ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mission of Love ปฏิบัติการล่ารัก [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7 เรื่องปกติของผู้ชาย!? (ตอนนี้มันเสื่อมหน่อยทำใจนิดนะคะ)

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 55



    ตอนที่ 7
    เรื่องปกติของผู้ชาย!?
     
     
    วันนี้เปอร์เช่ต้องมาเอาผลสอบกลางเทอมที่ประกาศออกมาแล้ว ผลสอบในเทอมนี้ของเขาดูดีขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตา ถึงอย่างจะเอาไปอวดพ่อแค่ไหนก็ทำไม่ได้เพราะอีกฝ่ายเล่นไม่ติดต่อกลับมาเลย แต่เด็กหนุ่มก็คิดจะเลี้ยงฉลองโดยการไปเที่ยวคาราโอเกะกับเพื่อนอยู่ดี
     
    เด็กหนุ่มแอบคิดว่าวันนี้ตัวเองโชคดีสุดๆที่ไม่มีใครบางคนมาราวีเพราะเมื่อคืนชายหนุ่มนั่งโหลดอนิเมะดูยันเช้า ความจริงเปอร์เช่เองก็นั่งอยู่ด้วยแต่ว่าเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
     
    ผลก็คือหลับสนิทคาหน้าจอไปเมื่อตอนเกือบเที่ยงก่อนที่เขาจะออกมาโรงเรียน กว่าจะตื่นอีกทีก็คงดึกโน้นเพราะงั้น วันนี้พี่เช่ก็เที่ยวได้สบาย ถ้ารู้ว่าหมอนั้นนอกจากจะติดเกมส์แล้วยังติดอนิเมล่ะก็เข้าคงจะรีบยัดเยียดให้อีกฝ่ายดูไปนานแล้ว วันๆจะได้ไม่ต้องมาคอยวุ่นวายอยู่แต่กับเขา
     
     “ขอโทษนะที่มาสาย” เปอร์เช่ลากประตูเข้าห้องเรียนมาด้วยความรีบร้อน วันนี้ทั้งโดนอาจารย์เรียกเข้าไปคุยเรื่องเรียนต่อ ไหนจะโดนพวกผู้หญิงบังคับให้ขนของไปส่งที่ห้อมชมรม กว่าจะมาตามนัดของเพื่อนอีกสองคนได้ก็สายไปเกือบสองชั่วโมงก็ได้แต่หวังว่าพวกมันยังจะรอเขาอยู่นะ
     
                    ครืด....
     
                    เสียงลากโต๊ะพร้อมด้วยเสียงครางแบบประหลาดๆที่คุ้นหูของฮ่องเต้ทำให้เปอร์เช่ที่เหนื่อยหอบจนต้องยืนก้มตัวอย่างหมดแรงเงยหน้าขึ้นด้วยความแปลกใจ ทันใดนั้นใบหน้าที่อยากรู้อยากเห็นก็กลายเป็นตกตะลึง
     
                    “พะ พวกนาย....” เด็กหนุ่มออกอาการติดอ่างเมื่อเห็นภาพเพื่อนสองคนแบบเต็มตา
     
                    เพื่อนรักสองคนที่ไม่คิดว่าจะรักกันได้ขนาดนี้ สภาพของคนโดนกดกับคนกดชวนให้เปอร์เช่ยิ่งมึนงง ก็ไอ้คนอยู่ข้างบนและกำลังจับกดอยู่มันดันคอสเพลย์ชุดประโปรงสีชมพูวาบหวิวอวดกล้ามชวนสยองเห็นแล้วชวนอ้วก ส่วนใต้ร่างนั้นก็ไม่ใช่ใครนอกจากเพื่อนรักอีกคนที่แม้ไม่ได้แต่งตัวแปลกอะไรแต่เรียกว่าไม่ใส่แม้แต่อะไรจะถูกกว่าจะมีก็แต่เพียงรอยสีแดงเต็มตัวเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวน่าจะผ่านอะไรมาบ้าง
     
                    “ชะ ชะ เช่....” ฮ่องเต้เองก็ติดอ่างไม่แพ้กัน ก็สภาพของเขาในตอนนี้มันน่าอายน้อยเสียเมื่อไหร่ ทั้งเนื้อทั้งตัวเสื้อผ้าไม่มีเหลือสักชิ้น แถมกิจกรรมที่ทำก็ควรจะถูกเซ็นเซอร์ออกให้เร็วที่สุดจะติดอยู่ที่คนที่ทาบทับร่างของเขาอยู่มันหน้าด้านไม่ยอมขยับไปไหน
     
                    “นายมาแล้วเหรอ ช้าเป็นบ้า นั่งรอแปบนึงก็แล้วกันจะเสร็จแระ” เสียงทุ้มๆเรื่อยๆของมะนาวแทรกเข้ากลางระหว่างคนสองคนที่ทำอะไรไม่ถูก เปอร์เช่ที่คิดอะไรไม่ออกเมื่อเจอประโยคคำสั่งเข้าไปก็เลยเดินไปลากเก้าอี้มานั่งลงอย่างว่าง่ายและสงบเสงี่ยมแต่ก็ละสายตาจากภาพตรงหน้าไม่ได้เหมือนโดนสะกดจิต แต่ถ้าให้วิเคราะห์กันจริงๆก็คงเรียกว่าช็อกจนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปเรียบร้อยแล้ว
     
                    ส่วนคนที่อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไม่แพ้กันก็คือฮ่องเต้ เด็กหนุ่มนอนนิ่งเป็นปลาตายเพราะสมองสับสนจนทำอะไรไม่ถูกแต่คนตัวสูงกว่าไม่ได้คิดจะหยุดกิจกรรมของตัวเองเลยทั้งที่มีคนมาเห็น
     
                    หรือเพราะว่าคนที่มาไม่ใช่อาจารย์.......
     
                    หรือว่าเพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนในกลุ่มคงไม่เป็นไร.....
     
                    แต่ดูเหมือนว่ามันไม่ควรจะใช่นะ.....
     
                    “ไม่เอาแล้ว ปล่อยฉันนะเฟ้ย เช่มันมาแล้วไม่เห็นหรือไงวะ หยุดได้แล้ว ไอ้บ้ามะนาวววว” ฮ่องเต้ที่ใช้เวลาประมาณผลอยู่เกือบห้านาทีก็รู้สึกตัว เด็กหนุ่มพยามผลักไสคนที่กอดก่ายตัวเองอยู่อย่างสุดความสามารถแต่ก็ไม่เป็นผล กิจกรรมน่าอับอายก็ไม่หยุดลงเสียที นอกจากเสียงครางที่เงียบหายไปเพราะเจ้าตัวพยายามสะกดกลั้นตัวเองไว้สุดชีวิต
     
                    “ฉันก็ปล่อยให้นายเต็มที่อยู่นี่ไง ส่วนเรื่องหยุด...” มะนามแสยะยิ้มแล้วค่อยๆก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูร่างโปร่งอย่างชั่วร้าย“ฉันก็หยุดคาไว้ในตัวนายอยู่เนี่ย”
     
                    “ม่ายยยยยยยช่ายยยยยยยโว๊ยยยยยย ปล่อยกู ปล่อยกูไปที กูอายโว๊ยยย” หลังจากที่ไม่ยอมให้เสียงหลุดรอดออกมาเป็นเวลานานพอเจอวลีนุ่มๆของอีกฝ่ายเข้าก็สติแตก ฮ่องเต้แหกปากตะโกนลั่น ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม ถ้าหลุดออกไปได้เด็กหนุ่มตั้งมั่นเอาไว้ว่าจะขุดหลุมฝังตัวเองให้รู้แล้วรู้รอดไป
     
