ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mission of Love ปฏิบัติการล่ารัก [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6 คนป่วยที่ชอบทำตัวมีปัญหา

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 55


     ตอนที่ 6

    คนป่วยที่ชอบทำตัวมีปัญหา

     

                    “ไม่เอา ไม่อยากกิน คลื่นไส้” เจ้าคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงเริ่มทำตัวมีปัญหาเสียจนเปอร์เช่นึกอยากจะตบหัวเข้าสักทีสองที แต่ก็ติดอยู่ที่ว่ามันดันไม่สบายจริงๆ หน้าก็ซีด ตัวก็ร้อน

     

                    เช้าขึ้นมาทันทีที่เหยียบเท้าลงมาถึงชั้นล่างเปอร์เช่ก็โดนป้าแช่มฟ้องทันทีว่าชายหนุ่มไม่ยอมกินข้าวอีกแล้ว พอเขาเข้าไปดูก็เจออีกฝ่ายนอนสภาพเหมือนศพอยู่บนเตียง หลงแอบดีใจที่อีกฝ่ายยังไม่ลงมาวุ่นวายได้ไม่นานก็ต้องมานั่งเซ็งเฝ้าไข้แทนจนได้ จะหนีไปเที่ยวเล่นที่ไหนก็ไม่ได้

     

                    “อย่าเรื่องมากน่ะ ฝืนๆกินเข้าไปหน่อยจะได้กินยา” เด็กหนุ่มพยายามลากตัวอีกฝ่ายขึ้นมานั่งจนได้ ทั้งยังบรรจงตักข้าวต้มร้อนมาเป่าให้อุ่นแล้วค่อยยื่นไปจ่อริมฝีปากของร่างสูง อย่างระเหี่ยใจ

     

                    “กินไม่ลงอ่ะ....ขอนอนพักเดี๋ยวไม่ได้รึไง แล้วค่อยลุกมากิน” ฟ้าครามพยามต่อรอง

     

                    “ผลัดไปเรื่อย ถ้านายไม่ฟังที่ฉันพูดล่ะก็ ฉันไปเที่ยวกับไอ้มะนาว ไอ้เต้ ดีกว่า พอฉันจะออกไปข้างนอกก็ต้องหาเรื่องมาไม่ให้ไปเชียวนะ ตกลงว่าป่วยการเมืองรึเปล่าวะ” เปอร์เช่พูดเคืองๆ พอเขาจะไปไหนทีไร มีแต่เรื่องทุกที

     

                    คิดดูนะขนาดไปแค่โรงเรียนมันยังตามไปเฝ้าเลย

     

                    “แต่ว่ามันกินไม่ลงจริงๆนะ” คนป่วยพยามเบี่ยงตัวหนีลงไปนอนแต่โดนสายตาคมๆจ้องและเอามือดึงแขนไว้

     

                    “คำเดียวแล้วกินยาซะ” เปอร์เช่สั่งเสียงเฉียบขาดจนชายหนุ่มต้องทำตามแบบเสียไม่ได้ แต่ว่าพอกลืนข้าวไปได้ไม่ทันไร ไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะวางช้อนด้วยซ้ำร่างสูงกลับลุกพรวดวิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ทำเอาคนตัวเล็กต้องรีบวิ่งตามเข้าไปดู

     

                    ฟ้าครามนั้นไม่ว่าจะอาเจียนเท่าไหร่ก็มีเพียงแค่น้ำใสๆออกมา อาจเป็นเพราะร่างสูงไม่ได้กินอะไรเข้าไปเลยแถมยังอยู่ในสภาพท้องโล่งมาแลหลายวัน ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดีขึ้นเท่าใดนัก มีเพียงมือที่คอยลูบอย่างด้านหลังที่ทำให้รู้สึกตัวอยู่แม้ว่าจะเวียนหัวขนาดไหน

     

                    “ช่วยพยุงไปที่เตียงหน่อยสิ” ฟ้าครามร้องขอหลังจากที่โงหัวขึ้นมาจากอ่างล้างหน้าได้แล้วเดินทรงตัวไม่อยู่ ภาพที่เขาเห็นมันหมุนวนซะจนเขาตาลาย

     

                    “ฉันจะโทรตามหมอมา นายนอนพักไปเลยนะ อ๊ะ รึว่าจะไปโรงพยาบาลเลยดี” เปอร์เช่ที่ลากเอาตัวคนตัวสูงมาวางฟุ่บลงกับเตียงได้ก็เริ่มคิดหนัก ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรมากจนถึงเมื่อครู่ ไม่งั้นเขาคงไม่กล้าบังคับอีกฝ่ายขนาดนั้น

                    “ฉันคลื่นไส้อีกแล้วอ่ะ...”

     

    “เดี๋ยวดิ ขอเวลาฉันคิดก่อน” เปอร์เช่ที่เริ่มทำอะไรไม่ถูกก็ได้แต่เดินวนไปวนมาเป็นวงกลม

     

                    “ไม่เอาโรงพยาบาล....ไม่เอายัยหมอคนนั้นด้วย นายอยู่กับฉันก็พอน่า”

     

                    “เรื่องมาก ไอ้นั้นก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่เอา ถ้าอยู่เฉยๆแล้วหายได้เองจะมีหมอไว้ทำไมวะ” เปอร์เช่ตัดสินใจเลิกฟังที่ร่างสูงเพ้อแล้วโทรออกไปตามคุณหมอแสนสวยประจำอำเภอมาทันทีและเมื่อปลายสายได้รู้ว่าคนไข้เป็นใครน้ำเสียงกึ่งปัดกึ่งรำคาญก็กลายเป็นน้ำเสียงหวานใสรับคำด้วยความยินดี

     

                    นี่สินะความแตกต่างระหว่างสามัญชนกับคนหน้าตาดี เอาเถอะเห็นว่าเป็นหนักครั้งนี้ยกให้ก็ได้....

     

                    เพราะหลังจากเรื่องเมื่อคราวที่แล้วไม่นานเปอร์เช่ก็รีบไปอธิบายแก้ความเข้าใจผิดเสียจนคุณหมอคนสวยยอมเชื่อเรื่องที่ตัวเองไม่ใช่เกย์  แต่กลับฮึดมีไฟที่จะทำให้ฟ้าครามสนใจให้ได้ ทำเอาเปอร์เช่ที่แอบคิดไว้อยู่แล้วเซ็งสุดๆ แต่เทียบกันแล้วก็ยังดีกว่าการโดนเข้าใจผิดบ้าๆแบบนั้น

     

                    รอจนไม่นานนักเสียงรถยนต์ที่มาจอดหน้าบ้านทำให้เด็กหนุ่มแอบชะเง้อมอง ป้าแช่มลงไปเปิดประตูหน้ารับแล้ว เสียงเคาะประตูห้องของฟ้าครามก็ดังขึ้นในไม่กี่อึดใจถัดมา

     

                    “คุณเปอร์เช่คะ คุณหมอเภตรามาแล้วค่ะ” เมื่อเปิดประตูห้องออกมาต้อนรับเด็กหนุ่มก็เห็นคุณหมอสาวส่งยิ้มให้แบบเอียงอายแถมยังแต่งหน้ามาครบเซต มีเพียงเสื้อผ้าที่เป็นชุดกราวด์ที่ไม่เรียบร้อยกับเหงื่อที่ซึมบนใบหน้าที่บ่งบอกว่าเธอรีบร้อนในการมาพอสมควร

     

