คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 9 : เพลงของเรา
บทที่ 9 : ‘เพลงของเรา’
“ตอนที่พี่ทำอาหารอยู่ในครัว พี่ทำให้ผมนึกถึงคน ๆ หนึ่ง”
“หืม ? ใครอ่ะ ? แฟนเราหรอ ?”
“ไม่ใช่ครับ แต่เขาเป็นคน ๆ หนึ่งที่เป็น ‘คนพิเศษสำหรับผม’ ต่างหาก” คำตอบที่มาพร้อมกับดวงตากลมที่เงยขึ้นไปมองบนท้องฟ้า ทำให้คนที่เดินอยู่ข้าง ๆ ต้องหยุดเดินแล้วหันหน้าไปมองคนพูดอย่างไม่เข้าใจ
“คนพิเศษ แต่ไม่ใช่แฟนเนี่ยนะ ?”
“ครับ...ก็คนพิเศษไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนเสมอไปนี่ฮะ คนพิเศษก็คือคนที่มีความสำคัญกับเรามากกว่าที่จะเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป แต่ไม่ได้หมายถึงแฟนหรือคนรักเสมอไปนะครับ อาจจะหมายถึงพ่อแม่ เพื่อน หรือว่าใครก็ได้...” แกงส้มอธิบายออกมา ก่อนจะยกยิ้มขึ้นอีกครั้ง เมื่อนึกไปถึงพี่หมี...คนที่เขากำลังพูดถึงอยู่ในขณะนี้
“อ่า...แล้วแกงมีแฟนหรือยัง”
“ยังครับ ผมทำงานไม่ค่อยเป็นเวลา...ไม่มีใครมาชอบหรือว่ามาสนใจหรอกครับ”
“หรอ...งั้นเรา...เป็น ‘แฟน’ กันไหม...”
เหวอรับประทาน!
ใบหน้าของแกงส้มเหวอขึ้นมาทันทีที่ฮั่นพูดประโยคนี้จบ ดวงตากลมโตของแกงส้มค้างเติ่งและเบิกโตจนแทบจะถลนออกมานอกเบ้า
นี่พี่ฮั่นเขาพูดบ้าอะไรของเขาออกมาเนี่ย!
“พะ พะ...พี่หมายความว่ายังไงครับ...”
“หืม...คำถามของพี่ชวนตอบยากขนาดนั้นเลยหรอ” นอกจากจะไม่ตอบคำถามของแกงส้มแล้ว ฮั่นยังเลือกที่จะถามคำถามกลับอีก เขาก้าวเท้าเดินเข้ามาใกล้คนหน้าหวานหนึ่งก้าว อากัปกิริยานี้ของเขายังความประหลาดใจให้เกิดกับแกงส้มเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มรีบก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว พลางส่งสายตาเป็นเชิงถามและไม่เข้าใจไปให้คนร่างสูง (กว่า) ทันที
“ผมไม่ตลกกับพี่นะครับพี่ฮั่น ผมเป็นผู้ชาย แล้วพี่ก็เป็นผู้ชาย เราจะเป็นแฟนกันได้ยังไง แล้วทำไมจู่ ๆ พี่ถึงมาถามผมแบบนี้ นี่พี่คิดจะแกล้งผมใช่ไหม...?”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ถามคำถามรัวอย่างกับปืนกลเลยนะแกงส้ม!”
“พี่หัวเราะแบบนี้ แสดงว่า...พี่แกล้งอำผมจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ก็ใช่น่ะสิ! นี่นายคิดว่าพี่จะขอนายเป็นแฟนจริง ๆ หรอ...พี่แค่จะแกล้งอำเราเล่นเท่านั้นแหล่ะ อยากจะดูว่าเราจะทำหน้ายังไงน่ะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ “ พูดจบ คนพูดก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น เรียกดวงตากลมโตของแกงส้มให้หรี่มองอย่างขุ่นเคือง ชายหนุ่มกำมือแน่น ก่อนจะใช้กำปั้น ต่อยเข้าไปเต็ม ๆ ที่ท้องของคนที่กำลังหัวเราะ
“โอ๊ย!!!!!!”