                    “เอ่อ...เช่ ไอ้เต้มันอายว่ะ” คนหน้าด้านก็ยังคงเป็นคนหน้าด้าน มะนาวหันไปหัวเราะให้เปอร์เช่ที่นั่งเอ๋อเบาๆอย่างเกรงใจก่อนจะส่งสัญญาณมือมาไล่อีกฝ่ายให้กลับไปก่อน
     
                    “อะ อือได้ ดะ เดี๋ยว ฉันล็อคประตูให้นะ” เปอร์เช่กล่าวตะกุกตะกัก แล้วรีบถอยฉากออกไปอย่างรวดเร็ว พอปิดประตูห้องเรียนสยองขวัญลงได้ เด็กหนุ่มก็สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะวิ่งหน้าตั้งกลับบ้านด้วยความสยดสยอง
     
                    น่ากลัวโคตรๆ ผีหลอกกลางวันชัดๆ เมื่อกี้มันคือภาพลวงตา
     
                    ภาพลวงตา ภาพลวงตา ภาพลวงตา
     
                    “ฮือออ น่ากลัวง่า” เปอร์เช่ที่พยายามสะกดจิตตัวเองสุดชีวิต แต่ก็ทำไม่ได้ เมื่อวิ่งมาถึงบ้านเขาก็ตัดสินใจมุดเข้าผ้าห่มเพื่อหนีความเป็นจริงแล้วรีบเข้านอน ในเมื่อนอนอยู่เมื่อกี้ก็แค่ฝัน
     
                    “ฝันสินะ อืม ฝันร้ายจังเลย” เปอร์เช่ยิ้มเลื่อนลอยก่อนจะเผลอเข้าสู่ห้วงนิทราอันแสนสุขและทิ้งความจริงอันโหดร้ายไว้เบื้องหลัง เพื่อนผู้ชายสองคนมีอะไรกันบนโต๊ะเรียนของตัวเองอะไรกัน ฝันบ้าๆ.....
     
                    สงสัยว่าช่วงนี้พี่เช่คงจะเรียนหนักเกินไป....
     
    ...............................
     
                    “นี่คุณฟ้าคะ วันนี้คุณเช่ไม่ยอมลงมาเลย แปลกจัง” ป้าแช่มเอียงคอมองเด็กหนุ่มที่ตั้งแต่กลับบ้านมาก็หายเงียบไม่ยอมโผล่ออกมาให้เห็นหน้าสักนิด
     
                    “ผมไปดูให้เองครับ” ฟ้าครามรับอาสา
     
                    เมื่อชายหนุ่มเคาะเท่าไหร่ประตูห้องก็ไม่ยอมเปิดออก ฟ้าครามถึงได้เริ่มตะโกนเรียกเสียงดัง
     
                    “ไม่เอา ฉันไม่ออกไปเด็ดขาด ตอนนี้ฉันกำลังฝันอยู่” เปอร์เช่ยืนกรานเสียงแข็งมาจากด้านในประตูที่ปิดสนิท ส่วนเจ้าตัวยังคงหนีความจริงไม่เลิก ตราบใดที่ยังสลัดภาพน่ากลัวจากหัวไปไม่ได้เขาก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมออกไปเจอความจริงที่โหดร้ายเป็นอันขาด
     
                    “ฝันบ้าอะไรของนายออกมาได้แล้ว”  ฟ้าครามยังคงไม่ละความพยายาม ฝันอะไรกันแน่ที่ทำเอาคนอย่างเปอร์เช่ไม่ยอมออกมาจากห้องนอนได้ มันดีขนาดที่ว่าของกินโดนเมินได้ก็นับว่าไม่ธรรมดา
     
                    “เรื่องของฉันน่ะ เอาไว้ฉันแน่ใจก่อนว่าฉันกำลังนอนฝันจริงๆแล้วฉันจะออกไป” เปอร์เช่ยืนกรานเสียงแข็งจนฟ้าครามก็ได้แต่จนใจ เอาเป็นว่าถ้าถึงพรุ่งนี้เช้าเด็กหนุ่มยังไม่ยอมออกมาล่ะก็เขาจะเป็นคนพังประตูเข้าไปเอง
     
                    แต่คิดอีกที เข้าไปตอนนี้ให้มันจบๆไปซะจะดีกว่าจะได้ไม่ต้องมากังวลทั้งคืน
     
                    “ป้าแช่มครับ ผมขอกุญแจสำรอง” ฟ้าครามเดินดุ่มๆลงมากหน้าห้องเด็กหนุ่มแล้วแบมือต่อหน้าคนดูแลบ้านที่เขาคิดว่ายังไงก็ต้องมีของแบบนี้เก็บเอาไว้บ้าง ไม่งั้นเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาคงจะแย่
     
                    “เอ๋ กุญแจเหรอคะ?” ป้าแช่มมองหน้าชายหนุ่มเหมือนขอคำยืนยัน เมื่อเห็นฟ้าครามพยักหน้ารับ คุณแม่บ้านก็จัดการล่วงเอากุญแจในผ้ากันเปื้อนส่งให้ทันที
     
                    ความจริงเธอเองก็อยากจะเปิดเข้าไปดูเปอร์เช่อยู่เหมือนกัน แต่ว่าด้วยฐานะเธอแล้วการทำแบบนั้นกับแขกที่มาพักมันไม่ใช่เรื่องสมควร ถึงจะดูสนิทสนมกันมากมายเท่าไหร่ แต่ด้วยหน้าที่แล้วมันก็ยังขัดกันอยู่
     
                    เมื่อได้ของที่ต้องการแล้ว ฟ้าครามก็จัดการเปิดประตูเข้าไปดูเจ้าตัวปัญหาทันทีโดยไม่คิดที่จะขออนุญาต เมื่อเห็นว่าร่างบางแอบซุกตัวอยู่ในผ้าห่มเขาก็จัดการกระชากมันออกทันที
     
                    “เหวอออ แม่จ๋า เอ้ย ไม่ใช่สิ แกทำบ้าอะไรของแกวะไอ้เสาไฟฟ้า” เปอร์เช่ทำหน้าเหยเกหลังจากที่แหกปากตะโกนลั่นบ้านด้วยความตกใจ ทั้งที่กำลังฝันดีอยู่แท้ๆแต่มาปลุกพี่เช่ซะได้
     
                    “ฉันสิต้องถามนาย มามุดหัวอะไรอยู่แบบนี้ไม่ยอมออกมาพูดกันให้รู้เรื่อง” ฟ้าครามแจกมะแหงกให้เปอร์เช่แรงๆกะให้หายบ้า อยู่ดีไม่ว่าดีคิดจะทำตัวเป็นผีผ้าห่มอยู่ในห้องถ้าเป็นโอตาคุอย่างเขาก็ว่าไปอย่าง
     
                    หรือว่าเจ้าเด็กโง่นี่จะไปเจออะไรไม่ดีๆมากันแน่....
     
