ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 8 โทรศัพท์กับวันพักร้อน
ตอนที่ 8
โทรศัพท์กับวันพักร้อน
“อ๊ะ อ้า ไม่ไหวแล้ว นี่มันอะไรกันเนี่ย” เปอร์เช่ขยี้หัวตัวเองแล้วส่งเสียงครางออกมาอย่างสุดจะทานทนเมื่อโดนร่างสูงรุกหนักเข้าทุกที แค่จูบปกติก็แทบทำให้เขาตายได้อยู่แล้ว ไม่คิดว่าลิ้นร้อนๆนั้นพอสัมผัสกับจุดอ่อนไหวของร่างกายแล้วมันจะทำให้สติเตลิดได้ถึงขนาดนี้
“รู้สึกดีใช่มั้ยล่ะ” ฟ้าครามกระซิบเบาๆที่ข้างหูส่วนมือก็กลับมารับหน้าที่ปรนนิบัติร่างบางให้ขึ้นสวรรค์ต่อไป
“อะ...อือ ตะ แต่ว่า... พอได้แล้วไอ้เสาไฟฟ้า ปล่อยสักทีสิวะ” เปอร์เช่กัดฟังกรอด ในขณะที่เขากำลังแสดงท่าทางน่าอับอายแต่อีกฝ่ายกลับดูสบายๆจนน่าโมโห
“เดี๋ยวสิ นี่เพิ่งเริ่มเองนะ” ร่างสูงขยับรอยยิ้มบนใบหน้าบางๆแต่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์
“หะ หา? ยังเพิ่งเริ่มเนี่ยนะ?” เปอร์เช่รู้สึกสมองอื้ออึง คิดไม่ออกแล้วด้วยซ้ำว่ามันจะยังมีอะไรมากกว่านี้ไปได้ในเมื่อที่ตรงนี้มีแต่ผู้ชายกับผู้ชาย
“อืม จะเริ่มเลยแล้วกันนะ” ร่างบางตาเหลือกเมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็ทาบทับลงมาบนตัวเขาด้วยน้ำหนักตัวที่มากกว่า ขณะที่กำลังจะอ้าปากด่าเด็กหนุ่มก็ต้องชะงักค้างเมื่อมีอะไรที่เลวร้ายกว่ากำลังเกิดขึ้น
“ว๊ากกกก นายจะทำบ้าอะไรอ่ะ ปล่อยได้แล้ว” เปอร์เช่ดิ้นขลุกขลักเมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังถูกล่วงล้ำเข้าในที่แปลกๆ ด้วยนิ้วและอะไรที่ลื่นๆเย็นๆจนทำให้นึกถึงเจลหรือของจำพวกวาสลีน
“เฮ้ออย่าดิ้นสิ เดี๋ยวก็เจ็บหรอก นี่ฉันพยายามนุ่มนวลด้วยอยู่นะ” ร่างสูงกดเด็กหนุ่มให้นิ่งที่สุดก่อนที่จะค่อยๆลากริมฝีปากไปตามซอกคอสีขาวด้วยความหลงใหล
“นุ่มนวลกับผีแกดิ ตูเป็นลูกผู้ชายเว้ย ไม่ต้องการให้ใครมานุ่มนวลด้วย ปล่อยโว้ยยยย” เปอร์เช่ดันหน้าอีกฝ่ายที่ซุกเข้ามาอย่างไม่ลดละความพยายาม พอจะรู้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเอง
“หึหึ ถ้าเป็นลูกผู้ชายจริงก็อย่าพิรี้พิไรสิ อ้าขามาได้แล้ว อะไรต่อมิอะไรมันจะได้ง่ายขึ้นหน่อย” แม้ปากจะพูดแบบนี้แต่ฟ้าครามกลับจัดแจงให้อีกฝ่ายเสร็จสรรพโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเต็มใจหรือไม่ ใบหน้าที่แดงก่ำ ดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำใสๆที่เจ้าตัวสะกดกลั้นไม่ให้ไหลออกมาอย่างเต็มกำลังยิ่งทำให้ชายหนุ่มยิ่งห้ามใจตัวเองไว้ไม่อยู่
“อ๊ะ แต่ว่านี่มันแปลก อะ อ๊า...เกินไป...แล้ว” เจ็บด้วย เปอร์เช่คราง มือขยุ้มเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่น
“ทนอีกแปบเดี๋ยวก็รู้สึกดี อย่าเกร็งสิ เดี๋ยวมันจะยิ่งเจ็บ” ฟ้าครามเห็นเด็กหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธก็อดนับถือในความรั้นของเจ้าตัวไม่ได้ ร่างบางนั้นสั่นระริกไปทั้งร่างแต่แววตาก็แสดงความดื้อออกมาอย่างชัดเจน
น่ารัก.....
“อ๊ะ เดี๋ยว มันเจ็บนะ เรียนรู้บ้าอะไรฉันไม่เอาแล้ว อื้อออ” เปอร์เช่สะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆฟ้าครามก็เพิ่มจำนวนนิ้วขึ้นมาโดยไม่บอกกล่าว อาจจะเป็นเพราะร่างสูงเองก็เริ่มใจร้อนอยากจะเขาไปในตัวอีกฝ่ายแล้วก็เป็นได้
“ทนอีกนิดน่า นี่ก็สองนิ้วแล้วถ้าเข้าไปได้อีกนิ้วก็พอแล้ว” ฟ้าครามประกบจูบกับเด็กหนุ่มอีกครั้งเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แต่กว่าจะสอดนิ้วที่สามเข้าไปได้ก็เล่นเอาเหนื่อยทั้งคู่
เพราะคนนึงก็เอาแต่ขัดขืนคนนึงก็เอาบังคับ
“ไม่ไหวแล้ว....ฮือออ” ตอนนี้พี่เช่ปล่อยน้ำตาลูกผู้ชายอย่างไม่อายใคร เจ็บก็เจ็บแต่ทำไมถึงได้รู้สึกดีได้ขนาดนี้ร่างบางเองก็อธิบายไม่ได้ ถึงสมองจะสั่งการว่าไม่ควรแต่ร่างกายกลับแสดงการเชิญชวนออกมาให้เห็นโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ปากบอกไม่ไหว ไหงถึงรัดแน่นขนาดนี้ล่ะ เอาเถอะเดี๋ยวต่อจากนี้จะเจอของจริงแล้วนะ” ฟ้าครามไม่วายจะกระซิบคำจิกกัดซึ่งทำให้เด็กหนุ่มจ้องหน้ากลับอย่างเคียดแค้น
ว่าแต่ของจริงอะไรอีกล่ะพี่เช่ไม่เข้าใจ
“เหวอ อย่าบอกนะว่าจะเอาไอ้นั้นใส่เข้ามา” เปอร์เช่ตาเหลือกเมื่อมองเหลือบไปเห็นน้องชายของอีกฝ่ายเข้าเต็มตา ขืนใส่เข้ามาจริงพี่เช่ไม่ตายคาเตียงเหรอ ขณะที่คิดแบบนั้นสมองก็สั่งการให้หาทางหนีท่าเดียวแต่ว่าการจะพ้นมือมารในตอนนี้มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เด็กหนุ่มเลยได้แต่จ้องของๆอีกฝ่ายตาค้างไม่อาจกล่าววาจาอะไรได้อีก
“เตรียมพร้อมขนาดนี้แล้วนายไม่ต้องกลัวหรอกน่ะว่าจะเข้าไม่ได้” ฟ้าครามหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าถอดสี แล้วจัดการเคลื่อนตัวเองเข้าไปในร่างอีกฝ่ายช้าๆ
“อ๊ะ อา แน่น...ฉันจะตายมั้ยวะเนี้ย....” เปอร์เช่ครวญครางทั้งน้ำตา
“ไม่ตายหรอกน่า ปอดแหกไปได้ หายใจเข้าลึกๆสิ ฉันจะขยับแล้วนะ” ร่างสูงเตือนอีกฝ่ายเบาๆด้วยรอยยิ้มที่เปอร์เช่เห็นเข้าแล้วก็ต้องเผลอเหม่อมองจนละสายตาไม่ได้
ยิ้มแบบนี้ก็ได้ด้วยแฮะ
ไม่ใช่รอยยิ้มปั้นแต่งแบบรูปในนิตยสาร ไม่ใช่รอยยิ้มเหยียดๆเหมือนปกติ ไม่ใช่รอยยิ้มที่สร้างขึ้นมาลวงตาใคร แต่เป็นรอยยิ้มจริงๆที่ชวนให้แสบตาไม่ต่างอะไรกับไม่ต่างกับการมองเข้าไปในแสงที่สว่างจ้าจนทำให้สายตาพร่าเลือน
รอยยิ้มแบบนี้มันฆ่าคนได้ชัดๆ แต่ว่าก่อนที่พี่เช่จะตายเพราะรอยยิ้มพี่เช่อาจจะตายเพราะกิจกรรมในตอนนี้ก็เป็นได้ เมื่อถูกกระแทกกระทั้นเสียจนแทบขาดใจตายอยู่รอมร่อ
“อ้า..เร็วอีกได้ไหม...” ร่างบางแทบอยากปาดคอฆ่าตัวตายให้พ้นๆไปซะเมื่อได้ยินเสียงครางหวิวออดอ้อนของตัวเอง นี่พี่เช่พูดอะไรออกไปเนี่ย!?
