คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : บทที่ 27 : ให้ความรักเติบโตในใจ (100%)
บทที่ 27 : ให้ความรักเติบโตในใจ
“ในเมื่อมาง้อด้วยจดหมาย ก็ต้องหายงอนด้วยจดหมายเหมือนกัน...”
พูดจบฮั่นก็จรดปากกาเขียนข้อความตอบกลับจดหมายของคนเป็นน้องไป รอยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้าคมยามที่เขียนจดหมายทำให้เจ้าตัวเองรู้สึกได้ว่าหัวใจของเขากำลังรู้สึกดีมาก ๆ
ความสุขที่เกิดขึ้นในหัวใจทำให้ฮั่นรู้สึกว่าโลกใบใหญ่ใบนี้ไม่ได้กว้างเกินกว่าที่เราจะพบเจอใครสักคนอีกแล้ว เพราะตอนนี้เขาได้เจอกับคนที่ใช่สำหรับเขา
คนที่ทำให้เขายิ้มได้ทุกครั้งที่คิดถึง...
คนที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นไหวไปด้วยความรู้สึกดี ๆ กับทุกสายตา ทุกคำพูด ทุกสัมผัสและทุกการกระทำ...
คนที่ทำให้เขาอยากใช้ทุกเวลาทุกนาทีด้วย
และคน ๆ นี้ก็คือ...คนที่เขากำลังเขียนจดหมายถึง...
ฮั่นเหลือบไปมองนาฬิกาบนโต๊ะ ก่อนจะเบนสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง แสงแดดยามบ่ายแก่ ๆ สีเหลืองจ้าทำให้คนมองตาพร่าไปชั่วขณะ ก่อนที่ฮั่นจะลุกจากเก้าอี้ไปปิดผ้าม่าน แล้วเขาก็กลับมานั่งที่เดิม แต่แล้วเมื่อคนร่างสูงหันไปมองที่เตียงนอน เขาก็เจอเข้ากับตุ๊กตากระต่ายหน้าบากที่มีนามว่า ‘เจ้าโหด’
“มองอะไรเจ้าโหด...หาเรื่องหรอ ?”
...
“แน่ะ! ฉันรู้นะเว้ยว่าแกกำลังคิดว่าฉันติ๊งต๊องใช่ไหมที่มาหาเรื่องแก ทั้ง ๆ ที่แกไม่มีชีวิต...” ฮั่นไม่พูดเปล่าแต่เขายังหยิบยางลบที่วางอยู่บนโต๊ะขว้างไปโดนหน้าตุ๊กตาตัวโตแบบจัง ๆ
“เจ็บไหม...? โอ๋ ๆ ๆ มามะ ๆ เดี๋ยวฉันเป่าให้แกเอง” ฮั่นเดินไปอุ้มเจ้าตุ๊กตาตัวโตมากอดแล้วโยกเบาไปมาเบา ๆ พลางบดจูบหนัก ๆ ไปที่รอยบากบนใบหน้าของเจ้าตุ๊กตา ก่อนที่เขาจะขำออกมาเสียงดังลั่นห้องเมื่อนึกถึงสิ่งที่เขากระทำเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ มึงบ้าไปแล้วไอ้ฮั่น พูดกับตุ๊กตาก็เป็นด้วยเว้ย! แถมเมื่อกี้มึงยังลวนลาม ‘ตัวแทนของแกง’ ด้วย!!!!” ฮั่นว่าตัวเองก่อนที่เขาจะเอาเจ้าโหดไปวางไว้ที่เดิม แล้วเอามือทั้งสองข้างมาวางแนบกับแก้มของตัวเอง
ความร้อนของใบหน้าทำให้ฮั่นรู้ว่า...ตอนนี้เขากำลังเขินอีกแล้ว...
ทำไมทุกครั้งที่เขาคิดถึงแกงส้ม เขาต้องเขินเกือบทุกครั้งเลยนะ!
แล้ววันนี้เขาเป็นบ้าอะไรของเขาล่ะเนี่ย...ดูอารมณ์ดีจนล้นเกิน!
หรือเพราะวิธีการง้อของแกงส้มในวันนี้กันนะที่ทำให้เขาอารมณ์ดีขนาดนี้
บอกตามตรงนะว่า...เขาชอบเวลาที่แกงส้มมาง้องอนเขามาก ๆ เพราะน้องมันจะดูน่ารักน่าหยิกน่าฟัดจนแบบ...ไม่รู้จะพูดยังไงดี
รู้แต่ว่า...ไม่รักก็บ้าแล้วอ่ะ!
เวลาผ่านไปประมาณ 10 นาที ฮั่นก็เขียนจดหมายหายงอนเสร็จ ชายหนุ่มยิ้มหวานออกมา เมื่ออ่านทวนเนื้อหาในจดหมาย
บอกได้เลยว่า...ถ้าแกงอ่านแล้วไม่เขินจนนอนกลิ้งกับที่นอนก็ให้มันรู้ไปสิ!
แต่เพื่อเป็นการทำอะไรสนุก ๆ สนองความเป็นคนขี้แกล้งของตัวเอง ฮั่นก็เดินไปหยิบแป้งเย็นที่วางอยู่ในห้องน้ำออกมา แล้วเขาก็จัดการเทแป้งนั้นลงไปในซองจดหมายประมาณครึ่งซอง (เยอะมาก) ก่อนที่เขาจะเอากระดาษเขียนจดหมายที่พับเรียบร้อยใส่ลงไป จากนั้นฮั่นก็ปิดผนึกซองจดหมาย
“เรียบร้อย...”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนดวงตาคม ก่อนที่เจ้าตัวจะหัวเราะออกมาเบา ๆ
ได้เวลาสนุกแล้วสิ~
ฮั่นเดินผิวปากออกไปจากห้องนอน ก่อนที่เขาจะเดินไปเคาะประตูห้องคนที่อยู่ตรงข้าม ร่างโปร่งเปิดประตูออกมาด้วยใบหน้าที่ง่วงงุนและผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง
“นึกว่าใคร...พี่ฮั่นเองหรอครับ มีอะไรฮะ ?”
“นี่ครับ...คำตอบของคำถามที่แกงถามพี่มา” ฮั่นยื่นซองจดหมาย (ที่หนาผิดปกติ) ไปให้แกงส้ม มือบางยื่นมือออกมารับ ก่อนที่ดวงตากลมจะฉายแววงงเล็ก ๆ เมื่อเห็นตัวหนังสือที่อยู่บนหน้าซอง
“...ให้ฉีกซองจดหมายจากตรงกลาง...ถ้าไม่ทำตามจะงอนอีกรอบ...หมายความว่ายังไงครับพี่ฮั่น”
“ก็หมายความตามที่เขียนนั้นแหล่ะครับ”
“ทำไมผมต้องฉีกซองจากตรงกลางด้วยล่ะครับ แกะที่ด้านหลังเหมือนเดิมไม่ได้หรอกครับ” แกงส้มถามพลางพลิกซองจดหมายในมือไปมา น้ำหนักที่มากกว่าปกติเรียกคิ้วสวยให้ขมวดมุ่น
เหมือนข้างในจะมีอะไรเลยแฮะ...
“เถอะน่าแกง เชื่อพี่เดี๋ยวดีเอง ยังไงก็ไปนอนต่อเถอะ ฝันดีนะเด็กน้อย~” พูดพลางยกมือมาตบเบา ๆ ที่กลางศีรษะพอเป็นพิธี ฮั่นก็หมุนตัวเดินกลับไปห้องตัวเอง โดยมีสายตาที่งงปนสงสัยของแกงส้มมองตามหลังไป
ท่าทางพี่ฮั่นโคตรน่าสงสัยเลย!
ด้วยความสงสัยทำให้แกงส้มรีบปิดประตูห้อง ก่อนที่เขาจะรีบสาวเท้าเดินเข้าห้องนอนไปนั่งที่ปลายเตียง มือบางฉีกซองจดหมายจากตรงกลางด้วยความรวดเร็ว
“แค่ก ๆ ๆ”
แกงส้มไอออกมาทันทีที่กลุ่มควันสีขาวจากแป้งเย็นที่ฮั่นใส่มาครึ่งซองลอยวนในอากาศ
“ไอ้พี่หมีฮั่นบ้า!!!!!!! เล่นอะไรวะเนี่ย แค่ก ๆ ๆ” แกงส้มตะโกนออกมา ก่อนที่เขาจะใช้มือปัดควันสีขาวพลางหยิบกระดาษสีชมพูที่อยู่ด้านในออกมา
กระดาษสีชมพูที่คราบแป้งสีขาวติดเต็มไปหมด!
