คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : -1-
Short Fic : นายนักเลงจอมบู๊กับนายคุณหนูจอมเหวี่ยง [NoRitz]
จิ๊บ ๆ ๆ
เสียงนกตัวเล็กที่ร้องอยู่บนต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ที่ออกดอกสีชมพูอ่อนเต็มต้น เรียกใบหน้าคมให้เงยขึ้นไปมอง ดวงตาเรียวตี่แบบลูกคนจีนมองสบตากับเจ้านกที่กำลังส่งเสียง รอยยิ้มหวานถูกแต่งแต้มขึ้นบนใบหน้าคมทันที สายลมเย็นในฤดูหนาวทำให้ร่างสูงต้องกระชับเสื้อยีนส์แขนยาวของตัวเองให้แนบลำตัว
“เฮ้ย...มึงดูซิว่าพวกเราเจอใคร...” แต่แล้วเสียงห้าวที่ดังขึ้นด้านหลังก็เรียกใบหน้าคมให้หันไปมอง แล้วภาพของผู้ชาย 5 คนที่อยู่ในชุดเสื้อช็อปต่างสถาบันก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของ ‘โตโน่’
เรื่องวิ่งมาหาแต่เช้าเลยไอ้โน่เอ๊ย!
โตโน่คิดในใจ ก่อนจะหมุนตัวและก้าวยาว ๆ เพื่อหนีจากเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น
“มึงป๊อดหรอไอ้โน่ เดินหนีพวกกู หึ! ป๊อดเหมือน ‘พ่อมึง’ สินะ...ก็งี้แหล่ะว่ะ มีพ่อเป็นนักมวยขี้แพ้ มึงก็เลยเป็นไอ้ขี้แพ้เหมือนพ่อมึง!!!!”
แต่เมื่อก้าวออกไปไม่ถึงสิบก้าว คำพูดของหนึ่งในคนเหล่านั้นก็ทำให้ขายาวต้องหยุดเดิน และหมุนตัวกลับไปมองหน้าคนพูด
“เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไรนะไอ้เชน!”
“แหม่...พอพูดเรื่องพ่อขึ้นมาหน่อย สะกิดต่อมมึงได้เลยสินะ” คนที่ชื่อเชนเอ่ยพูดพลางเสยาะยิ้มใส่คนหน้าตี๋
“กูถามว่าเมื่อกี้มึงพูดว่าอะไร...!” โตโน่ตะโกนประโยคนี้เสียงดังพลางกระชากคอเสื้อคนที่ยืนยิ้มอยู่เบื้องหน้า ดวงตาเรียวที่บัดนี้ฉายชัดถึงความโกรธที่ปะทุในใจ ทำให้คนที่ถูกมองรู้เสียวสันหลังวาบ
“กูพูดว่า...พ่อมึงมันเป็นไอ้ขี้...โอ๊ย!!!!!” พูดยังไม่ทันจบประโยคดี คนพูดก็โดนหมัดลุ่น ๆ กระแทกเข้าไปเต็ม ๆ ปาก เลือดสีแดงสดไหลออกมาทันที ฟันสีขาวที่หลุดกระเด็นออกมา มาพร้อมกับร่างของคนที่โดนต่อยล้มลงไปกระแทกพื้น ทำให้คนอีกสี่คนที่ยืนมองถึงกับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ แล้วก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ
“ไหนมึงพูดอีกทีสิ...” เสียงห้าวที่คำรามถามมาพร้อมกับมือหนาที่กระชากคอเสื้อ ทำให้คนที่นอนอยู่ที่พื้น รีบยกมือขึ้นมาไหว้คนที่ง้างหมัด
“กะ กะ กูขอโทษ...ยะ ยะ อย่าทำอะไรกูเลยนะ...” คำขอร้องหาได้รับการตอบสนองไม่ เพราะคนที่ง้างหมัดรอ ปล่อยหมัดลงไปที่ปากคนที่เอ่ยขอร้อง
ปั้ก!
“นี่สำหรับที่มึงพูดว่าพ่อกูเป็นนักมวยขี้แพ้!”
ปั้ก!
“นี่สำหรับที่มึงพูดว่ากูขี้แพ้เหมือนพ่อ!”
เปรี้ยง!
“และนี่สำหรับ...ที่มึงมาทำลายความสุขสงบยามเช้าของกู!!!”