                    “เข้ามาเลยครับคุณหมอ รบกวนด้วยนะครับ” เปอร์เช่เดินนำเข้าไปด้านในพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้มาให้คุณหมอสาวนั่งลงที่ข้างเตียงของฟ้าครามโดยทำเมินสีหน้าไม่พอใจของชายหนุ่ม แม้ฟ้าครามจะแสดงอาการรังเกียจออกมาบ้างแต่ก็ปล่อยให้คนเป็นหมอตรวจโน้นวัดนี่ แม้กระทั่งจับถอดเสื้อด้วยคำอ้างว่าฟังเสียงหัวใจเต้นไม่ถนัดได้ตามชอบใจ

     

                    “อ้าปากหน่อยสิค่ะ หมอจะวัดไข้ให้” คุณหมอสาวยิ้มยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ชายหนุ่มยิ่งกว่ายื่นปรอทให้ อาการที่ทำเอาเปอร์เช่มองตาปริบๆด้วยความอิจฉาโดยไม่รู้หรอกว่าคนโดนกำลังทรมานกับกลิ่นน้ำหอมขนาดไหน

     

                    กลิ่นที่เจ้าตัวไม่ทันรู้หรอกว่ามันตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง

     

                    “ขยับออกไปหน่อยได้มั้ยครับ ผมคลื่นไส้”

     

                    “เอ๋ อะไรค่ะ กลิ่นนี้ยังไม่โออีกหรอ” เภตราสะดุ้งตัวถอยห่าง ยกชายเสื้อขึ้นมาดมอีกครั้งให้มั่นใจว่าน้ำหอมที่ตัวเองเลือกมาครั้งนี้กลิ่นไม่ได้ฉุนอะไรเลยจริงๆ          แล้วส่งสายตาตัดพ้อไปที่ชายหนุ่ม

     

                    “พอรึยัง ไอ้อันนี้” ฟ้าครามยื่นปรอทส่งคืนแต่เลือกจะส่งไปทางเปอร์เช่ที่รับมาดูแบบงงๆ

     

                    “39.9...ว้าอีกนิดเดียวก็จะ 40แระ เฮ้ยยย ไม่ใช่ ทำไมไข้ขึ้นได้ฟ่ะ ฉันให้กินยาไปแล้วนิ”

     

                    “ฉันนึกว่ายามันลงท่อไปหมดแล้วซะอีก” ฟ้าครามย้อมถามเด็กหนุ่มที่เห็นเขาอาเจียนอยู่กับตา

     

                    “ไข้สูงขนาดนี้ไปโรงพยาบาลไม่ดีกว่าหรอค่ะ แล้วนี่กินอะไรได้รึเปล่า ช่วยบอกอาการด้วยว่ามีอะไรบ้าง จะได้วินิจฉัยถูก ที่สำคัญห้ามโกหกหมอนะคะ” เภตราตีหน้าเอาจริงเอาจังเฉพาะเรื่องตอนนี้ที่เธอต้องอดใจเอาไว้และทำหน้าที่ตัวเองให้เรียบร้อยสมบูรณ์ ถึงจะบ้าผู้ชาย แต่คนอย่างเธอก็มีจรรยาบรรณพอ

     

                    “ไม่ยอมกินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ เมื่อกี้กินเข้าไปแค่คำเดียวก็อ้วก แล้วก็มีเวียนหัว ปวดหัวด้วย ตัวก็ร้อน อ๋อ งี่เง่าขึ้นด้วยครับ” ร่างบางพูดรัวเหมือนจะฟ้องโดยมีป้าแช่มพูดเสริมอยู่ด้านข้างทำเอาคำค้านของฟ้าครามที่ประทวงเป็นระยะตกลงไปหมด

     

                    “คิดว่าน่าจะเป็นแค่ไข้หวัดใหญ่นะคะ แต่คิดว่าเดิมคงจะมีโรคประจำตัวรึเปล่าน้า ยังไงหลังจากนี้ หมอก็อยากให้ไปตรวจให้ละเอียดอีกที” เภตรามองข้อมูลในมืออย่างชั่งใจ ยังไงซะคนป่วยหัวดื้อก็ไม่ยอมตามเธอไปที่โรงพยาบาลท่าเดียว จะให้เธอบีบบังคับไปเพราะเป็นแค่หวัดก็คงไม่ได้

     

                    “เอาเป็นว่าหมอจะฉีดยาให้ก่อนสักสองเข็มกับให้น้ำเกลือขวดนึง แล้ววันรุ่งขึ้นหมอจะแวะมาดูอีกที ถ้าไข้ยังไม่ยอมลดลงยังไงก็รีบโทรบอกได้เลยนะคะ” เภตราหยิบเข็มฉีดยาขึ้นมาจากกล่องหลังจากที่ขอให้ป้าแช่มลงไปหยิบอุปกรณ์ให้น้ำเกลือในรถขึ้นมาให้เธอ

     

                    “ต้องให้น้ำเกลือด้วยหรอครับ....” เปอร์เช่รีบหลับตาปี๋เมื่อเห็นฟ้าครามโดนเข็มจิ้มลงไปที่ข้อพับแขน

     

                    “ก็เท่าที่ตรวจดูแล้วที่จริงคงเป็นมาหลายวันแล้วแต่ไม่ยอมพูด ข้าวก็กินไม่ลงแบบนี้ต้องให้น้ำเกลือแล้วล่ะค่ะ ไม่งั้นร่างกายคงทนไม่ไหวได้หามส่งโรงพยาบาลกันจริงๆ” คุณหมอสาวหันกลับมายิ้มให้เด็กหนุ่มและรับเอากล่องโฟมใบสีขาวและขาตั้งมาจากป้าแช่มที่รีบร้อนเอามาให้

     

                    ฟ้าครามแม้จะหงุดหงิดงุ่นง่านแต่ในเมื่อไม่สามารถทำอะไร ร่างสูงก็เลยตัดใจทิ้งตัวลงกับหมอนใบนุ่มแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว เปลือกที่มีขนตาสีชาอ่อนๆปิดสนิท ไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป

                    ความจริง ถ้าไม่สบายแล้วมีใครสักคนอยู่ข้างๆมันก็ไม่เลวเหมือนกัน....

     

    .....................................


     
                    “เอ้า อ้ามว่าง่ายๆเดี๋ยวคุณหมอก็มาแระ จะได้กินยาได้เลย” เปอร์เช่ที่ขอบตาช้ำจนจะดำเป็นหมีแพนด้า ตักข้าวต้มป้อนให้ชายหนุ่มอ้าปากรับอย่างว่าง่าย
     
                    เปอร์เช่ลอบมองฟ้าครามอย่างหมั่นไส้ เมื่อคืนเขาต้องมานั่งเฝ้ามันทั้งคืน ง่วงก็ง่วง จะให้ป้าแช่มมาเฝ้าก็เหมือนจะเป็นการทรมานคนแก่เพราะป้าแช่มเล่นเริ่มสัปหงกตั้งแต่ไม่มึงสามทุ่มดี กลายเป็นธุระพี่เช่ต้องมาวุ่นวายกับมันจนถึงตอนนี้ที่เป็นยามสายของอีกวัน
     
                    ถ้าเขาสามารถหลับกลางอากาศได้แบบฟ้าครามล่ะก็เขาทำไปแล้ว
     
                    “โทรไปบอกยัยนั้นว่าไม่ต้องมา ไข้ฉันลดแล้ว” ฟ้าครามเอ่ยเมื่อกลืนเอาข้าวต้มลงคอไปเสร็จ
     
