ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : EP 3
O W E N TM.Ep3โรคที่แก้ไม่หาย
Jinyong part
"แบม แบม แบม แบมได้ยินไหม"
ผมเรียกแบมหลายรอบและดูเหมือนว่าคนที่จะได้สติคนแรกเลยคือเจบีและแม่ของมาร์คหลังจากที่เจบีตั้งสติได้ก็รีบวิ่งมาหาพวกเราทันที และหลังจากนั้นไม่นานผมก็ได้สติคนที่(สุดท้าย)และสิ่งที่พุดออกมาจากหัวผมคือ โรคประจำตัวของแบม
"โรคตัวลม"
ผมอุทานออกไปทำให้ทุกคนต่างก็หันมามองผมเป็นทางเดียว
"โรคอะไรนะครับ จินยอง"
เจบีพูดพร้อมทำหน้างงกับสิ่งที่ผมพูด
"แบมแบมเป็นโรคตัวลม"ผมย้ำ
"มีด้วยหรอครับ ผมไม่เคยได้ยินเลยครับจินยอง"
เจบีตอบและดูเหมือนเขาจะมีอะไรถามผมต่อ ผมเลยเล่ารายระเอียดก่อนที่เขาจะถามอะไรออกมา
"โรคตัวลมของแบมเป็นโรคที่หาได้ยากในคนทั่วไปแต่ไม่อันตรายมากแค่โรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายได้ โรคนี้จะมีอาการณ์จากการที่เป็นโรคนี้มีความรู้สึกทุกข์ใจ ไม่สบายใจโศกเศร้าอย่างมาก เช่น แบม และจะทำให้เป็นลม"
ผมอธิบายให้ทุกคนฟังแต่ดูเหมือนคนที่ไม่ได้ฟังอะไรเลยก็คงจะเป็นมาร์ค ที่เอาแต่มองหน้าแบมแบมตาไม่กระพริบเลย
Mark part
จะให้ผมกระพริบตาได้ยังไงละก็ผมเป็นห่วงแบมนี้เด็กอะไรเป็นโรคตัวลงตัวลมอะไรก็ไม่รู้แถมอาการณ์ก็น่าเป็นห่วงหลับไปนานแล้วน่ะเกิน5นาทีแล้วเนี้ย
"นี้ๆ จินยองลูก พาน้องเข้าไปในรถก่อนเร็วๆตรงนี้มันอากาศร้อนเดียวอาการจะหนักกว่าเดิมเร็วๆ"
แม่ผมพูดด้วยความรีบร้อนและหลังจากที่แม่ผมพูดจบไม่นานจินยองก็ได้อุ้มร่างเล็กบางของแบมๆไปแล้วรีบเดินไปข้างนอกทันที่และแม่ก็ให้เจบีและผมวิ่งนำไปเอารถมารับแบม
"เจบี มาร์ค ไปเอารถมารับน้องไปเร็วๆลูก"
หลังจากแม่พูดจบแม่ก็ยื่นกุญแจมาให้พวกเราทันทีผมกับบีก็เลยต้องรับมันมาแล้วรีบวิ่งไปทางรานจอดรถ
"ไอ้มาร์ค"
พอมาถึงรถเจบีก็ได้เรียกผมแล้วหันมามองหน้าผมแล้วบอกผมด้วยสีหน้าเคร่งเคลียดกับผมว่า
"กูขับรถบ้านมึงไม่เป็นว่ะ"
เจบีหันมาบอกผมแล้วก็ยิัมแหงๆให้กับผมผมเลยยิ้มแหงๆตอบมัน
"กูก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่ากูจะขับเป็น เพราะกูก็เคยมานี้พร้อมมึงง่ะ"
ผมตอบมันไปแล้วยิ้มให้มันอีกครั้ง
Rrrrrrr Rrrrrrr Rrrrrrr Rrrrrrr
เสียงโทรศัพน์ของผมดังขึ้นทำให้ผมกับบีต่องพักการสนทนากัน ผมยิบโทรศัพน์ของผมขึ้นมาแล้วก็ต้องอึ้งไปเพราะเบอร์ที่โทรมานี้เป็นเบอร์ของคนที่ผมรู้จักดีคนคนนี้คือ
"ใครโทรมาว่ะ ทำไมไม่รับ"
เจบีหันมาถามผมแล้วทำหน้างงผมเลยหันหน้าจอโทรศัพน์ของผมให้มันดูและดูเหมือนมันก็ดูท่าจะตกใจอยู่เหมือนกันเพราะดูหน้าของมันตอนนี้ท่าทางตกใจมากเลยเพราะมันทำตาโตอ้าปากค่างทาประมาณ 5-10 น. ได้แล้วมั้ง
"เป็นไปได้ไงว่ะ"
มันหันมาถามผม ผมเลยส่ายหัวตอบมันแทนคำว่าไม่รู้สิ่งที่ผมรู้ตอนนี้คือผู้หญิงคนนี้คงยังไม่ลืมผม หลังจากที่เราสองคนอึ้งกันมานานมากแล้วผมเลยกดรับสายไม่นานเสียงปลายสายก็ดังขึ้นมาทำให้พวกเนาต้องสดุ่งกันเลยทีเดียว
"อยู่ไหนกันเนี้ย!!!!"