และเมื่อโตโน่พูดจบ หมัดของเขาก็ชุ่มไปด้วยเลือดจากคนที่นอนหายใจพะงาบ ๆ ร่างสูงยืดตัวเต็มความสูงก่อนจะหันมามองหน้าอีกสี่คนที่ยืนหน้าตาตื่น
“มีใคร...อยากจะพูดอะไรอีกไหม...”
คำถามของร่างสูงได้รับคำตอบเป็นอาการส่ายหน้ารัว ๆ ของคนสี่คน คนถามยิ้มที่มุมปาก ก่อนที่เขาจะก้าวเดินออกไปจากบริเวณนี้ทันที
เขาเป็นคนไม่ชอบหาเรื่องใคร...รักธรรมชาติและรักสงบ...
แต่อย่าให้ใครมาสะกิดต่อมโกรธโดยการพูดเรื่อง ‘พ่อของเขา’...
ไม่อย่างนั้น...
อย่าหาว่าเขาไม่เตือน!!!!
ติ๋ง ติ๋ง!
เลือดสีแดงสดที่หยดจากฝ่ามือของร่างสูง เรียกดวงตาของคนที่เดินอยู่ในสวนสาธารณะให้หันมามองโตโน่ด้วยสายตาแปลก ๆ รวมทั้งสายตาของร่างเล็กที่นั่งย่อตัวให้อาหารลูกแมวตัวเล็กด้วย
“เฮ้ย!”
หยดเลือดสีแดงที่หยดลงบนศีรษะกลมของเจ้าแมวน้อย เรียกดวงตากลมโตของร่างเล็กให้เงยขึ้นไปมอง จากที่สนใจแค่ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนประหลาด กลับกลายเป็นว่า ‘ริท’ ต้องเกิดอาการเหวี่ยง เมื่อเห็นว่าคนประหลาดนั้นทำเลือดหยดใส่หัวลูกแมวของเขา
“นี่นาย...ทำเลือดใส่หัวแมวคนอื่นไม่คิดจะขอโทษเลยหรือไง!” ร่างเล็กว่าพลางเดินไปกระชากแขนคนที่เดินผ่านไปราวกับว่าตัวเองไม่ได้ทำเรื่องอะไรผิด
“นายว่าอะไรนะ”
“ฉันบอกว่านายไม่คิดจะขอโทษฉันเลยหรือไง ที่นายมาทำเลือดหยดใส่หัวแมวของฉันน่ะ!” ใบหน้าหวานที่แสดงอาการโกรธ ทำให้คนมองหัวเราะออกมา
ตัวก็เล็กกว่าเขาตั้งเยอะ แถมเขาก็ยังมีเลือดติดมือมาขนาดนี้...
ไม่นึกกลัวเขาสักนิดหรือไงนะ...เจ้าตัวเล็กเอ๊ย...
“ฉันทำแบบนั้นหรอ...” เมื่อหยุดหัวเราะได้ โตโน่ก็ถามออกไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ก็ทำน่ะสิ นายดู...” ริทไม่พูดเปล่า แต่ยังเขายังยกเจ้าลูกแมวตัวเล็กขึ้นมา แล้วยื่นไปตรงหน้าร่างสูง พลางชี้นิ้วไปที่หัวของแมวน้อยที่มีเลือดสีแดงสดติดอยู่
“อ้อ...ขอโทษทีแล้วกัน ไม่ได้ตั้งใจ...” พูดแค่นั้น คนพูดก็ยกมือข้างที่ไม่มีเลือดตบเบา ๆ ไปที่หัวของเจ้าแมวตัวเล็ก แล้วโตโน่ก็หมุนตัวเดินออกไปจากบริเวณนี้ ทิ้งให้ร่างเล็กมองตามร่างสูงไปด้วยดวงตาที่ฉายแววไม่เข้าใจ
“ท่าทางก็ดูโหด...ไอ้เราก็นึกว่าจะพูดจาไม่รู้เรื่องกว่านี้ซะอีก นี่ยอมขอโทษง่าย ๆ แปลกคนจริง...เนอะเจ้าเหมียวเนอะ...” ประโยคสุดท้ายริทหันมาพูดกับเจ้าแมวน้อยในมือ ก่อนที่เขาจะหันหลังเดินไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นเส้นทางที่อยู่ตรงข้ามกับโตโน่
คนสองคนที่โชคชะตานำพาให้มาพบกัน ค่อย ๆ มีด้ายสีแดงเส้นยาวผูกไว้ที่ปลายนิ้วก้อยของคนทั้งสอง...
