ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO:KrisLay&Exo] Best Husband

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ค. 57










    Chapter 3

     

     

     

     

    เช้าวันใหม่ที่แสนจะสดใส  แสงอาทิตย์ที่สอดส่องเข้ามาในห้องแสดงถึงเวลาการเริ่มต้นอีกหนึ่งวัน  สองร่างที่นอนขดอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาขยับตัวเข้าหากันมากยิ่งขึ้น  แม้ว่าจะมีแสงอาทิตย์ส่องแต่ก็ไม่ได้สร้างความอบอุ่นให้กับห้องที่เย็นเฉียบได้มากสักเท่าไหร่ทำให้คนทั้งคู่ต่างก็ต้องการความอบอุ่นจากคนข้างกาย  เมื่อคืนกว่าจะเสร็จสินภารกิจรักอันเร้าร้อนและเนิ่นนานก็ปาไปเกือบเช้า  ไม่ต้องสงสัยว่าถ้าวันนี้เขาสองคนเข้าทำงานช้าหรือโดดงานไปเลยเป็นเพราะอะไร

    “งื้อ...”  เสียงหวานครางออกมาเบาๆเมื่อรู้สึกถึงการรบกวนการนอนหลับจากคนตัวสูงข้างกาย  ชานยอลเองก็ได้แต่นอนมองภรรยาที่แสนน่ารักของตัวเองอยู่แบบนั้น  ถามว่าเขาไม่เหนื่อยหรือเพลียบ้างหรือถึงไม่พักผ่อน  ตอบเลยว่าเพลียสุดๆ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อคืนแบคฮยอนเป็นอะไร  หลังจากที่เขาสองคนกลับมาถึงบ้านแบคฮยอนก็เริ่มชักชวนให้เขาเริ่มบทรักกันแทบจะทันทีแถมเมื่อคืนพอเขาทำท่าจะหยุดพักแบคฮยอนก็ไม่ยอมทำให้ต้องยาวมาจนถึงเช้าวันใหม่...ไม่รู้ว่าไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนกัน

     

     

     

    “แบคฮยอนครับ..ตื่นได้แล้วนะครับคนดี สายมากแล้วนะ”  เรียกอีกคนเบาๆข้างหู  ไม่รู้ตัวเลยว่าเขานอนมองหน้าคนตัวเล็กมานานแค่ไหน  มองดูเวลาอีกทีก็ปาเข้าไปสายมากแล้ว  ที่จริงก็ไม่อยากจะปลุกคนตัวเล็กหรอกก็รู้อยู่ว่าเหนื่อยมากแต่จะให้ทำยังไงได้  นอนมากเกินไปก็ไม่ดีเหมือนกัน

    “งื้อ..ยอลอ่ะ..แบคยังง่วงอยู่เลยนะ”  แม้จะพูดไปแบบนั้นก็พยายามลืมตาขึ้นมาแต่ก็เพราะแสงที่สาดส่องเข้ามาจากข้างนอกก็ช่างไม่เกรงใจกันบ้างเลยทำให้ต้องหลับตาลงอีกครั้งจนคนที่นั่งมองอยู่นั้นถึงกับไม่สามารถกลั้นยิ้มได้เลย

    “งั้นไปอาบน้ำมั้ยครับจะได้หายง่วง”  ดึงร่างเล็กเข้ามาอกอดอย่างรักใคร่  ไม่ว่าเมื่อคืนหรือกี่วันต่อกี่วันที่เขาได้กอดแบคฮยอนก็ไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อกับอ้อมกอดนี้ทั้งชานยอลเองและก็แบคฮยอนด้วย

    “ลุกไม่ไหว..ปวดไปหมดทั้งตัวเลยยอลอ่า..”  บ่นอุบอิบไปตามประสา  แต่ก็ไม่กล่าบ่นมากนักเพราะรู้อยู่เต็มอกว่าสาเหตุของอาการปวดเหมื่อยที่เป็นอยู่ก็เพราะว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ  ใครจะหาว่าแบคฮยอนหื่นลามกก็ได้นะ  แต่ที่เขาต้องทำแบบนี้  ต้องเป็นฝ่ายเริ่มบทรักก่อนก็เพราะว่าเขาอยากมีลูกมากก็เท่านั้นเอง  ตั้งแต่วันนั้นที่คุยแล้วก็ทะเลาะกับชานยอลเขาก็ไม่ได้พูดเรื่องลูกกันอีกเลย  แต่เขาพยายามที่จะทำมันเงียบๆ  ชานยอลคงไม่ทันได้รู้หรอกว่าที่แบคฮยอนยั่วและก็ชวนเขาในทุกๆวันเป็นเพราะอะไร  ชานยอลเองก็คงไม่ได้นึกถึงเหตุผลนี้หรอก  แต่ดูเหมือนว่าที่ขัดใจแบคฮยอนมากๆก็เพราะว่า....ชานยอลป้องกันทุกครั้งที่เขาสองคนมีอะไรกัน  ไม่ใช่ว่าชานยอลรังเกียจหรืออย่างไรแต่เป็นเพราะว่าชานยอลไม่พร้อมจะมีลูกตอนนี้ซึ้งมันก็เป็นสิ่งที่บีบหัวใจแบคฮยอนเป็นอย่างมาก  เขาพยายามจะบอกชานยอลตั้งหลายครั้งแต่ชานยอลก็แอบใส่ถุงยางทุกครั้ง  ตอนแรกเขาก็ไม่รู้เพราะว่าชานยอลจะใส่มันตอนที่เขาเผลอแต่ช่วงหลังๆมานี้เขารู้...แต่ก็ไม่ได้พูดมันออกไป...  

     

     

     

     

    “แบคครับ  วันนี้ยอลต้องเข้าเวรดึกกว่าจะออกก็เช้าเลย..แบคฮยู่คนเดียวได้มั้ยครับ?”  ตั้งแต่เริ่มเป็นหมอไม่เคยมีสักครั้งที่คุณหมอแสนดีอย่างปาร์คชานยอลจะไม่อยากเข้าเวร แต่ตั้งแต่แต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาไม่อยากเอามากๆ  ยิ่งช่วงนี้ยิ่งเห่อเมียอยู่ยิ่งไม่อยากไป  ห่วงก็ห่วงแม้ว่าแบคฮยอนจะอยู่ได้ก็เถอะ

    “ได้สิครับ..แต่ยอลต้องโทร.มาคุยกับแบคด้วยนะ”   พูดจบก็ไม่ลืมที่จะกดจูบไปบนริมฝีปากหนาอีกครั้ง  แม้ว่าเขาจะไม่อยากให้ชานยอลไปแต่เขาก็เข้าใจแล้วก็แยกแยะออกว่าไหนเป็นงานไหนเป็นชีวิตส่วนตัว

    “แน่นอนครับ...งั้นนอนนี้เราออกไปซื้อของข้างนอกกันนะ  พอดีว่าของยอลหมดแล้ว”  หอมแก้มนวลของคนรักกลับไป นี่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งของแบคฮยอนที่ทำให้เขารัก  แบคฮยอนไม่เคยนอยส์เรื่องงานของเขาเลยแม้ว่าจะมีช่วงหนึ่งที่แต่งงานกันแรกๆเขาต้องไปเข้าเวรแทนรุ่นพี่ทำให้ไม่ได้กลับบ้านสองวันแต่แบคฮยอนของเขาก็เข้าใจเหตุผล

    “ของ?..ของอะไรเหรอ?”  ใบหน้าเล็กที่ตอนนี้คิ้วค่อยๆขมวดเข้าหากันช้าๆด้วยความสงสัย  ถ้าเป็นของใช้ส่วนตัวของชานยอลเขาก็พึ่งจะซื้อเข้ามาให้ เอ..หรือว่าเขาลืมซื้ออะไรแล้วมันหมด  แต่ก่อนที่คนตัวเล็กจะคิดเองเออเองชานยอลที่มองสีหน้างุนงงของภรรยาอยู่ก็เอ่ยขึ้นมาก่อน