“แกล้งผมใช่ไหม นี่แน่ะๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” แล้วแกงส้มก็รัวกำปั้นทุบไปที่ไหล่ของคนที่ยืนตัวงอเพราะโดนเขาตุ๊ยท้อง
“โอ๊ยแกง...พอแล้ว เจ็บ...โอ๊ย...” ฮั่นร้องออกมาเสียงหลง พลางใช้มือของเขาจับหมับเข้าไปที่ข้อมือของคนที่กำลังรัวกำปั้นใส่เขา ฮั่นออกแรงดึงให้คนที่กำลังโมโหให้เขยิบเข้ามาจนชิด
“ปล่อยผมนะไอ้พี่ฮั่นนนนนนนน”
“ถ้าพี่ปล่อย แกงต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ทำร้ายร่างกายพี่”
“ชิ! ไม่มีทาง! ผมยังไม่หายเคืองพี่เลยนะ” แกงส้มว่า ก่อนที่เขาจะพยายามแงะมือที่จับข้อมือเขาออก แต่ฮั่นก็ไม่ยอมให้แกงส้มทำแบบนั้น สองคนยื้อข้อมือกันยื้อข้อมือกันมา จนฮั่นเกิดสะดุดขาตัวเองจนล้มหงายหลังไปบนพื้นถนน โดยมีร่างของแกงส้มล้มตามมาด้วย
“โอ๊ย...”
แกงส้มร้องออกมาทันที เมื่อหน้าผากของเขากระแทกเข้ากับหน้าผากของคนที่อยู่ด้านล่าง
“แกง...”
คนโดนเรียกชื่อก้มหน้าลงไปมองคนเรียก...ดวงตาของคนสองคนต่างมองสบกัน ก่อนที่ความรู้สึกบางอย่างจะค่อย ๆ ผลักให้ใบหน้าของแกงส้มก้มลงไปจนได้กลิ่นลมหายใจของกันและกัน
เปาะแปะ ๆ ๆ ๆ ๆ
เสียงของเม็ดฝนที่หล่นลงมา ทำให้แกงส้มรู้สึกตัว เขารีบผุดลุกขึ้น แล้วเอามือไปขยี้ผมตัวเองแก้เขินทันที ส่วนคนที่เพิ่งจะลุกตามมา ก็ยืนเอามือเกาท้ายทอยตัวเองอย่างรู้สึกเขินเหมือนกัน
“เอ่อ...พี่ว่าเราไปหาที่หลบฝนกันดีกว่านะ หรือไม่ก็...รีบวิ่งกลับคอนโดดีกว่า อีกนิดเดียวก็ถึงแล้วนี่”
“เอางั้นก็ได้ครับ”
พูดแค่นั้น แกงส้มก็รีบวิ่งนำหน้าฮั่น แต่...
หมับ! ฮั่นคว้าคอเสื้อของแกงส้มไว้ ก่อนจะชี้มือไปอีกทางหนึ่ง พลางพูดว่า
“คอนโดเราอยู่ทางโน้นแกง ทางนั้นน่ะกลับทางเดิม”
“อ่า...ผมขอโทษครับ แหะ ๆ”
“งั้นพี่ว่า...พี่คงต้องจับมือแกงแล้ววิ่งและล่ะ เพราะขืนให้แกงไปเอง คืนนี้ไม่ถึงคอนโด...” พูดจบ ฮั่นก็จับมือของแกงส้ม แล้วสอดนิ้วทั้งห้าของเขาเข้าไปที่นิ้วทั้งห้าของคนที่ยืนข้าง ๆ จากนั้นคนสองคนก็ออกวิ่งไปยังที่พักของตัวเอง
ในวันที่ฝนตก...หลายคนอาจจะรู้สึกเหงา...
แต่หนึ่งในหลายคนเหงานั้น ไม่มีคนสองคนที่เพิ่งจะจับมือวิ่งฝ่าฝนไปเมื่อสักครู่นี้แน่นอน...
“ผมรู้แล้วนะว่าพี่อยู่ห้องตรงข้ามกับผม” แกงส้มเอ่ยพูดขึ้นมาเมื่ออยู่กันตามลำพังภายในลิฟต์กว้าง
“อ่า...เพิ่งรู้หรอครับ”
“พี่ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนี้เลยนะ ร้ายกาจชะมัด! นี่คงจะคิดหาแผนการแกล้งผมอยู่ใช่ไหม ถึงได้ไม่ยอมบอกว่าตัวเองอยู่ห้องไหนน่ะ” แกงส้มว่าพลางทำปากจู๋แก้มป่อง คล้ายจะงอนนิด ๆ ฮั่นเห็นอาการนี้ของคนที่ยืนข้าง ๆ แล้ว เขาก็อดที่จะเอานิ้วไปจิ้มแก้มป่อง ๆ นั่นเล่นไม่ได้
“ฮื้อ...พี่มาจิ้มแก้มผมทำไมเนี่ย!”
“ก็แกงอยากมาทำแก้มป่องแบบนี้ทำไมล่ะ พี่ก็นึกว่าแกงจะทำแก้มป่องให้พี่จิ้มอ่ะดิ ฮ่า ๆ ๆ” พูดจบ คนพูดก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นลิฟต์ ทำให้คนโดนหัวเราะใส่ยิ่งทำแก้มตัวเองให้พองมากขึ้น
“ไอ้พี่ฮั่นบ้า!”
