.ค. 55


     

    บทที่ 9 : ‘เพลงของเรา

    ตอนที่พี่ทำอาหารอยู่ในครัว พี่ทำให้ผมนึกถึงคน ๆ หนึ่ง

    หืม ? ใครอ่ะ ? แฟนเราหรอ ?

    ไม่ใช่ครับ แต่เขาเป็นคน ๆ หนึ่งที่เป็น คนพิเศษสำหรับผม ต่างหาก คำตอบที่มาพร้อมกับดวงตากลมที่เงยขึ้นไปมองบนท้องฟ้า ทำให้คนที่เดินอยู่ข้าง ๆ ต้องหยุดเดินแล้วหันหน้าไปมองคนพูดอย่างไม่เข้าใจ

    คนพิเศษ แต่ไม่ใช่แฟนเนี่ยนะ ?

    ครับ...ก็คนพิเศษไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนเสมอไปนี่ฮะ คนพิเศษก็คือคนที่มีความสำคัญกับเรามากกว่าที่จะเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป แต่ไม่ได้หมายถึงแฟนหรือคนรักเสมอไปนะครับ อาจจะหมายถึงพ่อแม่ เพื่อน หรือว่าใครก็ได้... แกงส้มอธิบายออกมา ก่อนจะยกยิ้มขึ้นอีกครั้ง เมื่อนึกไปถึงพี่หมี...คนที่เขากำลังพูดถึงอยู่ในขณะนี้

    อ่า...แล้วแกงมีแฟนหรือยัง

    ยังครับ ผมทำงานไม่ค่อยเป็นเวลา...ไม่มีใครมาชอบหรือว่ามาสนใจหรอกครับ

    หรอ...งั้นเรา...เป็น แฟน กันไหม...

    เหวอรับประทาน!

    ใบหน้าของแกงส้มเหวอขึ้นมาทันทีที่ฮั่นพูดประโยคนี้จบ ดวงตากลมโตของแกงส้มค้างเติ่งและเบิกโตจนแทบจะถลนออกมานอกเบ้า

    นี่พี่ฮั่นเขาพูดบ้าอะไรของเขาออกมาเนี่ย!

    พะ พะ...พี่หมายความว่ายังไงครับ...

    หืม...คำถามของพี่ชวนตอบยากขนาดนั้นเลยหรอ นอกจากจะไม่ตอบคำถามของแกงส้มแล้ว ฮั่นยังเลือกที่จะถามคำถามกลับอีก เขาก้าวเท้าเดินเข้ามาใกล้คนหน้าหวานหนึ่งก้าว อากัปกิริยานี้ของเขายังความประหลาดใจให้เกิดกับแกงส้มเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มรีบก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว พลางส่งสายตาเป็นเชิงถามและไม่เข้าใจไปให้คนร่างสูง (กว่า) ทันที

    ผมไม่ตลกกับพี่นะครับพี่ฮั่น ผมเป็นผู้ชาย แล้วพี่ก็เป็นผู้ชาย เราจะเป็นแฟนกันได้ยังไง แล้วทำไมจู่ ๆ พี่ถึงมาถามผมแบบนี้ นี่พี่คิดจะแกล้งผมใช่ไหม...?

    ฮ่า ๆ ๆ ๆ ถามคำถามรัวอย่างกับปืนกลเลยนะแกงส้ม!”

    พี่หัวเราะแบบนี้ แสดงว่า...พี่แกล้งอำผมจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย

    ฮ่า ๆ ๆ ๆ ก็ใช่น่ะสิ! นี่นายคิดว่าพี่จะขอนายเป็นแฟนจริง ๆ หรอ...พี่แค่จะแกล้งอำเราเล่นเท่านั้นแหล่ะ อยากจะดูว่าเราจะทำหน้ายังไงน่ะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ พูดจบ คนพูดก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น เรียกดวงตากลมโตของแกงส้มให้หรี่มองอย่างขุ่นเคือง ชายหนุ่มกำมือแน่น ก่อนจะใช้กำปั้น ต่อยเข้าไปเต็ม ๆ ที่ท้องของคนที่กำลังหัวเราะ

    โอ๊ย!!!!!!”