“ถ้าเล่นมาซะขนาดนี้แล้วยังไม่หายงอนนะ พ่อจะเดินไปเตะถึงเตียงเลย คอยดูสิ!” คนหน้าหวานว่าพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างนึกเคืองเจ้าของจดหมายเล็ก ๆ ก่อนที่มือบางจะคลี่กระดาษในมือออกอ่าน
ถึง มายเบบี้แกง (ฮ่า ๆ ๆ ๆ)
ต่อไปนี้พี่จะเรียกแกงว่า ‘มายเบบี้แกง’ นะครับ...My Baby แกง = เด็กน้อยแกงของพี่... เพราะว่าตอนที่แกงง้อพี่มันดูน่ารักงุ้งงิ้งเหมือนเด็กน้อยมากกกกกกกกกกกกกกกกก
พี่ก็เลยจะเรียกแกงแบบนี้...นะครับ...
แต่ไม่รู้ทำไมนะ...พี่ชอบวิธีการง้อของแกงมาก ๆ เลย...มันชวนให้หัวใจรู้สึกดีจนไม่รู้จะอธิบายยังไง
แกงรู้ไหม...ว่าจริง ๆ แล้วพี่ไม่ได้งอนอะไรแกงมากหรอกครับ (จะบอกว่าไม่งอนเลย ก็โกหกตัวเองและโกหกแกงเกินไป) เพราะว่าพี่เองก็งอนแกงนิดหน่อย...
ย้ำว่านิดหน่อยเท่านั้นครับ!
แค่แกงง้อพี่ด้วย ‘จูบนั้น’ ... >////<...
พี่ก็หายงอนเป็นปลิดทิ้งแล้วล่ะครับ!
แต่ที่พี่บอกว่ายังงอนต่อ เพราะพี่แค่อยากให้แกงง้ออ่ะครับ...ไม่โกรธพี่นะที่รู้ความจริงนี้...
จะบอกว่ายังไงดีล่ะ...คือพี่อยากรู้ว่าแกงจะแคร์พี่มากแค่ไหน...คือไม่ใช่ว่าพี่ไม่รู้สึกถึงอาการแคร์ที่แกงมีต่อพี่นะครับ แต่คนเรามันก็ต้องมีบางช่วงอารมณ์ที่เหมือนจะไม่แน่ใจใช่ไหมครับ...
นั่น...ทำให้พี่แกล้งงอนแกง...
แต่ตอนนี้ ‘หายงอน’ แล้วนะครับ...!!!!!
จริง ๆ แล้วพี่ไม่ใช่คนขี้งอนอะไรเลยนะครับ แต่กับแกงไม่รู้ทำไม...พี่ชอบงอนอยู่เรื่อยเลย
แกงอาจไม่เคยรู้...แต่วันนี้พี่ก็บอกให้แกงรู้แล้ว...
ว่า...พี่ขี้งอนกับแกงแค่คนเดียวนะครับ!
เพราะฉะนั้นถ้าพี่งอน...แกงต้องง้อพี่นะ...(ทำตาออดอ้อน)
และเพื่อเป็นการไถ่โทษที่พี่แกล้งงอนแกง เดี๋ยวสักหกโมงเย็น หลังจากที่แกงนอนไป 2-3 ชั่วโมงแล้ว แกงก็มาที่ห้องพี่นะครับ เดี๋ยวพี่ทำของอร่อย ๆ ให้กินก่อนไปทำงาน...
ตามนี้นะ...เด็กน้อยของพี่...
อ๊ะ ๆ อย่าแอบยิ้มตอนอ่านล่ะครับ พี่เห็นนะเออ...ฮ่า ๆ ๆ ๆ
แล้วใจความในจดหมายก็หมดแค่นั้น...แต่แค่นั้นก็ทำให้คนอ่านหัวใจพองโตจนคับอก ใบหน้าหวานมีรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าจนแทบจะไม่เหลือที่ว่างให้ความง่วงงุนจากการโดนปลุกจากที่นอนนุ่มให้เหลืออยู่
“พี่หมีนะพี่หมี...มีเรื่องมาให้ฝันดีก่อนนอนอีกแล้ว” แกงส้มบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
ก่อนที่เขาจะล้มตัวลงนอน โดยมีจดหมายของคนเป็นพี่วางอยู่บนอก มือบางเอื้อมไปหยิบเจ้าตุ๊กตาหมีที่นอนแผ่อยู่บนที่นอนให้เขยิบมาใกล้จนหัวของเขาชนกับหัวของเจ้าหมีมายเดียร์
“นี่เจ้ามายเดียร์...แกรู้ไหมว่าเจ้านายของแกน่ารักแค่ไหน...เฮ้อ...แค่นี้ฉันก็ถอนตัวถอนใจไม่ได้แล้ว ยังจะมาทำน่ารักใส่ได้ทุกวี่ทุกวันอีก...บ้าจริง ๆ เลย”
...
“แกว่า...ไอ้ที่พี่ฮั่นเรียกฉันว่ามายเบบี้แกงมันแปลว่าเด็กน้อยแกงของพี่จริง ๆ หรอ...ไม่ได้แปลว่า ‘แกงที่รักของพี่’ ใช่ไหม...”
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ คนคิดก็ยกแขนของตุ๊กตาหมีมาปิดหน้าตัวเองแล้วก็ยิ้มเขิน ขาสองข้างกระแทกไปกระแทกมาที่เตียงนอนแรง ๆ หลายทีเพื่อระบายความรู้สึกเขินที่เกิดขึ้น
นี่เขาเป็นบ้าอะไรของเขาล่ะเนี่ย...จะเขินอะไรกันนักกันหนา...
แกงส้มว่าตัวเองในใจก่อนจะหยิบจดหมายที่วางอยู่บนอกมาพับเรียบร้อยแล้ววางไว้เหนือศีรษะ จากนั้นชายหนุ่มก็พลิกตะแคงหันไปโอบรอบตัวเจ้าตุ๊กตาหมีตัวใหญ่พลางซุกใบหน้าไปที่อกกว้างของเจ้าหมีตัวนี้
ไม่มีเสียงหัวใจที่เต้นไหว แต่มีความรู้สึกอบอุ่นเล็ก ๆ
เพราะตุ๊กตาตัวนี้ เป็น ‘ตัวแทนของพี่ฮั่น’...เวลากอดเขาถึงอบอุ่น แต่ระหว่างกอดตุ๊กตากับกอดคน...ยังไงเขาก็ชอบกอดคนมากกว่าตุ๊กตานะ...
ก็เวลากอดคน...มันได้ยินเสียงหัวใจเต้นด้วยนี่นา...
“เฮ้ยไอ้แกง! เลิกคิดอะไรแบบนี้ได้แล้ว นอน ๆ ๆ ๆ ๆ” แกงส้มบอกตัวเองก่อนที่เขาจะหัวถูไถไปกับอกกว้างที่มีขนนุ่ม พลางหลับตาลง...
นอนกอดหมีแบบนี้...คงฝันถึง ‘พี่หมี’ นะ...
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด~
เสียงกรี๊ดของผู้หญิงที่ลากยาว เรียกดวงตากลมโตที่ปิดสนิทให้ลืมขึ้น มือบางควานสะเปะสะปะไปหาที่มาของเสียง ก่อนที่เขาจะคว้าไอโฟนที่นอนคว่ำหน้าไม่ไกลขึ้นมา
ได้เวลาเด็กน้อยตื่นมากินข้าวก่อนไปทำงานแล้วครับ ^^
คนที่เพิ่งตื่น เหลือบไปมองนาฬิกาที่อยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ พลางชันกายลุกขึ้นนั่ง สองมือขยี้ลูกตากลมโตไปมา ก่อนที่แกงส้มจะชูแขนขึ้นจนสุดแขนพลางบิดไปบิดมาจนกระดูกลั่นเสียงดังกร๊อบแกร๊บ
“ไปล้างหน้าล้างตาก่อนไปหาพี่หมีดีกว่า เดี๋ยวโทรม...”
แล้วแกงส้มก็โยนไอโฟนลงบนเตียง ก่อนที่เขาจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
ร่างสูงที่ง่วนอยู่กับการทำอาหารภายในห้องครัว (ที่กลับมาสะอาดและงามตาเหมือนเดิม) ดูคล่องแคล่วน่ามองจนคนที่เพิ่งเดินเข้ามาอดที่จะยืนมองแบบละสายตาไม่ได้
เห็นแล้วนึกถึงแม่ตอนอยู่ที่บ้านชะมัด!