                    “จ้องหน้าหาเตี่ยเหรอ หรือว่าจะหาเรื่อง ฉันจะมุดหัวทำอะไรมันก็ไม่ใช่เรื่องของนายไม่ใช่รึไง” เปอร์เช่หงุดหงิดเมื่อโดนอีกฝ่ายจ้องหน้าอย่างคาดคั้น วันนี้พี่เช่ยังเจอเรื่องสยองมาไม่พอรึไงนะ พระเจ้าถึงไม่ยอมมอบความสงบสุขมาให้สักที
     
                    “ฉันแค่สงสัยว่านายโดนเพื่อนนายทำอะไรมารึเปล่า”
     
                    “อ๊ากกกกกกก อย่าพูดถึงไอ้สองตัวนั้นนะโว้ยยยยยย” เปอร์เช่รีบปิดหูตัวเองก่อนจะมุดหัวกลับลงไปใต้ที่นอนตามเดิม
     
                    อุตส่าห์เลิกนึกได้แล้วแท้ๆ จะมาย้ำความทรงจำพี่เช่ทำมายยยย
     
                    “พูดมาซะ ว่าโดนทำอะไร ลืมตาขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ” ฟ้าครามขบกรามแน่นก่อนจะกระชากตัวร่างบางกลับมาสู่ความจริงอีกครั้ง แรงเขย่าทำให้เด็กหนุ่มทนไม่ได้ต้องเอามือที่ปิดหูออกมาเป็นพยามดันตัวออกจากฝ่ายที่อนู่ๆก็เกิดบ้าอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ ดวงตาที่ปิดสนิทก็ต้องเปลี่ยนจ้องมองใบหน้าที่เคร่งเครียดของชายหนุ่มด้วยความงุนงง
     
                    “โอ้ย พอได้แล้วเลิกเขย่าสักที พูดแล้วโว้ย ไม่ได้โดนทำอะไรทั้งนั้นแต่โดนทำให้ดูหนังสด ชัดมั้ย หนังสดน่ะ ไอ้เวรสองคนนั้นมันทำหนังสดให้พี่เช่ดู” และแล้วความจริงอันโหดร้ายก็หลุดออกมาจากผู้ประสบภัยจนได้ เปอร์เช่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีที่ต้องมาพูดตอกย้ำตัวเองดังๆ 
     
                    คำตอบที่ทำเอาฟ้าครามอึ้งสนิท นี่มันหมายความว่าเขาคาดการณ์ผิดสินะ เขาคิดว่าเจ้าคนซื่อบื้อนี่เสร็จใครคนใดคนนึงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วและคิดว่าการที่ร่างบางอยู่รอดปลอดภัยมาได้จนถึงตอนนี้เป็นเพราะเพื่อนเด็กหนุ่มทั้งสองคนจะขัดแข้งขัดขากันเองจนทำให้ไม่มีคนไหนประสพความสำเร็จแต่ที่ไหร่ได้กลับมาเล่นกันเอง ไม่สิ หรือว่านี่จะเป็นการรวมหัวกันเปิดทางเพื่อพาคนสมองน้อยของเขาไปสู่โลกใหม่....
     
                    แสดงให้ดูแบบจะๆไปเลยไม่ใช่วิธีชักจูงช้าๆแบบเขา สงสัยว่าระหว่างที่เขาทำตัวช้าๆได้พร้าเล่มงามอยู่นี่คู่แข่งก็จัดการรวมทีมกันแล้วมาล่อลวงเด็กหนุ่มด้วยวิธีลัดที่เหมือนกับการนั่งยานอวกาศ พอเริ่มต้นปุ๊บรู้สึกตัวอีกทีก็ไปถึงดวงจันทร์เรียบร้อย
     
                    “แล้วนายทำยังไง...” เสร็จไปแล้วรึยัง ฟ้าครามถามเสียงเย็น
     
                    “ก็เผ่นสิวะ พอตั้งสติได้ก็โกยอ้าวเข้าบ้าน น่ากลัวฉิบหายผู้ชายกับผู้ชายมานัวเนียกันเอง” เปอร์เช่พูดไปก็ขนลุกไป แต่พอได้ระบายออกมาบ้างก็ค่อยสงบใจลงได้บ้าง
     
                    บางทีเห็นผีไปซะเลยอาจจะน่ากลัวน้อยกว่านี้.....
     
                    กลัวที่สุดก็ไอ้กระโปรงสีชมพูนั้นแหล่ะ
     
                    “อ่อ อย่างงั้นก็แล้วไป” พอโล่งอกฟ้าครามก็อดยิ้มออกไม่ได้แถมยังลูบหัวเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดู ดีแล้วที่อีกฝ่ายไม่ถูกทำอะไร ถ้าไม่งั้นแล้วล่ะก็เข้าเล่นงานเจ้าสองคนนั้นตายแน่
     
                    แต่ว่าทำยังไงเขาถึงจะตัดไฟตั้งแต่ต้นลมได้นะ.....
     
                    “เออสิวะ ขืนอยู่ดูต่อก็บ้า พูดถึงแล้วยังขนลุกอยู่เลย” เปอร์เช่โชว์แขนให้ดูว่าตัวเองกำลังเป็นอย่างที่พูดจริงๆ
     
                    คำพูดพี่เช่ บ่นออกมาเรื่อยทำเอาฟ้าครามเริ่มยิ้มค้างเมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้ ถ้าเกิดเขาจู่โจมด้วยจะกลายเป็นว่าน่าขยะแขยงอีกคนมั้ยนี่
     
                    ขนาดตอนเรียนฟ้าครามยังไม่เปลื้องสมองคิดอย่างนี้เลยว่าควรจะทำยังไงกับสถานการณ์ตอนนี้ จะผสมโรงด่าไปก็เข้าตัว จะปล่อยเฉยก็ดูจะไม่ค่อยเข้าที เกิดมาทั้งชีวิตเพิ่งมาเจอทางตันง่ายๆก็ความนี้เหรอเนี่ย....
     
                    “นี่....นายอาจจะเข้าใจผิดก็ได้นะ” ฟ้าครามเอ่ยเรียบๆทำเอาคนกำลังสติแตกหันกลับมามองอย่างสงสัย เห็นเต็มสองตาแบบนั้นพี่เช่ยังเข้าใจผิดอะไรได้
     
                    “นายหมายความว่าอะไรกันแน่ คิดว่าฉันตาถั่วขนาดนั้นเลยรึไง” เปอร์เช่รีบโวย กลัวจะมีคนมาหาว่าเขาเพ้อเจ้อไปเอง ถึงแม้มันจะไม่ค่อยน่าเชื่อก็ตาม แต่มันก็เป็นไปแล้ว
     
                    “ไม่ใช่แบบนั้น ฉันแค่คิดว่าพวกนั้นอาจจะแค่ทำแบบเราก็ได้” ฟ้าครามเอามือไปแตะที่ริมฝีปากตัวเองแล้วเหยียดยิ้มที่มุมปากทำเอาคนมองถึงกับเหงื่อตก
     
                    “นั้นมันไม่เหมือนกันนะเว้ย นั้นนายยัดเยียดสอนให้ฉันเอง ฉันไม่ได้ต้องการนะ อย่าเอาไปเหมารวมกับอะไรพรรนั้นสิวะ ไอ้เสาไฟฟ้าบ้า” เปอร์เช่โวยวาย
     
                    “เหมือนกันนั้นแหล่ะ พวกนั้นแค่อาจซ้อมๆกันไว้ก็ได้ มันเป็นเรื่องธรรมดาน่ะ ถ้าไม่เรียนรู้เอาไว้มันจะเก่งได้ยังไงจริงมั้ย”
     
                    “ไอ้เรื่องบ้าๆแบบนี้มันต้องเรียนรู้ด้วยเหรอวะ ผู้ชายกับผู้ชายเลยนะเว้ย” เปอร์เช่สั่นหน้าดิกๆเป็นเชิงไม่เชื่อ
     
                    “แล้วนายคิดว่าเรื่อบ้าๆแบบนี้ใครเขาไปลองผิดลองถูกกับแฟนล่ะ เกิดสาวเจ้ารับไม่ได้ขึ้นมาขอเลิก เป็นนายไม่คิดว่ามันควรจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นเหรอ แล้วชาตินี้จะหาแฟนได้มั้ย” ฟ้าครามพยายามอธิบายให้มันดูเป็นจริงเป็นจัง
     
                    “แฟน จริงด้วย ไอ้พวกนั้นมันต้องแอบไปมีแฟนกันแน่ๆ” เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เปอร์เช่ก็ฉุนขึ้นมานิดๆ หรือว่าที่พวกมันมาหัดอะไรแบบนี้กันเป็นเพราะพวกมันไปแอบมีแฟนเอาไว้แล้วจริงๆ
     
                    มีแฟนแล้วทิ้งเพื่อน แถมยังแอบฝึกซ้อมกันโดยไม่ยอมบอก ถึงพี่เช่มันน่าโมโหสุดๆ แต่ว่า....
     
