คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : บทที่ 28 : ค่อย ๆ รักกัน เบาเบา
บทที่ 28 : ค่อย ๆ รักกัน ‘เบาเบา’
“เอาล่ะครับ ก่อนที่จะถึงเวลาแปดโมงเช้าในอีกไม่กี่นาที ผมก็ขอเปิดเพลงส่งท้ายสำหรับเช้านี้ด้วยเพลงที่ทุกคนอาจจะคิดไม่ถึงว่าดีเจฮิพฮอพสุดฮอตอย่างกระผมจะฟังได้ นั่นก็คือเพลง ‘เบาเบา’ ของพี่ ๆ วง Singular ที่เรียกได้ว่าเพลงนี้ฮอตกันข้ามปีข้ามชาติจริง ๆ ครับ เพลงนี้ถ้าเราลองฟังดี ๆ เราจะรู้ครับว่า...สำหรับคนที่รักกันแล้ว ไม่จำเป็นต้องเจอกันทุกวันครับ ถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างไกลกัน ก็ไม่ได้แปลว่าหัวใจของเราจะต้องห่างกันตามระยะทาง เพราะความรัก...ขึ้นอยู่กับความมั่นคงในหัวใจ...คิดถึงผมในเวลาที่พวกคุณเหงา ผมก็โอเคนะคร้าบ ขอแค่ยังคิดถึงผมก็พอ...ไปฟังเพลงนี้กันเลยครับ...”
~คิดถึงฉันสักครั้งเมื่อไม่ได้คิดถึงใคร
ทำตัวตามสบายเหมือนเจอะในความฝัน
มีเวลาดี ๆ ก็บอกให้ฉันได้ฟัง
ไม่มากเกินกว่านั้น...
ค่อย ๆ รักกันเบา ๆ~
เสียงเพลงที่ดังเรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน แกงส้มหันไปมองคนที่นอนเหยียดขายาวบนโซฟา วงแขนแกร่งที่กอดอกมาพร้อมกับอาการสั่นเล็ก ๆ คนมองเห็นแบบนั้นก็ลุกเดินไปเปิดตู้ล็อกเกอร์ แล้วหยิบผ้าห่มผืนหนาออกมา ก่อนที่แกงส้มจะคลี่ผ้าห่มผืนนั้น แล้วห่มไปบนร่างสูง
นิ้วเรียวไล้ไปที่ใบหน้าคมที่หลับสนิทตั้งแต่ข้างแก้มเรื่อยลงมาจนถึงปลายคาง รอยยิ้มหวานที่แต่งแต้มบนใบหน้าทำให้แกงส้มส่ายศีรษะเบา ๆ
“ทำไมถึงได้น่าหลงใหลแบบนี้นะพี่หมี...” แกงส้มไม่พูดเปล่าแต่ยังนั่งขัดสมาธิที่พื้นแล้วมองจ้องใบหน้าของคนหลับด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความรักใคร่
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงทำให้เขาได้มาเจอกับคน ๆ นี้..
เป็นเพราะโชคชะตา พรหมลิขิตที่ขีดเส้นมาให้เราได้เจอกัน...หรือเพราะอะไร...
เขาก็ไม่อาจรู้ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่รู้ก็คือ...
หัวใจของเขารักใครไม่ได้อีกแล้ว นับจากวันที่ได้เจอกับพี่ฮั่น...หัวใจของเขาก็เป็นของคน ๆ นี้...และมันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป...ตราบเท่าที่ลมหายใจของเขายังมี
มันอาจจะฟังดูเหลือเชื่อแต่นี่คือความรู้สึกทั้งหมดที่มีในหัวใจของเขาจริง ๆ...
แกงส้มค่อย ๆ ชะโงกหน้าเข้าไปใกล้คนที่กำลังหลับ ก่อนที่เขาจะประทับริมฝีปากสวยลงไปที่กลีบปากสีชมพูของคนเป็นพี่ ความอบอุ่นที่ค่อย ๆ แผ่จากสัมผัสที่แผ่วเบานี้ ทำให้คนที่หลับอยู่คล้ายตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน
ความรู้สึกที่ถูกถ่ายทอดผ่านสัมผัสทำให้ฮั่นรู้สึกตัว ชายหนุ่มลืมตาขึ้นก่อนที่เขาจะเห็นแพขนตาเรียงยาวของคนเป็นน้อง ดวงตาที่หลับสนิทของแกงส้มทำให้ฮั่นตัดสินใจตอบสนองจูบของคนหน้าหวานด้วยการนอนนิ่ง ๆ พลางหลับตาลงปล่อยให้แกงส้มเป็นคนนำพาเขาไปตามความรู้สึกที่เจ้าตัวเป็นคนพาไป
ความรู้สึกอบอุ่นละมุนละไมนำพาให้หัวใจสองดวงของคนสองคนล่องลอยราวกับตกอยู่ในห้วงความฝันที่แสนหวาน กลิ่นความรักที่ลอยอบอวลทำให้คนทั้งคู่แทบจะไม่อยากลืมตาตื่น โดยเฉพาะคนที่ตื่นแล้ว...
แกงส้มผละออกจากใบหน้าของคนเป็นพี่ ก่อนที่เขาจะนั่งตัวแข็งทื่อเอามือขึ้นมาแตะริมฝีปากของตัวเอง พลางใช้มืออีกข้างปล่อยมะเหงกเขกลงกลางศีรษะตัวเอง
“ไอ้บ้าแกงเอ๊ย! ทำอะไรของแกวะ ถ้าพี่ฮั่นรู้ได้เอามาล้อแกตายแน่ ฮึ่ย!!!! แต่ทำไมจูบเมื่อกี้มันถึงให้ความรู้สึกที่ ‘หวานจับใจ’ จังวะ...” แกงส้มฮึดฮัดกับตัวเองก่อนที่เจ้าตัวจะเม้มริมฝีปากแน่น เมื่อนึกไปถึงจูบเมื่อไม่กี่น่าทีก่อนหน้านี้ ยิ่งยามที่ทอดสายตามองคนที่หลับสนิท แกงส้มยิ่งรู้สึกเขินปนเคืองตัวเอง
ถ้าพี่ฮั่นรู้...จะเป็นยังไงนะ ?