แม่ของเขาทำอาหารเก่งที่หนึ่งเลย...
สงสัยว่าอีกไม่นานต้องพาพี่ฮั่นไปหาแม่ซะแล้ว...!!!
“อ้าวแกง...มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพี่ไม่เห็นได้ยินเสียงเปิดประตูเลย” คนที่กำลังหั่นผักกาดขาวเงยหน้าขึ้นมาจากผักกาดหัวโต เมื่อเขารู้สึกได้ว่าเหมือนมีคนแอบมองเขา แล้วฮั่นก็เห็นคนคุ้นตาแต่แสนจะคุ้นหัวใจยืนอมยิ้มมองเขาอยู่
“จะได้ยินได้ไงครับพี่ฮั่น ก็พี่เล่นทำอาหารง่วนซะขนาดนั้น ว่าแต่...เย็นนี่พี่จะทำอะไรให้ผมกินครับ” แกงส้มถามก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้บริเวณหน้าเคาน์เตอร์ภายในห้องครัว
ผักสารพัดอย่างรวมทั้งเนื้อสัตว์ที่เหมือนยกมาทั้งตลาดก็ทำให้คิ้วสวยขมวดด้วยความสงสัย
“พี่จะทำสุกี้หม้อไฟต้มยำรวมมิตรครับ”
“ว้าว !!!! แค่ชื่อก็น่ากินแล้วอ่ะ ว่าแต่...วัตถุดิบพี่มันเยอะไปไหมครับ ทำอย่างกับกินกันสัก 5-6 คนแน่ะ” แกงส้มว่าพลางช่วยคนเป็นพี่เด็ดผักบุ้งที่อยู่ในกะละมังตรงหน้า
“ก็กินกัน 6 คนจริง ๆ นี่”
“หืม ? ใครอีกครับ”
“ก็เดี๋ยวหมิว โตโน่ปันปัน แล้วก็ฟลุ๊คจะมากินด้วย เสียใจด้วยนะครับที่เราไม่ได้ดินเนอร์กันสองต่อสองอย่างที่แกงคิดไว้” ฮั่นว่าพลางยื่นมือไปหยิกแก้มคนเป็นน้องเบา ๆ เป็นเชิงหยอกเอินเล็ก ๆ
“ฮื้อ...ผมยังไม่ได้คิดว่าจะดินเนอร์กับพี่สองต่อสองเลยนะพี่ฮั่น อย่ามามั่วสิครับ”
“อ้าวหรอ...ก็เห็นสายตาแกงตอนที่รู้ว่าพวกหมิวจะมากินด้วยแล้วพี่อดคิดแบบนั้นไม่ได้นี่ครับ”
“เง้อพี่ฮั่นอ่ะ! ผมไม่ได้ทำสายตาอย่างที่พี่ว่าซะหน่อย” พูดจบ แกงส้มก็หยิบต้นผักบุ้งไปตีหน้าคนเป็นพี่
“แกงกล้าตีพี่หรอ!” คนโดนตีทำเสียงดังใส่คนตี พลางทำตาดุ แต่...
“กล้าสิครับ ทำไมฮะ พี่มีปัญหาหรอ!!!!”
แกงส้มว่าก่อนจะทำตาดุ (กว่า) ใส่ฮั่น แล้วเริ่มทำหน้าเหวี่ยงนิด ๆ เหมือนเด็กถูกขัดใจ
“เอ่อ...ไม่มีปัญหาก็ได้ครับ” พูดจบ ฮั่นก็หันกลับไปสนใจผักกาดขาวตรงหน้าต่อ แต่ใบหน้าหวานที่ยื่นเข้ามาใกล้ ก็ทำให้ฮั่นต้องเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
“งอนผมอีกป่ะเนี่ยพี่ฮั่น”
“หือ...ไม่ได้งอนครับ”
“จริง ?”
“ที่สุดครับ” แล้วคนพูดก็ยกยิ้มหวานที่บ่งบอกให้รู้ว่าเขาไม่ได้งอนจริง ๆ ซึ่งคนมองก็พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้และเข้าใจ ก่อนที่แกงส้มจะหันกลับมาให้ความสนใจกับผักบุ้งในมือต่อ
...
“เรียบร้อย! ตอนนี้ก็เหลือแต่รอให้สี่คนนั้นกลับมาถึงห้องไว ๆ” ถ้วยสีขาวใบสุดท้ายที่ถูกจัดวางบนโต๊ะก็ทำให้คนที่เพิ่งเดินออกมาจากในครัวพร้อมแก้วน้ำส้มในมือยิ้มหวานออกมา
“พี่ฮั่นครับ...ทานน้ำส้มฮะ จะได้สดชื่น...โอ๊ะ! เหงื่อพี่ไหล เดี๋ยวผมเช็ดให้นะ” แก้วน้ำส้มที่ถูกยื่นมาตรงหน้า ทำให้ฮั่นต้องรีบคว้าไว้ ก่อนที่คนส่งน้ำส้มให้จะเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชู่ที่วางอยู่บนโต๊ะมาซับเหงื่อที่ไหลข้างแก้มเขา
สัมผัสที่บ่งบอกถึงความใส่ใจในเรื่องเล็กน้อยนี้ของแกงส้ม ทำให้คนถูกสัมผัสยิ่งรู้สึกดีกับคนตรงหน้ามากขึ้น
บางครั้งคนเราก็ไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรที่มันใหญ่โตมากมายให้กับคนที่รัก แค่เพียงดูแลใส่ใจกันในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นั้นก็มากเกินพอสำหรับคนที่รักกัน
เพราะบางครั้งคนรักของเราก็ไม่ได้ต้องการอะไรที่มากมายใหญ่โต แต่แค่ต้องการเพียงการดูแลกันในเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง...
“ขอบคุณนะแกง”
“ไม่เป็นไรครับพี่ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง”
รอยยิ้มหวานของแกงส้มทำให้คนที่ยกแก้วน้ำส้มขึ้นจิบแทบจะสำลักน้ำออกมา ก็แกงยิ้มหวานบาดตาขนาดนี้...จะไม่ให้รู้สึกหายใจติดขัดจนแทบจะพ่นน้ำที่กินเข้าไปได้ยังไง
ไอ้ฮั่นเป็นเอามากจริง ๆ!!!!!
ฮั่นคิดในใจก่อนที่เสียงเปิดประตูเข้ามา จะทำให้เขาสามารถลดทอนความรู้สึกที่มีในใจ
ความรู้สึกที่อยากจะรั้งคนตรงหน้าให้เข้ามาชิดใกล้...
“อ้าวแกง...มาด้วยหรอเนี่ย”
ฟลุ๊คเอ่ยทักคนที่ยืนอยู่ข้างพี่ฮั่น (ของเธอ) ซึ่งบัดนี้เธอรู้แล้วว่าพี่ฮั่นไม่ใช่ของเธอ แน่นอนว่าไม่ใช่ของเธอตั้งแต่แรก แต่ก็นะ...ถ้าพี่ฮั่นจะเป็นของคนหน้าหวานที่มีรอยยิ้มสดใสคนนี้...
เธอก็ยอมให้!!
อย่าถามต่อนะว่าทำไมถึงยอมง่าย ๆ เพราะคำตอบที่ได้จะมีอยู่แค่คำตอบเดียวเท่านั้น คือ...
สองคนนี้เขาเคมีเข้ากันสุด ๆ ไง!!!!
“มาสิ ถ้าไม่มาฟลุ๊คจะเห็นเรายืนอยู่ตรงนี้หรอ”
“ฮ่าๆ ๆ ๆ เกรียนนะแกง” ฟลุ๊คว่าก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ
ที่จริงเธอต้องเรียกแกงส้มว่าพี่นะ แต่เพราะว่าความเกรียนส่วนตัวทำให้เธอไม่ยอมเรียกแกงส้มว่าพี่...
“เอาล่ะ ๆ เลิกเถียงกันเถอะ หิว!” หมิวเอ่ยพูดตัดบทสนทนาขึ้นมา ก่อนที่เธอจะเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร โดยมีร่างสูงของโตโน่เดินตาม
“โหยพี่โตโน่...เดินตามหมิวต้อย ๆ เลยนะครับ”
เมื่อแกงส้มเห็นภาพนั้นของคนเป็นพี่ เขาก็อดที่จะเอ่ยแซวออกมาไม่ได้
“ไม่ได้หรอกไอ้แกง...ต้องเทคแคร์ดูแลทำตัวดี ๆ หน่อย ทำให้เค้าเสียใจมาเยอะแล้ว จริงไหมจ๊ะหมิว...” โตโน่ว่าพลางหันไปถามคนที่นั่งไปก่อนหน้าเขา
“คงงั้นมั้งคะ เออจริงสิ...ตกลงพี่กวางเค้าไม่มาหรอคะ เห็นเฮียโทรไปชวนเค้ามาด้วยนี่” หมิวถามก่อนจะเริ่มหยิบตะเกียบมาคีบหมูใส่ลงไปในหม้อสุกี้ โดยไม่รอใคร
หิวจนหน้ามืดตาลายไปหมดแล้ว!