    แกล้งผมใช่ไหม นี่แน่ะๆ ๆ ๆ ๆ ๆ แล้วแกงส้มก็รัวกำปั้นทุบไปที่ไหล่ของคนที่ยืนตัวงอเพราะโดนเขาตุ๊ยท้อง

    โอ๊ยแกง...พอแล้ว เจ็บ...โอ๊ย... ฮั่นร้องออกมาเสียงหลง พลางใช้มือของเขาจับหมับเข้าไปที่ข้อมือของคนที่กำลังรัวกำปั้นใส่เขา ฮั่นออกแรงดึงให้คนที่กำลังโมโหให้เขยิบเข้ามาจนชิด

    ปล่อยผมนะไอ้พี่ฮั่นนนนนนนน

    ถ้าพี่ปล่อย แกงต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ทำร้ายร่างกายพี่

    ชิ! ไม่มีทาง! ผมยังไม่หายเคืองพี่เลยนะ แกงส้มว่า ก่อนที่เขาจะพยายามแงะมือที่จับข้อมือเขาออก แต่ฮั่นก็ไม่ยอมให้แกงส้มทำแบบนั้น สองคนยื้อข้อมือกันยื้อข้อมือกันมา จนฮั่นเกิดสะดุดขาตัวเองจนล้มหงายหลังไปบนพื้นถนน โดยมีร่างของแกงส้มล้มตามมาด้วย

    โอ๊ย...

    แกงส้มร้องออกมาทันที เมื่อหน้าผากของเขากระแทกเข้ากับหน้าผากของคนที่อยู่ด้านล่าง

    แกง...

    คนโดนเรียกชื่อก้มหน้าลงไปมองคนเรียก...ดวงตาของคนสองคนต่างมองสบกัน ก่อนที่ความรู้สึกบางอย่างจะค่อย ๆ ผลักให้ใบหน้าของแกงส้มก้มลงไปจนได้กลิ่นลมหายใจของกันและกัน

    เปาะแปะ ๆ ๆ ๆ ๆ

    เสียงของเม็ดฝนที่หล่นลงมา ทำให้แกงส้มรู้สึกตัว เขารีบผุดลุกขึ้น แล้วเอามือไปขยี้ผมตัวเองแก้เขินทันที ส่วนคนที่เพิ่งจะลุกตามมา ก็ยืนเอามือเกาท้ายทอยตัวเองอย่างรู้สึกเขินเหมือนกัน

    เอ่อ...พี่ว่าเราไปหาที่หลบฝนกันดีกว่านะ หรือไม่ก็...รีบวิ่งกลับคอนโดดีกว่า อีกนิดเดียวก็ถึงแล้วนี่

    เอางั้นก็ได้ครับ

    พูดแค่นั้น แกงส้มก็รีบวิ่งนำหน้าฮั่น แต่...

    หมับ! ฮั่นคว้าคอเสื้อของแกงส้มไว้ ก่อนจะชี้มือไปอีกทางหนึ่ง พลางพูดว่า

    คอนโดเราอยู่ทางโน้นแกง ทางนั้นน่ะกลับทางเดิม

    อ่า...ผมขอโทษครับ แหะ ๆ

    งั้นพี่ว่า...พี่คงต้องจับมือแกงแล้ววิ่งและล่ะ เพราะขืนให้แกงไปเอง คืนนี้ไม่ถึงคอนโด... พูดจบ ฮั่นก็จับมือของแกงส้ม แล้วสอดนิ้วทั้งห้าของเขาเข้าไปที่นิ้วทั้งห้าของคนที่ยืนข้าง ๆ จากนั้นคนสองคนก็ออกวิ่งไปยังที่พักของตัวเอง

    ในวันที่ฝนตก...หลายคนอาจจะรู้สึกเหงา...

    แต่หนึ่งในหลายคนเหงานั้น ไม่มีคนสองคนที่เพิ่งจะจับมือวิ่งฝ่าฝนไปเมื่อสักครู่นี้แน่นอน...

     

     

    ผมรู้แล้วนะว่าพี่อยู่ห้องตรงข้ามกับผม แกงส้มเอ่ยพูดขึ้นมาเมื่ออยู่กันตามลำพังภายในลิฟต์กว้าง

    อ่า...เพิ่งรู้หรอครับ

    พี่ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนี้เลยนะ ร้ายกาจชะมัด! นี่คงจะคิดหาแผนการแกล้งผมอยู่ใช่ไหม ถึงได้ไม่ยอมบอกว่าตัวเองอยู่ห้องไหนน่ะ แกงส้มว่าพลางทำปากจู๋แก้มป่อง คล้ายจะงอนนิด ๆ ฮั่นเห็นอาการนี้ของคนที่ยืนข้าง ๆ แล้ว เขาก็อดที่จะเอานิ้วไปจิ้มแก้มป่อง ๆ นั่นเล่นไม่ได้

    ฮื้อ...พี่มาจิ้มแก้มผมทำไมเนี่ย!”

    ก็แกงอยากมาทำแก้มป่องแบบนี้ทำไมล่ะ พี่ก็นึกว่าแกงจะทำแก้มป่องให้พี่จิ้มอ่ะดิ ฮ่า ๆ ๆพูดจบ คนพูดก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นลิฟต์ ทำให้คนโดนหัวเราะใส่ยิ่งทำแก้มตัวเองให้พองมากขึ้น

    ไอ้พี่ฮั่นบ้า!”

