ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO:KrisLay&Exo] Best Husband

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ค. 57














    Chapter 4

     

     



     

     

                หลังจากที่เมื่อคืนเขาสองคนทะเลาะกันใหญ่โตจนเรื่องมันชักจะไปกันใหญ่ และที่คริสบอกจะมารับฟานฟ่านไปตรวจ DNA วันนี้เขาสองคนเลยขับรถมารับฟานฟ่านที่บ้านตระกูลอู๋ตั้งแต่เช้า  โดยที่ไม่ได้ปริปากพูดอะไรกันเลยสักคำเดียวตั้งแต่เมื่อคืน  เมื่อคืนที่อี้ชิงได้ยินคริสพูดแบบนั้นก็ล้มทั้งยืน ทั้งเสียใจ  ทั้งไม่เข้าใจและทั้งผิดหวังที่คริสไม่เชื่อเรื่องลูกทั้งๆที่อะไรๆมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว  แต่ที่คริสพูดมันก็ถูกว่าแค่ความรู้สึกอย่างเดียวมันคงไม่พอ...ก็ได้ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

               

     

    “สวัสดีครับคุณแม่..”  เมื่อลงจากรถได้อี้ชิงก็ไม่รอช้ารีบเดินเข้ามาทักทายคุณนายเจ้าของบ้านทันทีพร้อมกับเข้าไปอุ้มลูกรักที่นั่งเล่นตุ๊กตาอยู่ที่พื้น 

    “อ่าว..อี้ชิงลูก  ทำไมมาเช้าจังเลยละ.แล้วตาคริสล่ะ?”  คุณนายอู๋เงยหน้าจากการหัวเราะต่อกระซิกกับหลานรักขึ้นมาเมื่อลูกสะใภ้สุดที่รักเอ่ยทักทาย  แต่เมื่อเห็นอี้ชิงเดินเข้ามาคนเดียวก็อดไม่ได้ที่จะถามถึงลูกชายตัวดี

    “อยู่นี้ครับคุณแม่..”  แต่ยังไม่ทันที่อี้ชิงจะได้พูดอะไรออกไปเจ้าของชื่อที่ถูกเอ่ยถึงก็เดินเข้ามาเสียก่อน

    “ทานอะไรกันมารึยังละ..”

    “ไม่เป็นไรครับ..ฟานฟ่านดื้อมั้ยครับคุณแม่..แกงอแงรึเปล่า?”  เป็นคนตัวขาวที่ตอบคำถามเพราะคริสตอนนี้พอเดินมาถึงก็ทิ้งตัวนั่งที่โซฟาทันที  แต่อี้ชิงก็สังเกตตลอดเวลาตั้งแต่คริสเดินเข้ามาแล้วว่าคริสเพียงแค่ปรายตามองฟานฟ่านเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

    “โอ๊ย! ไม่ดื้อหรอกลูก แต่ตอนกลางคืนนี่เอาแต่ร้องเรียกม๊าม๊า ป๊าป๊าอย่างเดียว  กว่าจะพาหลับได้นี่ก็เหนื่อยกันทั้งบ้านเลยล่ะ ฮ่ะๆ”  พูดไปก็หัวเราะไปเมื่อนึกถึงความแสบซ่าของหลานสาวตัวน้อยนั่นก็รวมถึงอี้ชิงเองก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับฟัดแก้มยุ้ยๆของลูกสาวไปหลายๆที

     

     

     

    คริสเองใช่ว่าจะนิ่งเฉยอย่างที่แสดงออก  ตอนที่ก้าวเข้ามาในบ้าน เพียงแค่ได้ยินเสียงร้องเรียกของฟานฟ่านหัวใจดวงนี้ก็เต้นโครมครามมากมายแล้ว  แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องแสร้งทำเป็นนิ่งเฉย  และที่สำคัญคือตอนที่คุณนายอู๋บอกว่าฟานฟ่านร้องเรียกหาป๊าป๊าเขาก็แทบจะพุ่งไปฟัดแก้มลูกสาวเหมือนกัน  อดที่จะดีใจไม่ได้ ก็ฟานฟ่านยังไม่เคยเรียกเขาว่าป๊าเลยสักครั้ง  เรียกได้แค่ม๊าอย่างเดียว  ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับคริสอู๋

    “เอ่า..เราสองคนนี่ทะเลาะกันหรือยังไง...มีอะไรกันห๊ะ?”  คุณนายอู๋ที่ก็พึ่งสังเกตได้ถึงท่าทางของอี้ชิงกับลูกชายตัวแสบที่ตั้งแต่เดินเข้ามาก็ยังไม่เห็นจะพูดอะไรสักคำเดียว  ท่าทางดูก็รู้ว่าต้องทะเลาะกันมาแน่ๆ

    “ช่างเถอะครับ..มันไม่สำคัญ..งั้นเราสามคนขอตัวก่อนนะครับคุณแม่พอดีผมมีธุระ”  เป็นคริสที่เป็นฝ่ายตอบคำถาม  แต่ไอคำว่า ไม่สำคัญ นั้นมันก็ทำให้คนฟังอย่างอี้ชิงใจกระตุกขึ้นมา  นึกน้อยใจเข้าไปใหญ่..นี่คริสเห็นว่าเรื่องของเขาสองคนไม่สำคัญแล้วหรือไง?

    “ธุระ? ธุระอะไร?  ให้ฟานฟ่านอยู่นี่กับแม่ก่อนก็ได้นะ  เสร็จธุระค่อยมารับกลับก็ได้นี่นา”  ที่จริงไม่อยากให้ฟานฟ่านไปไหนเลย  เพราะว่าเขาเองก็ต้องบินไปทำงานที่ต่างประเทศแล้ว  ก็อยากจะใช้เวลาที่เหลืออีกวันสองวันอยู่กับหลาน  เพราะว่าจะกลับมาอีกทีก็อีกเป็นเดือนสองเดือน

    “ธุระเรื่องฟานฟ่านน่ะครับ..ขอตัวนะครับคุณแม่....อ่อ ถ้าคุณแม่จะไปวันไหนก็บอกนะครับเดี๋ยวผมไปส่ง”  พูดตัดบทไปสะดื้อๆ  เขาไม่อยากให้ใครมารับรู้เรื่องนี้โดยเฉพาะแม่ของเขา  เขาไม่ได้อยากจะทำแบบนี้เลยแต่เหตุผลเดียวที่ทำเพื่อแก้แค้นที่อี้ชิงพูดอะไรไม่ชัดเจนก็เท่านั้น

    “เอ้อ!  ไล่กันจริงๆนะ..ฟานฟ่านลูก ไว้เจอกันใหม่นะค่ะคนเก่งของย่า..ฟอด!  บ่นเล็กบ่นน้อยตามประสาและก็ไม่ลืมที่จะฟัดแก้มแดงๆของหลานรักเป็นการตบท้าย

     

     

     

     

     

    “คริส..ฉันถามจริงๆนะ  นายคิดจะทำแบบนี้กับลูกของเราจริงๆเหรอ?”  เป็นครั้งแรกตั้งแต่ตื่นมาตอนเช้าที่อี้ชิงเอ่ยปากพูดกับคริสขณะที่เขาทั้งสามคนกำลังเดินทางมาที่โรงพยาบาล  อี้ชิงเองทนกับความอึดอัดไม่ไหวอดไม่ได้ที่จะถามออกมา

    “อืม..”  และก็มีเพียงเท่านั้นที่เป็นคำตอบสำหรับคำถาม  ไม่คิดจะลังเลที่จะตอบเลยหรือยังไงกันนะ..ก็ได้แต่นึกน้อยใจอยู่ข้างใน  และในเมื่อคริสยืนยันเจตนาแล้วเขาก็ไม่อยากจะพูดหรือถามอะไรไปอีก  เขาไม่ได้กลัวเรื่องผลตรวจเพราะฟานฟ่านเป็นลูกคริสแน่นอนเขารู้ดี  แต่เขาก็นึกเป็นห่วงจิตใจของฟานฟ่านแม้ว่าจะยังเด็กแต่ก็อดที่จะสงสารลูกไม่ได้

    “ม๊า..ม๊ามัมมัมมัม..”  เสียงเล็กๆของเด็กน้อยที่นั่งอยู่บนตักของผู้เป็นแม่ดังขึ้นเรียกความสนใจจากอี้ชิงได้ดี..ไม่ใช่แค่อี้ชิงแต่เป็นคริสด้วย

    “ค่ะคนเก่งของมะม๊า? ว่าไงลูก หิวเหรอค่ะ?”  ไม่รู้หรอกว่าฟานฟ่านน้อยจะฟังคำถามเขารู้เรื่องรึเปล่าแต่ด้วยสัญชาตญาณก็ทำให้เขาต้องถามออกไปแบบนั้นพร้อมๆกับอุ้มเจ้าตัวน้อยลอยขึ้นมายืนบนตักแทน