“เรียกพี่ว่าไอ้หรอ เดี๋ยวจะโดนนะ...”
“โดนอะไร นึกว่ากลัวหรือไง ว้ากกกกกกกก”
ติ๊ง!
แกงส้มรีบกระโดดหนีคนที่กระโจนเข้าใส่ทันที เป็นจังหวะที่ลิฟต์เปิดออกพอดี ขายาวรีบวิ่งอย่างเร็วไปยังห้องพักของตัวเอง โดยมีร่างสูงของฮั่นวิ่งตามมาติด ๆ
“อย่าหนีนะ มาให้พี่กัดซะดี ๆ แง่ง ๆ ๆ ๆ “ ฮั่นไม่พูดเปล่า แต่เขายังทำท่าจะกัดอย่างที่ปากพูดด้วย คนจะโดนกัดรีบวิ่งให้เร็วขึ้น แกงส้มวิ่งหนีฮั่นจะสุดทางเดิน เลยประตูห้องตัวเองมาหนึ่งห้อง เขาหอบหายใจถี่ พลางยกสองมือขึ้นมากั้นคนที่วิ่งตามมาหยุดยืนตรงหน้า
“พอแล้วพี่ฮั่น ผมเหนื่อยแล้ว...”
“ฮ่ะ ๆ ๆ เด็กน้อยเอ๋ย...วิ่งแค่นี้เหนื่อยแล้วหรอ หัดออกกำลังกายมั่งนะเราน่ะ” ฮั่นว่า ก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้ผมคนที่ยืนหอบหน้าแดงอย่างนึกเอ็นดู
“โห่พี่ฮั่น...จะไม่ให้ผมเหนื่อยได้ไง วันนี้ผมไปยืนล้างจานตั้งหลายชั่วโมงนะ แถมยังวิ่งหนีฝนอีก คนนะครับไม่ใช่หุ่นยนต์ จะได้วิ่ง ๆ ๆ แล้วไม่เหนื่อยอ่ะ” แกงส้มบ่น พลางยกหลังมือขึ้นมาปาดเหงื่อที่ไหลบริเวณข้างแก้ม ฮั่นเห็นดังนั้นก็ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนที่เขาจะเอาผ้าเช็ดหน้านั้นยื่นไปเช็ดเหงื่อที่ซึมบริเวณหน้าผากมน
สัมผัสแผ่วเบาทำให้หัวใจของแกงส้มเต้นไม่เป็นจังหวะ
“พี่ว่า...เดี๋ยวเรารีบเข้าไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวแล้วก็นอนพักผ่อนดีกว่า อ้อ! กินยาดักไข้ไว้ด้วยล่ะ วันนี้ตากฝนมาอีกนิดหน่อย เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้”
ฮั่นว่า พลางเก็บผ้าเช็ดหน้าของเขากลับเข้าไปที่เดิม สายตาของคนพูดที่มองมาอย่างอบอุ่น ทำให้คนที่มองสบตารู้สึกได้เลยว่าในทุกถ้อยคำที่ฮั่นเอ่ยออกมานั้น ล้วนแต่มีความจริงใจและความห่วงใยแฝงอยู่ทั้งสิ้น
พูดได้แค่สั้น ๆ ว่าตอนนี้เขา ‘หวั่นไหวมาก’
...หวั่นไหวจนรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้เขาเริ่มจะไม่เป็นตัวของตัวเอง...
พี่หมี...ผมควรทำยังไงดีครับ...
“งั้นผมขอตัวเข้าห้องก่อนนะครับ”
“อื้ม...”
แล้วแกงส้มก็เดินย้อนกลับไปห้องตัวเอง ก่อนที่เขาจะเสียบคีย์การ์ดเข้าห้องตัวเองไปแบบผิด ๆ ถูก ๆ เนื่องจากรู้สึกเขินกับสายตาที่มองตามมาของร่างสูง
ให้ตายเหอะ...จะมองอะไรกันนักกันหนานะ เขินนะเว้ย!
ส่วนคนที่ยืนมองตามจนคนที่เพิ่งเดินไป เดินหายเข้าไปในห้อง แล้วประตูปิดตัวลง ฮั่นก็ได้ฤกษ์เดินกลับมาที่ห้องของตัวเอง มือหนายกขึ้นมาจับที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง ก่อนที่เจ้าตัวจะงึมงำเบา ๆ ว่า
“น้องเคเอสครับ...ถ้าการที่พี่ใจเต้นกับแกงส้ม มันแปลว่าพี่ ‘หวั่นไหว’...แล้วการที่พี่ยิ้มได้กับทุกตัวอักษรของน้องมันคือความรู้สึกอะไรนะ...ใช่หวั่นไหวเหมือนแกงส้มหรือเปล่า หรือว่ามันมากกว่านั้น...โอ๊ย! นี่พี่กลายเป็นวันทองสองใจไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!!!!”
