ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO:KrisLay&Exo] Best Husband

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 57











    Chapter 1

     

     

     

     

    เสียงเพลงรื่นเริงคลอเบาๆพอให้ฟังเสนาะหูดังทั่วตลอดพื้นที่แห่งนี้  พื้นที่ที่ปกติแล้วจะเงียบสงบแต่วันนี้นั้นช่างดูต่างจากทุกๆที  ภาพในโบสถ์แห่งนี้ที่เต็มไปด้วยผู้คน  มีเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจดังระงมไปทั่วแต่ก็ไม่มากจนเกินไปด้วยเพราะยังเคารพต่อสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ซึ่งวันนี้ใช้จัดเป็นพิธีงานแต่งงาน...

     

     

     

    “แบคฮยอน..อยู่นิ่งๆสิ..” ภายในห้องแต่งตัวของว่าที่เจ้าสาวที่กำลังจะกลายมาเป็นเจ้าสาวเต็มตัวภายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เต็มไปด้วยช่างแต่งหน้าและทำผมมากมายที่กำลังจะทยอยออกจากห้องเพราะเสร็จภารกิจของตัวเองแล้ว  แต่ดูเหมือนว่ายังมีคนคนหนึ่งที่ยังคงทำภารกิจของตัวเองไม่เสร็จสักทีและดูเหมือนว่าจะเป็นภารกิจใหญ่เสียด้วยก็เพราะต้องคอยห้ามไม่ให้ว่าที่เจ้าสาวตัวเล็กเดินไปเดินมาจนเหงื่อตกและถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องเรียกช่างแต่งหน้าให้กลับมาอีกครั้ง

    “ก็มันตื่นเต้นนี่อาอี้...โอ๊ย! ตื่นเต้นๆๆๆ! นี่ถามจริงๆเถอะตอนที่นายแต่งงาน นายตื่นเต้นมากมั้ย?” ยิ่งนึกถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าที่เขาจะต้องเขาพิธีแต่งงานกับคนที่เขารักแล้ว  นึกแล้วมันก็ตื่นเต้นจนอดที่จะถามความรู้สึกของเพื่อนตัวขาวไม่ได้ว่างานตอนนั้นรู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า...แต่พอหันไปก็เห็นอี้ชิงหุบยิ้มนิดหน่อยแต่ก็กลับมายิ้มปกติเหมือนเดิม

    “ขอโทษนะอี้ชิงอ่า...คือฉัน..เอ่อ..”  และก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ควรถามไปแบบนั้นเพราะในตอนที่อี้ชิงแต่งงาน อี้ชิงกับคริสยังไม่ได้รักกัน  ส่วนอี้ชิงเองก็ดูออกว่าแบคฮยอนกำลังคิดอะไรอยู่เลยรีบบอกออกไป

    “นี่ไม่เป็นอะไรหรอก  เรื่องนั้นมันผ่านมาตั้งนานแล้วอย่าคิดมาก...ตอนนั้นน่ะเหรอ อืม...ก็ตื่นเต้นนะ  แม้ว่าตอนนั้น...ฉันจะแต่งงานกับคริสทั้งๆที่รู้ว่าคริสไม่ได้รักฉัน ฮึ แถมเกลียดขี้หน้าอีกต่างหาก  แต่ฉันก็อดที่จะตื่นเต้นและดีใจไม่ได้เลย...”  เมื่อนึกถึงตอนนั้นทีไรเขาก็อดที่จะยิ้มไม่ได้  อย่างที่บอกแบคฮยอนไป แม้ว่าตอนนั้นทั้งเขาและคริสจะถูกคุณนายอู๋บังคับให้แต่งงานกันทั้งๆที่ไม่ได้รักกันสักนิดเดียวแถมตอนนั้นคริสยังเกลียดแสนเกลียดเขาอีกต่างหากแต่อี้ชิงก็ยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้ดี  ตอนนั้นเขาทั้งตื่นเต้น ดีใจและมีความสุขมาก..มากจริงๆ

     

     

     

     

     

    “ไอคริสๆๆๆๆ....ไอคริสเพื่อนรัก  กูตื่นเต้นว่ะ  ทำไงดีวะ  ตอนนั้นที่มึงแต่งงานกับอี้ชิงมึงตื่นเต้นป่ะ?”  ทางด้านฝ่ายว่าที่เจ้าบ่าวก็ดูจะวุ่นวายไม่แพ้กัน  ก็ว่าที่เจ้าบ่าวนั้นก็ตื่นเต้นไม่น้อยไปกว่าว่าที่เจ้าสาวเลย  หลังจากแต่งตัวเสร็จก็เอาแต่เดินไปเดินมา  พลางข้อมือก็ยกขึ้นมาดูนาฬิกาว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาเริ่มพิธีสักที  ตื่นเต้นจนจะลืมบทพูดที่เตรียมไว้หมดแล้ว  หันไปถามเพื่อนตัวสูงที่หลังจากเดินออกจากห้องไปอุ้มลูกจากอี้ชิงแล้วกลับเข้ามาก็เอาแต่เล่นกับลูกไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด

    “ตอนนั้นไม่...”  คริสชะงักไปเล็กน้อยกับคำถามนั้น  ก็เพราะว่ามันเป็นคำถามที่แทงใจเขามากเลยนะสิ  ตอนนั้นเขาโง่ที่ไม่ได้รักอี้ชิง  ยอมแต่งงานกับอี้ชิงเพราะสมบัติทั้งๆที่ไม่ได้เต็มใจเลยสักนิดเดียว  เขายังจำมันได้ดีว่าตอนนั้นเขาร้ายกาจกับอี้ชิงยังไงบ้าง  ถึงตอนนี้ถ้าเขาย้อนเวลากลับไปได้  เขาจะรักอี้ชิงตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้า  เขาจะพูดดีไม่ทำตัวแย่ๆกับอี้ชิงเด็ดขาด  แต่ก็รู้ว่าทำแบบนั้นไม่ได้...แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรอีกแล้วในเมื่อตอนนี้เขารักอี้ชิงม้ากมาก เพียงแค่ความรักที่เขาสองคนมอบให้กันและกัน  อดีตก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

    “เออ...คือ..เฮ้ย! ถึงเวลาแล้ว เราออกไปที่ลานพิธีกันดีกว่า”  ชานยอลเองก็พึ่งนึกขึ้นได้เมื่อฟังคำตอบจากคริสก็ถึงกับไปไม่เป็นเหมือนกัน  ก็เลือกที่จะยกข้อมือขึ้นมามองนาฬิกาอีกครั้งก็ได้เวลาที่เขาจะได้เข้าพิธีกับคนที่เขารักแล้ว