“ได้สิถ้านายต้องการ...” ฟ้าครามไม่ได้นึกโมโหอะไรเมื่อโดนอีกฝ่ายขยุ้มผมเขาเต็มกำมือ เขาจะไม่แปลกใจเลยว่าถ้าพรุ่งนี้ตัวเขาเต็มไปด้วยรอยกัดรอยข่วน ขนาดเป็นซะขนาดนี้แล้วยังไม่วายเหลือพิษสงเอาไว้อีก ช่างน่านับถือเสียจริง
“นี่เปอร์เช่ ฉันกำลังหลงรักนายอยู่ล่ะมั้ง...” เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อได้ยินร่างสูงกระซิบก่อนที่สติของจะดับวูบลงไป
จะรักก็รักดิ ทำไมต้องมี มั้ง ด้วยวะ ไอ้เสาไฟฟ้า.....
............................
“อืม นี่มันกี่โมงแล้ว...” แสงแดดที่สาดเข้ามาภายในห้องทำให้ร่างๆหนึ่งขยับตัวอย่างง่วงงม เปอร์เช่กระพริบตาน้อยๆเพื่อให้สายตาปรับกับภาพที่มองเห็นจนมันชัดเจน
เมื่อคืนมันเกิดอะไรบางเนี่ย ทำไมมันเมื่อยขนาดนี้อ่ะ เด็กหนุ่มทำหน้าเหยเกหันซ้ายหันขวาด้วยควมงุนงงก่อนจะไปพบพานกับอีกร่างหนึ่งที่นอนแนบชิดเบียดอยู่กับตัวเองภายใต้ผ้าห่ม ขณะที่เปอร์เช่ยังเอ๋อไม่เสร็จนั้นก็เจอชายหนุ่มเจ้าของเตียงทักขึ้นมาเสียก่อน
“อืมม ตื่นแล้วเหรอ” ฟ้าครามเหยียดยิ้มทั้งที่ยังไม่อยากลืมตา แต่ก่อนที่ร่างสูงจะได้ขยับตัวทำอะไรก็เจอหมอนฟาดเข้าที่หน้าเต็มๆ
“เจ็บโว้ยยยย เมื่อคืนบอกให้หยุดทำไมไม่หยุดวะ จะฝึกบ้าอะไรมันก็ต้องดูขีดจำกัดคนมั่งดิ” เปอร์เช่โวยวาย อะไรต่อมิอะไรที่โดนไปเมื่อคืนมันน่าอายน้อยอยู่เมื่อไหร่ แต่ทว่าความเจ็บใจที่ถูกทำให้เจ็บตัวมีมากกว่าเมื่อคืนนี้หลังจากที่โดนฟ้าครามยิ้มให้เห็นเขาก็จำไม่ได้แล้วว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง รู้สึกตัวอีกทีก็มีสภาพดูไม่จืดแบบนี้แล้ว
“โทษฉันคนเดียวก็ไม่ได้นะ ในเมื่อนายเป็นคนร้องขอเอง เพราะงั้นนายปล่อยฉันได้แล้วมันหายใจไม่ออก” ฟ้าครามแย้ง ชายหนุ่มพยายามตะกายขึ้นมาจากผ้านวนผืนใหญ่ที่คลุมร่างตัวเองก็ไม่เป็นผลเมื่อมีร่างคนอีกคนทับเอาไว้แถมยังส่งสายตาอาฆาตมาทันทีเมื่อได้ยินจนจบประโยค
“งั้นก็ตายซะเหอะ ไอ้เสาไฟฟ้าบ้า” ร่างบางจัดการเอาหมอนกดหัวอีกฝ่ายด้วยความแค้น ไหนว่าจะลองแค่เบื้องต้น ทำไปทำมาไหงเขาถึงได้จบหลักสูตรภายในวันเดียวไปได้
แต่ว่าถ้านี่มันเป็นการเริ่มต้น...พี่เช่ขอกลับใจเป็นโสดดีกว่าต้องมาเรียนรู้อะไรบ้าๆแบบนี้ดีกว่า
“เดี๋ยว มีโทรศัพท์เข้ามา ขอฉันรับก่อนนน” ร่างสูงพยายามควานมือออกมาจากข้างใต้ผ้าห่มเพื่อคว้าเอาโทรศัพท์ที่วางทิ้งไว้บนหัวเตียงอย่างยากลำบาก
“อ่ะ นี่ ช่วงนี้ทำไมนายมีคนโทรเข้าเยอะจังวะ ก่อนหน้าไม่เคยเห็นจะมี” เปอร์เช่แอบสงสัยนิดๆว่าอีกฝ่ยจะมีธุระอะไรกันนักหนา ถึงต้องมาคอยรับโทรศัพท์สายเดิมๆวันนึงเป็นสิบยี่สิบรอบ
“เรื่องงานน่ะ ขอตัวแปบนะ นายไปอาบน้ำก่อนเลยก็ได้” เมื่อตั้งใจจริงๆร่างสูงก็หลุดมาจากการกลั่นแกล้งของเปอร์เช่ได้ทันที แล้วเดินลิ่วออกไปนอกระเบียงโดยไม่สนสายตาขุ่นเคืองของคนตัวเล็กกว่าแต่อย่างไร
มันมีความลับอะไรหนักหนาฟะ แต่ว่ายังไงก็ไม่ใช่เรื่องของพี่เช่น่ะนะ ไปอาบน้ำให้สบายใจดีกว่าเรา
“เหวออ” เปอร์เช่ที่กะว่าจะอาบน้ำแล้วรีบทิ้งฟ้าครามเอาไว้แล้วหนีไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆอุทานขึ้นมาอย่างแปลกใจเมื่อเดินออกห่างจากเตียงได้ไม่กี่ก้าวแข้งขาก็อ่อนแรงจนกระทั่งยืนทรงตัวไม่อยู่ต้องทรุดนั่งลงกับพื้นมากระพริบตาปริบๆด้วยความประหลาดใจ
หรือว่าพี่เช่จะอ่อนกว่าที่ตัวเองคิดวะ....
เปอร์เช่นึกไปถึงใบหน้าฮ่องเต้เพื่อนรักที่เหมือนจะกำลังฝึกอะไรแบบนี้เหมือนกันไม่เห็นจะมีอาการอะไรสักอย่าง ผิดกับเขาที่แค่คิดจะตะกายขึ้นมายืนยังดูเป็นความหวังอันเลือนราง
ขนาดตัวเองยังคิดว่าทุเรศเลย แล้วคนอื่นจะเหลืออะไร....เปอร์เช่ครวญครางอยู่ในใจ
ในเมื่อจะลุกขึ้นก็ทำไม่ได้ นั่งต่อไปก็กลัวจะขายหน้าประชาชี เปอร์เช่ก็เลยตัดสินคลานเข้าห้องน้ำไปแบบทุลักทุเล เพราะกลัวว่าฟ้าครามจะกลับเข้ามาแล้วเห็นสภาพตัวเอง
รู้อย่างนี้เมื่อคืนไม่น่าไปกร่างรับคำท้าทายมาจากฟ้าครามเลย ใครจะรู้ล่ะว่าจะเป็นลูกผู้ชายที่เพอร์เฟคต้องมาผ่านเรื่องเจ็บตัวขนาดนี้ เวรกรรมของพี่เช่จริงๆ เปอร์เช่ออกแนวบ่นไปก็คลานไปพอถึงห้องน้ำเด็กหนุ่มก็รีบล็อคประตูอย่างแน่นหนา กะว่าขอตั้งหลักก่อนค่อยว่ากัน
ค่อยยังชั่ว...เปอร์เช่เปิดน้ำอุ่นลงไปเช่น้ำในอ่างได้ครู่หนึ่งก็รู้สึกสบายตัว ถึงจะยังขัดๆยอกๆไปบ้างก็ไม่ถึงขั้นเก่า ถ้าใครถามว่าเป็นอะไรถึงเดินได้ไม่ถนัดเขาก็กะว่าจะตอบส่งๆไปว่าล้มในห้องน้ำเพราะพื้นมันลื่น
ส่วนรอยแดงๆรอบตัว...ถึงที่จริงอยากจะบอกว่าหมามันฟัดก็คงฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่....