พูดจบ ฮั่นก็เอามือมายีผมตัวเองจนมันยุ่งเหยิง...
เขาว่าเขาเริ่มไม่เข้าใจตัวเองแล้ว
เขารู้สึกดีกับน้องเคเอสนะ...เพราะเขายิ้มได้ทุกครั้งที่ได้เขียนโต้ตอบจดหมายกับน้อง
แต่เขาก็เริ่มรู้สึกดีกับแกงส้มเหมือนกัน...
แม้จะเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง แต่เขาก็รู้หัวใจตัวเองดีว่ามันได้เกิดความรู้สึกบางอย่างกับคน ๆ นี้...
เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่...รู้สึกตัวอีกที เขาก็มีแกงส้มอยู่ในหัวใจแล้ว!
โอย...เขาไม่อยากจะต้องมีคนสองคนในหัวใจเลย...มันไม่ดีสักนิด...
ใครก็ได้บอกเขาที เขาควรทำยังไง!
“เฮ้อ...” แกงส้มถอนหายใจออกมา ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียง พลางนอนคว่ำ เอาตัวสนูปปี้วางไว้ข้างใต้อก พลางหยิบกระดาษที่เขาวางไว้ขึ้นมาดู
กระดาษสีขาวว่างเปล่า...
ตอนนี้เขายังคิดไม่ออกว่าควรจะเขียนอะไรลงไปดี...เพราะความรู้สึกที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ในวันนี้ ทำให้เขาลังเลที่จะเขียนถ้อยคำใดลงไป
เขาเริ่มรู้สึกได้เลยว่าเขา...กำลังมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับคนอีกคนหนึ่งที่ซึ่งเพิ่งจะเจอกันได้ไม่กี่ครั้ง และเพิ่งจะรู้จักชื่อกันวันนี้...
ความรู้สึกดี ๆ ที่เกิดขึ้นในหัวใจ ทำให้เขาเริ่ม ‘ลังเล’
แต่แล้วเมื่อแกงส้มหยิบจดหมายสีหวานออกมาจากกระเป๋า เขาก็อดที่จะหยิบมันออกมาอ่านอีกครั้งไม่ได้ รอยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้าหวาน ทำให้แกงส้มรู้ว่า...
ตอนนี้เขาจะเขียนอะไรลงไปในจดหมายดี!
แต่ก่อนที่เขาจะเขียนข้อความลงไปในจดหมาย แกงส้มก็ลุกขึ้นไปหยิบกีตาร์ที่วางหลบมุมห้องออกมา ก่อนที่เขาจะไปทรุดตัวลงนั่งที่เตียงนอน พลางเอาหลังพิงไปกับหัวเตียง จากนั้นดวงตาของแกงส้มก็มองออกไปที่นอกหน้าต่างกว้างซึ่งเห็นทิวทัศน์ของกรุงเทพฯในยามค่ำคืน
“เพลงของเรา...มันควรจะเป็นแบบไหนดีนะพี่หมี...”
เมื่อมองออกไป แกงส้มก็นึกตลกตัวเขาเอง...รวมทั้งตลกโชคชะตาด้วย
เขากับพี่หมี...ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย กลับมาเขียนบอกเล่าเรื่องราวให้กันเยอะแยะ...มันน่าแปลกประหลาดใจจริง ๆ
เคยคิดว่าบนโลกนี้จะไม่มีใครที่เกิดมาเพื่อฉัน
เคยคิดว่าบนฟากฟ้านั้นลืมฉันที่ต้องอยู่เดียวดาย
แต่เมื่อได้พบเธอก็รู้ว่าใครคือความหมาย
ที่ทำให้ฉันอยากหายใจอยู่ไปเพื่อ...ทุก ๆ วัน
เพราะมีเธอ ฉันจึงยิ้มได้ เพราะหัวใจอบอุ่นกับทุกครั้ง
กับทุกเรื่องราวเวลานาทีที่เรามีร่วมกัน
ทุกสิ่งนั้น...มันคือสิ่งที่มีความหมาย...
อยากให้เธอรู้ว่าเธอคือคนพิเศษ...สำหรับฉัน
เธอคือคนนั้น...ที่ฉันเฝ้าตามหา
อยากให้เธอรู้ว่าเธอคือคนที่มีค่า...กับหัวใจ
...
