ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักสะกิดใจของยัยสุดซ่า

    ลำดับตอนที่ #1 : ไอ้หมอนี่มันเป็นใครวะ

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ย. 51


         ตึง  ตึ๊ง  ตึง  ตุ้บ !

         “ไวโอลิน ลูกทำอะไรของลูกน่ะ เสียงดังไปทั้งบ้านเลย”

         “ไม่มีอะไรค่ะ แค่เซ็งนิดหน่อย หนูออกไปเดินเล่นข้างนอกนะคะ” หญิงสาวร่างบาง ผิวขาว ผมยาวถึงกลางหลัง ดวงตาสีบรอนซ์อ่อนเข้าคู่กับผมสีบรอนซ์เข้ม จมูกโด่ง ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ ซึ่งได้มาแต่กำเนิดทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงที่ดูดีกว่าคนทั่วไปเลยทีเดียว

         “ระวังตัวด้วยนะลูก อีกแค่ 2 วัน ลูกก็จะเปิดเทอมแล้ว”

         “ค่า”

      

         มาแนะนำตัวกันก่อนดีกว่านะคะ  สวัสดีค่ะ ฉันชื่อไวโอลิน หรือเพื่อนๆชอบเรียกสั้นว่า “ลิน” คงจะแปลกใจล่ะสิว่าทำไมฉันถึงได้มีดวงตาและสีผมแปลกแยกไปจากคนไทยทั่วไป คืองี้ ฉันเป็นลูกครึ่งไทยแคนนาดา พ่อเป็นไทย ส่วนแม่เป็นแคนนาดา มีเพื่อน 3 คน ชื่อ สร ลูกปัด และออน ซึ่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ ม. ต้น ยกเว้นออนนะเพราะออนพึ่งย้ายมาเมื่อตอน ม.4 เทอมสองนี้เอง ฉันเองยังงงเลยว่าทำไมย้ายมากลางเทอม ตอนนี้ฉันกำลังจะขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทวาราชพฤกษ์ บ้านของฉันทำกิจการเกี่ยวกับเครื่องดนตรีสากล คือส่งออกและขายเครื่องดนตรีสากลนั่นเอง ซึ่งเป็นอะไรที่ฉันเซ็งมั่กมาก อย่างเช่น กีตาร์ที่ฉันนั่งดีดและโยนทิ้งกลายสภาพเป็นศพไม่มีญาติเมื่อสักครู่ ก่อนที่ฉันจะออกจากบ้านมาหน้าปากซอย

    (มี 9 ซอย ฉันอยู่ ซอย 5)

         ณ หน้าปากซอย

         หน้าปากซอย วันนึงเดินมาเป็นสิบๆรอบ ไม่เห็นมันจะมีอะไรดีเลย เห็นอีกะแค่ร้านขายของกับร้านตั๊กแตนทอดที่แม่ฉันชอบซื้อกินอยู่บ่อยๆ เดินลัดไปอีกซัก 2 ซอยดีกว่า

         ณ ซอย 3

         เอ๊ะ มีร้านน่าสนใจอยู่นี่ เอ...น่าจะเป็นร้านดนตรีไทยนะ ลองเข้าไปดูดีกว่า

         กริ๊งๆ เสียงกระดิ่งที่แขวนติดอยู่กับประตูส่งเสียงเบาๆ เมื่อฉันเปิดประตูเข้ามา

         “ไม่เห็นมีใครอยู่เลยแหะ” ฉันพูดกับตัวเอง เมื่อไม่เห็นสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์อยู่ในร้าน

         “สงสัยจะกินข้าวอยู่มั้ง” พูดพรางมองดูนาฬิกาบนข้อมือของตนเอง อ๊าย นี่มันเที่ยงแล้วเหรอเนี่ย คงจะกำลังกินข้าวเที่ยงอยู่ล่ะมั้ง เดินดูเครื่องดนตรีดีกว่า

         “เธอเข้ามาทำอะไรน่ะ” ขณะที่ฉันกำลังเดินดูเครื่องดนตรีอยู่เพลินๆนั้น สิ่งที่เรียกว่ามนุษย์ผู้ชาย ก็เดินออกมาจากหลังร้าน พรางถามคำถามโง่ๆ เข้ามาในร้านดนตรีไทย นายจะให้ฉันเข้ามาซักผ้าหรือไงกันนะ