“ลมพิษน่ะ สงสัยจะแพ้อาหารทะเล” เปอร์เช่ตอบคำถามที่เตรียมเอาไว้ในหัวเสร็จสรรพแล้วตอบให้ฮ่องเต้ฟังอย่างคล่องแคล้ว
“นายแพ้อาหารทะเลด้วยหรอเช่ วันก่อนนายยังกินกระเพราะปลาหมึกอยู่เลยนะ” ฮ่องเต้ออกอาการงง อยู่ด้วยกันมาตั้งนานเพิ่งจะรู้ว่าอีกฝ่ายแพ้ของแบบนี้ด้วย
“มันไม่สดน่ะสิ ถ้ามันสดฉันไม่แพ้หรอก” ร่างบางปรายตามองไปที่ฟ้าครามที่ทำหน้านิ่งเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ทำไมเด็กหนุ่มจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะแอบขำก็ในเมื่อต้นเหตุที่พี่เช่ต้องมานั่งแถก็ฝีมือมันทั้งนั้น
สำหรับเปอร์เช่แล้วมันอาจจะเป็นการกลั่นแกล้งรังแก ส่วนฮ่องเต้นั้นก็ดูเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่อีกคนที่เดาได้ทั้งหมดนั้นดันฟุ่บหน้าลงกับโต๊ะขำอย่างไม่อายใคร
แสดงความเป็นเจ้าของขนาดนั้นกลัวใครจะแย่งกันแน่ มะนาวรู้ดีว่าญาติของเพื่อนคนนี้ต้องการจะสื่ออะไรให้เขากับฮ่องเต้รู้ แต่ว่าเขากับฮ่องเต้ก็ออกจะสวีตกันออกขนาดนี้แล้วไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะระแวงอะไร แต่ในเมื่อระแวงก็ระแวงไปเขาก็ไม่คิดจะอธิบายอะไรทั้งนั้น
ไม่งั้นคงไม่ได้เห็นของตลกขนาดนี้บ่อยๆ
“อยู่ทะเลปลาหมึกมันจะสดน้อยกว่าบนเขาได้ไงอ่ะ ฉันไม่เข้าใจ” ฮ่องเต้ถามอีกทำเอาเปอร์เช่เหงื่อตก
“อะ เอ่อ เวลาเอาปลาหมึกขึ้นไปแถวบ้านเราน่ะ พอขึ้นจากทะเลปุ๊บเขาก็เอาอัดน้ำแข็งเข้าห้องเย็นทันทีไง ไม่เหมือนแถวนี้ จะเอามาผัดก็ต้องซื้อมาใส่ตู้เย็นไว้ก่อน
“อ๊ะ จริงด้วย ถ้าซื้อแถวนี้กว่าจะหิ้วเข้าบ้านมันไม่เย็นแล้วเนอะ” ฮ่องเต้พยักหน้าเข้าใจ ทำเอาคนหลอกถึงกับกลุ้ม ทั้งชีวิตเขานอกจากฮ่องเต้แล้วจะมีใครเชื่อที่เขาแถอีกมั้ยนี้
“ข้าวเที่ยงกับข้าวเย็นวันนี้นายก็ไปกินพวกไข่ดาวไข่เจียวก็แล้วกันเดี๋ยวพวกอาหารทะเลฉันจัดการเอง” มะนาวพูดเสียงเรียบ
“จริงด้วยเช่ นายอย่าไปฟืนเลยนะ แพ้มากๆแล้วเดี๋ยวจะยุ่ง” ฮ่องเต้เห็นด้วยกับมะนาว เล่นเอาเปอร์เช่ถึงกับเหงื่อตก
รู้อย่างนี้อ้างอย่างอื่นดีกว่า แบบนี้ต่อไปจะกินของโปรดทีไม่ต้องหลบๆซ่อนๆหรือนี่
“กินยาแก้แพ้แล้วไม่ใช่รึไงไม่เป็นไรหรอก...” ฟ้าครามเงยหน้าขึ้นมาจากเครื่องเกมส์ที่ชายหนุ่มกลับมาเล่นเกมส์ฮิตในอดีตอย่างมาริโอ้แก้เบื่อ คำพูดที่ราวกับเสียงสวรรค์ทำให้เปอร์เช่ถึงกับซาบซึ้งใจน้ำตาแทบร่วง
“ใช่ๆฉันกินยาแก้แพ้แล้ว ตอนนี้ก็กินอาหารทะเลได้สบาย” เปอร์เช่รีบคว้าเอาทางรอดที่ฟ้าครามหยิบยื่นมาให้อย่างเต็มใจ
“งั้นเหรอ....” ฮ่องเต่แม้จะติดใจสงสัยอยู่บ้างแต่ก็ยอมรามือเมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเองไม่เป็นไรจริงๆ แต่แพ้อาการทะเลมันทำให้เป็นรอยได้เหมือนที่เขาโดนมาไม่มีผิด อย่างนี้ต่อไปเขาไม่จำเป็นต้องมานั่งหลบๆซ่อนๆแต่พูดว่าแพ้อาหารทะเลมั่งก็คงได้ล่ะมั้ง...
“โทรศัพท์นายเข้าอีกแล้วเหรอ” เปอร์เช่ทักขึ้นเมื่อเห็นฟ้าครามหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาจ้องอย่างอารมณ์เสีย สายของเอริกโทรมาบ่นโน้นบ่นนี้ไม่หยุดหย่อนตั้งแต่อีกฝ่ายได้เบอร์ของเขาไปดูเหมือนว่าฟ้าครามก็ถูกพรากอิสระมานับแต่นั้นมา ขนาดเวลาจะเดินเล่นริมทะเลอย่างสงบๆยังโทรมารังควานได้เลย
“อืม แต่ว่าช่างมันเหอะ” ฟ้าครามเหยียดยิ้มให้กับโทรศัพท์ตัวเองน้อยๆ ก่อนจะคว้างมันลงทะเลอย่างไม่เสียดาย
“เฮ้ยยยยย ทำบ้าอะไรของนายน่ะ ไอ้เสาไฟฟ้า” เปอร์เช่ลุกพรวด เด็กหนุ่มได้แต่มองเจ้าวัตถุขนาดเล็กทำมุมโค้งอย่างสวยงามก่อนจะดำลงน้ำไปต่อหน้าต่อตา สร้างมลพิษน่ะไม่เท่าไหร่ แต่พี่เช่แอบเสียดายของมากกว่า
“กำจัดขยะน่ะ เท่านี้ก็หมดสิ่งรบกวนแล้ว หรือนายว่าไม่ใช่” ฟ้าครามยิ้มบางๆ
“หง่ะ นั้นสายที่ทำงานนายไม่ใช่เหรอ ทำแบบนี้นายไม่กลัวโดนไล่ออกรึไง” เปอร์เช่คิดยังไงก็ไม่เข้าใจอีกฝ่ายมากขึ้นทุกที ดูเหมือนฟ้าครามจะมีงานประจำที่ตัวเองไม่ค่อยอยากจะทำอยู่สักเท่าไหร่อยู่ถึงได้ลาพักร้อนยาวๆหนีมา แต่กระนั้นกลับโดนหัวหน้าโทรตามยิกๆ ถ้าเป็นเขาเจอคนไม่รับผิดชอบได้ขนาดนี้ไล่ออกไปนานแระ
“ไล่ออกก็ดีสิจะได้ไม่ต้องทำงาน” ฟ้าครามหัวเราะเมื่อเปอร์เช่ขยี้หัวตัวเองเพราะไม่เข้าใจ
หรือว่านอกเหนือจากงานนายแบบแล้วหมอนี่จะเป็นซุปเปอร์สตาร์ด้วยถึงได้มีคนต้องมาตามอ้อนวอนให้ไปทำงานถึงขนาดนี้ แต่คิดอีกทีถ้ามันดังได้ขนาดนั้นพี่เช่ก็ต้องพอรู้จักมาบ้างล่ะน่า
แล้วถ้างั้นอาชีพหลักของหมอนี่คืออะไร....
