คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 (100%)
Chapter 1
เสียงเพลงรื่นเริงคลอเบาๆพอให้ฟังเสนาะหูดังทั่วตลอดพื้นที่แห่งนี้ พื้นที่ที่ปกติแล้วจะเงียบสงบแต่วันนี้นั้นช่างดูต่างจากทุกๆที ภาพในโบสถ์แห่งนี้ที่เต็มไปด้วยผู้คน มีเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจดังระงมไปทั่วแต่ก็ไม่มากจนเกินไปด้วยเพราะยังเคารพต่อสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ซึ่งวันนี้ใช้จัดเป็นพิธีงานแต่งงาน...
“แบคฮยอน..อยู่นิ่งๆสิ..” ภายในห้องแต่งตัวของว่าที่เจ้าสาวที่กำลังจะกลายมาเป็นเจ้าสาวเต็มตัวภายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เต็มไปด้วยช่างแต่งหน้าและทำผมมากมายที่กำลังจะทยอยออกจากห้องเพราะเสร็จภารกิจของตัวเองแล้ว แต่ดูเหมือนว่ายังมีคนคนหนึ่งที่ยังคงทำภารกิจของตัวเองไม่เสร็จสักทีและดูเหมือนว่าจะเป็นภารกิจใหญ่เสียด้วยก็เพราะต้องคอยห้ามไม่ให้ว่าที่เจ้าสาวตัวเล็กเดินไปเดินมาจนเหงื่อตกและถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องเรียกช่างแต่งหน้าให้กลับมาอีกครั้ง
“ก็มันตื่นเต้นนี่อาอี้...โอ๊ย! ตื่นเต้นๆๆๆ! นี่ถามจริงๆเถอะตอนที่นายแต่งงาน นายตื่นเต้นมากมั้ย?” ยิ่งนึกถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าที่เขาจะต้องเขาพิธีแต่งงานกับคนที่เขารักแล้ว นึกแล้วมันก็ตื่นเต้นจนอดที่จะถามความรู้สึกของเพื่อนตัวขาวไม่ได้ว่างานตอนนั้นรู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า...แต่พอหันไปก็เห็นอี้ชิงหุบยิ้มนิดหน่อยแต่ก็กลับมายิ้มปกติเหมือนเดิม
“ขอโทษนะอี้ชิงอ่า...คือฉัน..เอ่อ..” และก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ควรถามไปแบบนั้นเพราะในตอนที่อี้ชิงแต่งงาน อี้ชิงกับคริสยังไม่ได้รักกัน ส่วนอี้ชิงเองก็ดูออกว่าแบคฮยอนกำลังคิดอะไรอยู่เลยรีบบอกออกไป
“นี่ไม่เป็นอะไรหรอก เรื่องนั้นมันผ่านมาตั้งนานแล้วอย่าคิดมาก...ตอนนั้นน่ะเหรอ อืม...ก็ตื่นเต้นนะ แม้ว่าตอนนั้น...ฉันจะแต่งงานกับคริสทั้งๆที่รู้ว่าคริสไม่ได้รักฉัน ฮึ แถมเกลียดขี้หน้าอีกต่างหาก แต่ฉันก็อดที่จะตื่นเต้นและดีใจไม่ได้เลย...” เมื่อนึกถึงตอนนั้นทีไรเขาก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ อย่างที่บอกแบคฮยอนไป แม้ว่าตอนนั้นทั้งเขาและคริสจะถูกคุณนายอู๋บังคับให้แต่งงานกันทั้งๆที่ไม่ได้รักกันสักนิดเดียวแถมตอนนั้นคริสยังเกลียดแสนเกลียดเขาอีกต่างหากแต่อี้ชิงก็ยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้ดี ตอนนั้นเขาทั้งตื่นเต้น ดีใจและมีความสุขมาก..มากจริงๆ
“ไอคริสๆๆๆๆ....ไอคริสเพื่อนรัก กูตื่นเต้นว่ะ ทำไงดีวะ ตอนนั้นที่มึงแต่งงานกับอี้ชิงมึงตื่นเต้นป่ะ?” ทางด้านฝ่ายว่าที่เจ้าบ่าวก็ดูจะวุ่นวายไม่แพ้กัน ก็ว่าที่เจ้าบ่าวนั้นก็ตื่นเต้นไม่น้อยไปกว่าว่าที่เจ้าสาวเลย หลังจากแต่งตัวเสร็จก็เอาแต่เดินไปเดินมา พลางข้อมือก็ยกขึ้นมาดูนาฬิกาว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาเริ่มพิธีสักที ตื่นเต้นจนจะลืมบทพูดที่เตรียมไว้หมดแล้ว หันไปถามเพื่อนตัวสูงที่หลังจากเดินออกจากห้องไปอุ้มลูกจากอี้ชิงแล้วกลับเข้ามาก็เอาแต่เล่นกับลูกไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด
“ตอนนั้นไม่...” คริสชะงักไปเล็กน้อยกับคำถามนั้น ก็เพราะว่ามันเป็นคำถามที่แทงใจเขามากเลยนะสิ ตอนนั้นเขาโง่ที่ไม่ได้รักอี้ชิง ยอมแต่งงานกับอี้ชิงเพราะสมบัติทั้งๆที่ไม่ได้เต็มใจเลยสักนิดเดียว เขายังจำมันได้ดีว่าตอนนั้นเขาร้ายกาจกับอี้ชิงยังไงบ้าง ถึงตอนนี้ถ้าเขาย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะรักอี้ชิงตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้า เขาจะพูดดีไม่ทำตัวแย่ๆกับอี้ชิงเด็ดขาด แต่ก็รู้ว่าทำแบบนั้นไม่ได้...แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรอีกแล้วในเมื่อตอนนี้เขารักอี้ชิงม้ากมาก เพียงแค่ความรักที่เขาสองคนมอบให้กันและกัน อดีตก็ไม่สำคัญอีกต่อไป