                    “ลดจาก 39.9 มาเป็น 39.5 แถมก่อนหน้านั้นมันยังขึ้นไปถึง 42 เนี่ยนะไข้ลด” ร่างบางทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อกลางดึกที่ฟ้าครามทั้งเพ้อทั้งไข้ขึ้นจนไม่รู้สึกตัว กว่าเขาจะทุ่มเทร่างกายเฝ้าเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า เปลี่ยนน้ำแข็งให้ทั้งคืนจนอาการดีขึ้นมาได้ขนาดนี้มันยากขนาดไหน
     
                    “แต่ฉันไม่อยากไปโรงพยาบาลอ่ะ”
     
                    “ทำไมล่ะ มีความหลังไม่ดีรึไง” เปอร์เช่นึกถึงตัวเองที่เคยเสียลูกพี่ลูกน้องสมัยเด็กไป ตอนที่อีกฝ่ายกุมมือเขาเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย แต่เขาเพียงแค่ยิ้มและพูดให้กำลังใจอีกฝ่ายจนยอมปล่อยให้กลับบ้าน โดยไม่คิดว่าครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่พูดคุยกัน เปอร์เช่กลับไปที่โรงพยาบาลนั้นอีกครั้งก็พบเพียงเตียงว่างเปล่าและคำพูดของพ่อกับแม่ที่บอกว่าเด็กคนนั้นจากไปแล้วและเรามาไม่ทัน
     
                    ตั้งแต่นั้นมาเปอร์เช่ก็ไม่นึกชอบโรงพยาบาลอีกเลย...
     
                    มันเป็นสถานที่ที่ชวนให้นึกถึงการสูญเสีย แม้ว่ามันจะเป็นที่เดียวที่เขาได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ในบ้านที่รักของเขาอย่างน้องๆก็ตาม แต่มันก็ไม่ทำให้เปอร์เช่ลืมอดีตไปได้
     
                    “อืม ปู่ฉันเสียที่โรงพยาบาลน่ะ” ฟ้าครามตีหน้าเศร้า
     
                    “ส้นเท้าสิ ปู่นายก็พ่ออาพฤกษาสิวะ ตอนนี้เห็นว่าทัวร์รอบโลกอยู่ ตอนต้นปีที่ฉันเจอก็ยังแข็งแรงกว่ากอลิล่าซะอีก จะตอแหลอะไรก็ให้มันเนียนหน่อยสิวะ”
     
                    “เปลี่ยนเป็นคุณตาตอนนี้ยังทันมั้ย” ร่างสูงหัวเราะเมื่อโดนรู้ทัน
     
                    “ช้าไปแระ คิดว่าฉันโง่รึไง”
     
                    “คิด” แต่คำตอบสิ้นคิดแบบไม่เจียมสังขารนั้นทำให้เปอร์เช่คว้าหมอนมาขว้างใส่ชายหนุ่มที่ไมมีปัญญาหลบเต็มแรง ถ้ารักจะปากเสียก็น่าจะหัดดูตัวเองก่อนว่าตอนนี้มีปัญญาเอาตัวรอดรึยัง
     
                    “โอ๊ย...” ร่างสูงครางเบาๆเมื่อหนังสือมากระแทกเข้าที่หัว ทำให้เปอร์เช่ต้องรีบเข้าไปดูด้วยความรู้สึกผิด ร่างบางสำรวจจนแน่ใจว่าหัวอีกฝ่ายไม่ได้เป็นอะไรมากก็วางใจ แต่รู้สึกตัวอีกก็โดนคนเจ้าเล่ห์ล็อคตัวไว้แล้ว
     
                    ริมฝีบางๆถูกประทับจูบลงมาอย่างแนบแน่นดวงตาคมๆของเปอร์เช่เบิกกว้าง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นอะไรบ้าๆแม้กระทั่งเวลาแบบนี้
     
                    แล้วนี่พี่เช่จะติดหวัดรึเปล่าวะ....
     
                    “อืมหวาน....” ฟ้าครามเปรย นึกพอใจไม่น้อยเมื่อเห็นคนด้วยเล็กเผลอทำหน้าเคลิ้ม ใบหน้าสีขาวขึ้นสีแดงระเรื่อ
    กระพริบตาปริบๆด้วยอาการงุนงงก่อนจะผลักร่างสูงเต็มแรง
     
                    “ว๊ากกกก ทำบ้าอะไม่ให้ตั้งตัววะ แสรดด” เปอร์เช่โวยเมื่อตั้งสติได้ถึงจะบอกว่าหวานแต่เปอร์เช่สาบานได้ว่าข้าวเช้าเมื่อครู่เป็นปลาเค็มแน่ๆ ไม่ได้กินน้ำหวานตาม หรือแม้กระทั่งไปแปลงฟัน
     
                    แล้วมันจะหวานได้ยังไง...ถ้าบอกว่าเค็มพี่เช่ก็ยังพอเข้าใจ....แต่มันก็ทุเรศอยู่ดี
     
                    “งั้นแปลว่าถ้าตั้งตัวแล้วก็ทำได้สินะ งั้นนับ 1 ถึง 5 ก็แล้วกัน” ชายหนุ่มอมยิ้มเมื่อเห็นหน้าเด็กหนุ่มเหวอขึ้นมาอีกครั้ง ให้ตายเหอะคนอะไรทำไมสมองช้าได้ขนาดนี้
     
                    “ห๊า ฉะ ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย”
     
                    “1ฟ้าครามเริ่มตั้งต้นนับโดยไม่ฟังเสียง
     
                    “ฟังหน่อยสิวะ ไอ้เสาไฟฟ้า” ร่างบางตั้งถ้าจะโกยแต่ก็สะบัดจากการเกาะกุมไม่หลุด
     
                    “2ชายหนุ่มหัวเราะขำกับการดิ้นรนของร่างบาง
     
                    “แอร๊ยยยย หยุดนับบบบ” แม้จะเอาตีนถีบก็ไม่สำเร็จ เด็กหนุ่มก็ไม่ละความพยามที่จะดันหน้าชายหนุ่มที่เข้ามาใกล้ออกไป
     
                    “3เสียงทุ้มกระซิบข้างหูทำเปอร์เช่ถึงกับขนลุกเกรียว
     
                    “ไม้อ๊าวววว ปล่อยโว้ย”แทนที่จะโดนปล่อยกลับโดนจูบ เปอร์เช่งุนงงอีกครั้งกับการจู่โจมที่ไม่ทันตั้งตัว ในใจนึกอยากแย้งว่าอีกฝ่ายยังนับไม่ถึงห้าสติก็ดันหลุดไปก่อนเพราะในเมื่อจะผลักจะดันยังไงก็ไม่ได้ผลก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลยไปอีกครั้ง
     
                    พระเจ้า...พี่เช่จะโดนฟ้าผ่าเข้าสักวันมั้ยนี่.....
     