ติดเกมส์โคตรๆ เชื่อมั่นในตัวเองสุดๆ แล้วก็กวนตรีนอย่างหาที่เปรียบมิได้แบบนี้....
“นายทำงานอะไรอ่ะ ฉันเดาไม่ออกว่ะ” เปอร์เช่หลุดปากถามออกมาในที่สุดหลังจากเดาอยู่นาน
“อวดของสะสมน่ะ ทำโน้นทำนี่เล่นแล้วนานๆก็เอามาอวดให้ชาวบ้านเสียเงินมานั่งดู อะไรประมาณนั้น” ฟ้าครามทำให้เปอร์เช่นึกไปถึงงานเฉพาะกลุ่มแบบที่เหล่าบรรดาโอตาคุจะเอาฟิคเกอร์มาแลกให้กันดูจากนั้นก็ประมูล ดูท่าทางของสะสมของอีกฝ่ายคงจะเป็นที่สนใจพอดูถึงได้ต้องมาขอให้ไปเปิดโชว์
“เหอะๆ ของแบบนั้นดูเหมือนฉันจะเข้าไม่ถึงวะ” เปอร์เช่หัวเราะแห้งๆ แอบกลัวจับใจว่าตัวเองจะโดนลากเข้าไปมีงานอดิเรกเก็บตัวด้วยขึ้นมาตงิดๆ คิดดูนะว่าขนาดมาเที่ยวเป็นกลุ่มเขายังรู้สึกเหมือนมันเป็นการเดินทางที่เงียบสงบมาก มะนาวกับฮ่องเต้ก็จับคู่กันเดินริมหาดแบบเอื่อยๆ ส่วนเขาที่แยกตัวมาเดินคู่กับฟ้าครามตั้งแต่เมื่อไหรก็ไม่รู้ก็ทำตัวพอๆกัน
ยังกะเดทคู่มากกว่าเที่ยวเฮฮาเลยอ่ะ นี่ถ้าพี่เช่เป็นคนอ่อนไหวล่ะก็ป่านนี้อาจเครียดตายไปแล้วก็ได้
“นายสนใจจะไปที่บ้านฉันบ้างมั้ยล่ะ ไปเรียนต่อที่โน้นก็ได้นะ เขาว่ากันว่าคนจบนอกน่ะ สาวที่ไหนก็รุมจับนะรู้มั้ย” ฟ้าครามพยายามแนะ ช่วงนี้เขาโดนคนทางโน้นเร่งให้กลับอยู่ทุกวัน อะไรหลายๆอย่างมันดูจะไม่ลงตัวไปหมด และเขาคิดว่าอีกไม่นานคงจะมาคนมาลากตัวเขากลับไปแน่ๆ เพราะงั้นระหว่างนี้เขาจะต้องหาทางเอาเจ้าคนตัวเล็กนี่กลับไปด้วยให้ได้ ไม่ว่าจะใช่วิธีอะไรก็ตาม
“ฉันไม่เก่งภาษาอังกฤษอ่ะ แล้วถ้าฉันไปใครจะคอยดูแลน้องฉันฟะ”
“พ่อกับแม่นายก็อยู่นี่” ฟ้าครามหาเหตุผลมาแย้ง
“แต่พอกับแม่ฉันเล่นกับน้องไม่ค่อยได้นี่นา ไม่เหมือนฉันหรอก ไม่ว่าจะชวนทำอะไรน้องฉันก็ปลื้มไปหมด” เปอร์เช่ยิ้มยืดๆ หารู้ไมว่าน้องตัวเองเห็นว่าเขาวุฒิภาวะไม่ต่างกันเท่าไหร่เล่นด้วยแล้วสนุกกว่าเท่านั้น อย่างดั้สุดเท่าที่นอกฝาแฝดเขามอบให้ก็คือความเกรงใจในฐานะหัวโจกเท่านั้น ไม่ใช่ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่
“อืมมม เข้าใจแล้ว” ในเมื่ออีกฝ่ายไปไม่ได้เขาแอบหนีมาเองก็ได้ฟะ ฟ้าครามตัดสินใจแล้วว่าเดี๋ยวพอถึงเวลาเส้นตายเมื่อไหร่เขาจะทำท่าเป็นตั้งใจกลับไปทำงานแล้วค่อยหลอกให้บรรดาตาแก่หัวดื้อตายใจก่อนจะหนีมาใหม่ก็ได้
คราวนี้เขาจะทิ้งใบลาออกไว้สักหนึ่งตัน คอยดูไปว่าหัวหน้าเขาจะโมโหจนฉีกทิ้งทีละใบไหวรึเปล่า
วืดดด วืดดด
เปอร์เช่ล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาบ้าง เบอร์แปลกๆ ร่างบางสงสัยเล็กน้อยว่าเป็นเบอร์ใคร ถ้าให้เดาก็น่าจะเป็นพ่อของเขาเองเพราะเลขที่โชว์อยู่เป็นรหัสปรายสายจากเมืองนอก
“หา? ว่าไงนะ” เปอร์เช่พยายามเงี่ยหูฟังเท่าไหร่คู่สนทนาอีกฟากก็ยังคงรัวภาษาอังกฤษใสมาไม่หยุด โดยสัญชาตญาณหรืออะไรก็ตาม เปอร์เช่ตัดสินใจส่งมือถือให้คนที่น่าจะฟังออกข้างตัวทันที
เล่นแบบนี้กะว่าเขาจะเก่งภาษาแล้วรึไงนะพ่อ
“นายรู้เบอร์นี้ได้ไง เอริก” ฟ้าครามถามเสียงเย็มเมื่อรู้ว่าปรายสายที่ร่างบางส่งมาให้เพราะคุยไม่รู้เรื่องเป็นใคร
‘ของแบบนี้มันหาไม่ยากเท่าเบอร์นายหรอกน่ะ ว่าแต่ตอนนี้มือถือนายไปไหน ทำไมฉันจับสัญญาณไม่ได้เลย ฉันน่ะมีเรื่องสำคัญต้องพูดกับนายนะโคลด’ เอริกเริ่มรู้สึกเบื่อที่ต้องมาทำหน้าที่เหมือนหมาเฝ้าฝูงแกะขึ้นมาตงิด
โดยเฉพาะลูกแกะติดสปริงอย่างฟ้าครามที่เขาตามตัวไม่ค่อยจะทัน ไม่ได้มีความเรียบร้อยน่ารักเหมือนอาเรย์กับฟรานซิสเอาเสียเลย สองคนนี้ออกจะเป็นลูกแกะที่เชื่อฟังน่ารักแท้ๆ แต่ฟ้าครามกลับชอบแหกคอกให้เขาโดนหัวหน้าด่อยู่บ่อยๆ
“เรื่องเดิมๆ ฉันบอกไปแล้วไงว่าฉันยังไม่กลับ ถึงเวลาหมดวันลาเมื่อไหร่ฉันก็กลับไปเองล่ะน่า นายอย่ามาเรื่องมากนักเลย เดี๋ยวมันจะพาลทำให้ฉันอยากทัศนาจรรอบโลกซะเปล่าๆ” คราวที่แล้วที่ฟ้าครามหงุดหงิดขึ้นมาชายหนุ่มก็ทำแบบนั้น กว่าจะยอมกลับไปอีกทีเขาก็เที่ยวซะเบื่อไปเลย
‘คราวนี้มันไม่ได้น่ะสิโคลด นายน่ะทำตัวหละหลวมไม่เหมือนทุกทีเลย ขนาดฉันยังตามนายได้ขนาดนี้ ถึงพวกอื่นๆมันจะไม่ไวเท่าฉันก็เถอะ แต่ว่านายมันก็ประมาทไป’
“นายหมายถึงอะไรกันแน่” ฟ้าครามไม่เข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าหละหลวม ถ้าแม่เขาไม่ยอมบอกเบอร์โทรศัพท์เขาให้อย่างหวังเลยว่าตอนนี้เอริกจะมาราวีเขาได้
‘รูปน่ะ อาศัยการเกะรอยจากต้นต่อที่มาจากการส่งต่อถึงจะให้เวลานานหน่อยก็ใช่ว่าจะไม่มีทาง’ เอริกอธิบาย
“รูป...รูปอะไร?” ฟ้าครามครามแอบไปคิดว่าตัวเองไปมีรูปอะไรทิ้งไว้ที่ไหนในเมื่อตัวเขาก็ระวังตัวจะตาย ไม่ยอมปล่อยให้ใครถ่ายรูปเอาไว้แน่ สายการอ้างลอยๆว่ามีคนเจอเขา ก็มีแต่พวกโม้ไปเรี่อยจนไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จ
ตูเก็บตัวอยู่กับบ้านจนแทบจะขึ้นรายังจะมีใครมีปัญญาแอบถ่ายไว้ได้อีกรึนี่
‘เอาไว้ฉันจะส่งให้นายดู น่ารักไม่เลวเลยเด็กผู้หญิงคนนี้ เข้าใจเลยล่ะว่าทำไมนายไม่ยอมกลับ’ เอริกหัวเราะมาตามสายเล่นเอาชายหนุ่มฟังด้วยความสับสน
รูปอะไร? เด็กผู้หญิงคนไหนล่ะวะนั้น....