“เออ...คือ..เฮ้ย! ถึงเวลาแล้ว เราออกไปที่ลานพิธีกันดีกว่า” ชานยอลเองก็พึ่งนึกขึ้นได้เมื่อฟังคำตอบจากคริสก็ถึงกับไปไม่เป็นเหมือนกัน ก็เลือกที่จะยกข้อมือขึ้นมามองนาฬิกาอีกครั้งก็ได้เวลาที่เขาจะได้เข้าพิธีกับคนที่เขารักแล้ว
ตอนนี้ที่หน้าแท่นพิธีมีร่างสูงของเจ้าบ่าว ปาร์ค ชานยอล ยืนอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีขาวบริสุทธิ์ บนใบหน้าเปื้อนยิ้ม ดวงตากลมโตมองตรงไปข้างหน้าด้วยแววตาที่ดูมีประกายแวววาว ทอดมองเจ้าสาวแสนสวยของตนเองที่กำลังค่อยๆเดินผ่านเก้าอี้ที่เรียงรายของแขกผู้ร่วมงาน จุดหมายของเจ้าสาว พยอน แบคฮยอนก็คือแท่นพิธีข้างหน้าที่มีคนที่รักสุดหัวใจยืนมองเขาด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่เขาเคยบอกว่าเกลียดหนักหนาเพราะเจ้าตัวชอบไปยิ้มแบบนี้ให้กับคนอื่นๆ แต่หลังจากเสร็จสิ้นพิธีนี้เป็นต้นไป รอยยิ้มนี้จะมีเพียงเขาเท่านั้นที่เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว
“วันนี้คุณสวยจังเลย” ชานยอลที่ยื่นมือออกไปรับมือบางของแบคฮยอนเพื่อให้มายืนเคียงข้างกันหน้าพิธีอันศักดิ์สิทธิ์นี้เอ่ยขึ้น พลางสายตาก็ไม่ได้ละไปจากใบหน้าของคนรักแม้แต่สักวินาทีเดียว
“ฉันยอมนายวันหนึ่งนะที่บอกว่าสวยอ่ะ...นายก็..หล่อไม่เบา” ที่พูดไปแบบนั้นใช่ว่าจะโกรธจริงจังอะไร แต่ที่พูดไปเพราะแก้เขินต่างหาก แค่เขาเดินออกมาที่ลานพิธีแล้วมีแต่คนมองเขาเป็นตาเดียวก็อายจะแย่ แล้วดูสายตาที่ชานยอลมองสิ มัน..เหมือนจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัวอย่างนั้นแหละ
“คุณสวยมากจริงๆ..จนผมอยากให้ถึงเวลาส่งตัวเข้าหอแล้วสิ..” เขาเองก็อยากจะบ้าตาย ไม่รู้ว่าทำไมนับวันๆแบคฮยอนของเขาถึงน่ารักขึ้นเรื่อยๆ แต่เพราะคำพูดนั้นทำให้คนตัวเล็กทีเขินเข้าไปใหญ่ฟาดมือมาทีแขนของคนรักทันที
“ยอลบ้า!..”
“คุณปาร์ค ชานยอล คุณพยอน แบคฮยอน ท่านทั้งสองมาที่นี่โดยไม่ได้ถูกบังคับ แต่มาด้วยความ สมัครใจอย่างแท้จริง เพื่อเข้าพิธีสมรสหรือ ?”
“ครับ/ครับ”
“เมื่อเข้าสู่พิธีสมรสเช่นนี้แล้วท่านทั้งสองพร้อมที่จะรักและยกย่องให้เกียรติแก่กันและกันจน ตลอดชีวิตหรือ?”
“ครับ/ครับ”
“ท่านทั้งสองพร้อมที่จะน้อมรับบุตร ซึ่งพระเป็นเจ้าจะประทานให้ อบรมเลี้ยงดู ตามกฎของ พระคริสตเจ้า และพระศาสนจักรหรือ ?”
“ครับ/....” ต่างจากทุกครั้งที่ทั้งชานยอลและแบคฮยอนจะตอบรับพร้อมกัน แต่ครั้งนี้มีเพียงเสียงของแบคฮยอนเพียงคนเดียวที่ตอบกลับ เกิดเสียงฮือฮาขึ้นเล็กน้อย แบคฮยอนหันไปมองหน้าชานยอลด้วยแววตาที่สงสัย ชานยอลยังคงยืนมองไปข้างหน้าเหมือนเดิมก่อนจะค่อยๆหันมามองหน้าแบคฮยอน เงียบเพียงอึดใจแต่เหมือนนานแสนนานสำหรับแบคฮยอนกว่าที่ชานยอลจะตอบรับออกมา
“...ครับ”
“โดยที่ท่านทั้งสองมีเจตจำนงที่จะสมรสกัน ขอให้ท่านจับมือขวาของกันและกันและแสดง ความสมัครใจ ต่อหน้าพระเป็นเจ้า และพระศาสนจักรของพระองค์ คู่บ่าวสาวจับมือขวาของกันและกัน ต่อจากนั้นเจ้าบ่าวกล่าวแสดความสมัครใจ”
“ ผมปาร์ค ชานยอล ขอรับคุณพยอน แบคฮยอน เป็นภรรยา และขอสัญญาว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อคุณ ทั้งในยามสุข และยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่”
“ ผมพยอน แบคฮยอน ขอรับคุณปาร์ค ชานยอล เป็นสะ เออ..สะ สามี และขอสัญญาว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อคุณ ทั้งในยามสุข และยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่”
“ความสมัครใจที่ท่านทั้งสองได้แสดงต่อหน้าพระศาสนจักรนี้ ขอพระเจ้าทรงพระเมตตา ทะนุบำรุงให้เข้มแข็ง และประทานพระพรแก่ท่านทั้งสองอย่างอุดมสมบูรณ์เทอญ สิ่งที่พระ เจ้าได้รวมไว้ให้ชิดสนิทกัน มนุษย์อย่าแยกออกจากกันเลย”
“อาแมน”
เมื่อเสร็จสิ้นพิธีให้คำมั่นสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าแล้ว ก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยรวมทั้งตัวเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเอง เมื่อพูดจบบาทหลวงก็ได้บอกให้เจ้าบ่าวสวมแหวนให้กับเจ้าสาว และเจ้าสาวก็สวมแหวนให้กับเจ้าบ่าวและปิดท้ายด้วยการมอบจุมพิตซึ่งกันและกัน