    เรียกพี่ว่าไอ้หรอ เดี๋ยวจะโดนนะ...

    โดนอะไร นึกว่ากลัวหรือไง ว้ากกกกกกกก

    ติ๊ง!

    แกงส้มรีบกระโดดหนีคนที่กระโจนเข้าใส่ทันที เป็นจังหวะที่ลิฟต์เปิดออกพอดี ขายาวรีบวิ่งอย่างเร็วไปยังห้องพักของตัวเอง โดยมีร่างสูงของฮั่นวิ่งตามมาติด ๆ

    อย่าหนีนะ มาให้พี่กัดซะดี ๆ แง่ง ๆ ๆ ๆ ฮั่นไม่พูดเปล่า แต่เขายังทำท่าจะกัดอย่างที่ปากพูดด้วย คนจะโดนกัดรีบวิ่งให้เร็วขึ้น แกงส้มวิ่งหนีฮั่นจะสุดทางเดิน เลยประตูห้องตัวเองมาหนึ่งห้อง เขาหอบหายใจถี่ พลางยกสองมือขึ้นมากั้นคนที่วิ่งตามมาหยุดยืนตรงหน้า

    พอแล้วพี่ฮั่น ผมเหนื่อยแล้ว...

    ฮ่ะ ๆ ๆ เด็กน้อยเอ๋ย...วิ่งแค่นี้เหนื่อยแล้วหรอ หัดออกกำลังกายมั่งนะเราน่ะ ฮั่นว่า ก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้ผมคนที่ยืนหอบหน้าแดงอย่างนึกเอ็นดู

    โห่พี่ฮั่น...จะไม่ให้ผมเหนื่อยได้ไง วันนี้ผมไปยืนล้างจานตั้งหลายชั่วโมงนะ แถมยังวิ่งหนีฝนอีก คนนะครับไม่ใช่หุ่นยนต์ จะได้วิ่ง ๆ ๆ แล้วไม่เหนื่อยอ่ะ แกงส้มบ่น พลางยกหลังมือขึ้นมาปาดเหงื่อที่ไหลบริเวณข้างแก้ม ฮั่นเห็นดังนั้นก็ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนที่เขาจะเอาผ้าเช็ดหน้านั้นยื่นไปเช็ดเหงื่อที่ซึมบริเวณหน้าผากมน

    สัมผัสแผ่วเบาทำให้หัวใจของแกงส้มเต้นไม่เป็นจังหวะ

    พี่ว่า...เดี๋ยวเรารีบเข้าไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวแล้วก็นอนพักผ่อนดีกว่า อ้อ! กินยาดักไข้ไว้ด้วยล่ะ วันนี้ตากฝนมาอีกนิดหน่อย เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้

    ฮั่นว่า พลางเก็บผ้าเช็ดหน้าของเขากลับเข้าไปที่เดิม สายตาของคนพูดที่มองมาอย่างอบอุ่น ทำให้คนที่มองสบตารู้สึกได้เลยว่าในทุกถ้อยคำที่ฮั่นเอ่ยออกมานั้น ล้วนแต่มีความจริงใจและความห่วงใยแฝงอยู่ทั้งสิ้น

    พูดได้แค่สั้น ๆ ว่าตอนนี้เขา หวั่นไหวมาก

    ...หวั่นไหวจนรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้เขาเริ่มจะไม่เป็นตัวของตัวเอง...

    พี่หมี...ผมควรทำยังไงดีครับ...

    งั้นผมขอตัวเข้าห้องก่อนนะครับ

    อื้ม...

    แล้วแกงส้มก็เดินย้อนกลับไปห้องตัวเอง ก่อนที่เขาจะเสียบคีย์การ์ดเข้าห้องตัวเองไปแบบผิด ๆ ถูก ๆ เนื่องจากรู้สึกเขินกับสายตาที่มองตามมาของร่างสูง

    ให้ตายเหอะ...จะมองอะไรกันนักกันหนานะ เขินนะเว้ย!

    ส่วนคนที่ยืนมองตามจนคนที่เพิ่งเดินไป เดินหายเข้าไปในห้อง แล้วประตูปิดตัวลง ฮั่นก็ได้ฤกษ์เดินกลับมาที่ห้องของตัวเอง มือหนายกขึ้นมาจับที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง ก่อนที่เจ้าตัวจะงึมงำเบา ๆ ว่า

    น้องเคเอสครับ...ถ้าการที่พี่ใจเต้นกับแกงส้ม มันแปลว่าพี่ หวั่นไหว...แล้วการที่พี่ยิ้มได้กับทุกตัวอักษรของน้องมันคือความรู้สึกอะไรนะ...ใช่หวั่นไหวเหมือนแกงส้มหรือเปล่า หรือว่ามันมากกว่านั้น...โอ๊ย! นี่พี่กลายเป็นวันทองสองใจไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!!!!”