                    “ทีนี้เชื่อรึยังล่ะ ว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาลก็ได้” ฟ้าครามฉีกยิ้มเตรียมพร้อมเอาไว้หากร่างบางยังไม่ยอมเชื่อเขาก็พร้อมจะพิสูจน์อีกครั้ง
     
                    “เออโว้ย เชื่อก็เชื่อ ไว้นายรอถามคุณหมออีกทีแล้วกัน” เปอร์เช่รีบถอยไปอยู่มุมห้องทันทีที่ร่างสูงปล่อยตัว เด็กหนุ่มพูดไปพรางก็ทำท่าขู่เหมือนแมวไปพราง นึกยังไงก็ไม่น่ากลัวสักนิด
     
                    “นายก็อย่างฟ้องนะ ว่าเมื่อคืนฉันไข้ขึ้นอีก”
     
                    “ฉันน่ะไม่ฟ้องก็ได้แต่ป้าแช่มน่ะโทรไปบอกตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” ไม่งั้นป้าแก่ๆกับเด็กหนุ่มโง่ๆอย่างเขามีหรอจะหาวิธีลดไข้ที่มีประสิทธิภาพอย่างนั้นได้
     
                    “บอกไปแล้วกันว่าฉันหายแล้ว”
     
                    “ทั้งที่ปรอทมันฟ้องอยู่ว่า 39.5 น่ะนะ”
     
                    “ชิ”
     
                    “เหอะๆ หัวเสียไปก็เปล่าประโยชน์ โดยเฉพาะที่นายลงทุนแย่งชิงจูบที่ควรจะมอบให้หญิงงามไปเป็นครั้งที่ยี่สิบหกแถมวันนี้ยังตั้งสองครั้งในวันเดียวเพื่อเหตุผลแค่นี้เนี่ย ฉันไม่ให้อภัยอย่างแน่นอนเฟ้ย” เปอร์เช่วาดมือไปชี้หน้าชายหนุ่มอย่างขุ่นเคือง
     
                    “โดนไปเป็นสิบครั้งแบบนี้นายยังจะมานั่งนับอีก แอบติดใจอะไรรึเปล่าฉันจัดให้เพิ่มได้นะ”
     
                    “เวร....ติดใจบ้าอะไร เฮอะ ขี้เกียจจะพูดด้วยแล้ว ฉันออกไปเที่ยวดีกว่า”
     
                    “ห้ามไปนะ ฉันป่วยอยู่ก็ต้องเฝ้าสิ”
     
                    “ไม่เอาอ่ะ เบื่อแล้ว” เปอร์เช่มองนาฬิกาข้อมือ ที่จริงเขาก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนหรอกแต่แหย่ฟ้าครามเล่นเท่านั้น แล้วที่เขาตั้งท่าจะเดินออกจากห้องอยู่ก็เพียงเพราะได้ว่าเวลาที่คุณหมอคนสวยจะมาแล้วต่างหาก เพื่อนน่ะมันรอกันได้ แต่โอกาสใกล้ชิดหญิงงามแบบใกล้ตาแบบนี้มันหาได้ง่ายได้ที่ไหน
     
                    ถึงจะโดนด่าว่าหน้าไม่อายเขาก็ขอให้คนป่วยเป็นสะพานหน่อยล่ะนะ
     
                    “ถ้านายจะไปให้ได้ฉันจะไปด้วย” คนป่วยลุกขึ้นเดินตามเด็กหนุ่มออกมาแบบไม่เจียมสังขาร แค่พ้นประตูห้องมาได้แค่ไม่กี่ก้าวฟ้าครามก็หมดแรงต้องยืนพิงกำแพงแล้วส่งสายตาตัดพ้อไล่ตามแทนทำเอาเปอร์เช่ที่แอบลอบมองอยู่ชะงักฝีเท้าแทบไม่ทัน
     
                    “เออๆ ไม่ไปไหนทั้งนั้นแหล่ะ แค่จะลงไปข้างล่างแปบเดียวก็ไม่ได้” ร่างบางถอนหายใจเฮือก อยากแกล้งก็แกล้งไม่ได้นาน พี่เช่นี่ช่างมีกรรมแท้ๆที่เกิดมาเป็นคนดี
     
                    “....ไปด้วย” คำตอบสั่นๆที่มาพร้อมเสียงหายใจหอบและความพยายามที่ดื้อดึงของคนป่วยทำให้เด็กหนุ่มยอมแพ้แบบเสียไม่ได้ เกิดปล่อยมันเดินตามแล้วไปเป็นลมเป็นแล้งตกบันไดไปงานจะยิ่งเข้า
     
                    ลางสังหรณ์ของเด็กหนุ่มแม่นจนตัวเองก็นึกกลัว พอลากเอาคนตัวสูงกลับเข้าห้องได้ ไข้มันก็ขึ้นอีกแล้ว แถมยังทำท่าพะงาบๆเหมือนปลาใกล้ตายใบหน้าที่ดูมีสีเลือดขึ้นเล็กน้อยก็กลับมาซีดเผือก
     
                    “เป็นไงล่ะ ไข้ขึ้นสมน้ำหน้า บอกให้นอนดีๆไม่นอน” เปอร์เช่พูดแบบสะใจ ไอ้ที่ว่าจะสงสารก็สงสาร แต่ส่วนที่มันแอบสมน้ำหน้าจริงๆมันก็มีด้วยนี่นา
     
                    “อืม ฉันปวดหัว....” ฟ้าครามพูดอย่างยากลำบากมือกำแขนของเปอร์เช่ไว้แน่นไม่ไม่ยอมปล่อยไอ้นี่ล่ะที่เป็นปัญหาที่แท้จริง เกาะหนึบยังกับปลาหมึกอย่างนี้เขาจะกระดิกตัวไปไหนก็ไม่ได้ สร้างความเดือดร้อนเป็นที่สุด
     
                    แต่โชคชะตาก็ยังไม่ทิ้งเปอร์เช่นัก เมื่อคนที่เปิดประตูตามเข้ามาเป็นคุณหมอเภตรา
     
                    “อ้าวคุณหมอ” เปอร์เช่ดีใจจนน้ำตาแทบร่วงที่ในที่สุดคนที่รอคอยก็มาถึงสักที เพียงแต่ว่าวัตถุประสงค์ที่ดีใจยามพบเจอมันได้เปลี่ยนไปแล้ว ที่อยากจะจีบก็กลายเป็นเห็นแม่พระมาโปรดที่จะปัดรังควานเข้าจากเจ้าสิ่งมีชีวิตที่เหมือนปลาหมึกนรกที่ยื้อตัวเขาไว้ไม่ยอมปล่อย
     
                    “ว่าไงค่ะ คุณเช่ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะคะ รึว่าวันนี้หมอดูแปลก” เภตรายิ้มเขินอาย เพราะวันนี้เธอมาด้วยชุดธรรมดาแปลกตา น้ำหอมก็เปลี่ยนเป็นกลิ่นใหม่ที่ออกไปทางหวานใสกว่าเดิมพอเห็นท่าทางดีใจเว่อร์ของเด็กหนุ่มก็อดจะแอบมั่นใจในตัวเองขึ้นมาไม่ได้
     
                    “คือว่าไปไอ้หมอนี่มันท่าทางจะแย่แล้วอ่ะครับ”  
     
                    “ไหนขอหมอดูหน่อย....ว๊ายย” เภตราหวีดร้อง แรงปัดของคนป่วยที่ไม่ได้ตั้งใจทำเอาเธอนั่งลงไปกองที่พื้น
     
    “ว๊ากกก ทำบ้าอะไรแกวะ ไอ้เสาไฟฟ้า” ถึงจะรู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้ตั้งใจเปอร์เช่ก็อดส่งสายตาตำหนิติเตีอนให้ไม่ได้
     
    “ก็มันเหม็นนี่ เมื่อวานก็ทนแทบตาย.... แค่ก แค่ก แต่วันนี้ถ้ายัยนั้นเขามาใกล้ ฉันตายจริงๆแน่” ฟ้าครามฟุ่บลงไปกับเตียงอีกครั้ง ใบหน้าคมคายซุกลงกับหมอนเหมือนจะหลบหนีจากอะไรทำเอาคนเคยมั่นใจหน้าเสีย
     
    “ไอ้เสาไฟฟ้าลุกขึ้นมาให้หมอดูก่อนนน ฮึบ” แม้จะทั้งลากทั้งดึงชายหนุ่มก็ไม่จอมโผล่หัวขึ้นมา
     
    “ไม่มีทาง...”
     