ชานยอลค่อยๆเชยคางเรียวของแบคฮยอนขึ้นมา มองสบประสานในตาสื่อความหมายแทนใจมากมาย ซึ่งแบคฮยอนเองก็ทำเช่นเดียวกัน เอื้อมแขนมารั้งคอเรียวเอาไว้ก่อนที่สองใบหน้าจะค่อยๆเคลื่อนเข้ามาหากันช้าๆและในที่สุดริมฝีปากทั้งสองก็ประกบแนบกัน เสียงปรบมือแสดงความยินดีดังสะหนั่นขึ้นทันทีพร้อมเสียงเฮแสดงความดีใจกับคู่รักทั้งคู่
“ผมรักคุณที่สุดแบคฮยอน” เมื่อผละริมฝีปากออกก็ไม่รอช้าพูดบอกความในใจให้อีกคนได้รับรู้อีกครั้ง เขารักแบคฮยอนมากที่สุดเท่าที่ชีวิตของเขาสามารถรักใครได้ ดวงใจทั้งหมดที่มีเขายกให้แบคฮยอนคนนี้ได้ทั้งหมดอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ
“ฉันก็รักนายชานยอล” และเขาเองก็เช่นกัน เขาไม่เคยคิดว่าชีวิตคู่มันจะมีความสุขมากขนาดนี้ เขาไม่เคยรู้ว่าการมีความรักมันสุขมากมายขนาดนี้ และที่รู้ๆ..เขาสามารถรับรู้ได้ว่าการที่ได้อยู่กับคนที่เรารักและเขาก็รักเรามันมีความสุขมากมายเหนือสิ่งอื่นใด
“อ้าวๆๆ เจ้าสาว นี่ถ้าจะหวานกันนะรอเข้าหอก็ได้ ตอนนี้มันได้เวลาโยนช่อดอกไม้แล้วววว ฮิ้ววว” เพื่อนเจ้าสาวของแบคฮยอนคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาเพื่อนหวังจะขัดจังหวะคู่บ่าวสาวที่หวานกันไม่แคร์สื่อ และยิ่งไม่แคร์คนไร้คู่นี่สิมันน่าหมันไส้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นการเรียกความสนใจจากสาวโสดภายในงานได้เป็นอย่างดี แบคฮยอนเองก็ได้แต่เขินแต่ก็พอเป็นพิธี เมื่อเห็นว่ามีสาวๆหนุ่มๆที่ครองสถานะโสดมายืนรอข้างหน้าแท่นพิธีใบหน้าคมสวยก็ยกยิ้มทันที
“โอเคๆๆ..นี่ ถ้าใครได้ช่อดอกไม้ช่อนี้ไปนะ..ฉันขอให้ได้แต่งงานต่อจากฉันทันที” สิ้นเสียงของแบบคฮยอนเหล่าคนโสดที่ยืนรอรับดอกไม้ก็เฮกันอย่างดีใจ
“โยนเลยแบคฮยอน” ชานยอลเดินเข้ามายืนข้างๆคนรักพร้อมก้มลงมากระซิบข้างหูเรียกคะแนนความอิจฉาให้พุ่งปรี๊ดทันที
“อื้ม โยนด้วยกันสิ” แบคฮยอนหันไปพยักหน้าพร้อมยื่นมือที่ถือช่อดอกไม้ไปให้ชานยอลจับเอาไว้ด้วยกัน
“จะโยนแล้วน้า... 1…2…3!” ช่อดอกไม้ที่หลุดออกจากมือของทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวได้ลอยระริ้ว ดั่งภาพที่สโลว์โมชั่นช้าๆ ทุกสายตาจับจ้องไปที่ช่อดอกไม้ที่ลอยเลยผ่านกลุ่มคนโสดที่ยืนรอรับอยู่หน้าแท่นพีธี...และสุดท้ายเจ้าช่อดอกไม้เจ้าปัญหาก็เลือกเจ้าของแล้ว...มันลอยไปตกอยู่ข้างหน้าแขกผู้ร่วมงานคนหนึ่งที่ยืนอยู่เฉยๆและไม่ได้หวังที่จะรับมัน...
ช่อดอกไม่ที่ชานยอลและแบคฮยอนโยนมามันลอยมาตกอยู่ที่พื้นตรงหน้าที่คิม จงอิน ยืนอยู่อย่างพอดี ทุกสายตาจับจ้องมาที่คนผิวเข้มที่ยังยืนงงอยู่แบบนั้น เขาไม่ได้อยากรับมันสักหน่อย
“ว้าว..ดอกไม้มันอยากให้คุณรับน่ะครับฮ่ะๆ” อี้ชิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากจงอินเท่าไหร่เอ่ยแซวขึ้น คนที่ถูกแซวก็ได้แต่เกาท้ายทอยเขินตามสไตล์ พร้อมๆกับย่อตัวลงเพื่อหยิบช่อดอกไม้ขึ้นมาช้าๆ
“คือ..เอ่อ แล้วผมต้องทำยังไงกับมันครับ?” เอ่ยถามออกมาเพราะไม่รู้จริงๆ แต่ก็เรียกเสียงหัวเราะจากคนที่ได้ยินได้ไม่ยาก ที่หัวเราะก็เพราะว่าเอ็นดูกับความใสซื่อของคนคนนี้ต่างหาก
“สงสัยว่าคุณจงอินต้องแต่งงานเป็นคู่ต่อไปแล้วมั้ง”
“แต่ผมยังไม่มีแฟนเลยนะ” ปากก็พูดออกไปแบบนั้นแต่สายตากลับไม่ได้มองไปที่คู่สนทนาอย่างอี้ชิงแต่กลับมองไปที่คนตัวเล็กที่ยืนอยู่ใกล้ๆเขาแทน ไม่ต้องรอให้สมองได้คิดนาน สองขายาวก็พาร่างสูงเดินเข้าไปหาเป้าหมายทันที
“อะ..อะไร?” โด คยองซู เอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงที่ไม่มั่นใจนักเมื่อจงอินที่อยู่ๆก็เดินเข้ามาหาพร้อมยื่นช่อดอกไม้ให้ เขาอุตส่าห์ยืนเงียบๆแล้วนะ
“ผมให้” พูดเพียงเท่านั้นก็จับมืออีกคนให้มารับช่อดอกไม้ที่เขายื่นให้ กลายเป็นว่าเป็นการยัดเหยียดให้สะอย่างนั้น
“มาให้ฉันทำไมเล่า! นายได้ฉันไม่ได้ได้.” เอ่ยเสียงดุแต่เบาๆเพื่อให้ได้ยินเพียงสองคน เพราะตอนนี้ทั้งเขาและจงอินได้กลายเป็นเป้าสายตาของคนทั้งงานแล้ว สองขากำลังจะเดินหนีแต่ก็ถูกรั้งไว้ด้วยแขนแกร่ง จงอินจับคยองซูให้หมุนหันหน้ามาคุยกัน
“ก็เพราะว่าผมได้ไงผมถึงให้คุณ ก็ผมยังไม่มีคู่ได้ไปก็ไม่ได้แต่งงานอยู่ดี ดังนั้น...ถ้าจะได้แต่งผมต้องเอามาให้คุณด้วย..” สิ้นเสียงพูดของจงอินก็เกิดเสียงเฮขึ้นทันที
“เฮ!”