    “ของที่ใช้อยู่ทุกวัน..ไปเถอะแบคเดี๋ยวยอลไปซื้อเอง แบคไปเป็นเพื่อนก็พอนะ ป่ะ..”  ไม่อยากบอกว่าออกไปซื้ออะไรกลัวว่าอีกคนจะน้อยใจเพราะชานยอลยังไม่รู้ว่าแบคฮยอนรู้ว่าเขาใช้มัน

    “บอกมา..ปาร์ค ชานยอล บอกมาของอะไรที่ว่าหมด”  และท่าทางดูมีพิรุธนั้นก็ช่างน่าสงสัยเสียจริง

    “...คือ..เออ..ถะ ถุงยางครับ..”  ในที่สุดก็ต้องพูดไป  ใครไม่เป็นเขาไม่รู้หรอกว่าเวลาที่แบคฮยอนพูดกดเสียงบวกกับสายตาที่จ้องจะกินกันได้ทั้งตัวนั้นมันน่ากลัวและน่าอึดอัดมากแค่ไหน  แต่แบคฮยอนเองก็ไม่ได้แปลกใจอะไรมากมายเพราะเขาก็พอจะเดาออก

    “เหรอ?..อืม  งั้นก็ไปสิเดี๋ยวจะซื้อของอย่างอื่นด้วยเหมือนกัน”  เตรียมจะเดินออกไปแต่ก็ถูกคว้าข้อมือไว้ก่อน

    “แบคครับ..คือว่า..”  กลัว  เขากลัวมากว่าแบคฮยอนจะโกรธเขา ยิ่งทำท่าทีเหมือนกับว่าไม่ได้คิดอะไรก็ยิ่งกังวล  แต่ที่กังวลนั้นเพราะชานยอลยังไม่รู้ว่าแบคฮยอนรู้หมดแล้ว

    “อะไรกันเล่า..แบคไม่โกรธยอลหรอกนะ แบคเข้าใจ..ไปกันสิเดี๋ยวยอลก็กลับไปเข้าเวรไม่ทันหรอก”  จะว่าโกรธก็ไม่โกรธอย่างที่พูดนั่นแหละแต่มันรู้สึกจี๊ดๆในใจ..แต่ไม่เป็นไร..คิดว่าคนอย่างแบคฮยอนจะยอมแพ้หรือไง..คนอย่างชานยอลตามเขาไม่ทันหรอก ฮึๆๆ

     

     

     

     

     

     

    “คริส..นี่จะออกมากินข้าวมั้ย? เดี๋ยวก็ไปทำงานสายหรอก”  เสียงหวานเอ่ยเรียกคนที่บอกว่าจะลุกไปอาบน้ำตั้งนานแล้วแต่ว่ายังไม่เห็นว่าจะออกมา  และนี่ก็ไม่ใช่เป็นการเรียกครั้งแรกสะด้วย  คอยดูเถอะว่าถ้าเรียกอีกครั้งแล้วยังไม่ยอมออกมาละน่าดู

    “คร้าบๆๆๆ มาแล้ว...ฟอด! หอมจังครับ..น่ากินด้วย”  สองขายาวรีบพาร่างสูงวิ่งออกมาทันที  ก็เขาง่วงนอนจะตายเมื่อคืนก็หนักไม่รู้ว่าอี้ชิงไปเหนื่อยหรือเพลียบ้างหรือไง  ลุกขึ้นมาเข้าครัวตั้งแต่เช้าไม่พอยังปลุกให้เขาตื่นอีก  และที่ช้านี่ก็เพราะว่าแอบนอนต่อต่างหาก

    “ทะลึ่ง! ทำไมวันนี้อาบน้ำช้าล่ะ  เค้าเข้าไปปลุกตั้งนานแล้วนะ..แอบนอนต่อรึเปล่า?”

    “เปล๊า! เปล่านะ..ก็แหม..เมื่อคืนนายทำฉันเลอะไปหมดเลย..มันก็ต้องใช้เวลาทำความสะอาดกันหน่อยสิจ๊ะ”  เผลอทำเสียงสูงจนอี้ชิงสงสัย  เขาไม่ชอบอี้ชิงแบบนี้เท่าไหร่นัก ไอการที่รู้ทันเขาไปหมดสะทุกอย่าง  แต่ไอประโยคหลังนี่แหละที่ทำให้อี้ชิงต้องหน้าแดงไปหมด 

    “คริส..นายนี่นะ  เอ้า กินข้าวสะจะได้รีบไปทำงาน..ตอนเย็นก็รีบกลับด้วยนะจะได้ไปรับลูก”  พูดไปเพื่อหลีกเลี่ยงและปกปิดอาการเขินอาย  คริสชอบทำให้เขาไปไม่ถูกอยู่เรื่อย  ทั้งคำพูดแบบนี้ที่เหมือนจะฆ่ากันให้ตาย

    “ฮึฮึ..ครับๆ เดี๋ยวนี้นายขี้สั่งจังเลยนะอี้ชิง  สั่งโน่นนี้ไปหมด..”  ที่พูดนี่ไม่ใช่อะไรเพียงแต่อยากจะแซวคนตัวขาวเล่นเฉยๆ  แต่ที่เขาพูดนั้นไม่ผิดสักนิด  ตั้งแต่คืนดีมาอี้ชิงก็เอาแต่สั่งๆๆๆแล้วก็สั่งให้เขาทำโน่นทำนี่...แต่เขาก็ไม่เคยขัดเลยสักครั้งเดียว

    “ไม่ได้หรือไง?”  ยืนเท้าเอวเตรียมพร้อมทุกสถานการณ์  ที่ว่าเขาชอบสั่งมันก็จริงแต่ก็ไม่ได้มากมายขนาดนั้นสักหน่อย  คริสเวอร์!

    “เปล่าครับๆ ได้สิครับ  อี้ชิงสั่งอะไรมานะคริสคนนี้จะทำให้ทุกอย่าง..อี้ชิงของเค้าจะได้ไม่เหนื่อยไงครับ”  ไม่พูดเปล่ายังดึงข้อมืออีกคนเบาๆให้มานั่งลงบนตักก่อนจะโอบกอดเอวบางเอาไว้ซุกหน้าอยู่ที่ไหล่มนและไม่ลืมที่จะฝังจมูกลงบนแก้มที่ยิ้มปริจนลักยิ้มน่ารักบุ๋มลึก

    “เลิกพูดได้แล้ว สายแล้วนะ”  แม้จะได้ยินคำพูดหวานเลี่ยนแบบนี้ก็ทุกวันแต่ก็ไม่ชินสักครั้งและอดที่จะเขินไม่ได้

     

     

     

     

    “เดี๋ยวคริส...”  เมื่อมื้ออาหารมื้อเช้าเสร็จสิ้นลงก็ถึงเวลาที่คุณสามีสุดหล่อจะต้องออกไปทำงานแล้ว  แม้ว่าตอนนี้มันจะสายมากก็ตาม  แต่ก่อนที่คริสจะได้เดินไปเปิดประตูอี้ชิงก็เรียกขึ้นก่อน  ก่อนจะวิ่งดุ๊กๆมาหาและลงมือจัดเนคไทให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี  พร้อมๆกับจัดปกเสื้อให้ดูเรียบร้อย  ซึ่งมันก็เป็นกิจวัตรประจำวันของอี้ชิงไปแล้ว

    “ของคุณครับ”  เอ่ยขอบคุณเบาๆ  เขาละชอบมากที่มีอี้ชิงคอยทำอะไรแบบนี้ให้เขา  เขาชอบที่จะคอยมองมือบางๆคอยจัดเสื้อผ้าที่เขาตั้งใจใส่ไม่เรียบร้อยให้เป็นระเบียบ  คอยมองสายตาที่ดูจะตั้งใจและมีความสุขที่จะดูแลเขา..