แล้วบทเพลงที่แกงส้มค่อย ๆ หลับตาพลางนั่งนึกไปถึงความทรงจำดี ๆ ระหว่างแกงส้มกับพี่หมีก็ได้ใช้หัวใจเขียนลงไปทีละตัวอักษรจนเสร็จสิ้นลง
มันเป็นเพลงที่ยังไม่สมบูรณ์นัก เพราะเป็นเพลงที่แกงส้มเขียนเนื้อร้องแบบสด ๆ โดยยังไม่ได้ใส่ดนตรีหรือว่าปรับแก้ไขอะไร จะมีก็แต่เพียงใส่ไลน์กีตาร์เข้าไปเพื่อประกอบจังหวะนิดหน่อยเท่านั้น แน่นอนว่าแกงส้มคงไม่ได้เล่นแล้วส่งไปเป็นเสียง แต่เขาเลือกที่จะเขียนเนื้อเพลงนี้ ใส่ลงไปในจดหมาย อีกอย่างที่เพลงนี้ยังไม่สมบูรณ์เพราะแกงส้มต้องการให้คนที่อ่าน ได้ลองเขียนเนื้อเพลงนี้ต่อจากเขา...
เพื่อที่มันจะได้เป็น ‘บทเพลงของเรา’ อย่างสมบูรณ์...
จากนั้นแกงส้มก็เขียนคำพูดลงไป ต่อจากเนื้อเพลง...
ถึง พี่หมี ...
ขอโทษ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ขอโทษจริง ๆ ครับ...
ผมทำให้พี่ต้องนั่งรอผมนานขนาดนั้นได้ยังไงนะ! ผมทำได้ยังไง! ผมมันเป็นคนที่ใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ ผมขอโทษนะครับพี่หมี...จากนี้ต่อไป ผมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแล้วครับ...ผมสัญญา
ผมรู้ว่าประสบการณ์ที่แย่นั้นทำให้พี่ไม่อยากมาเจอกับผมอีก...ผมเข้าใจความรู้สึกของพี่ครับ
เอาเป็นว่าถ้าพี่พร้อมเมื่อไหร่...เราค่อยนัดเจอกันใหม่ก็ได้ครับ
เพราะผมยังเชื่อเสมอว่า...สักวันหนึ่งต้องเป็น ‘วันของเรา’ ครับ ^^
ผมจะรอจนกว่าจะถึงวันนั้นนะฮะ...
ผมอยากจะบอกกับพี่หมีว่า...ราเม็งของพี่มันอร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก (ขออนุญาตลากเสียงยาวประกอบคำพูดนะครับ) เพราะว่ามันอร่อยมากจริง ๆ นี่พี่เป็นเชฟอาหารร้านไหนเนี่ย...บอกผมมานะ ผมจะไปฉกตัวพี่มาอยู่ที่ห้องของผม พี่จะได้มาทำอาหารให้ผมกินทุกวันเลย...
แบบว่า...ติดใจอาหารฝีมือเชฟหมีง่ะ...(รับผิดชอบเค้าเลยนะ)
ตอนนี้ผมอยากกินอาหารไทยรสจัด ๆ บ้างแล้ว...ทำให้กินหน่อยสิคร้าบบบบบบบ (แกงเขียนหวานก็ได้นะครับ...ผมอยากกิน...)
ว่าแต่...ผมคงไม่รบกวนพี่เกินไปใช่ไหมครับ
ถ้าอย่างนั้น...ขอของหวานด้วยนะฮะ...ฮ่า ๆ ๆ ๆ
พี่หมีครับ...ผมเขียน ‘เพลงของเรา’ มาให้พี่อ่านแล้วน้า...ลองอ่านดูสิครับ ว่าชอบไหม...มันโอเคหรือเปล่า...ปกติผมก็ชอบแต่งเพลงนะ แต่มันก็ไม่ค่อยเวิร์กมากเท่าไหร่...ถ้าพี่ไม่รังเกียจที่จะก้าวเข้ามาในโลกของผม พี่ก็ลองแต่งต่อจากผมดูสิครับ...เผื่อเพลงนี้มันจะเป็นเพลงของเราอย่างสมบูรณ์จริง ๆ
พี่หมีครับ...ผมไม่เคยเบื่อที่จะอ่านจดหมายของพี่เลยนะครับ ย้ำว่าไม่เคยเบื่อ! เพราะทุกตัวอักษรที่พี่เขียนมา มันทำให้ผมยิ้มได้ทุกครั้ง และเมื่อหยิบมันขึ้นมาอ่านอีกกี่ครั้ง ผมก็ยังยิ้มได้ทุกครั้งเสมอ...