    แต่หมอนี่หน้าคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแหะ -_-

         “แล้วนายเห็นฉันทำอะไรอยู่ล่ะ” ดูซิว่าหมอนี่จะตอบว่าอะไร

         “ซักผ้ามั้ง” เดียวแม่ถีบกระเด็นติดกระจกเลยนี่ -_- ++

         “อือ...คงงั้นมั้ง” ชิ ฉันไม่ยอมเสียฟอร์มหรอกย่ะ

         “เธอน่ะ เดินทะเล่อทะล่าเข้ามา ไม่เห็นเหรอว่าป้ายมันเขียนว่า โครสน่ะ หรือว่าอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก” ไรวะมาถึงก็ด่าเป็นชุดเลย ฟังแทบไม่ทันแน่ะ

         “อ่านออก แต่ฉันมองไม่เห็นนี่หว่า” ป้ายมันเขียนไว้ตรงไหนวะ ทำไมเราถึงมองไม่เห็น

         “งั้นเธอก็ออกไปซะ”

         “มีอะไรกันเหรอลูก” ผู้หญิงอายุราวแม่ฉันเดินออกมาขัดบทสนทนาของเรา(ทะเลาะกันมากกว่ามั้ง) ถ้าให้ฉันเดานะผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นแม่ของนายนี่แน่ๆ อะไรกันแม่ก็ออกจะสุภาพ ทำไมลูกถึงได้ปากสุนัขแบบนี้ เป็นฉันนะเอาขี้เถ้ายัดปากตั้งแต่เกิดแล้ว

         “อ้อ ไม่มีอะไรครับ แค่คนบ้าเดินหลงทางเข้ามาในร้านเรานี่เอง” ทีพูดกับแม่ล่ะพูดดีเชียว แต่เดี๋ยวก่อนนะนายหาว่าฉันเป็นคนบ้าเหรอ อ๊าย แล้วนายทำอะไรของนายเนี่ย จู่ๆเขาก็ผลักฉันออกมาจากร้าน

          “ว้าย นายผลักฉันออกมาจากร้านทำไมเนี่ย” ฉันร้องโวยวาย

          “ออกไปซอ...ซะ”

          โครม!!!!!

          ว้ายอีตานี่สะดุดประตูร้าน ต๊ายตายหน้าสมเพศ จ๊าก นายนี่สะดุดจนมาทับร่างอันแสนบอบบางของฉันกลายเป็นว่าฉันเลยล้มลงไปนอนหงายอยู่กับพื้น  (เจ็บชะมัด) โดยมีนายคนนี้(ไม่รู้ชื่อ)คร่อมร่างฉันอยู่ พึ่งมองชัดๆนะเนี่ยว่านายเองก็หน้าตาดีเหมือนกัน ดวงตาสีดำสนิท เข้ารูปกับผมกระเซอะกระเซิงแต่ก็ดูดี จมูกโด่ง อยากจะบอกว่าจมูกนายโด่งมากๆเลย อ๊าย อิจฉาอะ ฉันยังจมูกโด่งไม่เท่านายเลย ริมฝีปากบางเฉียบสีออก ส้มๆชมพูๆ สูงไม่ต่ำกว่าร้อยแปดสิบเซน  แต่..เอ๊ะ! ฉันมาพรรณนาอะไรออกไปเนี่ย แล้วนี่ร่างผู้ชายกำลังคร่อมฉันนะ

         “เป็นอะไรรึปล่าวทั้งสองคน” เสียงแม่ของหมอนี่มาขัดจังหวะ คนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เอ้ย! ไม่ใช่ พวกเราสองคนลุกออกจากกันทันที -////- อายงะ

       “เออ...ไม่เป็นอะไรครับ/ค่ะ-////-” ใครใช้ให้นายมาพูดประโยคเดียวกับฉันยะ ชิ

         “แล้วหนูมาทำอะไรจ๊ะ” แม่ลูกปัญญาอ่อนกันทั้งคู่เลยรึไงนะ มาร้านดนตรีไทยให้มานั่งกินข้าวรึไงล่ะยะ