    “มัมมัม..คิกๆ”  พูดอ้อแอ้ไปก็หัวเราะไปเพราะถูกแม่อุ้มขึ้นลงๆอยู่บนตัก ซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะของอี้ชิงได้ด้วยเช่นกัน

     

     

     

    เสียงเด็กน้อยกับเสียงของอี้ชิงที่ดูจะมีความสุขกับการหยอกล้อกันนั้นแทบทำให้คริสอยากจะจอดรถแล้วเข้าไปร่วมเล่นด้วยใจจะขาดแต่ก็ทำไม่ได้  เขาอยากจะเข้าไปอุ้ม  เข้าไปหอมฟานฟ่านเหมือนๆกับที่อี้ชิงทำแต่ก็ไม่กล้าพอเพราะสิ่งที่พูดไป  ก็ได้แต่นั่งปั้นหน้านิ่งทำเหมือนกับไม่ได้มีสองแม่ลูกอยู่บนรถด้วยแต่มันก็ยาก  จนกระทั่งเสียงเรียกเล็กๆนั้นทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหันมาทันที

    “ป๊า! ปะป๊า..ป๊าป๊าป๊า!..”  เสียงเรียกจากเด็กน้อยที่ฟังแทบไม่เป็นคำแต่ก็รู้ว่าเอ่ยเรียกใครทำให้คริสเผลอเหยียบเบรกกะทันหันจนอี้ชิงที่ไม่ทันตั้งตัวและกลัวว่าลูกจะเป็นอะไรก็กระชับอ้อมกอดปกป้องลูกรักเอาไว้จนหัวไปกระแทกที่คอนโซลรถด้วยแรงค่อยข้างมาก

    “โอ๊ย!!  เสียงร้องที่หลุดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ทำให้คริสเหมือนมีสติขึ้นมารีบขับรถต่อมาจอดที่ริมทางเพราะตอนที่เบรกอยู่กลางถนน  ดีที่เวลานี้รถไม่ค่อยมากทำให้ไม่มีรถคันหลังมาชนจากการเบรกกะทันหัน

    “อี้ชิง! ฟานฟ่าน!!  คริสรีบเปิดประตูลงมาจากฝั่งคนขับลงมาเปิดประตูฝั่งที่อี้ชิงนั่งอยู่ทันที  พออี้ชิงเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าที่หน้าผากมีเลือดไหลเพราะแรงกระแทกที่หัวทำให้หัวแตก แต่ฟานฟ่านไม่เป็นอะไรเพราะอี้ชิงกอดเอาไว้แน่น  แต่ด้วยความตกใจก็ระเบิดเสียงร้องออกมาลั่น

    “แงงงงง!!!! ฮึก ฮือออ ฮึก แงงง!  

    “ฟานฟ่าน...โอ๋ ไม่ร้องนะค่ะคนดีไม่เป็นไรนะ”  อี้ชิงเองแม้จะทั้งเจ็บ  ทั้งปวดและก็ทั้งมึนหัวไปหมดแต่ด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่เรื่องความปลอดภัยของลูกต้องมาก่อนความเจ็บปวดของตัวเอง  เพียงแค่เห็นฟานฟ่านร้องไห้จ้าก็รีบสำรวจว่าบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า  แต่เมื่อไม่เห็นว่ามีบาดแผลก็โล่งใจที่อย่างน้อยก็ร้องเพราะความตกใจ

     

     

     

    “อี้ชิง...เจ็บมากมั้ย? คือ ฉันขอโทษที่เบรกกะทันหันแบบนั้น ฉันตกใจที่ฟานฟ่านเรียก..”  คริสเองเมื่อเห็นว่าฟานฟ่านไม่ได้บาดเจ็บอะไรก็โล่งอกไปเปราะหนึ่ง แต่พอเงยขึ้นมาเห็นอี้ชิงเลือดไหลไม่หยุดก็ยิ่งเพิ่มความเป็นห่วงเข้าไปอีก  อี้ชิงต้องมาบาดเจ็บเพราะความงี่เง่าของเขาแท้ๆ

    “ตกใจอะไร? เขาเรียกป๊า..ไหนนายไม่เชื่อยังไงล่ะว่าฟานฟ่านเป็นลูกของนาย  แล้วจะตกใจทำไม เขาอาจไม่ได้เรียกนายก็ได้นะ”  แต่คำตอบของอี้ชิงก็ทำเอาเขาไปไม่ถูกเลยเหมือนกัน  เคยแต่พูดทำร้ายให้คนอื่นใจกระตุก  แต่คราวนี้เป็นเขาบ้างแล้วที่เป็นฝ่ายจุกกับคำพูดของคนรัก

    “..ก็..เช็ดเลือดสะเดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว”  ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไป  ไม่กล้าที่จะพูดออกมาต่างหาก  ทำได้เพียงยื่นผ้าเช็ดหน้าไปให้คนตัวขาวซับเลือดที่หน้าผากไปพลางๆก่อนจะเดินกลับมานั่งประจำฝั่งคนขับและขับรถต่อไปที่โรงพยาบาล  อี้ชิงเองก็รับผ้าเช็ดหน้ามาแต่โดยดีโดยไม่พูดอะไรออกมาแม้กระทั่งคำขอบคุณ  ค่อยๆซับเลือดไปแม้จะไม่เห็นว่าแผลใหญ่มั้ยแต่อาการมึนๆที่ตอนนี้เข้ามาเล่นงานก็แทบจะนั่งทรงตัวไม่อยู่  แต่ก็ยังคอยโอ๋ลูกในอ้อมกอดที่ตอนนี้เงียบเสียงลงแล้ว

     

     

     

     

    “ไอหมอ..”  เมื่อมาถึงโรงพยาบาลก็ไม่รอช้าตรงดิ่งมาที่ห้องของเพื่อนรักทันทีแม้จะไม่ได้นัดมาก่อนแต่ก็ใช้อภิสิทธิ์ความเป็นเพื่อนเข้ามาได้โดยมีอี้ชิงอุ้มฟานฟ่านตามเข้ามา  เขาให้อี้ชิงไปทำแผลก่อนแล้วแต่คนดื้อก็ไม่ยอมไปทำให้ต้องเดินตามมาด้วยอาการมึนๆ

    “แหม..มาเร็วเชียวนะ..อ้าวอี้ชิง! หน้าผากไปโดนอะไรมาครับ ทำไมไม่ไปทำแผล..ให้ผมเรียกพยาบาลให้นะ..”  เอ่ยทักเพื่อนที่ไม่ค่อยได้เจอกันตั้งแต่งานแต่งงานของเขาพอเป็นพิธีเหลือบไปเห็นอี้ชิงยืนอุ้มฟานฟ่านอยู่โดยที่มีแผลอยู่ที่หน้าผากก็อดที่จะห่วงไม่ได้  แต่ก่อนที่ชานยอลจะได้เดินออกไปเรียกพยาบาลให้มาทำแผลอี้ชิงก็ห้ามขึ้นก่อน

    “ไม่เป็นไรครับ  ไม่ต้อง...ผมจะอยู่กับลูก”  พูดจบก็ค่อยๆเดินมานั่งที่โซฟาตัวยาวที่อยู่มุมห้อง  เขาเป็นห่วงฟานฟ่าน  ไม่มีทางที่จะให้คริสมาทำอะไรตามใจชอบได้ง่ายๆหรอก

    “จะดีเหรออี้ชิง..เลือดออกไม่หยุดเลยนะ ทำแผลก่อนดีหว่า..ฟานฟ่านไอคริสก็อยู่นี่ไง ไม่ต้องห่วงน่า”  ด้วยความเป็นหมอก็ห่วงแต่ห่วงในฐานะเพื่อนมากกว่า  อี้ชิงท่าทางดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ทั้งๆที่เลือดไหลออกมายังจะทนอยู่อีก  แม้จากที่ดูๆแผลมันไม่ใหญ่แต่เพราะเป็นที่หัวยิ่งสำคัญ  ดูจากสีหน้าแล้วอี้ชิงหน้าซี้ดมากแต่ก็ยังทน

    “นั่นแหละครับที่เป็นห่วง”  ปล่อยให้ฟานฟ่านนั่งเล่นคนเดียวอยู่ในห้องยังเป็นห่วงน้อยกว่าให้อยู่กับคริสสะอีก

    “อะไรกัน?...ตามใจนะอี้ชิงแต่ถ้าไม่ไหวก็บอกอย่าฝืนรู้มั้ยมันไม่ดีหรอกนะ”  เอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วงซึ่งอี้ชิงก็พยักหน้ายิ้มรับอย่างดี

     

     

     

     