    “หมอไปอาบน้ำก็ได้ค่ะ ป้าแช่มคะ นำทางให้หมอที แล้วก็ขอยืมเสื้ออะไรเปลี่ยนหน่อย คุณฟ้าครามจะได้ไม่อ้างเรื่องน้ำหอมอีก” หญิงสาวกล่าวโกรธๆ แต่ไม่ยอมแพ้เปอร์เช่ที่ได้ฟังก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆไม่กล้าบอกไปตามตรงว่าน้ำหอมแรงขนาดนี้อาบนำเจ็ดรอบก็ใช่ว่ากลิ่นจะหมดง่ายๆ
     
    “ไม่ต้องหรอกครับคุณหมอ เดี๋ยวมันจะตายซะก่อน ให้เอาหน้าซุกไว้กับหมอนแบบนี้ก็พอแล้วครับ รีบฉีดยารึเอายาอะไรให้มันกินดีกว่า”
     
    คุณหมอสาวยอมทำตาม เมื่อตรวจอาการเรียบร้อยก็ส่ายหน้าน้อยๆด้วยความเผลอตัว
     
    “หนักมากเลยหรอครับ”
     
    “เปล่าค่ะ แค่เสียดายที่จับไปโรงพยาบาลไม่ได้”
     
    “หา ว่าไงนะครับ”
     
    “ก็หนักอยู่หรอกค่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะให้เข้าโรงพยาบาลไปซะ แต่เจ้าตัวไม่ยินยอมแบบนี้มันก็ยากอ่ะค่ะ เพราะอาการไม่ได้ถึงขนาดโคม่าอะไร ที่สำคัญเมื่อเช้าก็พอทานข้าวได้บ้างแล้ว”
     
    “แต่ก็ทานได้ไม่เยอะนะครับ”
     
    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ให้ทานอาหารอ่อนๆก็พอ แล้วก็นอนพักมากๆ คิดว่าที่ไข้ขึ้นมาอีกคงเพราะฝืนลุกเดินตามคุณเช่นั้นหล่ะค่ะ” คุณหมอเภตรากล่าวยิ้มๆ โอกาสหน้ายังมีใหม่ไว้เธอค่อยมาอีกก็ได้
     
    “ผมก็ไปไหนไม่ได้สิครับ หมอนี่จ้องไว้ตลอด” เปอร์เช่โอดครวญ
     
    “ก็แอบไปตอนหลับสิค่ะ”คนสวยยิ้มขำ
     
    “อ๊ะ จริงด้วย”
     
    “งั้นหมอขอตัวก่อนนะค่ะ บ๊ายบายนะคะคุณฟ้า ไว้ครามหน้าหมอจะเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมมาใหม่”คุณหมอคนสวยโบกมือแบบยิ้มๆ วันนี้เธอออกจะยุ่งสักหน่อยถึงได้ยอมรามือกลับง่ายๆ ที่สำคัญเมื่ออีกฝ่ายกำลังหงุดหงิดเธอเข้าหาตอนนี้ก็พาลจะทำให้หมางใจมากกว่า
     
    “ป้าไปส่งนะคะ ฝากคุณฟ้าด้วยนะคะ คุณเช่”
     
    เมื่อตัวต้นเหตุกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกไปแล้ว ชายหนุ่มก็ค่อยโผล่หัวออกจากใต้ผ้าห่มผืนหน้ามาแอบดูอย่างหวาดระแวง แต่พอเห็นว่าไปกันแล้วจริงก็โล่งอกแล้วเปลี่ยนมาข่มขู่ร่างบางแทน
     
    “ถ้านายกล้าทิ้งฉันไปเที่ยวกับเพื่อนพวกนั้น ฉันจะฟ้องพ่อนาย”
     
    “เฮอะ อยากฟ้องก็ฟ้องไปดิ ยังกับจะกลัว”
     
    “ชิ”
     
    “นายก็รีบนอนพักเหอะ หน้างี้ซีดยังกะศพยังไม่วานจะมางอแงไม่เข้าเรื่อง ฉันไม่หนีนายไปไหนหรอกน่า ขืนตายขึ้นมาพ่อได้ฆ่าฉันตายตามนายไปแน่”
     
    “รู้ก็ดี....” เสียงทุ้มขาดช่วงไป เมื่อเด็กหนุ่มหันกลับมองหน้าคู่กรณีก็พบว่าอีกฝ่ายเข้าสู่ห้วงนินทราไปเรียบร้อย บทจะหลับก็หลับเอาง่ายๆ เปอร์เช่มองแล้วก็อดจะยิ้มไม่ได้
     
    ที่เขาว่ากันว่าพวกคุณชายมักจะร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงท่าจะเป็นเรื่องจริงแต่ตากฝนไม่เท่าไหร่ก็เป็นหนักได้ขนาดนี้ แต่ทำไมแก๊งสามคุณชายอย่างเขา ไอ้มะนาวแล้วก็ไอ้เต้ ถึงได้ทั้งอึดทั้งถึก เปียกฝนกันทั้งคืนยังไม่เป็นอะไรแม้แต่นิดเดียว
     
    รึว่าการเลี้ยงดูจะต่างกันนะเพราะแก๊งของเขาทั้งแก๊งล้วนโดนเลี้ยงด้วยลำแข้งบิดามารดา ไม่ได้โดนประคบประหงมให้สมกับเป็นลูกชายสุดที่รักเลยแม้แต่คนเดียว
     
    จะเรียกว่าเป็นความโชคดีในความลำบากก็คงได้สินะ
     
    แต่ว่าความรูสึกแปลกๆที่ถ่วงเขาอยู่จนกระทั่งเมื่อครู่มันได้หายไปเรียบร้อยแล้ว เปอร์เช่ยอมรับว่าตัวเองโล่งอกที่เห็นว่าฟ้าครามไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ความรู้สึกระวนกระวายที่ผ่านมาราวกับเรื่องโกหก
     
    นี่เขากำลังเป็นห่วงอีกฝ่ายสินะ
     
    “ชิ ไอ้เสาไฟฟ้าบ้า....” เปอร์เช่สถบ ไอ้หน้าขาวๆก็แดงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
     
     
    ................................
    “ฮัดเช้ย...” เปอร์เช่ถูจมูกอย่างเซ็งๆเมื่อตัวเองจามไม่หยุดโดยมีฟ้าครามมานั่งยิ้มอยู่ข้างๆ
     
    “กินข้าวต้มก่อนสิ ฉันป้อนให้” ฟ้าครามฉีกยิ้มพรางตักข้าวต้มส่งให้
     
    “ไม่กินโว้ย ไอ้ตัวแพร่เชื้อโรคกลับห้องไปไป๊” เปอร์เช่ออกอาการฉุนเฉียวเมื่อตัวเองติดหวัดอีกฝ่ายเข้าไปเต็มๆ พอตื่นขึ้นมาเขาก็จามไม่หยุด ส่วนฟ้าครามที่ปล่อยเชื้อหวัดให้เขาก็ใช่ว่าจะหายแล้วแต่กลับกล้าเสนอหน้ามาอาสาเฝ้าไข้ให้แบบไม่เจียมสังขาร
     