     

     

     

     

    ตอนนี้ที่หน้าแท่นพิธีมีร่างสูงของเจ้าบ่าว ปาร์ค ชานยอล ยืนอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีขาวบริสุทธิ์ บนใบหน้าเปื้อนยิ้ม ดวงตากลมโตมองตรงไปข้างหน้าด้วยแววตาที่ดูมีประกายแวววาว  ทอดมองเจ้าสาวแสนสวยของตนเองที่กำลังค่อยๆเดินผ่านเก้าอี้ที่เรียงรายของแขกผู้ร่วมงาน  จุดหมายของเจ้าสาว พยอน แบคฮยอนก็คือแท่นพิธีข้างหน้าที่มีคนที่รักสุดหัวใจยืนมองเขาด้วยรอยยิ้ม  รอยยิ้มที่เขาเคยบอกว่าเกลียดหนักหนาเพราะเจ้าตัวชอบไปยิ้มแบบนี้ให้กับคนอื่นๆ  แต่หลังจากเสร็จสิ้นพิธีนี้เป็นต้นไป  รอยยิ้มนี้จะมีเพียงเขาเท่านั้นที่เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว

    “วันนี้คุณสวยจังเลย”  ชานยอลที่ยื่นมือออกไปรับมือบางของแบคฮยอนเพื่อให้มายืนเคียงข้างกันหน้าพิธีอันศักดิ์สิทธิ์นี้เอ่ยขึ้น  พลางสายตาก็ไม่ได้ละไปจากใบหน้าของคนรักแม้แต่สักวินาทีเดียว

    “ฉันยอมนายวันหนึ่งนะที่บอกว่าสวยอ่ะ...นายก็..หล่อไม่เบา”  ที่พูดไปแบบนั้นใช่ว่าจะโกรธจริงจังอะไร  แต่ที่พูดไปเพราะแก้เขินต่างหาก  แค่เขาเดินออกมาที่ลานพิธีแล้วมีแต่คนมองเขาเป็นตาเดียวก็อายจะแย่  แล้วดูสายตาที่ชานยอลมองสิ  มัน..เหมือนจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัวอย่างนั้นแหละ

    “คุณสวยมากจริงๆ..จนผมอยากให้ถึงเวลาส่งตัวเข้าหอแล้วสิ..”  เขาเองก็อยากจะบ้าตาย  ไม่รู้ว่าทำไมนับวันๆแบคฮยอนของเขาถึงน่ารักขึ้นเรื่อยๆ  แต่เพราะคำพูดนั้นทำให้คนตัวเล็กทีเขินเข้าไปใหญ่ฟาดมือมาทีแขนของคนรักทันที

    “ยอลบ้า!..”

     


     

     

    “คุณปาร์ค ชานยอล คุณพยอน แบคฮยอน ท่านทั้งสองมาที่นี่โดยไม่ได้ถูกบังคับ แต่มาด้วยความ สมัครใจอย่างแท้จริง เพื่อเข้าพิธีสมรสหรือ ?

    “ครับ/ครับ”

    “เมื่อเข้าสู่พิธีสมรสเช่นนี้แล้วท่านทั้งสองพร้อมที่จะรักและยกย่องให้เกียรติแก่กันและกันจน ตลอดชีวิตหรือ?

    “ครับ/ครับ”

    “ท่านทั้งสองพร้อมที่จะน้อมรับบุตร ซึ่งพระเป็นเจ้าจะประทานให้ อบรมเลี้ยงดู ตามกฎของ พระคริสตเจ้า และพระศาสนจักรหรือ ?

    “ครับ/....” ต่างจากทุกครั้งที่ทั้งชานยอลและแบคฮยอนจะตอบรับพร้อมกัน แต่ครั้งนี้มีเพียงเสียงของแบคฮยอนเพียงคนเดียวที่ตอบกลับ  เกิดเสียงฮือฮาขึ้นเล็กน้อย  แบคฮยอนหันไปมองหน้าชานยอลด้วยแววตาที่สงสัย  ชานยอลยังคงยืนมองไปข้างหน้าเหมือนเดิมก่อนจะค่อยๆหันมามองหน้าแบคฮยอน  เงียบเพียงอึดใจแต่เหมือนนานแสนนานสำหรับแบคฮยอนกว่าที่ชานยอลจะตอบรับออกมา

    “...ครับ”

    “โดยที่ท่านทั้งสองมีเจตจำนงที่จะสมรสกัน ขอให้ท่านจับมือขวาของกันและกันและแสดง ความสมัครใจ ต่อหน้าพระเป็นเจ้า และพระศาสนจักรของพระองค์ คู่บ่าวสาวจับมือขวาของกันและกัน ต่อจากนั้นเจ้าบ่าวกล่าวแสดความสมัครใจ”

    “ ผมปาร์ค ชานยอล ขอรับคุณพยอน แบคฮยอน เป็นภรรยา และขอสัญญาว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อคุณ ทั้งในยามสุข และยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่”

    “ ผมพยอน แบคฮยอน ขอรับคุณปาร์ค ชานยอล เป็นสะ เออ..สะ สามี และขอสัญญาว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อคุณ ทั้งในยามสุข และยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่”

    “ความสมัครใจที่ท่านทั้งสองได้แสดงต่อหน้าพระศาสนจักรนี้ ขอพระเจ้าทรงพระเมตตา ทะนุบำรุงให้เข้มแข็ง และประทานพระพรแก่ท่านทั้งสองอย่างอุดมสมบูรณ์เทอญ สิ่งที่พระ เจ้าได้รวมไว้ให้ชิดสนิทกัน มนุษย์อย่าแยกออกจากกันเลย”
              “อาแมน”

     

     

     

     

    เมื่อเสร็จสิ้นพิธีให้คำมั่นสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าแล้ว ก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยรวมทั้งตัวเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเอง  เมื่อพูดจบบาทหลวงก็ได้บอกให้เจ้าบ่าวสวมแหวนให้กับเจ้าสาว  และเจ้าสาวก็สวมแหวนให้กับเจ้าบ่าวและปิดท้ายด้วยการมอบจุมพิตซึ่งกันและกัน

    ชานยอลค่อยๆเชยคางเรียวของแบคฮยอนขึ้นมา  มองสบประสานในตาสื่อความหมายแทนใจมากมาย ซึ่งแบคฮยอนเองก็ทำเช่นเดียวกัน  เอื้อมแขนมารั้งคอเรียวเอาไว้ก่อนที่สองใบหน้าจะค่อยๆเคลื่อนเข้ามาหากันช้าๆและในที่สุดริมฝีปากทั้งสองก็ประกบแนบกัน  เสียงปรบมือแสดงความยินดีดังสะหนั่นขึ้นทันทีพร้อมเสียงเฮแสดงความดีใจกับคู่รักทั้งคู่ 