    “ว่าแต่แกมีอะไร..โทร.นัดสะเร่งด่วน”  เมื่อป่วยการที่จะบังคับให้คนดื้อไปทำแผลก็หันมาสนใจเพื่อนตัวสูงต่อ  ไม่อยากจะเดาเลยว่าเพื่อนเขากับอี้ชิงจะทะเลาะกันมาอีกแน่ๆ

    “ฉันอยากให้แกช่วยตรวจ DNA ของฉันกับฟานฟ่านหน่อย”  เหมือนสำลักอากาศก็ไม่ปราน นี่เขาหูฝาดไปหรือว่าเพื่อนของเขาเพี้ยนไปแล้วกันแน่ที่อยู่ๆจะมาให้ตรวจ DNA แบบนี้ ไม่บ้าก็เพี้ยนมีอยู่สองอย่าง  นี่สินะที่ทะเลาะกัน

    “แกบ้าหรือไงห๊ะ!? อยู่ๆจะมาตรวจ DNA ....ถามจริงๆเถอะแกบ้าไปแล้วหรือไง คิดว่ามันตรวจกันง่ายๆหรือไงห๊ะ?” อยากจะบ้า  นี่เพื่อนเขาคิดอะไรอยู่หรือว่าตรวจเพราะความสนุก?  แต่แม้ว่าปากจะพูดกับเพื่อนตังสูงแต่สายตากลับมองไปที่คนตัวขาวที่นั่งอุ้มลูกเงียบๆ  นึกเป็นห่วงอี้ชิงกับฟานฟ่านขึ้นมาทันที

    “จะง่ายหรือยากก็จะตรวจ..แกมีหน้าที่แค่ตรวจก็ตรวจจะถามมากเพื่อ?”

    “ไม่เพื่ออะไรหรอก  แต่เพราะฉันเป็นเพื่อนแกไง..ถามจริงเถอะ นึกยังไงถึงอยากตรวจ DNA ฟานฟ่าน..หรือว่าเกิดเพี้ยนคิดว่าฟานฟ่านไม่ใช่ลูกขึ้นมา?”

    “เออ! มึงจะตรวจมั้ย? กูขอให้มึงช่วยแค่นี้เองนะเว่ย!  เริ่มโมโหไอเพื่อนหูกางขึ้นมาเรื่อยๆ  ถามเซ้าซี้อยู่ได้  ใจเขาเชื่อเต็มล้านด้วยซ้ำว่าฟานฟ่านเป็นลูกแต่ก็อย่างที่บอกว่าเขาต้องการจะแก้แค้นอี้ชิงก็เท่านั้น  ยิ่งถามมากเดี๋ยวเขาก็หลุดไต๋ออกมาหรอก

    “แล้วอี้ชิงยอมรึไง?...ว่ายังไงล่ะอี้ชิง  ยอมให้ฟานฟ่านตรวจกับมันมั้ย?”  คราวนี้ชานยอลหันมาพูดกับอี้ชิงตรงๆซึ่งดูแล้วอี้ชิงเองก็ดูคิดหนักอยู่เหมือนกัน  แต่ในเมื่อมาขั้นนี้แล้ว  และคริสอยากตรวจมากนักก็ตามใจ

    “ยอมครับ”

     

     

     

     

    “อี้ชิง..ฉันว่านายไปทำแผลก่อนเถอะ ไม่ต้องห่วงฟานฟ่านหรอกน่า  ไอหมอก็อยู่ข้างในด้วยนะ”  คริสพูดแกมบังคับให้อี้ชิงไปทำแผล  แม้ว่าเลือดจะไหลน้อยลงมากแล้วแต่ก็ยังซึมๆออกมาอยู่และดูท่าทางอี้ชิงก็ไม่น่าจะไหวแล้วด้วย แต่อี้ชิงก็ดื้อไม่ยอมไปไหนนอกจากหน้าห้องตรวจที่ตอนนี้ฟานฟ่านเข้าไปเจาะเลือดข้างในแต่ทำไมชานยอลถึงไม่ให้เขาเข้าไปด้วยก็ไม่รู้  เป็นห่วงลูกจะแย่  ฟานฟ่านกลัวเข็มมากแค่ฉีดวัคซีนยังร้องลั่นแล้วนี่เจาะเลือดไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง

    “ไม่..ฉันเป็นห่วงลูก..”  พูดจบก็ลุกเดินไปกำลังจะเปิดประตูห้องแต่ชานยอลก็อุ้มฟานฟ่านออกมาพอดี  ไม่รอช้าอี้ชิงรีบเข้าไปรับฟานฟ่านมาอุ้มทันที

    “เรียบร้อยมั้ยว่ะ?”  เป็นคริสที่เอ่ยถาม  ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ห่วงลูกแต่เมื่อเห็นว่าฟานฟ่านไม่ได้ร้องจ้าออกมาก็เบาใจไปเปราะหนึ่งแล้วอีกอย่างอี้ชิงก็ดูแลอยู่ก็เลยไม่ห่วงอะไรมาก

    “เออ..นี่ ฉันถามแกจริงๆเถอะคริส  คิดยังไงถึงจะตรวจ DNA แบบนี้ว่ะ?”  เป็นคำถามแรกที่ผุดขึ้นมาตั้งแต่ที่คริสบอกตั้งแต่มาถึง 

    “เรื่องมันยาว..ว่าแต่จะรู้ผลตรวจเมื่อไหร่?” ที่อ้างว่าเรื่องยาว ถ้าเขาจะเล่าก็เล่าได้แต่เพราะว่ายังไม่พร้อมที่จะพูดเรื่องนั้นตอนนี้ก็แค่ไม่อยากบอกแต่ที่อยากรู้คือผลตรวจมากกว่า  เขารู้อยู่เต็มอกนั่นแหละว่าผมตรวจออกมายังไงฟานฟ่านก็เป็นลูกเขาร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ที่ถามเพราะเขาเห็นอี้ชิงมองมาที่เขาอยู่และก็ถามตามสิ่งที่ควรจะถามก็เท่านั้น

    “อย่างเร็วก็ประมาณสองอาทิตย์..จะพยายามเร่งให้ก็แล้วกัน  แต่เชื่อสิว่าฟานฟ่านเป็นลูกแกร้อยล้านล้านเปอร์เซ็นต์ แกจะมาตรวจให้เสียเวลาทำไม?  แล้วความรู้สึกแกนี่มันไม่ได้บอกอะไรบ้างหรือยังไง หรือโง่ไม่รู้อีกว่ะ”  เป็นคำถามที่ถามได้เจ็บแสบมากแต่ตอนนี้เขาไม่อยากตอบอะไรออกมาทั้งนั้นก็ได้แต่พยักหน้าส่งๆไปเพื่อตัดปัญหา

    “เออน่า..แล้วเดี๋ยวเล่าให้ฟัง”

     

     

     

     

     

    “ฟานฟ่านหลับแล้วเหรอ?”  หลังจากที่อี้ชิงทำแผลเสร็จเขาก็ขับรถกลับมาที่คอนโดเลย  วันนี้วันหยุดเขาก็ไม่ได้ไปทำงานอยู่แล้ว  พอกลับมาถึงจนถึงตอนนี้ก็มืดแล้วอี้ชิงยังไม่ปริปากพูดอะไรกับเขาสักคำ  เขาเองทั้งๆที่อยากจะเข้าไปกอดปลอบ เข้าไปหอม เข้าไปจูบจนแทบทนไม่ไหวแต่ก็ต้องห้ามใจเอาไว้ก่อน  เอาเข้าจริง       ๆเขาเองก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่คิดแก้แค้นบ้าๆแบบนี้กับอี้ชิง  อยากจะขอโทษอยากจะย้อนเวลาไปเพื่อจะได้ไม่ทำมันแต่ก็ทำไม่ได้และไม่กล้าพอ  ยังไงตอนนี้ก็รอแค่ผลตรวจที่ก็รู้ว่าเป็นยังไงออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน

    “อืม..สงสัยจะเพลีย  พอหัวถึงหมอนก็หลับปุ๋ยเลย”  อี้ชิงเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่โกรธคริสบ้างเลยที่ทำแบบนี้  อาจเป็นเพราะเขาเองก็เข้าใจคริสละมั้งว่าเจอสิ่งที่เซฮุนพูดไปแบบนั้นมันก็ต้องมีระแวงกันบ้าง  และอีกอย่างมันก็ดีเหมือนกันเพราะตอนแรกที่เขามาบอกว่าท้องกับคริส คริสเองก็ไม่เชื่อแถมยังอยากจะพิสูจน์อีก  ก็ใช้โอกาสนี้แหละจะได้เลิกระแวงกันสักที

     

     

     