บนโลกกว้างใบนี้ยากนักที่คนสองคนจะได้พบกันแล้วผูกสัมพันธ์กันได้...
แต่ใช่ว่าความยากนั้นจะไม่มีทางเป็นไปได้...
เพราะเมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนมาเจอกันแล้วครั้งที่หนึ่ง ก็ย่อมต้องมีครั้งที่สอง สาม สี่และห้าตามมาเรื่อย ๆ เสมอ...
“ริท...เดี๋ยวเย็นนี้ไปเป็นเพื่อน ‘นาว’ สารภาพรักคน ๆ หนึ่งหน่อยสิ...”
อยู่ ๆ ในระหว่างที่ริทกำลังนั่งเขียนทำการบ้านอยู่ที่บริเวณม้าหินใต้ต้นก้ามปูต้นใหญ่ เพื่อนสาวคนสนิทเพียงคนเดียวของเขาก็เอ่ยพูดประโยคนี้ออกมา
ราวกับมีดมากรีดแทงหัวใจ...
เพื่อนสนิทที่เขาแอบรักมาตลอด...บอกให้เขาไปเป็นเพื่อนเพื่อสารภาพรักกับคนอื่น...ที่ไม่ใช่เขา!
“...คนนั้นเป็นใครหรอนาว...”
ริทกลั้นใจถามออกไป พลางมองใบหน้าหวานของเพื่อนสนิทด้วยความรู้สึกที่เจ็บลึก ๆ
“เป็นคน ๆ หนึ่ง...ที่เคยช่วยชีวิตนาวไว้ ริทจำที่นาวเคยเล่าให้ฟังได้ไหม ว่านาวโดนพวกนักเรียนช่างกลโรงเรียนหนึ่งมาลวนลาม แล้วเค้าก็มาช่วยนาวไว้...นาวประทับใจเค้ามาก และวันนี้...นาวตัดสินใจแล้วว่าจะไปสารภาพรักกับเค้า...ริทไปเป็นเพื่อนนาวหน่อยนะ...นะ ๆ ๆ ๆ”
คำขอร้องที่มาพร้อมกับดวงตาสวยที่แสดงออกถึงอาการอ้อนวอน ทำให้คนถูกขอร้องไม่อาจปฏิเสธได้
“ตกลง...ริทจะไปเป็นเพื่อนนาว...”
ตอบรับออกไปทั้ง ๆ ที่หัวใจกำลังเต้นไหวไปด้วยความรู้สึกเจ็บ
การเป็นคนที่แอบรัก...แล้วต้องรับรู้ว่าคนที่แอบรักกำลังรักคนอื่นอยู่
ช่างเป็นความรู้สึกที่ทรมานจริง ๆ...
แสงสีทองที่พาดผ่านท้องฟ้าบริเวณสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ตลอดสองข้างทาง เรียกดวงตาของคนมองให้เต็มไปด้วยความรู้สึกมีความสุข
ดอกไม้สวย ๆ กับบรรยากาศที่โรแมนติกช่างเข้ากัน...
แต่มันคงจะดีกว่านี้...ถ้าคนที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกแบบเดียวกัน
“ริท ๆ พี่เขานั่งอยู่นั่นไง...” มือบางที่เลื่อนมาเขย่าแขนของคนร่างเล็ก เรียกดวงตาของคนที่มองไปยังดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ให้ขยับเลื่อนโฟกัสไปมองยังร่างสูงโปร่งที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ไม้หน้าตู้ไปรษณีย์สีแดงสด
ผู้ชายคนนั้น...ดูคุ้นตาจัง...
ริทคิดในใจ ก่อนที่เขาจะเดินตามร่างบางที่กำลังก้าวเร็ว ๆ ไปหาร่างสูง ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ ความรู้สึกคุ้นตายิ่งทวีเพิ่มมากขึ้น และเมื่อมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตากลมโตของริทก็เบิกโพลง
คนประหลาดเมื่อเช้านี่นา!
“อ้าว...เจ้าตัวเล็ก...มาทวงคำขอโทษอีกหรือไง” คำถามของคนตรงหน้า เรียกคิ้วสวยของนาวให้ขมวดเป็นปม
“ริทรู้จักกับพี่เค้าด้วยหรอ...?”
