คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 : Who is my soul mate?
ตอนที่ 3 : Who is my soul mate?
กิ๊งก่อง~
เมื่อได้ยินเสียงประตูร้านเปิด ร่างของหญิงสาวในชุดสีชมพูหวานสดใส ก็รีบวิ่งออกไปดูทันที และเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่เดินเข้ามา คิมก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“ฮั่นนี๊~~~ มิสยูจังเลย มาให้เค้าจุ๊บแก้มทีสิตัวเอง...ว้าย!” ร่างที่ถลามาแทบจะหน้าคะมำไปทันที เมื่อโดนร่างสูงของจ๋าที่กำลังยืนคุมบริกรหนุ่มจัดดอกไม้ในแจกันวิ่งมารับหน้าเธอแทนฮั่น
“บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วคุณคิมว่าให้เลิกลวนลามเพื่อนจ๋าสักที!”
“แล้วฉันบอกเธอกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าให้เลิกกันท่าฉันเป็นหมาหวงก้างแบบนี้สักที!!!!”
“อุ๊ย! จริงหรอ? จ๋าทำแบบนั้นหรอเนี่ย ไม่เห็นรู้ตัวเลยสักนิด” คำพูดที่มาพร้อมกับใบหน้าแอ๊บใส(ซื่อ) ทำให้คนมองอย่างคิมนึกอยากจะเอาเล็บไปข่วนหน้าแบ๊วของคนพูดนัก
แต่เธอทำแบบนั้นไม่ได้ เดี๋ยวเสียคะแนนนิยมหมด (!?!)
“หึ! วันนี้ฉันอารมณ์ดีที่ฮั่นนี่เข้ามาที่ร้านเร็ว เพราะฉะนั้น...ฉันให้โอกาสเธอนะยัยจ๋า หลบไปและหลีกทางให้คนรักเขาได้พบปะพูดคุยสหวีวี่วีกัน ณ บัดนาว!!!” ประโยคสุดท้ายคิมตะโกนใส่หน้าคนที่ยืนทำหน้ากวนด้วยเสียงที่ดังจนพนักงานได้ยินทั้งร้าน แต่คนกวนก็หาได้สนใจไม่ เพราะจ๋ายังคงยักไหล่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ยืนปักหลักอยู่ที่เดิม
เหตุการณ์และการกระทำของผู้หญิงสองคนตรงหน้า ทำให้ชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวที่ยืนอยู่ตรงนี้ ต้องยกนิ้วขึ้นมานวดขมับตัวเองทั้งสองข้าง
ใจจริงเขาก็อยากจะห้ามทัพหรอกนะ แต่คิดไปคิดมา ปล่อยให้ทะเลาะกันตายกันไปข้างหนึ่งเลยก็ดี เผื่อชีวิตเขาจะสงบสุขขึ้น เอ๊ะ! หรือว่าจะเงียบเหงานะ...?
“กรี๊ดดดดดดดดดดด”
เสียงร้องกรี๊ดที่ดังมาจากในครัว เรียกดวงตาสามคู่ให้หันไปมองยังต้นเสียงทันที
“เสียงดังมาจากในครัว...สุ! เอม!” ฮั่นพูดแค่นั้น เขาก็รีบวิ่งไปทางห้องครัวอย่างรวดเร็ว
เมื่อเข้ามาในครัว ฮั่นก็เห็นภาพที่สุลงไปนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ที่พื้น บริเวณมือของหญิงสาวแดงเถือก ข้าง ๆ กันมีหม้อน้ำนอนตะแคงอยู่
“เกิดอะไรขึ้นน่ะสุ ????”
“คือสุซุ่มซ่ามเอามือไปปัดหม้อน้ำหกใส่มือตัวเองน่ะ”
“แล้วนี่เอาน้ำเย็นมาราดหรือยัง” ฮั่นถามพลางหันรีหันขวางเพื่อหาอุปกรณ์มาปฐมพยาบาลให้เพื่อนสาว แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้อุปกรณ์ ร่างโปร่งของเอมก็วิ่งมาพร้อมกับกะลังมังน้ำสีขาวที่มีน้ำแข็งและน้ำเย็นอยู่ในนั้น ฮั่นรีบคว้ากะลังมั้งนั้นมา ก่อนจะจับมือสุจุ่มลงไปแช่ไว้
“จ๋า เดี๋ยวไปเตรียมรถนะ เราจะพาสุไปโรงบาล เอม...ฝากเตรียมของไปก่อน เดี๋ยวเราพาสุไปโรงพยาบาลเสร็จแล้ว จะรีบกลับมา” ฮั่นสั่งพลางใช้มือข้างที่ว่าง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วเช็ดไปที่น้ำใสที่คลอในดวงตาของหญิงสาวที่นั่งทำหน้าแหยตรงหน้า
“ไม่ต้องร้องนะสุ เดี๋ยวเราพาไปโรงบาล ให้หมอดูซะหน่อย แล้วเดี๋ยวจะโทรตามแฟนสุให้มารับนะ”
“อืม...ขอบใจมากฮั่น ใจดีแบบนี้เองนะ สาว ๆ ถึงหลงหัวปักหัวปำทุกคนเลย” สุว่า ก่อนจะค่อย ๆ ชันตัวลุกขึ้นตามการประคองของคนร่างสูง จากนั้นจ๋าก็วิ่งกระหืดกระหอบกลับมา พร้อมกับบอกว่าสิ่งที่ฮั่นบอกให้เธอทำ เธอทำเรียบร้อยแล้ว ส่วนเอมก็ได้แต่มองภาพที่ฮั่นโอบประคองสุด้วยความรู้สึกแปลกในหัวใจ
ถ้าคนที่อยู่ในอ้อมแขนนั้นเป็นเราบ้าง...ก็คงจะดีสินะ
หรือว่าเราจะเอามือจุ่มลงไปในหม้อน้ำเดือดดูบ้าง...
เผื่อฮั่นจะสนใจและดูแลเราแบบสุ
อ่า...แต่ไม่เอาดีกว่า เจ็บ!
แล้วฮั่นก็พาสุออกมาที่ด้านหน้าของร้าน โดยมีจ๋ากับคิมเดินตามมาติด ๆ ส่วนเอมนั้นก็อยู่ดูแลงานในครัวตามคำสั่งของฮั่น
“ฮั่นจ๋า...ยังไงก็รีบไปรีบกลับนะ เค้าเป็นห่วง”
“นี่คุณคิม...คนที่คุณควรห่วงน่ะมันไอ้สุ ไม่ใช่ไอ้ฮั่น วุ้ย! ขอให้ได้ตอดเหอะ นี่คนหรือปลาหางนกยูงเนี่ย!!!!"