โอ๊ย! ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหตัวเอง...
นี่เขาเป็นคน ‘หื่น’ แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!?!
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก
ฮั่นที่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาแบบหรี่ ๆ แทบจะหลุดขำพรืดออกมาเมื่อเห็นสภาพของแกงส้มที่กำลังดึงทึ้งผมตัวเองคล้ายกำลังสับสนอย่างแรง
โธ่...เด็กน้อยเอ๊ย...
แต่จะว่าไปแล้ว...จูบเมื่อกี้นี้ของแกงส้มก็ ‘หวานจับใจ’ เขาอย่างที่แกงส้มพูดแฮะ
“อื้มมมมมมมมมม...” ฮั่นแกล้งครางออกมาคล้ายเพิ่งจะรู้สึกตัวตื่น ซึ่งเสียงของเขาก็ทำให้คนหน้าหวานที่กำลังสับสนในตัวเองสะดุ้งเล็ก ๆ ก่อนที่คนสะดุ้งจะรีบเอามือมาจัดผมจัดเผ้าตัวเอง แล้วหันมายิ้มตาใสให้เขา
“ตื่นแล้วหรอพี่ฮั่น”
“อื้อ...ตื่นแล้วสิแกง ถ้าไม่ตื่นแกงจะเห็นพี่ลืมตาหรอ” เกรียนเบา ๆ ก่อนที่ฮั่นจะโดนคนตรงหน้าวาดมือมาฟาดเต็ม ๆ ที่ไหล่เป็นการต้อนรับยามเช้าที่แสนสดใส
“เกรียนแต่เช้าเลยนะพี่ฮั่น ถ้าตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าล้างตาไปพี่ เหม็นขี้ฟัน~” แกงส้มว่าพลางย่นจมูกบ่งบอกอาการเหม็นประกอบคำพูดของตัวเอง ฮั่นเห็นแบบนั้นก็ขำออกมา
“แหมทำเป็นเหม็นนะแกง ที่เมื่อกี้ยัง...” ฮั่นหยุดพูดแค่นั้น ก่อนที่เขาจะรีบเอามือมาตะครุบปากตัวเอง แล้วลุกขึ้นนั่งหลังตรง
“เมื่อกี้ทำไมพี่ฮั่น ?????” แกงส้มถามพลางมองหน้าคมด้วยแววตาสงสัย
พี่ฮั่นพูดเหมือนรู้ว่าเมื่อตะกี้เขาแอบ ‘ขโมยจูบ’ พี่เขา...แต่จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อตอนที่เขาจูบ...พี่ฮั่นไม่ได้ตอบสนองอะไรกลับมา...
“ทีเมื่อกี้...เมื่อกี้ลมพัดเย็นดีเนอะ พี่ไปล้างหน้าล้างตาดีกว่า” พูดจบ คนพูดก็รีบผุดตัวลุกขึ้น แล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งความสงสัยให้ลอยวนในใจของคนที่มองตาม
“ไม่หรอกน่า...พี่ฮั่นเพิ่งตื่น อย่าคิดมากไอ้แกง” แกงส้มว่าพลางตบแก้มตัวเองเบา ๆ แล้วลุกขึ้นไปนั่งที่หน้าเครื่องคอนโทรลเหมือนเดิม
ส่วนคนที่อยู่ในห้องน้ำ รีบยกมือขึ้นกุมแก้มตัวเองไว้ทั้งสองข้าง ความร้อนที่แผ่กระจายทั่วใบหน้าคมทำให้เจ้าตัวรู้เลยว่าตอนนี้เขากำลัง ‘เขิน’ (อีกแล้ว) นิ้วเรียวที่แตะสัมผัสกับริมฝีปากของตัวเองเรียกรอยยิ้มหวานให้ปรากฏบนใบหน้า
“ร้ายนักนะไอ้ตัวแสบ...แอบมา ‘ลักหลับ’ เค้า...เดี๋ยวเถอะ..เดี๋ยวจะโดน ‘เอาคืน’...”
ฮั่นบ่นงึมงำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองกระจกเงาที่สะท้อนใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ
ใบหน้าที่กำลังแย้มยิ้มเหมือนคนบ้าเพราะรู้สึกดีกับสัมผัสของคนที่อยู่ด้านนอก เรียกอัตราการเต้นของหัวใจของคนยิ้มให้เร็วและแรงขึ้น
ให้ตายเหอะ...ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมถึงเป็นได้ขนาดนี้
เขาไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน และคิดว่าชาตินี้ก็คงเป็นแบบนี้กับใครไม่ได้อีกแล้วเหมือนกัน
อย่าถามว่าเขารักแกงส้มมากแค่ไหน...อย่าถามว่าทำไมต้องเป็นคน ๆ นี้...
เพราะเขาคงไม่มีคำตอบดี ๆ ให้...คงมีแต่คำตอบสั้น ๆ ง่าย ๆ แค่ว่า...
เพราะเป็นแกงส้มคนนี้...คนนี้คนเดียวเท่านั้น
เป็นคนอื่นไม่ได้!
“แกงเลิกงานกี่โมงอ่ะ...?”
เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำ ฮั่นก็เอ่ยถามคนที่นั่งดื่มน้ำ ก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ พลางยกมือขึ้นไปเกลี่ยผมที่ปิดอยู่บริเวณหน้าผากของแกงส้ม สัมผัสนี้ของฮั่นทำให้แกงส้มตาโตขึ้น
“เอ่อ...ผมเลิกงานประมาณแปดโมงครับ แต่พี่หนึ่งจะมาก่อนสักราว ๆ ครึ่งชม.แต่ทำไมวันนี้ถึงยังไม่มาก็ไม่รู้ครับ” ตอบพลางเสสายตาตัวเองหลบสายตาคมที่มองมา
ทำไมวันนี้พี่ฮั่นมองเราบ่อยจังวะ...