“หือ...ไม่รู้จัก และไม่อยากรู้จักด้วย ริทขอตัวก่อนตัวก่อนนะนาว” พูดจบ ริทก็วิ่งออกมาจากตรงนั้น
ดวงตาเรียวของโตโน่มองตามร่างเล็กไปด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นสบตากับผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“เอ่อ...คือ...พี่...จำนาวได้ไหมคะ”
“จำไม่ได้” เร็วเท่าความคิด โตโน่ก็ตอบประโยคนี้ออกไปทันที
เขาเคยเจอผู้หญิงคนนี้ด้วยหรอ...?
คำตอบของคนตรงหน้าทำให้คนถามหน้าเสียไป แต่นาวก็ยังยืนกรานที่จะทำตามความต้องการของตัวเอง เพราะเธอล้วงเข้าไปในกระเป๋าผ้าที่เธอถือในมือก่อนจะหยิบผ้าพันคอสีเทาผืนหนึ่งออกมา แล้วยื่นผ้าพันคอผืนนี้ไปยังเบื้องหน้าของร่างสูง
“อะไร...”
“นาวชอบพี่ค่ะ พี่ช่วยรับผ้าพันคอที่นาวตั้งใจทำให้พี่ได้ไหมคะ...” คำสารภาพจากความรู้สึกของร่างบางตรงหน้าทำให้ใบหน้าคมเบ้ริมฝีปาก มือหนาเลื่อนไปผลักมือบางที่ถือผ้าพันคอจนผ้าพันคอผืนนั้นตกพื้น
“ขอโทษนะ...ฉันไม่ชอบ ‘ผู้หญิง’...” พูดจบ ร่างสูงก็ผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนที่เขาจะเดินผ่านร่างบางไปอย่างไม่สนใจใยดี
น้ำตาของคนถูกปฏิเสธไหลรินอาบแก้มขาวทันที
เธอ ‘อกหัก’ เสียแล้ว...
คนที่ยืนแอบมองสถานการณ์อยู่มุมหนึ่งรีบเดินออกจากมุมที่ตัวเองยืน พลางวิ่งเข้าไปหาร่างบางที่ยืนร้องไห้
“นาว...”
“ริท...ฮึก ๆ ฮือ...พี่เค้าปฏิเสธนาว เขาบอกกับนาวว่าเขาไม่ชอบผู้หญิง...ฮือ...นาวหลงผิดไปชอบเกย์หรอเนี่ย...ฮือ ๆ ๆ ๆ” คนร้องไห้ทรุดตัวลงนั่งที่พื้น แล้วร้องไห้ออกมาอย่างหมดสภาพทันที คนที่ยืนมองต้องทรุดตัวลงนั่ง แล้วสวมกอดร่างบางที่อยู่ตรงหน้า มือบางของริทลูบไล้ไปมาที่เรือนผมนุ่มอย่างต้องการจะปลอบโยน ดวงตากลมโตมองแผ่นหลังของร่างสูงที่เดินไปแล้วด้วยดวงตาแค้นเคือง
คอยดูเถอะไอ้หน้าตี๋...ฉันจะทำให้นายเจ็บปวดเหมือนอย่างที่นายทำให้คนที่ฉันรักเจ็บปวด!
ชอบผู้ชายใช่ไหม...หึ!
ฉันจะทำให้นายชอบฉัน แล้วฉันก็จะหักอกนาย...นายจะต้องเจ็บมากกว่าที่นาวเจ็บ...!!!!
คอยดูสิ!
แสงแดดยามเช้าที่ส่องกระทบดวงตา ทำให้ร่างสูงที่วิ่งออกกำลังกายอยู่ในสวนต้องยกมือขึ้นมาบังดวงตาไว้แล้วเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีสดใส
วันนี้อากาศดี...เขาน่าจะได้เจอเรื่องดี ๆ
ปึก!
แล้วเรื่องดี ๆ ก็วิ่งมาชนโตโน่อย่างจัง...
“นี่นาย...มายืนขวางทางทำไมเนี่ย” เสียงหวานที่มาพร้อมกับร่างเล็ก ทำให้คนโดนชนขมวดคิ้วหนาทันที
คนโดนชนอย่างเขา...ผิด ?