“นายก็อ้างไปเรื่อย เอาเป็นว่าอีกสามวันฉันจะกลับไปเคลียร์สารพัดเรื่องบ้าๆของนายให้หมดพอใจรึยัง แล้วก็เลิกรังควานฉันได้แล้ว” ฟ้าครามพูดกรอกโทรศัพท์แบบเคืองๆ เล่นเอาเปอร์เช่ที่นอกจากจะฟังไม่รู้เรื่องแล้วยังไม่เคยเห็นชายหนุ่มขึ้นเสียงเผลอเหม่อมองด้วยความแปลกใจ ก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อโทรศัพท์ตัวเองลอยระริ้วลงทะเลไปอีกเครื่อง
“เฮ้ยยยยยย นั้นมันโทรศัพท์ฉันนนนนน” เปอร์เช่ร้องเสียงหลง เสียงทั้งเครื่อง เสียดายทั้งเบอร์โทรสายๆที่แอบสะสมไว้ ไอ้เสาไฟฟ้าบ้า จะหงุดหงิดเรื่องงานมันก็เรื่องของคุณท่าน แต่ทำไม๊ต้องมาลงที่โทรศัพท์ที่น่ารักของกระผมด้วยยยย พี่เช่ไม่เข้าใจ
“เดี๋ยวฉันซื้อใหม่ให้ เปลี่ยนเบอร์ด้วยเลยแล้วกันตอนนี้เบอร์ที่ติดอยู่กับเครื่องนายมันลงทะเลไปเรียบร้อยแล้ว” ฟ้าครามพูดราวกับว่าเรื่องเป็นแค่ประโยคบอกเล่าธรรมดา ไม่ได้สังเกตสีหน้าที่แทบจะฆ่าคนตายของร่างบางเลยสักนิด
“ไอ้เสาไฟฟ้าบ้า ตายซะเหอะ” เปอร์เช่ที่ตั้งใจจะเหวี่ยงอีกฝ่ายแค่พอให้หายโมโหก็ต้องตกใจเมื่อตัวเองสะดุดขาตัวเองเสียหลักก่อนที่จะส่งทั้งฟ้าครามและตัวเขาลงทะเลไปทั้งคู่
กว่าเด็กหนุ่มจะตะเกียกตะกายขึ้นมาจากน้ำได้ก็นึกว่าจะต้องกลายเป็นปุ๋ยส่าหร่ายเพียงเพราะน้ำตื้นแค่เอวไปซะแล้ว แต่กลับตกใจยิ่งกว่าเมื่อตัวเองกำลังตกอยู่ในวงล้อมแมงกะพรุนและอ้อมกอดฟ้าคราม
ระหว่างจะเลือกโดดกลับลงไปในทะเลกับกอดอีกฝ่ายแบบนี้ต่อไป....
ไม่ว่าจะอย่างใดอย่างหนึ่ง พี่เช่ก็สะกดได้แต่คำว่าซวยกับซวย
...............................
“แสบโว้ยย” เปอร์เช่แหกปากเมื่อฮ่องเต้ทายาให้อย่างเบามือที่สุด ซึ่งมันก็ยังหนักอยู่ดี
“ทนเอาหน่อยน่า ใครใช้ให้นายลงไปเลยน้ำอ่ะ ช่วยไม่ได้” ฮ่องเต้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เจ้าเพื่อนคนนี้มันจะซวยได้ขนาดไหน ทั้งลื่นล้มในห้องน้ำจนเอวเดาะ ทั้งแพ้อาหารทะเล ตอนนี้ก็มาแมงกะพรุนไฟลวกเอาอีก
“ไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย มันสะดุด” เปอร์เช่หน้างอเมื่อโดนวิจารณ์
“ญาตินายโดนไปเยอะกว่านายอีกยังไม่เห็นบนสักคำ นายก็อย่าบ่นมากเลยน่า”
“หมอนั้นมันถึก ไม่เป็นไรหรอก”เปอร์เช่ถึงจะรู้อยู่แกใจว่าอีกฝ่ายก็โดนไปไม่น้อย แต่ว่าถ้าเทียบกับโทรศัพท์ที่น่ารักของเขาที่ต้องพังลงไปแล้วแค่นี้มันยังน้อย ถึงจะพูดว่าจะซื้อให้ใหม่แต่ว่าร่างสูงมีสิทธิ์อะไรมาเอาของๆเขาไปโยนทะเล
“โดนแมงกะพรุนไฟมันไม่เกี่ยวกับว่าถึงไม่ถึงไม่ใช่เหรอ ต่อให้กล้ามขนาดไหนโดนไปก็พองเหมือนกันอยู่ดี” มะนาวแย้งขึ้นมาลอยๆ เขาไม่ได้เข้าข้างใครทั้งนั้น แต่ว่ากลัวว่าเพื่อนรักจะไปปล่อยไก่ที่อื่นต่อมากกว่า
“เรื่องนั้นฉันรู้หรอกน่า ชิ ทายาให้มันเสร็จๆแล้วไปเช็คเอ้าท์ออกได้แล้ว ฉันขี้เกียจไปถึงบ้านค่ำ อีกไม่กี่วันก็จะประกาศผลสอบกลางแล้วว่าได้หรือชวด” เปอร์เช่พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็ทำเอาทั้งตัวเขาและฮ่องเต้กลับไปสู่อารมณ์หดหู่
ถึงจะนัดแนะกันแล้วว่าถ้ามีใครคนใดคนนึงพลาดไปที่เหลือจะยอมไปเรียนเอกชนด้วยก็ตาม แต่ว่าทั้งเปอร์เช่และฮ่องเต้เองต่างก็พากันมั่นใจว่าตัวเองต้องเป็นทำให้ชวดมหาลัยรัฐบาลดีๆทั้งกลุ่มแน่
อัตราส่วนที่เป็นหนึ่งต่อสอง มะนาวได้แต่มองเพื่อนทั้งสองทำสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก ที่จริงเขาก็อยากจะบอกทั้งคู่อยู่เหมือนกันว่าเขาตัดสินใจสมัครมหาลัยเอกชนให้ไปเรียบร้อยแล้ว เพราะเชื่อมั่นในตัวเพื่อนตัวเองเหลือเกินว่ามันจะสอบไม่ติด
ยิ่งวลีปลอบกันไปปลอบกันว่า แย่งพูดกันว่าอีกฝ่ายต้องสอบผ่านแน่ๆแล้วมะนาวก็ไม่อยากทำลายจิตใจทั้งคู่ว่าไม่มีทางที่จะผ่านทั้งคู่นั้นแหล่ะ เปอร์เช่แม้จะเรียนดีขึ้นมาบ้างเพราะมีคนช่วยติดแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถชนะคนอื่นๆได้เพียงชั่วข้ามคืน ส่วนฮ่องเต้ที่เพียรพยายามท่องวิธีเขียนชื่อลงในกระดาษให้เรียบร้อยว่าเป็นยังไงเวลาอ่านหนังสือก็ไมมีเหลือแล้ว
เพราะงั้นมันจึงเป็นหน้าที่คนที่พอจะมีหัวสมองอยู่บ้างมาคอยเตรียมการณ์เอาไว้ให้ แต่ว่าตอนนี้ก็ปล่อยเจ้าคนหวังลมๆแล้งๆฝันหวานกันต่อไปก่อนจะเป็นไรไป.....