“ว้าย!!! ปากคอเราะร้ายนะยะยัยจ๋า หล่อนมานี่เลย ตามฉันมา คอยดูนะ! ฉันจะใช้งานหล่อนให้สะใจไปเลย โทษฐานขวางทางรักของฉันกับฮั่นนี่ตลอด!!!...ฮั่นนี่จ๋า...เดี๋ยวเจอกันนะจ๊ะ จุ๊บ~” แล้วคิมก็ส่งจูบมาให้ฮั่น จากนั้นเธอก็ล็อกคอจ๋าให้เดินตามเธอเข้าไปในร้านทันที ทิ้งให้ฮั่นกับสุหันมามองหน้ากันพลางส่ายหัวอย่างติดจะเอือม
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
เมื่อส่งเพื่อนสาวเข้าไปในห้องฉุกเฉินแล้ว ฮั่นก็มานั่งรอที่เก้าอี้ด้านหน้าห้อง ระหว่างนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งที่แสนคุ้นตา ชายหนุ่มรีบลุกเดินไปหาคน ๆ นั้นทันที
“น้องปันปันใช่ไหมครับ...?”
“อ๊ะ! พี่ฮั่น!!!!!” แล้วคนที่โดนทักก็เรียกชื่อเขาออกมาเสียงดัง ใบหน้าขาวใสของเด็กสาวซีดเผือดลงทันทีที่เห็นหน้าเขา แค่นั้นยังไม่พอ หญิงสาวยังมองเข้าไปยังห้องฉุกเฉินอีกห้องหนึ่งที่อยู่ข้างกันด้วยท่าทีแปลก
“อะไรกันน้องปันปัน เห็นหน้าพี่แล้วทำท่าอย่างกับเห็นผี มีอะไรหรือเปล่าครับเนี่ย!?!”
“เอ่อ...ไม่มีอะไรค่ะ ว่าแต่พี่ฮั่นมาทำอะไรที่โรงพยาบาลคะ”
“อ๋อ พอดีเพื่อนพี่โดนน้ำร้อนลวกน่ะครับ ก็เลยพามาทำแผล แล้วน้องปันปันล่ะครับมาทำอะไร...?” แทนคำตอบ ร่างของเด็กสาวที่คุ้นตามากซึ่งนั่งรถเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉินที่ปันปันเหลือบตาไปมองบ่อย ๆ ก็เป็นคำตอบให้กับชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี ว่าปันปันมาทำอะไรที่นี่ เวลานี้
“หมิว!”
“พี่ฮั่น!!!!”
เสียงเรียกบวกกับท่าทีที่ตกใจสุด ๆ ทำให้ฮั่นต้องมองหน้าคนเป็นน้องสาวเพื่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วเขาก็พบว่าที่ข้อเท้าของหมิวมีผ้าสีขาวพันอยู่
“หมิวไปโดนอะไรมา ทำไมที่ข้อเท้าถึงเป็นแบบนั้น...”
“เอ่อ...คือหมิว...”
ท่าทีอึกอักแบบไม่อยากตอบ ทำให้ฮั่นยิ่งแปลกใจ ปกติหมิวจะกล้าต่อล้อต่อเถียงกับเขาได้ตลอด แต่ครั้งนี้กลับอึกอึก...มันต้องมีเรื่องอะไรแน่ ๆ!
“ว่าไงหมิว ?”
“คือคนไข้ตกบันไดแล้วข้อเท้าไปฟาดกับเศษเหล็กที่อยู่ด้านล่าง ซึ่งเศษเหล็กอันนั้นคงจะคมมากบาดข้อเท้าน้องเค้าซะเป็นรอยยาวเลย แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ดิฉันฉีดยากันบาดทะยักให้แล้ว แค่อย่าให้แผลโดนน้ำ แล้วหมั่นมาล้างแผลบ่อย ๆ เดี๋ยวก็หายแล้วค่ะ” คำพูดชี้แจงจากพยาบาลสาวในชุดขาวที่ยืนจับรถเข็นอยู่ ทำให้ฮั่นต้องมองหน้าคนพูดสลับกับมองหน้าคนเป็นน้อง
“ยังไงก็ขอบคุณคุณพยาบาลมากนะครับ...”
“ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว ถ้าคนไข้มีญาติมาแล้ว ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“ครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ”
“พี่จันทร์เจ้า...เชิญทางนี้หน่อยค่ะ” เสียงเรียกของพยาบาลสาวอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล ทำให้พยาบาลที่ชื่อ ‘จันทร์เจ้า’ ต้องหันมาส่งยิ้มหวานตอบกลับคำขอบคุณของชายหนุ่มร่างสูง ก่อนที่เธอจะหันหลังกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง
“คุณพยาบาลเค้าชื่อเพราะดีนะคะ”
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยหมิว ตกลงว่าเราไปทำอีท่าไหน ถึงได้ตกบันได”
“คือ...”
“ปันปันว่า...พี่หมิวคงอยากพักผ่อนแล้ว ยังไงเดี๋ยวปันพาพี่หมิวกลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่านะคะ” แล้วปันปันก็ตัดสินใจตัดบท พลางเข็นรถหมิวไปอีกทางหนึ่ง แต่มือหนาของฮั่นก็จับข้อศอกของเด็กสาวไว้ พลางส่งยิ้มเย็นไปให้ปันปัน
“คิดว่าพี่จะปล่อยให้เราสองคนไปได้ง่าย ๆ หรอ...นั่งรอพี่อยู่ตรงนี้ พี่ขอไปจัดการธุระกับเพื่อนพี่ให้เสร็จก่อน อย่าไปไหนนะ ถ้าหนีกลับ โดน!” แล้วฮั่นก็ส่งสายตาดุไปให้เด็กสาวทั้งสอง
คนเจ็บน่ะอยากจะหนีเสียเต็มประดา แต่ความเจ็บที่แล่นปราดขึ้นมาก็ทำให้เธอได้แต่นั่งทำหน้าซังกะตาย ส่วนปันปันซึ่งไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร ก็จำต้องนั่งลงที่เก้าอี้ว่างข้าง ๆ หมิว พลางถอดถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ
เหนื่อยใจกับเรื่องราวที่เพื่อนรุ่นพี่ของเธอเพิ่งประสบมา...