“กวางไม่มาจ้า เห็นว่าไปรับจ็อบพิเศษทาสีกำแพงโรงเรียนประถมแถว ๆ นี้...นี่หมิวหิวมากเลยใช่ไหมเนี่ย...กินไม่รอใครเลย” โตโน่ว่าก่อนจะอมยิ้มออกมา เมื่อเห็นว่าหมิวคีบปลาหมึกใส่ลงไปในหม้อแล้วตามด้วยกุ้งมาติด ๆ
“นั่นสิหมิว กินไม่รอใครเลยนะ” ฮั่นว่าพลางหยิบตะเกียบมาเคาะหัวคนที่คีบนู่นคีบนี่ใส่ลงไปในหม้ออย่างหมั่นไส้เบา ๆ
“ก็หมิวหิวอ่ะ หิวมากด้วย ถ้าให้หมิวรอทุกคน...หมิวคงตายพอดี กินกันสิคะ รออะไรอยู่อ่ะ!” ตอบเสร็จ หมิวก็คีบหมูที่เธอหย่อนลงไปในหม้อขึ้นมาแล้วจิ้มน้ำจิ้มตรงหน้าทันที
ทุกคนพร้อมใจกันส่ายหน้าทันทีที่หมิวพูดจบ
ยังอินดี้ไม่เปลี่ยนแปลงจริง ๆ ...
หลังจากที่อิ่มหนำกับอาหารชุดใหญ่ แกงส้มก็ได้เวลาไปทำงานพอดี โดยมีสารถีรูปหล่อและแสนดีอย่างฮั่นขับรถไปส่งถึงที่ทำงาน และเมื่อเดินลงจากรถ ร่างสูงของฮั่นและแกงส้มก็สวนกับร่างโปร่งของข้าวฟ่างที่เดินดุ่ม ๆ อย่างเร่งรีบ
“พี่ข้าวฟ่าง...จะรีบไปตามควายที่ไหนครับเนี่ย”
แกงส้มเอ่ยทักคนเป็นพี่ ก่อนที่คนโดนทักจะหยุดเดิน
ภาพของคนสองคนที่ยืนจับมืออยู่ตรงหน้า ทำให้ข้าวฟ่างนึกอยากจะหายตัวไปจากตรงนั้น เขายังไม่พร้อมกับการพบเจออะไรแบบนี้นะ!
แต่ถึงไม่พร้อมก็คงต้องพร้อมแล้วล่ะ..
“อ๋อ...พอดีพี่จะไปทำธุระนิดหน่อยน่ะครับ”
“ธุระ ?”
“พี่นัดกับกวางไว้ว่าจะไปช่วยวาดรูปที่กำแพงโรงเรียนประถมต่อจากเมื่อคืนน่ะครับ โอ๊ะ...ตายยากชะมัด ยัยต๊องนี่โทรมาตามแล้ว”
สรรพนามที่ข้าวฟ่างใช้เรียกคนที่โทรเข้ามา ทำให้แกงส้มกับฮั่นต้องหันมามองหน้ากัน
“รู้แล้ว ๆ ๆ เพิ่งออกจากตึก อืม...จะกินอะไรไหม จะได้ซื้อไปเลย ขี้เกียจเดินเข้า ๆ ออก ๆ อืม ๆ ๆ อะไรนะ!!! อย่าเรื่องมากได้ไหม แล้วใครบอกว่าจะซื้อเค้กไปให้เธอมิทราบ อย่างเธอกินแค่ขนมชั้นก็พอ ขนมเค้กมันแพงไป แค่นี้นะ...”
แกงส้มแทบจะหลุดขำออกมาเมื่อได้ยินบทสนทนาของข้าวฟ่างกับคนที่อยู่อีกฟากหนึ่งของปลายสาย
ปากก็บอกว่าให้กินแค่ขนมชั้นพอ...แต่ในมือมีกล่องขนมเค้กกล่องเบอเริ่มเทิ่ม!
เหมือนปากจะไม่ตรงกับใจนะพี่ข้าวฟ่าง...
“ยิ้มอะไรแกง”
เมื่อวางสายไปแล้ว ข้าวฟ่างก็ขมวดคิ้วหนาของตัวเองเมื่อเห็นใบหน้าหวานกำลังยืนยิ้ม สายตาของแกงส้มที่มองมาที่เขาคล้ายมีประกายหยอกล้อซ่อนอยู่ในนั้น
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร ว่าแต่พี่ไปสนิทกับพี่กวางตอนไหนฮะ ไม่เห็นผมรู้เรื่องเลย เห็นเจอหน้ากันก็ทะเลาะกันแทบตายไม่ใช่หรอครับ”
“ก็แค่ดีกันชั่วคราวน่ะแกง พี่ไปก่อนนะ...ขี้เกียจฟังยัยเด็กนั่นบ่นตอนไปถึง” พูดจบ ข้าวฟ่างก็รีบสาวเท้าออกไปจากบริเวณนี้ทันที
ไม่รู้ว่าที่เขารีบออกมาเป็นเพราะไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจ
หรือเพราะว่ารีบเนื่องจากคนปลายสายที่โทรเข้ามาเมื่อตะกี้นี้บ่นว่านั่งอยู่มืด ๆ คนเดียวกันแน่...
บอกตามตรงว่า...เขาเริ่มไม่ค่อยแน่ใจในความรู้สึกในหัวใจของตัวเองแล้ว
หลังจากที่ได้ใช้เวลาอยู่กับกวางเกือบทั้งคืนเมื่อวาน...มันทำให้หัวใจของเขาค่อย ๆ เปิดรับความรู้สึกบางอย่างเข้ามา...ความรู้สึกที่ทำให้เขาเจ็บปวดเรื่องของแกงส้มน้อยลง...
“พี่ฮั่นว่าพี่ข้าวฟ่างเค้าเริ่มคิดอะไรกับพี่กวางไหมครับ” แกงส้มเอ่ยถามคนที่ยืนทำหน้านิ่งข้าง ๆ พลางเอื้อมมือไปกดลิฟต์
“ไม่รู้สิแกง แต่พี่ว่า...สายตาที่เขามองแกงมันยังเหมือนเดิมนะ”
“ฮื้อ...จริงหรอพี่ ผมว่ามันเริ่มไม่เหมือนเดิมแล้วนะ เพราะมันมีประกายความวูบไหวแปลก ๆ ผมว่าพี่ข้าวฟ่างต้องเริ่มคิดอะไรกับพี่กวางบ้างแล้วล่ะ!” เมื่อแกงส้มพูดจบ ประตูลิฟต์ก็เปิดออกพอดี คนสองคนรีบก้าวเข้าไปลิฟต์ ก่อนที่แกงส้มจะหันมามองใบหน้าของคนที่ยืนข้าง ๆ
“ถ้าพี่ข้าวฟ่างเค้าชอบพี่กวางจริง ๆ ก็ดีสิครับ พี่จะได้สบายใจเรื่องผมกับพี่ข้าวฟ่าง”
“กวางกับพี่ข้าวฟ่างของแกงน่ะเค้าเพิ่งจะสนิทกันได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ หลังจากที่ฟาดฟันทะเลาะกันมาตั้งหลายรอบ พี่ว่า...ลุ้นยาก”
“หืม...แต่ผมไม่คิดแบบนั้นนะพี่ พี่ไม่เคยดูละครน้ำเน่าทางทีวีหรอ เวลาพระเอกนางเอกเค้าเจอกันแรก ๆ อ่ะ เค้าก็ทะเลาะกันแทบเป็นแทบตายนะครับ แต่สุดท้ายเค้าก็ลงเอยรักกันจบแฮปปี้เอนดิ้ง” แกงส้มพูดไปก็ทำหน้าเพ้อฝันไป เรียกหมือหนาของฮั่นให้ผลักไปที่ศีรษะทุยเบา ๆ หนึ่งที
“นั่นมันในละครนะแกง แต่นี่มันไม่ใช่”
“โห่พี่ฮั่น...เชื่อเซนส์ผมสิ ผมว่าคู่นี้เค้าต้องมีอะไรแน่นอน!!!!”