    พูดจบ ฮั่นก็เอามือมายีผมตัวเองจนมันยุ่งเหยิง...

    เขาว่าเขาเริ่มไม่เข้าใจตัวเองแล้ว

    เขารู้สึกดีกับน้องเคเอสนะ...เพราะเขายิ้มได้ทุกครั้งที่ได้เขียนโต้ตอบจดหมายกับน้อง

    แต่เขาก็เริ่มรู้สึกดีกับแกงส้มเหมือนกัน...

    แม้จะเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง แต่เขาก็รู้หัวใจตัวเองดีว่ามันได้เกิดความรู้สึกบางอย่างกับคน ๆ นี้...

    เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่...รู้สึกตัวอีกที เขาก็มีแกงส้มอยู่ในหัวใจแล้ว!

    โอย...เขาไม่อยากจะต้องมีคนสองคนในหัวใจเลย...มันไม่ดีสักนิด...

    ใครก็ได้บอกเขาที เขาควรทำยังไง!

     

     

     

    เฮ้อ... แกงส้มถอนหายใจออกมา ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียง พลางนอนคว่ำ เอาตัวสนูปปี้วางไว้ข้างใต้อก พลางหยิบกระดาษที่เขาวางไว้ขึ้นมาดู

    กระดาษสีขาวว่างเปล่า...

    ตอนนี้เขายังคิดไม่ออกว่าควรจะเขียนอะไรลงไปดี...เพราะความรู้สึกที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ในวันนี้ ทำให้เขาลังเลที่จะเขียนถ้อยคำใดลงไป

    เขาเริ่มรู้สึกได้เลยว่าเขา...กำลังมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับคนอีกคนหนึ่งที่ซึ่งเพิ่งจะเจอกันได้ไม่กี่ครั้ง และเพิ่งจะรู้จักชื่อกันวันนี้...

    ความรู้สึกดี ๆ ที่เกิดขึ้นในหัวใจ ทำให้เขาเริ่ม ลังเล

    แต่แล้วเมื่อแกงส้มหยิบจดหมายสีหวานออกมาจากกระเป๋า เขาก็อดที่จะหยิบมันออกมาอ่านอีกครั้งไม่ได้ รอยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้าหวาน ทำให้แกงส้มรู้ว่า...

    ตอนนี้เขาจะเขียนอะไรลงไปในจดหมายดี!

    แต่ก่อนที่เขาจะเขียนข้อความลงไปในจดหมาย แกงส้มก็ลุกขึ้นไปหยิบกีตาร์ที่วางหลบมุมห้องออกมา ก่อนที่เขาจะไปทรุดตัวลงนั่งที่เตียงนอน พลางเอาหลังพิงไปกับหัวเตียง จากนั้นดวงตาของแกงส้มก็มองออกไปที่นอกหน้าต่างกว้างซึ่งเห็นทิวทัศน์ของกรุงเทพฯในยามค่ำคืน

    เพลงของเรา...มันควรจะเป็นแบบไหนดีนะพี่หมี...

    เมื่อมองออกไป แกงส้มก็นึกตลกตัวเขาเอง...รวมทั้งตลกโชคชะตาด้วย

    เขากับพี่หมี...ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย กลับมาเขียนบอกเล่าเรื่องราวให้กันเยอะแยะ...มันน่าแปลกประหลาดใจจริง ๆ

     

    เคยคิดว่าบนโลกนี้จะไม่มีใครที่เกิดมาเพื่อฉัน

    เคยคิดว่าบนฟากฟ้านั้นลืมฉันที่ต้องอยู่เดียวดาย

    แต่เมื่อได้พบเธอก็รู้ว่าใครคือความหมาย

    ที่ทำให้ฉันอยากหายใจอยู่ไปเพื่อ...ทุก ๆ วัน

     

    เพราะมีเธอ ฉันจึงยิ้มได้ เพราะหัวใจอบอุ่นกับทุกครั้ง

    กับทุกเรื่องราวเวลานาทีที่เรามีร่วมกัน

    ทุกสิ่งนั้น...มันคือสิ่งที่มีความหมาย...

     

    อยากให้เธอรู้ว่าเธอคือคนพิเศษ...สำหรับฉัน

    เธอคือคนนั้น...ที่ฉันเฝ้าตามหา

    อยากให้เธอรู้ว่าเธอคือคนที่มีค่า...กับหัวใจ

     

    ...