    “ผมรักคุณที่สุดแบคฮยอน”  เมื่อผละริมฝีปากออกก็ไม่รอช้าพูดบอกความในใจให้อีกคนได้รับรู้อีกครั้ง เขารักแบคฮยอนมากที่สุดเท่าที่ชีวิตของเขาสามารถรักใครได้  ดวงใจทั้งหมดที่มีเขายกให้แบคฮยอนคนนี้ได้ทั้งหมดอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ

    “ฉันก็รักนายชานยอล” และเขาเองก็เช่นกัน  เขาไม่เคยคิดว่าชีวิตคู่มันจะมีความสุขมากขนาดนี้  เขาไม่เคยรู้ว่าการมีความรักมันสุขมากมายขนาดนี้  และที่รู้ๆ..เขาสามารถรับรู้ได้ว่าการที่ได้อยู่กับคนที่เรารักและเขาก็รักเรามันมีความสุขมากมายเหนือสิ่งอื่นใด

     

     

     

     

    “อ้าวๆๆ เจ้าสาว นี่ถ้าจะหวานกันนะรอเข้าหอก็ได้  ตอนนี้มันได้เวลาโยนช่อดอกไม้แล้วววว ฮิ้ววว”  เพื่อนเจ้าสาวของแบคฮยอนคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาเพื่อนหวังจะขัดจังหวะคู่บ่าวสาวที่หวานกันไม่แคร์สื่อ และยิ่งไม่แคร์คนไร้คู่นี่สิมันน่าหมันไส้  แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นการเรียกความสนใจจากสาวโสดภายในงานได้เป็นอย่างดี  แบคฮยอนเองก็ได้แต่เขินแต่ก็พอเป็นพิธี เมื่อเห็นว่ามีสาวๆหนุ่มๆที่ครองสถานะโสดมายืนรอข้างหน้าแท่นพิธีใบหน้าคมสวยก็ยกยิ้มทันที

    “โอเคๆๆ..นี่ ถ้าใครได้ช่อดอกไม้ช่อนี้ไปนะ..ฉันขอให้ได้แต่งงานต่อจากฉันทันที”  สิ้นเสียงของแบบคฮยอนเหล่าคนโสดที่ยืนรอรับดอกไม้ก็เฮกันอย่างดีใจ

    “โยนเลยแบคฮยอน”  ชานยอลเดินเข้ามายืนข้างๆคนรักพร้อมก้มลงมากระซิบข้างหูเรียกคะแนนความอิจฉาให้พุ่งปรี๊ดทันที

    “อื้ม โยนด้วยกันสิ”  แบคฮยอนหันไปพยักหน้าพร้อมยื่นมือที่ถือช่อดอกไม้ไปให้ชานยอลจับเอาไว้ด้วยกัน

    “จะโยนแล้วน้า... 1…2…3!  ช่อดอกไม้ที่หลุดออกจากมือของทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวได้ลอยระริ้ว  ดั่งภาพที่สโลว์โมชั่นช้าๆ  ทุกสายตาจับจ้องไปที่ช่อดอกไม้ที่ลอยเลยผ่านกลุ่มคนโสดที่ยืนรอรับอยู่หน้าแท่นพีธี...และสุดท้ายเจ้าช่อดอกไม้เจ้าปัญหาก็เลือกเจ้าของแล้ว...มันลอยไปตกอยู่ข้างหน้าแขกผู้ร่วมงานคนหนึ่งที่ยืนอยู่เฉยๆและไม่ได้หวังที่จะรับมัน...

     

     

     

     

    ช่อดอกไม่ที่ชานยอลและแบคฮยอนโยนมามันลอยมาตกอยู่ที่พื้นตรงหน้าที่คิม จงอิน ยืนอยู่อย่างพอดี  ทุกสายตาจับจ้องมาที่คนผิวเข้มที่ยังยืนงงอยู่แบบนั้น  เขาไม่ได้อยากรับมันสักหน่อย

    “ว้าว..ดอกไม้มันอยากให้คุณรับน่ะครับฮ่ะๆ” อี้ชิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากจงอินเท่าไหร่เอ่ยแซวขึ้น  คนที่ถูกแซวก็ได้แต่เกาท้ายทอยเขินตามสไตล์  พร้อมๆกับย่อตัวลงเพื่อหยิบช่อดอกไม้ขึ้นมาช้าๆ 

    “คือ..เอ่อ  แล้วผมต้องทำยังไงกับมันครับ?”  เอ่ยถามออกมาเพราะไม่รู้จริงๆ แต่ก็เรียกเสียงหัวเราะจากคนที่ได้ยินได้ไม่ยาก  ที่หัวเราะก็เพราะว่าเอ็นดูกับความใสซื่อของคนคนนี้ต่างหาก

    “สงสัยว่าคุณจงอินต้องแต่งงานเป็นคู่ต่อไปแล้วมั้ง” 

    “แต่ผมยังไม่มีแฟนเลยนะ”  ปากก็พูดออกไปแบบนั้นแต่สายตากลับไม่ได้มองไปที่คู่สนทนาอย่างอี้ชิงแต่กลับมองไปที่คนตัวเล็กที่ยืนอยู่ใกล้ๆเขาแทน  ไม่ต้องรอให้สมองได้คิดนาน  สองขายาวก็พาร่างสูงเดินเข้าไปหาเป้าหมายทันที

    “อะ..อะไร?”  โด คยองซู เอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงที่ไม่มั่นใจนักเมื่อจงอินที่อยู่ๆก็เดินเข้ามาหาพร้อมยื่นช่อดอกไม้ให้  เขาอุตส่าห์ยืนเงียบๆแล้วนะ

    “ผมให้”  พูดเพียงเท่านั้นก็จับมืออีกคนให้มารับช่อดอกไม้ที่เขายื่นให้  กลายเป็นว่าเป็นการยัดเหยียดให้สะอย่างนั้น

    “มาให้ฉันทำไมเล่า! นายได้ฉันไม่ได้ได้.”  เอ่ยเสียงดุแต่เบาๆเพื่อให้ได้ยินเพียงสองคน  เพราะตอนนี้ทั้งเขาและจงอินได้กลายเป็นเป้าสายตาของคนทั้งงานแล้ว สองขากำลังจะเดินหนีแต่ก็ถูกรั้งไว้ด้วยแขนแกร่ง  จงอินจับคยองซูให้หมุนหันหน้ามาคุยกัน

    “ก็เพราะว่าผมได้ไงผมถึงให้คุณ  ก็ผมยังไม่มีคู่ได้ไปก็ไม่ได้แต่งงานอยู่ดี ดังนั้น...ถ้าจะได้แต่งผมต้องเอามาให้คุณด้วย..”  สิ้นเสียงพูดของจงอินก็เกิดเสียงเฮขึ้นทันที

    “เฮ!