ใบหน้าหวานที่ทำสีหน้าจริงจัง ทำให้ฮั่นต้องยิ้มออกมาก่อนจะส่ายหน้าอย่างหมั่นไส้เบา ๆ
เวอร์ตลอดไอ้ตัวแสบเอ๊ย!
“จ้า...เชื่อจ้ะเชื่อ...”
เมื่อฮั่นพูดจบ ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูลิฟต์เปิดออกพอดี ร่างสูงของฮั่นหลบให้แกงส้มเดินนำออกไปก่อน ก่อนที่เขาจะเดินตามหลังไป จากนั้นคนสองคนก็เดินไปยังห้องคอนโทรลด้วยกัน
“หนึ่ง...นี่เบอร์ใคร”
“เบอร์น้องแป๋มจ้ะ”
“แป๋มไหน ?”
“แป๋มที่เป็นน้องสาวของปุ๋มที่อยู่ชั้น 15 ไงจ๊ะ”
“แล้วทำไมเค้าต้องโทรมาหาหนึ่งด้วย!!!”
เสียงของคนสองคนที่ดังลอดออกมาจากในห้องคอนโทรล เรียกต่อมความอยากรู้อยากเห็นของคนที่เพิ่งเดินมาถึงให้ทำงาน แกงส้มรีบก้าวฉับ ๆ เปิดประตูเดินเข้าไปในห้องคอนโทรลทันที
แล้วภาพของหญิงสาวหน้าสวยที่ยืนกำโทรศัพท์เครื่องขนาดพอดีมือด้วยมือข้างซ้าย ส่วนมือข้างขวากำลังดึงหูชายหนุ่มที่นั่งทำหน้าเหยเกก็ทำให้คนที่เพิ่งเปิดประตูเข้าไปตกใจ
“เฮ้ย!!!! พี่สุใจเย็น ๆ ครับ มีอะไรก็ค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ จากันสิฮะ” แกงส้มว่าก่อนจะรีบสาวเท้าเข้าไปดึงมือสุที่ดึงหูหนึ่งออก
“แกงไม่ต้องมาบอกให้พี่ใจเย็น ๆ เลยนะ แกงรู้ไหมว่าพี่หนึ่งคนดีของแกงเค้าทำอะไรไว้!” สุถามพลางทำหน้าเหวี่ยงเต็มพิกัดแบบที่แกงส้มไม่เคยเห็น
เอิ่ม...พี่สุแอบเหวี่ยงได้น่ากลัวแฮะ!
“พี่หนึ่งเค้าทำอะไรหรอครับพี่สุ”
“ก็พี่หนึ่งของแกงเค้ามีผู้หญิงอีกคนน่ะสิ!!!!!”
“เฮ้ย!!!!!”
เจอคำตอบของหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในห้องเข้าไป แกงส้มถึงกับผงะเกือบหงายหลัง
อย่างพี่หนึ่งที่สุดแสนจะกลัวแฟนเนี่ยนะ...มีผู้หญิงอีกคน!
“จริงหรอพี่หนึ่ง ?” แกงส้มถามคนที่นั่งเงียบก้มหน้า ซึ่งหนึ่งรีบส่ายหน้าเร็ว ๆ พลางทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้
“พี่ไม่ได้มีผู้หญิงอีกคนเลยนะแกง แต่สุเค้าเข้าใจพี่ผิด”
“เข้าใจผิดหรอหนึ่ง...แล้วไอ้ที่ผู้หญิงคนนี้โทรมาหาหนึ่งทุกวันมันหมายความว่ายังไงล่ะ!!”
“สุใจเย็น ๆ แล้วฟังหนึ่งให้ดี ๆ นะ...น้องแป๋มเค้ากำลังจะเป็นดีเจคลื่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ แล้วปุ๋มก็สนิทกับหนึ่ง สุก็รู้...ทีนี้ปุ๋มก็เลยบอกให้น้องแป๋มมาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการเป็นดีเจกับหนึ่ง...ก็แค่นั้นเอง” หนึ่งอธิบายด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ดวงตาที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นหนาสีดำแสดงออกถึงความจริงในหัวใจ
เขาไม่เคยคิดจะมีใคร...เพราะหัวใจของเขาอยู่ที่ผู้หญิงคนนี้...
คนที่กำลังหึงเขาอยู่!
สำหรับคนที่เป็นแฟนกัน หากคนใดคนหนึ่งแสดงออกว่าหึง แปลว่าคนนั้นรักอีกคนหนึ่งมาก...
เพราะถ้าไม่รัก...ก็คงไม่หึง...
แม้ว่าคนที่ถูกหึงอาจจะไม่เข้าใจว่าคนที่หึง...ทำไมต้องหึงให้มันมากมาย...แค่ความไว้ใจมันให้กันยากนักหรือ...
ซึ่งจริง ๆ แล้วคนที่หึงไม่ได้แปลว่าไม่ไว้ใจคนรักของตัวเอง แต่เพราะความรู้สึกที่มีในหัวใจเมื่อเห็นใครสักคนมายุ่งวุ่นวายกับคนของเราจนเกินพอดีก็อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกหึงขึ้นมาบ้าง
หากต่างคนต่างลองย้อนคิดถึงความรู้สึกอีกคน ก็จะทำให้เข้าใจความรู้สึกที่มีต่อกันมากขึ้น...
“จริงหรอ...” สุถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง ก่อนที่เธอจะทรุดตัวลงนั่งข้างแฟนหนุ่ม
“ก็จริงสิสุ ถ้าสุไม่เชื่อ...สุไปถามปุ๋มดูก็ได้”
“แล้วทำไมหนึ่งถึงไม่เล่าให้สุฟังล่ะ ปกติหนึ่งเล่าให้สุฟังทุกเรื่องนี่นา”
“ก็หนึ่งเห็นว่าแค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้มันไม่น่าจะทำให้สุเข้าใจผิดได้นี่จ๊ะ แต่ใครจะไปรู้ว่าสุของหนึ่งจะเป็นผู้หญิงที่ขี้หึงแบบนี้” พูดจบ หนึ่งก็เอามือไปบีบจมูกแฟนสาวเบา ๆ อย่างหมั่นเขี้ยว
สายตาที่แสดงถึงความเข้าใจในสิ่งที่เขาอธิบายแล้ว ทำให้หนึ่งสบายใจขึ้นมา
อย่างน้อยสุก็เชื่อในคำพูดของเขา...
“ถ้าไม่รักจะหึงทำไมล่ะ..ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเท่ามดแค่ไหน หนึ่งก็ต้องเล่าให้สุฟังนะ เพราะสำหรับคนที่รักแล้ว ต่อให้เป็นเรื่องที่เล็กเท่าไรก็เป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนอีกคนเสมอ”
“จ้ะสุ...”
แล้วภาพของคนสองคนที่ตอนแรกทะเลาะกันแทบบ้านแตก แต่ตอนนี้คืนดีกันแล้ว พร้อมกับยิ้มให้กันอย่างเข้าอกเข้าใจ ก็ทำให้คนสองคนที่ยืนมองอยู่ต้องหันหน้ามามองกันก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ
“เฮ้อ...ผมนึกว่าจะต้องเห็นพี่สองคนเลิกกันแล้วซะอีก”
“โหยไอ้แกง! นั่นปากหรอนั่นที่พูด” หนึ่งว่าก่อนจะหยิบลูกส้มที่วางอยู่บนโต๊ะเขวี้ยงไปใส่หัวคนพูดทันที ซึ่งแกงส้มก็หลบทัน แต่คนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ กลับหลบไม่ทัน
“โอ๊ย!”