“นายว่าไงนะ”
“ฉันบอกว่านายมายืนขวางทางฉันทำไม เห็นไหมว่าฉันชนนายเลย” ริทว่าพลางยืนเท้าเอวมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาขุ่น
เขาว่ากันว่า...การชวนทะเลาะ...จะทำให้คนสองคนได้รู้จักกันมากขึ้น...
ไม่รู้ว่าจริงไหม...แต่ต้องลองดู...
“พูดแบบนี้นายจะหาว่าฉันผิดหรอ” ร่างสูงถามมองหน้าร่างบางด้วยดวงตาที่ฉายชัดถึงความไม่เข้าใจ
เจ้าตัวเล็กนี่...เหมือนจะมาหาเรื่องเขาเลย...
เจอกันสองครั้งไม่สิ...สามครั้งแล้ว...แต่ก็ยังไม่เคยคุยกันดี ๆ สักครั้ง
ทำไมนะ...
“แล้วนายคิดว่าฉันจะบอกว่าตัวเองผิดอย่างนั้นหรอ” คำตอบที่มาพร้อมกับใบหน้าหวานที่เชิดขึ้น ทำให้คนมองอดไม่ได้ที่จะยกมือไปผลักหน้าผากมนเบา ๆ ด้วยความหมั่นไส้ในท่าทางนี้
“นี่เจ้าตัวเล็ก...จะบอกให้รู้ไว้นะว่านายมาหาเรื่องผิดคนแล้ว ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ไปห่าง ๆ ฉันเลยไป” โตโน่พูด ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาโบกไล่คนร่างเล็ก
“นายเรียกฉันว่าอะไรนะ!”
“เรียกว่า ‘เจ้าตัวเล็ก’...โอ๊ย!” เมื่อพูดคำว่าเจ้าเตี้ยจบ ใบหน้าคมก็หันไปตามแรงหมัดที่เหวี่ยงมาปะทะใบหน้าทันที
“อ๊ากกกกกกกกก เจ็บมือชะมัด ไอ้ตี๋บ้าหน้าหนาเอ๊ย โว้ย! เจ็บ ๆ ๆ ๆ ๆ” ริทโวยวายร้องโอดโอยออกมาทันทีที่มือของเขากระแทกเข้ากับใบหน้าคม
เกิดมาจนอายุเท่านี้...ยังไม่เคยต่อยหน้าใครเลยสักครั้ง
เพิ่งรู้ว่าการใช้กำลังมันทำให้เจ็บมือขนาดนี้...
ว่าแต่...เขาต่อยหน้าไอ้ตี๋นี่ไปแบบนี้ แล้วมันจะมาชอบเขาได้ยังไงล่ะเนี่ย...
เวร! ไม่น่าโมโหจนลืมตัวเลยไอ้ริทเอ๊ย!!!
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ เกิดมายังไม่เคยต่อยใครล่ะสิ ไหน...เอามือมาดูสิ” คนที่โดนต่อยจนหน้าหัน หัวเราะออกมาเมื่อเห็นร่างเล็กกระโดดไปมาพร้อมกับอาการสะบัดมือเร่า ๆ
อยากจะบอกเจ้าตัวเล็กนี่เหลือเกิน...ว่าแรงหมัดของมันน่ะ...เหมือน ‘สะกิด’ มากกว่าจะเรียกว่าต่อย
มือหนาเอื้อมไปดึงมือบางที่ตอนนี้ขึ้นสีแดงเถือกมาดูใกล้ ๆ
“ปล่อยมือฉันเลยนะ ไอ้ตี๋ฉวยโอกาส” ริทว่าพลางดึงมือออกจากเกาะกุมของคนตรงหน้า แต่ทว่ามือหนาที่จับมือเขาไว้นั้นแข็งแรงมาก เพราะเขาพยายามจะดึงออกเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถทำได้
“ฉันไม่ได้ฉวยโอกาสนะ แต่แค่จะดูมือนายว่าเป็นยังไงบ้าง...แดงเถือกขนาดนี้ ฉันว่าไปหาหมอดูอาการหน่อยดีไหม ท่าทางคุณหนูอย่างนายคงไม่เคยต่อยใคร เพราะฉะนั้นอีกไม่นาน...มือนายจะบวมแน่นอน ฉันกล้าฟันธงได้เลย” คำพูดของร่างสูงที่มาพร้อมกับอาการเจ็บแปล๊บเป็นระยะ ทำให้คนเป็นเจ้าของมือหน้าซีดเผือด
ไม่น่าใช้อารมณ์เลยไอ้ริท...ถ้ามือบวมใช้งานไม่ได้ แล้วจะย่องานส่งอาจารย์ได้ยังไงล่ะเนี่ย!