                    จะให้ไปรวมวงกับพวกมันพี่เช่ก็รับไม่ได้
     
                    “ยังไงนายก็เป็นลูกศิษย์ที่น่ารักของฉันอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ฉันจะเป็นคนสอนให้ก็ได้นะ” ฟ้าครามอาสายิ้มๆเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ามีทีท่าว่าจะเชื่อ
     
                    “ไม่เอา รังเกียจวะ” เปอร์เช่รีบปฏิเสธ
     
                    “งั้นนายอยากไป นัวเนียกับพวกนั้นแทนหรือไง” ต่อให้อีกฝ่ายพูดว่าใช่ฟ้าครามก็ไม่คิดจะปล่อยไปแน่ๆ
     
                    “นั้นยิ่งน่ารังเกียจหนักเข้าไปอีก แหยะ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว” เปอร์เช่ขยี้หัวตัวเองแบบหัวเสีย จะให้เลือกทางไหนมันก็ไม่น่าพิสมัยเลยสักกะนิดหนทางของลูกผู้ชายมันช่างลำบากลำบนเสียจริง
     
                    “นายไม่เคยเรียนประวัติศาสตร์หรือไง เรื่องแบบนี้มีให้เกลื่อน โดยเฉพาะประวัติศาสตร์จีนที่ว่าพอเด็กผู้ชายอายุได้ตามเกณฑ์ก็จะได้รับการสั่งสอนเรื่องพวกนี้จากผู้ชายที่อายุมากกว่าถึงจะได้เป็นลูกผู้ชายอย่างเต็มตัวน่ะ เพราะเมื่อก่อนมันไม่มีสื่ออะไรไว้เป็นตัวอย่าง เพราะงั้นเรื่องแบบนี้มันเรื่องธรรมดาชัดๆ จริงมั้ย” พูดมาตั้งยืดยาวฟ้าครามก็ไม่ได้บอกว่าตัวเองอ้างอิงมาจากที่ไหน
     
                    ก็เมื่อคืนตอนที่เซ็งๆอยู่เขาก็เปิดไปเจอเรื่องพวกนี้โดยไม่ได้ตั้ง พูดกันตรงๆก็คือเวปที่พูดถึงเรื่องการมีเรื่อลับๆกันระหว่างผู้ชายกับผู้ชายแต่ใช้ข้ออ้างว่าเป็นการสอนมันเป็นเรื่องที่มีมานานแล้วและในหลายๆประเทศเพราะมันไม่สามารถเปิดเผยได้แบบในปัจจุบัน หนึ่งไอ้เวปบ้าๆที่เอริกมันยัดเยียดมาให้อ่านนั้นเอง
     
                    ฉันเพิ่งเห็นนายมีประโยชน์ของนายก็วันนี้เองเอริก
     
                    ประโยชน์จากข้อมูลบ้าๆที่ให้ฟ้าครามเอามามั่วนิ่มได้แบบมีเหตุผลและการอ้างอิงซะด้วย
     
                    “จริงดิ...” เปอร์เช่อ้าปากค้าง เรื่องแบบนี้เขาไม่รู้มาก่อนจริงๆ ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมใครๆถึงได้คิดว่าพี่เช่โง่
     
                    “จริงสิ” ฟ้าครามพยักหน้ารับ
     
                    “ศึกษาเอาจากหนังโป๊ไม่ได้เหรอ...” เปอร์เช่ยังไม่ละความพยายามที่จะหาทางออกอื่น
     
                    “แล้วนายคิดจะแต่งงานกับหนังโป๊รึไงถึงได้หวังแต่ทฤษฎีดี ถ้าไม่ลองจะเก่งได้ไง เดี๋ยวก็ห่วยเหมือนเรื่องจูบหรอก” ฟ้าครามเริ่มรู้นิสัยเปอร์เช่อีกอย่าง เด็กหนุ่มทำตัวไม่ต่างอะไรกับตอนบังคับให้ทำแบบฝึกหัดสักนิดเอะอะอะไรก็อ้างว่ามีเฉลยตลอด
     
                    “รู้แล้วน่า อย่าบ่นนักดิ ยังไงเรียนกับนายก็ยังดีกว่าไอ้พวกนั้น แต่เอาไว้วันอื่นนะ ฉันยังสยองไม่ค่อยหาย” ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะขอเวลาเตรียมใจไปทั้งชีวิต เปอร์เช่ถอนหายใจอย่างระเหี่ยแต่เรื่องมีเมียพี่เช่ไม่อยากรอไปทั้งชีวิตอ่ะ ฮือ พี่เช่จะเอายังไงดีวะเนี่ยยยย....
     
                    .....................

     
                    “คุณเช่คะ คุณเช่” เสียงเรียกป้าแช่มเรียกเด็กหนุ่มที่สนใจอยู่กับทีวีให้หันไปมองด้วยความสงสัย
     
                    “คร้าบบป้าแช่ม มีอะไรครับบ” เปอร์เช่รีบขานรับ ทุกครั้งที่ป้าแช่มเรียกเขาก็มักจะมีขนมอร่อยๆให้เสมอ เด็กหนุ่มถึงได้รีบยิ้มหน้าระรื่นไปตามต้นเสียงทันที
     
                    “มีเพื่อนมาหาค่ะคุณเช่ คุณมะนาวกับคุณเต้น่ะคะ”
     
                    “หง่ะ สองคนนั้นเหรอครับ” เปอร์เช่ที่ได้ฟังว่าเป็นเรื่องอะไรก็ถึงกับชะงัก ก่อนจะนึกได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอย่างที่เขาคิด
     
                    “เช่ มะ เมื่อวานนี้ เอ่อ คือ....” ทันทีที่ฮ่องเต้ได้เห็นหน้าเพื่อนเขาก็พยายามอธิบายอย่างอ้ำอึ้ง หลังจากเหตุการณ์เมื่อวาน พอรุ่งเช้าเขาก็รีบมาหาเพื่อนทันทีด้วยความร้อนใจ ลืมแม้กระทั่งว่าควรจะหาคำพูดอะไรมาอธิบาย
     
                    แต่ว่าจะปล่อยไปก็กลัวเสียเพื่อน
     
                    หรือว่าเขาควรจะบอกอีกฝ่ายไปตรงๆว่าเขากำลังคบกับไอ้มะนาวกันแน่ฮ่องเต้รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเหลือเกิน จะบอกไปก็กลัวเพื่อนเลิกคบเพราะรับไม่ได้ แต่สภาพที่โดนเห็นไปถ้าหากเขาไม่รีบหาวิธีอธิบาย ต่อให้เป็นใครที่ไหนก็คงไม่กล้ามาใกล้ชิดเขาอีกต่อไป
     