“บ้าหรือไง!” พูดจบก็เดินหนีไปอีกทางแต่ก็ไม่ลืมที่จะถือดอกไม้ช่อเดิมไปด้วย
“อี้ชิงอ่า..เหนื่อยมั้ยครับ?” เมื่อเสร็จสิ้นพิธีมงคลแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้าย ส่วนงานฉลองคู่บ่าวสาวเขาขอไปฉลองกันแค่สองคน ส่วนอี้ชิงกับคริสเมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรแล้วก็กลับบ้านเหมือนกัน เพราะดูท่าฟานฟ่านจะงอแงแล้ว
“ไม่เลย นายละเหนื่อยหรือเปล่า ไปช่วยงานชานยอลตั้งหลายวันหืม?” ส่ายหน้าน้อยๆเป็นคำตอบแต่ก็ไม่ลืมที่จะถามอีกคน คริสน่ะ ไปช่วยเรื่องการจัดงานกับชานยอลตั้งหลายวันก่อนวันงาน ดูก็รู้ว่าเหนื่อยมาก ไหนจะต้องสะสางเรื่องงานที่บริษัทอีก ไหนจะต้องมาแกล้งปั้นหน้าเหมือนคนไม่เหนื่อยเล่นกับลูกอีก แต่ก็หลอกเขาไม่ได้หรอก ส่วนเขาเองไม่ค่อยได้ช่วยงานเท่าไหร่ ส่วนมากก็ช่วยดูความเรียบร้อยเล็กๆน้อยเท่านั้น
“ไม่เลยครับ ฟอดดด! แค่นี้ก็หายเหนื่อยแล้ว” ส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะก้มลงขโมยความหอมจากแก้มเนียนของคนรัก และไม่ลืมที่จะทำแบบเดียงกันกับลูกสาวที่นอนหลับเพราะความเหนื่อยอยู่ในอ้อมกอดมะม๊า
“นายไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวฉันพาลูกไปนอนก่อน” เอ่ยปากบอกให้อีกคนไปอาบน้ำจะได้มานอนพักผ่อนสะบ้าง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายแล้วเมื่อปะป๊าตัวโตเกิดอาการอ้อนขึ้นมาอีก
“อี้ชิงอ่า..อาบพร้อมกันนะ..อาบด้วยกันนะ นะนะน้า..นะครับ ที่ร้ากกกก..” เดินเข้ามาสวมกอดอีกคนจากด้านหลัง วางคางไว้บนไหล่มอย่าออดอ้อน
“ไม่เอาหรอก! ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวจะพาฟานฟ่านไปนอน..คริส! ไป-อาบ-น้ำ” ยื่นคำขาดถ้าเป็นปกติคริสคงจะวิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำแทบไม่ทันแน่ แต่วันนี้เขาขอดื้อสักหน่อย เหนื่อยมาตั้งหลายวันแล้ว กลับบ้านมาก็แทบจะไม่มีแรงทำอะไร ไหนๆวันนี้ก็เสร็จสิ้นงานแต่งเพื่อนหูกางแล้ว ขอรางวัลหน่อยแล้วกัน
“แต่ฉันจะเอา! ไป-อาบ-น้ำ พร้อมกัน เดี๋ยว-นี้!”
“นี่คริส! ทำอะไรน่ะ?!” และสุดท้ายอี้ชิงก็ต้องเขามาอาบน้ำพร้อมคริสจนได้ อุตส่าห์ถ่วงเวลาด้วยการอ้างว่าจะกล่อมลูกแต่คนตัวสูงเอาแต่ใจก็นอนรอสะอย่างนั้น สุดท้ายก็เป็นอี้ชิงเองที่ทนไม่ไหวยอมทำตามที่อีกคนบอก แต่ก็เหมือนคิดผิดถนัด..
“เอ้า..ก็ถอดเสื้อผ้านิครับ..ถามได้” ตอบอีกคนเสร็จก็ถอดเสื้อออกและขณะที่จะปลดซิบกางเกงอี้ชิงก็ขัดขึ้นก่อน เขารู้หรอกว่าที่อี้ชิงถามเพราะว่าอาย.
“เดี๋ยว! เออ..เดี๋ยวๆๆก่อนนะ แฮะๆ คือ..เออ คือ..งั้นนายอาบไปก่อนเลยนะเดี๋ยวฉันอาบทีหลังก็ได้” เกือบเอ่ยปากห้ามไม่ทันพลางที่พูดไปก็ไม่ได้หันหน้ามามอง สองขากำลังจะก้าวออกจาห้องน้ำแต่ก็เหมือนว่าจะหนีไม่พ้นพญามัจจุราตที่วิ่งมาขวางทางประตู ไม่พอยังหันไปล็อคเสร็จสัพ
“ไม่ได้..อาบพร้อมกันนี่แหละ..เอ้า นายเองก็ถอดเสื้อผ้าได้แล้ว..เอ..หรือจะให้ฉันช่วยถอดก็ได้นะ” ไวเท่าความคิดเมื่อคริสเอื้อมมือมาถกชายเสื้ออี้ชิงขึ้นทันที
“เดี๋ยว! คริส!”