ในเวลาที่ผมรู้สึกเหนื่อยจากการทำงาน เหนื่อยกับสิ่งที่ต้องพบเจอในแต่ละวัน ผมก็ได้จดหมายของพี่นี่แหล่ะครับ ที่เติมต่อกำลังใจดี ๆ ให้กับผม...พี่คือ ‘คนที่พิเศษ’ สำหรับผมครับ...
แม้ว่าวันนี้ผมจะได้เจอคนที่พิเศษอีกคนหนึ่ง...แต่พี่ก็ยังเป็นคนพิเศษของผมนะครับ
พี่อาจจะงงว่าทำไมผมมีคนพิเศษเยอะจัง...คนพิเศษของผม คือคนที่ไม่ธรรมดาสำหรับผมยังไงล่ะครับ!
เอ๊ะ! ยิ่งผมพูด พี่จะยิ่งงงหรือเปล่านะ...
แต่เอาเป็นว่า...ไว้จดหมายฉบับต่อไป ผมจะเล่าเรื่องคนพิเศษอีกคนของผมให้พี่ฟังนะครับ...
ที่ผมอยากเล่าให้พี่ฟัง ก็เพราะว่าเขามีบางอย่างที่ ‘คล้าย’ กับพี่จนผมตกใจเลยล่ะครับ...!
โอ๊ะ!!! นี่ผมเวิ่นมายาวแล้วหรอครับเนี่ย...พอแค่นี้ก่อนเนอะ เดี๋ยวพี่หมีจะไม่มีเวลาไปทำของอร่อย ๆ มาให้ผมทานอีก...แล้วเจอกันใหม่ในจดหมายฉบับหน้านะครับ
จาก น้องเคเอส
ปล. ทุกความห่วงใยที่ส่งผ่านไปทางตัวอักษร หวังว่าคนที่อ่านจะทำให้นึกถึงคนส่งก่อนนอนนะครับ กลางคืนเวลานอน ก็ห่มผ้ามาถึงอกด้วยนะครับ แล้วอย่าลืมกินนมอุ่น ๆ ก่อนนอน (จะได้หลับสบาย) และสวดมนต์ไหว้พระทำจิตใจให้สงบด้วยครับ (อย่าจิตฟุ้งซ่านเพราะคิดถึงผมล่ะ...ขอเตือนด้วยความหวังดี) ><
จากนั้นคนเขียนก็นั่งอมยิ้มจนแก้มตุ่ย...นี่เขาเป็นคนชอบเขียนอะไรแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ!
มันดูแบ๊ว ๆ แล้วก็เหมือนไม่ใช่เขาเลย...แต่มันก็ทำให้เขายิ้มได้นะ และมันก็คงจะทำให้คนที่ได้รับจดหมายฉบับนี้ยิ้มได้เหมือนกัน
ยิ้ม...เพราะรู้สึกดี
ยิ้ม...เพราะมีความสุข
ยิ้ม...และยิ้ม...
แล้วค่ำคืนนั้น แกงส้มก็นั่งมองท้องฟ้าในยามราตรีด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย วันนี้เขาได้พบเจอกับเรื่องราวมากมาย...เรื่องราวจากคนที่ทำให้หัวใจของเขารู้สึกพิเศษ...
หากชีวิตของคนหนึ่งคนได้พบเจอกับเรื่องราวดี ๆ คงไม่มีใครอยากจะต้องพบเจอกับเรื่องราวที่เลวร้าย หากแต่ใครจะไปรู้ว่าชีวิตวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร...
ดังนั้นขอเพียงค่ำคืนนี้...ที่หัวใจจะได้รู้สึกดีกับความสุขที่เขาได้สร้างขึ้นมา...
แม้มันจะเป็นเพียงมโน...แต่มันก็เป็นมโนที่สุขหัวใจเหลือเกิน
“พี่หมี...คืนนี้พี่จะนั่งรอจดหมายของผมอยู่ไหมนะ...แล้วไอ้พี่ฮั่น...จะคิดอะไรแผลง ๆ มาแกล้งอำผมอีกหรือเปล่าเนี่ย...เฮ้อ...ผมชักอยากจะเขย่า ๆ ๆ แล้วรวมเอาพี่สองคนมาเป็นคน ๆ เดียวกันจัง...”
แต่มันคงเป็นไปไม่ได้สินะ...
ติ๊งต่อง~
เสียงกดออดในยามเช้าเรียกดวงตาของคนที่หลับใหล ให้ปัดผ้าที่คลุมหัวออก แกงส้มโผล่ศีรษะออกมา พลางหยิบนาฬิกาบนหัวเตียงขึ้นมาดู
06.30 น.