                    ที่สำคัญไอ้คนที่เป็นต้นเรื่องกลับทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ยืนดูเขาเหมือนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องซะอย่างนั้น
     
                    “ไม่ต้องพูดอะไรหรอกน่า ฉันเข้าใจแล้วล่ะ” เปอร์เช่ตบบ่าฮ่องเต้ที่ยืนเหงื่อแตกพลั่กๆเป็นเชิงปลอบอกปลอบใจ  มันเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายให้พี่เช่เข้าใจง่ายๆจริงๆนั้นแหล่ะ ไอ้เรื่องฝึกฝนเนี่ย
     
                    นายมันก็คงไม่ได้เรื่องเหมือนฉันสินะเต้ ถึงต้องมาแอบติวอะไรกันแบบนี้ เปอร์เช่ยิ้มให้กำลังใจฮ่องเต้ที่เริ่มจะงงงวยกับท่าทีที่ผิดคาด
     
                    “นายเข้าใจด้วยเหรอเรื่องแบบนี้” มะนาวอดถามไม่ได้
     
                    “อืม รู้หรอกน่ะว่า ของแบบนี้มันต้องมีหัดกันบ้าง ฉันก็ไม่ได้โง่สักหน่อยถึงได้จะไม่รู้อะไรเลย เพราะงั้นพวกนายสบายใจได้ ฝึกกันตามสบาย แต่ไม่ต้องเอาฉันไปเอี่ยวนะ”
     
                    “ฝึกอะไร...อ่ะ” ฮ่องเต้กระพริบตาปริบๆด้วยความงุนงง
     
                    “ก็ฝึกเรื่องแบบนั้นให้เก่งไง ฉันรู้หรอกน่าว่าของแบบนี้มันต้องหัด” เปอร์เช่รู้สึกภูมิใจในฉลาดของตัวเองที่ทำให้เพื่อนทึ่งไม่ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งรู้มาจากฟ้าครามก็ตามแต่เขาก็รู้มากกว่าที่พวกนี้คิดในตอนนี้ก็โอเคแล้ว
     
                    นานๆขอให้พี่เช่ได้อวดฉลาดบ้างจะเป็นไรไป....
     
                    “ใครบอกนายน่ะ” มะนาวถาม ถึงเขาจะเริ่มจับเค้าอะไรได้ลางๆแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป
     
                    “ฟ้าครามบอกน่ะ” เปอร์เช่ยิ้ม เด็กหนุ่มไม่รู้หรอกว่าทั้งมะนาว ทั้งฮ่องเต้รู้สึกไม่ต่างอะไรกับเวลาฟ้าครามถามอะไรร่างบางแล้วได้คำตอบว่า มะนาวบอกอ่ะ สักเท่าไหร่
     
                    ซื่อเกินไปมั้ยเนี่ยเพื่อนตู ฮ่องเต้เหงื่อตกเริ่มเป็นหวงอนาคตของเพื่อนรักขึ้นมาตงิดๆ
     
                    “งั้นถ้าเข้าใจแล้วก็ดี เอาไว้เจอกันอีกทีวันพรุ่งนี้ตามที่นัดกันเลยก็แล้วกัน ฉันต้องรีบกลับไปช่วยงานแม่ที่บ้าน” มะนาวที่เห็นว่าเรื่องของตัวเองไม่เป็นปัญหาก็เลิกสนใจทันที ออกมาจากบ้านตั้งแต่เช้าแบบนี้ขืนไม่รีบกลับคงโดนแม่ด่าจนหูชา ที่เขายอมตามมาเป็นเพื่อนฮ่องเต้ก็เพราะต้องการรู้ว่าจำนวนคนไปเที่ยวทะเลพรุ่งนี้มีกี่คนเพื่อไปรายงานแม่
     
                    ก็ถ้าเปอร์เช่หนีพวกเขาขึ้นมาจริง เหลือคนไปทะเลแค่สองคนงานคงล่ม
     
                    “เฮ้ยยย เดี๋ยวสิ ฉันมีอะไรให้ช่วยหน่อย หมอนั้นมันบังคับให้ฉันแก้โจทย์ข้อนึง นายช่วยฉันทำได้มั้ยอ่า” เปอร์เช่รีบเกาะขาเพื่อนไว้ราวกับตุ๊กแก หลายวันมานี้ฟ้าครามคอยแต่จะถามว่าแก้โจทย์ได้รึยัง เขาที่ตอบไม่ได้ก็ได้แต่แถไปเรื่อย แต่ตอนนี้มีตัวช่วยมาถึงบ้านมีหรือที่ร่างบางจะไม่รีบคว้าเอาไว้ต่อให้ฟ้าครามห้ามไม่ให้เขาให้ใครช่วย แต่ว่ามันทำไม่ได้จริงๆนี่นา
     
                    “ไหนเอามาดูสิ” มะนาวรับมาดูแบบเสียไม่ได้เมื่อเปอร์เช่ก็อ้อนวอน แถมฮ่องเต้ยังทำท่าขอร้องอีกคน
     
                    หลังจากคำนวณอยู่สักพักมะนาวก็ส่งกระดาษโจทย์ที่ไร้ซึ่งคำตอบคืนเจ้าของ เพราะแก้ได้แล้วถึงรู้ว่ามันไม่ควรจะเข้าไปยุ่งเป็นที่สุด รู้อย่างนี้หนีกลับบ้านตั้งแต่ต้นยังจะดีซะกว่า
     
                    “คำตอบล่ะ” เปอร์เช่รีบทวงเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักทำท่าจะหนี
     
                    “นายต้องหาคำตอบเองว่ะ ส่วนจะตอบเยสรึโนมันก็แล้วแต่นาย” มะนาวตัดบท
     
                    “เฮ้ย ง่ายงี้เลยหรอวะ ไม่ใช่ภาษาอังกฤษนะเว้ย จะได้มาเยสกับโน” เปอร์เช่รีบทวงเพราะคำตอบที่ได้มาดูไม่เหมือนคำตอบสักนิด
     
                    “ไม่รู้โว้ย ไปแก้เองไป๊ ถ้าคิดอะไรไม่ออก ก็เยสไปเลยมันจะได้จบ” มะนาวขี่จักรยานกลับบ้านเอาดื้อๆไม่อยู่เถียงกับเปอร์เช่ให้รกสมอง ของแบบนี้มันแนะนำกันได้ที่ไหน
     
                    ส่วนฮ่องเต้ที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็ได้แต่โบกมือลาเด็กหนุ่มจากท้ายรถจักรยานด้วยรอยยิ้มแห้งๆ เขาก็อยากจะช่วยแก้ให้หรอกนะถ้าไมติดว่าเขาโง่กว่าเปอร์เช่ซะอีก
     
                    “ไรวะ แค่นี้ก็บอกไม่ได้งกชะมัด...” เปอร์เช่ดูกระดาษในมืออย่างปลิดปลง
     
                    ไอ้เลขแค่บรรทัดเดียวเนี่ย นอกจากมันเป็นกราฟแล้วมันยังเกี่ยวอะไรกับเยสโนอีก พี่เช่จะรู้มั้ยล่ะวะ....
     
    .......................
     