“จะอายอะไร ของนายน่ะ...ฉันเห็นมาผมทุกซอกทุกมุมแล้ว..หึหึหึ” พูดจบก็อาศัยจังหวะที่อี้ชิงมัวแต่อึ้งงงอยู่นั้นจัดการถอดเสื้อผ้าของคนตัวขาวออกทันทีโดยที่ใช้เวลาเพียงแปบเดียวเท่านั้น เขาเองก็อดที่จะขำกับท่าทางน่ารักๆของอี้ชิงไม่ได้ เขารู้หรอกว่าอี้ชิงอายแต่ยิ่งเห็นแบบนั้นเขาก็ยิ่งอยากแกล้ง ส่วนอี้ชิงเองพอได้ยินคำพูดของคริสก็เหมือนถูกดึงวิญญาณออกจากร่าง แต่พอมารู้ตัวอีกทีตัวเองก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไร้สิ่งปกคลุมแล้ว
“อาบน้ำกันเถอะอี้ชิงที่รักของฟานนนน..” อี้ชิงหันไปตามเสียงเรียกที่คริสนอนแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กวักมือเรียกให้เขาเดินไปหา เอาตามตรง ตอนนี้เขาทั้งเขินทั้งอายไปหมดแล้ว แต่ก็อย่างที่คริสว่า ของเขาคริสก็เห็นมาหมดแล้ว...ส่วนของคริส..เขาก็เห็นมาหมดแล้วเช่นกัน..จะอายอะไร..เออ..เนอะ
“นายมันโรคจิต!” ว่าไปอย่างนั้นแต่ก็ยอมเดินลงมาในอ่างตามที่อีกคนเรียก คริสให้อี้ชิงนั่งอยู่ข้างหน้าเขาโดยที่เขาโอบกอดอี้ชิงไว้จากด้านหลัง
“ฉันถูหลังให้นะ..” เมื่อคนตัวขาวพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงอนุญาต คริสก็ไม่รอช้าเอื้อมไปหยิบสบู่ขึ้นมาและค่อยๆถูเบาๆที่แผ่นหลังขาวเนียน ทันทีที่ฝ่ามือสัมผัสกับแผ่นหลังนั้นเขาก็แทบที่จะห้ามอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่อยู่แต่ก็พยายามที่จะสงบสติอารมณ์ให้ได้มากที่สุด พลางก็บอกกับตัวเองในใจว่า ไม่..ยังไม่ใช่ตอนนี้..ยังก่อน..ยัง...
“เป็นอะไรรึเปล่าคริส?” อี้ชิงเองก็อดที่จะขนลุกไม่ได้ เขาเป็นคนที่สัมผัสไวมาก แค่มีอะไรมาถูกที่ตัวก็ขนลุกแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าคริสหยุดถูหลังไปเสียดื้อๆก็หันหน้ามาด้านข้างเล็กน้อยเพื่อนถาม
“เอ่อ..เออ..คะ คือ..ปะ เปล่าจ่ะ..ฮึ่ม!” ตอบกลับไปพร้อมเสียงตะกุกตะกัก
“มา..เดี๋ยวฉันถูหลังให้นายบ้างดีกว่า..หันหลังเร็ว” เมื่อได้ยินอี้ชิงพูดแบบนั้นคริสยิ่งอยากจะกัดลิ้นตัวเองตาย แค่เขาเป็นฝ่ายสัมผัสอี้ชิงเองเขายังคลั่งขนาดนี้แล้วถ้าอี้ชิงมาเป็นฝ่ายสัมผัสเขา...เขาคิดว่าอี้ชิงไม่รอดแน่
“โอเค” หันหลังให้อีกคนได้ถูหลังถนัดๆ และก็เป็นดังที่ใจนึกเมื่อทันที่อี้ชิงวางมือมาที่แผ่นหลังเขาเส้นอารมณ์ความอดทนของเขาก็ขาดสะบั้น ให้ตายเถอะทำไมเขาถึงได้กระหายในตัวของอี้ชิงขนาดนี้ เพียงแค่ได้สัมผัสซึ่งกันและกันมันก็ทำให้เขายิ่งต้องการในตัวอี้ชิงเพิ่มขึ้นไปอีก ไม่ใช่ว่าเขาบ้ากามนะ เพียงแต่เขาเป็นแบบนี้กับอี้ชิงเพียงคนเดียว กับคนอื่นเขาไม่เคยรู้สึกด้วย แต่กับอี้ชิงคนนี้เพียงได้เห็นหน้า เพียงลมหายใจใกล้กันความอดทนของเขาก็ไม่มีเหลืออีกต่อไป
“คริส! ทำอะไรน่ะ..อ๊ะ!” กำลังถูแผ่นหลังกว้างอยู่ดีๆ อยู่ๆคนตรงหน้าก็หันมาอย่างเร็วทำให้อี้ชิงต้องถอยหลังเล็กน้อยด้วยสัญชาตญาณและก็ดูเหมือนว่าการกระทำของเขาจะเป็นต่อกับคริสมากเสียด้วย เพราะพอเขาเอนหลังหลบก็ทำให้เสียหลักล้มหงายหลังจนแผ่นหลังเปล่าเปลือยติดอยู่ขอบอ่างและก็เป็นโอกาสที่คริสขึ้นมาคร่อมอยู่บนตัวอี้ชิง
“อี้ชิงอ่า นายรู้มั้ยว่านายน่ารักมากเลย..โดยเฉพาะในสภาพแบบนี้” ตอนนี้บอกตามตรงว่าเขาไม่สามารถควบคุมสติตัวเองได้อีกแล้ว และโดยเฉพาะตอนนี้ที่เขาอยู่บนตัวอี้ชิงเขาสามารถที่จะเห็นอะไรต่อมิอะไรของคนตัวขาวไปหมดทุกอย่างและโดยเฉพาะสีหน้าที่ขึ้นเสียแดงระเรื่อยาวมาถึงลำคอนั้นก็ยิ่งเซ็กซี่และน่ารักไปในคราเดียวกัน
“นี่เดี๊ยว! เออ ไหนบอกว่าจะมาอาบน้ำไง?” ก่อนที่จมูกโด่งจะซุกไซร้ไปมากกว่านี้อี้ชิงที่ตอนนี้ร้อนไปหมดจากการกระทำของคนตัวสูงก็เอ่ยปากถามขึ้นมา
“เดี๋ยวค่อยอาบทีเดียวตอนเสร็จเลยละกัน” พูดทั้งๆที่ยังฝังหน้าอยู่ที่ซอกคอขาว สูดดมความหอมหวานจากอีกคน ซุกไซร้จมูกโด่งขึ้นมาที่ใบหู ลงมาที่ซอกคอและไม่ลืมที่จะฝากรอยรักเอาไว้
“อะ..อ๊ะ!” เสียงหวานเผลอครางออกมาอย่างลืมตัวพร้อมๆกับแขนที่ตอนนี้โอบลอบลำคอแกร่งแล้วเรียบร้อย
“รัก..รักมากจริงๆนะอี้ชิง..เป็นของฉันอีกครั้งนะครับ ที่รัก”
“อะ..อื้ม..อืมมม”
กล้องแพลนไปที่ขวดสบู่...คัท!