“ฉันไปหาหมอเองได้ ปล่อยมือฉัน โอ๊ย...” แล้วร่างเล็กก็ถูกร่างสูงของคนตรงหน้าคว้าข้อมือแล้วออกแรงลากให้เดินตามไปยังมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่เขาจอดไว้
“ขึ้น!” โตโน่สั่งสั้น ๆ แต่ดูเหมือนว่าคนโดนสั่งจะไม่ยอมทำตาม เพราะริทยังคงยืนนิ่ง
“ฉันบอกให้นายขึ้น”
“ทำไมฉันต้องขึ้น”
“ฉันจะพานายไปหาหมอ”
“แต่ฉันไปเองได้” ริทว่า พลางดึงข้อมือตัวเองออกจากมือหนา และเมื่อข้อมือบางเป็นอิสระ ร่างเล็กก็ก้าวฉับ ๆ ออกไปจากบริเวณนี้
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยย” แล้วคนที่เดินออกมา ก็โดนคนที่เดินตามมายกร่างของเขาขึ้นไปพาดบ่า แล้วเดินกลับมาที่เดิม
ตุบ!
ร่างเล็กถูกวางบนเบาะรถมอเตอร์ไซคด้วยท่านั่งไพล่ไปข้าง ๆ ก่อนที่ร่างสูงจะก้าวตามไปนั่งคร่อมบนรถ แล้วยื่นมือไปจับแฮนด์รถไว้ เป็นการกั้นไม่ให้ร่างที่นั่งอยู่ตรงหน้าได้ขยับเลื่อนไปไหนได้
“ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย!!!!” ริทโวยวายออกมาเมื่อเขาเหมือนตกอยู่ในอ้อมกอดของคนหน้าตี๋
“เลิกโวยวายแล้วนั่งเงียบ ๆ ซะเจ้าตัวเล็ก อ้อ...ถ้าดิ้นมากตกรถไปตายฉันไม่รับผิดชอบนะ” พูดจบ คนพูดก็สตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์แล้วเคลื่อนรถออกไปจากบริเวณนี้
สายลมเย็นที่พัดมาปะทะใบหน้า ทำให้ริทรู้ว่าตอนนี้ความเร็วของรถนั้นสูงพอสมควร ด้วยความกลัวทำให้เขาต้องเลื่อนสองแขนไปโอบรอบเอวของร่างสูง
เขาไม่ได้อยากกอดสักนิด...
ไม่ได้อยากกอด...แต่ทำไมหัวใจเขาเต้นแรงจัง...
ไม่เข้าใจตัวเอง
เอี๊ยด...
แรงเบรกเพราะรถต้องติดไฟแดงทำให้ใบหน้าหวานที่ตอนแรกอยู่ห่าง กระแทกมาเต็ม ๆ แผ่นอกกว้าง
ใบหน้าหวานที่วางแช่อยู่ทำให้โตโน่ต้องยืดตัวนั่งหลังตรง ตอนนี้หัวใจของเต้นเป็นจังหวะแปลก ๆ ความรู้สึกร้อนวูบวาบบนใบหน้าทำให้คนที่เกิดอาการแปลก ๆ ต้องยกหลังมือขึ้นมาปาดเหงื่อที่ไหลซึมข้างแก้ม
โชคดีที่ตอนนี้ยังเช้าอยู่ เลยยังไม่มีตำรวจ ไม่อย่างนั้นพวกเขาสองคนคงโดนซิว เพราะขับรถออกมานอกถนนใหญ่แล้วไม่ใส่หมวกกันน็อก
เมื่อไฟสัญญาณจราจรขึ้นสีเขียว รถมอเตอร์ไซค์ก็ได้เคลื่อนตัวออกไปอีกครั้ง ใบหน้าหวานที่บัดนี้เขยิบออกห่างคล้ายมีใครมาทาสีแดงไว้
ที่เขาหน้าแดงแบบนี้เป็นเพราะการได้ยินเสียงหัวใจของร่างสูง...เสียงหัวใจที่เหมือนจะเต้นดังและแรงพอ ๆ กับเขา
ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นทำให้คนสองคนเริ่มมีความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นในใจ...