                    “กับอีแค่เลขข้อเดียว ถ้ายังตอบไม่ได้ก็อย่าคิดว่าจะได้ไปไหน”
     
                    “ฉันจะไปไหนก็เรื่องของฉันดิ ไอ้บ้า”เปอร์เช่ย้อนด้วยความหงุดหงิด เมื่อฟ้าครามรู้ว่าเขาเตรียมตัวไปเที่ยวกับเพื่อนก็เริ่มหาเรื่อง สุดท้ายก็ยกเรื่องตรวจสอบเข้ามาอ้าง บังคับแต่จะให้ตอบโจทย์ที่เขาไม่มีปัญญาแก้อยู่ได้
     
                    “ถ้าคิดจะไปจริงๆ ฉันจะโทรบอกพ่อนาย”ฟ้าครามยกเอาบุพการีของอีกฝ่ายเข้าขู่ ใบหน้าขาวๆนั้นงอง้ำทันทีเมื่อรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร นั้นก็คือตราบใดที่เด็กหนุ่มยังตอบไอ้โจทย์สั้นๆนี่ไม่ได้ ก็อดเที่ยว
     
                    “ไม่รู้โว้ย ฉันไม่ขงไม่เขียนกราฟอะไรทั้งนั้น ตอบแค่เยสได้มั้ยยย” เปอร์เช่สติหลุด โดนกดดันมากๆเข้าเขาก็ไม่รู้ว่าจะตอบอะไร เอาเป็นว่าเชื่อไอ้มะนาว เยสก็เยสวะ ผิดแล้วมันจะทำอะไรพี่เช่ได้
     
                    “เอ่อ...ตอบแค่นั้นมันก็ได้อยู่หรอก....” ฟ้าครามรู้สึกว่าตัวเองกำลังหน้าขึ้นสีเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบที่ไม่คิดว่าจะได้ยินออกมา ไม่ว่าร่างบางจะพูดคำตอบนี้ออกมาเพราะอะไรเขาก็ไม่สนทั้งนั้น
     
                    แต่เอาเป็นว่าคำตอบคือเยสล่ะนะ
     
                    “เอ๋ ตกลงว่าตอบแบบนี้ได้เหรอ” เปอร์เช่แปลกใจเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยอมรับคำตอบของเขาโดยดี ถ้ารู้ว่ามันง่ายอย่างงี้พี่เช่ตอบไปตั้งนานแล้ว
     
                    “ได้สิ ถ้างั้นนายมาเซ็นต์ชื่อยืนยันคำตอบเอาไว้ด้วย” ฟ้าครามฉวยโอกาสหยิบกระดาษและขวดหมึกขึ้นมาจากในลิ้นชัก โดยไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไรก็จับนิ้วโป้งของเด็กหนุ่มใส่ขวดหมึกแล้วกดลงกระดาษทันที
     
                    ใบสัญญาที่เขาเตรียมไว้เล่นๆกะว่าพอสบโอกาสจะได้เอามาใช้ ไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์ได้เร็วขนาดนี้
     
                    “เฮ้ยยยยยย สัญญาเงินกู้รึเปล่าวะ ไอ้เสาไฟฟ้า” เปอร์เช่แหกปากลั่นเมื่อชายหนุ่มชูกระดาษที่เหมือนสัญญาเงินกู้หรืออะไรสักอย่างที่เป็นภาษาอังกฤษให้ดู
     
                    “ไม่ใช่หรอกน่า แค่เอาไว้เป็นอนุสรณ์ว่านายตอบคำถามได้ดีเอามากๆก็เท่านั้น มันก็เหมือนพวกใบประกาศเกียรติคุณน่ะ เดี๋ยวเอาไว้เข้ากรอบแล้วจะให้นายแปะไว้กับฝาห้องก็ได้ แต่ตอนนี้เก็บไว้กับฉันก่อน” ฟ้าครามเหยียดยิ้มก่อนจะเอากระดาษใส่ลิ้นชักแล้วล็อกกุญแจต่อหน้าเจ้าของลายนิ้วมือที่ยังตื่นตะลึงไม่หาย
     
                    ถ้าเกิดมันเป็นสัญญาเงินกู้ขึ้นมาจริงพี่เช่ไม่ใช้หนี้หัวโตเหรอวะนั้น สงสัยต่อไปคงต้องระวังตัว เอ้ย ระวังนิ้วโป้งไว้ให้ดีกว่านี้ซะแล้ว เปอร์เช่สาบานกับตัวเองอยู่ในใจ
     
                    “งั้นฉันก็ไปเที่ยวได้แล้วดิ” เมื่อเห็นว่าโวยวายตอนนี้ไปก็ช่วยไม่ได้ เมื่อฟ้าครามได้สิ่งที่ต้องการไปแล้วก็คงไม่มีเหตุผลอะไรไม่ให้เขาออกไปไหนมาไหนได้อีก
     
                    ทะเลจ๋า พี่เช่กำลังจะไปหาแล้วจ้า
     
                    “ไปไม่ได้ ถ้าจะไปฉันจะพาไปเอง” ฟ้าครามยื่นคำขาด
     
                    “ไม่เอาเฟ้ย ฉันนัดกับพวกนั้นไว้ก่อนแล้ว แต่ถ้านายจะเป็นตัวแถมไปก็ได้จะได้มีตัวหารเยอะๆ”เปอร์เช่ที่กำลังตื่นเต้นเพราะจะได้ไปเที่ยวสมใจหันกลับอ้าปากด่าชายหนุ่มที่ทำท่าจะกลับคำ
     
                    “ถ้าเรื่องเงิน ไปกับฉัน ฉันจ่ายให้ก็ได้”
     
                    “ตลกเหรอ ไปทะเลแค่สองคนสนุกตายล่ะ เผลอๆมันจะกลายเป็นแค่แยกกันไปเพราะยังไงมันก็คือที่เดียวกันอยู่ดี ที่สำคัญคือ ฉันนัดพวกนั้นไว้ไม่ใช่นาย” เด็กหนุ่มกอดอกแล้วเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างท้าทาย
     
                    คำถามก็ตอบไปแล้วจะเอายังไงกับพี่เช่อีกกกก....
     
                    “ก็ได้ งั้นฉันไปด้วย” ถึงปากจะบอกว่าไปด้วยแต่เปอร์เช่กลับไม่สบอารมณ์นักที่อีกฝ่ายตีหน้านิ่ง
     
                    ไม่พอใจอะไรก็บอกมาสิวะ
     
                    “ฉันจะไปกันตอนสิบโมง นายก็รีบไปเตรียมตัวดิ ชักช้าไม่รอนะเออ”เปอร์เช่ยื่นคำขาด
     
                    “รู้แล้วน่า ห่วงตัวเองเหอะ ข้าวของก็ไม่ไม่เตรียม”ฟ้าครามพูดทั้งที่ยังทำหน้านิ่งสนิท
     
                    ตกลงว่ามันไม่พอใจจริงๆสินะ แล้วทำไมไม่พูดมาฟะ พี่เช่ไม่เขาใจ 
     
                    ...................................
     