    “บ้าหรือไง!  พูดจบก็เดินหนีไปอีกทางแต่ก็ไม่ลืมที่จะถือดอกไม้ช่อเดิมไปด้วย

     

     

     

     

     

     

     

    “อี้ชิงอ่า..เหนื่อยมั้ยครับ?”  เมื่อเสร็จสิ้นพิธีมงคลแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้าย  ส่วนงานฉลองคู่บ่าวสาวเขาขอไปฉลองกันแค่สองคน ส่วนอี้ชิงกับคริสเมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรแล้วก็กลับบ้านเหมือนกัน  เพราะดูท่าฟานฟ่านจะงอแงแล้ว

    “ไม่เลย  นายละเหนื่อยหรือเปล่า  ไปช่วยงานชานยอลตั้งหลายวันหืม?”  ส่ายหน้าน้อยๆเป็นคำตอบแต่ก็ไม่ลืมที่จะถามอีกคน  คริสน่ะ ไปช่วยเรื่องการจัดงานกับชานยอลตั้งหลายวันก่อนวันงาน ดูก็รู้ว่าเหนื่อยมาก ไหนจะต้องสะสางเรื่องงานที่บริษัทอีก ไหนจะต้องมาแกล้งปั้นหน้าเหมือนคนไม่เหนื่อยเล่นกับลูกอีก  แต่ก็หลอกเขาไม่ได้หรอก  ส่วนเขาเองไม่ค่อยได้ช่วยงานเท่าไหร่  ส่วนมากก็ช่วยดูความเรียบร้อยเล็กๆน้อยเท่านั้น

    “ไม่เลยครับ  ฟอดดด! แค่นี้ก็หายเหนื่อยแล้ว” ส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะก้มลงขโมยความหอมจากแก้มเนียนของคนรัก และไม่ลืมที่จะทำแบบเดียงกันกับลูกสาวที่นอนหลับเพราะความเหนื่อยอยู่ในอ้อมกอดมะม๊า

    “นายไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวฉันพาลูกไปนอนก่อน”  เอ่ยปากบอกให้อีกคนไปอาบน้ำจะได้มานอนพักผ่อนสะบ้าง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายแล้วเมื่อปะป๊าตัวโตเกิดอาการอ้อนขึ้นมาอีก

    “อี้ชิงอ่า..อาบพร้อมกันนะ..อาบด้วยกันนะ นะนะน้า..นะครับ ที่ร้ากกกก..”  เดินเข้ามาสวมกอดอีกคนจากด้านหลัง  วางคางไว้บนไหล่มอย่าออดอ้อน

    “ไม่เอาหรอก!  ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวจะพาฟานฟ่านไปนอน..คริส! ไป-อาบ-น้ำ”  ยื่นคำขาดถ้าเป็นปกติคริสคงจะวิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำแทบไม่ทันแน่  แต่วันนี้เขาขอดื้อสักหน่อย  เหนื่อยมาตั้งหลายวันแล้ว  กลับบ้านมาก็แทบจะไม่มีแรงทำอะไร  ไหนๆวันนี้ก็เสร็จสิ้นงานแต่งเพื่อนหูกางแล้ว ขอรางวัลหน่อยแล้วกัน

    “แต่ฉันจะเอา! ไป-อาบ-น้ำ พร้อมกัน เดี๋ยว-นี้!

     

     

     

     

    “นี่คริส! ทำอะไรน่ะ?!  และสุดท้ายอี้ชิงก็ต้องเขามาอาบน้ำพร้อมคริสจนได้ อุตส่าห์ถ่วงเวลาด้วยการอ้างว่าจะกล่อมลูกแต่คนตัวสูงเอาแต่ใจก็นอนรอสะอย่างนั้น  สุดท้ายก็เป็นอี้ชิงเองที่ทนไม่ไหวยอมทำตามที่อีกคนบอก  แต่ก็เหมือนคิดผิดถนัด..

    “เอ้า..ก็ถอดเสื้อผ้านิครับ..ถามได้”  ตอบอีกคนเสร็จก็ถอดเสื้อออกและขณะที่จะปลดซิบกางเกงอี้ชิงก็ขัดขึ้นก่อน  เขารู้หรอกว่าที่อี้ชิงถามเพราะว่าอาย.

    “เดี๋ยว! เออ..เดี๋ยวๆๆก่อนนะ แฮะๆ คือ..เออ คือ..งั้นนายอาบไปก่อนเลยนะเดี๋ยวฉันอาบทีหลังก็ได้”  เกือบเอ่ยปากห้ามไม่ทันพลางที่พูดไปก็ไม่ได้หันหน้ามามอง  สองขากำลังจะก้าวออกจาห้องน้ำแต่ก็เหมือนว่าจะหนีไม่พ้นพญามัจจุราตที่วิ่งมาขวางทางประตู ไม่พอยังหันไปล็อคเสร็จสัพ

    “ไม่ได้..อาบพร้อมกันนี่แหละ..เอ้า นายเองก็ถอดเสื้อผ้าได้แล้ว..เอ..หรือจะให้ฉันช่วยถอดก็ได้นะ”  ไวเท่าความคิดเมื่อคริสเอื้อมมือมาถกชายเสื้ออี้ชิงขึ้นทันที

    “เดี๋ยว! คริส!