    “ยังเจ็บแผลอยู่มั้ย? ปวดหัวหรือเปล่า? กินยารึยัง?”  แม้ว่าตอนแรกคิดไว้แล้วว่าจะทำเป็นไม่สนใจไปสักพักแต่เขาเองก็อดไม่ได้  เขาไม่สามารถอยู่แบบอึมครึมกับอี้ชิงได้นานเลย  ก็เป็นเขาเองที่ต้องเริ่มพูดก่อนเพราะเขารู้ว่าอี้ชิงมีความอดทนสูง  อี้ชิงจะไม่พูดกับเขาเป็นอาทิตย์ๆเลยยังทำได้แต่เขานี่สิ นาทีสองนาทีก็แทบขาดใจ

    “ไม่แล้ว..ฉันกินยาแล้วล่ะ”  ที่จริงก็อยากจะพูดให้มากกว่านี้นะแต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าคริสกำลังคิดอะไรอยู่  เดาอารมณ์ไม่ออกจริงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายสู้ให้คริสเป็นฝ่ายพูดก่อนแบบนี้แหละดีแล้ว

    “ก็ดี...เออ คือเรื่องวันนี้ที่จริง..”  อยากจะพูดแต่ก็ไม่กล้าพอ  เขาต้องรอให้ได้สิแค่สองอาทิตย์เท่านั้นเรื่องทุกอย่างมันก็จะลงตัวเองน่า  พูดไปตอนนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก

    “ช่างเถอะ...โอ่ย!  เขาไม่รู้ว่าคริสจะพูดอะไรแต่ก็ยังไม่อยากฟังอยู่ดี  แต่จู่ๆก็รู้สึกปวดตัวจี๊ดขึ้นมาที่แผล  รู้สึกปวดมากและเวียนหัวอีกต่างหาก

    “อี้ชิง!! ปวดหัวเหรอ?..เห็นมั้ยบอกให้ไอหมอมันเช็คให้ละเอียดก็ไม่ยอม ดื้อ!!  เมื่อเห็นว่าคนตัวขาวร้องออกมาพร้อมๆยกมือขึ้นกุมหัวก็รีบไปช่วงประคองให้มานอนที่เตียงดีๆ  ไม่พอยังดุอย่างไม่จริงจังนักอีก ตอนทำแผลเขาก็พยายามพูดให้เช็คให้ละเอียดแล้วก็ไม่ยอม ดูสิผลเป็นยังไงละทีนี้

    “ไม่ดื้อนะ!โอ่ย..ปวดหัว”  อยากจะตะคอกเถียงกลับมากกว่านี้แต่พูดทีก็ปวดหัวที  ปวดเหมือนมันจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆเลย

    “ไม่ต้องพูดเลย..แปบนะ”  เอ่ยห้ามพอเป็นพิธี ยิ่งเห็นก็ยิ่งสงสาร เขาอยากจะเจ็บปวดแทนอี้ชิงจริงๆ เพราะเขาเป็นต้นเหตุแท้ๆอี้ชิงเลยต้องมาเจ็บตัวแบบนี้

     

     

     

    “อ่ะ..กินสะ”  คนตัวสูงเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับยาแก้ปวดที่ชานยอลบอกว่าถ้าปวดเมื่อไหร่ก็กินได้ทันทีเลย ยื่นมาให้อี้ชิงที่นั่งพิงหัวเตียงสีหน้ายู่ยี้ด้วยความเจ็บปวด

    “ขอบคุณ”  รับมากินอย่างว่าง่าย  แอบดีใจลึกๆว่าอย่างน้อยเขากับคริสก็ไม่ได้โกรธกันรุนแรงเท่าเมื่อวาน  หรือที่จริงเขาก็กังวลไปเอง

    “เป็นไงบ้างหืม?  ไหนดูสิครับว่าคนเก่งของคริสหายปวดหัวรึยังนะ”  ไม่พูดเปล่ายังค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนตัวขาวที่อยู่ๆหน้าก็แดงขึ้นมาทันทีกับการกระทำของคนตรงหน้า  จะถดหนีก็ไม่ได้ในเมื่อติดหัวเตียงแล้ว

    “หะ หายแล้ว..ออกไปเลยฉันจะนอน”  ไม่ได้อยากเขินเลยแต่ก็รู้ว่ามันห้ามไม่ให้เขินไม่ได้  ไหนจะใจที่เต้นแรงโครมครามจนดังออกมาจนได้ยินนี่อีก  น่าอายชะมัด

    “อะไรกัน..จะนอนง่ายๆหรือไง?”  พูดเพียงเท่านั้นก็เท้าแขนทั้งสองข้างคร่อมร่างบางเอาไว้ไม่ให้หลีกหนีไปไหนได้  ยังไม่พอ ยังยื่นใบหน้าคมเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้นมากกว่าเดิมจนปลายจมูกโด่งสัมผัสกับปลายจมูกของอีกคน  ถูไปมาด้วยความอยากแกล้ง

    “งื้อ..คริส..ออกไปนะฉันปวดหัวจะนอน!  เผลอตะคอกออกไปเพราะไม่พอใจที่ถูกแกล้งไม่พอยังหนีไปไหนไม่ได้อีก  แต่ก็หารู้ไม่ว่าการที่ตะคอกไปแบบนั้นก็ไม่ได้เป็นผลดีกับตัวเองเลยสักนิด

     

     

     

    “หืม? พูดไม่เพราะเลยนะครับ..พูดใหม่สิ”  จากทีแรกแค่ถูปลายจมูกไปมาตอนนี้กลับทำมากกว่านั้น  ปลายจมูกโด่งจากที่เคยอยู่แค่ปลายจมูกของอีกคนตอนนี้กลับเลื่อนตำแหน่งต่ำลงมาอยู่ที่ซอกคอขาว ซุกไซร้ไปมาจนอีกคนต้องถดคอหนี

    “คริส! ออกไปนะ ก็บอกว่าปวดหัวๆไม่รู้เรื่องหรือยังไงกัน แกล้งอยู่ได้!  พยายามที่จะผลักอกแกร่งออกไปแต่แรงที่มีปกติก็สู้ไม่ได้อยู่แล้วแล้วนี่อาการปวดหัวก็ยังไม่หาย ตะคอกทีก็จี๊ดขึ้นมาทีแต่ดูเหมือนว่าคนตัวสูงขี้แกล้งจะไม่หยุดแกล้งเอาสะเลย

    “..ตะคอกอีกแล้วนะครับ..พูดเพราะๆสิแล้วจะหยุดแกล้ง..”  พูดออกมาทั้งๆที่หน้าก็ยังซุกอยู่ที่ซอกคอขาวเนียน  แถมตอนนี้ยังเลื่อนขึ้นมางับใบหูอีกคนเล่นๆอีกต่างหาก

    “อ๊ะ! คริส!...จะแกล้งฉันทำไมเนี่ย?”  มือที่พยายามดันอกแกร่งออกตอนนี้ถูกมือหนาทั้งสองรวบไปขึงไว้ที่ผนังหัวเตียงเรียบร้อย  คราวนี้จะดิ้นยังไงก็ไม่หลุดแถมอีกคนก็ยังไม่หยุดแกล้งกันเสียที

    “พูดเพราะๆสิครับคนดี..ตะคอกแบบนี้ก็ปวดหัวแย่”  ที่เขาแกล้งก็เพราะไม่อยากให้อี้ชิงตะคอกหรือพูดเสียงดังเพราะมันจะสะเทือนไปถึงหัวแล้วอี้ชิงก็ไม่หายปวดหัวสักที  แต่คนดื้อก็ชอบไม่ฟังอะไรก็คงต้องใช้วิธีนี้

    “อ๊ะ! คะ คริส..พะ อ๊ะ! พอแล้ว พะ พอแล้วนะ..”  เผลอครางออกมาเมื่อคนขี้แกล้งไม่หยุดอยู่ที่ซอกคอขาว  แต่ตอนนี้กลับเลื่อนต่ำลงมาที่หน้าอกเนียนแทน

    “บอกให้พูดเพราะๆ..ไม่ได้ให้ครางสักหน่อย ....พูดสิครับคนดีแล้วจะหยุด”  แม้ปากจะบอกว่าจะหยุดแต่ก็ไม่ได้หยุดอย่างที่พูด  ตอนนี้ก็ใช้ทั้งจมูกโด่งคมกับปากเรียวลวมลามคนตัวขาวไม่หยุด

    “อ๊ะ! คริส อะ อา..คริส!อึก ครับ..อ๊ะ คริสครับ..พะ พอก่อนนะครับ..อ๊า! อ๊ะ เค้า..เค้าปวดหัว..เค้าปวดหัวมากเลย พอก่อนนะครับ..ฮ๊ะ! อ๊ะ อื้มมม..ละ เลิกแกล้งเค้านะครับ..ขอร้อง....”  คราวนี้อี้ชิงเผลอครางออกมาสะเสียงดังเพราะคริสชักจะมากเกินไปแล้ว  เลยยอมพูดดีๆและคริสก็หยุดอย่างที่พูดจริงๆ ใบหน้าคมเงยขึ้นจากร่างกายขาวที่ตอนนี้มีรอยรักอยู่ไม่น้อย  สบตากับหน่วยดวงตากลมที่มองเท่าไหร่ก็ยังคงหลงใหลอยู่แบบนั้น  แม้ว่าอยากจะทำอะไรมากกว่าการแกล้งคนตัวขาวแต่ก็เพราะเป็นห่วงว่าเดี๋ยวอี้ชิงจะยิ่งปวดหัวมากกว่าเดิมเลยจำยอมต้องหยุด  แต่ก็ไม่ลืมที่จะพูดอะไรให้อีกคนได้เขินก่อนนอน