ความรู้สึกบางอย่างที่จะนำพาให้สองหัวใจได้รู้จักกับคำ ๆ หนึ่งที่มีความหมาย
นั่นก็คือคำว่า ‘รัก’
“คลินิกยังไม่เปิดนี่” ริทว่าเมื่อเห็นว่าคลินิกที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าเขาปิดประตูหมด แต่เมื่อเห็นร่างสูงเดินไปไขประตูกระจก ร่างเล็กก็รีบวิ่งไปยืนข้าง ๆ ทันที
“นายเป็นเจ้าของที่นี่หรอ ?”
“หน้าฉันเหมือนเป็นเจ้าของคลินิกได้งั้นหรอ...” คำถามที่มาพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้ลูกตาที่ตี่อยู่แล้วกลายเป็นสระอิ ทำให้คนที่มองอดไม่ได้ที่จะย่นจมูกใส่
“งั้นนายก็คงจะเป็นลูกจ้างของที่นี่ล่ะสิ” ริทตอบก่อนจะเดินตามร่างสูงเข้าไปภายในคลินิก
“เกือบถูก แต่ตัดคำว่าจ้างออกไปนะ เพราะว่าฉันเป็นลูกของเจ้าของคลินิก”
คำตอบของคนที่เดินไปนั่งภายในห้องตรวจเรียกกลิ่นของแอลกอฮอล์และน้ำยาฆ่าเชื้อให้ลอยมาเตะจมูก ทำให้คนที่เพิ่งเดินเข้ามารู้สึกได้ทันทีว่าที่นี่คือ ‘คลินิก’ จริง ๆ
ไม่ต้องสงสัยนะว่าทำไมตอนแรกเขาถึงคิดว่าที่นี่ไม่ใช่คลินิก ก็ไอ้คนที่พาเขามามันดูไม่เหมาะกับคลินิกนี่นา มันเหมาะกับสถานที่อื่นมากกว่า เช่น ค่ายมวยหรือไม่ก็โรงสีข้าว
ท่าทางเหมือนนักเลง ใครจะไปคิดว่าเป็นถึงลูกเจ้าของคลินิก
บุคลิกไม่ให้แต่สถานะได้จริง ๆ
“ไหนเอามือมาดูสิ...”
“ไม่เอา ไหนนายบอกว่าจะพามาให้หมอดูไง แล้วนายเป็นหมอหรอ...” คำถามของคนตรงหน้าทำให้คนมองหัวเราะออกมานิดหน่อย ก่อนที่เขาจะคว้ามือบางมาดูเองโดยไม่รอให้คนเป็นเจ้าของอนุญาต
“ฉันไม่ได้เป็นหมอ แต่ฉันก็ช่วยพ่อทำงานทุกวัน มือนายเริ่มบวมแล้วนะ แต่เดี๋ยวทายาก็น่าจะดีขึ้น เพราะกระดูกคงยังไม่หัก หน้าฉันไม่ได้หนาขนาดนั้น...” โตโน่ว่า พลางหยิบหลอดยาออกมาจากกล่องปฐมพยาบาลสีขาว มือหนาบีบยาออกจากหลอดแล้วนวดเบา ๆ ไปที่มือบางซึ่งบัดนี้เริ่มบวมขึ้นมาเนื่องจากอักเสบ
ใบหน้าคมที่ก้มหน้าก้มตานวดด้วยความตั้งใจบวกกับแรงนวดที่แผ่วเบา ทำให้คนที่นั่งมองอยู่อดไม่ได้ที่จะยิ้มหวานออกมา และเพราะสัมผัสที่แสนอ่อนโยนนี้เองที่ทำให้หัวใจของร่างเล็กเริ่มล้มเลิกความตั้งใจเดิมที่เข้ามาตีสนิทกับคน ๆ นี้
บางที...แค่การที่นายหน้าตี๋ไม่ชอบนาว...ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เขาจำเป็นจะต้องมาทำร้ายจิตใจคน ๆ นี้
หรือจะพูดให้ถูก...เขาว่า...คน ๆ นี้ไม่สมควรที่จะถูกทำร้ายจิตใจเพียงเพราะไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับคนที่เขารัก...