    “จะอายอะไร  ของนายน่ะ...ฉันเห็นมาผมทุกซอกทุกมุมแล้ว..หึหึหึ”   พูดจบก็อาศัยจังหวะที่อี้ชิงมัวแต่อึ้งงงอยู่นั้นจัดการถอดเสื้อผ้าของคนตัวขาวออกทันทีโดยที่ใช้เวลาเพียงแปบเดียวเท่านั้น  เขาเองก็อดที่จะขำกับท่าทางน่ารักๆของอี้ชิงไม่ได้  เขารู้หรอกว่าอี้ชิงอายแต่ยิ่งเห็นแบบนั้นเขาก็ยิ่งอยากแกล้ง  ส่วนอี้ชิงเองพอได้ยินคำพูดของคริสก็เหมือนถูกดึงวิญญาณออกจากร่าง  แต่พอมารู้ตัวอีกทีตัวเองก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไร้สิ่งปกคลุมแล้ว

     

     

     

     

    “อาบน้ำกันเถอะอี้ชิงที่รักของฟานนนน..” อี้ชิงหันไปตามเสียงเรียกที่คริสนอนแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  กวักมือเรียกให้เขาเดินไปหา  เอาตามตรง  ตอนนี้เขาทั้งเขินทั้งอายไปหมดแล้ว  แต่ก็อย่างที่คริสว่า  ของเขาคริสก็เห็นมาหมดแล้ว...ส่วนของคริส..เขาก็เห็นมาหมดแล้วเช่นกัน..จะอายอะไร..เออ..เนอะ

    “นายมันโรคจิต!” ว่าไปอย่างนั้นแต่ก็ยอมเดินลงมาในอ่างตามที่อีกคนเรียก  คริสให้อี้ชิงนั่งอยู่ข้างหน้าเขาโดยที่เขาโอบกอดอี้ชิงไว้จากด้านหลัง

    “ฉันถูหลังให้นะ..”  เมื่อคนตัวขาวพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงอนุญาต คริสก็ไม่รอช้าเอื้อมไปหยิบสบู่ขึ้นมาและค่อยๆถูเบาๆที่แผ่นหลังขาวเนียน ทันทีที่ฝ่ามือสัมผัสกับแผ่นหลังนั้นเขาก็แทบที่จะห้ามอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่อยู่แต่ก็พยายามที่จะสงบสติอารมณ์ให้ได้มากที่สุด  พลางก็บอกกับตัวเองในใจว่า ไม่..ยังไม่ใช่ตอนนี้..ยังก่อน..ยัง...

    “เป็นอะไรรึเปล่าคริส?”  อี้ชิงเองก็อดที่จะขนลุกไม่ได้  เขาเป็นคนที่สัมผัสไวมาก  แค่มีอะไรมาถูกที่ตัวก็ขนลุกแล้ว  แต่เมื่อเห็นว่าคริสหยุดถูหลังไปเสียดื้อๆก็หันหน้ามาด้านข้างเล็กน้อยเพื่อนถาม

    “เอ่อ..เออ..คะ คือ..ปะ เปล่าจ่ะ..ฮึ่ม!  ตอบกลับไปพร้อมเสียงตะกุกตะกัก 

     

     

     

    “มา..เดี๋ยวฉันถูหลังให้นายบ้างดีกว่า..หันหลังเร็ว”  เมื่อได้ยินอี้ชิงพูดแบบนั้นคริสยิ่งอยากจะกัดลิ้นตัวเองตาย  แค่เขาเป็นฝ่ายสัมผัสอี้ชิงเองเขายังคลั่งขนาดนี้แล้วถ้าอี้ชิงมาเป็นฝ่ายสัมผัสเขา...เขาคิดว่าอี้ชิงไม่รอดแน่

    “โอเค”  หันหลังให้อีกคนได้ถูหลังถนัดๆ และก็เป็นดังที่ใจนึกเมื่อทันที่อี้ชิงวางมือมาที่แผ่นหลังเขาเส้นอารมณ์ความอดทนของเขาก็ขาดสะบั้น  ให้ตายเถอะทำไมเขาถึงได้กระหายในตัวของอี้ชิงขนาดนี้  เพียงแค่ได้สัมผัสซึ่งกันและกันมันก็ทำให้เขายิ่งต้องการในตัวอี้ชิงเพิ่มขึ้นไปอีก  ไม่ใช่ว่าเขาบ้ากามนะ  เพียงแต่เขาเป็นแบบนี้กับอี้ชิงเพียงคนเดียว  กับคนอื่นเขาไม่เคยรู้สึกด้วย  แต่กับอี้ชิงคนนี้เพียงได้เห็นหน้า  เพียงลมหายใจใกล้กันความอดทนของเขาก็ไม่มีเหลืออีกต่อไป

    “คริส! ทำอะไรน่ะ..อ๊ะ!  กำลังถูแผ่นหลังกว้างอยู่ดีๆ  อยู่ๆคนตรงหน้าก็หันมาอย่างเร็วทำให้อี้ชิงต้องถอยหลังเล็กน้อยด้วยสัญชาตญาณและก็ดูเหมือนว่าการกระทำของเขาจะเป็นต่อกับคริสมากเสียด้วย  เพราะพอเขาเอนหลังหลบก็ทำให้เสียหลักล้มหงายหลังจนแผ่นหลังเปล่าเปลือยติดอยู่ขอบอ่างและก็เป็นโอกาสที่คริสขึ้นมาคร่อมอยู่บนตัวอี้ชิง

    “อี้ชิงอ่า  นายรู้มั้ยว่านายน่ารักมากเลย..โดยเฉพาะในสภาพแบบนี้”  ตอนนี้บอกตามตรงว่าเขาไม่สามารถควบคุมสติตัวเองได้อีกแล้ว และโดยเฉพาะตอนนี้ที่เขาอยู่บนตัวอี้ชิงเขาสามารถที่จะเห็นอะไรต่อมิอะไรของคนตัวขาวไปหมดทุกอย่างและโดยเฉพาะสีหน้าที่ขึ้นเสียแดงระเรื่อยาวมาถึงลำคอนั้นก็ยิ่งเซ็กซี่และน่ารักไปในคราเดียวกัน

     

     

     

    “นี่เดี๊ยว! เออ ไหนบอกว่าจะมาอาบน้ำไง?”  ก่อนที่จมูกโด่งจะซุกไซร้ไปมากกว่านี้อี้ชิงที่ตอนนี้ร้อนไปหมดจากการกระทำของคนตัวสูงก็เอ่ยปากถามขึ้นมา 

    “เดี๋ยวค่อยอาบทีเดียวตอนเสร็จเลยละกัน”  พูดทั้งๆที่ยังฝังหน้าอยู่ที่ซอกคอขาว  สูดดมความหอมหวานจากอีกคน  ซุกไซร้จมูกโด่งขึ้นมาที่ใบหู ลงมาที่ซอกคอและไม่ลืมที่จะฝากรอยรักเอาไว้

    “อะ..อ๊ะ!  เสียงหวานเผลอครางออกมาอย่างลืมตัวพร้อมๆกับแขนที่ตอนนี้โอบลอบลำคอแกร่งแล้วเรียบร้อย

    “รัก..รักมากจริงๆนะอี้ชิง..เป็นของฉันอีกครั้งนะครับ  ที่รัก”

    “อะ..อื้ม..อืมมม”

     

     

     
     

     

    กล้องแพลนไปที่ขวดสบู่...คัท!