    “แค่คำเดียวก็ได้....” ฟ้าครามต่อรอง
     
    “ตูกินเองได้เฟ้ย นายนั้นแหล่ะกินข้าวกับยาหรือยัง เป็นหนักกว่าฉันแท้ๆ” เปอร์เช่แย่งชามกลับมาแล้วเริ่มลงมือกินข้าวเองพร้อมส่งสายตาขุ่นเคืองไปให้อีกฝ่าย
     
    “ยังเลยอ่ะ กินยาเลยได้มั้ย” ฟ้าครามยิ้ม
     
    “นี่นายกำลังกวนตีนฉันอยู่รึเปล่าฟะ ป้าแช่มคร้าบบบ จับไปไอ้หมอนี่ออกไปกินข้าวกินยาที” เปอร์เช่ตะโกนเรียกคนช่วย แต่คุณแม่บ้านกลับยกถาดตามมาให้ที่ห้องเด็กหนุ่มแทนที่จะลากตัวเขากลับไป
     
    “คุณฟ้าทานนี่แล้วกินยาให้เรียบร้อยนะคะไม่งั้นป้าจะมาลากกลับห้อง” ป้าแช่มหัวเราะเมื่อวางถาดลงให้ฟ้าครามแล้วเปอร์เช่ตีหน้าเศร้า
     
    “อีกไม่กี่วันนายจะสอบอยู่แล้วฉันก็เลยตั้งใจมาติวให้” ร่างสูงอ้าง
     
    “ไว้นายเอาสังขารตัวเองให้รอดก่อนค่อยมาสนใจฉัน รึไม่ก็ปล่อยฉันไปตายยถากรรมทีเถอะ” เปอร์เช่เริ่มจะยอมแพ้ ที่จริงตัวเขาเองไม่ได้เป็นหวัดหนักอะไรอย่างมากก็แค่จาม แต่แค่ขี้เกียจเรียนเท่านั้น
     
    “ฉันจะกลับห้องก็ได้ แต่ว่านายต้องกลับไปด้วย”
     
    “หา ทำไมฉันต้องตามนายกลับห้องไปด้วยละวะ” เปอร์เช่เกาหัว
     
    “นั้นสินะ ทำไม....” ฟ้าครามเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะเอาเหตุผลอะไรมาล่ออีกฝ่ายให้ทำตามตัวเอง ขณะที่ระดมสมองอยู่นั้นโทรศัพท์มือถือที่เจ้าตัวพกไว้แบบไม่คิดว่าจะมีใครโทรมาก็ดังขึ้น
     
    “เอริก...?” ร่างสูงพึมพำชื่อที่ปรากฏในมือมือแบบงุงงง อีกฝ่ายไปได้เบอร์มือถือเขามาได้ยังไง
     
    “รับสิฟะ ปล่อยให้ดังอยู่ได้หนวกหู” เปอร์เช่ที่อดทนฟังเสียงดนตรีประหลาดที่กระฮึ่มอยู่ในห้องเขาเป็นระยะเวลาอันยาวนานก็ทนไม่ไหวจึงคว้าหมอนมาปาใส่เจ้าตัวต้นเหตุเป็นการกระตุ้น
     
    ฟ้าครามจึงต้องจำใจกดรับมือถือแบบเสียไม่ได้
     
    รับสักทีนะมิสเตอร์ รู้มั้ยที่นี่วุ่นวายใหญ่แล้ว กว่าฉันจะไปกราบขอร้องเอาเบอร์มาจากแม่นายได้มันยากเย็นขนาดไหน ปลายสายรีบโวยวายเพราะกลัวเขาจะวางมือถือ
     
    “วุ่นวายอะไรล่ะ” ฟ้าครามออกอาการหงุดหงิด
     
    ห้องของนายโดนยกเค้า แต่ถ้าจะถามว่ามันเอาอะไรไปได้บ้างฉันไม่รู้หรอกนายจะกลับมาเช็คได้มั้ย มีอะไรสำคัญรึเปล่า คนทางนี้เค้าเครียดกันไปหมดแล้ว เอริกเองก็เครียดที่แต่ละคนเอาแต่โวยวายใส่ หาว่าเขาไม่รู้จักตรวจตราคนเข้าออกตึกให้ดี แต่ว่าเขาไม่ใช่ยามสักหน่อยที่จะมาดูคนเข้าออกอยู่ตลอดเวลา ถึงเขาจะชอบการแอบดูมากก็เถอะแต่ว่าพอเกิดเรื่องขึ้นมาก็กล่าวหากันว่าเขาไม่รู้จักใช่ความโรคจิตให้มีประโยชน์
     
    ที่สำคัญไอ้ความโรคจิตเนี่ยมันมีแบ่งแยกได้ด้วยหรอว่ามีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์
     
    “ของในห้องฉันใครจะเอาไปมันก็ไม่มีประโยชน์หรอกน่า ไม่ต้องกังวล ที่ต้องเป็นห่วงน่ะคือห้องของอาเรย์กับ ฟรานซิสต่างหาก โดนเอาอะไรไปบ้างหรือเปล่าล่ะ” ฟ้าครามไม่เป็นห่วงเลยว่าอะไรของเขาจะหายไปสักถ้ามันจะหายไปสักชิ้นสองชิ้นก็ไม่เป็นไร เขามีเก็บสำรองเอาไว้ทั้งหมด
     
    นายพูดอย่างงี้ก็ค่อยยังชั่วหน่อยไม่งั้นฉันโดนด่าหูชาแน่ ห้องของอาเรย์กับฟรานซิสน่ะเพราะเจ้าของห้องมันเลินเล่อก็เลยมีคนคอยระวังให้ตั้งเยอะ ใครจะกล้ามายุ่มย่าม เอริกงึมงำ เขาเองก็รู้สึกเบื่อไม่น้อยที่ต้องมาคอยตามล้างตามเช็ดให้เพื่อนทุกคน ซึ่งแต่ละคนก็สรรสร้างแต่ความยุ่งยากมาให้
     
    “ทำไมไม่ระวังห้องฉันด้วยอีกคนล่ะนายก็รู้ว่าฉันไม่อยู่ อืมม...แล้วมีใครจะตามตัวฉันมั้ย” ฟ้าครามขมวดคิ้วเล็กน้อยเขาโดดงานประจำมานานพอดู ไม่รู้ว่าบรรดาผู้ใหญ่ในที่ทำงานจะคิดยังไงกันบ้าง ถ้าไล่ออกก็ดีไป แต่ถ้าคิดจะส่งคนมาลากคอกลับไปที่ทำงานเขาก็ไม่เอาด้วย
     
    คนทางไหนล่ะ ทางเราหรือทางเขาหรืออื่นๆ?’ เอริกตีรวนทำเป็นฟังไม่เข้าใจ
     
    “หัวหน้าน่ะ...” คนอื่นช่างหัวมัน ฟ้าครามกลัวก็แต่หัวหน้างานสุดโฉดเท่านั้นที่ไม่รู้ว่าพอไม่พอใจขึ้นมาจะลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าง
     