    “..ฮึ ก็เท่านั้น  กว่าจะพูดได้ทำฉันเกือบเสร็จเหมือนกันนะอี้ชิง..ฮึ ฝันดีครับ..ที่รัก”

     

     

     

     

     

     

    Rrrr Rrrr

    เสียงสั่นของโทรศัพท์เครื่องหรูดังขึ้นปลุกให้คนที่นอนหลับฝันหวานอยู่บนเตียงกว้างต้องตื่นขึ้นมาอย่างหัวเสียที่มีคนโทร.มาตั้งแต่เช้าแบบนี้ นึกอยู่ว่าถ้าไม่มีเรื่องสำคัญแต่โทร.มาละก็ได้เห็นดีกันแน่

    “ฮัลโหล!  เสียงทุ้มกรอกออกไปหลังจากที่กดรับสายโดยที่ยังไม่ทันมองหน้าจอเลยด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนโทร.มาปลุกเขาแต่เช้า

    “คริส..เออ นายตื่นรึยังน่ะ ฉันโทร.มาปลุกรึเปล่า?”  เสียงเล็กตอบกลับมาอย่างกล้าๆกลัวๆแถมยังเกรงใจคนตัวสูงอีกด้วยที่โทร.หาในเวลาเช้าๆแบบนี้  แต่เมื่อคริสได้ยินเสียงที่คุ้นหูก็มองเบอร์บนหน้าจอโทรศัพท์ว่าเป็นใครโทร.มา  ที่แท้ก็เพื่อนตาโตของเขานี่เอง....เกือบด่าไปแล้วมั้ยล่ะ

    “อ้าว..คยองซูเองเหรอ เปล่าหรอกๆฉันกำลังจะตื่นพอดี  ว่าแต่มีอะไรรึเปล่าโทร.มาเช้าเชียว”  โกหกคำโตออกไปเพราะไม่อยากให้คนตาโตต้องลำบากใจ

    “เออคือวันนี้นายว่างรึเปล่า  พอดีฉันมีเรื่องจะให้ช่วยน่ะ” 

    “ช่วย?..ว่างๆ  วันนี้ไม่ได้ไปไหน  ว่าแต่มีเรื่องอะไรรึเปล่า?” 

    “ออกมาหาหน่อยสิเดี๋ยวส่งที่นัดไปให้..แต่อย่าบอกอี้ชิงนะ”

    “โอเค”

     

     

     

     

    พอวางโทรศัพท์จากคยองซูแล้วคริสก็ตัดสินใจลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปข้างนอกตามที่นัดกันไว้  เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อนตัวเล็กของเขามีเรื่องอะไรแต่ก็เนื่องด้วยไม่ได้เจอกันสักพักเพราะที่บริษัทก็ยุ่งๆก็ขอถือโอกาสนี้ไปเจอกันหน่อยก็ดี  หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้วจังหวะที่กำลังจะเดินออกมาจากห้องนอนก็เห็นลูกสาวสุดที่รักค่อยๆคลานเข้ามาหาเขาที่ยืนอยู่

    “ป๊า..ป๊าป๊า”  เสียงเด็กอ้อแอ้ส่งเสียงเรียกปะป๊าที่ยืนมองอยู่ก่อนที่คนตัวสูงจะเข้ามาอุ้มลูกสาวขึ้นมากอดแถมด้วยการฟัดแก้มยุ้ยๆไปหนึ่งทีแรงๆ

    “ครับลูกของปะป๊า..มะม๊าไปไหนละค่ะหืม? ทำไมหนูอยู่คนเดียวน้า..”  ปากก็ถามไปแต่สองขาก็สาวเท้าเดินมาทิ้งตัวนั่งที่โซฟาห้องรับแขก  หูก็ได้ยินเสียงก๊อกๆแก๊กๆในครัวไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอี้ชิงคงกำลังทำอาหารอยู่  ที่พื้นห้องก็มีทั้งตุ๊กตาสีหวานแหววกับของเล่นมากมายกระจายอยู่บนพื้นคงจะเป็นฝีมือน้อยๆของลูกสาวเขานั่นแหละ

    “ม๊า..ม๊ามัมมัม..”  นิ้วน้อยๆของเจ้าตัวน้อยชี้เข้าไปในครัวพร้อมกับส่งเสียงเรียกผู้เป็นแม่เป็นเชิงบอกให้ปะป๊าตัวสูงรู้ว่าอี้ชิงอยู่ในนั้น

    “ค่ะ ปะป๊ารู้แล้วค่ะว่าคุณม๊าอยู่ในครัว...ลูกสาวใครน่ารักไปพอยังฉลาดเหมือนใครน้า?...”  เสียงทุ้มลากยาวเป็นการหยอกล้อเด็กน้อยบนตักที่มองเขาตาไม่กระพิบก่อนที่จะตอบเสียงดังฟังชัดเรียกเสียงหัวเราะจากคนตัวสูงได้เป็นอย่างดี

    “ป๊า!

    “ฮ่ะๆๆๆ! เก่งมากค่ะฟานฟ่านของคุณป๊า  ฮ่าๆๆๆ”  คริสอู๋ละภูมิใจสุดๆกับลูกสาวคนนี้  นานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ที่เขาไม่ได้นั่งเล่นจริงๆจังๆกับฟานฟ่านแบบนี้  เพราะเวลาส่วนมากก็ทำงานพอกลับมาเล่นด้วยได้ไม่นานก็ถึงเวลาที่ลูกสาวตัวน้อยจะต้องนอนหลับแล้ว  นึกถึงเรื่องนี้แล้วก็อดที่จะอิจฉาอี้ชิงไม่ได้

     

     

    เสียงหัวเราะทุ้มๆที่ระเบิดลั่นห้องบวกกับเสียงเล็กๆของเด็กน้อยที่ก็กำลังหัวเราะมีความสุขไม่แพ้กันเรียกความสนใจจากคนตัวขาวที่วุ่นวายกับอาหารเช้าได้เป็นอย่างดี  อี้ชิงเดินออกมาดูแต่ก็ต้องหยุดฝีเท้าไว้ที่ประตูครัวเมื่อเห็นว่าคริสกำลังเล่นอย่างมีความสุขกับลูกสาวอยู่ก็ไม่อยากที่จะเข้าขัดจังหวะ...ขอแอบมองห่างๆแบบนี้ดีกว่า  ใบหน้าหวานที่ตอนนี้ไม่สามารถกลั้นยิ้มได้เลยลอบมองสองพ่อลูกกำลังต่อกระซิกกันอย่างมีความสุข  เป็นภาพที่มีความหมายมากมายจริงๆ

    “ได้เวลาอาหารเช้าแล้วครับคุณป๊าคุณลูก”  ยืนยิ้มอยู่ได้ไม่นานก็ตัดสินใจเดินเข้าไปเรียกสองพ่อลูกที่นั่งเล่นกันอยู่ที่พื้นห้องเพราะว่านี่ก็เกือบจะสายแล้ว

    “ม๊า!  เสียงเล็กตะโกนขึ้นเรียกให้ผู้เป็นแม่เดินเข้ามาอุ้มซึ่งอี้ชิงก็เดินเข้าไปอุ้มลูกสาวจากพื้นขึ้นมาในอ้อมกอดแต่ก็ต้องชะงักงันเมื่ออยู่ๆก็รู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆที่ริมฝีปากในจังหวะที่เงยตัวขึ้น

    morning kiss ครับ ..ที่รัก”  คริสฉวยโอการตอนที่อี้ชิงก้มลงอุ้มฟานฟ่านขโมยจูบจากริมฝีปากอวบอิ่ม

    “เอ่อ..ดะ ได้เวลาอาหารเช้าแล้ว..ไปกินข้าวกินเถอะครับคนเก่ง”  ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ชินสักทีกับการกระทำแบบนี้  อยู่ด้วยกันมาก็เกือบจะปีแล้วแต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังรู้สึกเขินแบบนี้อยู่อีกก็ไม่รู้

     

     

     

    “คริส  วันนี้นายจะไปไหนเหรอ?”  หลังจากเสร็จสิ้นมื้อเช้าและทำความสะอาดจานชามเสร็จแล้วอี้ชิงก็เห็นคริสกำลังใส่รองเท้าเตรียมออกไปข้างนอกทั้งๆที่วันนี้ก็เป็นวันหยุดอีกหนึ่งวัน