    “รีบกลับมานะเค้าจะรอไปรับลูกกลับบ้านพร้อมกัน..ฟอดด!  ไม่ลืมที่จะกำชับให้รีบกลับ  เขาคิดถึงลูกจะแย่ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้างและลืมไม่ได้กับการที่ต้องหอมแก้มคนรักไปอีกหนึ่งที

    ฟอดดด! ครับ..รักมากรู้มั้ย? คนดีของคริส”  รักมากเกินสิ่งอื่นใด  รักมากจนไม่สามารถที่จะรักใครได้อีก มันเป็นความรักที่อิ่มตัวแต่ก็กลับเพิ่มมากขึ้นในทุกๆวันที่อยู่ด้วยกัน

    “รักเหมือนกัน..อื้อ...อืม..ปะ ไปได้แล้วสายมากแล้วคริส”  อี้ชิงเองก็รักคริสมากเช่นกันในโลกนี้ต่อให้ต้องลำบากมากแค่ไหนหรือต้องเจอกับอุปสรรค์อะไรมากมายเพียงแค่มีคริสกับลูกชีวิตนี้ก็แสนจะมีค่าแล้ว แต่จะให้แค่หอมเฉยๆก็คงไม่ใช่อู๋อี้ฟาน

    “ไม่อยากไปทำงานแล้วอะ...อยากกินเมียมากกว่า..ฮึฮึ”

    “คริส!! ไป-ทำงาน-เดี๋ยว-นี้!!

    “ครับ”  อ่อ  ลืมบอกไปว่านอกจากคริสอู๋จะไม่กล้าเสี่ยงกับอิทธิพลของคนเป็นแม่แล้วตอนนี้คริสอู๋ก็ขอบอกว่าไม่กล้าเสี่ยงกับอิทธิพลของเมียเหมือนกัน...

     

     

     

     

     

    Rrrrr Rrrrr

    เสียงโทรศัพท์เครื่องโปรดสั่นเรียกร้องให้เจ้าของมารับสักทีจนอี้ชิงต้องวางหนังสือในมือเอื้อมมาหยิบ  เมื่อเห็นว่าเบอร์ที่ขึ้นเป็นเบอร์โทร.ของเพื่อนรักก็ไม่รอช้ากดรับสายทันที

    “แบคฮยอน! ว่าไง ตั้งแต่แต่งงานไปเนี่ยลืมกันเลยหรือไง?”  เอ่ยทักทายไปแต่ก็แอบทำเสียงงอนอย่างไม่จริงจังนัก

    “อาอี้..ว่างมั้ย พอดีว่าฉันมีเรื่องจะปรึกษาอ่ะ”  เสียงหวานตอบกลับมา  แบคฮยอนก็ลังเลอยู่หลายวันเหมือนกันว่าจะโทร.มาปรึกษาอี้ชิงเรื่องนี้ดีมั้ย  เพราะว่าเขาเองก็อายเหมือนกัน แต่ก็ทนความอึดอัดไปไหวก็ขอโทร.มาระบายหน่อยเถอะ

    “หืม? ปรึกษา?  ว่ามาสิฉันว่างอยู่”  ตอบกลับไปพลางในหัวก็คิดไปด้วยว่าเพื่อนเขาจะโทร.มาปรึกษาเรื่องอะไร  ขอให้อย่าเป็นเรื่องของหมอชานยอลเถอะนะ เพราะว่าอี้ชิงไม่อยากให้เพื่อนรักต้องมีปัญหา

    “เรื่องชานยอล” นั่นไง...

    “มีอะไรเหรอ..นายสองคนคงไม่ได้ทะเลาะกันใช่มั้ย? พึ่งจะแต่งงานกันไปได้แค่เดือนกว่าๆเองนะ”  ที่เขาเดามีผิดสักครั้งมั้ย?  ก็ขอให้เป็นเรื่องดีๆละกัน

    “ไอทะเลาะน่ะทะเลาะกันไปตั้งนานแล้ว..แต่ตอนนี้ไม่” แอบถอนหายใจเบาๆที่อย่างน้อยก็คงจะเข้าใจกันดีแล้ว  เขาไม่อยากให้แบคฮยอนทะเลาะกับชานยอลเพราะเวลาที่แบคฮยอนโมโหจะไม่ฟังใครทั้งนั้น  ที่อี้ชิงเป็นห่วงก็กลัวว่าเพื่อนของเขาจะไปอาระวาดใส่คุณหมอน่ะสิ

    “แล้ว..เรื่องอะไรล่ะ?”

     

     

     

    แบคฮยอนถอนลมหายใจออกมาอย่างอึดอัด  เขาก็รูว่าอี้ชิงจะรับฟังเขาทุกเรื่องและเขาก็ไม่คิดจะปิดบังอี้ชิงด้วย  แต่เพราะว่ามันรู้สึกแปลกๆ  แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วเขาก็จะบอกไป

    “คือ..นายก็รู้ว่าฉันอยากมีลูกมากแค่ไหนอี้ชิง  แต่ชานยอลน่ะสิเขาบอกว่าเขายังไม่พร้อม  ฉันก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทั้งๆที่ตอนเป็นแค่แฟนกันเขาก็เอาแต่บอกว่าอยากมีลูกกับฉันสารพัด  แต่พอฉันถามเขากลับบอกว่าเขายังไม่พร้อมที่จะมีตอนนี้ทำยังไงดีอี้ชิง..ฉันอึดอัด”  พูดไปก็น้อยใจไป  เขาพยายามมาแล้วที่จะไม่นึกถึงเรื่องนี้ให้ต้องมาน้อยใจแล้วเขาเองก็อาจจะเป็นฝ่ายเริ่มให้ทะเลาะกันอีก  แต่ทุกๆครั้งที่มีอะไรกันแล้วเห็นชานยอลป้องกันความน้อยใจมันก็ตีขึ้นมาในอกทันที

    “โธ่แบค...นายไม่ต้องคิดมากเลยนะ  คุณชานยอลเขาอาจจะไม่พร้อมจริงๆแต่เขาก็ไม่ได้บอกหนิว่าเขาไม่อยากมี  ฉันว่าเขาก็อยากมีเพียงแต่ว่าช่วงนี้เขาอาจจะงานเยอะแล้วไหนจะพึ่งแต่งงานกันมาเขาอาจจะอยากใช้ชีวิตแต่งงานที่มีเพียงเขากับนายเพียงแค่สองคนให้มันคุ้มค่าก่อนก็ได้...”  ที่แท้ก็เรื่องนี้เองที่ทำให้เพื่อนเขาคิดมาก  เขารู้ว่าแบคฮยอนอยากมีลูกมากแค่ไหน  ยิ่งพอเห็นเขามีฟานฟ่านแล้วแบคฮยอนก็ยิ่งอยากมีมากขึ้นอีก  พอเจอชานยอลบอกแบบนี้ก็เลยคิดมาก

    “อันนั้นฉันก็เข้าใจ  แต่ทำไมเขาไม่เข้าฉันบ้าละอาอี้  ฉันพยายามที่จะทำทุกอย่างแล้วนะ  พยายามที่จะมีอะไรด้วยกันทุกวัน  แม้เขาจะเต็มใจแต่เชื่อมั้ยอาอี้ว่าทุกครั้งที่เขามีอะไรกับฉันเขาก็ป้องกันมันทุกครั้ง ฮึก ทีแรกฉันก็ไม่รู้เพราะเขาจะใส่มันตอนที่ฉันเผลอแต่หลังๆมาฉันก็รู้..ฮือ ฮึก แต่ฉันก็ยังโง่ทำเป็นไม่รู้ โง่ทำเป็นเหมือนว่าไม่โกรธ โง่ทำเหมือนว่าไม่น้อยใจ แต่ที่จริงแล้วข้างในฉันมันเจ็บมาก ฮึก ฮืออ”  ไม่ได้ตั้งใจจะร้องไห้เพียงแต่ยิ่งพูดมันก็ยิ่งสะกิดในใจจนไม่สามารถกลั้นไว้อยู่  เขาอึดอัดมานานแล้วขอระบายกับอี้ชิงหน่อยเถอะ

     

     

     

    “แบคอยอน ใจเย็นๆนะไม่ร้องสิ..” เมื่อเห็นว่าเพื่อนร้องไห้หนักแบบนี้เขาก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน  นานมากแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ที่อี้ชิงไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของแบคฮยอนเลย  และที่สำคัญดูเหมือนว่าแบคฮยอนคงจะอึดอัดมากเลยร้องไห้ออกมาเต็มที่

    “ฮึก..อาอี้..ฉัน ฮึก ฉันควรจะทำยังไงดีละทีนี้  ฉันรักชานยอล ฉันเข้าใจเขาแต่ฉันเอง ฮึก ฉันเองก็อยากมีลูกมากๆเหมือนกันนะ..”

