ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5 นิยามการเดท
ตอนที่ 5
นิยามการเดท
“แตกตื่นอะไรกันแต่เช้าวะ ยิ่งโดยเฉพาะพวกผู้หญิงยังกะนกกระจอกแตกรัง เสียงงี้แสบแก้วหูชะมัด” เปอร์เช่ขมวดคิ้ว ดูเหมือนเป้าหมายของคนส่วนมากจะมุ่งไปที่ระเบียงหน้าห้องเรียนที่ตรงกับประตูรั้วใหญ่ของโรงเรียน เด็กสาวจำนวนมากไปกระจุกอยู่บริเวณนั้นเยอะเสียจนแทบจะเดินผ่านไปไม่ได้ แต่สายตาเด็กหนุ่มกลับไปหยุดลงที่ร่างอันแสนคุ้นตาที่เข้าไปร่วมเบียดกับเขาด้วย
“นั้นมินท์ที่แกหมายปองไม่ใช่เหรอวะ เช่ หาตัวยากซะด้วยปกติอยู่กะอาจารย์ในห้องสมุดโน้น เข้าไปทักสิวะ” ฮ่องเต้รีบสะกิดเพื่อนตัวเองให้รีบ
“ไม่ดีมั้งเต้ ยัยแสบอีกสองคนก็อยู่” เปอร์เช่กล่าวด้วยความขยาด มิ้นท์ดาวโรงเรียนคนสวย นอกจากหน้าตาจะดี เรียนเก่งแล้วยังมีเพื่อนสาวสุดแสบจำนวนอีกสองแถมมาด้วย ไม่ว่าใครที่คิดจะเข้าไปจีบก็มีอันต้องเข็ดกลับมาทุกรายไป
“เฮ่ออ ถ้ายัยชะเอมกับยัยรินรีบมีแฟนไปซะก็หมดเรื่องไปแล้ว ว่ามั้ยมะนาว” ฮ่องเต้บ่นอย่างเสียดายแทนเพื่อน
“ยัยพวกนั้นคงยากอ่ะ พวกนายสองคนแบ่งไปเป็นแฟนคนละคนได้มะ ทางฉันจะได้สะดวกหน่อย หน้าตาก็สวยอยู่หรอก แต่นิสัยเนี่ยระหว่างจุ้นจ้านเหมือนแม่ รึดุเหมือนหมายังไม่กล้าฟันธงเลยวะ” เปอร์เช่สายหน้าแบบระอา แน่นอนว่าเพื่อนรักของเขาทั้งสองก็รีบปฎิเสธกันพัลวัน
“ไม่ไหวอ่ะ ต่อให้เป็นเพื่อนรัก แต่ถ้าเรื่องนี้ขอบายว่ะ” ฮ่องเต้รีบโวยเมื่อเปอร์เช่ทำท่าจะโยนเผือกร้อนมาให้
“แล้วนายอ่ะมะนาว ไหนว่ายัยพวกนั้นหน้าตาใช้ได้ไง รับไว้สักคนสองคนคงไม่เป็นไรมั้ง” ว่าที่เหยื่อรายต่อไปมองไปที่สองสาวอย่างชั่งใจ ทำเอาเพื่อนอีกสองคนลุ้นจนตัวโก่ง
“ไม่เอาอ่ะ บวกลบคูณหารยังไงก็ไม่คุ้ม อีกอย่างฉันมีคนที่เล็งไว้อยู่แล้วด้วย” มะนาวยิ้มแบบที่หาดูได้ยาก มุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยทำให้ใบหน้าเย็นชาดูน่ามองยิ่งขึ้น
“มีคนที่เล็งไว้แล้ว? ตอนไหน? เมื่อไหร่? ทำไมฉันไม่รู้เรื่องวะ บอกมาให้หมดซะดีๆ” เปอร์เช่ได้ฟังความก้าวหน้าของเพื่อนที่ดูยังไงมันก็ไม่น่าไปสนใจเข้าได้ นี่ถ้ามันมีแฟนไปก่อนคนที่อกหักมาร่วมรอยครั้งแต่ยังหาสาวมาดูใจไม่ได้อย่างเขาคงรู้สึกเจ็บปวดเป็นที่สุด
“ก็แค่เล็ง ยังไม่ได้จีบเลย...ว่าแต่นายเหอะ ตกลงว่าไม่เข้าไปทักมิ้นท์ใช่มะ งั้นเราก็ไปกันเหอะตรงนี้หนวกหูเป็นบ้า” มะนาวรีบเปลี่ยนประเด็น
“ใช่ๆเลิกสนใจเรื่องของเจ้าบ้านี่ได้แล้วมันไม่เคยจีบหรอก อยู่ๆก็จูบ” ฮ่องเต้หัวเสีย แต่ประโยคที่หลุดมาโดยไม่ตั้งใจมีหรือที่เปอร์เช่จะไม่ได้ยิน
“ไอ้มะนาวมมันจูบกะใครมาบอกมาซะดีๆ” เปอร์เช่คาดคั่นเอากับฮ่องเต้ที่เหงื่อแตกพลั่กๆ ที่หลุดปากออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“บอกไปก็ได้นะ ฉันไม่ว่าหรอก” มะนาวพูดยิ้มๆ