ใครมากดออดแต่เช้าวะ!
“เฮ้ย!!!!!!”
“ตกใจอะไรแกง...ทำอย่างกับเห็นผี”
“พี่โน่!!!!!! พี่มาได้ไงเนี่ย!?!”
แกงส้มถามพลางอ้าปากหวอทันทีที่เห็นใบหน้าหล่อใสสไตล์ตี๋อินเทรนด์ของคนเป็นพี่
พี่ ‘โตโน่’ เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา...ที่ซึ่งเขาไม่เคยเจอกับพี่คนนี้มานานมากแล้ว แต่อยู่ ๆ พี่แกโผล่มาได้ยังไงเนี่ย
งง!
“ก็ขับรถมาสิ”
“ไม่ใช่พี่...คือพี่รู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่ ผมว่าผมไม่เคยบอกคนที่บ้านนะว่าผมอยู่นี่”
“อื้อ...แกงไม่เคยบอกคนที่บ้าน แต่แกงบอกอาคิมนี่...”
“อ๋อ...นี่อาคิมบอกพี่หรอว่าผมอยู่ที่นี่ ฮึ่ม!!!! ว่าแต่...แล้วพี่มาหาผมทำไมครับ” แกงส้มถาม ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบให้โตโน่เดินเข้ามา ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาราวกับต้องการจะสำรวจตรวจตราหาอะไรสักอย่าง
“พี่โน่...ผมถามว่าพี่มาหาผมทำไมครับ”
“อ่อ อ้อ...ก็พอดีคิดถึง”
“อย่ามาสตอเบอรี่พี่...ร้อยวันพันปีพี่ไม่เคยคิดจะมาหาผม ทั้ง ๆ ที่อยู่ใกล้ผมแค่เอื้อม แต่วันนี้ดันมาหาได้ บอกมาดีกว่า ว่ามาทำไม” แกงส้มพูดดักอย่างคนรู้ทัน ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งที่โซฟา โดยมีร่างสูงของโตโน่นั่งตาม
“คือเมื่อคืนลุงหนูโทรหาพี่ บอกว่าให้ช่วยมาดูแกงหน่อย ว่าอยู่กับอาคิมแล้วเป็นยังไงบ้าง”
“แล้วยังไงต่อพี่...”
“แล้วลุงหนูก็อยากรู้ว่า...แกงมีแฟนหรือยังน่ะ...ถ้ายังไม่มีลุงหนูจะหาให้”
“เฮ้ย! ป๊านะป๊า...อยู่ดี ๆ จะมาหาแฟนให้ผมทำไมเนี่ย!?!”
“พี่ก็ไม่รู้ว่ะ แต่ลุงหนูบอกว่า อีก 3 วันจะลงมาที่กรุงเทพ ถ้าแกงยังไม่มีแฟน...เขาจะหาให้ทันที!” เมื่อได้ฟังคนเป็นพี่พูดจบ แกงส้มก็ยีผม (ที่ยุ่งอยู่แล้ว) ให้ยุ่งหนักกว่าเดิม พลางลุกขึ้นเดินวนไปวนมาเป็นเสือติดจั่น
หาแฟนให้!
ฆ่าเขาให้ตายดีกว่า!
“อ้อ...แล้วลุงหนูก็ยังบอกอีกว่า...ลุงหนูจะมาอยู่ที่กรุงเทพหนึ่งอาทิตย์!” จบคำพูดของพี่โตโน่ ผมก็แทบจะล้มทั้งยืน...
ป๊าจะมาอยู่กรุงเทพฯหนึ่งอาทิตย์!
อ๊ากกกกกกก แบบนี้ป๊าก็รู้ความจริงน่ะสิว่าเขาทำงานเป็นดีเจ...แถมยังย้ายออกมาจากบ้านคิมมาอยู่คอนโดคนเดียวด้วย
งานเข้าแล้วไอ้แกงส้ม!
“ทำไงดีวะพี่โน่...”
“ก็ไปอยู่กับอาคิมหนึ่งอาทิตย์สิ ไม่เห็นจะยากเลย”
“แต่ผมอยากอยู่ที่นี่อ่ะ!”
“มีอะไรที่นี่ให้นาย ‘ติดใจ’ อย่างนั้นหรอ...?” คำถามที่มาพร้อมกับดวงตาที่เหมือนจะรู้ทันของคนเป็นพี่ ทำให้แกงส้มต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
“ไม่มีครับ”
“ถ้าไม่มี...งั้นก็เตรียมตัวรอรับพ่อนายด้วยแล้วกัน พี่มาแจ้งข่าวเท่านี้แหล่ะ...” พูดจบ โตโน่ก็ลุกขึ้นยืน พลางหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้แกงส้มต้องยืนกุมขมับตัวเองอย่างปวดหัว
ขายาวรีบก้าวตามคนเป็นพี่ออกไป ก่อนที่เขาจะต้องหยุดยืนแอบมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้าห้องของเขา
“หมิว...”