         “อ๋อ มาซื้อเครื่องดนตรีค่ะ” เข้าใจรึยังล่ะ อ๊าย ไม่ได้ๆ นางเอกเราต้องสุภาพเรียบร้อย (พึ่งรู้ตัวรึ: คนเขียน)

         “งั้นเข้ามาในร้านก่อนสิจ๊ะ ป้าต้องขอโทษแทนตาซอด้วยนะ ที่เขาทำกิริยาไม่ค่อยเหมาะสม” ไม่ใช่ไม่ค่อยเหมาะสมค่ะคุณป้าต้องพูดว่า ไร้มารยาทมากกว่า

         “เออ...ค่ะ” ต้องตอบให้สุภาพสมเป็นนางเอก

         “แม่ไปขอโทษยัยนั่นทำไมอะ ยัยนั่นหาเรื่องเราก่อนนะ” ฉันยังไม่ได้หาเรื่องนายเลยนะ -_-++ชิ ขี้ฟ้องชะมัด

         “ตาซอ! หยุดนะ จำไว้นะลูก ลูกค้าคือเทพเจ้า” อ้อที่แท้ก็ชื่อซอนี่เอง ยิ่งได้ยินแบบนี้ยิ่งคุ้นเลยแหะ

        “คิกๆๆๆ” ฉันหัวเราะด้วยความสะใจ ช่วยไม่ได้นะ คิกๆ

         “แล้วเธออยากได้เครื่องดนตรีอะไรล่ะ”

         “ระนาด” นายซอและแม่พาฉันเดินไปดูระนาด

         “เดี๋ยวแม่ไปช่วยงานพ่อก่อนนะขายของให้แม่ด้วย”

         “ฮะ” ทำไมต้องตอบด้วยน้ำเสียงเซ็งโลกแบบนี้ด้วย

         “เออ...มีระนาดที่ดีที่สุดไหม”

         “มี...แต่เธอจะปัญญาซื้อรึปล่าวเหอะ -_-” นายซอพูดพรางมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า อะไรกันมองยังกะฉันเป็นยาจกงั้นแหละ

         “ราคาเท่าไหร่” มันจะแพงซักแค่ไหนเชียว

         “สามแสน”

         “ฮะ! ...โห

         “เป็นไง...แพงหูฉี่เลยสิ”

         “ป่าว...มันถูกมากๆต่างหาก กร๊ากๆๆฉันเอาอันนี้แหละ กรุณาเอาไปส่งที่บ้านเลขที่นี้ด้วย ภายในวันพรุ่งนี้เข้าใจ๋...เออแล้วก็เก็บเศษหน้าของนายด้วย ที่ตกแตกตะเกี๊ยะ” ฉันพูดพรางเอาใบที่อยู่บ้านให้หมอนี่ สะใจชะมัด อิ อิ

         “ฉันเก็บไม่ได้หรอกเพราะมือฉันน่ะบาง วานเธอช่วยเก็บให้หน่อยสิ”

         “โทษทีนะ ฉันคนเก็บให้นายไม่ได้หรอก เพราะมือแล้วก็หน้าของฉันน่ะไม่ได้ด้านแบบนาย กร๊ากๆ บายนะ”

         ชิ คิดว่าจะมาเถียงแข่งกับคนอย่างฉันเหรอ ไม่มีทางซะหรอก ฮ่าๆๆ สะใจโว้ย กลับบ้านเราดีกว่า ล้า ลา

        

         วันรุ่งขึ้น บ่ายแก่ๆ

         ติ๊งต่องๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

         ไอ้หมาตัวไหนมากดกริ่งจังหวะกวนตีนมันจะรีบไปเข้าโรงหรือไง กดซะ กริ่งจะพังมั้ยเนี่ย ไปดูหน้าให้มันจังๆหน่อยเหอะว่าไอ้หมาตัวไหนมันกล้าบุกถึงบ้านเสือ >_<

         “เดี๋ยวหนูไปดูเองนะคะ” ขอดูหน้าให้มันชัดๆหน่อยเหอะว่ะ

         “จ้ะ”

         รู้แล้วว่าไอ้กวนตรีคนไหนที่มันเป็นคนกดกริ่ง นายปัญญาอ่อนเมื่อวานนี้นี่เองที่ขับรถมีโอสีดำเอาระนาดมาส่ง อ๊าย ระนาดตั้งสามแสนเชียวนะ ดูนายเอามัดหลังลดมายังกะเนื้อหมูเนื้อไก่ >_<ถ้ามันล้มคว่ำขึ้นมานะ นายตาย!