    ใกล้ระเบิดแล้วล่ะ เพราะทางอื่นๆเขาตามตัวนายให้วุ่น หัวหน้าเขาก็เลยอยากรีบเอาตัวนายกลับมา ช่วงนี้นายติดอะไรเป็นพิเศษมั้ยล่ะ ฉันจะได้อ้างกับหัวหน้าให้คำพูดธรรมดาๆของเอริกทำเอาฟ้าครามถึงกับชะงักเผลอเหม่อมองใบหน้าเอ๋อๆของเด็กหนุ่มอีกคนในห้องที่พยายามแอบเงี่ยหูฟังมาตลอดแต่ก็ฟังไม่รู้เรื่องเพราะได้ยินแต่ภาษาอังกฤษโดยไม่รู้ตัว ถ้าตอบไปว่าติดผู้ชาย มันจะฟังขึ้นมั้ยนะ
     
    “ช่วงนี้ฉัน...เอ่อ...ป่วยน่ะ” คนป่วยเอามือกุมขมับกับข้ออ้างตัวเอง อายไหมนั้นที่พูดออกไป
     
    หา ป่วยเนี้ยนะ เป็นอะไรอีกล่ะ เวรแล้วไง หัวหน้าจะด่าฉันมั้ยวะ เอริกที่เพิ่งจะโล่งใจไปได้เรื่องหนึ่งก็ต้องมาวิตกกับอีกเรื่องหนึ่งแทนก็หัวหน้าเป็นคนที่แยกแยะอะไรได้ที่ไหน ขนาดอาเรย์มันเมาหัวทิ่ม เขายังเป็นคนโดนว้ากเลยว่าปล่อยให้เมาได้ยังไง แม้กระทั่งฟราสซิสเล็บฉีกยังเป็นความผิดเขาได้นับภาษาอะไรกับฟ้าครามบอกว่าป่วย
     
    “เอ่อ...ขอโทษที พูดเกินไปน่ะ ที่จริงก็แค่หวัด....” ฟ้าครามรีบอธิบายก่อนที่มันจะไปกันใหญ่
     
    งั้นนายก็ไม่ได้ติดอะไรสินะ กลับมาได้แล้วม้าง ไปอยู่ประเทศบ้านเกิดพ่อตัวเองนานๆระวังทางนั้นเขาจะไม่ยอมให้กลับมานะเออ เห็นว่านายเป็นลูกชายคนเดียวด้วยนี่แต่ว่าถ้าคนอย่างนายเป็นหวัดหัวหน้าน่าจะยอมให้พักต่ออีกหน่อย เอาเป็นว่านายก็รีบๆหายแล้วกัน เป็นนานๆทางนี้จะยิ่งสงสัยว่านายเป็นอะไรกันแน่เอริกบอกใบ้ให้คู่สนทนารู้กลายๆว่าเขารู้แล้วว่าตอนนี้อีกฝ่ายอยู่ที่ไหน ก่อนหน้านี้ให้เขาไปงมโข่งอยู่กับแถวเคนย่าตั้งนานสองนานเสียเวลาไปตั้งเยอะ แต่ที่ไหนได้กลับมาแอบสบายใจอยู่ที่ไทยโดยไม่ยอมบอกความจริง
     
    “รู้แล้วๆ นายก็ห้ามแอบถ้ำมองฉันเด็ดขาดนะ ไม่งั้นมีเรื่องแน่ มีอะไรอีกมั้ยถ้าไม่มีฉันจะวางสายแล้ว” ฟ้าครามดักคอเอาไว้ก่อนเพราะไม่แน่ใจว่าเอริกรู้ที่อยู่เขาหรือยังว่าอยู่ตำแหน่งไหนในไทย
     
    โอเค ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยมีเวลาหรอก นายสบายใจได้ หมู่นี้เรื่องยุ่งๆมันเยอะ เอาไว้นายกลับมาเมื่อไหร่ก็ค่อยมาช่วยกันสะสางแล้วกัน บายฟ้าครามกดปิดโทรศัพท์ลง ความจริงเขาก็อยากรู้อยู่หรอกว่าเรื่องยุ่งๆที่เอริกว่ามันคืออะไร แต่ปลายสายกลับตัดไปเสียก่อน
     
    แต่เอาเถอะ วันหยุดก็คือวันหยุดจะเอาเรื่องงานมาคิดทำไม
     
    “นายพูดภาษาอังกฤษกับเพื่อนด้วยเหรอ สุดยอดไปเลย” เปอร์เช่ออกอาการตื้นเต้นเมื่อได้เห็นการใช้ภาษาต่างประเทศในชีวิตประจำวันจริงๆ
     
    “ถ้าฉันพูดภาษาไทยแล้วคนอเมริกาจะรู้เรื่องมั้ยล่ะ” ฟ้าครามย้อมถามเด็กหนุ่มด้วยความละเหี่ย ไม่รู้ว่าคนๆนี้คิดว่าเขามาจากที่ไหนกันแน่
     
    “เออจริงด้วยแฮะ แล้วกับแม่นาย นายพูดภาษาไหนอ่ะ ภาษาอังกฤษใช่มั้ย ส่วนกับอาพฤกษานายพูดภาษาไทย แล้วถ้าคุยกันสามคนจะพูดเป็นภาษาอะไรอ่ะ”
     
    “สนใจแต่เรื่องแปลกๆ....ถ้าอยู่อเมริกาก็พูดภาษาอังกฤษตลอดล่ะนะ นายจะรู้ไปทำไม” ฟ้าครามคิดว่าเปอร์เช่เป็นพวกไม่ค่อยอยากรู้อยากเห็นซะอีก แต่กลายเป็นว่าที่จริงเด็กหนุ่มเป็นพวกสนใจแต่อะไรพิลึกๆมากกว่า
     
    “ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรู้ไปทำไมแฮะ แต่นายจะคลานขึ้นมาบนเตียงฉันทำไมฟะ ถ้าอยากนอนกลับห้องตัวเองไปโน้นไป๊ เตียงมันแคบ” เปอร์เช่โวยวาย ถึงเตียงมันจะเป็นขนาดคิงไซด์ที่นอนกันสองคนได้อย่างสบายๆ แต่ว่าเปอร์เช่ก็ไม่เห็นสมควรอันใดที่จะต้องยอมให้คนตัวโตอย่างฟ้าครามขึ้นมาร่วมใช้ด้วยให้มันเกะกะลูกตา
     
    “กินยาแล้วง่วงน่ะ....เดินกลับไม่ไหวด้วยขอนอนด้วยคนสิ” ฟ้าครามซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มโดยไม่คิดจะฟังเสียงทัดทานจากเจ้าของเตียงสักนิด สร้างความโมโหให้เจ้าตัวเป็นอันมาก
     
    “ลุกขึ้นมาก่อนไอ้เสาไฟฟ้าบ้า ห้ามหลับนะ ตื่นนนนน” เปอร์เช่พยายามเขย่าอีกฝ่าย ทั้งดึงทั้งแย่งผ้าห่มคืนก็เหมือนจะยิ่งทำให้ชายหนุ่มซุกตัวหนักเข้าไปอีก
     
    “อย่ารุนแรงได้มั้ย คนยิ่งปวดหัวอยู่ เดี๋ยวก็อ้วกหรอก” คำขู่จากใต้ผ้านวมผืนใหญ่ทำเอาเปอร์เช่แข็งทื่อ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะงัดไม้ตายสกปรกๆเข้าข่ม
     