“อ้อ...งั้นอีกเดี๋ยวก็คงมามั้ง เช้านี้แกงอยากกินอะไรครับ”
“ผมอยากกินอะไรร้อน ๆ อ่ะพี่ฮั่น”
“ไฟไงแกง ร้อนดีนะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ตอบเสร็จ ฮั่นก็หัวเราะออกมาเมื่อเห็นใบหน้าหวานงอง้ำเพราะโดนเขาเกรียนใส่
“พี่ฮั่นบ้า! ใครเค้าจะไปกินไฟกันเล่า”
“อ้าว ? ก็แกงบอกว่าอยากกินอะไรร้อน ๆ นี่นา ไฟมันไม่ร้อนหรอ”
“ไฟมันร้อนครับ แต่พี่กินไปคนเดียวเหอะ” แกงส้มว่าพลางเหวี่ยงค้อนใส่หน้าคนเป็นพี่ ฮั่นเห็นแบบนั้นก็อดเอื้อมมือมาโยกศีรษะของคนที่นั่งทำหน้าเหวี่ยงไม่ได้
“โอ๋ ๆ ๆ ๆ พี่ก็ล้อแกงเล่นหรอกน่า ใครจะให้ ‘สุดที่รักของพี่’ ไปกินไฟกัน แต่ถ้าจะให้กินจริง ๆ ก็คงจะเป็น ‘ไฟรัก’ ที่พี่เป็นคนจุด...”
“บะ บ้าหรอพี่ฮั่น ใครเป็นสุดที่รักของพี่ อย่ามาขี้ตู่นะ! แล้วมุกไฟรักนี่มันอะไร พี่เป็นคนชอบเล่นมุกเสี่ยว ๆ แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” แกงส้มถามด้วยใบหน้าที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขินและเริ่มไปต่อไม่ถูก
“พี่เพิ่งชอบเล่นมุกเสี่ยวก็อีตอนที่ได้เจอกับแกงนี่แหล่ะครับ ฮ่ะ ๆ แล้วพี่ก็ไม่ได้ขี้ตู่นะ พี่มาลองคิด ๆ ดูแล้ว...ในจดหมายที่แกงเขียนถึงพี่ แกงบอกว่าถ้าสัญญาการเป็นแฟนของเราสองคนต้องจบลง แกงก็จะทำทุกทางให้เราได้มาเป็นแฟนกันเหมือนเดิม ต่อให้แกงจะต้องจีบพี่ก่อน แกงก็จะทำ...”
“พอแล้วพี่ฮั่น!!!! ไม่ต้องพูดแล้วนะ หยุดพูดไปเลยยยยยยยยยยย” แกงส้มรีบเอามือไปปิดปากคนที่กำลังพูด พลางกัดริมฝีปากตัวเอง
ไอ้พี่ฮั่นบ้า!
จำได้เกือบจะทุกคำพูดเลย...!!!
“ไอ้อี้อุดอู้ดอำไออ่า อ้ออี้อู้ดอามอิงอี้อา...” (ให้พี่หยุดพูดทำไมอ่ะ ก็พี่พูดความจริงนี้นา)
ฮั่นอู้อี้ ๆ ตอบกลับคนเป็นน้อง
“พี่ว่าอะไรพี่ฮั่น”
“อ่อยอากอี้อ่อนอิ!!” (ปล่อยปากพี่ก่อนสิ)
“ฮะ ? อะไรนะครับ” แกงส้มแกล้งทำเป็นฟังไม่รู้เรื่อง ก่อนจะเอียงหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ใบหน้าคมอย่างจงใจยั่วประสาท ผลที่ได้กลับมาคือ...
ฮั่นออกแรงดึงตัวคนที่ชะโงกเข้ามาใกล้ให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด แต่คงจะออกแรงมากไปหน่อย เพราะเก้าอี้ที่ฮั่นนั่งเกิดหงายหลังจนล้มลงไปนอนแผ่หลาที่พื้นทั้งคู่ โดยฮั่นอยู่ข้างล่างแล้วมีแกงส้มนอนทับอยู่ข้างบน ใบหน้าของแกงส้มอยู่ตรงแผ่นอกกว้างพอดิบพอดี จนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นไหวของคนที่นอนเอามือมาจับด้านหลังศีรษะตัวเองเพราะรู้สึกเจ็บปนมึนเล็ก ๆ จากแรงกระแทก
“เฮ้ย !!!!!”
ยังไม่ทันที่ฮั่นและแกงส้มจะได้ลุกขึ้น คนที่เปิดประตูเข้ามาก็ตกใจกับภาพตรงหน้าจนต้องร้องเฮ้ยออกมาเสียงดังลั่น เมื่อได้ยินเสียงของหนึ่ง แกงส้มก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“พี่หนึ่ง มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะ พอดีเมื่อกี้เราเกิดอุบัติเหตุกันนิดหน่อยครับ”
แกงส้มว่าก่อนที่เขาจะต้องเขินเมื่อเห็นสายตาของคนที่เพิ่งเดินเข้ามามองเขา และยิ่งเขินหนักเมื่อมือหนาของฮั่นที่คว้ามือของเขาไว้และออกแรงกระตุกเบา ๆ เป็นเชิงบอกให้เขาฉุดมือของคนที่ลุกขึ้นนั่งอยู่ที่พื้นให้ลุกยืนขึ้น แกงส้มออกแรงดึงฮั่นให้ลุกขึ้นยืน
“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรแกงซะหน่อย เห็น ๆ กันอยู่ว่าเก้าอี้ล้มลงมา จะไปเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่อุบัติเหตุได้ยังไง ว่าแต่เรารู้หรอว่าพี่คิดอะไร...”