ฮั่นร้องออกมาทันทีที่ลูกส้มโดนหัวคิ้วเหนือตาข้างขวา
“เฮ้ยคุณฮั่น ผมขอโทษครับ...” หนึ่งเอ่ยขอโทษร่างสูง ก่อนที่เขาจะโดนคนเป็นแฟนดึงแขนเบา ๆ
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจว่าไอ้ตัวแสบนี่มันน่าโดนแค่ไหน” ฮั่นว่าก่อนจะเอามือมาคลำที่หัวคิ้วของตัวเองพลางออกแรงนวดคลึงเบา ๆ
อา...เหมือนจะโนนิด ๆ เลยแฮะ
“ฮื้อ...พี่ฮั่นอ่ะ! ตอนแรกผมก็ว่าจะสงสารพี่อยู่หรอกนะที่โดนส้มจากฝีมือการปาสุดแม่นของพี่หนึ่งแล้วก็ว่าจะเอายาหม่องมาทาให้พี่ แต่ถ้าพี่จะพูดแบบนี้ งั้นพี่ก็เชิญดูแลตัวเองไปเลย เชอะ!” แล้วคนพูดก็สะบัดหน้าก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ที่อยู่หน้าแผงคอนโทรลควบคุมเสียง
“อ้าว...นี่พี่เจ็บอยู่นะแกง งอนพี่ซะงั้นอ่ะ!” ฮั่นว่าพลางทำหน้างง ๆ เมื่อเห็นว่าคนเป็นน้องงอนเขา
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ เอาเป็นว่าสองคนนี้ง้องอนกันตามสบายนะ เดี๋ยวเราสองคนขอตัวกลับก่อน” สุว่า ก่อนที่เธอกับหนึ่งจะจับมือกันเดินออกไปจากห้องนี้ ทิ้งให้ฮั่นกับแกงส้มหันหน้ามามองกันแล้วต่างฝ่ายก็ต่างหันหน้าหนีกันไปคนละทาง
คนที่นั่งอยู่หน้าแผงคอนโทรล กำลังหยิบหูฟังขึ้นมาครอบหูก่อนที่แกงส้มจะนั่งหลังตรงอ่านข้อความที่แฟนเพลงส่งมาทางหน้าจอสี่เหลี่ยม มือบางก็เลื่อนดูนู่นดูนี่ทำงานไปเรื่อย โดยมีสายตาของร่างสูงที่มองมาด้วยรอยยิ้มที่แสดงออกทางสายตา
ก่อนหน้านี้แกงส้มได้เดินเข้ามาทำความรู้จักในโลกของเขาแล้ว วันนี้เขาก็ขออยู่ทำความรู้จักกับโลกของแกงส้มบ้าง
งานดีเจเป็นงานที่แกงส้มรักมากจริง ๆ เพราะดูจากสายตาที่แสดงออกถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจของเจ้าตัว ใบหน้าที่จริงจังสลับกับใบหน้าที่แย้มยิ้มเมื่อได้พูดออกหน้าไมค์ทำให้คนมองอย่างฮั่นอดที่จะยิ้มและหัวเราะไปกับมุกบางมุกที่แกงส้มยิงใส่คนฟังไม่ได้
ความมีเสน่ห์ทางคำพูดและน้ำเสียงของแกงส้มทำให้คนฟังหลงรักในเสียงนั้นของเจ้าตัว และหนึ่งในคนรักนั้นก็มีเขาคนนี้รวมอยู่ด้วย
และเมื่อฮั่นเห็นว่าแกงส้มถอดหูฟังที่ครอบหูออก เพื่อพักเนื่องจากถึงช่วงเวลาที่เปิดเพลงยาว ๆ แล้ว ชายหนุ่มก็ก้าวยาว ๆ ไปนั่งข้าง ๆ
“แกง...”
“อะไรครับพี่ฮั่น ?”
“งอนพี่จริง ๆ หรอ...”
“หือ...ผมเนี่ยนะงอนพี่” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันก่อนที่เขาจะต้องตกใจเมื่อฮั่นออกแรงดึงเก้าอี้ของเขาให้เลื่อนไปใกล้จนหัวเข่าของเขาสองคนชนกัน
“อื้ม ก็แกงบอกพี่ว่าแกงงอนพี่นี่ครับ”
“ฮ่า ๆ ๆ ผมก็พูดไปอย่างนั้นแหล่ะครับพี่ฮั่น นี่อย่าบอกนะว่าที่พี่ไม่ยอมมานั่งข้างผมตั้งนานเป็นเพราะคิดว่าผมงอนน่ะ” แกงส้มถามก่อนจะหัวเราะออกมาอีกชุดใหญ่เมื่อฮั่นพยักหน้าขึ้นลง
“โถ่พี่ฮั่น...”
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะครับ ก็เห็นบอกว่างอน ไอ้เราก็นึกว่างอนจริง ๆ เลยไม่กล้ามานั่งใกล้ ๆ” ฮั่นตอบก่อนจะยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยแก้เขินในความเข้าใจผิดของตัวเอง แกงส้มมองอากัปกิริยานั้นของคนเป็นพี่ก่อนที่เขาจะระบายรอยยิ้มออกมาเต็มดวงหน้าหวาน
“ถ้างั้นพี่ก็รู้ไว้นะครับว่าผมไม่ได้งอน เออ...แล้วนี่ไหนผมขอดูคิ้วพี่หน่อยสิครับว่าโนหรือเปล่า”
“ไม่โนหรอกครับ...” ฮั่นหยุดพูดแค่นั้น เพราะใบหน้าที่ชะโงกมาดูคิ้วเขาอยู่ใกล้มากจนเขาได้กลิ่นลมหายใจหอมจากหมากฝรั่งรสมินต์ที่คนหน้าหวานเคี้ยว
“อืม...ไม่โนจริง ๆ ด้วย แสดงว่าหน้าพี่ยังหนาอยู่นะเนี่ย โดนส้มลูกเบอเริ่มเทิ่มยังไม่เป็นอะไรเลย ฮ่า ๆ”
ทันทีที่ถอนใบหน้าออกไป แกงส้มก็พูดประโยคนี้ออกมา เรียกใบหน้าคมให้ทำปากจู๋หน้ายู่ด้วยความงอนเล็ก ๆ
“เฮอะ! มาว่าเค้าหน้าหนา แฟนใครเนี่ยปากคอเราะร้ายชะมัด!!”
“แฟน ?...ใครแฟนใครพี่ฮั่น...”
“อ้าวก็แกงไงครับ ‘แฟนพี่’...”
คำตอบที่มาพร้อมอาการเม้มปากแน่นของคนพูด เรียกรอยแดงให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน
“พะ พะ พูดอะไรของพี่น่ะพี่ฮั่น! เราสองคนไม่ได้เป็นแฟนกันซะหน่อย...สัญญาการเป็นแฟนของเรามันจบลงไปตั้งแต่ป๊ากลับบ้านแล้วพี่...อย่ามามั่วนะ”
แกงส้มตอบก่อนจะหลบสายตาคมที่มองจ้องมา
“สัญญามันจบลงไปแล้วหรอครับ ไม่เห็นพี่รู้เรื่องเลย...หรือเพราะว่าแกงไม่ได้บอกเลิกพี่กันนะ พี่ถึงได้ยังคิดว่าเราเป็นแฟนกันอยู่...ว้า~ แย่จัง...” ฮั่นว่าพลางทำหน้าที่แสดงออกถึงความเสียดายอย่างสุดซึ้ง แกงส้มเห็นดังนั้นก็อดที่จะกำหมัดแล้วต่อยเบา ๆ ไปที่ต้นแขนคนพี่อย่างนึกหมั่นเขี้ยวไม่ได้
“ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่องเลยนะพี่ฮั่น ผมรู้ว่าพี่รู้”
“พี่ไม่รู้จริง ๆ นะ...ว่าตอนนี้เราไม่ได้เป็นแฟนกัน...ก็พี่เห็นเราสองคนออกจะหวานกันขนาดนี้...แล้วถ้าพี่อยากจะเป็นแฟนกับแกง พี่ต้องทำยังไงครับแกงถึงจะยอมเป็นแฟนกับพี่...” คำถามตรงไปตรงมาที่มาพร้อมกับสายตาที่สาดประกายความจริงจัง ทำให้แกงส้มต้องหันมาสบตากับคนพูด
“ผมไม่รู้ครับ”
“อ้าว...ไหงงั้นล่ะแกง”
“พี่ฮั่นอ่ะ! พี่จะมาถามผมได้ไงเล่าว่าต้องทำยังไงผมถึงจะยอมเป็นแฟนพี่...พี่ก็คิดเองสิครับว่าพี่ควรจะทำยังไงผมถึงจะยอมเป็นแฟนพี่ได้ โอ๊ย...พี่ทำผมเขินว่ะ!!!!”
พูดจบ แกงส้มก็เลื่อนเก้าอี้ถอยหลัง พลางเอามือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองเพื่อไม่ให้คนตรงหน้าเห็นว่าหน้าของเขาแดงมากแค่ไหน แต่...
“เหวอออออออออออ”
ด้วยความที่ถอยเก้าอี้โดยไม่ได้ดูทางข้างหลัง ทำให้ล้อเก้าอี้ที่แกงส้มนั่งอยู่ไปสะดุดกับกล่องไม้ที่วางอยู่ด้านหลัง เป็นผลให้เก้าอี้นั้นหงายไปข้างหลังทันที
แต่ก่อนที่เก้าอี้จะล้มลง ฮั่นก็ลุกขึ้นไปดึงตัวคนที่ล้มไปพร้อมเก้าอี้ให้ลุกออกมาได้ทันเวลา แรงดึงส่งผลให้ร่างของแกงส้มเข้ามายืนประชิดตัวของฮั่นจนแผ่นอกชนกัน จมูกโด่งของคนทั้งคู่กระแทกกันเบา ๆ
“เอ่อ...”
