สายใยแห่งรัก วัสสานะมนตรา - นิยาย สายใยแห่งรัก วัสสานะมนตรา : Dek-D.com - Writer
×

    สายใยแห่งรัก วัสสานะมนตรา

    รักแท้จักไม่มีวันแปรเปลี่ยน อย่างน้อยก็รักแท้ของเราที่มีต่อเจ้า ต่อให้ลมหายใจของเราสิ้น ความรักที่มีต่อเจ้าจะยังคงอยู่ยาวนาน ชัวกัลป์

    ผู้เข้าชมรวม

    3,067

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    14

    ผู้เข้าชมรวม


    3.06K

    ความคิดเห็น


    9

    คนติดตาม


    12
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    จำนวนตอน :  51 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  24 ต.ค. 61 / 18:55 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ




     

    เจ้าหญิงวริษฐายวดี องค์รัชทายาทแห่งวัสสานะ ที่ถือกำเนิดมาพร้อมกับความ ‘พิเศษ’ อีกทั้งยังเปี่ยมไปด้วยความงามและน้ำพระเมตตา ถูกวางให้เป็นกษัตริยาตั้งแต่พระชนมายุเพียงห้าพรรษา เมื่อพระชนมายุครบยี่สิบสี่พรรษาจะต้องเข้าพิธีอภิเษกสมรสและสถาปนาเป็น ‘กษัตริยา’ ในคราเดียวกัน ตามขนบแห่งวัสสานะที่สืบทอดกันมา พระคู่หมายก็มิใช่ใครอื่นใด ‘ราชองครักษ์แดเนียล’ ผู้งามสง่า บุตรชายคนเดียวของดานังแม่ทัพใหญ่แห่งวัสสานะผู้ภักดี

     

    เหตุการณ์กลับพลิกผันเมื่อพระองค์ถูกส่งมาเป็น ‘ราชินีแห่งคิมหันต์’ ด้วยเงื่อนเวลา ‘หนึ่งปี’ แลกกับการเปิดทางให้คิมหันต์มาศึกษาทุกสิ่งที่ต้องการในวัสสานะเพื่อนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์แก่คิมหันต์ และสนธิสัญญาเรื่องการสงครามว่าจะไม่รุกล้ำดินแดนซึ่งกันและกัน ครบ ‘หนึ่งปี’ คิมหันต์จะต้องส่งพระองค์คืนสู่วัสสานะ เพื่อเข้าพิธีอภิเษกสมรสและสถาปนาเป็น ‘กษัตริยา’ ตามหมายกำหนดการเดิม

     

    อติรุจิราชราชันหรือองค์เหนือหัวคาลัว กษัตริย์แห่งคิมหันต์ พระสวามี ไม่ทรงแตะต้อง ไม่ทรงสัมผัส ไม่ทรงให้ยุ่งกับกิจส่วนพระองค์ มเหสีทางการเมืองอย่างวริษฐายวดีจึงได้แต่ยอมรับชะตากรรมว่าไม่เป็นที่ต้องการ เฝ้ารอวันคืนสู่วัสสานะ แต่สิ่งที่ทรงเข้าพระทัยจะจริงแท้แน่หรือ ในเมื่อนับวันพระสวามีกลับทำให้รู้สึกในสิ่งที่ตรงกันข้าม

    “เห็นพุ่มไม้พุ่มนั้นหรือไม่” คาลัวชี้ไปที่พุ่มไม้ใหญ่บนไม้ยืนต้น ที่มีรูเป็นช่องกลมมนใหญ่

    “เห็นเพคะ” วริษฐายวดีมองตามแล้วทูลตอบ

    “แล้วเห็นพระจันทร์หรือไม่”

    “เห็นบ้างเพคะ แต่ไม่ชัด” ตอบไปก็พยายามเพ่งตามองไป

    “มันมีความลับอยู่นิดหน่อย ตรงที่เจ้าจะต้องนอนลงตรงนี้ แล้วมองขึ้นไปตรงนั้น ในตำแหน่งนี้พอดิบพอดี ถึงจะเห็นความงามที่ว่า”

    “ที่พื้นหญ้าหรือเพคะ” วริษฐายวดีมองตามนิ้วพระหัตถ์เรียวของพระสวามีที่ชี้ไปที่พื้นหญ้าด้านล่าง

    “ใช่แล้ว แต่เจ้าไม่ต้องกังวล แค่นอนลงที่ตักของเรา เรารับรองว่าเจ้าจะไม่เป็นอะไร” คาลัวรีบประทับลงที่พื้น เอาพระหัตถ์ตบที่พระเพลาของพระองค์ แล้วยื่นหัตถ์ไปรับองค์มเหสีซึ่งกำลังหันไปมองโดยรอบอย่างกังวล

    “อย่ากังวลเลย ที่นี่มีเพียงเรา โยฮาจะคอยดูแลไม่ให้ใครมายุ่งในเวลาส่วนตัวของเรา” คาลัวทรงปลอบองค์มเหสี ด้วยเข้าพระทัยในสิ่งที่ทรงคิด วริษฐายวดีจึงจับพระหัตถ์เรียวไว้ แล้วค่อยๆ ย่อพระวรกายลง พยายามจะทอดพระเนตรไปในช่องพุ่มไม้ โดยไม่นอนลงบนพระเพลาของพระสวามี