คำถามที่มาพร้อมกับสายตาที่แสดงออกเหมือนว่ารู้ทันกับสิ่งที่แกงส้มกำลังอธิบาย ทำให้คนถูกถามหน้าแดงมากขึ้น
พี่หนึ่งนะพี่หนึ่ง...
“ผมก็พูดไปเรื่อยน่ะพี่หนึ่ง โอ๊ย! หิวแล้ว ผมไปก่อนนะครับ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ฮะ หวัดดีครับ...” พูดรัวเสร็จ แกงส้มก็คว้ากระเป๋าสะพายขึ้นมาพาดบ่าก่อนจะรีบสาวเท้าเดินออกไปจากห้องคอนโทรลด้วยความรวดเร็ว
“เฮ้ยแกง...รอพี่ด้วยดิ ผมไปก่อนนะครับคุณหนึ่ง” ฮั่นหันมาบอกลาคนที่ยืนยิ้มมองพวกเขาสองคน ก่อนที่เขาจะต้องรีบก้าวยาว ๆ ตามคนที่เดินนำออกไป
หมับ!
เมื่อสาวเท้าเดินมาทันคนที่เดินนำอยู่ด้านหน้า ฮั่นก็พาดวงแขนไปที่ไหล่ของแกงส้มทันที
“เฮ้ย! อะไรของพี่เนี่ย ปล่อยเลยนะ อึดอัด!!!”
แกงส้มว่าก่อนจะดึงแขนที่พาดอยู่บนไหล่ออก แต่ฮั่นก็นำมันกลับมาวางไว้ที่เดิม พลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“พี่ฮั่น!!!”
“อะไรครับน้องแกง” ฮั่นแกล้งเรียกคนตรงหน้าโดยมีคำว่าน้องนำหน้า อย่างจงใจแกล้งเล็ก ๆ
“อย่ามากวนประสาทผมนะ!” แกงส้มว่าพลางหันใบหน้ามามองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยใบหน้าที่เอาเรื่องแบบเหวี่ยงเบา ๆ
“พี่กวนประสาทแกงตรงไหนล่ะ เลิกทำหน้าแบบนี้ แล้วก็เดินไปได้แล้ว หิวไม่ใช่หรอครับ”
ฮั่นว่าพลางยกยิ้มหวานขึ้นมา แกงส้มมองคนที่กำลังทำตาใสด้วยความหมั่นไส้ในความเกรียนแบบแอ๊บซื่อตาใสของคน ๆ นี้
“ฮึ่ย!”
แกงส้มพ่นลมออกมาจากริมฝีปาก ก่อนจะยอมเดินออกไปตามทางเดินที่ทอดยาว โดยมีวงแขนแกร่งที่พาดอยู่บนไหล่
แม้จะรู้สึกหนัก...แต่ก็รู้ ‘อุ่นในหัวใจเล็ก ๆ’
แค่ได้เดินเคียงข้างกันในทุก ๆ วัน...แค่นั้นก็พอแล้ว
ไม่ต้องมีของขวัญไม่ต้องมีคำหวาน ไม่ต้องพูดว่าจะอยู่ด้วยกันไปนาน ๆ แต่แค่แสดงออกให้เห็นว่าพร้อมจะอยู่เคียงข้างกัน...แค่นี้ก็เป็นสิ่งสำคัญที่หัวใจของคนที่รักกันต้องการแล้ว...
เสียงผู้คนที่เดินจ้อกแจ้กจอแจกันในตลาดสด ทำให้บรรยากาศตอนสายที่ตลาดใกล้คอนโดของคนสองคนที่เดินทอดน่องดูของกินนู่นนี่นั่นเป็นไปอย่างสนุกสนาน
“พี่ฮั่น ๆ ๆ ๆ ผมอยากกินน้ำเต้าหู้...เอาปาท่องโก๋ด้วย ๆ ๆ” แกงส้มว่าพลางลากแขนคนเป็นพี่ให้เดินไปที่ร้านขายน้ำเต้าหู้
“รับอะไรดีไอ้หนุ่ม”
“เอาน้ำเต้าหู้ไม่ใส่เครื่องสองถุงครับ แล้วก็เอาปาท่องโก๋ 20 บาท”
“เฮ้ยแกง! พี่ยังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะกินน้ำเต้าหู้น่ะ พี่ไม่ชอบกินเพราะว่ามันจืด...ไม่อร่อยอ่ะ...” ฮั่นโวยวายออกมาก่อนจะต้องหุบปากฉับเมื่อเห็นสายตาของลุงคนขายที่มองมา
“พี่นี่นะ...ไปพูดแบบนั้นได้ยังไงครับ เกือบโดนลุงคนขายฆ่าหมกหม้อน้ำเต้าหู้แล้วไหมล่ะ” แกงส้มว่าคนเป็นพี่ทันทีที่พวกเขาสองคนเดินห่างออกมาจากร้านน้ำเต้าหู้แล้ว
“ก็พี่พูดความจริงนี่นา น้ำเต้าหู้แบบนี้บางทีเค้าก็ผสมนม มันจะจืดแล้วก็ไม่อร่อยเหมือนกับว่าไม่ใช่น้ำเต้าหู้แท้อ่ะ”
“ผมรู้ครับ แต่นาน ๆ เรากินทีก็ไม่เป็นไรหรอกฮะ อีกอย่าง...พี่เคยกินน้ำเต้าหู้ร้านนี้แล้วหรอ ถึงได้บอกว่ามันไม่อร่อยน่ะ!” แกงส้มถาม ก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้พลาสติกในร้านโจ๊กที่ตั้งอยู่ริมถนนใต้ต้นแสงจันทร์สีเหลืองปนเขียวอ่อน
“ไม่เคยกินอ่ะ” ตอบพลางนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามคนเป็นน้อง
“ไม่เคยกินแล้วไปพูดได้ยังไงว่ามันไม่อร่อย พูดโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงแบบนี้ เกิดคนอื่นเค้าเดินมาได้ยิน แล้วเค้าไม่เคยกินน้ำเต้าหู้ร้านนี้ เค้าก็ไม่ซื้อ...แล้วลุงเค้าก็ขายรายได้ เห็นไหมครับว่าแค่คำพูดโดยที่ไม่รู้เรื่องจริงของพี่แค่ไม่กี่คำทำให้คนเดือดร้อนแค่ไหน!”