    แล้วจะให้พี่เช่ทำอะได้ ฮือออออ
     
    เปอร์เช่หงุดหงิดงุ่นง่านอยู่พักนึงแล้วค่อยตัดใจปล่อยให้ชายหนุ่มนอนต่อไปส่วนตัวเองก็หยิบหนังสือการ์ตูนขึ้นมาอ่านแบบเซ็งๆโดยไม่รู้ตัวว่าคนที่เขาคิดว่าหลับกำลังแอบมองตัวเองอยู่
     
    ใบหน้าขาวๆที่ดูอารมณ์ไม่ดี คิ้วที่ขมวดจนแทบจะติดกัน ริมฝีปากบางที่เม้มอยู่ ฟ้าครามบอกไม่ได้สักนิดว่าเขาชอบอะไรที่ตรงไหนกับแน่แต่ตอนนี้มันกลับเป็นใบหน้าที่ทำให้เขารู้สึกใจเต้น รู้สึกดีเมื่อได้อยู่ใกล้ชิด กลิ่นหอมอ่อนจางที่ทำให้รู้สึกดี ทั้งหมดนี้คงทำให้เขาไม่อาจตัดใจกลับอเมริกามือเปล่าได้แน่
     
    แต่จะให้หลอกล่ออีกฝ่ายได้ยังไงฟ้าครามเองก็ยังไม่รู้
     
    แต่ตอนนี้ฟ้าครามต้องหยุดความคิดไว้ชั่วคราวเพราะไอ้ที่บอกเปอร์เช่ไปว่าปวดหัวนั้นเขาก็ปวดหัวจริงๆชายหนุ่มก็เลยจำใจต้องหลับตาลง ในหัวก็คิดถึงเรื่องราวในสมัยเด็ก
     
    นานแสนนานมาแล้วที่เขาได้พบกับเปอร์เช่ นานเสียจนอีกฝ่ายลืมเขาไปจนหมดสิ้น....
     
    เสียงลมหายใจถอดยาวเสมอกันทำให้เปอร์เช่รู้ว่าคนตัวโตกว่าหลับสนิทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เปอร์เช่เองก็ไม่ใช่คนใจร้ายอะไรนัก เด็กหนุ่มวางหนังสือการ์ตูนลงข้างตัวแล้วก้มหน้าลงมองคนที่ปิดเปลือกตาสนิทอย่างจริงจัง
     
    สองสามวันมานี่ที่ฟ้าครามอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เปอร์เช่เองก็ค่อนข้างจะเป็นกังวล เมื่อโทรศัพท์ไปรายงานอาพฤกษา ถึงได้รู้ว่าที่จริงฟ้าครามร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ความจริงคงจะเริ่มไม่สบายมาตั้งหลายวันแล้วเพราะเห็นพักหลังๆกินน้อยกว่าปกติหรือแทบไม่กินอะไรเลย พอมาเจอฝนเข้าก็เลยน็อคอย่างที่เห็น
     
    ทั้งที่ดูภายนอกออกจะถึกแท้ๆ.....
     
    เปอร์เช่เกลี่ยผมที่ปิดใบหน้าชายหนุ่มออกอย่างเบามือ เขาไม่ค่อยเข้าใจนักว่าฟ้าครามคิดอะไรยู่ แรกเริ่มเดิมทีที่เจอหน้ากันอีกฝ่ายก็ทำราวกับว่าไม่เห็นคนอื่นๆบนโลกนี้อยู่ในสายตา พอเขาลองกวนประสาทดูก็โดนจิกกัดกลับมาตลอด แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้กลายเป็นว่ามาจุ้นจ้านกับเขาไปทุกเรื่องแบบตอนนี้ได้ก็ไม่รู้
     
    หรือว่าพี่เช่จะโง่จนโดนสงสารนะ.....
     
    ทั้งเรื่องเรียน เรื่องจูบ.... นี่ตูไม่ได้เรื่องเลยสักกะอย่างหรือนี่.....เปอร์เช่แอบเหงื่อตกน้อยๆเมื่อได้ข้อสรุปในใจ เอาก็เอาวะ โง่ก็โง่ ความจริงก็เป็นความจริงวันยังค่ำแต่อย่างน้อยพี่เช่คนนี้ก็มั่นใจว่าตัวเองฉลาดกว่าฮ่องเต้เพื่อนรักก็แล้วกัน ร่างบางพยามปลอบใจตัวเอง หลังจากว้าวุ่นกับความคิดในหัวตัวเองอยู่อีกสักพักเปอร์เช่ก็เผลอหลับไปอีกคน
     
    “อ้าว ตายจริง หลับกันหมดเลย” ป้าแช่มที่เปิดประตูเข้ามาดูคู่กัดสองคนที่ไม่รู้ว่าทะเลาะกันตายหรือยังก็อมยิ้มเมื่อเห็นว่าทั้งฟ้าครามทั้งเปอร์เช่สามัคคีกันนอนหลับกันหมดแถมยังกอดกับแบบที่ถ้ารู้สึกตัวขึ้นมาเปอร์เช่คงแหกปากโวยวายลั่นบ้าน แต่ว่ามันก็เป็นภาพน่ารักๆที่ทำเอาคนแก่อดจะแอบถ่ายรูปเอาไว้ไม่ได้
     
    “ส่งให้คุณพฤกษาด้วยดีกว่า...” ป้าแช่มยิ้มหวานกับรูปที่ได้มาก่อนจะส่งต่อให้เจ้านายตัวเองทันทีโดยไม่รู้ว่ามันจะหลุดไปได้ขนาดไหน
     
    .............................
     
    “เอ๋ ข้อความจากป้าแช่ม” พฤกษาที่กำลังง่วนอยู่กับงานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเมื่อได้ยินเสียงข้อความเข้า ออกจะแปลกใจอยู่นิดๆว่าคุณแม่บ้านของเขาจะส่งอะไรมาให้แต่เมื่อเปิดดูคนเป็นพ่อก็เผลอยิ้มออกมาเมื่อได้เห็นภาพน่ารักๆของลูกตัวเอง
     
    “ดูอะไรอยู่คะ คุณพฤกษาดูปลาบปลื้มเชียว” คนที่ทำลังคุยกันกับพฤกษาหลายคนต่างขอดูกันบ้างเมื่อมีคนเริ่มดูแล้วส่งต่อแต่ละคนชมกันไม่ขาดปาก
     
    “รูปลูกชายกับหลานน่ะครับ ที่เมืองไทยเขาถ่ายส่งมาให้ดูเล่น” คนบ้าเห่อลูกชายยิ่งลอยหนักเข้าไปอีกเมื่อมีแต่คนรุมกันซักถาม บางคนถึงขนาดขอให้เขาส่งรูปต่อให้เลยทีเดียว
     
     ส่งไปให้เอลิเซ่ดูด้วยดีกว่า.....พฤกษาแอบคิดว่าอดีตภรรยาคงชอบแน่ๆเขาก็เลยจัดการส่งรูปต่อไปให้เจ้าหล่อนทันที ไม่นานนักรูปมันกระจายไปทั่วโดยที่ฟ้าครามยังนอนฝันหวานอยู่บนเตียง
     
     
    ......................................
     

    ก็อยากติดท๊อปเหมือนกันน้า...แต่ว่าแค่มีคนหลงเข้ามาอ่านก็ปลืมแล้วล่ะ = w =

    ถ้ามีพวกฉาก NC จะโอกันมั้ยอ่ะ ทำใจหน่อยนะที่มันต้องโผล่มาบ้าง หุหุ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×