และเหนื่อยใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต...
พี่หมิวนะพี่หมิว...ไม่น่าไปมีเรื่องกับผู้หญิงคนนั้นเลย...ซวยแท้ ๆ!
“ฮั่นไปไหนมา สุเดินออกมาหาแล้วไม่เจอ”
“อ๋อ...พอดีเราไปเจอน้องจ๋ามาน่ะ น้องจ๋าเขาข้อเท้าเป็นแผล”
“อ้าวหรอ งั้นฮั่นก็ไปดูน้องจ๋าเถอะ เดี๋ยวหนึ่งก็มารับสุแล้ว อ้าว...พูดถึงก็มาพอดีเลย” สุว่าพลาง โบกมือทักทายแฟนหนุ่มที่วิ่งกระหืดกระหอบมา ใบหน้าคมที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทำให้สุต้องหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวของตนไปซับเหงื่อให้แฟนหนุ่ม
“สุเป็นยังไงบ้าง เจ็บมาไหม ไหนขอหนึ่งดูหน่อยสิ” แล้วมือบางข้างที่มีผ้าสีขาวพันอยู่ของสุก็ถูกหญิงสาวยื่นไปตรงหน้าหนึ่ง นิ้วเรียวที่ไล้เบา ๆ บริเวณผ้าสีขาว เรียกดวงตาของฮั่นให้ต้องเสมองไปทางอื่น
อิจฉา...เขาอยากมีคนให้เขาได้ดูแลอย่างอ่อนโยนแบบนี้บ้าง
เมื่อไหร่เขาจะได้มีสักทีนะ!?!
“พอแล้วหนึ่ง สุไม่ได้เป็นอะไรมาก เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับไปจับตะหลิวจับกระทะได้เหมือนเดิมแล้ว” สุไม่พูดเปล่า แต่ยังดึงมือตัวเองออกจากการถูกสัมผัสของแฟนหนุ่ม เนื่องจากเธอรู้สึกเขินที่ต้องมาโดนแสดงออกทางความรักต่อหน้าเพื่อนสนิทอย่างฮั่น
“ไม่มีทางหรอกสุ พรุ่งนี้หนึ่งจะไม่ยอมให้สุไปทำงานเด็ดขาด ยังไงก็ขอฝากคุณฮั่นลางานให้สุเลยนะครับ” หนึ่งว่าพลางหันมาพูดกับชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา
“ถึงคุณหนึ่งไม่ขอ ผมก็ต้องลาให้สุอยู่แล้วครับ ยังไง ๆ ผมก็ไม่ยอมให้เชฟผู้ช่วยของผมเอามือเดี้ยง ๆ แบบนี้ไปทำอาหารหรอกครับ สงสาร เดี๋ยวจากเดี้ยงมือเดียวจะกลายเป็นสองข้าง ฮ่า ๆ ๆ “ พูดจบ ฮั่นก็หัวเราะออกมา โดยมีลูกคู่ร่วมผสมโรงหัวเราะด้วยอย่างหนึ่ง สุเห็นดังนั้นก็ใช้มืออีกข้างที่ไม่เจ็บ ตีไปที่ต้นแขนของแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทคนละทีอย่างหมั่นไส้ในความเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยของทั้งสองคน
“สุงอนแล้วนะ”
“โอ่ ๆ ๆ สุคนดีของหนึ่ง ไม่งอนนะครับ เอาเป็นว่า...เดี๋ยวเรากลับบ้านกันดีกว่า วันนี้หนึ่งจะกลับไปทำกับข้าวให้สุกินเอง รับรองว่าเชฟผู้ช่วยอย่างสุจะต้องอึ้งกับฝีมือการทำอาหารของเรา”
“จะกลับไปทำกับข้าวให้สุทาน แล้วงานการไม่ทำหรือไง”
“ไม่ทำจ้ะ เพราะว่าเราฝากให้เจ้า ‘พีม’ ไปทำแทนแล้ว”
“อ้อ...ถ้าอย่างนั้น เราก็ขอตัวกลับก่อนนะฮั่น แล้วเจอกันวันมะรืนจ้ะ ขอบคุณมาก ๆ นะสำหรับวันนี้” สุว่าพลางส่งยิ้มไปให้ชายหนุ่มที่ยืนยิ้มอยู่
“ผมก็ต้องขอบคุณคุณฮั่นเหมือนกันนะครับ”
“ไม่ต้องขอบคุณกันเยอะแยะหรอก คนกันเองทั้งนั้น”
“อืม...แล้วเจอกันจ้า” พูดจบ สุก็โบกมือบ๊ายบายเพื่อนหนุ่ม ก่อนที่ไหล่บางจะถูกโอบจากวงแขนของคนเป็นแฟน ร่างของคนทั้งคู่ที่เดินคลอกันไป ทำให้ฮั่นต้องยกแขนขึ้นมาโอบตัวเอง
เขาอยากใช้วงแขนนี้โอบกอดคนอื่นดูบ้าง
เขาอยากรู้ว่าอ้อมแขนของเขา ‘อบอุ่น’ พอสำหรับใครบางคนหรือเปล่า...
...เนื้อคู่จ๋า...มาเร็ว ๆ ได้ไหม...
ฮั่นส่ายศีรษะสะบัดไล่ความรู้สึกนี้ออกไป ก่อนที่เขาจะก้าวยาว ๆ ไปยังเด็กสาวสองคนที่นั่งหมดสภาพ
“พี่หมีครับ...พี่หมี...พี่อยู่ที่ไหนอ่ะ ออกมาหาผมหน่อยได้ไหม”
เสียงหวานที่ร้องเรียกหาใครบางคนดังก้องไปมาภายในป่าใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยความมืดมิดของรัตติกาล ร่างโปร่งที่วิ่งอย่างไม่รู้จุดหมายปลายทางทำให้เจ้าตัวรู้สึกเคว้งคว้าง
“โอ๊ย!!!” แล้วขาเรียวก็สะดุดกับรากไม้ใหญ่จนล้มลงไป
“ฮือ ๆ ๆ เจ็บจังเลย....” แกงส้มร้องไห้ออกมา ก่อนจะนั่งกอดเข่าซุกใบหน้าหวานกับหัวเข่ามน
“โอ๋...ไม่ร้องนะครับคนดี พี่อยู่ตรงนี้แล้วนะ...” น้ำเสียงที่อ่อนโยนมาพร้อมกับวงแขนแกร่งที่โอบกอดปลอบประโลม ทำให้ร่างที่เล็กกว่าค่อย ๆ คลายความรู้สึกคว้าง
“พี่จะไม่ทิ้งผมไปไหนใช่ไหมครับ” ดวงตากลมโตมองช้อนขึ้นไปเพื่อสบกับดวงตาคม ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ฮู้ดทำให้แกงส้มไม่สามารถเห็นได้ว่าใบหน้าของพี่หมีเป็นอย่างไร มีแต่เพียงลูกตาเท่านั้น...ที่ชายหนุ่มจดจำได้ขึ้นใจ
ดวงตาคมของผู้ชายคนนั้น...ผู้ชายใน ‘รถไฟฟ้า’!