    “แบคฮยอนฟังนะ  ฉันเข้าใจนายแต่ก็เข้าใจคุณชานยอลด้วย  แบค...การที่เราจะมีลูกนั้นมันไม่ได้หมายถึงแค่ความอยากหรือความต้องการอย่างเดียว  มันต้องอาศัยความพร้อมด้วย  การที่เราจะพร้อมที่จะเลี้ยงใครสักคนให้เขาเติบโตเป็นคนดี ให้เขามีความสุขนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายนะแบค...การที่นายมีลูกไม่ได้จบเพียงแค่นายอุ้มท้องและคลอดเขาออกมา แต่นายยังต้องการเวลาที่จะเอาใจใส่เขา ดูแลและรักเขาให้มากๆ นายลองคิดดูนะถ้าเกิดว่านายมีตอนนี้  ตอนที่คุณชานยอลยังไม่พร้อมเขาอาจจะไม่มีเวลาที่มากพอที่จะดูแลทั้งกับนายและก็ลูกนะ...รอวันที่ทั้งนายและคุณชานยอลพร้อมทั้งคู่ก่อนดีกว่ามั้ยค่อยมีเขา...ฉันว่ามันก็ยังไม่สายเลยนะแบค  และอีกอย่าง  ตอนนี้นายยังเป็นอิสระ..นายกับคุณชานยอลจะไปไหนมาไหนก็ได้โดยที่ไม่ต้องห่วงใคร  เพราะถึงเวลานั้นที่นายมีลูก...อิสระของนายก็จะหมดไป เพราะเวลาทั้งหมดของนายต้องมีให้ลูก...ฉันพูดมาขนาดนี้แล้ว..นายควรกลับไปคิดดีๆนะแบคฮยอนว่านายเองนั่นแหละที่พร้อมจะมีลูกหรือยัง..”

     

     

     

     

                หลังจากที่อี้ชิงวางสายไปแล้วก็เหมือนโลกของแบคฮยอนเองก็เปลี่ยนไป  เขานั่งใช้เวลาคิดทบทวนเรื่องที่อี้ชิงพูดอยู่นานและเขาเองก็เห็นด้วยเต็มที่  จริงอยู่ที่อี้ชิงบอก..เขาพร้อมที่จะมีลูกจริงๆหรือเปล่า  คำถามนี้มันวนเวียนอยู่ในหัวของเขามานานมาก  เอาเข้าจริงๆเขาก็ไม่พร้อมที่จะมีลูกหรอก  เขาเองก็ยังรักชีวิตที่อิสระที่มีแค่เขากับชานยอล  เขายังไม่พร้อมที่จะดูแลใคร...แม้ว่าตอนนี้ความอยากมีของเขาจะไม่ได้ลดน้อยลงไปแต่เขาก็เข้าใจชานยอลและเข้าใจความเป็นจริงมากขึ้น...ต่อไปนี้เขาจะไม่เร่งรัดชานยอลอีกแล้ว  เขาจะรอวันที่ชานยอลพร้อมและเขาเองก็พร้อมจริงๆค่อยมาเริ่มต้นเรื่องการมีลูกกันใหม่อีกครั้ง...ตอนนี้เขาเองก็มีความสุขดี  ไม่ได้ขาดอะไรไป เพียงแค่ทุกวันนี้ได้เห็นหน้าคนที่เขารัก  ได้อยู่ในอ้อมกอดของกันและกันมันก็เพียงพอแล้ว...ถึงเวลาที่เขาจะตามใจชานยอลแล้ว      แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะอดทนได้สักเท่าไหร่เพราะเขาอยากมีลูกจริงๆ

     

     

     

     

     

     

    “อี้ชิงง..สามีกลับมาแล้วนะคิดถึงมั้ยครับ? ฟอดดด!  เปิดประตูเข้ามาได้  โยนเสื้อสูทและกระเป๋าลงบนโซฟาตัวยาวก็โผเข้าไปกอดคนตัวขาวที่นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาตัวใกล้ๆกันที่เขาโยนของนั่นแหละ

    “คิดถึงสิ..กลับมาก็ดี เราไปรับลูกกันนะคิดถึงจะแย่แล้ว..”  ไม่รอให้คนที่พึ่งกลับมาจากทำงานได้นั่งพักหายใจหายคอก็ดึงแขนให้ออกไปรับลูกด้วยกันทันที  อี้ชิงคิดถึงฟานฟ่านใจจะขาด โทร.เข้าไปถามคุณนายอู๋แม้จะบอกว่าฟานฟ่านไม่ดื้อเลยแต่เขาก็เป็นห่วงอยู่ดี  ไม่เห็นหน้าเขากับคริสไม่รู้ว่าจะร้องงอแงหรือเปล่า

    “เดี๋ยวอี้ชิง..คือ..คุณแม่ไม่ได้บอกนายหรือไงว่าขอให้ฟานฟ่านนอนด้วยอีกคืนอ่ะ” แขนยาวตวัดเอวบางให้กลับมานั่งที่โซฟาเหมือนเดิม  เขารู้ว่าอี้ชิงคิดถึงลูกมากขนาดไหน  เขาเองก็ไม่ต่างกันอยากจะเข้าไปฟัดแก้มยุ้ยๆใจจะขาด  แต่เมื่อเย็นก่อนจะขับรถกลับคอนโดแม่เขาก็โทร.มาขอให้ฟานฟ่านนอนที่บ้านใหญ่อีกคืน  เขาก็อยากจะปฏิเสธละนะเพราะก็คิดถึงมากเหมือนกัน  แต่ก็เห็นใจแม่ด้วยเพราะนานๆทีจะได้เจอหลาน

    “อ่าว..เหรอ..แต่คริส..”  เหมือนว่าอากาศจะหายไปสักพัก  ไม่ใช่ว่าอะไรแต่เขาแค่อยากเจอลูกก็เท่านั้น ไม่เคยห่างกันนานขนาดนี้มาก่อนเลย

    “โอ๋ๆ อี้ชิงครับไม่ร้องนะ..คริสก็คิดถึงลูกเหมือนกัน แต่คริสอยากให้อี้เข้าใจคุณแม่ด้วย  เดี๋ยวท่านก็ต้องบินไปทำงานที่ต่างประเทศต่อแล้ว..ให้ลุกของเราอยู่กับคุณแม่อีกวันนะอี้ชิง นะครับ..ไม่ร้องนะเดี๋ยวคริสร้องตามจริงๆด้วย..”  คริสรีบดึงคนรักเข้ามาโอบกอดเมื่อเห็นว่าอยู่ๆอี้ชิงก็ร้องไห้ออกมา  คงจะคิดถึงลูกมาก เขาเองก็เหมือนกันยิ่งเห็นอี้ชิงร้องไห้แบบนี้ก็ยิ่งสงสาร...จะร้องตามแล้วนะ

    “ฮึก..เค้าเข้าใจ ฮึก แต่เค้าก็คิดถึงลูกนี่..ฮืออ”  จากตอนแรกแค่น้ำตาไหลออกมาเงียบๆตอนนี้กลายเป็นร้องไห้โฮเลยจนคริสต้องกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก

    “เค้าก็คิดถึงลูก..อึก อี้ชิงไม่ร้องสิ..เดี๋ยวเค้าร้องตามไม่รู้ด้วยนะ ฮึก..”  ตอนนี้กลายเป็นว่าปะป๊าตัวโตก็ห้ามน้ำตาไว้ไม่อยู่  รู้สึกเจ็บจี๊ดที่เห็นน้ำตาของอีกคน  ไหนจะความคิดถึงลูกที่ตีตื้นอยู่ในอก

    “ฮึก..ไม่ร้องนะคริส เค้าก็ไม่ร้องแล้ว..คริสไม่ร้องนะ..”  กลายเป็นอี้ชิงไปแล้วที่เป็นฝ่ายกอดปลอบคริสที่ร้องไห้ออกมา..แต่ใบหน้าหวานก็ยิ้มขึ้นได้ที่เห็นคนตัวโตร้องไห้คิดถึงลูก..ก็ตลกดีนะ

     

     

     

     

     