“เอ่อ...”
พูดออกมาได้แค่นั้นฮั่นกับแกงส้มก็ผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว รอยแดงที่ปรากฏบนใบหน้าของคนทั้งคู่ ทำให้ความเขินยิ่งกระจายตัวมากขึ้น คนสองคนจึงปล่อยให้ความเงียบทำงานเพื่อให้หัวใจที่เต้นแรงไปกับความเขินเมื่อสักครู่ได้ลดอัตราการเต้นนั้น
“พี่ฮั่นครับ/แกงครับ”
และหลังจากที่ปล่อยให้ความเงียบทำงานมาหลายนาที ฮั่นและแกงส้มก็พร้อมใจกันเรียกชื่อของอีกฝ่ายออกมาพร้อมกัน
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ แกงพูดก่อนเลยครับ”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ พี่ฮั่นพูดก่อนสิ”
“แกงก่อน”
“พี่ก่อน”
“แกงก่อน”
“พี่ก่อน”
“แกงก่อน”
“โอ๊ย! ผมพูดก่อนก็ได้...” แล้วในที่สุดแกงส้มก็ทนไม่ไหว ต้องเป็นฝ่ายขอพูดก่อน
“ฮ่า ๆ ว่ามาครับ”
“พี่ไม่กลับบ้านหรือไง เสร็จภารกิจส่งผมแล้ว...ก็กลับบ้านไปสิครับ”
“แกงไล่พี่หรอ ?” ถามพลางทำหน้าเศร้าปากเบะ เรียกความหมั่นไส้ให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน
“ผมไม่ได้ไล่ครับ แต่ผมแค่ไม่อยากให้พี่กลับบ้านดึก ขับรถมืด ๆ มันอันตรายนะฮะ อีกอย่าง...พรุ่งนี้พี่ก็ไปต้องทำงานด้วย อย่าลืมสิครับว่าพี่ทำงานคนละช่วงเวลากับผมนะ” แกงส้มพูดก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้อีกครั้ง
“พรุ่งนี้พี่เข้าร้านตอนเย็นเลยทีเดียวอ่ะแกง เพราะว่าตอนช่วงสาย ๆ พี่ว่าจะเอาหนังสือที่ซื้อมาเมื่อวานไปให้คุณป๊อกก่อน”
“จริงดิ! งั้นพรุ่งนี้ผมไปด้วยครับ คิดถึงพี่ป๊อกอ่ะ!”
“ถ้าอย่างนั้น...คืนนี้พี่ขออยู่ที่นี่กับแกงนะ แล้วพอแกงเปลี่ยนเวรกับคุณหนึ่งตอนเช้าเราก็ไปหาอะไรกินกัน และแวะกลับห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็ไปร้านคุณป๊อก...” ฮั่นร่ายยาวถึงรายการที่เขาอยากจะทำกับแกงส้ม พลางยืนลุ้นกับคำตอบของคนที่นั่งทำหน้าครุ่นคิด
“ตามนั้นเลยครับพี่ฮั่น!”
แล้วคำตอบของแกงส้มก็ทำให้ฮั่นยิ้มกว้าง ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตามเดิม
“งั้นคืนนี้...ดีเจแกงส้มมีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกมาได้เลยครับ พี่พร้อมจะช่วยแกงทำงานทั้งคืนเลย!” น้ำเสียงและใบหน้าที่แสดงออกถึงความกระตือรือร้นของคนที่นั่งทำหน้าเหมือนเด็กได้ของเล่นถูกใจ ก็ทำให้แกงส้มยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มคนที่กำลังยิ้มกว้างแรง ๆ หนึ่งที
“ถ้างั้นก็ตั้งใจช่วยผมทำงานล่ะพี่ฮั่น...ถ้าผมใช้งานพี่หนักก็อย่าบ่นแล้วกัน”
“ไม่มีบ่นอยู่แล้วคร้าบบบบบบบ ว่าแต่...ตกลงพี่ต้องทำยังไงแกงถึงจะยอมเป็นแฟนพี่หรอครับ โอ๊ย...”
ถามยังไม่ทันจบประโยคดี ฮั่นก็โดนมือบางของแกงส้มฟาดมาเต็ม ๆ ที่ไหล่หนา
“ถ้ายังไม่เลิกพูดนี้ ผมจะไล่พี่กลับคอนโดจริง ๆ ด้วย”
“คร้าบ ๆ ๆ ไม่พูดแล้วคร้าบ...”
รับคำเสร็จ ฮั่นก็ยิ้มหวานเอาใจแกงส้ม แล้วคนสองคนก็ใช้ช่วงเวลาดี ๆ เวลานี้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน แม้ว่าวันนี้พวกเขาสองคนจะยังไม่ได้เป็นแฟนกัน
แต่แค่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน แค่นี้...ก็พอแล้ว
ปล่อยให้ความรักค่อย ๆ เติบโตในหัวใจแล้วถักทอสายใยความผูกพันให้มากขึ้น...มากขึ้น...
เขาว่ากันว่าความรัก...มักไม่ได้เริ่มต้นที่ความรู้สึกดี ๆ เสมอไป เพราะบางคนก็เริ่มต้นความรักจากการไม่ถูกชะตากัน...แต่สุดท้ายเมื่อได้มาเรียนรู้กันก็อาจจะรักกันและกันก็เป็นได้...
เพราะความรักไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยความรู้สึกดีตั้งแต่แรกพบเสมอไป
ร่างสูงที่เดินทอดน่องไปตามทางเดินที่มีเพียงแสงไฟจากเสาไฟฟ้าข้างทางกำลังฮัมเพลงเบา ๆ มือหนาที่แกว่งถุงพลาสติกในมือที่บรรจุกล่องเค้กกล่องใหญ่ทำให้คนถือรู้สึกแปลกใจในตัวเองลึก ๆ
ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ชอบขี้หน้าคนที่อยากกินเค้กนี้ แต่ทำไมเขาถึงซื้อเจ้าเค้กนี้มาให้คน ๆ นี้นะ...
ไม่เข้าใจตัวเองเลย!?!
แต่เมื่อข้าวฟ่างเดินมาถึงจุดหมายปลายทางสำหรับค่ำคืนนี้ของเขา ชายหนุ่มก็ตกใจจนปล่อยกล่องเค้กในมือร่วงหล่นพื้นทันที ร่างที่นั่งกอดเข่าซุกหน้าอยู่กับหัวเข่าเรียกขายาวของข้าวฟ่างให้วิ่งไปที่ร่างนั้นอย่างรวดเร็ว
“กวาง...เกิดอะไรขึ้น ???”
“คุณข้าวฟ่าง ฮือ!!!!!”
ทันทีที่ได้ยินเสียงคนที่คุกเข่าตรงหน้า กวางก็โผเข้ากอดร่างนั้นอย่างแรง น้ำตาที่ไหลรินยิ่งทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตก สองแขนที่โอบรอบคอมาพร้อมกับแรงสะอื้น เรียกสองแขนของคนที่ถูกกอดให้ยกขึ้นมาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ แล้วสุดท้ายวงแขนแกร่งก็โอบรอบตัวกวาง มือหนาลูบแผ่นหลังบางไปมาเพื่อปลอบประโลม
“ตกลงว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่...เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ”
“ฮือ ๆ ๆ ๆ ตอนที่เค้าวางโทรศัพท์จากคุณข้าวฟ่าง เค้าก็ออกไปซื้อน้ำมากิน พอกลับมาก็เจอว่า...พวกมัน...พวกมันทำลายสิ่งที่พวกเราทำมาทั้งคืนหมดเลย... ฮือ ๆ ๆ ๆ ๆ...พังหมดเลยอ่ะ...”
เมื่อได้ยินคำตอบ ข้าวฟ่างก็เงยหน้าขึ้นไปมองที่กำแพง
ปัญญาอ่อน!!!!!
ศิษย์ช่าง...ทกท...พ่อแม่ไม่มีเลยอยากเป็นพ่อแม่ทุกสถาบัน!!!
ซ่าเว้ย!!
มีปัญหาอะไรไหมไอ้น้อง!!!