แล้วผู้ชายคนนั้นมาเกี่ยวอะไรกับพี่หมีของเขาล่ะ...?
....
“แกงส้มมมมมมมมม ตื่นได้แล้ว!!!!! นี่มันจะเที่ยงแล้วนะ แกไม่คิดจะไปหาอะไรกินบ้างหรอวะ ไอ้แกงโว้ย!!!!!” เสียงเรียกแปดหลอดของป๊อก ทำให้คนที่กำลังนอนกอดจดหมายที่ตนเขียนเสร็จแล้วสะดุ้งสุดตัว ผุดลุกขึ้นนั่งหลังตรงอย่างรวดเร็ว
ความฝันเมื่อกี้...ทำไมมันแปลก ๆ จัง...
การที่เขาฝันถึงพี่หมีที่เขียนจดหมายถึงกันคงไม่แปลก เพราะว่าเขาเพิ่งจะเขียนจดหมายถึงพี่หมีก่อนจะนอนหลับไป แต่กับผู้ชายคนนั้นที่แค่เจอกันครั้งเดียว แถมเป็นการเจอกันที่ไม่น่าประทับใจด้วย
แต่ทำไมเขาถึงจำดวงตาของผู้ชายคนนั้นได้ขึ้นใจ...
ทำไมกันนะ...?
“อ้าว...ตื่นแล้วทำไมไม่ส่งเสียงเนี่ย! ไอ้เราก็นึกว่ายังไม่ตื่น ไป ๆ ๆ ไปหาอะไรกินได้แล้ว เดี๋ยวโรคกระเพาะก็ถามหาหรอก”
“นี่พี่เป็นพี่หรือว่าเป็นแม่ผมกันแน่เนี่ย มาเต็มเกิ๊น!!!” แกงส้มว่าพลางทำปากจู๋ล้อเลียนคนเป็นพี่ ผลที่ได้กลับมาคือใบหน้าเหวี่ยงที่มาพร้อมกับมะเหงกก้อนโต
“โอ๊ย!”
“ถ้าฉันมีลูกชายเกรียนอย่างแก ฉันคงเอาขี้เถ้ายัดปากแกไปตั้งแต่เป็นเบบี้แล้วย่ะ ไม่ต้องมาพูดมากเลย ไปหาข้าวกินแล้วก็กลับห้องไปนอนพักผ่อนซะ มานอนอืดเป็นปลวกแทะตู้หนังสือฉันอยู่ได้” พูดจบ ป๊อกก็เดินกลับออกไป ทิ้งให้แกงส้มยืนทำหน้ามุ่ยเอามือคลำศีรษะตัวเอง จากนั้นเขาก็ทำท่าล้อเลียนหน้าตาของคนเป็นพี่อย่างสนุกสนาน โดยที่คนโดนล้อไม่เห็น เพราะเธอไม่ได้หันกลับมามอง
“พี่ป๊อก...ฝากจดหมายด้วย”
“เออ ๆ เอาวางไว้ตรงนั้นแหล่ะ”
“ไม่เอาอ่ะ พี่ต้องมารับกับมือผมดิ ผมจะได้สบายใจว่าผมส่งถึงมือพี่แล้ว”
“วุ้ย! เรื่องมากจริง เออ ๆ ๆ รับแล้วกับมือแกด้วย พอใจไหม” ป๊อกถามก่อนจะดึงจดหมายฉบับนั้นมาถือไว้ในมือ แกงส้มเห็นดังนั้นก็ยิ้มออกมา ก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปหาคนเป็นพี่แล้วกระซิบที่ข้างหูป๊อกว่า
“เป็นพี่สาวที่ใจดีทำตัวน่ารักแบบนี้ ขอให้ได้เจอเนื้อคู่เร็ว ๆ นะครับ จะได้ไม่ต้องมาเกาะคานเป็นยัยป้าทึนทึกอย่างทุกวันนี้ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ผมไปละ แล้วเจอกันคร้าบบบบบบบบ” พูดจบ แกงส้มก็รีบวิ่งออกไปนอกร้านทันที ทิ้งให้คนโดนว่าเป็นยัยป้าทึนทึกได้แต่ยืนกระทืบเท้าตัวเองไปมา
“ไอ้แกงส้มบ้า! เดี๋ยวฉันจะขยำจดหมายแกให้เละเลย ฮึ่ย!!!”
แม้ปากจะพูดไปแบบนั้น แต่มือของป๊อกก็ส่งจดหมายฉบับนั้นให้เข้าไปอยู่ในลิ้นชักที่ล็อกกุญแจอย่างดี
ก็เธอบอกแล้วไงว่า...เธออยากจะรอดูความเป็นไปของคนสองคนนี้...
เพราะฉะนั้นถ้าขืนขยำจดหมายทิ้งตอนนี้ มันก็ไม่ได้เห็นอะไรที่สนุก ๆ น่ะสิ...!
หลังจากที่แกงส้มวิ่งหนีออกจากร้านหนังสือแบ่งปันแล้ว ชายหนุ่มก็คิดไม่ตกว่ากลางวันนี้เขาจะกินอะไรดี สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นว่าข้าง ๆ ร้านหนังสือมีร้านกาแฟมาเปิดใหม่ การตกแต่งร้านนั้นสวยเป็นธรรมชาติและร่มรื่นดีมาก เขาจึงอยากจะลองชิมกาแฟร้านนี้ดู
กริ๊งกริ๊ง~ เสียงของโมบายที่ห้อยอยู่ที่ประตูทางเข้าร้านดังขึ้นมาทันทีเมื่อแกงส้มเปิดเข้าไป กลิ่นหอมของกาแฟผสมกับกลิ่นหอมของเค้ก ทำให้กระเพาะของเขาเรียกร้องหาของกิน
“สวัสดีค่า~ รับอารายดีค้า~” เสียงเล็กหวานใสปนยานคางนิด ๆ มาพร้อมกับร่างกลมตุ้ยนุ้ยของเด็กน้อยที่ถ้าเดาจากขนาดตัวไม่น่าจะเกิน 4 ขวบ แก้มขาวใสที่กำลังแย้มยิ้มหวาน ทำให้คนมองอย่างแกงส้ม อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปย่อตัวนั่งลงตรงหน้าร่างนั้น
“สวัสดีครับ พี่อยากทานกาแฟกับขนมเค้กอร่อย ๆ สักก้อนหนึ่งนะครับ ไม่ทราบว่าแม่คนสวยมีอะไรพอจะแนะนำกันบ้างไหมครับ...?”