     

     

     

     


     

     

    หลังจากเสร็จสิ้นพิธีในตอนเช้าแล้วก็เป็นเวลาฉลองแบบส่วนตัวของเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่เลือกมาฉลองที่บ้านของชานยอลซึ่งกลายเป็นเรือนหอของทังคู่ไปแล้วเรียบร้อย

    ฟอดดด!  มายืนทำอะไรคนเดียวตรงนี้ครับ?...ที่รัก”  ที่จริงวันนี้เขาสองคนควรจะออกไปฉลองที่ไหนสักที่  แต่ก็เลือกที่จะไม่ไปเพราะว่าจะไปฉลองวันไปฮันนีมูนเลยทีเดียว 

    “อ๊ะ! ตกใจหมดเลย” แบคฮยอนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อกำลังยืนสูดอากาศยามค่ำคืนอยู่พร้อมคิดอะไรเพลินๆ จู่ๆคนที่ได้ชื่อว่าเป็น สามี ก็เข้ามาโอบกอดเอวบางพร้อมกับฝังจมูกโด่งลงบนพวงแก้มโดยไม่ให้สุ่มให้เสียง แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมยังจับมือหนาที่โอบกอดและประสานกันอยู่ที่เอวตัวเอง

    “เหนื่อยมั้ยครับ?”  พูดไปพลางก็ซุกไซร้จมูกโด่งที่ซอกคอขาวไปพลางแต่ไม่ได้มีการลุกล้ำอะไรเพียงแต่ต้องการจะสูดดมกลิ่นกายของคนรักก็เท่านั้น

    “นิดหน่อย..แล้วนายล่ะ? ไหนดูสิ..โห หน้าโซมจังเลย เหนื่อยมากมั้ยหืม?” สั่นหัวปฏิเสธเบาๆ  ถามกลับโดยการหันมามองหน้าคนตัวสูง  สองมือบางจับประคองใบหน้าหล่อเหลาจับหันไปมาอย่างสำรวจ  เขารู้ว่าชานยอลเหนื่อยมากเพราะต้องจัดการเรื่องานแต่งทั้งๆที่เขาก็บอกแล้วว่าช่วยได้ๆแต่ชานยอลก็ไม่ฟัง  ไม่ยอมให้เขาทำอะไรเลยนอกจากเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวที่น่ารัก  แล้วไหนจะต้องทำงานที่โรงพยาบาลอีก

    “เหนื่อยมากเลยคร้าบ..ขอรางวัลหน่อยสิ”  เมื่อเห็นสีหน้าเป็นห่วงจับใจของคนตัวเล็กข้างหน้าก็ไม่รอช้ารีบออดอ้อนทันที  ที่จริงก็เหนื่อยอย่างที่บอกพูดจริงๆนั่นแหละ  แต่ถ้าผลรับของการเหนื่อยคือแบคฮยอน...เขาก็ยอมเหนื่อยทั้งชีวิต

    จุ๊บ! หายเหนื่อยๆ เพี้ยง!” เมื่อเห็นว่าคนรักตรงหน้าทำสีหน้าออดอ้อนเสียเหลือเกินก็อดไม่ได้ที่จะมอบจูบเป็นรางวัล  แต่ดูเหมือนว่าชานยอลที่ถูกจูบแบบนั้นจะไม่ได้คิดเพียงแค่เป็นรางวัลแล้ว...แบคฮยอนน่ารักเกินไปแล้ว

    “ทำแบบนี้..อย่าหวังว่าจะรอด พยอน แบคฮยอน”

     

     

     

    ทันทีที่พูดจบก็ไม่รอให้อีกคนได้สติหรือได้ตั้งตัวก็อุ้มอีกคนเดินเข้ามาในห้องทันที  ค่อยๆบรรจงวางคนตัวเล็กลงบนเตียงนอน  และทันทีที่หลังถึงพื้นเตียงชานยอลก็ไม่รอช้ารีบขึ้นไปคร่อมอีกคนทันที

    “ยะ ยอล..จะทำอะไร?”  ใช่ว่าจะไม่รู้สึกตัว  เพียงแต่เขากำลังงง..และตื่นเต้น  เขารู้อยู่หรอกว่าคืนวันส่งเข้าหอจะต้องทำอะไร  ไม่ได้ไร้เดียงสาอินโนเซ้นขนาดนั้น...ก็คนมันไม่เคย  ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรหนิ

    “ได้เวลาเข้าหอแล้ว...คนดี” พูดจบก็ไม่รอช้าประกบริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากบาง  ไม่ได้เร่งรัดหรือรุนแรงแต่อย่างใด  แต่เป็นจูบที่อ่อนโยน  โหยหา  ต้องการที่เปรี่ยมไปด้วยความรัก

    “ดะ เดี๋ยว..อืม..ชะ ชานยอล..เดี๋ยวนะเดี๋ยว..”  ก่อนที่ชานยอลจะถอดเสื้อของแบคฮยอนออก  แบคฮยอนก็รีบร้องห้ามก่อน  ไม่ใช่อะไรเพียงแต่..

    “ทำไมครับ?..หรือว่าแบคยังไม่พร้อม?..ถ้าแบคยังไม่พร้อมยอลก็จะไม่..”  แม้จะนึกเสียดาย  กำลังจะแล้วเชียวแต่ก็ถูกขัดเสียก่อนแต่ชานยอลก็เข้าใจดี  เขาคิดอยู่เสมอมาจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังคงคิดแบบเดิมว่าถ้าแบคฮยอนยังไม่พร้อมเรื่องนั้น...เขาก็จะไม่ทำมัน  เขาจะรอวันที่แบคฮยอนพร้อมและยอมมอบให้เขาอย่างเต็มใจ แต่ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะได้เอ่ยอะไรไปได้จบประโยคก็ต้องเปลี่ยนจากการบึ้งตึงเป็นยกยิ้มทันทีกับคำพูดที่น่ารักของคนใต้ร่าง

    “ไม่ใช่..เอ่อ..คือ..ฉันแค่กลัวเจ็บอ่ะ..เพียงแค่จะบอกว่า...เบาๆหน่อยนะ”  พูดไปก็เขินไป  อยากจะมุดผ้าห่มหนีแต่ก็ทำไม่ได้  ก็มันครั้งแรกหนิก็ต้องกลัวเจ็บเป็นธรรมดา  ไอเรื่องความบริสุทธิ์เนี่ยเขาไม่หวงแล้ว...ถ้ากับคนตรงหน้าคนนี้ที่เขารักสุดหัวใจ..เขายอมมอบมันให้อย่างเต็มใจ