         “ของมาส่งแล้ว รีบๆรับไปซะเดี๋ยวฉันไปทำงานต่อ”

         “ไม่กดกริ่งให้มันพังเลยล่ะ” ฉันพูดแดกดัน

         “อ๋อ...ลืมซ้ำเติม แต่ว่าบ่อน้ำพุที่มีรูกีตาร์สวยดีหนิ”

         “ไม่ต้องมาชมเอาของมา แล้วไปไกลๆบาทาฉันเลยนะ”

         “อ่ะเอาไป ยัยปากจัด” เขาพูดพร้อมส่งกล่องที่บรรจุระนาดมาให้

         “อ่ะ ไอ้หมาบ้า” ฉันพูดพรางส่งซองที่มีเงินสามแสนไป

         แม๊นๆ แหมน... น่าน! มันเบิ่นรถใส่ฉันอ่ะ ควันเต็มหน้าเลย โธ่ ไอ้ทุเรศเอ๊ย

         “จุ๊บจิ๊บๆ ช่วยกระนาดไปไว้ในห้องดนตรีหน่อยสิจ๊ะ” ฉันบอกให้เด็กรับใช้ในบ้านเอาระนาดไปเก็บในห้องดนตรี ซึ่งในห้องนั้นจะมีแต่เครื่องดนตรีล้วนๆที่ฉันซื้อเก็บซื้อสะสมไว้ จัดไว้เป็นสัดส่วน ฝั่งหนึ่งเป็นเครื่องดนตรีสากลและอีกฝั่งเป็นเครื่องดนตรีไทย ถ้าเบื่อๆ ฉันก็จะเข้าไปนั่งเล่น

         “ค่า...คุณหนู” จุ๊บจิ๊บ ตอบรับพร้อมรอยยิ้มเบิกบาน

         เมื่อฉันหันกลับไปดูกริ่งหน้าบ้าน โอ๊ะ มายก็อด ไอ้หมาซอมันทำกริ่งฉันพังจริงๆด้วยอะ โธ่เว้ย ต้องบอกให้แม่เอาช่างมาซ้อมอีก เพราะนายนั่นคนเดียวเลย เซ็งมั่กๆ เข้าบ้านดีกว่าเตรียมตัวไปเรียนพรุ่งนี้

     

         วันเปิดภาคเรียน

         ณ โรงเรียนเทวาราชพฤกษ์

         “หวัดดีจ้ะ ลิน^o^” เมื่อฉันเดินเข้ามาในห้อง สรเพื่อนรักคนหนึ่งของฉันที่จะมาโรงเรียนแต่เช้าเป็นประจำ กล่าวทักฉันอย่างร่าเริงตามแบบบุคลิกของตน แงๆ แต่ฉันชื่อไวโอลินนะ ยัยพวกนี่ชอบเรียกฉันสั้นๆว่าลินแบบนี้ไม่ชอบเลยงะ เพราะมันเป็นชื่อที่เชยมาก แต่ชั่งเหอะ ชินและ (แล้วเธอจะพูดให้มันยาวเปลืองสถานที่เขียนทำไมล่ะ: คนเขียน)

         “หวัดดีสร แล้วอีกสองคนไปไหนอะ” ฉันถามถึงเพื่อนอีกสองคนที่เมื่อไม่เห็นมันโผล่หัวมา ยัยลูกปัดน่ะไม่แปลกใจหรอกนะ ที่มันมาสายน่ะ แต่ออนนี่ซิถ้ามาสายมันก็น่าแปลกอยู่นะ 