“มีสิค้า~~ แต่พี่หน้าหวานต้องบอกมาก่อนว่าพี่เชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหมคะ”
“หืม...? เกี่ยวอะไรกับพรหมลิขิตครับ”
“ก็น้องนิวว่า...เนื้อคู่ของพี่หน้าหวานคือคนที่พี่กำลังคุยอยู่น่ะสิค้า~~” จบคำพูดของเด็กน้อยที่ชื่อ ‘นิว’ แกงส้มก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที
นี่น้องเขารู้ได้อย่างไรว่าว่าเขามีคนที่กำลังคุยอยู่...?
“น้องนิว มาซนอะไรที่หน้าร้านอีกแล้ว อ้าว...รับอะไรดีคะน้อง” ‘จอย’ เอ่ยทักหลานสาวของตัวเอง ก่อนที่เธอจะเห็นว่ามีลูกค้าหน้าใหม่เข้ามาที่ร้าน
“เอ่อ...ผมเอาลาเต้ปั่นแก้วหนึ่งครับ” แกงส้มหันไปสั่งเครื่องดื่มกับคนที่เขาเดาว่าเป็นเจ้าของร้าน จากนั้นใบหน้าหวานก็หันกลับมามองเด็กน้อยตรงหน้าอีกครั้ง
“น้องนิวรู้ได้ยังไงครับว่าเนื้อคู่ของพี่เป็นใคร”
“ก็...น้องนิวเป็น ‘กามเทพ’ กลับชาติมาเกิดไงคะ เชื่อน้องนิวเถอะ พี่คนนั้น...คือ ‘เนื้อคู่’ ของพี่จริง ๆ”
“น้องนิว...เลิกพูดจาแบบนี้สักทีลูก ไป ๆ ๆ เข้าไปหลังร้านกับแม่...ขอโทษจริง ๆ นะคะที่น้องนิวแกมาวุ่นวาย” ‘นุช’ พี่สาวของจอยซึ่งเป็นหุ้นส่วนของร้านนี้เอ่ยขอโทษชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนที่เธอจะอุ้มเด็กน้อยที่เป็นลูกสาวของเธอเข้าหลังร้านไป แต่มิวายเสียวใสก็ดังลอดประตูออกมาอีกว่า
“เชื่อน้องนิวนะค้า~~ น้องนิวไม่ได้โกหกพี่หน้าหวานจริง ๆ”
“ลาเต้ปั่นได้แล้วค่ะ...” แกงส้มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะหยิบเงินออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“ไม่ต้องหรอกค่ะ พี่ให้น้องทานฟรี”
“หือ...ทำไมครับ”
“ก็พอดีว่า...ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วมา ยังไม่มีใครที่น้องนิวแกทักแบบนี้เลย น้องเป็นคนแรก งั้นแสดงว่าน้องเป็นผู้โชคดีนะคะ” ยิ่งฟังหญิงสาวตรงหน้าพูด แกงส้มยิ่งไม่เข้าใจ คิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันที
“โชคดี...ยังไงฮะ”
“คือ...พี่ไม่รู้ว่าน้องจะเชื่อพี่ไหม แต่ถ้าน้องนิวแกทักใครเรื่องเนื้อคู่ คนนั้นจะเป็นเนื้อคู่กันจริง ๆ นะคะ อย่างเมื่อ 3 เดือนก่อนมีผู้หญิงผู้ชายคู่หนึ่งมานั่งทานข้าวที่ร้านแฟนพี่ น้องนิวแกก็ไปทักแบบนี้แหล่ะค่ะว่าสองคนนี้เป็นเนื้อคู่กัน ปรากฏว่าอีก 7 วันสองคนนั้นกลับมาแล้วบอกว่า...เขาจะแต่งงานกัน พี่กับแฟนนี่ช็อกไปเลยนะคะ แต่ก็แล้วแต่น้องแหล่ะค่ะว่าจะเชื่อหรือไม่...”
คำบอกเล่าของผู้เป็นเจ้าของร้าน ทำให้แกงส้มต้องยกยิ้มขึ้นมา
เขามี ‘เนื้อคู่’ เหมือนคนอื่น...
เขานึกว่าเขาจะเป็นคนที่ต้องเกิดมาเดียวดายบนโลกกว้างใบนี้เสียอีก...
แต่เนื้อคู่ของเขาจะใช่ ‘พี่หมี’ จริง ๆ หรอ...
ก็คงต้องรอดูกันต่อไป!
“ขอบคุณสำหรับกาแฟแก้วนี้นะครับ แล้วก็ฝากขอบคุณน้องนิวเขาด้วยสำหรับคำทักทายเกี่ยวกับเรื่องเนื้อคู่ของผม ยังไงวันนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ ผมแกงส้ม...แล้วพี่...?”
“พี่ชื่อจอยค่ะ ส่วนแม่ของน้องนิวเค้าชื่อพี่นุช ยังไง ๆ น้องแกงส้มก็แวะมาทานกาแฟที่ร้านพี่ได้บ่อย ๆ นะจ๊ะ ได้ยินน้องป๊อกพูดถึงเราอยู่ วันนี้เพิ่งได้มีโอกาสเจอหน้า”
“ครับ...คงต้องมาบ่อย ๆ อยู่แล้วฮะ กาแฟอร่อยขนาดนี้ ยังไงวันนี้ผมขอตัวก่อนแล้วกันครับ” พูดจบ แกงส้มก็เดินออกมานอกร้าน พลางเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าที่แสนสดใส รอยยิ้มหวานที่แต่งแต้มบนใบหน้า ทำให้คนที่มองตามอย่างจอยต้องบอกกับตัวเองว่า
“ถ้าแฟนฉันหล่อน่ารักได้แบบนี้...ฉันจะยอมเลิกขายกาแฟมาเปิดร้านข้าวแกงเลย เอ๊ะ! แต่แฟนฉันก็เปิดร้านอาหารอยู่นี่หว่า...ว้าย ๆ ๆ ชีวิตฉันพัวพันแต่กับอาหารหรอเนี่ย....”