“กินข้าวเที่ยงนี่เสร็จก็กลับแล้วกัน...ที่จริง...อืม มันก็น่าจะได้เวลาพอสมควรแล้ว” ฟ้าครามตั้งใจจะพูดออกไปเรื่องที่ตัวเองต้องกลับไปที่อเมริกาชั่วคราวรู้สึกลำบากใจขึ้นมานิดๆที่จะต้องพูดออกไป
ส่วนหนึ่งก็เพราะมีคนอื่นอยู่ด้วย แต่ว่าก็ไม่ใช่ทั้งหมด ฟ้าครามกลัวที่จะต้องเอ่ยคำลามากกว่า...
ทั้งที่มันเป็นเรื่องที่เขาผ่านมาจนชินชาแล้วแท้ๆ แต่ว่าการต้องห่างกับอีกฝ่ายแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆทำไมถึงได้ดูเป็นเรื่องยากเย็นขึ้นมาได้เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
“รู้แล้วน่า ฉันน่ะ เตรียมตัวกลับตั้งนานแล้วเฟ้ย” เตรียมตัวที่เปอร์เช่ว่าก็คือการซื้อทั้งกุ้งทั้งปูแล้วก็ของทะเลอื่นๆยัดจนเต็มกระติก ส่วนข้าวของอื่นๆแน่นอนว่าก็กองๆอยู่ในห้องพักเหมือนเดิม ทิ้งไว้เป็นภาระให้ฟ้าครามต้องมาจับยัดลงกระเป๋าให้
รถเดินทางออกจากที่พักและขับไปเรื่อยๆ ก่อนพระอาทิตย์จะตกดินทั้งฟ้าครามและเปอร์เช่ก็มาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ถึงจะห่างหายไปแค่ไม่กี่วันแต่ก็ชวนให้รู้สึกดีที่ได้กลับมา
“อ้าว ป้าแช่มครับ จัดบ้านใหม่ซะด้วยโล่งเชียว” เปอร์เช่ลากกระเป๋าเข้ามาให้ตัวบ้านได้ก็รีบเอ่ยชมคุณแม่บ้านคนขยันด้วยความทึ่งเมื่อมองปางไหนของบ้านก็ดูโล่งตาไปหมด ไม่ทันได้สังเกตรอยยิ้มแห้งๆของป้าแช่มแต่อย่างไร
“แต่ว่านี่มันจะโล่งไปรึเปล่าครับ...”
“จัดบ้านใหม่ที่ไหนกันล่ะคะคุณเช่ ยกเค้าต่างหากล่ะคะ มาจากไหนไม่รู้ตั้งหลายรอบ ทั้งไว้ทั้งเยอะแปบเดียวมันขนไปแทบจะหมดบ้าน ถ้าพวกมันไม่ซัดกันเองเฟอร์นิเจอร์สักชิ้นอย่าหวังว่าจะเหลือเลยค่ะ” ป้าแช่มเฉลยในที่สุด คำกล่าวที่ว่าเดินทับเส้น แต่เล่นเอาถึงตายเป็นยังไงหญิงสูงวัยได้พิสูจน์ด้วยตาก็วันนี้
ก็อย่างว่าว่าใครมันจะซวยโดนโจรเล็งพร้อมกันทั้งสามขบวนการ ทับเส้นสัมปทานกันตีกับสนุกสนานได้แบบนี้บ่อยๆ
“โห สุดยอด เก็บเรียบจริงๆ ถังขยะยังไม่เว้น ยังดีนะที่มันยังเรื่องตู้เย็นไว้ให้ผมบ้าง นี่อาพฤกษาทราบเรื่องหรือยังครับเนี่ย” เปอร์เช่เดินสำรวจบ้านด้วยความทึ่ง ถ้าไม่มีป้าแช่มมายืนอธิบายอยู่แบบนี้เด็กหนุ่มคงคิดว่าตัวเองเข้าบ้านผิด
“แล้วของชั้นบนเป็นยังไงบ้างครับ” ฟ้าครามเดินนำขึ้นชั้นสองเพราะเริ่มกังวลว่าอะไรของตัวเองโดนขโมยไปบ้าง อะไรจะหายไปเขาก็ไม่ได้สนใจมากนักเว้นแต่กระดาษที่เข้าจับเปอร์เช่ปั๊มนิ้วใบนั้นเท่านั้น
ถ้าหายไปจริงก็ต้องมานั่งเนียนหลอกใหม่สินะ
“ห้องคุณฟ้าข้างบนน่ะไม่เป็นไรหรอกคะ พอดีว่ามีคนมาช่วยไว้ทัน...” ก่อนที่ป้าแช่มจะพูดจบประโยคฟ้าครามก็เปิดประตูห้องเข้าไปเสียก่อน และกระแทกประตูปิดกลับลงไปอย่างรวดเร็ว
“นี่ๆๆๆ อย่าเมินกันแบบนั้นสิ ฉันอุตส่าห์มารับน้า” ชายหนุ่มที่นั่งแสยะยิ้มค้างเมื่อโดนฟ้าครามปิดประตูใส่หน้ารีบเปิดประตูตามมาตัดพ้อ แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาคู่คมกับใบหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์กลับมุ่งความสนใจอยู่ที่เปอร์เช่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกล ชายหนุ่มผู้มาใหม่จงใจใช้ภาษาไทยก็เพราะกะว่าจะได้แนะนำตัวกับทักทายเด็กหนุ่มคนนี้ได้ถนัดๆ
“ใครเรียกร้องให้มาไม่ทราบเอริก” เจ้าของเพียงยิ้มกว้างมากกว่าเดิม เขาเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีไม่แพ้ครามเลย แต่ว่ากลับมีรูปลักษณ์ที่ต่างกันคนละขั้ว ผมสีดำสนิทราวกับรัตติกาล ดวงตาสีเทาที่สะท้อนได้หลายสีแปลกตา รอยยิ้มที่ดูชั่วร้าย ถ้าคนๆนี่เป็นซาตานแล้วล่ะก็คงจะล่อลวงหญิงสาวให้ลงนรกได้อย่างไม่ยากเย็น
“ไม่มีใครข้อร้องก็ต้องมาอ่ะ เกิดนายโดนเอาตัวไปฉันจะยุ่ง นี่ขนาดว่ามาเร็วแล้วนะ บ้านยังแทบไม่เหลือของ ถ้านายไม่อุตริไปเที่ยวล่ะก็ฉันว่า ฉันมาก็ไม่เจอนายแล้วมั้ง” เอริกทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เมื่อเห็นฟ้าครามทำหน้านิ่งใส่
“เอ่อ ป้าว่าเข้าไปนั่งคุยกันให้เรียบร้อยดีกว่ามั้ยคะเดี๋ยวป้าจะยกน้ำมาให้” หลังจากที่สองหนุ่มยืนจ้องหน้ากันหน้าประตูอยู่นาน ป้าแช่มที่อยู่นอกบทสนทนาก็เป็นฝ่ายอดทนไม่ไหวออกมาก่อน รีบดันหนุ่มทั้งสามห้องโดยลืมไปว่าเปอร์เช่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่หลุดกรอบไปเรียบร้อย กว่าที่เปอร์เช่จะทัดทานอะไรป้าแช่มก็ปิดประตูห้องทิ้งเปอร์เช่ไว้ท่ามกลางบรรยากาศที่คุกรุ่น
พี่เช่เดินออกจากห้องไปตอนนี้พวกมันจะกินหัวพี่เช่มั้ยอ่า... เปอร์เช่นั่งนิ่งเป็นก้อนหินราวกับว่าหากขยับตัวแม้แต่นิดเดียวอาจจะเป็นจุดอ่อนให้โดนโจมตี
“นายมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่...” ฟ้าครามถามเสียงเย็น เปอร์เช่หนาววูบแต่คนถูกถามกลับไม่สะทกสะทาน
“ก็หลังจากนายออกไปเที่ยวทะเลได้สักวันมั้ง พยายามจะบอกตอนโทรศัพท์เหมือนกันแต่นายไม่เปิดโอกาสเองนิ” เอริกโทษว่าเป็นความผิดอีกคนไปอย่างหน้าด้านๆ ทั้งที่ความจริงก็ไม่ได้คิดจะบอก ถ้าบอกไปล่ะก็เขาคงไม่ได้เจอเจ้าตัวมาอารมณ์เสียใส่อยู่แบบนี้เผลอๆรู้สึกตัวหมอนี่หนีไปอยู่ประเทศไหนแล้วก็ไม่รู้
คนอย่างฟ้าครามจับตัวได้ง่ายๆที่ไหน ขืนทำให้หลุดไปได้เขาคงโดนด่าหูชาแน่ๆ....