         “ลูกปัดโทรมาบอกว่าจะมาตอนสายๆน่ะ ส่วนออนเดี๋ยวก็คงมาแล้วมั้ง^o^” สรตอบพร้อมรอยยิ้มเหมือนเคย ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆทำไมเธอถึงยิ้มได้ทั้งวี่วันนะ ไม่เบื่อบางหรือไงกัน

         “นั่นไงออนเดินมานั่นแล้ว” ฉันหันไปมองทางที่สรพูดทันที เห็นอรเดินเข้ามาในห้องเรียนพอดี

         “หวัดดีออน” ฉันกับสรกล่าวทักทายพร้อมกัน

         “หวัดดี^_^” ออนตอบสั้นๆและยิ้มน้อยๆ

         “เฮ้ย! สายแล้วโว้ย! จะทันไหมเนี่ย” โอ๊ะมายก็อด ฉันตาฝาดไปใช่ไหมเนี่ยที่เห็นยัยลูกปัดมาโรงเรียนแต่เช้า ดูสิวิ่งหอบแดกมาเชียว

         “อะไรกันนี่มันยังไม่แปดโมงเลยนะ” สรถามอย่างงงๆ ฉันเองก็พลอยงงไปด้วย ยัยลูกปัดมันเป็นบ้าไปแล้วหรือไงกัน

         “จริงดิ ไหนดูดิ๊” ลูกปัดพูดพรางหยิบนาฬิกาในข้อมือของออนไปดู

         “ก็จริงอะดิ” ฉันตอบกลับไป ยัยลูกปัดถ้าจะอาการหนักและนิ

         “โธ่เว้ย! เพราะป๋าแน่ๆเลยปรับนาฬิกา ชิ รู้งี้นอนต่ออีกหกสิบนาทีดีกว่า” ดูๆดูมันพูดเข้า เขามีแต่ขอนอนต่ออีกห้านาทีสิบนาที ส่วนยัยนี่ล่อเข้าไปหนึ่งชั่วโมง ไม่ทราบว่าคุณเธอจะรอให้นกมันกลับรังมาปลุกหรือไง

         “นี่ลินเธอยังไม่เลิกใส่แว่นกับแต่งตัวบ้าๆบอแบบนี้อีกเหรอ” สรพูดเมื่อเห็นฉันยังคงแต่งตัวแปลกประหลาดเหมือนเดิม อ้อ ลืมบอกไปว่าเวลาอยู่ที่โรงเรียนน่ะ ฉันจะถักเปียแล้วก็ใส่แว่น เออ...ดูติ๊งต๊องเนอะว่าปะ แต่ฉันไม่ชอบทำตัวเป็นจุดเด่นนี่ แค่ฉันสีผมกับสีตาไม่เหมือนชาวบ้านเขานะก็เป็นจุดเด่นพอแล้ว มีหวังถ้าแต่งตัวเหมือนกับเวลาอยู่บ้านนะ โดนเรียกไปตบแหงมๆ เพราะฉะนั้นปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า

         “เธออยากให้เพื่อนสุดรักของเธอคนนี้โดนตบเหรอ” ฉันพูดพร้อมทำหน้างอน

         “เอ้ย อย่าทำหน้าแบบนั้นเลยว่ะ” ลูกปัดพูดพร้อมกับทำหน้าตาแปลกๆ มันเป็นอะไรของมัน

         “ทำไมเหรอ” ฉันถามหน้างง

         “มันดูตอแหลแปลกๆว่ะ ฮ่าๆ” อ๊ายยัยลูกปัดเธอหาว่าฉันตอแหลเหรอ

         “แกตายแน่ยัยลูกปัด” ฉันพูพรางวิ่งไล่ลูกปัดไปทั่วห้องเรียน

         “ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” สรหัวเราะเสียงดังสั่นห้อง ส่วนออนก็อยู่ในโลกส่วนตัวไม่พูดอะไรซักคำ

         “แน่จริงแกก็วิ่งมาให้ทันดิ มาเร็วเร๊วหนูน้อย^o^” ลูกปัดพูดแลบลิ้นยั่วโมโห

         “แกตายแน่!!” แงๆ ดูมันทำหน้าสิ เดี๋ยวแม่กระทืบตายคาเท้าเลยนิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×