“น้าจอยเวิ่นเวอร์!”
แล้วเจ้าหลานตัวแสบก็วิ่งออกมาดับฝันคนเป็นน้า ก่อนจะวิ่งหายลับกลับเข้าไปหลังร้านเหมือนเดิม
หลังจากที่แกงส้มเดินออกไปได้ไม่ถึงสิบนาที ร่างสูงของฮั่นที่โอบประคองร่างของหมิว ก็เดินนำปันปันเข้ามาที่ร้านกาแฟนแห่งนี้
“สวัสดีค่า~ รับอารายดีค้า~” เสียงเล็กหวานใสปนยานคางนิด ๆ มาพร้อมกับร่างกลมตุ้ยนุ้ยของเด็กน้อยนามว่านิว แก้มขาวใสที่กำลังแย้มยิ้มหวาน ทำให้คนมองอย่างฮั่น หมิวและปันปัน อดไม่ได้ที่จะยิ้มตามรอยยิ้มหวานซื่อใสนั้นของเด็กน้อย
“อุ๊ย!!!! พี่ชายคนนี้...เนื้อคู่ของพี่หน้าหวานนี่!!!!!” คำอุทานของเด็กน้อย มาพร้อมกับนิ้วป้อมที่ชี้มาที่ใบหน้าของฮั่น คนโดนชี้หน้าถึงกับงง ชายหนุ่มรีบประคองหมิวให้ไปนั่งที่เก้าอี้ ก่อนที่เขาจะรีบเดินไปหาร่างป้อมนั้น พลางทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าที่พื้นด้านหน้าเด็กน้อย
“หนูพูดแบบนี้หมายความว่าไงคะ...?”
“เมื่อกี้...เนื้อคู่พี่เพิ่งมาที่ร้านหนูค่ะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคลาดกันแค่นิดเดียว...เย้ ๆ ๆ เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว อีกนิดเดียวเท่านั้นนะคะ...” ประโยคนี้ของเด็กน้อย ยิ่งทำให้คิ้วเข้มของฮั่นขมวดเข้าหากันมากยิ่งขึ้น
“ยิ่งพูด พี่ยิ่งงงนะเนี่ย”
“เดี๋ยวพี่ชายก็หายงง...เอาหูมาใกล้ ๆ น้องนิวสิคะ น้องนิวมีอะไรจะบอก” ฮั่นเอาหูของตัวเองไปใกล้ ๆ กับริมฝีปากบางของเด็กน้อยตรงหน้า
“พี่ชายจงเชื่อเซนส์ของตัวเองต่อไป แล้วพี่ชายจะได้เจอกับคนที่พี่ชายต้องการ...ความรักมันไม่อยู่ไกล ขอแค่พี่ชายใช้หัวใจในการตามหา...เชื่อน้องนิวนะค้า~~อิอิ” แล้วเด็กน้อยก็วิ่งเข้าไปหลังร้าน ทิ้งให้ฮั่นมองตามไปอย่างงุนงง
ขอให้เชื่อเซนส์ของตัวเองอย่างนั้นหรอ...
จดหมายของเคเอส!!!!
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ร่างสูงก็ผุดตัวลุกขึ้น แล้วรีบวิ่งออกไปจากร้านทันที ทิ้งให้หมิวกับปันปันหันมามองหน้ากันอย่างงงงวย
“รับอะไรดีคะ...?”
“เอ่อ...มะนาวปั่นมีไหมคะ?”
“ขอโทษนะคะน้อง พอดีร้านพี่ขายกาแฟค่ะ มะนาวปั่นไม่มี แต่ถ้าน้องจะทาน เดี๋ยวพี่เอามะนาวในตู้เย็นมาทำให้ก็ได้นะคะ” จอยว่าพลางทำท่าจะเดินไปหยิบมะนาวในตู้เย็นมาทำให้จริง ๆ หมิวเห็นดังนั้นก็รีบยกมือขึ้นห้ามทันที
“เอานมปั่นมาก็แล้วกันค่ะ”
“ส่วนของหนูขอนมเย็นค่ะ”
“พี่ฮั่นเขารีบไปไหนของเขา...ชวนเรามากินกาแฟแต่ตัวเองกลับวิ่งหายออกไปข้างนอก ประสาทคนจริง!” หมิวบ่น พลางหยิบไอโฟนออกมาจากกระเป๋าสะพาย หญิงสาวมองรูปหน้าจอด้วยความรู้สึกหลากหลาย น้ำใสเริ่มซึมออกมาที่หางตา มือบางที่ตบเบา ๆ ที่ไหล่ เรียกดวงตาของหมิวให้หันไปมอง
“พี่หมิว...ยังไงปันก็เชื่อว่าเฮียไม่เลือกผู้หญิงคนนั้น...พี่อย่าคิดมากเลยนะ”
“อืม...พี่ก็หวังให้มันเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน”
แอ๊ด...
เงียบสนิท...
ภายในร้านหนังสือแบ่งปันเงียบสนิทราวกับว่าไม่มีใครอยู่ ฮั่นมองซ้ายมองขวาหาคนที่เขาต้องการจะเจอ แล้วเขาก็เห็นเงาตะคุ่ม ๆ บริเวณชั้นหนังสือ ชายหนุ่มรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว มือหนาเอื้อมไปจับบ่าหญิงสาวนที่ยืนจัดหนังสือทันที
“คุณป๊อก อ้าว...ไม่ใช่หรอกหรอครับ ขอโทษครับ...”
เมื่อเห็นว่าไม่ใช่คนที่เขาต้องการจะเจอ ฮั่นก็หมุนตัวเตรียมเดินกลับ แต่เสียงใสที่เอ่ยเรียกเขาไว้ ทำให้เขาต้องหันกลับมามองเธอ
“เชฟฮั่นใช่ไหมคะ”
“เอ่อครับ...คุณรู้จักผมด้วยหรอ”
“รู้จักสิคะ เกรซไปทานอาหารที่ร้านหรรษาทุกวันเลยนะคะ ติดใจในรสชาติอาหารของเชฟมาก ๆ ค่ะ ว่าแต่...เชฟมาหาพี่ป๊อกหรอคะ พี่ป๊อกออกไปซื้อของน่ะค่ะ แต่เดี๋ยวก็คงจะกลับแล้ว เชฟจะรอหรือว่าจะฝากอะไรไว้ไหมคะ...?”