.................................................................................
กำลังจะเข้าสู่เนื้อเรื่องหลักแล้วหลังจากที่เวิ่นเว้อมานาน = w =
มีใครสั่งเกตุมั่งมั้ยค่ะ ว่าฟ้าเค้าเพิ่งเคยเรียกชื่อพี่เช่เขาคั้งแรก แถมหลังจากนั้นเจ้าของชื่อก็ดันจำไม่ได้ซะอีก
กว่าจะจบตอนนี้ได้แทบตาย ไม่แน่ใจว่าพรุ่งนี้จะลงรึเปล่านะคะ เพราะดันแต่งเนื้อเรื่องกระโดดข้ามไปหลายตอน
ขอเวลาเก็บรายละเอียดหน่อยน้า เดี๋ยวมันจะมั่ว ช่วยรอกันหน่อยนะ อย่างเพิ่งเบื่อเรานะ TT _ TT
“ฉันบอกแล้วไงว่าอีกสามวันจะกลับ” ฟ้าครามพูดด้วยความหงุดหงิด แค่อีกสามวันอันแสนสงบสุขแค่นี้ทำไมแต่ละคนถึงยอมให้เขาไม่ได้
“ก่อนนายจะบอกฉัน ฉันก็มาถึงแล้วอ่ะ ไม่ต้องเกรงใจไปหรอกแค่สามวันเองฉันรอได้” เอริกฉีกยิ้มกว้าง นานกว่านี้เขาก็รอได้เพราะโดนหัวหน้าสั่งเอาไว้ว่าถ้าไม่ได้ตัวฟ้าครามก็ไม่ต้องกลับไป
ความจริงจะอยู่อีกหลายวันก็ไม่เป็นไรเขาจะได้ถืออีกฝ่ายเป็นข้ออ้างในการอู้ไปด้วยในตัวมีอย่างที่ไหนแต่ละคนต้องให้เขามาตามล้างตามเช็ด อย่าให้เขาคิดจะอู้ขึ้นมาบ้างก็แล้วกันจะปล่อยให้รับผิดชอบตัวเองกันให้เข็ด
“เอ่อ ถ้าจะคุยธุระกันงั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” เปอร์เช่เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาอย่างกล้าๆกลัว เมื่อบรรยากาศในห้องกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง เด็กหนุ่มกะว่าตัวเองคงจะได้ชิ่งกลับห้องได้สักทีแต่กลับกลายเป็นว่ากระตุ้นความสนใจของเอริกขึ้นมานิดๆ เขามองเปอร์เช่ยิ้มๆสลับกับมองหน้าฟ้าครามพร้อมกับแอบขำอยู่ในลำคอ
“นายไม่ต้องออกไปหรอก เดี๋ยวฉันออกไปเอง จริงสิ ฉันลืมแนะนำตัวกับนายไปเลย เปอร์เช่ใช่มั้ยฉันชื่อเอริก ยินดีที่ได้ร้จักนะ” ชายหนุ่มยื่มมือมาจับกับเปอร์เช่อย่างสุภาพโดยไม่สนใจสายตาฟ้าครามที่ไม่พอใจ
“เอ๋ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเอริก”
“นายไม่ต้องไปแนะนำตัวกับหมอนี่หรอกเสียเวลา ส่วนนายถ้าคิดจะออกไปก็ไม่ต้องมาท่ามาก” ฟ้าครามที่เห็นว่าเพื่อนตัวเองไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยมือจากร่างบางสักทีก็อดไม่ได้ต้องมาแทรกระหว่างกลาง ทำไมเขาจะไม่รู้ทันนิสัยเอริก คนอย่างหมอนี่คงกำลังเก็บข้อมูลไว้เพื่อสอดแนมเขาอยู่แน่ๆ
ที่สำคัญที่สุดถึงเอริกจะมีคนรักอยู่แล้วแต่เขาก็ยังไม่วายจะหวงอยู่ดี....
นี่จะเรียกว่าหึงรึเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่รู้ว่าไม่ชอบให้ใครมาเข้าใกล้ก็เป็นพอ
“โอเคๆ ฉันไปล่ะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้เช้า” เอริกขยับรอยยิ้มบางอย่างรู้ทัน
บางทีการที่มาเห็นคนที่หน้าตายสนิทมาทำอารมณ์ไม่ดีใส่มันก็น่าสนุกดี ที่จริงก็แอบอยากแกล้งมากกว่านี้แต่ก็ต้องอดใจไว้ก่อนเดี๋ยวจะเสียงานซะเปล่าๆ น่าเสียดาย อุตส่าห์มาเจออะไรสนุกๆเข้าแท้ๆ เอริกแกล้งยกมือยอมแพ้ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
เอาเถอะ เวลายังมีอีกเยอะ ถ้าฟ้าครามคิดจะจริงจังกับคนๆนี้ เขาก็ยังมีเวลาให้หาโอกาสแกล้งไปอีกนานแสนนาน....
“งั้น ฉันขอตัวด้วยอีกคนนะ ไม่มีอะไรแล้วนี่” เปอร์เช่ยักไหล่น้อยๆเป็นเชิงว่าช่วยไม่ได้
“เดี๋ยวสิ ยังไม่ดึกสักหน่อยนายจะรีบกลับห้องไปทำไม” คำพูดที่เปอร์เช่ก็พูดไม่ออกว่ามันถามออกมาได้ยังไง ทั้งวันเขาโดนมาสารพัดถ้าไม่กลับไปนอนแล้วจะไปทำอะไรได้ เล่นโยคะมั้ง
“แล้วจะให้อยู่ทำไมอ่ะ บอกก่อนนะว่าฉันยังระบมอยู่เลยไม่อยากฝึกฝนอะไรทั้งนั้น แค่จูบก็ไม่เอา ขี้เกียจ” เปอร์เช่พูดไปก็กระดิกเท้าไปกวนๆ เมื่อวานเขายังเจ็บไม่หายเลยถ้าต้องมาทำอะไรแบบนั้นอีกสู้ฆ่ากันไปเลยดีกว่า
“ติวหนังสือก็ได้...” ฟ้าครามพูดอย่างไม่ยอมแพ้
“ไม่เอา สอบเสร็จไปแล้ว นายลืมแล้วหรือไง เอาไว้ตอนเริ่มเรียนมหาลัยแล้วมันยากฉันจะรบกวนนายอีกที อ๊ะแต่ว่านายจะกลับอเมริกาแล้วไม่ใช่เหรอจะมีโอกาสกลับมาอีกมั้ยอ่ะ...”ถึงเปอร์เช่จะรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยสบอารมณ์กับอีกฝ่ายเท่าไหร่ก็ก็ต้องยอมรับว่าถ้าฟ้าครามกลับไปเขาก็คงจะเหงาเหมือนกันแถมยังขาดคนติวหนังสืออีก
แต่ว่าระหว่างความเหงากับความสงบสุข พี่ชอบอย่างหลังมากกว่าจะผิดมั้ยนี่
“กลับมาสิเรายังมีสัญญากันอยู่ เอาไว้กลับมาอีกทีฉันจะไปดำเนินการมาให้เรียบร้อย” ฟ้าครามหยิบเอาเอกสารที่สแกนสำเนาเก็บไว้เรียบร้อยแล้วมาม้วนเคาะหัวเปอร์เช่เบาๆแล้วส่งให้เด็กหนุ่มรับเอาไว้
“ไอ้ที่เอาลายนิ้วมือฉันไปประทับใช่มั้ย จะให้รางวัลรึไง ถึงต้องมีใบประกาศด้วยที่ฉันตอบถูก” จะว่าเขางกของก็ไม่ได้ในเมื่ออีกฝ่ายยื่นขอเสนอมาเอง พี่เช่ก็ขอรับไว้อย่างไม่เกรงใจล่ะนะ
“รางวัลน่ะมีแน่ นายจะเต็มใจรับมั้ยล่ะ” ฟ้าครามยิ้ม รอแค่เปอร์เช่ขานรับมาเมื่อไหร่เขาก็กดปิดเครื่องอัดเสียงได้ทันที
“เอา แต่ของถูกไม่เอานะ จะให้ทั้งทีเอาไอ้ที่มันดูดีหน่อยแล้วกัน” เปอร์เช่พูดจบฟ้าครามก็จัดการเอาไอ้ที่ตัวเองอัดเอาไว้มาเปิดให้เปอร์เช่ฟังเล่นๆแบบที่เด็กหนุ่มออกอาการงงว่ามันจะอัดเก็บไว้ทำไม
“เตือนความจำน่ะ เวลากลับมาจะได้ไม่ลืมเอารางวัลมาให้นายไง” ฟ้าครามไม่ได้หมายถึงตัวเองแต่หมายถึงอีกฝ่ายแต่เปอร์เช่จะเข้าใจความหมายแต่ล่ะอย่างของเขาหรือไม่ แต่ว่าการที่อีกฝ่ายตอบรับแล้วเขาก็แค่เก็บหลักฐานเอาไว้มันก็เพียงพอแล้ว
“หง่ะ นายความจำสั้นขนาดนั้นเลยเหรอ เอาไว้ฉันโทรไปเตือนก็ได้แต่...ทั้งนายทั้งฉันไม่มีโทรศัพท์แล้ว พูดถึงเรื่องนี้แล้ว นายลืมไปรึเปล่าว่าต้องใช้หนี้ค่าโทรศัพท์ฉันมา” เปอร์เช่รีบแบมือทวง นี่ถ้าเขาเผลอลืมทวงไปล่ะก็กว่าจะได้คืนคงอีกนาน
แล้วถึงพี่เช่จะได้เครื่องใหม่ แต่จะรู้ได้ยังไงว่าเจ้าคนไร้เหตุผลนี่จะไม่โยนโทรศัพท์ตัวเองทิ้งอีก งั้นตัดใจเรื่องการติดต่อหมอนี่ไปเลยท่าจะดีกว่า
“เอาเครื่องสำรองฉันไปก็ได้ เอาไว้จะโทรมาหาแล้วกันนายก็อย่าทำเครื่องนี้หายล่ะของมันแพง” ฟ้าครามเห็นอีกฝ่ายทวงยิกๆก็เปิดประเป๋าในลิ้นชักออกมาแล้วหยิบมือถือเครื่องหนึ่งในจำนวนหลายเครื่องส่งให้เปอร์เช่ที่ดูออกจะงงๆ
หมอนี่มันเป็นโดเรม่อนหรือไงฟ่ะ....