                    สุดท้ายทริปทัวร์ที่เปอร์เช่วาดหวังไว้ก็กร่อยสนิทเมื่อฟ้าครามเอาแต่นิ่งเงียบ ฮ่องเต้ก็กลายร่างเป็นนางอายคอยหลบอยู่แต่หลืบๆ ส่วนพอหันไปสบตากับมะนาวที่พอมีแก่ใจเล่นอยู่บ้างก็รู้สึกหมดสนุกขึ้นมาดื้อๆ
     
                    พอทดลองเล่นบอลชายชาดกับมัน ไม่ว่าเข้าจะโยนบอลไปอีท่าไหนมันก็เพียงอาสัยความสูงรับบอลเอาไว้เนิบๆแล้วปาไปไกลๆให้พี่เช่วิ่งเก็บ ซ้ะไปซ้ำมาจนชวนให้เขาคิดว่าตัวเองเป็นไอ้ตูบที่กำลังเล่นเก็บบอลกับเจ้าของฃ
     
                    จะชวนมันก่อปราสาททราย มันก็ไม่เอาบอกว่ากลัวเปื้อน แต่ได้ข่าวว่าชุดที่ใส่มันก็มีไว้ให้เปื้อนแท้ๆ จะปิดตาตีแตงโมแต่ละคนก็ล่อกันหมดทั้งแต่มาถึงหาด
     
                    พอคิดว่าจะเล่นอย่างอื่น แต่ไม่ว่ามะนาวมันจะทำอะไรก็ทื่อเหมือนหุ่นยนต์ไปหมดแล้วพี่เช่จะเล่นอะไรกับมันอีกได้ พี่เช่อยากรู้จริงๆ
     
                    “ทำหน้าซะเบื่อโลกเลย ถ้าไม่มีอะไรจะเล่นแล้วก็กลับโรงแรมเหอะ ง่วง” มะนาวที่ทนยืนจ้องหน้าอยู่กับเปอร์เช่มานานเอ่ยขึ้นในที่สุด ที่ไม่ห่างออกไปนักก็มีฟ้าครามกับฮ่องเต้ยืนคุมเชิงกันอยู่อีกคู่หนุ่ม ฟ้าครามเอาแต่ทำหน้านิ่ง ส่วนฮ่องเต้ก็จับจ้องอีกฝ่ายไม่วางตา และมีสีหน้าหวาดระแวงทุกครั้งที่ชายหนุ่มทำท่าจะขยับตัว
     
                    มิหน่ำซ้ำ ทะเลยามเย็นที่งดงาม น้ำกระจ่างดูน่าเล่นนั้นใสเสียจนเห็นแมงกะพรุนลอยพุดขึ้นเต็มน้ำ พี่เช่ลงไปเล่นได้ก็คงสติไม่ดีแล้ว
     
                    “เออ กลับก็กลับ” เปอร์เช่ตัดใจจากทะเลจนได้ แต่โชคร้ายยังไม่หมดอยู่แค่นั้นตรงที่พอถึงเวลาแยกห้องนอนเตียงรู้สึกตัวอีกทีเด็กหนุ่มก็เจอขับไล่ไสส่งให้ไปนอนกับฟ้าครามแทนที่จะนอนกันสามคนเพียงเพราะเตียงเสริมมันดันหมด
     
                    “ญาตินาย นายก็ต้องรับผิดชอบ” มะนาวยื่นคำขาดพร้อมกับยื่นกระเป๋าเสื้อผ้าให้เปอร์เช่ที่ยอมรับคำพิพากษาอย่างเงียบงัน ตั้งแต่เจอกับฟ้าครามมามีตอนไหนมั่งมั้ยที่เขาไม่ดวงซวย
     
                    แต่ถึงกระนั้นเปอร์เช่ก็ยังไม่ยอมแพ้ ในเมื่อมาเที่ยวต่างจังหวัดจะขาดการเล่นพนันกันได้ยัง
     
                    “นายจะไปไหนอ่ะ ไม่เหนื่อยรึไง” ฟ้าครามที่กำลังจัดของเตรียมอาบน้ำปรายตามองร่างบางที่คุ้ยกระเป๋าคว้าเอาไผ่มือถือกะจะไประรื้นที่ห้องเพื่อนตัวเองต่อทันทีแบบไม่คิดจะจัดการข้าวของตัวเองให้เรียบร้อย
     
                    “แค่นี้ก็เหนื่อย ยังไม่ทันได้เล่นน้ำหรือว่าอะไรสักหน่อย ไม่รู้ล่ะ ฉันจะไปชวนพวกนั้นเล่นไพ่ถ้าสนใจก็ตามมาแล้วกัน ไปล่ะ” เปอร์เช่วิ่งริ่วไปที่ห้องพักของฮ่องเต้กับมะนาวที่อยู่ห่างออกไปไม่เท่าไหร่ ลืมไปสนิทว่าครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นสองคนนั้นอยู่ด้วยกันเขาไปเจออะไรมา
     
                    เวลาที่ใครสักคนเจอผีเขาจะเรียนรู้และหวาดกลัวที่มืด เวลาคนที่เจออุบัติเหตุก็มักกะระมัดระวังตัวมากขึ้นเวลาทำอะไร แต่ว่าสำหรับเปอร์เช่ที่ไม่เคยเรียนรู้อะไรเลย การไปเปิดประตูห้องนอนของฮ่องเต้กับมะนาวก็ไม่ต่างกับทำความผิดซ้ำซาก
     
                    “เฮ้ยยยย” เปอร์เช่อ้าปากค้าง....ไพ่ที่อยู่ในมือหลุดกระจายร่อนไปทั่ว
     
                    ฮ่องเต้ก็อ้าปากค้างเช่นกัน มีเพียงมะนาวที่ใส่ชุดสีขาวๆลากพื้นเพียงคนเดียวที่ถอนหายใจยาวเพราะถูกขัดจังหวะ แต่คราวนี้เปอร์เช่มีสติพอที่จะปิดประตูห้องกลับไปแบบเงียบๆแล้วค่อยโกย
     
                    “ไอ้เสาไฟฟ้าบ้า เปิดประตูให้ที เปิดโว้ยยยย...” เปอร์เช่ที่วิ่งมาถึงประตูห้องพักตัวเองก็พยายามบิดลูกบิดรัวๆ มือก็เคาะประตูไม่หยุดราวกับวิ่งหนีอะไรมา เมื่อฟ้าครามแง้มประตูออกมาร่างบางก็จัดการแทรกตัวเองเข้าไปภายในห้องแล้วมุดลงไปใต้ผ้าห่มทันที
     
                    “ไปเจออะไรมาอีกล่ะ ฉันบอกแล้วว่าอย่าไปก็ไม่เชื่อ” ฟ้าครามเดินไปนั่งข้างๆก้อนผ้าห่มแบบนึกขำ เขาเองก็อุตส่าห์เตือนแล้วแท้ๆ แต่เพราะมั่นใจว่าตัวเองน่าจะมีภาษีกว่าถึงได้กล้าปล่อยไป แต่ถ้าร่างบางหายไปนานกว่า 5 นาทีแล้วล่ะก็ เขาค่อยตามไปขัดแข้งขัดขา
     
                    “โอ้ย อย่าย้ำสิวะ ใครมันจะไปคิดว่าพวกมันจะขยันฝึกกระทั่งตอนกลางคืน มันเกินไปมั้ยอ่ะแค่กลางวันก็น่ากลัวพออยู่แล้ว” เปอร์เช่ลุกพรวดมาทำหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจ
     
    นี่พวกมันอยากเก่งเรื่องพวกนี้มากเลยรึไงฟะ พี่เช่ไม่เข้าใจ
     
    “ นี่นายคิดว่ามันเป็นการฝึกจริงๆเหรอ” ฟ้าครามเสยผมตัวเองแล้วพยามมองไปทางอื่นเพื่อไม่ให้ตัวเองขำเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าหงิกๆอย่างจริงจัง
     
    “ก็พวกนั้นทำเหมือนที่ฉันไปเจอวันนั้นเลย แถมวันนี้ไอ้มะนาวมันยังใส่ชุดผู้หญิงยาวๆอีก ต้องซ้อมให้เต้มันอยู่แหง” เปอร์เช่พูดเสริม เล่นเอาร่างสูงถึงกับมึนไปชั่วครู่
     
    นี่พวกนั้นมันเล่นคอสเพลย์ชุดผู้หญิงกันด้วยเหรอนี่....ไอ้ของแบบนั้นมันบอบ้าชัดๆ...
     