    “เอ่อ..เออ..ไปธุระน่ะ ว่าแต่นายอยากได้อะไรมั้ยเดี๋ยวฉันจะได้ซื้อเข้ามาให้”  เกือบหลุดปากบอกอี้ชิงไปแล้วว่ากำลังจะออกไปหาคยองซูแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าคนตาโตสั่งห้ามไว้ไม่ให้บอก เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ให้บอกก็ไม่รู้

    “ไม่..รีบไปรีบกลับนะ”  ส่ายหน้าน้อยๆเป็นเชิงปฏิเสธ  ก็ไม่ได้อยากรู้หรอกว่าคริสจะออกไปไหนเพราะอาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากให้เขารู้เขาก็จะไม่เซ้าซี้อะไรแต่ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้

    “ครับ..ฟอด! แล้วป๊าจะรีบกลับมานะครับม๊า..ฟานฟ่านค่ะเดี๋ยวปะป๊าซื้อขนมมาฝากนะค่ะ...ไปนะอี้ชิง”  ตบปากรับคำเสร็จก็ไม่ลืมที่จะหอมแก้มขาวเนียนของคนรักไปฟอดใหญ่ๆก่อนจะเดินออกไป

     

     

     

     

     

    “คริส..มารอนานมั้ย?”  คยองซูที่พยายามรีบสุดตัวเมื่อรู้ว่าตัวเองที่เป็นคนนัดแต่กลับมาสายสะเองเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าคริสนั่งจิบกาแฟสบายใจอยู่ในร้านที่นัดกันเอาไว้

    “อ่าว..ไม่นานหรอก..ว่าแต่มีอะไรนั่งก่อนมั้ย?”  ที่จริงเขาก็ไม่ค่อยซีเรียสเรื่องเวลาเท่าไหร่ถ้ามีกาแฟให้เขาจิบรอไปพลางๆ  เอ่ยทักอีกคนกลับแค่เห็นสภาพก็คงจะเดาได้ไม่ยากว่าคยองซูคงจะรีบวิ่งมาแน่ๆ

    “ไม่หรอก ไปกันเลยดีกว่าเดี๋ยวนายจะได้รีบกลับไปหาอี้ชิงกับฟานฟ่าน”  ส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะบอกเป็นเชิงให้คริสรีบดื่มกาแฟให้หมดแล้วจะได้รีบไปเป็นเพื่อนเขาจะได้รีบกลับบ้าน  เพราะเขาเองก็เกรงใจอี้ชิงด้วยเหมือนกันที่ลากสามีเขามาแบบนี้ แต่ที่ไม่ให้คริสบอกว่าไปไหนเพราะเขาไม่อยากให้อี้ชิงระแวงเขากับคริส

    “ไปก็ไป..ว่าแต่นายมีอะไรเนี่ยทำไมไม่บอกสักที”  วางเงินค่ากาแฟไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินตามอีกคนออกมาจากร้านกาแฟ

    “เออ..พอดีพรุ่งนี้วันเกิดจงอินน่ะ ฉันเลยอยากซื้อของขวัญให้แต่ฉันไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรเลยอยากให้นายช่วยเลือกหน่อย”  บอกจุดประสงค์ที่แท้จริงไป  เขาอยากจะเซอร์ไพรส์คนผิวเข้มสักหน่อยแต่ก็เลือกไม่ถูกและที่ให้คริสช่วยมาเลือกเพราะดูจากบุคลิกกับรสนิยมแล้วก็คล้ายๆกัน

    “ที่แท้ก็ซื้อของให้แฟนนี่เอง”  พูดถึงเรื่องจงอินแล้วคริสก็ออกจะสนับสนุนเต็มที่ถ้าหากว่าคยองซูกับจงอินจะคบเป็นแฟนกัน  เพราะจงอินเป็นคนดีมากและเหมาะสมกับคยองซูที่สุดและที่สำคัญเขาก็สารถที่จะวางใจให้ดูแลเพื่อนเขาได้

    “บ้าหรือไงคริส! ฉันไม่ได้เป็นแฟนกับหมอนั่นสักหน่อยนะ...บ้าจริง”

     

     

     

    “ฉันว่าอันนี้เหมาะกับหมอนั่นนะ”  คริสหยิบเสื้อลายเรียบๆสีกลมท่าขึ้นมาดู เสนอให้คยองซูเอาไว้เป็นตัวเลือกอีกทาง

    “เสื้อ?  นายคิดว่าฉันควรซื้อเสื้อให้หมอนั่นเหรอ?”  มือบางเอื้อมมาหยิบเสื้อที่คริสยื่นให้ พิจารณาดูจะว่าไปก็เหมาะกับจงอินดีนะ  แต่อยู่ๆก็เหมือนมีความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในหัว

    “ไม่สวยเหรอ?”  เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคยองซูเก็บเสื้อแขวนเข้าที่เดิมก็แปลกใจ

    “สวย..แต่ฉันนึกอะไรออกแล้วว่าจะซื้ออะไรให้หมอนั่นดี ไปเร็ว!  พูดจบก็คว้าข้อมือหนาให้เดินตามไป  แม้จะทั้งงงทั้งแปลกใจกับการกระทำของคนตาโตแต่ก็อดที่จะหลุดยิ้มออกมาไม่ได้  นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เห็นคยองซูจะแลดูมีความสุขแบบนี้  ตั้งแต่มีจงอินเข้ามาดูเหมือนว่าชีวิตของเพื่อนตาโตของเขาก็สดใสมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง

     

     

     

    “เสื้อคู่?”  เดินมาได้ไม่นานก็มาหยุดอยู่ที่ร้านเสื้อผ้าอีกร้านที่อยู่ถัดลงมาอีกชั้นหนึ่ง แต่ที่น่าแปลกคือคยองซูหยิบแต่เสื้อคู่หลายๆลายมาให้เขาช่วยเลือก

    “อื้ม! เสื้อคู่นี่แหละ...ตอนนั้นจงอินซื้อสร้อยคู่ให้ฉัน  ฉันเลยอยากซื้ออะไรที่มันคู่ๆกันบ้างให้เขา..เป็นไง นายว่าลายไหนสวย?”  นึกถึงสร้อยคู่ที่จงอินเคยซื้อให้กันตอนที่ไปดูหนังด้วยกันคราวนั้นก็ยิ่งเขิน  เขาไม่รู้ว่าจงอินจะยังสวมมันอยู่รึเปล่าแต่เขาสวมมันไว้ตลอดเวลา  ไม่เคยเลยที่จะถอดมันออก

    “หึ..แล้วไหนบอกว่าไม่ได้เป็นแฟนกัน ขนาดฉันกับอี้ชิงเรายังไม่มีอะไรคู่ๆกันเลยนะ แต่นายสองคนนี่ชักจะยังไงๆแล้วนะคยองซู”  คำพูดสั้นๆของคริสก็ทำเอาคยองซูถึงกับไปไม่ถูกเหมือนกัน  มันก็จริงอย่างที่คริสพูดว่าเรื่องของเขากับจงอินนี่ก็ชักจะยังไงๆแต่จะยังไงเขาเองก็ไม่รู้  เรื่องระหว่างเขาสองคนมันเป็นแบบไหนเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

    “เออน่า..นายว่าลายไหนสวยล่ะ”

    “ถ้านายคิดจะซื้อเสื้อคู่ของนายกับหมอนั่นนายก็ต้องเลือกเองสิ  มาให้ฉันเลือกทำไมนายไม่ได้ซื้อไว้ใส่กับฉันสักหน่อย....นายคิดว่าลายไหนสวย  คิดว่าลายไหนที่เหมาะกับความสัมพันธ์ของนายสองคนก็ลายนั้นแหละ”  เป็นคำตอบที่ดีไม่มีที่ติ  แต่ที่คริสพูดมันก็ถูกทุกอย่าง เรื่องแบบนี้มันให้ใครมาช่วยเลือกไม่ได้หรอก  เขาต้องเลือกออกมาจากความรู้สึกของเขาเอง

     

     

     

     

    “กลับกันเลยมั้ย?...แล้วนายซื้ออะไรมาด้วยน่ะ”  หลังจากตัดสินใจเลือกลายเสื้อที่คิดว่าเหมาะกับทั้งเขาเองกับจงอินได้แล้วก็เอ่ยปากชวนเพื่อนตัวสูงกลับเพราะเขาเองก็มีงานถ่ายแบบตอนเย็นเหมือนกันเหมือนกัน  แต่ก็เหลือบไปเห็นในมือของคริสที่ถือถุงอะไรสักอย่างอยู่ที่เหมือนกับถุงของเขา