     

    แล้วบทเพลงที่แกงส้มค่อย ๆ หลับตาพลางนั่งนึกไปถึงความทรงจำดี ๆ ระหว่างแกงส้มกับพี่หมีก็ได้ใช้หัวใจเขียนลงไปทีละตัวอักษรจนเสร็จสิ้นลง

    มันเป็นเพลงที่ยังไม่สมบูรณ์นัก เพราะเป็นเพลงที่แกงส้มเขียนเนื้อร้องแบบสด ๆ โดยยังไม่ได้ใส่ดนตรีหรือว่าปรับแก้ไขอะไร จะมีก็แต่เพียงใส่ไลน์กีตาร์เข้าไปเพื่อประกอบจังหวะนิดหน่อยเท่านั้น แน่นอนว่าแกงส้มคงไม่ได้เล่นแล้วส่งไปเป็นเสียง แต่เขาเลือกที่จะเขียนเนื้อเพลงนี้ ใส่ลงไปในจดหมาย อีกอย่างที่เพลงนี้ยังไม่สมบูรณ์เพราะแกงส้มต้องการให้คนที่อ่าน ได้ลองเขียนเนื้อเพลงนี้ต่อจากเขา...

    เพื่อที่มันจะได้เป็น บทเพลงของเรา อย่างสมบูรณ์...

    จากนั้นแกงส้มก็เขียนคำพูดลงไป ต่อจากเนื้อเพลง...

     

    ถึง พี่หมี ...

    ขอโทษ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ขอโทษจริง ๆ ครับ...

    ผมทำให้พี่ต้องนั่งรอผมนานขนาดนั้นได้ยังไงนะ! ผมทำได้ยังไง! ผมมันเป็นคนที่ใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ ผมขอโทษนะครับพี่หมี...จากนี้ต่อไป ผมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแล้วครับ...ผมสัญญา

    ผมรู้ว่าประสบการณ์ที่แย่นั้นทำให้พี่ไม่อยากมาเจอกับผมอีก...ผมเข้าใจความรู้สึกของพี่ครับ

    เอาเป็นว่าถ้าพี่พร้อมเมื่อไหร่...เราค่อยนัดเจอกันใหม่ก็ได้ครับ

    เพราะผมยังเชื่อเสมอว่า...สักวันหนึ่งต้องเป็น วันของเราครับ ^^

    ผมจะรอจนกว่าจะถึงวันนั้นนะฮะ...

    ผมอยากจะบอกกับพี่หมีว่า...ราเม็งของพี่มันอร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก (ขออนุญาตลากเสียงยาวประกอบคำพูดนะครับ) เพราะว่ามันอร่อยมากจริง ๆ นี่พี่เป็นเชฟอาหารร้านไหนเนี่ย...บอกผมมานะ ผมจะไปฉกตัวพี่มาอยู่ที่ห้องของผม พี่จะได้มาทำอาหารให้ผมกินทุกวันเลย...

    แบบว่า...ติดใจอาหารฝีมือเชฟหมีง่ะ...(รับผิดชอบเค้าเลยนะ)

    ตอนนี้ผมอยากกินอาหารไทยรสจัด ๆ บ้างแล้ว...ทำให้กินหน่อยสิคร้าบบบบบบบ (แกงเขียนหวานก็ได้นะครับ...ผมอยากกิน...)

    ว่าแต่...ผมคงไม่รบกวนพี่เกินไปใช่ไหมครับ

    ถ้าอย่างนั้น...ขอของหวานด้วยนะฮะ...ฮ่า ๆ ๆ ๆ

    พี่หมีครับ...ผมเขียน เพลงของเรามาให้พี่อ่านแล้วน้า...ลองอ่านดูสิครับ ว่าชอบไหม...มันโอเคหรือเปล่า...ปกติผมก็ชอบแต่งเพลงนะ แต่มันก็ไม่ค่อยเวิร์กมากเท่าไหร่...ถ้าพี่ไม่รังเกียจที่จะก้าวเข้ามาในโลกของผม พี่ก็ลองแต่งต่อจากผมดูสิครับ...เผื่อเพลงนี้มันจะเป็นเพลงของเราอย่างสมบูรณ์จริง ๆ

    พี่หมีครับ...ผมไม่เคยเบื่อที่จะอ่านจดหมายของพี่เลยนะครับ ย้ำว่าไม่เคยเบื่อ! เพราะทุกตัวอักษรที่พี่เขียนมา มันทำให้ผมยิ้มได้ทุกครั้ง และเมื่อหยิบมันขึ้นมาอ่านอีกกี่ครั้ง ผมก็ยังยิ้มได้ทุกครั้งเสมอ...