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีในตอนเช้าแล้วก็เป็นเวลาฉลองแบบส่วนตัวของเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่เลือกมาฉลองที่บ้านของชานยอลซึ่งกลายเป็นเรือนหอของทังคู่ไปแล้วเรียบร้อย
“ฟอดดด! มายืนทำอะไรคนเดียวตรงนี้ครับ?...ที่รัก” ที่จริงวันนี้เขาสองคนควรจะออกไปฉลองที่ไหนสักที่ แต่ก็เลือกที่จะไม่ไปเพราะว่าจะไปฉลองวันไปฮันนีมูนเลยทีเดียว
“อ๊ะ! ตกใจหมดเลย” แบคฮยอนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อกำลังยืนสูดอากาศยามค่ำคืนอยู่พร้อมคิดอะไรเพลินๆ จู่ๆคนที่ได้ชื่อว่าเป็น สามี ก็เข้ามาโอบกอดเอวบางพร้อมกับฝังจมูกโด่งลงบนพวงแก้มโดยไม่ให้สุ่มให้เสียง แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมยังจับมือหนาที่โอบกอดและประสานกันอยู่ที่เอวตัวเอง
“เหนื่อยมั้ยครับ?” พูดไปพลางก็ซุกไซร้จมูกโด่งที่ซอกคอขาวไปพลางแต่ไม่ได้มีการลุกล้ำอะไรเพียงแต่ต้องการจะสูดดมกลิ่นกายของคนรักก็เท่านั้น
“นิดหน่อย..แล้วนายล่ะ? ไหนดูสิ..โห หน้าโซมจังเลย เหนื่อยมากมั้ยหืม?” สั่นหัวปฏิเสธเบาๆ ถามกลับโดยการหันมามองหน้าคนตัวสูง สองมือบางจับประคองใบหน้าหล่อเหลาจับหันไปมาอย่างสำรวจ เขารู้ว่าชานยอลเหนื่อยมากเพราะต้องจัดการเรื่องานแต่งทั้งๆที่เขาก็บอกแล้วว่าช่วยได้ๆแต่ชานยอลก็ไม่ฟัง ไม่ยอมให้เขาทำอะไรเลยนอกจากเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวที่น่ารัก แล้วไหนจะต้องทำงานที่โรงพยาบาลอีก
“เหนื่อยมากเลยคร้าบ..ขอรางวัลหน่อยสิ” เมื่อเห็นสีหน้าเป็นห่วงจับใจของคนตัวเล็กข้างหน้าก็ไม่รอช้ารีบออดอ้อนทันที ที่จริงก็เหนื่อยอย่างที่บอกพูดจริงๆนั่นแหละ แต่ถ้าผลรับของการเหนื่อยคือแบคฮยอน...เขาก็ยอมเหนื่อยทั้งชีวิต
“จุ๊บ! หายเหนื่อยๆ เพี้ยง!” เมื่อเห็นว่าคนรักตรงหน้าทำสีหน้าออดอ้อนเสียเหลือเกินก็อดไม่ได้ที่จะมอบจูบเป็นรางวัล แต่ดูเหมือนว่าชานยอลที่ถูกจูบแบบนั้นจะไม่ได้คิดเพียงแค่เป็นรางวัลแล้ว...แบคฮยอนน่ารักเกินไปแล้ว
“ทำแบบนี้..อย่าหวังว่าจะรอด พยอน แบคฮยอน”
ทันทีที่พูดจบก็ไม่รอให้อีกคนได้สติหรือได้ตั้งตัวก็อุ้มอีกคนเดินเข้ามาในห้องทันที ค่อยๆบรรจงวางคนตัวเล็กลงบนเตียงนอน และทันทีที่หลังถึงพื้นเตียงชานยอลก็ไม่รอช้ารีบขึ้นไปคร่อมอีกคนทันที
“ยะ ยอล..จะทำอะไร?” ใช่ว่าจะไม่รู้สึกตัว เพียงแต่เขากำลังงง..และตื่นเต้น เขารู้อยู่หรอกว่าคืนวันส่งเข้าหอจะต้องทำอะไร ไม่ได้ไร้เดียงสาอินโนเซ้นขนาดนั้น...ก็คนมันไม่เคย ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรหนิ
“ได้เวลาเข้าหอแล้ว...คนดี” พูดจบก็ไม่รอช้าประกบริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากบาง ไม่ได้เร่งรัดหรือรุนแรงแต่อย่างใด แต่เป็นจูบที่อ่อนโยน โหยหา ต้องการที่เปรี่ยมไปด้วยความรัก
“ดะ เดี๋ยว..อืม..ชะ ชานยอล..เดี๋ยวนะเดี๋ยว..” ก่อนที่ชานยอลจะถอดเสื้อของแบคฮยอนออก แบคฮยอนก็รีบร้องห้ามก่อน ไม่ใช่อะไรเพียงแต่..