คำบ่นที่ยาวยืดของคนตรงหน้า ทำให้ฮั่นถึงกับต้องทำหน้าแหยง
นี่เขาดูเป็นคนผิดและเลวร้ายขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย!?!
“พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เรื่องมันดูเลวร้ายขนาดนั้นนะ”
“ผมรู้ครับ...แต่ผมก็อยากให้พี่คิดให้ดี ๆ ก่อนที่จะพูดอะไรออกไปครับ เพราะคำพูดคือสิ่งที่เมื่อเราพูดออกไปแล้วเราไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้ คนที่เขาฟังเรา...เขาคิดตามทุกคำพูดไม่คิดของเรานะครับ”
แกงส้มว่าก่อนจะหยุดการบ่นคนเป็นพี่ เมื่อเด็กเสิร์ฟของร้านขายโจ๊กเดินมาที่โต๊ะของพวกเขา
“เอาโจ๊กใส่ไข่ 2 ชามครับ” ฮั่นถือวิสาสะสั่งแทนคนเป็นน้อง ซึ่งก็ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ใจแกงส้ม เพราะเจ้าตัวไม่ได้ปฏิเสธออกมาหลังจากที่สั่งเสร็จ
“แกงนี่นะ...บทจะวิชาการขึ้นมา ก็เอาซะพี่ตั้งตัวไม่ติดเลย”
“แต่จะว่าไป...ถึงผมจะบอกพี่แบบนั้น แต่บางครั้งผมก็ยังทำไม่ได้อย่างที่พูดนะครับ คนเราก็แบบนี้แหล่ะเนอะ บอกคนอื่นสอนคนอื่นได้ แต่ตัวเองก็ยังทำไม่ได้” แกงส้มว่าพลางเงยหน้ามองท้องฟ้าสีสดใสที่มีปุยเมฆสีขาวลอยอ้อยอิ่ง
“เป็นธรรมดานะแกง คนเรามักจะบอกคนอื่นได้เสมอ แต่พอถึงเวลาของตัวเองจริง ๆ ก็มักจะทำไม่ค่อยได้อย่างที่เคยบอกคนอื่นไว้...”
“อืม...จริงของพี่” แกงส้มอือออตามก่อนที่เขาจะเบนสายตามองนกที่บินอยู่ท้องฟ้า ใบหน้าหวานที่จับจ้องฝูงนกเรียกดวงตาคมให้เผลอมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาที่ทอประกายความรัก
“แกงครับ...”
“ครับ ?” แกงส้มหยุดมองท้องฟ้าพลางหันสายตามามองคนที่เรียก
“...เป็นแฟนกันเหมือนเดิมนะครับ...”
แค่เพียงคำถามสั้น ๆ แต่เรียกเสียงหัวใจให้ดังตุบตับ
สายลมที่พัดเอื่อย ๆ พากลิ่นหอมของดอกลีลาวดีที่ปลูกอยู่ไม่ไกลให้ลอยวนรอบตัวคนทั้งสอง ผู้คนที่เสียงดังอยู่รอบตัวคล้ายหยุดการกระทำทุกอย่าง แกงส้มจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของคนพูด มือหนาที่เอื้อมมากุมมือที่วางอยู่บนโต๊ะค่อย ๆ แผ่กระจายความอบอุ่นจากมือหนึ่งส่งถึงอีกมือหนึ่ง
“...อืม...”
ตอบรับเพียงสั้น ๆ พลางก้มหน้าเขินหลบสายตา
อากัปกิริยาของคนตรงหน้าเรียกรอยยิ้มกว้างให้ลอยเด่นบนใบหน้าคม ฮั่นนึกอยากจะลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นเสียเดี๋ยวนั้น แต่เขาเกรงใจผู้คนที่อยู่รอบตัว
เขาทำได้เพียงแค่บีบมือที่เขากุมไว้เบา ๆ
ก่อนที่โจ๊กสองชามจะถูกยกมาเสิร์ฟ...และนั่นก็ทำให้คนสองคนหันมาสนใจกับอาหารตรงหน้า แกงส้มเขี่ยโจ๊กในชามไปมา พลางเงยหน้าขึ้นไปสบตากับคนเป็นพี่เป็นระยะ ๆ
“มองอะไรผมนักหนาพี่ฮั่น...”
“ก็อยากมองหน้า ‘แฟน’ ให้มันชัด ๆ นี่ครับ ไม่ได้หรอ...?”
ถามพลางยื่นมือไปเกาคางของคนที่นั่งก้มหน้า
“ฮื้อ...พี่ฮั่นอ่ะ! เล่นบ้าอะไรเนี่ย ผมคนไม่ใช่แมวจะได้มาเกาคาง” แกงส้มว่าพลางปัดมือที่เกาคางเขาออก ฮั่นหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะตักหมูที่อยู่ในชามเขาไปใส่ในชามคนตรงหน้า
“กินเยอะ ๆ แกงจะได้โต ๆ แต่จะว่าไปแล้ว...แกงกับแมวก็คล้ายกันอยู่นะ”
“หือ ? คล้ายกันตรงไหนพี่”
“ก็คล้ายกันตรงที่...บางทีแกงก็ดูอ้อน ๆ น่ารัก ๆ เหมือนลูกแมวน้อย แต่บางทีแกงก็ทำหน้านิ่ง ๆ โหด ๆ เหมือนแมวตัวโต ๆ ไง”
พูดจบ ฮั่นก็ยกช้อนที่วางอยู่ในชาม เพื่อหลบกองทัพตับที่แกงส้มตักมาใส่ชามเขา
“กินตับเยอะ ๆ พี่ฮั่นจะได้แข็งแรง บำรุงเลือด...ผมไม่เหมือนแมวสักนิด ออกจะเหมือนเสือ!”