    “พามาทำไมเนี่ย..ทำอาหารกินเองก็ได้”  เสียงหวานบ่นงุ้งงิ้งเมื่อหลังจากต่างคนต่างผลัดกันร้องไห้คิดถึงลูกและสลับกันปลอบแล้วก็ดูเหมือนว่าคริสจะไม่มีอารมณ์ทำอาหารกินที่คอนโดเลยพาเขามาที่ร้านอาหาร.....ที่จริงเขาต่างหากนะที่เป็นคนทำน่ะ

    “ก็เปลี่ยนบรรยากาศบ้างไง..ไหนๆลูกก็อยู่กับคุณแม่แล้ว  เราสองคนก็มาดินเนอร์กันหน่อย..โรแมนติกออกนะอี้ชิง” พูดไปก็ไม่ได้ปล่อยมือที่กุมมือบางเอาไว้เลย  ตอนนี้เขาสองคนสั่งอาหารกันเรียบร้อยแล้วก็รอให้พนักงานมาเสิร์ฟ

    “อะไรกัน เมื่อกี้ยังร้องไห้คิดถึงลูกอยู่เลย..น่าหมันไส้จริง” 

    “โธ่อี้ชิงอ่า...”  อยากจะปฏิเสธแก้ตัวแต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี  จะว่าฟานฟ่านไปอยู่ที่บ้านใหญ่ก็ดีไปอีกอย่างนะ  เขาจะได้มีเวลาอยู่กับอี้ชิงสองต่อสองต่ออีกสักวัน  ไม่แน่หรอก บางทีฟานฟ่านกลับมาอี้ชิงอาจจะมีน้องให้เลยก็ได้

    “ไม่ต้องแก้ตัวเลยนะ...เดี๋ยวมานะขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” 

    “เร็วๆนะครับคิดถึง”

     

     

     

     

    อี้ชิงเดินเข้ามาในห้องน้ำก็ไม่ได้หุบยิ้มเลยแม่แต่น้อย  คริสของเขานี่นับวันจะยิ่งแปลกๆไปทุกที  แต่เป็นแปลกในทางที่ดีซึ่งเขาเองก็ชอบ  ที่มาเข้าห้องน้ำนี่ไม่ใช่ว่าปวดท้องหรืออะไรหรอกเพียงแต่แค่จะมาหาที่พักหายใจก็เท่านั้นเอง...อยู่กลับคริส  พอโดนพูดอะไรหวานๆเข้าหน่อยก็ถึงกับไปไม่ถูก  ไม่ว่าคริสจะพูดหรือทำอะไรให้เขาก็เป็นจะต้องใจเต้นแรงมาก  มากจนเหนื่อย  หายใจก็ไม่ทั่วท้อง ไม่เคยจะชินกับความน่ารักของคริสสักที...คนบ้าอะไร ทำให้รักมากขึ้นทุกวันๆจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว

    “บ้า..นายบ้าคริส..บ้าที่สุด..”  เอ่ยคนเดียวพลางก็มองตัวเองในกระจกไปด้วย  หน้าแดงมากขนาดนี้ขืนออกไปมีหวังถูกคริสแกล้งแน่ๆ

    “...ยิ้มอะไรอยู่คนเดียวเหรอ..จาง อี้ชิง..”  เสียงทุ้มดังขึ้นทำให้จากที่ก้มลงล้างหน้าต้องเงยหน้าขึ้นมาใหม่  ตอนแรกที่ตกใจคิดว่าเป็นคนตัวสูงเดินมาตามแต่กลับไม่ใช่...คนที่เห็นในเงาของกระจกมันทำให้ตกใจจนแทบจะหยุดเต้น  ร่างบางหันกลับมามองคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังทันที

    “..นะ นาย!..นาย..”  เสียงหวานเอ่ยออกไปแผ่วเบาแต่สั่นไปด้วยความตกใจ  ไม่คิดว่าจะเจอคนคนนี้อยู่ตรงนี้..ไม่คิดว่าชาตินี้จะได้เจอกันอีก

    “ตกใจมากเหรอครับ?...ไม่เจอกันตั้งนาน  ไม่รู้ว่ายังจำกันได้อยู่มั้ย?..อี้ชิงของผม”

    “นาย...หึ  จำได้สิ..จำได้ดีด้วย ใครจะจำคนที่เคยทำให้เจ็บเจียนตายไม่ได้บ้าง?”

    “.......?”

     

     

    “..โอ เซฮุน!!!

     

     

     

     

     

    “ไง..อี้ชิงน้อยของผม  ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คุณยังไม่ลืมเรื่องเก่าๆอีกเหรอครับ”  ร่างสูงของโอ เซฮุนพูดไปด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มเหยียดเล็กน้อย  พลางที่พูดอยู่ก็ค่อยๆสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้อี้ชิงที่ตอนนี้หลังติดกับอ่างล้างมือแล้ว

    “หึ ฉันเชื่อว่าถ้าเป็นนายนายก็ไม่มีทางลืมแน่”  แม้ว่าตอนนี้ในใจจะมีแต่ความรู้สึกกลัวกลับการที่ได้เจอคนตรงหน้าอีกครั้ง  ไหนจะความรู้สึกเกลียดมากขึ้นอีกที่ได้เห็นหน้าแต่ก็พยายามที่จะทำทุกอย่างให้ดูเป็นปกติที่สุดเพื่อไม่ให้อีกคนได้ล่วงรู้ได้ว่าเขากำลังรู้สึกอะไร

    “ฮ่ะๆ แต่ผมลืมมันไปหมดแล้วนี่สิครับ...ว้า คุณคงจะมีความเชื่อผิดสินะ”  เซฮุนเองก็ไม่ต่างกัน เขาไม่คิดเลยว่าจะได้กลับมาเจออี้ชิงอีกครั้ง  แม้ตอนแรกก็กลัวเหมือนกันว่าถ้ากลับมาเกาหลีอีกครั้งอาจจะได้เจอ  แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะง่ายแบบนี้  ตอนแรกที่เห็นอี้ชิงเขาเองก็คิดว่าเขาฝันไป  ตกใจไม่แพ้กันหรอกที่ได้พบ  แม้ความรู้สึกเดิมๆมันจะไม่มีแล้วแต่ก็ไม่ได้แปลว่ามันไม่เหลือเลย...ไม่เคยลืม

    “ใช่สิ..นายจะไปจำได้ยังไงว่านายเคยทำเลวอะไรกับฉันไว้ แต่ที่ฉันจำได้เพราะฉันเป็นผู้ถูกกระทำ!” พูดจบก็เดินเลี่ยงมาอีกทางเพื่อจะได้เดินกลับโต๊ะไป  ยิ่งนึกก็ยิ่งแค้น  ยิ่งจำก็ยิ่งเจ็บปวด  เขาลืมไปแล้วแหละว่ายังมีคนคนนี้อยู่ร่วมโลกกัน  แต่ก็คงจะลืมได้จริงๆถ้าหากว่าวันนี้ไม่ได้กลับมาเจอกันอีก  ที่จำไม่ใช่เพระอยากจำ  แต่ที่จำเพราะ เจ็บแล้วจำ ต่างหาก

     

     

     

    “เดี๋ยวอี้ชิง! จะรีบไปไหนล่ะ”  ยังไม่ทันที่คนตัวขาวจะได้เดินออกจากประตูห้องน้ำไป  เซฮุนก็รีบหันมารั้งแขนเล็กเอาไว้จนอี้ชิงที่ไม่ทันได้ตั้งหลักเซเข้ามาในอ้อมกอดแกร่งอย่างง่ายดาย  และดูเหมือนว่าจะเข้าทางใครบางคนสะด้วย

    “ปล่อย!! เซฮุน ปล่อยฉัน!  ยอมรับว่าตกใจมาก  ไม่คิดว่าเซฮุนจะกล้าทำแบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับอีกนั่นแหละว่า...อดจะรู้สึกหวั่นไหวกับอ้อมกอดนี้ไม่ได้  แต่ไม่มีทาง  แม้จะรู้สึกยังไงแต่ความเกลียดก็มากกว่าอยู่ดี