    ในเวลาที่ผมรู้สึกเหนื่อยจากการทำงาน เหนื่อยกับสิ่งที่ต้องพบเจอในแต่ละวัน ผมก็ได้จดหมายของพี่นี่แหล่ะครับ ที่เติมต่อกำลังใจดี ๆ ให้กับผม...พี่คือ คนที่พิเศษ สำหรับผมครับ...

    แม้ว่าวันนี้ผมจะได้เจอคนที่พิเศษอีกคนหนึ่ง...แต่พี่ก็ยังเป็นคนพิเศษของผมนะครับ

    พี่อาจจะงงว่าทำไมผมมีคนพิเศษเยอะจัง...คนพิเศษของผม คือคนที่ไม่ธรรมดาสำหรับผมยังไงล่ะครับ!

    เอ๊ะ! ยิ่งผมพูด พี่จะยิ่งงงหรือเปล่านะ...

    แต่เอาเป็นว่า...ไว้จดหมายฉบับต่อไป ผมจะเล่าเรื่องคนพิเศษอีกคนของผมให้พี่ฟังนะครับ...

    ที่ผมอยากเล่าให้พี่ฟัง ก็เพราะว่าเขามีบางอย่างที่ คล้าย กับพี่จนผมตกใจเลยล่ะครับ...!

    โอ๊ะ!!! นี่ผมเวิ่นมายาวแล้วหรอครับเนี่ย...พอแค่นี้ก่อนเนอะ เดี๋ยวพี่หมีจะไม่มีเวลาไปทำของอร่อย ๆ มาให้ผมทานอีก...แล้วเจอกันใหม่ในจดหมายฉบับหน้านะครับ

     

    จาก น้องเคเอส

     

    ปล. ทุกความห่วงใยที่ส่งผ่านไปทางตัวอักษร หวังว่าคนที่อ่านจะทำให้นึกถึงคนส่งก่อนนอนนะครับ กลางคืนเวลานอน ก็ห่มผ้ามาถึงอกด้วยนะครับ แล้วอย่าลืมกินนมอุ่น ๆ ก่อนนอน (จะได้หลับสบาย) และสวดมนต์ไหว้พระทำจิตใจให้สงบด้วยครับ (อย่าจิตฟุ้งซ่านเพราะคิดถึงผมล่ะ...ขอเตือนด้วยความหวังดี) ><

     

    จากนั้นคนเขียนก็นั่งอมยิ้มจนแก้มตุ่ย...นี่เขาเป็นคนชอบเขียนอะไรแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ!

    มันดูแบ๊ว ๆ แล้วก็เหมือนไม่ใช่เขาเลย...แต่มันก็ทำให้เขายิ้มได้นะ และมันก็คงจะทำให้คนที่ได้รับจดหมายฉบับนี้ยิ้มได้เหมือนกัน

    ยิ้ม...เพราะรู้สึกดี

    ยิ้ม...เพราะมีความสุข

    ยิ้ม...และยิ้ม...

     

    แล้วค่ำคืนนั้น แกงส้มก็นั่งมองท้องฟ้าในยามราตรีด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย วันนี้เขาได้พบเจอกับเรื่องราวมากมาย...เรื่องราวจากคนที่ทำให้หัวใจของเขารู้สึกพิเศษ...

    หากชีวิตของคนหนึ่งคนได้พบเจอกับเรื่องราวดี ๆ คงไม่มีใครอยากจะต้องพบเจอกับเรื่องราวที่เลวร้าย หากแต่ใครจะไปรู้ว่าชีวิตวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร...

    ดังนั้นขอเพียงค่ำคืนนี้...ที่หัวใจจะได้รู้สึกดีกับความสุขที่เขาได้สร้างขึ้นมา...

    แม้มันจะเป็นเพียงมโน...แต่มันก็เป็นมโนที่สุขหัวใจเหลือเกิน

    พี่หมี...คืนนี้พี่จะนั่งรอจดหมายของผมอยู่ไหมนะ...แล้วไอ้พี่ฮั่น...จะคิดอะไรแผลง ๆ มาแกล้งอำผมอีกหรือเปล่าเนี่ย...เฮ้อ...ผมชักอยากจะเขย่า ๆ ๆ แล้วรวมเอาพี่สองคนมาเป็นคน ๆ เดียวกันจัง...

    แต่มันคงเป็นไปไม่ได้สินะ...

     

     

    ติ๊งต่อง~

    เสียงกดออดในยามเช้าเรียกดวงตาของคนที่หลับใหล ให้ปัดผ้าที่คลุมหัวออก แกงส้มโผล่ศีรษะออกมา พลางหยิบนาฬิกาบนหัวเตียงขึ้นมาดู

    06.30 น.