“ทำไมครับ?..หรือว่าแบคยังไม่พร้อม?..ถ้าแบคยังไม่พร้อมยอลก็จะไม่..” แม้จะนึกเสียดาย กำลังจะแล้วเชียวแต่ก็ถูกขัดเสียก่อนแต่ชานยอลก็เข้าใจดี เขาคิดอยู่เสมอมาจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังคงคิดแบบเดิมว่าถ้าแบคฮยอนยังไม่พร้อมเรื่องนั้น...เขาก็จะไม่ทำมัน เขาจะรอวันที่แบคฮยอนพร้อมและยอมมอบให้เขาอย่างเต็มใจ แต่ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะได้เอ่ยอะไรไปได้จบประโยคก็ต้องเปลี่ยนจากการบึ้งตึงเป็นยกยิ้มทันทีกับคำพูดที่น่ารักของคนใต้ร่าง
“ไม่ใช่..เอ่อ..คือ..ฉันแค่กลัวเจ็บอ่ะ..เพียงแค่จะบอกว่า...เบาๆหน่อยนะ” พูดไปก็เขินไป อยากจะมุดผ้าห่มหนีแต่ก็ทำไม่ได้ ก็มันครั้งแรกหนิก็ต้องกลัวเจ็บเป็นธรรมดา ไอเรื่องความบริสุทธิ์เนี่ยเขาไม่หวงแล้ว...ถ้ากับคนตรงหน้าคนนี้ที่เขารักสุดหัวใจ..เขายอมมอบมันให้อย่างเต็มใจ
“โอเคครับ! ยอลจะเบาๆที่สุดเลยนะ...รักนะครับ” พูดจบก็ไม่รอช้า...ได้เวลาเริ่มบทรักกันแล้วสินะ
แสงสว่างสอดส่องเข้ามาในห้องนอนไม่ได้มีผลทำให้ร่างเล็กบนเตียงที่กำลังนอนซุกอกแกร่งของคนรักได้รู้สึกตัวตื่นเลยแม้แต่นิดเดียว...ก็แหม เมื่อคืนที่ให้ชานยอลทำเบาๆมันก็เบาจริงแหละแต่...แบคฮยอนเองก็พึ่งจะรู้ว่าที่จริงแล้วชานยอลก็เป็นคนที่โลภมากจริงๆ พูดเอาแต่ได้ตลอดจนต้องเหนื่อยกันยันเช้า กว่าจะได้นอนก็แทบจะอ้อนวอนกันเลยทีเดียว...แต่เขาก็มีความสุขมากจริงๆ
“แบค...แบคฮยอนครับ..ตื่นได้แล้วนะ..” แต่ชานยอลกับไม่ได้หลับตานอนลงเลย หลังจากเสร็จภารกิจรักแล้วแบคฮยอนก็นอนหลับไปด้วยความเหนื่อยแต่ชานยอลกับนอนกอดคนรักเอาไว้แล้วมองหน้าอยู่แบบนั้น ใบหน้าของแบคฮยอนไม่ว่าจะมองเท่าไหร่หรือนานแค่ไหนก็ไม่มีเบื่อ ปลุกอีกคนเบาๆพลางจุมพิตไปที่หน้าผากมน
“อื้อ..ชานยอลอ่า..” เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นจากคนรักก็เหมือนเป็นการปลุกเขาจากความฝัน ความฝันที่มีชานยอลกับเขาเพียงสองคน
“ว่าไงครับคนดี?” แม้จะเรียกชื่อแบบนั้นแต่ก็ไม่ลืมตาขึ้นมา ขยับตัวให้เข้าไปซุกทีอกแกร่งมากยิ่งขึ้นซึ่งเจ้าของอ้อมกอดก็กระชับกอดให้แน่นขึ้นเช่นกัน
“งื้อ..เหนื่อยจังเลย...”
“ฮึๆ ขอโทษนะ ก็ผมรักคุณมากไปหน่อย..อยากอาบน้ำมั้ย?” ขำเบาๆกับคำพูดน่ารักๆของแบคฮยอน ขนาดพูดออกมาแบบนี้ก็ยังไม่ลืมตาอีก..ขี้เซาจริงๆเลย
“อาบสิ” อยากอาบน้ำจะตายแล้ว เหนอะหนะไปทั้งตัวทั้งเหงื่อของตัวเองและชานยอลไหนจะ..เอ่อ..น้ำรักของเขากับคนรักอีก
“โอ๊ย!..โอย เจ็บอ่ะ” แต่ทันทีที่ลุกขึ้นนั่งเตรียมลุกไปเข้าห้องน้ำก็ถึงกับเผลอร้องออกมาเสียงหลงจนอีกคนที่ลุกเดินนำไปก่อนต้องรีบวิ่งกลับมาดูด้วยความเป็นห่วง มือบางจับอยู่ที่สะโพกที่พอขยับตัวก็รู้สึกปวดไปหมดจนเก็บน้ำตาไว้ไม่อยู่
“แบค! เป็นอะไรครับ..ไหนดูสิ เจ็บมากหรือเปล่า?” ทันทีที่วิ่งมาถึงเตียงก็ไม่รอช้าคุกเข่าลงกับพื้นห้องให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับคนที่นั่งอยู่บนเตียง ถามด้วยความเป็นห่วงพลางมือก็เลื่อนไปกุมมือบางที่จับสะโพกตัวเองเอาไว้ อีกมือก็เอื้อมมาปาดน้ำตาบนใบหน้าของคนรัก
“เจ็บจังเลยยอล...ลุกไม่ไหวแล้วอ่ะ” พูดไปก็เตรียมเบะหน้าจะร้องไห้ออกมาอีกจนอีกคนที่ทนดูไม่ไหวพูดขึ้นก่อนที่ถังน้ำตาจะแตก
“โอ๋ๆๆ ไม่ร้องนะครับคนดี..ลุกไม่ไหวเดี๋ยวยอลพาไปอาบน้ำดีมั้ย?” เป็นข้อเสนอที่ฟังดูดีและเต็มไปด้วยผลประโยชน์สุดๆ
“คงต้องอย่างนั้น..อ่ะ อุ้มหน่อยจิ” แม้จะรู้ว่าจะต้องเปลืองตัวอีกแล้วที่ให้ชานยอบอุ้มทั้งๆที่ไม่ได้ใส่อะไรเลยสักชิ้นแต่ก็ตอบรับพร้อมอ้าแขนรอให้อีกคนเข้ามาอุ้มทันที ไหนๆก็เปลืองไปแล้วทั้งคืนหนิ เปลืองอีกหน่อยคงไม่เป็นไรรอก
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการอาบน้ำที่ใช้เวลานานมากที่สุดในชีวิตของแบคฮยอนเลยก็ว่าได้ ก็ไอคนหูกางขี้เอาแต่ใจที่สุดน่ะสิแกล้งกันอยู่ได้ ได้โอกาสทีไรก็ฉวยโอกาสกับเขาทุกทีไป บางครั้งก็หลบได้แต่บางครั้งก็ต้องยอมอย่างเต็มใจ และถ้าไม่ติดว่าชานยอลกลัวว่าเขาจะไม่สบายถ้าแช่น้ำนานๆละก็ไม่มีทางที่จะได้ออกมาจากห้องน้ำง่ายๆหรอก
“เออ...ชานยอลอ่า ถามอะไรหน่อยได้มั้ย?” ตอนนี้เขาทั้งสองคนนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่ห้องนั่งเล่นโดยที่แบคฮยอนนั่งอยู่บนตักของชานยอล ชั่งใจอยู่นานว่าจะถามดีมั้ย แต่ก็แพ้ใจตัวเองที่อยากจะรู้
“หืม? ได้สิครับ” ลดสายตาจากหน้าจอทีวีลงมามองใบหน้าคนในอ้อมกอดเล็กน้อยแล้วก็หันไปมองที่เดิม
“เมื่อวาน..ตอนพิธีให้คำมั่นสัญญา..ตอนที่ท่านบาทหลวงพูดว่าเราพร้อมจะรักและดูแลบุตรที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้..ทำไมนายถึงเงียบไปล่ะ?” เมื่อคำพูดสิ้นสุดลงก็เกิดความเงียบขึ้นมันที ชานยอลเองที่ตอนแรกตาจับจ้องอยู่ที่รายการทีวีแต่ตอนนี้มันกลับเลื่อนลอยไร้จุดโฟกัส ส่วนแบคฮยอนเองก็เงยหน้าขึ้นมารอฟังคำตอบจากคนรัก
“...ก็...ไม่มีอะไรนิครับ” ตอบออกไปพร้อมก้มลงมามอบรอยยิ้มให้กับแบคฮยอน
“งั้น..เหรอ?” เหมือนจะเชื่อแต่ก็เหมือนจะไม่เชื่อ แบคฮยอนเองก็ไม่รู้หรอกว่าชานยอลคิดอะไรอยู่หรือมีเหตุผลอะไรที่จะโกหก เพราะฉะนั้นเขาจะเชื่อชานยอล บางทีเขาก็คิดมากไปสินะ
“ไม่เชื่อเหรอ?”