ในเมื่อมีหลายเครื่องขนาดนั้น พี่เช่ก็ขอรับแบบไม่เกรงใจแล้วกัน
“โห รุ่นใหม่เลยนะเนี่ย อย่ามาทวงคืนเพราะนึกเสียดายทีหลังก็แล้วกัน” เปอร์เช่รีบพูดกันท่าเอาไว้ก่อน มือถือรุ่นพิเศษเฉพาะกลุ่มแบบนี้เขาเคยเห็นมาอยู่บ้าง แน่นอนว่าราคามันแพงระยับขนาดที่เปอร์เช่กล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าทั้งชาติเขาก็ไม่กล้าซื้อมาใช่เองแน่ๆ
เป็นนายแบบทั้งทีมันก็ต้องรวยเป็นธรรมดาสินะ
“ใช้เบอร์ในเครื่องเลยก็ได้นะ มันโทรฟรี ส่วนค่าตอบแทนจากส่วนต่างของค่ามือถือนายมาเล่นเกมส์กับฉันสักหน่อยเป็นไง” ฟ้าครามลงไปนั่งข้างทีวีแล้วตบเบาะข้างๆให้เปอร์เช่ลงมานั่ง
ในเมื่อเวลาที่เหลืออยู่มันน้อยเขาก็ขอใช้อย่างคุ้มค่าแล้วกัน
“ก็ได้ ก็ได้ นายพูดเองนะว่ามันโทรฟรี ส่วนเกมส์ที่จะให้ฉันเล่นด้วยเอาที่ฉันมีทางชนะบ้างก็แล้วกันแพ้อย่างเดียวมันไม่สนุกอ่ะ แล้วนายมีเกมส์อะไรบ้างฟะเนี่ยเยอะจนฉันเลือกไม่ถูกแระ” เปอร์เช่นั่งดูแผ่นที่ฟ้าครามหยิบส่งให้ทีละแผ่นรู้สึกตัวอีกทีกองแผ่นเกมส์ก็ท่วมสูงจนแทบจะมิดหัว
ในเมื่อมันมีเกมส์เยอะขนาดนี้ทำไมถึงได้ทำตัวว่างขนาดนี้ล่ะฟะ อย่าบอกนะว่าเล่นไอ้หมดกองนี่มาแล้ว พวกที่เรียกว่าโอตาคุนี่มันสุดยอดเลยจริงๆ
“เอาแผ่นไหนดีล่ะ หมดตู้นี่แล้ว ถ้านายยังไม่อยากได้อันไหนเดี๋ยวฉันจะไปหยิบในตู้มาอีก”
“ไม่เอาแล้ว เอามาริโอ้ก็ได้” เปอร์เช่รีบโว้ย ขืนยังมัวนั่งจมอยู่อย่างงี้ ยันเช้าเขาก็ไม่ได้ทำอย่างอื่น
“งั้นเหรอ ที่จริงฉันมีเกมส์จีบสาวอยู่ผ่านนึงด้วยนะ” ฟ้าครามพูดเหมือนนึกขึ้นได้ เปอร์เช่ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที เขาเคยได้ยินมาอยู่บ้างว่ามันเกมส์ที่ลูกผู้ชายต่างก็ใฝ่หา แต่เขาหามาทั้งชีวิตก็ไม่เคยเจอในร้าน CD สักทีมามีวาสนาได้ก็คราวนี้เอง
“ฉันจะเล่นไอ้นั้นดีกว่า น่าสนใจกว่ากันเยอะ”
“ตามใจนาย ถ้าเล่นแบบไม่ผิดผลาดอะไรเลยสัก 58 ชั่วโมงนายก็น่าจะจีบใครได้สักคนแล้ว แต่ว่าถ้าผลาดไปนิดเดียวก็ต้องเริ่มตั้นใหม่ทั้งหมด นายจะลองมั้ย” ฟ้าครามเหยียดยิ้ม กับเกมส์ที่อยู่ในมือแล้วเอาเคาะเล่นกับมือเบาๆเป็นเชิงท้าทาย เล่นเอาเปอร์เช่ถึงกับหน้าเสีย นานขนาดนั้นพี่เช่ไม่ลงทุนเล่นแน่ๆ
“งั้นขอกลับไปเลือกมาริโอ้เหมือนเดิมได้มั้นง่า...”เปอร์เช่รีบกลับลำแทบไม่ทัน ขืนต้องมาถ่างตาเล่นขนาดนั้นตาแฉะกันพอดี
“ได้สิ แต่ว่าถ้านายแพ้ฉันจะลงโทษนะ” ฟ้าครามหยิบแผ่นเกมลงเครื่องเล่นอย่างสบายอารมณ์ นิสัยไม่ยอมแพ้อย่างเปอร์เช่ตราบใดที่เล่นแพ้คงไม่ยอมเลิกราง่ายๆ เพราะงั้นวันนี้เขาจะไม่ยอมอ่อยให้อย่างแน่นอน
ช่วยอยู่เป็นเพื่อนกันถึงเช้าสักวันก็แล้วกันนะ....
......................................
.................................................................................
กำลังจะเข้าสู่เนื้อเรื่องหลักแล้วหลังจากที่เวิ่นเว้อมานาน = w =
มีใครสั่งเกตุมั่งมั้ยค่ะ ว่าฟ้าเค้าเพิ่งเคยเรียกชื่อพี่เช่เขาคั้งแรก แถมหลังจากนั้นเจ้าของชื่อก็ดันจำไม่ได้ซะอีก
กว่าจะจบตอนนี้ได้แทบตาย ไม่แน่ใจว่าพรุ่งนี้จะลงรึเปล่านะคะ เพราะดันแต่งเนื้อเรื่องกระโดดข้ามไปหลายตอน
ขอเวลาเก็บรายละเอียดหน่อยน้า เดี๋ยวมันจะมั่ว ช่วยรอกันหน่อยนะ อย่างเพิ่งเบื่อเรานะ TT _ TT
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น