    ใครมากดออดแต่เช้าวะ!

    เฮ้ย!!!!!!”

    ตกใจอะไรแกง...ทำอย่างกับเห็นผี

    พี่โน่!!!!!! พี่มาได้ไงเนี่ย!?!”

    แกงส้มถามพลางอ้าปากหวอทันทีที่เห็นใบหน้าหล่อใสสไตล์ตี๋อินเทรนด์ของคนเป็นพี่

    พี่ โตโน่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา...ที่ซึ่งเขาไม่เคยเจอกับพี่คนนี้มานานมากแล้ว แต่อยู่ ๆ พี่แกโผล่มาได้ยังไงเนี่ย

    งง!

    ก็ขับรถมาสิ

    ไม่ใช่พี่...คือพี่รู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่ ผมว่าผมไม่เคยบอกคนที่บ้านนะว่าผมอยู่นี่

    อื้อ...แกงไม่เคยบอกคนที่บ้าน แต่แกงบอกอาคิมนี่...

    อ๋อ...นี่อาคิมบอกพี่หรอว่าผมอยู่ที่นี่ ฮึ่ม!!!! ว่าแต่...แล้วพี่มาหาผมทำไมครับ แกงส้มถาม ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบให้โตโน่เดินเข้ามา ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาราวกับต้องการจะสำรวจตรวจตราหาอะไรสักอย่าง

    พี่โน่...ผมถามว่าพี่มาหาผมทำไมครับ

    อ่อ อ้อ...ก็พอดีคิดถึง

    อย่ามาสตอเบอรี่พี่...ร้อยวันพันปีพี่ไม่เคยคิดจะมาหาผม ทั้ง ๆ ที่อยู่ใกล้ผมแค่เอื้อม แต่วันนี้ดันมาหาได้ บอกมาดีกว่า ว่ามาทำไม แกงส้มพูดดักอย่างคนรู้ทัน ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งที่โซฟา โดยมีร่างสูงของโตโน่นั่งตาม

    คือเมื่อคืนลุงหนูโทรหาพี่ บอกว่าให้ช่วยมาดูแกงหน่อย ว่าอยู่กับอาคิมแล้วเป็นยังไงบ้าง

    แล้วยังไงต่อพี่...

    แล้วลุงหนูก็อยากรู้ว่า...แกงมีแฟนหรือยังน่ะ...ถ้ายังไม่มีลุงหนูจะหาให้

    เฮ้ย! ป๊านะป๊า...อยู่ดี ๆ จะมาหาแฟนให้ผมทำไมเนี่ย!?!”

    พี่ก็ไม่รู้ว่ะ แต่ลุงหนูบอกว่า อีก 3 วันจะลงมาที่กรุงเทพ ถ้าแกงยังไม่มีแฟน...เขาจะหาให้ทันที!” เมื่อได้ฟังคนเป็นพี่พูดจบ แกงส้มก็ยีผม (ที่ยุ่งอยู่แล้ว) ให้ยุ่งหนักกว่าเดิม พลางลุกขึ้นเดินวนไปวนมาเป็นเสือติดจั่น

    หาแฟนให้!

    ฆ่าเขาให้ตายดีกว่า!

    อ้อ...แล้วลุงหนูก็ยังบอกอีกว่า...ลุงหนูจะมาอยู่ที่กรุงเทพหนึ่งอาทิตย์!” จบคำพูดของพี่โตโน่ ผมก็แทบจะล้มทั้งยืน...

    ป๊าจะมาอยู่กรุงเทพฯหนึ่งอาทิตย์!

    อ๊ากกกกกกก แบบนี้ป๊าก็รู้ความจริงน่ะสิว่าเขาทำงานเป็นดีเจ...แถมยังย้ายออกมาจากบ้านคิมมาอยู่คอนโดคนเดียวด้วย

    งานเข้าแล้วไอ้แกงส้ม!

    ทำไงดีวะพี่โน่...

    ก็ไปอยู่กับอาคิมหนึ่งอาทิตย์สิ ไม่เห็นจะยากเลย

    แต่ผมอยากอยู่ที่นี่อ่ะ!”

    มีอะไรที่นี่ให้นาย ติดใจอย่างนั้นหรอ...? คำถามที่มาพร้อมกับดวงตาที่เหมือนจะรู้ทันของคนเป็นพี่ ทำให้แกงส้มต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

    ไม่มีครับ

    ถ้าไม่มี...งั้นก็เตรียมตัวรอรับพ่อนายด้วยแล้วกัน พี่มาแจ้งข่าวเท่านี้แหล่ะ... พูดจบ โตโน่ก็ลุกขึ้นยืน พลางหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้แกงส้มต้องยืนกุมขมับตัวเองอย่างปวดหัว

    ขายาวรีบก้าวตามคนเป็นพี่ออกไป ก่อนที่เขาจะต้องหยุดยืนแอบมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้าห้องของเขา

    หมิว...