เสียงที่ดูจะอ่อนหวานอ่อนโยนจากปลายสายดังออกมาพวกเราต่างตกใจกับเสียงของจียอน
"จียอน"
ผมตอบไปด้วยความดีใจนิดๆอันที่จริงนี้ไม่ใช่คำตอบหรอมันออกแนวกึ่งถามกึ่งเรียก กึ่งถามคือเธอโทรมาได้ไงยังมีเบอร์ผมอยู่ในเครื่องคุณหรอส่วนกึ่งเรียกคือจียอน(เรียกชื่อ)
"ถามว่าอยู่ไหนแล้วเนี้ยเร็วหน่อยได้ไหมเนี้ยตรงนี้มันร้อนน่ะรู้ไหม...ทำไมมองทำไมพวกเธอไม่ร้อนกันรึไงฮ่ะ...เธอนี้เหมื่อนเดิมเลยน่ะ...อย่ามายุ่งน่ะค่ะคุณแม่...บอกว่าอย่ามาเรียกฉันว่าแม่ไง...คุณแม่...นี้เธอ...ขอโทดน่ะค่ะหนูไม่มีหนีที่ไหนน่ะค่ะ"
ติด
ผมกดวางสายแล้วก็ต้องเอา(แย้ง)กุญแจจากเจบีแล้วรีบเปิดรถเพื่อที่จะขับกลับไปแต่ปัญหาที่สำคัญคือผมไม่รู้ว่ารถของพ่อเป็นคันไหนหน่ะสิก็ผมเคยมาที่นี้ครั้งแรกนี้
Jinyong part
"แบม แบม แบม แบมได้ยินไหม"
ผมเรียกแบมหลายรอบและดูเหมือนว่าคนที่จะได้สติคนแรกเลยคือเจบีและแม่ของมาร์คหลังจากที่เจบีตั้งสติได้ก็รีบวิ่งมาหาพวกเราทันที และหลังจากนั้นไม่นานผมก็ได้สติคนที่(สุดท้าย)และสิ่งที่พุดออกมาจากหัวผมคือ โรคประจำตัวของแบม
"โรคตัวลม"
ผมอุทานออกไปทำให้ทุกคนต่างก็หันมามองผมเป็นทางเดียว
"โรคอะไรนะครับ จินยอง"
เจบีพูดพร้อมทำหน้างงกับสิ่งที่ผมพูด
"แบมแบมเป็นโรคตัวลม"ผมย้ำ
"มีด้วยหรอครับ ผมไม่เคยได้ยินเลยครับจินยอง"
เจบีตอบและดูเหมือนเขาจะมีอะไรถามผมต่อ ผมเลยเล่ารายระเอียดก่อนที่เขาจะถามอะไรออกมา
"โรคตัวลมของแบมเป็นโรคที่หาได้ยากในคนทั่วไปแต่ไม่อันตรายมากแค่โรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายได้ โรคนี้จะมีอาการณ์จากการที่เป็นโรคนี้มีความรู้สึกทุกข์ใจ ไม่สบายใจโศกเศร้าอย่างมาก เช่น แบม และจะทำให้เป็นลม"
ผมอธิบายให้ทุกคนฟังแต่ดูเหมือนคนที่ไม่ได้ฟังอะไรเลยก็คงจะเป็นมาร์ค ที่เอาแต่มองหน้าแบมแบมตาไม่กระพริบเลย
Mark part
จะให้ผมกระพริบตาได้ยังไงละก็ผมเป็นห่วงแบมนี้เด็กอะไรเป็นโรคตัวลงตัวลมอะไรก็ไม่รู้แถมอาการณ์ก็น่าเป็นห่วงหลับไปนานแล้วน่ะเกิน5นาทีแล้วเนี้ย
"นี้ๆ จินยองลูก พาน้องเข้าไปในรถก่อนเร็วๆตรงนี้มันอากาศร้อนเดียวอาการจะหนักกว่าเดิมเร็วๆ"
แม่ผมพูดด้วยความรีบร้อนและหลังจากที่แม่ผมพูดจบไม่นานจินยองก็ได้อุ้มร่างเล็กบางของแบมๆไปแล้วรีบเดินไปข้างนอกทันที่และแม่ก็ให้เจบีและผมวิ่งนำไปเอารถมารับแบม