แต่ทั้ง ๆ ที่นาวเป็นคนที่เขารัก แต่ทำไมเขาไม่เคยหัวใจเต้นแรงกับนาวมาก่อนเลยล่ะ...
แต่ทำไมกับคน ๆ นี้ แค่เพียงได้อยู่ใกล้เพียงไม่กี่นาที...หัวใจเขากลับเต้นแรง
และแค่เพียงคน ๆ นี้แตะสัมผัสเขา...ทำไมเขาถึง ‘รู้สึกดี’ แบบนี้นะ
เขาไม่เข้าใจตัวเองเลย...
“เรียบร้อยแล้ว...” เสียงห้าวที่มาพร้อมกับใบหน้าที่ระบายไปด้วยรอยยิ้ม ทำให้คนที่เผลอมองได้รู้สึกตัว ริทกระแอมออกมา ก่อนจะยกมือของตัวเองขึ้นมาดู
มือที่ถูกพันไว้ด้วยผ้าสีขาวดูเรียบร้อยสวยงามขัดกับบุคลิกภายนอกของคน ๆ นี้จนน่าตกใจ
“ทำหน้าแบบนี้คิดว่าหน้าอย่างฉันทำอะไรแบบนี้ไม่ได้น่ะสิ” คำถามของโตโน่ ทำให้ริทพยักหน้ารับเบา ๆ
แล้วไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้โตโน่ตัดสินใจที่จะหยิบรูปพ่อของเขาออกมาจากกระเป๋าสตางค์แล้วยื่นส่งให้คนร่างเล็กที่นั่งมองหน้าเขา ริทรับรูปใบนั้นมาถือไว้ ก่อนจะเงยหน้าไปมองคนที่ยื่นส่งรูปใบนี้มาให้เขา
“พ่อฉันเป็นนักมวยเก่ามาก่อน เก่งด้วยนะ เคยเป็นแชมป์โลกมาแล้วด้วย แต่ว่าพ่อมาชกพลาดตอนศึกครั้งสุดท้าย ครั้งนั้นพ่อโดนตราหน้าว่าเป็นไอ้ขี้แพ้...เป็นไอ้ขี้แพ้แค่ครั้งเดียว ทั้ง ๆ ที่พ่อชนะมาโดยตลอด โลกนี้ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด...พ่อเจ็บปวดกับคำนี้จนได้มาเจอกับแม่เลี้ยงของฉันซึ่งเป็นเจ้าของคลินิกนี้ และเพราะเหตุผลนี้ไง ฉันถึงพันผ้าสวยงามแบบนี้...”
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเหตุผลนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เขาเล่าสักนิด แต่เพราะอยากเล่า...เขาก็เล่า...
อาจเพราะเขารู้สึกอยากให้คนตรงหน้าได้รู้จักเขามากขึ้นมั้ง...เขาจึงเลือกที่จะเล่าเรื่องส่วนนี้ของเขา
เพราะเขาเคยรู้มาว่า...
การที่เราอยากจะให้ใครรู้จักและไว้ใจเรามากขึ้นให้เราให้เราเล่าเรื่องส่วนตัวที่เราไม่เคยเล่าให้ใครฟังให้คน ๆ นั้นฟัง.
“เหตุผลนายไม่ได้เกี่ยวกันสักนิด แต่...ฉันเคยอ่านข่าวพ่อนายนะ และฉันก็ไม่เคยคิดว่าท่านเป็นไอ้ขี้แพ้เลย เพราะคนที่ชนะมาตลอดไม่ได้แปลว่าสักวันหนึ่งจะเป็นคนแพ้ไม่ได้ และที่จริงแล้ว...ฉันเชื่อว่าพ่อนายก็ชนะใจคนอีกหลายคน หนึ่งในคนเหล่านั้นก็มีฉันอยู่ด้วยนะ” คำพูดที่มาพร้อมกับมือบางที่เอื้อมมาตบเบา ๆ ที่หลังมือทำให้คนเป็นเจ้าของมือยิ้มออกมา
ความรู้สึกในหัวใจของคนฟังคล้ายมีไอความสุขลอยวนเอื่อย ๆ
ส่วนความรู้สึกในหัวใจของคนพูดเองก็คล้ายจะมีความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ
คนสองคนที่เริ่มมีความรู้สึกแปลก ๆ ต่อกันค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน...
...ติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้นะคะ...
ความคิดเห็น