    “ฉันก็พึ่งนึกได้เหมือนกันว่าฉันกับอี้ชิงก็ยังไม่มีอะไรที่เป็นของคู่กันเลย  ฉันเลยซื้อมาด้วย..มีของฟานฟ่านด้วยนะ!  ตอนที่คยองซูเข้าไปลองเสื้ออยู่  สายตาคมของเขาก็ดันเหลือบไปเห็นเซทเสื้อที่ใส่หุ่นโชว์อยู่ มีเสื้อของพ่อ แม่และก็ลูกดูน่ารักมากเขาเลยตัดสินใจซื้อกลับมาฝากอี้ชิงกับฟานฟ่านด้วย

    “ฮ่ะๆ นายนี่เป็น Family man มากเลยนะคริส”

    “ชัวร์”  เสียงหัวเราะเล็กๆบังเกิดขึ้น  เขามีความสุขมากที่เรื่องของเขากับคยองซูมันจบลงด้วยดีแบบนี้ ตอนแรกเขาก็กลัวและกังวลมาก  กลัวว่าคยองซูจะเปลี่ยนไปเพราะเสียใจจากเขาแต่เรื่องมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เขากลัวสักนิด  เขาได้เพื่อนที่น่ารักของเขากลับมาแล้วอีกครั้ง

    “โอ๊ย! เฮ้ย..คริส!!  เขาสองคนเกือบจะเดินมาถึงรถอยู่แล้วเชียวแต่อยู่ๆคริสก็ได้ยินเสียงคยองซูร้องขึ้นเสียงหลงก็หันกลับมามอง เห็นว่ามีโจรมันวิ่งกระชากกระเป๋าของคยองซูไปก็ไม่รอช้ารีบวิ่งตามไปทันที

    “รออยู่นี่นะ ห้ามตามไป!!

    “ระวังตัวนะคริส!

     

     

     

    “มึง!!  จังหวะที่โจรมันกำลังกระโดดข้ามกำแพงเตี้ยๆที่กั้นเลนรถหนีไปคริสก็ไวกว่ารีบหยิบกรวยแถวนั้นขว้างไปที่หลังของมันจนมันเสียหลักล้มลงไปกับพื้น  ไม่รอช้าสองขายาวรีบวิ่งเข้าไปหยิบกระเป๋าของคยองซูคืนทันที  แต่ไอโจรนั่นก็ดันตัวขึ้นมากระโดดถีบที่ท้องของคริสจนเสียหลักล้มไปกับพื้นเช่นกัน

    “เอามานะมึง!  แต่แทนที่มันจะหนีไปมันกลับหยิบมีดที่ซ่อนเอาไว้ขึ้นมาขู่ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้คริสที่ค่อยๆลุกขึ้นตั้งหลักได้แล้ว

    “หึ..แน่จริงมึงก็เข้ามาเอาเองสิ”  แม้ว่าคู่ต่อสู้จะมีมีดอยู่แต่คริสก็ไม่ได้กลัวเลยสักนิดเดียว  เขาไม่ปล่อยมันไว้หรอกคนชั่วแบบนี้ต้องจับส่งตำรวจ  และไอโจรนั่นก็หลงกลเดินเข้ามาหวังจะกระชากกระเป๋าไปอีกครั้งแต่คริสก็สามารถต่อสู้กับมัน พยายามที่จะจับมันให้ได้แต่ก็ต้องคอยระวังเพราะมันถือมีดอยู่

    “คริส! จับมันเลยครับ จับมันเลย!!  คยองซูที่วิ่งไปตามรปภ.มาได้ก็รีบวิ่งมาช่วยคริส  แต่จังหวะที่คยองซูเอ่ยเรียกนั้นคริสหันมาทำให้พลาดท่าถูกมีดที่มันถือฟันมาที่ท้องจนต้องเผลอปล่อยมือที่พยายามจับโจรอยู่ออกมากุมที่ท้องแทน  แต่รปภ.ที่คยองซูพามาช่วยก็สามารถจับไอโจรชั่วได้

    “คริส!! เป็นอะไรมั้ย?..เฮ้ย เลือด! ไปโรงพยาบาลเร็ว..คุณรปภ.ครับรบกวนฝากมันส่งตำรวจด้วย  แล้วนี่นามบัตรผม มีอะไรให้คุณตำรวจติดต่อมานะครับ ขอบคุณมาก”  พูดจบก็พยุงคริสให้เดินมาที่รถก่อนจะขับออกไปที่โรงพยาบาลแต่คริสก็ห้ามเสียก่อน

    “ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอกคยอง..มันเล็กนิดเดียวเองน่าเดี๋ยวฉันไปให้อี้ชิงทำแผลให้ก็ได้”

    “อยากให้อี้ชิงรู้ก็ตามใจ...แต่เดี๋ยวฉันไปทำแผลให้เอง ที่คอนโดนายนะ”

    “อืม”

     

     

     

     

    “ค่อยๆเดินนะ”  คยองซูอาสามาส่งคริสที่คอนโดเพื่อจะได้มาทำแผลให้  พลางก็นึกโทษตัวเองที่นัดเพื่อนมาให้โดนทำร้ายแท้ๆ แล้วนี่เขาจะหาข้อแก้ตัวยังไงกับอี้ชิงดีละทีนี้  พาสามีเขามาเจ็บตัวแบบนี้อี้ชิงจะฆ่าเขามั้ยเนี่ย

    “ประตูล็อค?..สงสัยอี้ชิงไปข้างนอก..”  กดกริ่งเรียกเมื่อเห็นว่าไม่มีใครออกมาเปิดก็ลองเปิดประตูดูแต่มันล็อคแสดงว่าอี้ชิงไม่อยู่ที่ห้อง คงคิดว่าเขาจะไม่กลับมาเร็วขนาดนี้คงออกไปซื้อของละมั้ง?

    “ค่อยๆเดิน..ไปนั่งรอในห้องเลย กล่องยาอยู่ไหน?”  เมื่อเดินเข้ามาในห้องได้คยองซูก็ออกคำสั่งให้เจ้าของห้องตัวโตที่บอกว่าไม่เจ็บๆแต่เดินตัวงอให้ไปรอในห้องพลางถามหากล่องยา

    “ในตู้”  ชี้ไปทางตู้เตี้ยๆที่ตั้งอยู่ข้างๆโทรทัศน์แล้วก็ค่อยๆเดินเข้ามารอในห้องตามคำสั่ง  ก็ดีเหมือนกันที่อี้ชิงไม่อยู่  เขาก็ไม่อยากให้อี้ชิงรู้เหมือนกันแต่ก็ไม่อยากไปโรงพยาบาลเดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่ แผลที่ท้องก็เล็กนิดเดียวแต่ทำไมเจ็บเป็นบ้าก็ไม่รู้  ช่วงนี้ก็คงต้องระวังไม่ให้อี้ชิงเห็นสินะ

    “ถอดเสื้อสิ...อายอะไรฉันเคยเห็นของนายมาหมดแล้วน่า”  พอเดินเข้ามาในห้องพร้อมกล่องยาก็ออกคำสั่งให้คริสที่นั่งอยู่บนเตียงถอดเสื้อ  แต่คนตัวสูงอยู่ๆก็หน้าแดงขึ้นมาเสียดื้อๆ  เขารู้หรอกนะว่าคริสอายเขา เขาก็อายเหมือนกัน..แต่อายที่พูดไปแบบนั้นมากกว่า

    “คยองซู!..”  เขาเองก็ไม่นึกว่าคยองซูจะกล้าพูดแบบนั้น  แต่เขาก็อายจริงๆนั่นแหละ  นานแล้วนะเรื่องระหว่างเขาสองคน  หลายเดือนมานี้ที่อยู่กับอี้ชิงก็มีอี้ชิงคนเดียวที่เห็นร่างกายของเขา

    “เออน่า..เร็วสิเดี๋ยวอี้ชิงมาก็เห็นหรอก หรืออยากให้อี้ชิงรู้?”