    “โอเคครับ! ยอลจะเบาๆที่สุดเลยนะ...รักนะครับ”  พูดจบก็ไม่รอช้า...ได้เวลาเริ่มบทรักกันแล้วสินะ

     

     

     

     

    แสงสว่างสอดส่องเข้ามาในห้องนอนไม่ได้มีผลทำให้ร่างเล็กบนเตียงที่กำลังนอนซุกอกแกร่งของคนรักได้รู้สึกตัวตื่นเลยแม้แต่นิดเดียว...ก็แหม  เมื่อคืนที่ให้ชานยอลทำเบาๆมันก็เบาจริงแหละแต่...แบคฮยอนเองก็พึ่งจะรู้ว่าที่จริงแล้วชานยอลก็เป็นคนที่โลภมากจริงๆ  พูดเอาแต่ได้ตลอดจนต้องเหนื่อยกันยันเช้า  กว่าจะได้นอนก็แทบจะอ้อนวอนกันเลยทีเดียว...แต่เขาก็มีความสุขมากจริงๆ

    “แบค...แบคฮยอนครับ..ตื่นได้แล้วนะ..”  แต่ชานยอลกับไม่ได้หลับตานอนลงเลย  หลังจากเสร็จภารกิจรักแล้วแบคฮยอนก็นอนหลับไปด้วยความเหนื่อยแต่ชานยอลกับนอนกอดคนรักเอาไว้แล้วมองหน้าอยู่แบบนั้น  ใบหน้าของแบคฮยอนไม่ว่าจะมองเท่าไหร่หรือนานแค่ไหนก็ไม่มีเบื่อ  ปลุกอีกคนเบาๆพลางจุมพิตไปที่หน้าผากมน

    “อื้อ..ชานยอลอ่า..”  เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นจากคนรักก็เหมือนเป็นการปลุกเขาจากความฝัน  ความฝันที่มีชานยอลกับเขาเพียงสองคน

    “ว่าไงครับคนดี?”  แม้จะเรียกชื่อแบบนั้นแต่ก็ไม่ลืมตาขึ้นมา  ขยับตัวให้เข้าไปซุกทีอกแกร่งมากยิ่งขึ้นซึ่งเจ้าของอ้อมกอดก็กระชับกอดให้แน่นขึ้นเช่นกัน

    “งื้อ..เหนื่อยจังเลย...”

    “ฮึๆ ขอโทษนะ ก็ผมรักคุณมากไปหน่อย..อยากอาบน้ำมั้ย?”  ขำเบาๆกับคำพูดน่ารักๆของแบคฮยอน  ขนาดพูดออกมาแบบนี้ก็ยังไม่ลืมตาอีก..ขี้เซาจริงๆเลย

    “อาบสิ”  อยากอาบน้ำจะตายแล้ว  เหนอะหนะไปทั้งตัวทั้งเหงื่อของตัวเองและชานยอลไหนจะ..เอ่อ..น้ำรักของเขากับคนรักอีก

     

     

     

    “โอ๊ย!..โอย เจ็บอ่ะ”  แต่ทันทีที่ลุกขึ้นนั่งเตรียมลุกไปเข้าห้องน้ำก็ถึงกับเผลอร้องออกมาเสียงหลงจนอีกคนที่ลุกเดินนำไปก่อนต้องรีบวิ่งกลับมาดูด้วยความเป็นห่วง  มือบางจับอยู่ที่สะโพกที่พอขยับตัวก็รู้สึกปวดไปหมดจนเก็บน้ำตาไว้ไม่อยู่

    “แบค! เป็นอะไรครับ..ไหนดูสิ เจ็บมากหรือเปล่า?”  ทันทีที่วิ่งมาถึงเตียงก็ไม่รอช้าคุกเข่าลงกับพื้นห้องให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับคนที่นั่งอยู่บนเตียง  ถามด้วยความเป็นห่วงพลางมือก็เลื่อนไปกุมมือบางที่จับสะโพกตัวเองเอาไว้  อีกมือก็เอื้อมมาปาดน้ำตาบนใบหน้าของคนรัก

    “เจ็บจังเลยยอล...ลุกไม่ไหวแล้วอ่ะ”  พูดไปก็เตรียมเบะหน้าจะร้องไห้ออกมาอีกจนอีกคนที่ทนดูไม่ไหวพูดขึ้นก่อนที่ถังน้ำตาจะแตก

    “โอ๋ๆๆ ไม่ร้องนะครับคนดี..ลุกไม่ไหวเดี๋ยวยอลพาไปอาบน้ำดีมั้ย?”  เป็นข้อเสนอที่ฟังดูดีและเต็มไปด้วยผลประโยชน์สุดๆ

    “คงต้องอย่างนั้น..อ่ะ อุ้มหน่อยจิ”  แม้จะรู้ว่าจะต้องเปลืองตัวอีกแล้วที่ให้ชานยอบอุ้มทั้งๆที่ไม่ได้ใส่อะไรเลยสักชิ้นแต่ก็ตอบรับพร้อมอ้าแขนรอให้อีกคนเข้ามาอุ้มทันที  ไหนๆก็เปลืองไปแล้วทั้งคืนหนิ เปลืองอีกหน่อยคงไม่เป็นไรรอก

     

     

     

     

    หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการอาบน้ำที่ใช้เวลานานมากที่สุดในชีวิตของแบคฮยอนเลยก็ว่าได้  ก็ไอคนหูกางขี้เอาแต่ใจที่สุดน่ะสิแกล้งกันอยู่ได้  ได้โอกาสทีไรก็ฉวยโอกาสกับเขาทุกทีไป  บางครั้งก็หลบได้แต่บางครั้งก็ต้องยอมอย่างเต็มใจ  และถ้าไม่ติดว่าชานยอลกลัวว่าเขาจะไม่สบายถ้าแช่น้ำนานๆละก็ไม่มีทางที่จะได้ออกมาจากห้องน้ำง่ายๆหรอก

    “เออ...ชานยอลอ่า  ถามอะไรหน่อยได้มั้ย?”  ตอนนี้เขาทั้งสองคนนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่ห้องนั่งเล่นโดยที่แบคฮยอนนั่งอยู่บนตักของชานยอล ชั่งใจอยู่นานว่าจะถามดีมั้ย  แต่ก็แพ้ใจตัวเองที่อยากจะรู้ 

    “หืม?  ได้สิครับ” ลดสายตาจากหน้าจอทีวีลงมามองใบหน้าคนในอ้อมกอดเล็กน้อยแล้วก็หันไปมองที่เดิม