    “จุ๊ๆๆ..ไม่ดิ้นนะคนดี..อี้ชิง..ผมคิดถึงคุณมากรู้มั้ย?  ผมคิดว่าชาตินี้ทั้งชาติเราจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว  แต่พอผมได้มาเจอคุณอีกครั้ง..ผมก็คิดถึงคุณมาก”  ไม่ได้โกหก  เขายอมรับว่าเขาเคยทำร้ายอี้ชิงจนเจ็บปวดมามาก แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกที่มีต่ออี้ชิงได้เลย

    “เก็บคำพูดของนายเอาไว้พูดให้คนของนายเถอะ! ปล่อยฉัน..โอ เซฮุน! ปล่อยสิ!  พยายามที่จะดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมกอดที่ไร้ความอบอุ่น  เขาไม่ชอบให้ใครมาทำแบบนี้กับเขายกเว้นคริส...และยิ่งทำแบบนี้เขายิ่งรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังทรยศคริสทั้งๆที่ไม่ได้เต็มใจสักนิดเดียว

    “หึ! ทำมาเป็นดีดดิ้นไปเถอะอี้ชิง  ผมรู้หรอกว่าที่จริงแล้วคุณก็โหยหาอ้อมกอดของผมมากเหมือนกัน!  เหมือนเส้นความอดทนจะขาดแทบจะทันทีที่ได้ยินประโยคร้ายกาจนั้น  เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีทำให้อี้ชิงสะบัดตัวออกมาได้และไม่รอช้าฟาดฝ่ามือลงไปบนใบหน้าหล่อเหลาแต่เลวร้ายนั้นทันทีอย่างไม่ออมแรง

     

    เพี๊ยะ!!

     

     

     

    “อย่าเอาสันดานเลวๆของนายมาเป็นมาตรฐานคนอื่น!...หึ นายมันร้ายยังไงก็ยังเหมือนเดินเลยสินะ”  เขาเคยคิดว่าวันเวลาจะช่วยเปลี่ยนคนจากคนเลวมาเป็นคนดีได้  แต่เปล่าเลย  เวลาไม่สามารถเปลี่ยนโอ เซฮุนให้กลับมาดีได้อีกแล้ว

    “หึ..คุณตบผมผมไม่ว่าแต่อย่ามาเดินหนี! คุณคงลืมไปแล้วว่าสันดานผมมันเป็นยังไง จาง อี้ชิง!!..” พูดจบก็ไม่รอช้ากระชากอีกคนเข้ามาอย่างแรงและประกบริมฝีปากหนาลงไปบนริมฝีปากอวบอิ่มทันทีอย่างโหยหา  บดขยี้อย่างแรงตามอารมณ์ที่คุกรุ่น 

    “อื้อ!..ปล่อย..อื้อออ!...”  ตกใจและเจ็บใจมากที่เขาพลาดให้กับคนที่ชื่อโอ เซฮุนอีกแล้ว  สองมือพยายามที่จะทั้งทุบทั้งตีอกแกร่งนั้นแต่ดูเหมือนว่าเขายิ่งพยศมากเท่าไหร่โอ เซฮุนก็ยิ่งลุกล้ำเขามากขึ้นเท่านั้น  เขาคงลืมไปแล้วจริงๆว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนยังไง

    “อ่า..ยังหวานเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะอี้ชิง..หอมด้วย”  ผละริมฝีปากออกเมื่อดูเหมือนว่าคนในอ้อมกอดจะหยุดดิ้นเพราะเริ่มขาดอากาศหายใจ  เขาไม่ได้อยากใจร้ายกับอี้ชิงนักหรอก  แต่เขาก็ไม่ใช่คนดีแบบพระเอกสะด้วยสิ  ก็อย่าว่ากัน  แต่ต้องยอมรับเลยว่า...อี้ชิงของเขายังทั้งหอมทั้งหวานเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

    “เซฮุน!!ผลัวะ!  คราวนี้ไม่ใช่แค่ตบหน้าแต่อี้ชิงมอบกำปั้นหนักใส่หน้าคนตัวสูงอย่างเหลืออด  เพียงแค่เซฮุนกล้ากอดเขาเขาก็ว่ามากแล้ว  แล้วยิ่งมาทำแบบนี้เขายิ่งไม่ชอบ  แต่อี้ชิงคงจะลืมไปแล้วจริงๆว่าเซฮุนเป็นคนยังไง

    “คุณต่อย..ผมจูบ!

    “อื้อออ!..”

     

     

    พลั่ก!!

    คราวนี้ไม่ใช่ตบหรือต่อย  ร่างสูงแต่ติดจะบางของเซฮุนที่กำลังลงโทษคนที่ต่อยหน้าตัวเองอยู่ดีๆก็ลอยออกไปและลงไปนอนอยู่ที่พื้นด้วยไม่ใช่ฝีมือของใครที่ไหนแต่เป็นฝีเท้าของเจ้าของร่างกายและหัวใจของคนตัวขาวที่ถูกรังแก

    “คริส!!  อี้ชิงหันไปทางสาเหตุของสิ่งที่ทำให้เซฮุนลงไปกองอยู่ที่พื้นก็ต้องตกใจมากที่เห็นคนรักยืนกระฟัดกระเฟี้ยดมองไปทางเซฮุนอย่างโกรธแค้น  ที่ตกใจไม่ใช่อะไรเพียงแต่เขาแค่ไม่อยากจะนึกว่าคริสจะเห็นเขากับเซฮุนจูบกันรึเปล่า..แต่ดูจากรูปการแล้วคงจะเห็นเต็มๆ

    “มึงทำอะไรเมียกู!!  ไม่พูดเปล่ายังเตรียมจะเดินเข้าไปหาเซฮุนที่พึ่งจะตั้งหลักยืนได้แต่อี้ชิงก็เข้ามาห้ามเขาก่อน  เขาที่นั่งรออี้ชิงที่บอกว่าจะมาเข้าห้องน้ำแต่ตั้งนานจนอาหารมาเสิร์ฟแล้วอี้ชิงก็ยังไม่กลับมาที่โต๊ะ  เขาเป็นห่วงกลัวว่าคนตัวขาวจะไม่สบายแล้วไปเป็นลมในห้องน้ำ ยิ่งพักผ่อนน้อยอยู่ ทำให้คริสตัดสินใจลุกมาตามอี้ชิงที่ห้องน้ำ พอเดินไปถึงหน้าห้องน้ำเขาก็ได้ยินเหมือนว่าอี้ชิงกำลังจะพูดกับใครอยู่แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นการทะเลาะมากกว่าเลยรีบเปิดประตูเข้าไป  แต่ภาพที่เห็นก็ทำให้คริสไม่ต้องคิดอะไรเลย  เพียงเห็นว่ามีไอผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งกำลังจูบเมียของเขาขายาวก็ออกแรงถีบทันที

    “คริส! อย่าเลย..ปล่อยไปเถอะนะ เรากลับบ้านกันเถอะ”  ไม่ใช่อยากจะปกป้องเซฮุนเพียงแต่เขาไม่อยากให้คริสมีเรื่อง  และอีกอย่างเซฮุนแม้จะไม่ใช่คนพาลแต่เป็นคนที่ชอบทำสงครามประสาทซึ่งมันคงไม่ดีแน่ถ้าใช้มันกับคริส  เพราะเขารู้ว่าคริสไม่มีทางยับยั้งอารมณ์ไม่ให้ฆ่าเซฮุนได้

     

     

     

    “ปล่อยได้ยังไงอี้ชิง! มันจูบนายนะ จูบนายที่นายเป็นเมียฉันนะ!” ยิ่งพูดยิ่งนึกถึงเมื่อกี้เขาก็แทบจะวิ่งไปหยิบปืนในรถมายิงมันให้ตายไปสะตรงนี้

    “ใจเย็นก่อนสิครับ..จะมาว่าผมผมก็ไม่ได้ผิดฝ่ายเดียวสักหน่อย..”  เซฮุนที่ยินเงียบๆมานานอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นบ้าง  แต่ที่พูดไปบนในหน้าจะยิ้มเย้ยแต่ในใจกลับสับสนไปหมด  ที่คริสพูดหมายความว่ายังไง  เมียอะไร?

    “มึงหมายความว่ายังไง ก็กูเห็นอยู่ว่ามึงจูบเมียกู!