และอีกหลายคำที่ถูกพ่นจากสีสเปรย์ดำทับภาพวาดที่เขากับคนที่นั่งร้องไห้ช่วยกันสรรสร้างเมื่อคืน ความเจ็บใจทำให้ข้าวฟ่างกำหมัดแน่น
ไอ้พวกมือบอน!
“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวเราเอาสีทาทับแล้ววาดใหม่ก็ได้...เรื่องแค่นี้เอง เลิกร้องไห้ได้แล้ว...” ข้าวฟ่างว่าพลางดันตัวคนที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้น
ดวงตาเรียวที่คลอหน่วยไปด้วยน้ำตา ทำให้คนมองต้องใช้นิ้วโป้งไล่เช็ดน้ำตานั้น สัมผัสที่แผ่วเบาแต่แสนอ่อนโยนของข้าวฟ่างทำให้กวางใจเต้นแรง
ผู้ชายคนนี้ก็มีมุมอ่อนโยนมุมนี้กับเขาเหมือนกันแฮะ....
“เราจะวาดเสร็จกันทันพรุ่งนี้เช้าหรอ...เค้าต้องส่งงานที่เรียบร้อยแล้วตอนเช้านะ...ฮึก!” พอพูดมาถึงตรงนี้ กวางก็เริ่มที่จะร้องไห้อีกครั้ง
ทั้ง ๆ ที่คิดว่าไม่เกินเที่ยงคืนวันนี้คงเก็บรายละเอียดงานที่เหลือเสร็จ กลับกลายเป็นว่า...ต้องเริ่มทำใหม่เกือบทั้งหมด คิดแล้วน้ำตาก็พาลจะไหลออกมาอีก
“มีกันตั้งสองคนนะ! มันต้องเสร็จสิ เราต้องเชื่อว่าเราทำได้...แล้วมันจะทำได้เอง สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความผิดของเธอ เพราะฉะนั้น...เลิกร้องไห้แล้วลุกขึ้นได้แล้วนะ” ข้าวฟ่างไม่พูดเปล่า แต่เขายังลุกขึ้นยืน ก่อนจะยื่นมือส่งมาให้คนที่เงยหน้ามอง
“ส่งมือเธอมาสิ...”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรหรอก เค้าลุกเองได้”
“ฉันไม่ได้ให้เธอจับมือฉันแล้วลุกขึ้นอย่างเดียว แต่มันหมายถึงว่า...ฉันจะจับมือกับเธอช่วยเธอทำงานนี้ให้สำเร็จ...โดยไม่ทิ้งให้เธอต้องสู้กับมันตามลำพังด้วยต่างหาก”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ กวางก็ยิ้มออกมา ก่อนจะยื่นมือของเธอส่งไปให้คนตรงหน้า แล้วแรงฉุดก็ทำให้กวางลุกขึ้นยืนได้อย่างมั่นคง รอยยิ้มที่ถูกส่งมาจากคนที่ยังจับมือเธออยู่ก็ทำให้หญิงสาวหน้าแดงขึ้นมา
“ปล่อยมือได้แล้วคุณข้าวฟ่าง จะหลอกแต๊ะอั๋งกันหรอ” ด้วยความเขินทำให้กวางเลือกที่จะกวนกลบเกลื่อนอาการที่เกิดขึ้น
“เฮอะ! แต๊ะอั๋งเธอเนี่ยนะ ไปแต๊ะอั๋งลิงยังได้อารมณ์กว่าเลย” พูดจบ ข้าวฟ่างก็ปล่อยมือที่เขาจับอยู่ ความอุ่นที่ติดปลายนิ้วทำให้ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความแปลกไปในความรู้สึกของตัวเอง
“อ๊าย!!!! ปากหรือคะที่พูดน่ะ แล้วไหนอ่ะขนมชั้นที่ว่าจะซื้อมาฝาก”
“นู่น...ฉันปล่อยมันหลุดมือตอนที่วิ่งมาหาเธอ” ข้าวฟ่างตอบก่อนจะเดินกลับไปหยิบถุงใส่เค้กมายื่นให้คนที่ยืนยิ้มรอ
“ว้าว!!!! ไหนบอกว่าขนมชั้นไงคะ ทำไมกลายเป็นเค้กไปได้ล่ะ” กวางถามพลางเอียงคอมองคนตรงหน้าอย่างรอคำตอบ
“พอดีว่าร้านขนมชั้นมันปิด แล้วร้านเค้กมันเปิดอยู่ ฉันก็เลยต้องจำใจซื้อมา ไม่ได้อยากจะซื้อมาสักนิด” แม้ปากจะพูดออกไปแบบนั้น แต่อาการหลบสายตาตอนที่พูด ก็ทำให้กวางดูออกว่าคนพูดตั้งใจซื้อเค้กมาให้เธอไม่ได้จำใจอย่างที่ปากพูด
“หรอคะ...ว้า...อดกินขนมชั้นเลย ฮ่า ๆ ๆ จริง ๆ แล้วคุณข้าวฟ่างก็มีมุมน่ารักกับเค้าเหมือนกันนะเนี่ย” กวางว่าก่อนจะเอานิ้วไปจิ้มแก้มคนที่ยืนปั้นหน้านิ่ง พลางอมยิ้มส่งสายตาล้อเลียนไปให้ข้าวฟ่าง
“พูดมากน่ะ! รีบ ๆ กินแล้วก็รีบ ๆ ไปทำงานเหอะ เดี๋ยวก็เสร็จไม่ทันเช้าหรอก” พูดจบ ข้าวฟ่างก็เดินหนีสายตาที่มองมาของผู้หญิงตรงหน้า มือหนาเอื้อมมาจับที่อกด้านซ้ายของตัวเองอย่างรู้สึกไม่เข้าใจในความรู้สึกที่เกิดขึ้น
ทำไมวันนี้เขาถึงได้รู้สึกใจเต้นไหวไปกับน้ำตาของกวาง
แค่เห็นน้ำตาของผู้หญิงคนนี้...หัวใจของเขาก็รู้สึกปวดลึก ๆ...
ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของเขา...แต่ทำไมต้องรู้สึกเจ็บไปด้วย
นี่เขาเริ่ม ‘คิด’ อะไรกับกวางหรอ...
หรือเขาแค่สงสารเพราะเห็นน้ำตากันนะ...?
...แต่ไม่ว่าจะเป็นคำตอบไหน...เขาว่าวันนี้ยัยแสบกวางก็มีมุมน่ารักกับเขาเหมือนกัน...
บนโลกใบนี้มีสิ่งต่าง ๆ มากมายที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งสุข ทุกข์ เศร้า เหงา แต่ทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นก็สอนให้เรารู้อย่างหนึ่งว่า...ทุกสิ่งบนโลกใบนี้ล้วนเกิดมา ‘คู่กัน’ ทั้งนั้น...มีขาวก็ต้องมีดำ มีช้อนก็ต้องมีส้อม มีมือข้างซ้ายก็ต้องมีมือข้างขวา มีสมองก็ต้องมีหัวใจ มียิ้มก็ต้องมีร้องไห้ มีสุขก็ต้องมีทุกข์ มีฉันก็ต้องมีเธอ...เห็นไหมว่า...คู่กันจริง ๆ...
ยะฮู้!!!! มาอัพครบ 100% แล้วจ้า~~
จริง ๆ กวางไม่ควรพูดว่าเมื่อคืนอัพไป 82 % เลย...เพราะตอนที่มาต่ออีก 18% มันเหมือนจะไม่ใช่ 18% เพราะมันยาวมากกกกกกกกกกจนเหมือนจะเป็นอีกตอนหนึ่งได้เลย ฮ่า ๆ ๆ ๆ
อย่าเพิ่งเบื่อที่จะอ่านกันนะคะ...เมื่อวานบอกว่าที่อัพไปก่อนหน้านี้หวานเบา ๆ วันนี้ก็มาต่อหวานเบา ๆ ให้มันหวานหนักขึ้นนะคะ แต่ไม่รู้จะหวานพอไหมนะ...?
คนอ่านก็ต้องเป็นคนตัดสินเองนะคะว่าตอนนี้หวานหรือเปล่า...ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ
เวิ่นมาเยอะแล้ว...อยากบอกว่า...ขอบคุณทุกการอ่าน ทุกการติดตาม ทุกการเม้นมาก ๆ นะคะ
ติดตามกันต่อไปเรื่อย ๆ น้า...เค้ารักทุกคนค่ะ ^^-
ปล.กวางยิ้มทุกครั้งที่ได้เขียนฟิคเรื่องนี้ กวางก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคนอ่านทุกคนจะยิ้มไปกับฟิคเรื่องนี้เหมือนทุกครั้งนะคะ...
ความคิดเห็น