    ถ้าเป็นหูแมว รึสวมแว่นก็ว่าไปอย่าง... ฟ้าครามเหม่อมองใบหน้าขาวๆตรงหน้าแล้วลองจิตนาการดู ร่างบางที่มีสีหน้าออดอ้อน สวมหูแมวแล้วก็เข้ามาคลอเคลีย...
     
    อืม...ก็น่ารักดีนี่นา...
     
    ไม่ใช่สิ ต่อให้โอตาคุขนาดไหนก็ไม่ไหว ถึงจะอยากลองเห็นของจริงบ้างก็เถอะนะ...แต่ว่าแบบนั้นมัน....
     
    “บ้าชัดๆ” ฟ้าครามเอามือลูบใบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติ บ้างทีคอสเพลย์ก็ไม่เลวเหมือนกัน
     
    “ฉันก็ว่างั้นเหมือนกัน พวกนั้นน่ะบ้าไปแล้ว” เปอร์เช่ยิ้มร่าเมื่อเห็นว่ามีคนเห็นด้วยกับตัวเอง
     
    “นายต่างหากที่บ้า คิดดูนะว่าระหว่างที่นายลอยชาย คนอื่นเขาไปถึงไหนกันแล้ว” ร่างสูงเหยียดยิ้มบางๆมองดูสีหน้าที่เอ๋อนิดๆของอีกฝ่ายที่ฉายแววกังวล
     
    แค่สีหน้าเปอร์เช่ไม่ต้องเดาให้มากความก็รู้ว่าติดกับ....ตอนนี้แหล่ะที่ฟ้าครามต้องเลือกแล้วจริงๆว่าจะล่อลวงอีกฝ่ายนึงต่อหรือว่าจะขำให้กรามค้างไปเลย
     
    ...............................
     
    “ฉันนึกว่าเช่มันจะรับได้แล้วซะอีกง่ะ....ไม่คิดว่าจะทำหน้าสยดสยองขนาดนั้นออกมาเลยแฮะ” ฮ่องเต้ที่บัดนี้สวมเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วก็มายืนถอนหายใจเฮือก
     
    ไม่รู้ว่าทำไมเพื่อนรักตัวเองถึงเลือกมาถูกจักหวะทุกที
     
    ไม่สิน่าจะเรียกว่าผิดจังหวะมากกว่า.....
     
    แต่ว่าครั้งนี้เขากับมะนาวเพิ่งจะเริ่มต้นจูบกันเองนะ ไม่เห็นต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้นี่นา
     
    “ของแบบนี้ต่อให้คนเข้าใจแค่ไหนมันก็ต้องใช่เวลา แต่ฉันว่านะหมอนั้นตกใจสภาพฉันมากกว่า” มะนาวขยับชายกระโปรงพริ้วไปพริ้วเป็นเชิงสื่อให้ร่างบางเห็นว่าหมายถึงอะไร
     
    ชุดเจ้าสาวสีขาวระดับประดาด้วยลูกไม้ ดอกกุหลาบ และไข่มุกสีนวล มาอยู่บนเรือนร่างชายหนุ่มที่ทั้งกล้ามทั้งสูงแบบเขา ไม่ช็อคน้ำลายฟูมปากคาที่ก็แล้วกันไป เปอร์เช่รอดจากการเห็นไอ้กระโปรงสีชมพูคราวที่แล้วไปได้ยังไงเขาเองยังนึกไม่ถึงเลย
     
    “ก็ธรรมดานี่นา น่ารักดีออก” เจ้าของใบหน้าเรียวเอียงคอมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ ชุดที่เขาเลือกมาให้อีกฝ่ายใส่มันก็ออกจะสวยดีนี่นา มันยังจะมีปัญหาอะไรอีก
     
    “เฮ้อ....โชคดีแค่ไหนแล้วที่ฉันมันหน้าด้าน” มะนาวถอนหายใจยาว
     
    เพราะเหตุผลที่ว่าร่างบางนั้นรับไม่ได้กับการที่ตัวเองต้องมานอนกับผู้ชายผลก็คือการบังคับให้เขาแต่งหญิงจะได้ไม่รู้สึกแย่เวลาต้องมีอะไรกับผู้ชาย ถึงจะอ้างว่าตัวเองเป็นคนต้องทนเจ็บแล้วให้เขาแสดงความรับผิดชอบออกมาบ้างเขาก็ไม่คิดว่ามันจะออกมาในรูปแบบนี้
     
    รูปแบบที่เจ้าของความคิดภูมิใจหนักหนาว่าทำให้รู้สึกเหมือนว่าตัวเองไม่ได้เป็นเกย์ แต่ว่าแบบนี้มะนาวแอบคิดว่ามันดูวิปริตไปเลยมากกว่า
     
    “เออ ฉันรู้ว่านายมันหน้าด้าน แค่นี้ไม่อายหรอก” ฮ่องเต้กังวลกับเปอร์เช่มากว่า ความหน้าด้านของมะนาวน่ะเขารู้ซึ้งมาดีพอแล้ว ไม่ต้องการคำพูดมาย้ำเตือนเพิ่มหรอก
     
    “ใครว่าฉันไม่ทุเรศตัวเองล่ะ” ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบ ความจริงแล้วตอนที่โดนเปอร์เช่เห็นเขาควรจะเป็นฝ่ายอายจนต้องแทรกแผ่นดินหนีด้วยซ้ำ ทำไมคนรักของเขาถึงคิดไม่ได้กันนะ...
     
    ระหว่างตัวฮ่องเต้ที่โดนเขาบังไว้จนแทบมิดกับเขาที่แต่งชุดโคตรสะดุดตาอะไรมันจะอุบาตรติดตาได้มากกว่ากัน
     
    “ไม่รู้ไม่ชี้เฟ้ย ฉันไม่เห็นนายจะดูเดือดร้อนอะไรสักนิดเดียว ยังไงนายก็มีแต่กำไรอยู่แล้วนิ” ฮ่องเต้เริ่มบ่น รู้สึกราวกับว่ามีเพียงตัวเองที่รู้สึกอะไรไปตั้งมากมายคนเดียว ทั้งอาย ทั้งกังวล
    ใบหน้าของฮ่องเต้แดงขึ้นมาเองแบบควบคุมไม่ได้ว่าตัวเองโดนเห็นในสภาพไหนอีกครั้ง
     
    “นั้นสินะ ยังไงฉันก็เป็นฝ่ายได้กำไร...” มะนาวหยุดคำพูดตัวเองไว้แล้วยิ้มนิดๆก่อนจะประทับจูบอย่างนิ่มนวลบนริมฝีปากคนรักที่เอาแต่เป็นห่วงเพื่อน
     
    ตราบใดที่นายยอมเป็นคนของฉัน นายจะให้ฉันทำอะไรฉันก็ยอมทั้งนั้น.....ฮ่องเต้
     
    ..............................

                   ต่อไปจะลงช้าหน่อยนะคะ อาจจะแค่วันล่ะ 50% แต่ถ้าไม่ลงจะบอกก่อนอ่ะ  = w =

                   แล้วก็ตอนนี้มันบ้ามากไปหน่อย ช่วยทนอ่านกันหน่อยนะคะ

                   (เฉลยแล้วนะว่ามะนาวกับน้องเต้เป็นอะไรกัน นั้นก็คือคู่เสื่อมของเรื่องนี้อ่ะค่ะ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×