“เฮีย...”
“นี่หมิวพักอยู่ที่นี่หรอ...?”
“ค่ะ...เฮียมาทำอะไรที่นี่คะ แล้วนั่น...ออกมาจากห้องของแกงส้มด้วย...” หมิวถาม ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นมองหน้าคนตรงหน้าอย่างต้องการคำตอบ
“เฮียกับแกงส้มเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แล้วหมิว...เป็นยังไงบ้างครับ ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง เฮียก็ไม่ได้เจอหมิวเลย เฮียต้องขอโทษแทน ‘กวาง’ เค้าด้วยนะ...”
คำขอโทษจากคนตรงหน้า ทำให้หมิวต้องกลืนก้อนสะอื้นลงคอ...
ทำไมต้องขอโทษแทนกันด้วย...
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หมิวไม่ได้เป็นอะไรมาก หมิวขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวสิหมิว...เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ” แรงฉุดที่ข้อมือ ทำให้หมิวต้องหันหน้ากลับมามองใบหน้าคมอีกครั้ง
“หมิวว่าเฮียกลับไปเคลียร์คนของเฮียให้เรียบร้อยก่อนดีกว่าค่ะ หมิวขอตัว...” พูดจบ หมิวก็ปลดข้อมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของคนตรงหน้า พลางเปิดประตูเข้าห้องของตัวเองไป
“เฮ้อ...เอาไงดีวะกู...”
“ก็ไม่ต้องเอาไงหรอกพี่ ว่าแต่...เป็นอะไรกันอ่ะ” คำถามของแกงส้มที่มาพร้อมกับดวงตาอยากรู้อยากเห็น เรียกมะเหงกให้เขกลงกลางศีรษะทุยหนึ่งทีเต็ม ๆ
“ไม่ใช่เรื่องของนาย เอาเรื่องของตัวเองให้รอดเถอะ ไหนจะเรื่องแฟนที่ต้องมี ไหนจะเรื่องที่อยู่ ไหนจะเรื่องงาน จัดการให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 3 วันด้วย ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าคนหล่อไม่เตือน...” พูดจบ โตโน่ก็เดินออกไปจากตรงนี้ ทิ้งให้แกงส้มต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“นั่นสินะ...จะเอายังไงกับชีวิตต่อไปดีวะกู...”
บทเพลงที่พิเศษที่สุด คือบทเพลงที่เราเขียนขึ้นมาเอง มันอาจไม่จำเป็นต้องบทเพลงที่มีถ้อยคำสวยหรูดูดีหรือว่ามีดนตรีที่ไพเราะเลิศเลอ แต่ขอแค่มันเป็นเพลงที่เราเขียนมันออกมาจากความรู้สึกในหัวใจ ต่อให้ถ้อยคำและท่วงทำนองมันดูแย่แค่ไหน...แต่มันก็จะเป็นบทเพลงที่ดังก้องในหัวใจของเราตลอดเวลา...
/// มาอัพแล้วค่า ~~~ อาจจะมีหลายคนผิดหวัง (อีกแล้ว) เพราะคิดว่าพี่หมีจะขอน้องแกงเป็นแฟนจริง ๆ หุหุ...เค้าบอกแล้วไงว่า,,,ฟิคของเค้ามันเป็นฟิคแบบค่อยเป็นค่อยไป จะมาอยู่ ๆ ขอเป็นแฟน มันก็ไม่ช่ายยยยย ฮ่า ๆ ๆ ๆ ขอโทษนะคะที่เขียนมาแนวนี้....><
เอาเป็นว่า...เค้าหวังเป็นอย่างยิ่งจริง ๆ ว่าคนอ่านจะมีความสุขและยิ้มได้กับทุกตัวอักษรและเรื่องราวในฟิคเรื่องนี้นะคะ...ถ้าคนอ่านยิ้ม เค้าก็ยิ้ม...^/\^
ปล. บทเพลงที่เขียน อาจไม่ไพเราะโดนใจ...มือใหม่จริง ๆ ค่ะ...แต่ก็อยากให้คนอ่านชอบนะคะ
แล้วเจอกันตอนต่อไป กับเรื่องราวที่ไม่รู้ว่ามันจะเอื่อยไปไหนของเค้าน้า...รักคนอ่านค่ะ จุ๊บๆ
(ขออภัยหากมีคำผิดนะคะ)
ความคิดเห็น