    “ทำแบบนั้นไม่เห็นหรอก” คาลัวทรงแย้มสรวลแล้วรีบออกแรงดึงองค์มเหสีลงมาที่พระเพลาของพระองค์อย่างรวดเร็วแต่นุ่มนวล

    ชั่วพริบตา วริษฐายวดีก็นอนหงายอยู่บนพระเพลาขององค์คาลัว คำที่วริษฐายวดีกำลังจะเอื้อนเอ่ยเพื่อตำหนิพระสวามีกลับแปรเปลี่ยนเมื่อได้เห็นความมหัศจรรย์ดังกล่าว

    “งามจริงๆ เพคะ” รับสั่งของวริษฐายวดีราวกับเพ้อ

    “ใช่ งามมากจริงๆ”

    แต่รับสั่งขององค์คาลัวกลับ ‘เพ้อ’ กว่า ก็พระองค์ไม่ได้ทอดพระเนตรไปยังดวงจันทร์ แต่กลับทอดพระเนตรดวงพักตร์งามขององค์มเหสี

    “พระองค์ทรงประทับอยู่ ทอดพระเนตรเห็นด้วยหรือเพคะ” วริษฐายวดีทูลถามอย่างสงสัย

    “ก็..เคยเห็นไง” รับสั่งตอบเฉไฉไปเรื่อย

    “แต่วันนี้งามมากเลยนะเพคะ รัศมีเรืองรอง ใบไม้ที่รอบๆ นั่นคล้ายเป็นสีทองสวยมาก อย่างไรทรงนอนลงดูด้วยก็ได้ หม่อมฉันไม่เป็นไร” วริษฐายวดีเอื้อนเอ่ยอย่างมีไมตรี

    คาลัวรีบถอดผ้ารัดบั้นพระองค์ออกเพื่อเอามารองพระเศียรให้องค์มเหสี ก่อนจะนอนหงายลงข้างๆ จนพระเศียรแทบจะชิดกัน องค์คาลัวพระทัยเต้นแรง พระหัตถ์ของพระองค์ที่อยู่ติดกับหัตถ์น้อยขององค์มเหสีค่อยๆ ขยับมากุมหัตถ์น้อยไว้

    “งดงาม งามมาก เรืองรอง ผ่องอำไพ ไป..ทั้งหน้า”

    วริษฐายวดีเริ่มรู้สึกนิดๆ กับคำรำพันขององค์คาลัว ‘ทำไมทรงเรียกพระจันทร์เป็นหน้า’ พระองค์จึงค่อยๆ หันพระพักตร์มาทางพระสวามี จึงได้เห็นว่าสิ่งที่พระสวามีทอดพระเนตรอยู่ไม่ใช่ดวงจันทราหากแต่เป็นดวงพักตร์ขององค์เอง

    “อุ๊ย..” วริษฐายวดีอุทานออกมาเบาๆ เมื่อนาสิกโด่งแหลมของพระสวามีชนเข้ากับปรางของพระองค์

    ใครจะไปรู้ว่าทรงขยับเข้ามาชิดขนาดนี้ แค่หันพระพักตร์ไปก็ทรงได้รับสัมผัสหวามไหวดั่งครั้งจากกัน ณ วสินี แต่ที่นี่เป็นที่สาธารณะ วริษฐายวดีรีบผุดลุกขึ้นนั่ง ทรงรู้สึกว่าหายใจหอบ หทัยก็เต้นรุนแรงจนแทบจะระเบิด พอตั้งสติได้เลยตั้งท่าจะลุกขึ้น แต่โดนพระหัตถ์อันแข็งแรงของคนที่ยังนอนอยู่ดึงไว้


    ภูมิแคว้น

    วัสสานะนคร ดินแดนแห่งความชุ่มชื้น อุดมไปด้วยแหล่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร

    คิมหันต์นคร ดินแดนแห่งความแห้งแล้ง แต่มากไปด้วยแหล่งเชื้อเพลิง

    เหมันต์นคร ดินแดนแห่งความหนาวเย็น และแร่อัญมณีสูงค่า

     

    ตัวละครหลัก

    วัสสานะนคร
    สองพระราชธิดา องค์หญิงวริษฐายวดี (สเตฟานี) องค์รัชทายาทผู้พี่ และ องค์หญิงโสรยาพรรณวดี(โซลา) ผู้น้อง

    คิมหันต์นคร
    สองพระราชโอรสในมเหสีอนันตาวตี อติรุจิราชราชัน (คาลัว) กษัตริย์แห่งคิมหันต์ ผู้พี่ และ องค์ชายฮาชิ ผู้น้อง
    หนึ่งโอรส และหนึ่งธิดาในพระสนมมายาเรศ องค์ชายฮันนะ ผู้พี่ องค์หญิงฟารา ผู้น้อง

    เหมันต์นคร
    หนึ่งพระราชโอรส หนึ่งพระราชธิดา องค์ชายคาร์อิส (องค์รัชทายาท) ผู้พี่ และ องค์หญิงคีอา ผู้น้อง


    ลงให้อ่านทุกวันจันทร์-ศุกร์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์
    เริ่ม ๑ สิงหาคม ๒๕๖๑


    แวะพูดคุย ติดตามงานเขียน ได้ที่แฟนเพจ Wattanasorn


      ขอบคุณทุกความเห็น ทุกการติดตาม




     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น