“เสืออะไรแกง...เสือน้อยอ่ะหรอ”
“ฮื้อ...เสือน้อยอะไรล่ะพี่ฮั่น เสือลายพาดกลอนต่างหาก!!!!” แกงส้มว่าก่อนจะตักโจ๊กเข้าปาก โดยที่เขาลืมเป่า ผลก็คือ...
“แค่ก ๆ ๆ อ๊ากกกกกกก ร้อนชิบ ฮื้อ...ร้อน ๆ ๆ ๆ”
ฮั่นรีบเอาแก้วน้ำยื่นส่งไปให้คนเป็นน้อง แกงส้มรีบคว้าแก้วน้ำมาดื่มอย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายน้ำแก้วนั้นก็หมดลง...กระดาษทิชชู่ที่ถูกยื่นส่งมาก็เรียกดวงตากลมให้มองคนที่ยื่นส่งมาให้
“เช็ดปากด้วยแกง น้ำเลอะเต็มเลย...”
“เช็ดให้ผมหน่อยสิครับ” พูดพลางยื่นหน้าไปหากระดาษทิชชู่
“หึ ๆ...”
ฮั่นหัวเราะออกมาแค่นั้นก่อนที่เขาจะค่อย ๆ แตะกระดาษทิชชู่ไปรอบ ๆ ริมฝีปากสวยเบา ๆ
“พอแล้วครับ คนมองคนกันใหญ่แล้ว!” แกงส้มว่าก่อนจะดึงกระดาษทิชชู่ในมือคนเป็นพี่มาถือและเช็ดเอง
“ก็แล้วใครล่ะที่เป็นคนอ้อนให้พี่เช็ดปากให้น่ะ”
“ก็ผมนี่แหล่ะครับ...ผมผิดตรงไหนหรอที่อยากให้ ‘คุณแฟน’ มาเอาใจ...” พูดจบ แกงส้มก็ตักโจ๊กเข้าปากแต่คราวนี้เขาไม่ลืมที่จะเป่ามันก่อน
คำว่า ‘คุณแฟน’ เรียกยิ้มให้ระบายเต็มใบหน้าคม
ในที่สุดก็ยอมรับสักทีนะว่าเขาคือแฟน...
“แกงยอมรับแล้วหรอครับว่าเราเป็นแฟนกัน”
“ไม่ยอมรับมั้งครับ เรียกซะขนาดนั้นน่ะ เลิกพูดได้แล้วพี่ฮั่น กิน ๆ เข้า...จะได้กลับห้องไปอาบน้ำแล้วก็ไปบริจาคหนังสือ ผมจะได้กลับมานอน”
“พี่ไปคนเดียวก็ได้นะ แกงกลับไปนอนพักผ่อนเถอะ ไม่ได้นอนมาทั้งคืนนะเราน่ะ” ฮั่นว่าพลางตักโจ๊กเข้าปาก แกงส้มส่ายหน้าพรืดทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ของคนเป็นพี่
“ไม่เอาอ่ะ ผมอยากไปด้วย คิดถึงยัยพี่ป๊อกจริง ๆ ไม่รู้ว่าป่านนี้โดนเด็กมหาลัยหลอกหมดตูดไปหรือยัง รีบ ๆ กินเหอะพี่”
แล้วคนพูดก็โซ้ยโจ๊กอย่างรวดเร็ว โดยมีสายตาของฮั่นที่มองมาอย่างเอ็นดู
เด็กน้อยเอ๊ย...
แอ๊ด...
ทันทีที่ประตูเปิดออก กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกกุหลาบสีแดงสดซึ่งวางตกแต่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ก็ส่งกลิ่นมาทักทายผู้มาเยือน
“พี่ป๊อกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก คิดถึงจังเลย มากอดทีดิ๊!!!!” แกงส้มเอ่ยเรียกคนที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ด้วยเสียงที่ดัง ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปกอดคนเป็นพี่ที่ไม่ได้เจอมานาน (?) อย่างเต็มแรงจนร่างบางของป๊อกจมหายเข้าไปในอ้อมกอดของแกงส้ม
“ปล่อยฉันได้แล้วไอ้แกง! แล้วแกจะเสียงทำไม เห็นไหมว่าวันนี้คนเข้าร้านเยอะ เกรงใจชาวบ้านชาวช่องเค้ามั่งสิแก!” ป๊อกบ่นพลางดันตัวเองออกจากอ้อมกอดคนเป็นน้อง
ใบหน้าหวานที่มีรอยยิ้มแต่งแต้มบวกกับความสดใสของดวงตากลมโตทำให้ป๊อกยิ้มออกมา
น้องชายของเธอมีความสุขมาก...
ดีใจด้วยจริง ๆ ที่มันได้เจอกับความรักและคนรักที่ดี
“โทษทีพี่...ลืมตัวไปหน่อย เอ้อ...นี่ผมเอาหนังสือมาบริจาคด้วยนะ พี่ฮั่นยกมาวางเร็ว ๆ” ประโยคหลังแกงส้มเอ่ยเรียกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้ยกหนังสือหลายสิบเล่มมาวางบนเคาน์เตอร์ โดยที่เขาเดินออกไปยืนนับหนังสือที่วางเรียงเพื่อความแน่ใจ
“อ้าวคุณหมีสวัสดีค่ะ มาด้วยหรอคะเนี่ย”
“สวัสดีครับคุณป๊อก มาสิครับ...แกงอยู่ที่ไหน ผมก็ต้องอยู่ที่นั่น โอ๊ย!” พูดยังไม่ทันจบประโยคดี แกงส้มก็ยกเท้าขึ้นเตะที่แข้งของฮั่นอย่างนึกหมั่นไส้ในความหวานไม่เลือกเวลาของเขา
“เป็นอะไรคะคุณหมี ?”