    เฮีย...

    นี่หมิวพักอยู่ที่นี่หรอ...?

    ค่ะ...เฮียมาทำอะไรที่นี่คะ แล้วนั่น...ออกมาจากห้องของแกงส้มด้วย... หมิวถาม ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นมองหน้าคนตรงหน้าอย่างต้องการคำตอบ

    เฮียกับแกงส้มเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แล้วหมิว...เป็นยังไงบ้างครับ ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง เฮียก็ไม่ได้เจอหมิวเลย เฮียต้องขอโทษแทน กวาง เค้าด้วยนะ...

    คำขอโทษจากคนตรงหน้า ทำให้หมิวต้องกลืนก้อนสะอื้นลงคอ...

    ทำไมต้องขอโทษแทนกันด้วย...

    ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หมิวไม่ได้เป็นอะไรมาก หมิวขอตัวก่อนนะคะ

    เดี๋ยวสิหมิว...เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ แรงฉุดที่ข้อมือ ทำให้หมิวต้องหันหน้ากลับมามองใบหน้าคมอีกครั้ง

    หมิวว่าเฮียกลับไปเคลียร์คนของเฮียให้เรียบร้อยก่อนดีกว่าค่ะ หมิวขอตัว... พูดจบ หมิวก็ปลดข้อมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของคนตรงหน้า พลางเปิดประตูเข้าห้องของตัวเองไป

    เฮ้อ...เอาไงดีวะกู...

    ก็ไม่ต้องเอาไงหรอกพี่ ว่าแต่...เป็นอะไรกันอ่ะ คำถามของแกงส้มที่มาพร้อมกับดวงตาอยากรู้อยากเห็น เรียกมะเหงกให้เขกลงกลางศีรษะทุยหนึ่งทีเต็ม ๆ

    ไม่ใช่เรื่องของนาย เอาเรื่องของตัวเองให้รอดเถอะ ไหนจะเรื่องแฟนที่ต้องมี ไหนจะเรื่องที่อยู่ ไหนจะเรื่องงาน จัดการให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 3 วันด้วย ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าคนหล่อไม่เตือน... พูดจบ โตโน่ก็เดินออกไปจากตรงนี้ ทิ้งให้แกงส้มต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

    นั่นสินะ...จะเอายังไงกับชีวิตต่อไปดีวะกู...

     

     

     

     

    บทเพลงที่พิเศษที่สุด คือบทเพลงที่เราเขียนขึ้นมาเอง มันอาจไม่จำเป็นต้องบทเพลงที่มีถ้อยคำสวยหรูดูดีหรือว่ามีดนตรีที่ไพเราะเลิศเลอ แต่ขอแค่มันเป็นเพลงที่เราเขียนมันออกมาจากความรู้สึกในหัวใจ ต่อให้ถ้อยคำและท่วงทำนองมันดูแย่แค่ไหน...แต่มันก็จะเป็นบทเพลงที่ดังก้องในหัวใจของเราตลอดเวลา...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    /// มาอัพแล้วค่า ~~~ อาจจะมีหลายคนผิดหวัง (อีกแล้ว) เพราะคิดว่าพี่หมีจะขอน้องแกงเป็นแฟนจริง ๆ หุหุ...เค้าบอกแล้วไงว่า,,,ฟิคของเค้ามันเป็นฟิคแบบค่อยเป็นค่อยไป จะมาอยู่ ๆ ขอเป็นแฟน มันก็ไม่ช่ายยยยย ฮ่า ๆ ๆ ๆ ขอโทษนะคะที่เขียนมาแนวนี้....><

    เอาเป็นว่า...เค้าหวังเป็นอย่างยิ่งจริง ๆ ว่าคนอ่านจะมีความสุขและยิ้มได้กับทุกตัวอักษรและเรื่องราวในฟิคเรื่องนี้นะคะ...ถ้าคนอ่านยิ้ม เค้าก็ยิ้ม...^/\^

    ปล. บทเพลงที่เขียน อาจไม่ไพเราะโดนใจ...มือใหม่จริง ๆ ค่ะ...แต่ก็อยากให้คนอ่านชอบนะคะ

    แล้วเจอกันตอนต่อไป กับเรื่องราวที่ไม่รู้ว่ามันจะเอื่อยไปไหนของเค้าน้า...รักคนอ่านค่ะ จุ๊บๆ
    (ขออภัยหากมีคำผิดนะคะ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×