"เจบี มาร์ค ไปเอารถมารับน้องไปเร็วๆลูก"
หลังจากแม่พูดจบแม่ก็ยื่นกุญแจมาให้พวกเราทันทีผมกับบีก็เลยต้องรับมันมาแล้วรีบวิ่งไปทางรานจอดรถ
"ไอ้มาร์ค"
พอมาถึงรถเจบีก็ได้เรียกผมแล้วหันมามองหน้าผมแล้วบอกผมด้วยสีหน้าเคร่งเคลียดกับผมว่า
"กูขับรถบ้านมึงไม่เป็นว่ะ"
เจบีหันมาบอกผมแล้วก็ยิัมแหงๆให้กับผมผมเลยยิ้มแหงๆตอบมัน
"กูก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่ากูจะขับเป็น เพราะกูก็เคยมานี้พร้อมมึงง่ะ"
ผมตอบมันไปแล้วยิ้มให้มันอีกครั้ง
Rrrrrrr Rrrrrrr Rrrrrrr Rrrrrrr
เสียงโทรศัพน์ของผมดังขึ้นทำให้ผมกับบีต่องพักการสนทนากัน ผมยิบโทรศัพน์ของผมขึ้นมาแล้วก็ต้องอึ้งไปเพราะเบอร์ที่โทรมานี้เป็นเบอร์ของคนที่ผมรู้จักดีคนคนนี้คือ
"ใครโทรมาว่ะ ทำไมไม่รับ"
เจบีหันมาถามผมแล้วทำหน้างงผมเลยหันหน้าจอโทรศัพน์ของผมให้มันดูและดูเหมือนมันก็ดูท่าจะตกใจอยู่เหมือนกันเพราะดูหน้าของมันตอนนี้ท่าทางตกใจมากเลยเพราะมันทำตาโตอ้าปากค่างทาประมาณ 5-10 น. ได้แล้วมั้ง
"เป็นไปได้ไงว่ะ"
มันหันมาถามผม ผมเลยส่ายหัวตอบมันแทนคำว่าไม่รู้สิ่งที่ผมรู้ตอนนี้คือผู้หญิงคนนี้คงยังไม่ลืมผม หลังจากที่เราสองคนอึ้งกันมานานมากแล้วผมเลยกดรับสายไม่นานเสียงปลายสายก็ดังขึ้นมาทำให้พวกเนาต้องสดุ่งกันเลยทีเดียว
"อยู่ไหนกันเนี้ย!!!!"
เสียงที่ดูจะอ่อนหวานอ่อนโยนจากปลายสายดังออกมาพวกเราต่างตกใจกับเสียงของจียอน
"จียอน"
ผมตอบไปด้วยความดีใจนิดๆอันที่จริงนี้ไม่ใช่คำตอบหรอมันออกแนวกึ่งถามกึ่งเรียก กึ่งถามคือเธอโทรมาได้ไงยังมีเบอร์ผมอยู่ในเครื่องคุณหรอส่วนกึ่งเรียกคือจียอน(เรียกชื่อ)
"ถามว่าอยู่ไหนแล้วเนี้ยเร็วหน่อยได้ไหมเนี้ยตรงนี้มันร้อนน่ะรู้ไหม...ทำไมมองทำไมพวกเธอไม่ร้อนกันรึไงฮ่ะ...เธอนี้เหมื่อนเดิมเลยน่ะ...อย่ามายุ่งน่ะค่ะคุณแม่...บอกว่าอย่ามาเรียกฉันว่าแม่ไง...คุณแม่...นี้เธอ...ขอโทดน่ะค่ะหนูไม่มีหนีที่ไหนน่ะค่ะ"
ติด
ผมกดวางสายแล้วก็ต้องเอา(แย้ง)กุญแจจากเจบีแล้วรีบเปิดรถเพื่อที่จะขับกลับไปแต่ปัญหาที่สำคัญคือผมไม่รู้ว่ารถของพ่อเป็นคันไหนหน่ะสิก็ผมเคยมาที่นี้ครั้งแรกนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น