เมื่อได้ยินเสียงร้องของร่างสูง ป๊อกก็เอ่ยถามขึ้นมาทันที
“เอ่อ...ไม่ได้เป็นอะไรครับคุณป๊อก แค่พอดีโดน ‘มดกัด’ น่ะครับ สงสัยว่าผมจะ ‘หวานเกินไป’...” แล้วคำตอบของฮั่นก็เรียกมือของคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ให้มาหยิกที่เอวของเขา
“โอ๊ย!”
“โดนมดกัดอีกแล้วหรอคะคุณหมี”
“คราวนี้ไม่ใช่มดแล้วครับ แต่เป็นอย่างอื่น...” คำตอบที่มาพร้อมกับสายตาที่มองไปยังคนที่ยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ทำให้ป๊อกรู้ได้ทันที่ว่ามดที่ฮั่นพูดถึงคือมดอะไรและอย่างอื่นที่ฮั่นว่าคือใคร...
เจ้าแสบแกง!
“เดี๋ยวก็ทำเหมือนเดิมนะคะ แกด้วยเจ้าแกง” แล้วคนสองคนที่นำหนังสือมาบริจาคก็ทำตามขั้นตอนที่พวกเขาเคยทำ
การให้เป็นสิ่งที่ดีที่ควรกระทำ เพราะเมื่อเรายิ่งให้...หัวใจของเราก็ยิ่งเป็นสุข
สุขที่ได้เป็นผู้ให้...
เราอาจจะคิดว่าการเป็นผู้ให้มันจะทำให้หัวใจเป็นสุขได้จริงหรือ...อยากรู้ว่ามันทำให้สุขหัวใจได้จริงไหม...ก็ลองเป็นผู้ให้ดูสักครั้ง...แล้วคุณจะรู้ว่า...การให้...มันทำให้สุขหัวใจจริง ๆ
ไม่จำเป็นต้องให้สิ่งของ แค่ให้ ‘ความรู้สึกดีๆ’ กับคนในครอบครัว...คนที่เรารัก...คนที่รักเรา...คนที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา...แค่นั้น...ก็อาจจะมาเกินพอแล้วสำหรับการให้...
“แล้ววันนี้เด็กพี่ไปไหนล่ะครับ”
“เด็กพี่ ?”
“ไม่ต้องมาทำเป็นแอ๊บใสเลย ก็นายคุณตฤณไงครับ เห็นปกติเวลาผมมาร้านทีไร ก็เจอเขาทุกที” แกงส้มว่าก่อนจะสอดส่ายสายตามองหาคนที่เขาพูดถึง
“ต่อไปนี้เค้าจะไม่ได้มาที่นี่แล้วล่ะ....” ใบหน้าหวานที่ระบายรอยยิ้มเศร้าทำให้แกงส้มขมวดคิ้วมุ่น
“หมายความว่าไงพี่ที่บอกว่าเขาจะไม่ได้มาที่นี่อีก ?”
“ตฤณ...เค้ากำลังจะไปเรียนต่อเมืองนอก!”
คำตอบของป๊อก ทำให้คนฟังรู้สึกใจหายแทนคนพูด
“พี่กับเค้าก็เลยต้องห่างกัน...”
“ใช่...ทั้ง ๆ ที่เพิ่งได้ทำความรู้จักและคบกันแท้ ๆ แต่ก็ต้องห่างกันแล้ว น่าเศร้าเนอะ...” ป๊อกไม่พูดเปล่า แต่เธอยังกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อกลั้นน้ำตาที่กำลังจะรินไหลด้วย
“ไม่น่าเศร้าหรอกพี่ เพราะจริง ๆ แล้วพี่กับเค้าก็เพิ่งจะคบกัน การห่างกันอาจจะทำให้พวกพี่สองคนได้ผูกพันกันมากขึ้นก็ได้นะครับ ระยะทางที่ห่างไกลอาจพิสูจน์ใจที่ห่างกันได้” แกงส้มว่าก่อนจะเอื้อมมือไปบีบมือคนเป็นพี่ที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์
“ก็จริงของแกนะแกง แต่พี่รู้สึกหวั่นใจยังไงไม่รู้...พี่กลัวว่าการห่างกันของเราจะทำให้เราเลิกมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน...รักแท้แพ้ระยะทางที่ห่างไกลนะ...เฮ้อ...” ป๊อกว่าพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“พี่เชื่อผมเถอะว่าถ้าคนเรารักกันจริง ๆ ... ต่อให้ห่างกันหรือต้องตายจากกัน แต่หัวใจที่มีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กันมันจะไม่มีวันต้องห่างหายหรือห่างกันตามระยะทางแน่นอน”
“อืม...พี่จะเชื่อแกนะ ว่าแต่แกเถอะ...ตกลงกับคุณหมีนี่สถานะไหนแล้วยะ”
“ก็...สถานะเดิมนั่นแหล่ะครับ” แกงส้มอ้อมแอ้มตอบ ก่อนจะมองไปยังร่างสูงที่กำลังยืนจัดหนังสือในหมวดดนตรี
จัดหนังสือที่เขาเป็นคนเอามานั่นแหล่ะ
“สถานะเดิม ?”
“ก็สถานะแฟนไงครับ”
“อ๊าย !!!!! ชัดเจนเชียวนะยะ ไหนแมวตัวไหนบอกว่า...ผมเป็นผู้ชายนะ จะไปชอบผู้ชายด้วยกันได้ยังไง แล้วนี่อะไร ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้” ป๊อกถามพลางส่งสายตาข้องใจไปให้คนตรงหน้า
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันพี่...ผมตอบตัวเองไม่ได้...”
ใช่...เขาตอบตัวเองไม่ได้จริง ๆ ไม่เคยตอบตัวเองได้เลยสักครั้ง!