คำพูดของเด็กสาวผมยาวหน้าสวย ทำให้คนที่ถูกเรียกว่าเชฟทุกคำรู้สึกเขินขึ้นมา แต่เมื่อเขานึกถึงจุดประสงค์หลักที่มาร้านนี้ได้ จิตใจของเขาก็เหี่ยวลงทันที
คนส่งสารไม่อยู่ แล้วเขาจะรับสารได้อย่างไร...
“อ้าวคุณหมี...ไปยืนทำอะไรตรงนั้นคะ”
แล้วเสียงเรียกของคนที่เขาอยากเจอก็ทำให้เขารีบหมุนตัวเดินมาหาคนเรียกทันที อาการไม่สนใจของคนที่เพิ่งเดินไป ทำให้ ‘เกรซ’ ถึงกับคอตก
นี่เชฟเขาไม่คิดจะพูดอะไรกับเราเลยหรอเนี่ย...
โอ๊ย...ฉันยังสวยไม่พอใช่ไหม!!!!!
ฮือ...เชฟฮั่นนะเชฟฮั่น สนใจกันมากกว่านี้ก็ไม่ได้ เสียใจนะ!!!!
“หน้าตาระรื่นมาขนาดนี้ จะมาทวงจดหมายจากป๊อกสินะคะ”
“ครับ”
“โอ้โห...ยอมรับแบบตรง ๆ ไม่อ้อมค้อมเลยนะคะ”
“ผมเป็นคนตรง ๆ ครับ ว่าแต่...น้องเค้าตอบกลับมาหรือยังเอ่ย...” ฮั่นถามพลางยืนลุ้นจนตัวโก่ง ป๊อกเห็นท่าทางนี้แล้ว ก็อดหัวเราะออกมาเบา ๆ ไม่ได้
อาการเหมือนกันเปี๊ยบเลย...ลุ้นจนตัวโก่ง!
“ตอบกลับมาแล้วค่ะ นี่ค่ะจดหมายของคุณหมี” แล้วซองจดหมายสีส้มชาก็ถูกยื่นจากมือของป๊อก ฮั่นรีบหยิบมาถือไว้ จากนั้นชายหนุ่มก็ยื่นหน้าเข้าไปพลางเอ่ยขอบคุณป๊อกด้วยน้ำเสียงที่หญิงสาวฟังแล้วอยากจะละลายตายอยู่ตรงนั้น
“ขอบคุณคุณป๊อกมากครับ...คุณคือผู้หญิงที่น่ารักมาก ๆ ครับ”
แล้วร่างสูงเจ้าของน้ำเสียงชวนใจละลาย ก็รีบสาวเท้าเดินออกไปจากร้าน ทิ้งให้ป๊อกและเกรซมองตามไปด้วยดวงตาละห้อย
“เจ้ป๊อก...เชฟฮั่นเขาเอาจดหมายอะไรจากพี่อ่ะ...”
“เจ้บอกไม่ได้ว่ะ”
“แต่มันเป็น ‘จดหมายรัก’ ใช่ไหม...”
“อือ...จดหมายรัก...”
“ฮืออออออออออ” แล้วป๊อกก็ต้องหยิบหูฟังขึ้นมาแล้วเสียบไปที่ไอพอดของตัวเองพลางเปิดเร่งเสียงเพลงให้เสียงนั้นดังลั่นเพื่อกลบเสียงร้องไห้ครวญครางของผู้เป็นน้องสาว
ถ้าแกได้รู้ว่าจดหมายรักที่คุณหมีเขาเขียน...เขาเขียนถึงผู้ชาย
แกจะต้องร้องไห้หนักกว่านี้แน่ไอ้เกรซเอ๋ย!!!!
เมื่อได้จดหมายมาแล้ว ฮั่นก็รีบเดินไปที่รถของตัวเอง พลางปลดล็อกแล้วเขาก็พาตัวเองเข้าไปนั่งในรถ ก่อนจะรีบเปิดจดหมายออกอ่าน...
ถึง ‘พี่หมี’
ผมเป็นน้องพี่จริง ๆ นะ เพราะว่าถ้าให้ผมเดาพี่ต้องแก่กว่าผมแน่ ๆ เพราะฟังจากที่พี่ป๊อกเล่าแล้ว พี่กับพี่ป๊อกน่าจะรุ่นเดียวกัน...เพราะฉะนั้นพี่เป็นพี่ผมอย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ!!!!
ผมจะบอกพี่ว่า...จริง ๆ แล้วผมก็ทำอาหารเป็นนะ...ทำได้หลายอย่างด้วย ตอนที่ผมอยู่กับครอบครัวที่ต่างจังหวัด ผมก็ทำอาหารกับพ่อแม่เป็นประจำ แต่พอย้ายมาเรียนและทำงานที่กรุงเทพฯ ผมก็ไม่ค่อยได้ทำหรอกครับ เพราะซื้อเขากินสะดวกกว่า แต่ถ้าพี่จะใจดีอนุเคราะห์ผมโดยการทำอาหารมาฝาก ผมก็ไม่ขัดศรัทธานะครับ...อิอิ รอกินอาหารฝีมือเชฟหมีอยู่น้า~~
พี่บอกเล่าเรื่องราวส่วนตัวของพี่มาแล้วว่าชอบทำอาหาร งั้นผมบอกเล่าเรื่องราวของผมบ้างนะ ผมชอบแต่งเพลงครับ...เพราะผมชอบฟังเพลงมากกกกกกกก ไว้ผมจะแต่งเพลงมาให้พี่ลองอ่านเนื้อดูนะครับ รออ่านนะ...แล้วพี่ล่ะ...? ชอบฟังเพลงแบบไหนเอ่ย...
อืม...ผมเขียนมากี่บรรทัดแล้วเนี่ย เกินตัวเลขที่ผมชอบแน่ ๆ เลย เพราะว่าผมชอบเลข ‘2’ ครับ...ฮ่า ๆ งั้นเอาเป็นว่าผมขอเขียนต่อแล้วกัน ไหน ๆ ก็เกินสองบรรทัดมานานแล้วนี่...