    “เมื่อวาน..ตอนพิธีให้คำมั่นสัญญา..ตอนที่ท่านบาทหลวงพูดว่าเราพร้อมจะรักและดูแลบุตรที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้..ทำไมนายถึงเงียบไปล่ะ?”  เมื่อคำพูดสิ้นสุดลงก็เกิดความเงียบขึ้นมันที ชานยอลเองที่ตอนแรกตาจับจ้องอยู่ที่รายการทีวีแต่ตอนนี้มันกลับเลื่อนลอยไร้จุดโฟกัส ส่วนแบคฮยอนเองก็เงยหน้าขึ้นมารอฟังคำตอบจากคนรัก

    “...ก็...ไม่มีอะไรนิครับ”  ตอบออกไปพร้อมก้มลงมามอบรอยยิ้มให้กับแบคฮยอน

    “งั้น..เหรอ?”  เหมือนจะเชื่อแต่ก็เหมือนจะไม่เชื่อ  แบคฮยอนเองก็ไม่รู้หรอกว่าชานยอลคิดอะไรอยู่หรือมีเหตุผลอะไรที่จะโกหก เพราะฉะนั้นเขาจะเชื่อชานยอล  บางทีเขาก็คิดมากไปสินะ

    “ไม่เชื่อเหรอ?”

    “เปล่านะเปล่าสักหน่อย แฮะๆ”

     

     

     

     

    “เอ้อนี่ชานยอลอา..หลังจากเราแต่งงานกันแล้ว...” 

    “ตอนนี้เราก็แต่งงานกันแล้วนะ”  ชานยอลนึกขำกับคำพูดของแบคฮยอน  ไม่รู้ว่าทำไม่ ไม่ว่าอะไรที่แบคฮยอนกระทำมันออกมานั่นมันช่างน่ารักไปเสียหมด

    “นั่นแหละ..เราจะมีลูกกันเลยดีมั้ย?”  นึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็อดที่จะตื่นเต้นไปไม่ได้  เขาเองอยากจะมีลูกตั้งแต่อี้ชิงกับคริสมีฟานฟ่านแล้ว  ถ้ามีลูกเป็นของตัวเองบ้างก็ดีสิ  แต่เมื่อหันไปมองหน้าชานยอลกลับดูเหมือนว่าจะรู้สึกไม่เหมือนกับเขาเลย

    “จะดีเหรอครับ? คือ...เอาไว้ให้เราพร้อมอีกหน่อยดีมั้ยแบค?” ใช่ว่าเขาจะไม่อยากมีลูกกับแบคฮยอนแต่เพียงแต่เขาเองยังไม่พร้อมที่จะดูแล  เขาอยากจะขอเวลาอีกสักหน่อย  เวลาที่เขาสองคนพร้อมจริงๆจะได้ทำหน้าที่พ่อและแม่ได้ดีที่สุด  แต่ตอนนี้เขาคิดว่าเขายังไม่

    “ก็พร้อมแล้วนี่ไง! หรือว่ายอลไม่อยากมีลูกกับแบค! แบคฮยอนที่ตอนแรกนั่งอยู่ในอ้อมกอดของชานยอลตอนนี้กลับสะบัดตัวออกมานั่งอีกฝั่งของโซฟาตัวยาวเพื่อที่จะได้มองหน้าอีกคนได้ถนัดๆ  เอ่ยถามอีกคนด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติ  ตอนนี้อารมณ์ของเขากำลังขึ้นสุดๆ  ทั้งความรู้สึกงงที่เมื่อก่อนชานยอลยังขยั้นขยอจะมีลูกกับเขาให้ได้แต่ตอนนี้กลับบอกว่ายังไม่พร้อม ไหนจะความเสียใจ น้อยใจที่ถาโถมเข้ามา

    “ไม่ใช่อย่างนั้นนะแบคฮยอนอ่า..คือ ยอลขอเวลาก่อนนะ..”

    “ขอเวลา! เวลาอะไรอีกอ่ะ? นายไม่อยากมีลูกกับฉันก็บอกมาเถอะ!” ยังไม่ทันทีชานยอลจะได้พูดอะไรแบคฮยอนที่ตอนนี้เหมือนจะไม่สามารถควยคุมอารมณ์ตัวเองได้ก็พูดแทรกขึ้นมาทันที

    “ไม่ใช่นะ..ใจเย็นๆสิแบค ฟังเหตุผลยอลก่อนสิ”  ตอนนี้ชานยอลเองก็เริ่มจะโมโหนิๆขึ้นมาแล้ว  เขาไม่ชอบแบคฮยอนในอารมณ์แบบนี้เลย  โมโหก็เอาแต่ใช้อารมณ์ไม่เคยที่จะฟังเหตุผลใคร

    “ช่างเถอะ!...ไม่มีก็ไม่ต้องมี!!” พุดจบก็เดินปึงปังขึ้นห้องไปโดยไม่สนใจอีกคนเลย

     

     

     

     

     

     

    “แบคฮยอน!..โธ่เว้ย!!

     

     






    .................................

    TBC.

    แท๊นแทนแท้นนนนนนนนนนนนนนน!!!!!

    มาต่อภาคสองแล้วน้า  ตามที่ใครๆต้องการรรรรรรรรรรรรรรรร (ใครย่ะ??)

    มาอัพแล้ววววววว  ตอนนี้เอาแบบคู่ละครึ่งแล้วกัน ตบมือต้อนรับคู่สามีภรรยาคู่ใหม่หน่อยเร้ววววว!

    บางคนอาจจะโมโหไรท์ที่ฉากเข้าพระเข้านางของทั้งสองคู่...ทำไมแกตัดแบบนี้ห๊า!!!!

    เอาตามตรงนะค่ะ ใครจะว่าไรท์ดัดจริตก็ได้ แต่ไรท์ไม่แต่ง nc คริสเลย์นะค่ะ คือก็อยากแต่งแหละแต่ไม่กล้าแต่ง..นึกถึงหน้าพี่คริสกะอี้ทีไรก็เขินทุกที คงไม่มีใครอยากอ่านหรอดแนอะๆๆๆ

    ส่วน nc ชานแบคก็...เอาเป็นว่าติดไว้ในฐานที่เข้าใจนะคะ อย่าโกรธไรท์จนทิ้งเรื่องนี้ไปน้า

    พลีสสสส! กราบขอโทษงามๆๆๆๆ T_TT_TT_T

    เอาเป็นว่าเดี๋ยวรอดูกระแสตอบรับก่อนแล้วกันน้า...

    ฝากแชร์ ฝากโหวต และที่สำคัญ

    อย่าลืม  เม้นท์!!!!!!!

    @eiraklay

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×