“คุยเรื่องอะไรกันอยู่ครับ หน้าตาเคร่งเครียดเชียว”
คนที่จัดหนังสือเสร็จแล้วเอ่ยถามคนสองคนที่ยืนคุยกัน ก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างแกงส้ม แก้วน้ำถูกยื่นมาตรงหน้า
“ขอบคุณครับแกง”
“ไม่เป็นไรครับ อ๊ะ...”
แกงส้มเอื้อมมือไปหยิบเศษใยแมงมุมที่ติดอยู่บริเวณแก้มของคนเป็นพี่ ก่อนที่เขาจะเป่าใยแมงมุมนั้นให้หลุดไปจากนิ้วมือ พลางใช้หลังสือเช็ดเหงื่อที่ซึมออกมาจากไรผมข้างแก้ม
“เหงื่อออกเยอะเลย ตรงมุมนั้นร้อนสินะครับ”
“อื้ม...ร้อนมาก” ฮั่นพยักหน้ารับหงึกหงัก ก่อนที่เขาจะดื่มน้ำเย็นในแก้วจนหมด เป็นการยืนยันสิ่งที่เขาพูด
“ขอโทษทีนะคะคุณหมี พอดีตรงนั้นแอร์มันไม่ตก”
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณป๊อก เอ้อแกง...เดี๋ยวพี่ว่าจะหาหนังสืออ่านก่อนจะกลับห้องอ่ะ แกงรีบกลับหรือเปล่าครับ”
“ก็รีบครับ ผมง่วงอ่ะ อยากนอน...แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมนอนรอพี่ที่โซฟาในห้องหลังเคาน์เตอร์ก็ได้ครับ พี่หาหนังสือได้แล้วก็ไปเรียกผมแล้วกัน” แกงส้มตอบก่อนจะยิ้มให้คนที่รอคำตอบของเขา ฮั่นพยักหน้ารับคำพูดนั้นของคนตรงหน้า
“ถ้างั้น...สักราว ๆ ชั่วโมงหนึ่งนะ เดี๋ยวพี่ไปปลุก”
“โอเคครับ”
รับคำเสร็จ แกงส้มก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปที่ห้องหลังเคาน์เตอร์ ส่วนฮั่นก็เดินไปทางชั้นหนังสือที่ตั้งเรียงราย
แม้จะเป็นการแยกไปทำกิจกรรมส่วนตัวของตัวเอง แต่คนสองคนก็รู้ดีว่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะแยกกันไปทำสิ่งที่ไม่เหมือนกัน แต่พวกเขาสองคนก็ยังคงมีความรู้สึกที่ดี ๆ ให้กันเหมือนเดิม
คนรักบางคนอาจคิดว่าเราเป็นแฟนกันต้องทำอะไร ๆ ที่มันเหมือนกัน
เช่น ชอบดูหนังเหมือนกัน ชอบร้องเพลงเหมือนกัน เพราะการชอบอะไรที่มันเหมือน ๆ กัน เราจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
แต่ที่จริงแล้ว...สำหรับคนรักกันแล้ว...ไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่มันเหมือนกันเลยสักนิด
คนรักกันไม่จำเป็นต้องตัวติดกันตลอดเวลา...
ไม่จำเป็นต้องทำกิจกรรมเดียวกัน ชอบในเรื่องเดียวกัน
เพราะคนเราทุกคนล้วนมีพื้นที่ส่วนตัวด้วยกันทั้งนั้น...
แค่หัวใจของเรายังผูกพัน ยังรักกัน...ต่อให้ไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน...
เราก็ยังรักกันอยู่ดี...
บางเวลาไม่เป็นไร ถ้าเธออยู่ไกล
บางเวลาฉันเข้าใจ เธอลืมกันไป
บางเวลาไม่เป็นใจ ก็ไม่ต้องเสียดาย
ปล่อยมันไปก่อนนะ...
คิดถึงฉันสักครั้งเมื่อไม่ได้คิดถึงใคร
ทำตัวตามสบายเหมือนเจอะในความฝัน
มีเวลาดี ๆ ก็บอกให้ฉันได้ฟัง
ไม่มากเกินกว่านั้น...
ค่อย ๆ รักกันเบา ๆ
ความรักที่ดี...คือความรักที่มีอิสระ...อิสระที่ให้หัวใจสองดวงได้มีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นพื้นที่ของ ‘เราสองคน’...
อย่าพยายามกักขังหัวใจใครไว้ให้เป็นเพียงแค่ของเราเพียงคนเดียว เพราะในความจริงแล้วหัวใจของเขาก็ยังเป็นของเขา หัวใจของเราก็ยังคงเป็นของเรา...แต่แค่หัวใจของเราสองคนถูกความรักผูกเอาไว้ให้อยู่ด้วยกันแค่นั้นเอง...
//คือตอนนี้จริง ๆ อยากจะเขียนให้มันดูพิเศษกว่าตอนอื่น ๆ ที่ผ่านมา...แต่สุดท้ายก็เขียนได้เหมือนเดิมคือเขียนแบบเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ ตามประสากวาง ฮ่ะๆๆๆ
ขอโทษนะคะถ้าทำให้คนอ่านรู้สึกผิดหวัง...
และกวางก็หวังเป็นอย่างยิ่งนะคะว่า...ฟิคตอนนี้จะทำให้คนอ่านทุกคนยิ้มได้เหมือนเดิม
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตอนนี้นะคะ...
แอบอยากเห็นเม้นถึง 1,000 จัง....(จะได้เห็นไหมนะ ?)
แล้วพบกันในตอนต่อไป...ในอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้านะคะ (^_^)
ถ้าอยากรู้ว่าทำไมถึงต้องเป็นอีกหนึ่งอาทิตย์...แนะนำว่าให้อ่านตอนต่อไปอย่างไวค่ะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ
รักคนอ่านมากๆ นะคะ...
ความคิดเห็น