    “เมีย?..หึ นี่คุณเป็นเมียไอบ้านี่เหรออี้ชิงของผม”  เซฮุนเบือนสายตาไปมองอี้ชิงที่ยืนหน้าซี้ดอยู่ข้างๆคริส แต่สายตาที่อี้ชิงมองกลับมาแทบจะฆ่าเขาได้ทั้งเป็น แต่ดูเหมือนว่าคนที่กำลังจะฆ่าเขาตอนนี้จริงๆก็คือคริส

    “ของมึง!? ใครของมึงอย่ามามั่ว  อี้ชิงเป็นของกู! เป็นเมียกู!!  คริสที่ตอนแรกถูกอี้ชิงกอดแขนเอาไว้ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นโอบกอดไหล่บางให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดแสดงความเป็นเจ้าของแล้ว เซฮุนเห็นแบบนั้นแม้จะแอบหมันไส้แต่ก็ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงพูดต่อไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่ได้คิดอะไร  แต่ในใจกลับร้อนระอุ

    “ถ้าคุณหมายถึงเมียที่เป็นคู่นอนธรรมดาแล้วละก็...หึ อี้ชิงก็เป็นของผมเหมือนกัน  เอ...ถ้าอย่างนั้นอี้ชิงก็ต้องเป็นเมียผมด้วยละสินะ...”

    “ไอ__!! มึง!!  แทบจะทันทีที่คริสพุ่งเข้าไปหาเซฮุน  แต่คราวนี้อี้ชิงไม่ได้ห้ามเอาไว้เพราะมัวแต่งงกับสิ่งที่เซฮุนพูด  เขาไปเป็นของเซฮุนตอนไหน? 

    “เอาสิ! รับความจริงไม่ได้ก็ใช้แต่กำลัง!..อี้ชิง  คุณอยู่กับคนแบบนี้ได้ยังไงกัน..ถ้าเปลี่ยนใจมาอยู่กับผมก็ได้นะครับ..ผมรอ”  แต่คราวนี้เซฮุนไม่ยืนเป็นเป้านิ่งให้คริสเข้ามาทำร้ายได้  แต่เขาก็ไม่ได้สู้กลับเพียงแต่เบี่ยงตัวหลบเฉยๆ

    “กูไม่สนหรอกว่าเมื่อก่อนมึงกับ เมียกู เคยเป็นอะไรกัน แต่ตอนนี้อี้ชิงเป็น เมีย ของกู อ่อ..กูกับอี้ชิงแต่งงานกันแล้วไม่ได้เป็นแบบที่มึงพูด แถมตอนนี้กูกับอี้ชิง เรา ก็มี ลูก ด้วยกันแล้วด้วย จำไว้ เลิกยุ่งกับคนของกูสะ!!  พูดจบก็เดินมาโอบไหล่บางอีกครั้งแต่ไม่ได้โอบอย่างอ่อนโยน  คริสบีบที่หัวไหล่จนอี้ชิงเจ็บแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ แล้วพาเดินออกไปจากห้องน้ำทันที

    “เมียกับลูก?  แต่งงาน? หึ..ร้ายนักนะอี้ชิง..แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ไอ้โหด..

     

     

     

     

     

    “โอ๊ย! คริส!! ฉันเจ็บนะ”  ทันทีที่ออกจากร้านอาหารมาคริสก็เอาแต่เหยียบคันเร่งรถอย่างเดียว ไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ  อี้ชิงเองก็ไม่กล้าที่จะพูดหรือถามอะไรด้วย  พอมาถึงห้องคริสก็จับอี้ชิงโยนลงที่พื้นห้องรับแขกทันที

    “มันเป็นใคร!!?....ฉันถามว่ามันเป็นใคร! อี้ชิง มันเป็นใคร!!!?”  เดินเข้ามาเขย่าไหล่บางแรงๆอย่างเดือด  เขาพยายามแล้วที่จะนั่งคิดมาเงียบๆ คิดว่าจะไม่เชื่อในสิ่งที่เซฮุนบอกเรื่องอี้ชิง  แต่ไม่รู้ว่าทำไมยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห

    “ฮึก! ฉันเจ็บนะคริส ฮือ..ปล่อยก่อนนะ เจ็บ ฮึก”  ทั้งเจ็บทั้งเสียใจ  เขาไม่เคบยเห็นคริสโมโหแบบนี้มาก่อน  แม้ว่าจะเคยทะเลาะกันรุนแรงมาก็มากแต่ขอยอมรับว่าครั้งนี้คริสดูน่ากลัวกว่าทุกๆครั้งหลายพันเท่า

    “มันเป็นใครจาง อี้ชิง! แล้วเรื่องนายที่มันพูดเป็นเรื่องจริงมั้ย!? ตอบมาสิ! ตอบมา!!  ยิ่งพูด ยิ่งถามก็ยิ่งโมโห  ตอนนี้เขาแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาบีบไหล่เล็กนั้นจนจะแหลกคามืออยู่แล้ว  แต่อี้ชิงก็เอาแต่ร้องไห้ส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ

    “ฮือออ ฮึก! คริส เค้าเจ็บ ฮึก เค้าเจ็บ!

    “โธ่เว้ย!!..แค่นายพูดมามันจะอะไรกันนักหนาห๊ะ? อี้ชิง!  หรือว่าเป็นแบบที่มันพูดนายเลยไม่มีอะไรแก้ตัวใช่มั้ย? แล้วเรื่องที่มันจูบนาย นายก็ยอมมันใช่มั้ย? นายยอมให้มันจูบอย่างนั้นใช่มั้ยอี้ชิง!!

     

    เพี๊ยะ!!

     

     

    “ฮึก! ไม่ใช่สักหน่อย ฮือออ นายอย่ามาดุถูกฉันแบบนี้นะคริส!!  ฝ่ามือบางฟาดลงไปที่ใบหน้าของคริสทันที  เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคริสถึงพูดแบบนั้น  เขาอยากจะอธิบายทุกอย่างแต่ก็อยากจะพูดตอนที่คริสใจเย็นลงกว่านี้  เพราะถ้าเขาขืนพูดไปตอนที่คริสโกรธเดี่ยวก็มาหาว่าเขาแก้ตัวอีก

    “ถ้าอย่างนั้นนายก็แก้ตัวมาสิ  อี้ชิง..”  เจ็บ..แต่ไม่ใช่ที่โดนตบแต่เจ็บที่อี้ชิงเอาแต่ร้องไห้ ไม่พูดไม่ตอบคำถามเขาสักคำ  มัวแต่ให้เขาคิดเองเออเองแบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับยอมรับว่ามันเป็นเรื่องจริง

    “ฉันไม่มีอะไรจะแก้ตัวหรอกคริส ฮึก..ฉัน อึก ฉันมีแต่ความจริงที่จะพูด”

    “งั้นก็พูดมา”

    “.อึก!...เขาชื่อ โอ เซฮุน..เขาเป็น..เออ เป็นแฟนเก่า..แต่เราเลิกกันมานานแล้ว..นานมากแล้วด้วย”  ที่ไม่อยากพูดอะไรเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นเพราะเขาไม่อยากจะนึกถึงเรื่องราวเก่าๆที่มันจบลงด้วยความเจ็บปวดของเขา  แต่ถ้าคริสอยากรู้เขาก็จะเล่าให้ฟัง

    “หึ..แฟนเก่าหรือ ผัว เก่ากันแน่..”  ไม่อยากจะพูดแบบนั้นแต่มันก็ห้ามปากที่ไปตามความโมโหไม่ได้เช่นกัน

    “ไม่ใช่นะคริส! อึก..ซะ เซฮุนเขาเป็นแค่แฟนเก่า..เราไม่เคยมีอะไรกันนะ”

    “แต่มันบอกว่ามี!