    “ก็ได้ๆ”

     

     

     

     

    “โอ่ย! คยองซู เบาๆหน่อยสิเจ็บนะ!” เสียงทุ้มร้องออกมาเสียงหลงทันทีที่สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดลงมาที่แผลแถมมือคนตาโตก็หนักชะมัด  ไม่คิดจะเบาๆกันบ้างเลย

    “ทีเมื่อกี้ละทำเป็นเก่ง..โอเคๆ เบาๆก็เบาๆ”  นึกขำเพื่อนตัวโตที่โตแต่ตัวจริงๆ  แผลเล็กนิดเดียวร้องเสียงหลงยังกะจะขาดใจ  ทีเมื่อกี้ละทำเป็นบอกว่าแผลแค่นี้ไม่เจ็บๆ มันน่าแกล้งให้เข็ดจริงๆคนอวดเก่ง

    “โอ่ย! ซี๊ดดด..คยองซู! อ่า..เบาๆสิ”  เกือบผลักคนตัวเล็กล้มไปกับพื้นแล้วมั้ยล่ะ  นี่เขาอยากจะรู้จริงๆว่าตั้งใจจะช่วยหรือจะแกล้งกันแน่  ชุบสำลีกับแอลกอฮอล์ที่ก็ชุ่มไปหมด ทำแบบนี้แทบจะราดแอลกอฮอล์ลงมาที่แผลเลยนะ ทั้งแซบทั้งเย็นที่แผล

    “นี่ก็เบาแล้วนะ..ยังไม่ทันได้ลงแรงอะไรเลย  อ่อนว่ะ”  ปากก็บ่นไปแต่สายตานี่ยิ้มร่าที่ได้แกล้งคนตัวโต  ใจจริงก็อยากจะราดลงไปที่แผลเลยนั่นแหละ

    “เร็วๆสิ...เสร็จรึยังเดี๋ยวอี้ชิงกลับมาเห็น”  เร่งเร้าเมื่อเห็นว่าตอนนี้คยองซูกำลังตัดผ้าปิดแผลอยู่  สายตาก็คอยระแวงกลัวว่าอี้ชิงจะกลับมาเห็นว่าเขาเจ็บตัวมา

    “ใกล้แล้วๆ...นี่ ช่วยจับหน่อยสิมันเอาไม่ออกอ่ะ” ก็อยากจะเสร็จเร็วๆหรอกนะเพราะว่าเขาต้องรีบไปที่สถานีตำรวจต่อแล้วจะได้ไปทำงาน  แต่ไอกรรไกรนี่ก็คมสะเหลือเกินแค่ตัดผ้าปิดแผลบางๆยังไม่ออกเลย  คริสยื่นมือมาจับอีกฝั่งของผ้าให้มันตึงจะได้ตัดได้  แต่ในเมื่อมันตัดไม่ได้ก็ไม่ต้องตัดมัน

     

     

     

    “จับคนละข้าง..ดึงเลย ทำแบบนี้มันไม่ออกหรอก”  ปากรรไกรที่แสนจะไร้ประโยชน์ทิ้งผ้ามันใกล้จะขาดแล้วดึงอีกนิดเดี๋ยวก็ขาด  คยองซูพยักหน้ารับให้สัญญาณนับสามพร้อมกันแล้วก็ดึง

    “โอ๊ย!!/อ๊ะ!!  แต่ด้วยแรงที่ดูเหมือนว่าจะมากเกินผ้าที่เกือบขาดมันขาดง่ายกว่าที่คิดทำให้คริสที่ดึงแรงมากไปหงายหลังล้มไปที่ที่นอน แผลที่ยังทำไม่เสร็จก็เจ็บขึ้นมาอีก ส่วนคยองซูก็หงายหลังก้นจ้ำเบ้ากระแทกพื้นเหมือนกัน

    “ออกแล้ว! ลุกขึ้นมาเลยคริสเร็วจะได้เสร็จๆ”  คนตาโตดึงอีกคนที่นอนหงายอยู่ให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ  เช็ดเชือดที่ไหลออกมาอีกครั้งออกและลงมือปิดแผล

    “โอ่ย!คยองซู นายนี่รุนแรงจังนะ..”  บ่นไปเรื่อย ก็คยองซูนั่นแหละเห็นตัวเล็กแค่นี้แต่มือหนักเป็นบ้า ทำแผลทีนี่ทำเอาเกร็งไปหมด จะร้องมากก็ไม่ได้เดี๋ยวหาว่าสำออย

    “เอ้า! เสร็จแล้ว..กินยาแก้ปวดด้วยละแล้วก็นอนพักสะ..ฉันต้องไปธุระต่อ ขอบคุณมากนะที่วันนี้นายช่วยฉันได้เยอะเลย และก็ขอโทษด้วยที่ทำให้นายเจ็บตัวแบบนี้”

    “ยินดี..ขอบคุณมากนะที่ช่วยฉันเหมือนกัน”  พูดพร้อมๆกับชี้ไปที่แผลที่ท้องที่คนตาโตพึ่งผิดแผลเสร็จสดๆร้อนๆ แม้จะดูไม่เรียกร้อยเท่าอี้ชิงกำก็เถอะแต่ก็ยังดีกว่าปล่อยมันไว้

    “อื้ม..ไปล่ะบาย..”

     

     

     

    คยองซูเปิดประตูออกมาจากห้องนอนแล้วก็ใส่รองเท้าเดินออกจาห้องไปโดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าอี้ชิงกลับมาแล้ว อี้ชิงกลับมานานแล้วด้วย...นานพอที่จะได้ยินบทสนทนาทั้งหมดของเขากับคริสที่อยู่ในห้องนอน   แต่ก็ได้ยินแค่เสียงเท่านั้นไม่ได้เห็นภาพด้วยว่าที่แท้จริงแล้วคริสกับคยองซูทำแผลกันแต่สิ่งที่อี้ชิงคิดมันไม่ใช่แบบนั้น... สิ่งที่อี้ชิงได้ยินมันทำให้เขาคิดว่า....

     

     

     

     

     

     

     

    คริสกับคยองซูมีอะไรเกินเลยกัน!!

     

     

     

     

     

     

     

    .................................

    TBC.

    แท๊นแทนแท้นนนนนนนนนนนนนนน!!!!!

    มาต่อภาคสองแล้วน้า  ตามที่ใครๆต้องการรรรรรรรรรรรรรรรร (ใครย่ะ??)

    มาต่อแล้วววว มาช้ามากกกกก ขอโทษมากจริงงงๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!

    ทุกคนก็รู้เรื่องพี่คริสกันใช่มั้ยละค่ะ..นั่นแหละไรท์ร้องไห้ไปสามวันติดเลย  ไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไร  จะแต่งทีก็นึกถึงหน้าพี่คริสลอยมามันก็จุก 

    แต่ตอนนี้ไรท์พอทำใจได้แล้วเพราะไรท์มีความหวัง!! ไรท์หวังและเชื่อพี่คริสค่ะ!!!

    ไรท์รู้นะคะว่ามีบางคนอาจจะว่ามันเพ้อเจ้อที่จะหวังอะไรลมๆแล้งๆ หรือบางคนจะบอกให้ไรท์เลิกมโน!!! แต่ไรท์รักและเชื่อใจพี่คริสเสมอ  และไรท์ก็อยากให้ทุกคนรักพี่คริสเหมือนเดิม...ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นไรท์ไม่อยากให้ทุกคนลืมพี่คริส  พี่คริสผิดจริงมันก็จริงที่ทำแบบนี้แต่เราก็ต้องเข้าใจเหตุผลของพี่เขาด้วย

    บางคนอาจจะเลิกรัก เลิกสนับสนุนพี่คริสไปแล้วแต่ไรท์อยากบอกว่ายังมีไรท์คนนี้ที่จะรักพี่คริสเสมอไม่ว่าจะเป็นคริส exo หรือจะเป็นเพียงอู๋ อี๋ฟานคนธรรมดา ไรท์ก็จะรักอยู่แบบนี้  อาจจะว่าไรท์เหลวไหลไร้สาระ  ไรท์รู้ว่าสักวันเรื่องนี้มันก็จะเป็นอดีต  สักวันเราก็ต้องเติบโตขึ้นและลืมเรื่องที่เคยพูดไว้ไป  แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้ค่ะ...

    บางคนอาจจะหยุดแต่งเรื่องคริสเลย์ไปเพราะเรื่องนี้  ไรท์ยอมรับค่ะว่าไรท์เองก็เคยคิดว่าจะปิดเมื่อรู้ข่าววันแรกไม่ใช่เพราะไรท์ไม่รักพี่คริสแต่เพราะการแต่งนั้นมันต้องนึกถึงหน้า  นึกถึงโมเม้นท์ของเขาแล้วไรท์ทำใจไม่ได้  แต่อย่างที่บอกว่าไรท์ทำใจได้แล้วว่าพี่คริสยังอยู่ตรงนี้เสมอไม่ได้ไปไหน

    และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า  ความจริงคือพี่คริสอยู่หรือไปแต่ไรท์ก็จะแต่งฟิคคริสเลย์เรื่องนี้จนจบ  แม้ว่าจะไม่มีคนอ่านแล้ว แต่ไรท์ก็ไม่สามารถลบพี่คริสออกจากการเป็นพระเอกในฟิคและในชีวิตจริงได้ค่ะ...

    รักรีดทุกคน..และอยากให้รีดไม่ต้องรักพี่คริสมากแต่ขออย่าเกลียดและทอดทิ้งพี่เขานะคะ....

    ฝากแชร์ ฝากโหวต และที่สำคัญ

    อย่าลืม  เม้นท์!!!!!!!

    @eiraklay

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×