“เปล่านะเปล่าสักหน่อย แฮะๆ”
“เอ้อนี่ชานยอลอา..หลังจากเราแต่งงานกันแล้ว...”
“ตอนนี้เราก็แต่งงานกันแล้วนะ” ชานยอลนึกขำกับคำพูดของแบคฮยอน ไม่รู้ว่าทำไม่ ไม่ว่าอะไรที่แบคฮยอนกระทำมันออกมานั่นมันช่างน่ารักไปเสียหมด
“นั่นแหละ..เราจะมีลูกกันเลยดีมั้ย?” นึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็อดที่จะตื่นเต้นไปไม่ได้ เขาเองอยากจะมีลูกตั้งแต่อี้ชิงกับคริสมีฟานฟ่านแล้ว ถ้ามีลูกเป็นของตัวเองบ้างก็ดีสิ แต่เมื่อหันไปมองหน้าชานยอลกลับดูเหมือนว่าจะรู้สึกไม่เหมือนกับเขาเลย
“จะดีเหรอครับ? คือ...เอาไว้ให้เราพร้อมอีกหน่อยดีมั้ยแบค?” ใช่ว่าเขาจะไม่อยากมีลูกกับแบคฮยอนแต่เพียงแต่เขาเองยังไม่พร้อมที่จะดูแล เขาอยากจะขอเวลาอีกสักหน่อย เวลาที่เขาสองคนพร้อมจริงๆจะได้ทำหน้าที่พ่อและแม่ได้ดีที่สุด แต่ตอนนี้เขาคิดว่าเขายังไม่
“ก็พร้อมแล้วนี่ไง! หรือว่ายอลไม่อยากมีลูกกับแบค!” แบคฮยอนที่ตอนแรกนั่งอยู่ในอ้อมกอดของชานยอลตอนนี้กลับสะบัดตัวออกมานั่งอีกฝั่งของโซฟาตัวยาวเพื่อที่จะได้มองหน้าอีกคนได้ถนัดๆ เอ่ยถามอีกคนด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติ ตอนนี้อารมณ์ของเขากำลังขึ้นสุดๆ ทั้งความรู้สึกงงที่เมื่อก่อนชานยอลยังขยั้นขยอจะมีลูกกับเขาให้ได้แต่ตอนนี้กลับบอกว่ายังไม่พร้อม ไหนจะความเสียใจ น้อยใจที่ถาโถมเข้ามา
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะแบคฮยอนอ่า..คือ ยอลขอเวลาก่อนนะ..”
“ขอเวลา! เวลาอะไรอีกอ่ะ? นายไม่อยากมีลูกกับฉันก็บอกมาเถอะ!” ยังไม่ทันทีชานยอลจะได้พูดอะไรแบคฮยอนที่ตอนนี้เหมือนจะไม่สามารถควยคุมอารมณ์ตัวเองได้ก็พูดแทรกขึ้นมาทันที
“ไม่ใช่นะ..ใจเย็นๆสิแบค ฟังเหตุผลยอลก่อนสิ” ตอนนี้ชานยอลเองก็เริ่มจะโมโหนิๆขึ้นมาแล้ว เขาไม่ชอบแบคฮยอนในอารมณ์แบบนี้เลย โมโหก็เอาแต่ใช้อารมณ์ไม่เคยที่จะฟังเหตุผลใคร
“ช่างเถอะ!...ไม่มีก็ไม่ต้องมี!!” พุดจบก็เดินปึงปังขึ้นห้องไปโดยไม่สนใจอีกคนเลย
“แบคฮยอน!..โธ่เว้ย!!”
.................................
TBC.
แท๊นแทนแท้นนนนนนนนนนนนนนน!!!!!
มาต่อภาคสองแล้วน้า ตามที่ใครๆต้องการรรรรรรรรรรรรรรรร (ใครย่ะ??)
มาอัพแล้ววววววว ตอนนี้เอาแบบคู่ละครึ่งแล้วกัน ตบมือต้อนรับคู่สามีภรรยาคู่ใหม่หน่อยเร้ววววว!
บางคนอาจจะโมโหไรท์ที่ฉากเข้าพระเข้านางของทั้งสองคู่...ทำไมแกตัดแบบนี้ห๊า!!!!
เอาตามตรงนะค่ะ ใครจะว่าไรท์ดัดจริตก็ได้ แต่ไรท์ไม่แต่ง nc คริสเลย์นะค่ะ คือก็อยากแต่งแหละแต่ไม่กล้าแต่ง..นึกถึงหน้าพี่คริสกะอี้ทีไรก็เขินทุกที คงไม่มีใครอยากอ่านหรอดแนอะๆๆๆ
ส่วน nc ชานแบคก็...เอาเป็นว่าติดไว้ในฐานที่เข้าใจนะคะ อย่าโกรธไรท์จนทิ้งเรื่องนี้ไปน้า
พลีสสสส! กราบขอโทษงามๆๆๆๆ T_TT_TT_T
เอาเป็นว่าเดี๋ยวรอดูกระแสตอบรับก่อนแล้วกันน้า...
ฝากแชร์ ฝากโหวต และที่สำคัญ
อย่าลืม เม้นท์!!!!!!!
@eiraklay
ความคิดเห็น