    “แล้วนายก็เช่นเขาแต่ไม่เชื่อฉัน..ก็ดี ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะไม่พูดอีกแล้ว..นายอยากจะคิดอะไรก็คิดไปเลย”  พูดเพียงเท่านั้นก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนไป  เขาพยายามที่จะอธิบายแต่คริสกลับเลือกที่จะเชื่อคำโกหกของเซฮุน  นี่แหละสงครามที่เซฮุนชอบเล่นและดูเหมือนว่าคริสจะเดินเข้าไปในสงครามแล้วด้วย

     

     

     

     

    “เดินหนีทำไมอี้ชิง?  หมดคำแก้ตัวรึยังไง?”  แต่แทนที่พออี้ชิงเดินเข้ามาแล้วคริสจะอยู่ข้างนอกสงบสติอารมณ์ก่อนแต่คริสกลับเดินตามเข้ามาทันที  เขาไม่มีทางปล่อยให้เรื่องมันค้างคาแบบนี้หรอก  ยังไงสะวันนี้เขาก็ต้องรู้เรื่องจากปากอี้ชิงให้ได้

    “ฉันไม่มีอะไรจะพูดต่างหากในเมื่อนายเชื่อ คนอื่น ไปแล้ว”  ที่จริงตอนนี้เขาอยากจะร้องไห้ให้กับชีวิตตัวเองแต่มันก็จุกไปหมด  ไม่มีแม้แต่น้ำตาจะไหลแล้ว  หมดเรี่ยวแรงที่จะพูดให้กับคนที่ไม่เชื่อเรา

    “งั้นนายก็ตอบมา..นายกับหมอนั่นเลิกกันมานานเท่าไหร่และเพราะอะไร?”  ตอนนี้เขาพยายามใช้น้ำเย็นเข้าพูดเพื่อให้อี้ชิงได้พูดอะไรมากกว่าการเดินหนี   คำพูดของเขาอ่อนลงมาก  ตั้งแต่เขาเห็นน้ำตาของอี้ชิง  ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อเพียงแต่เขาอยากได้ยินจากอี้ชิงชัดๆ

    “...เออ..ก็ประมาณสองสามปีได้..แต่เพราะอะไร..นายอย่ารู้เลย ฉันไม่อยากจำ”  เพราะการที่เขาไม่ลืมมันก็เจ็บมากแล้ว  อย่าให้เขาพูดย้ำเพื่อให้มันมาตอกย้ำอีกเลย

    “ทำไม?..รักฝังใจรึไงอี้ชิง?..หึ”  ยิ่งอี้ชิงไม่พูดเขาก็ยิ่งคิดมากไปเอง  ท่าทางอี้ชิงคงจะจำฝังใจกับความรักครั้งนั้นมาก  เขารู้ว่าอี้ชิงยังจำได้แต่ไม่อยากพูดมันออกมา  เพราะยิ่งพูดมันก็ยิ่งเจ็บและถ้ายังเจ็บอยู่ก็แสดงว่ายังไม่ลืม

    “ไม่ใช่ฝังใจเพียงแค่ไม่อยากพูดถึงมัน..คริส นายอย่าไปเชื่อเรื่องที่เซฮุนพูดนะ เขาโกหก...”

    “เรื่องอะไรล่ะที่ว่าหมอนั่นโกหก?..” ยังไม่ทันที่อี้ชิงจะได้พูดจบประโยคคริสก็หันมาพูดแทรกขึ้นก่อน

    “เรื่องที่เขาบอกว่า..เราเคยมีอะไรกัน  ฉันกับเซฮุนเราไม่เคยมีอะไรกันนะคริส...ฉันมีนายคนเดียว มีนายคนเดียวเท่านั้น”  ไม่พูดเปล่าอี้ชิงยังเข้าไปกอดคริส  ส่งผ่านความรู้สึกให้คนตัวสูงได้รับรู้ความจริงใจที่เขามี  ต่อให้คริสจะว่าจะด่าอะไรเขารับได้หมดเพียงแต่อยากให้คริสเชื่อ..แค่เชื่อความจริงที่เขาพูดก็เพียงพอ

     

     

     

    “ที่นายมีฉันคนเดียวน่ะ..มันตอนนี้อย่างเดียวรึเปล่าอี้ชิง..”  เขาไม่ได้กอดอี้ชิงกลับเพียงแต่ยืนเฉยๆ ซึ่งอี้ชิงเองก็ค่อยๆคลายกอดออกช้าๆเมื่อฟังสิ่งที่คริสพูด...มันหมายความว่ายังไงกันนะ

    “..ฉันไม่เข้าใจ..”

    “ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อนายนะอี้ชิง  แต่สิ่งที่หมอนั่นพูดมันก็น่าคิดเหมือนกัน..”  ตอนนี้อยู่ๆเขาก็นึกถึงเรื่องที่เซฮุนพูดขึ้นมา  ลองมาเรียบเรียงดูมันก็น่าสงสัย 

    “.....”  อี้ชิงไม่ได้พูดอะไร  พูดไม่ออกต่างหาก  เอาแต่ส่ายหน้าไปมา

    “...ถ้าสมมติว่าเรื่องที่เซฮุนพูดว่านายเคยมีอะไรกับมันเมื่อตอนที่ยังเป็นแฟนกันอยู่..มันก็น่าสงสัยเรื่องฟานฟ่าน..”  ที่จริงเขาก็ไม่ได้คิดอย่างที่พูดหรอก  ไม่ได้สงสัยด้วยเพียงแต่ตอนนี้เขาโมโหและก็โกรธอี้ชิงมาก  ไม่ใช่เรื่องที่อี้ชิงเคยมีแฟนแล้วปิดเขา นั่นมันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่เขาโกรธเพราะอี้ชิงปกป้องเซฮุนตอนอยู่ที่ห้องน้ำ และไหนจะยืนเฉยๆให้มันเข้ามาจูบและคำพูดที่พูดคลุมเครือไม่ชัดเจนแบบนี้

    “คริส..นะ นาย..หมายความว่า..” ตอนนี้เหมือนมีใครเอาหินมาทุบหัว  รู้สึกตัวแต่เหมือนว่าด้านชาเหมือนว่าความรู้สึกว่างเปล่า...ที่คริสพูดแบบนี้หมายความว่าไม่เชื่อว่าฟานฟ่านเป็นลูกของเขางั้นเหรอ?  อะไรกัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้?

    “..ฉันรักนายนะอี้ชิง..และฉันก็รักฟานฟ่านมากเหมือนกัน..แต่เรื่องวันนี้มันก็ทำให้ฉันลังเล..ฉันรู้สึกมาตลอดว่าฟานฟ่านคือลูกของฉันแต่บางที...ความรู้สึกอย่างเดียวมันก็ไม่ชัดเจน..ความจริงเป็นสิ่งที่พิสูจน์ทุกอย่างได้ดีที่สุด..”

    “....นายกำลังจะให้ฟานฟ่าน...”

    “ใช่...”

    “.....”

     

     

     

     

     

     

     

     

    “พรุ่งนี้เราจะไปรับฟานฟ่านไปตรวจ DNA..”

     

     

     

     

     

     

    .................................

    TBC.

    แท๊นแทนแท้นนนนนนนนนนนนนนน!!!!!

    มาต่อภาคสองแล้วน้า  ตามที่ใครๆต้องการรรรรรรรรรรรรรรรร (ใครย่ะ??)

    มาต่อแล้วน้าที่ร้ากกกกกกกกกกกกก

    มาอัพให้ 100% แล้วววววววว เย้ๆๆๆๆๆๆๆ

    มีข่าวดีมาบอกกกกกกก  ไรท์เปิดเทอมแล้ววววว เย้ๆๆๆๆ! อาจจะไม่ได้มาอัพถี่ๆบ่อยๆ แต่จะพยายามมาอัพให้ทุกอาทิตย์นะคะตะเองงงงงงงงงงงง

    ยังไงก็อยากให้ติดตามอ่านกันต่อๆไปเด้ออออออ  อย่าทิ้งกันนะคะ กระซิกๆๆๆ

    รองเท้าอย่ามานะ ที่จริงไรท์ก็ไม่อยากให้ดราม่าหรอก แต่เดี๋ยวมันจะซึนๆเกินไป อิอิอิ

    เริ่มมันแว้ววววววว  รอตอนต่อกันนะคร้าบบบบบบบ

    ถ้าเม้นท์เยอะจะรีบมาต่อ อิอิ

    ฝากแชร์ ฝากโหวต และที่สำคัญ

    อย่าลืม  เม้นท์!!!!!!!

    @eiraklay

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×