วันนี้ผมไปเจอโรคจิตบนรถไฟฟ้ามาด้วยครับ...คนเราสมัยนี้นี่รู้หน้าไม่รู้ใจจริง ๆ เลยเนอะ บางคนเห็นหน้าตาท่าทางดี ก็ไม่ได้เป็นคนดีอย่างหน้าตา บางคนว่าหน้าตาเลวแล้ว นิสัยยังเลวกว่าหน้าตาก็มี...เฮ้อ...คิดแล้วก็ปวดตับ หวังว่าพี่หมีผมจะไม่เป็นคนโรคจิตแบบที่ผมเจอนะ...เอ๊ะ...หรือว่ายิ่งกว่าที่ผมเจอเนี่ย!?!
โอ้...ผมเขียนมายาวขนาดนี้เลยหรอ ไม่รู้ตัวเองเลย มันเพลินมาก ๆ ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะครับว่าการเขียนจดหมายแบบนี้มันจะทำให้ผมยิ้มได้ (มาก) ผม...ขอบคุณพี่นะครับ ที่ทำให้ผมได้รู้จักโลกใบใหม่ที่ผมไม่เคยพบเจอ...ขอบคุณจากใจครับ
จาก ‘น้องเคเอส’
ปล. KS ไม่ได้ย่อมาจาก คนแสบนะครับ แต่ย่อมาจากชื่อเล่นของผมเอง แต่ชื่ออะไรนั้น...ขอไม่บอกนะครับ เพราะขนาดพี่เองก็ยังไม่บอกผมเลยว่าชื่อจริง ๆ ของพี่คืออะไร...เพราะผมมั่นใจเกินล้านเปอร์เซ็นต์ว่า...ชื่อจริง ๆ ของพี่ไม่ใช่ ‘หมี’ อย่างแน่นอน!
ปล. อีกที...อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ จากเม็ดยา 8 ชั้นแผงสีส้ม ยี่ห้อ ‘ริปลี่ย์’
เมื่ออ่านมาถึงประโยดสุดท้าย รอยยิ้มของคนอ่านก็กว้างจนสุดปากพอดี
บอกได้คำเดียวว่า ‘โคตรรู้สึกดี’...
มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกจริง ๆ มันอบอุ่นอบอวลไปด้วยความรู้สึกอ่อนโยนนุ่มละมุน ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยพูดจา รู้จักกันมาก่อน แต่กลับพูดคุยกันได้สนิทใจแบบนี้
มันให้ความรู้สึกที่ดีจริง ๆ นะ...
เขาอยากรู้จักคนในจดหมายนี้ให้มากขึ้นแล้ว...
อยากพบเจอ อยากเห็นหน้า อยากรู้ว่า...ทำไมน้องเคเอสถึงเป็นคนที่ ‘น่ารัก’ ได้ขนาดนี้...
ถ้าเขาจะยอมผิดกฎตัวเองที่ตั้งไว้ ด้วยการไปพบหน้าคนในจดหมายที่เขาตั้งปฏิญาณว่าจะไม่ยอมไปเจอหน้าจนกว่าจะเขียนจดหมายโต้ตอบกันถึงฉบับที่ 8 มันจะเป็นอะไรไหมนะ...?
เขาอยากรู้แล้วว่า...เคเอสย่อมาจากอะไร...
แต่ว่าเขารู้สึกสะดุดกับคำว่า เจอโรคจิตบนรถไฟฟ้าจัง...หวังว่าคงไม่ใช่อย่างที่เขาคิดหรอกนะ
แล้วไหนจะคำพูดของเด็กน้อยที่ชื่อนิวนั่นอีก...
หรือเนื้อคู่ที่เขาตามหา...จะใช่ ‘คนนี้’...
...ของบางอย่างหากมันยังไม่ถึงเวลา...มันย่อมไม่สามารถทำให้อะไร ๆ มันกระจ่างชัดเจนได้ แต่หากเมื่อถึงเวลาของมันแล้ว ต่อให้ไม่ต้องไปกระตุ้น แต่มันก็จะสามารถแสดงออกถึงทุกสิ่งอย่างได้ชัดเจนในตัว...
เมื่อถึงเวลา...สิ่งที่ตามหาก็จะปรากฏชัดเอง!
//มาอัพแล้วน้า...ตอนนี้มันเป็นอะไรที่แบบว่า...บอกไม่ถูกจริง ๆ เขียนไปเขียนมา ตัวละครในบ้านคู่ก็เริ่มเยอะขึ้น ๆ ๆ ๆ เรื่องราวต่าง ๆ ก็เริ่มซับซ้อนมากขึ้น....อยากจะบอกว่าการเขียนเรื่องนี้ไม่ค่อยให้ความรู้สึกที่เหมือนกับการเขียนฟิควายสักเท่าไหร่ มันออกจะฟุ้ง ๆ เฟ้อ ๆ มากเกินไป...ไม่รู้ว่าคนอ่านจะชอบไหม...แต่เขาอยากบอกว่า เขาชอบนะ...มันได้เพ้อเยอะดี ฮ่า ๆ ๆ ๆ
ยังไง ๆ เค้าก็อยากให้คนอ่านช่วยติดตามกันต่อไปนะคะ...จะพยายามมาอัพให้บ่อยที่สุด เท่าที่จะทำได้...อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนน้า...Please~~
เม้นบ้างอะไรบ้างเค้าก็ไม่หวงไม่ห้ามเน้อ...อิอิ
ปล. ฟิคเรื่องยาวนี้ จะค่อนข้างห่างไกลความเป็นพี่ฮั่นกับน้องแกงมากนะคะ อาจไม่ถูกใจกันเท่าไหร่ แต่เค้าก็อยากบอกว่าเค้าเขียนเพราะอยากเขียนจริง ๆ...แต่สำหรับเรื่องสั้นนั้น...ก็ค่อนข้างจะไปใกล้เคียงกับความจริงเกิน ก็อาจจะมีคนไม่ถูกใจอีก...ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ยังไงก็ฝากติดตามทั้งสองเรื่องเลยนะคะ
#รักคนอ่านทุกคนค่ะ...หวังว่าจะได้อยู่ด้วยกันจนกว่าฟิคเรื่องนี้จะจบนะคะ (ซึ่งจะวันไหนนั้น เค้าก็ไม่อาจทราบได้จริง ๆ) ฮ่า ๆ ๆ ๆ ไปแล้วค่า~~ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าเด้ออออออ จุ๊บๆ >3<
ความคิดเห็น