“ถึงตายฉันก็ไม่บอก” ฮ่องเต้ยืนกร้านเสียงแข็งทำเอาเปอร์เช่นึกสงสัยว่าทำไม่ต้องปกป้องไอ้เจ้าก้อนน้ำแข็งจนเว่อร์ขนาดนี้รึว่าจะมีผลประโยชน์ร่วมเพราะดูเจ้าของความลับไม่ทุกข์ร้อนอะไรสักนิดเหมือนมั่นใจซะเต็มประดาว่าฮ่องเต้ไม่ขายตัวเองแน่ๆ
“บอกมาเดี๋ยวนี้นะ มะนาว ฮ่องเต้พวกนายมีความลับอะไรกับฉันแอบไปมีแฟนกันโดยไม่บอกฉันรึเปล่าห๊ะ” เปอร์เช่เริ่มจับผิด มิน่าล่ะหมู่นี้เจ้าสองคนนี้มันลุกลี้ลุกลนกันชอบกล ทำอะไรก็เหมือนมีความลับ
ที่จริงมันก็ไม่น่าคิดมากอะไรหรอกนอกจากอิจฉา พวกมันจะไปมีแฟนโดยปล่อยให้เขาเป็นคนโสดอยู่คนเดียวได้ยังไง อย่างน้อยๆก็น่าจะแนะนำสาวมาให้สักคนสองคนหรือหลับหูหลับตาเอาน้องสาวมาถวายเขาสักคนก็ยังดี แต่ตราบใดที่พวกมันยังทิ้งเขาไปมีความสุขอยู่ล่ะก็รับรองว่าพี่เช่คนนี้ไม่เลิกราวีแน่ๆ
“ฉันบอกให้ก็ได้นะ ที่จริง....” มะนาวทิ้งช่วงให้เปอร์เช่ลุ้น แต่เสียงเรียกของฮ่องเต้ดันดังแทรกมาเสียก่อน
“เช่ดูนั้นสิอะไรน่ะ!!!” ฮ่องเต้ชี้ไปทางเป้าหมายที่เด็กสาวรุมมองจากระเบียงไปยังเงาร่างที่เปอร์เช่ดูยังไงก็ค้นตา หลังจาดเพ่งมองอยู่พักใหญ่เพราะไม่อาจจะเอาตัวแทรกเด็กผู้หญิงเข้าไปดูใกล้ๆก็เริ่มรู้ว่าเจ้าจุดสนใจนั้นคือใคร
ชายหนุ่มหน้าตาดีที่ยืนพิงประตูรั้วโรงเรียนอยู่แบบไม่แคร์ใครถอดแว่นกันแดดออกเมื่อเห็นว่าคนที่เดินริ่วๆมาทางตัวเองชัดๆ เปอร์เช่ตีหน้ายักษ์เมื่อคนตัวสูงกว่าทักทายเข้าอย่างไม่สะทกสะท้าน ปกติที่ฟ้าครามใส่แค่เสื้อยืดกางเกงยีนอยู่กับบ้านก็ว่าเท่อยู่แล้วพอเปลี่ยนมาใส่เสื้อเชิ้ตสีเข้มเข้าไปบวกด้วยแจ๊คเกตสีดำสนิทเข้าไปก็ยิ่งกระชากใจสาวๆโดยเฉพาะเมื่อชายหนุ่มถอดแว่นออกเสียงกริ๊ดของบรรดาสาวๆในเครื่องแบบนักเรียนก็ยิ่งดังขึ้น
“นายมาทำอะไรที่นี่วะ ไอ้เสาไฟฟ้า”เปอร์เช่ทำเสียงเขียวเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเหมือนสงสัยว่าเขาหงุดหงิดอะไร
“นายไม่อยู่บ้าน ป้าแช่มบอกว่านายมาโรงเรียนฉันก็เลยตามมา” ฟ้าครามอ้าปากหาว ออกจะเบื่อนิดๆที่รออยู่นานกว่าเปอร์เช่จะเดินออกมา เขาเด่นขนาดนี้แต่ทำไมกับคนที่อยากให้เดินออกมาดูถึงได้ช้านัก มีแต่อะไรไม่รู้เข้ามาทักเขาหรือเดินวนเวียนรอบตัวเขาอยู่เต็มไปหมด
“ฉันมีเรียนเสริมช่วงปิดเทมอแค่วันนี้กะพรุ่งนี้เอง นายจะตามมาหาพระแสงอะไรฟ่ะ” เปอร์เช่แยกเขี้ยว
“ก็มันว่างนิ”
“ว่างแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันอ่ะ มาเพื่อ? ดูดิวุ่นวายจนไม่เป็นอันเรียนกันแล้ว”
“นายเลิกเรียนกี่โมงล่ะ ฉันหาที่รอแถวนี้ก็ได้ ร้อนเป็นบ้า ร้านกาแฟรึอะไรก็ไม่มี สงสัยว่าต้องนั่งรอในโรงเรียน แล้วตรงไหนมีที่เย็นๆแนะนำมั่งมั้ย”
“ไม่มี กลับไปรอที่บ้านเหอะ ชิ้วๆ เดี๋ยวอีกชั่วโมงเดียวก็เลิกเรียนแล้ว”
“ก็อีกแค่ชั่วโมงเดียวเอง รอที่บ้านก็ยิ่งเสียเวลาเพราะว่าวันนี้ฉันว่าจะพานายไปกินข้าวนอกบ้าน”
“ไม่เอาอ่ะไม่ไป ขี้เกียจ ฉันเลิกเรียนเมื่อไหร่จะกลับไปนอนกลิ้งเกลื้อกอยู่กับบ้านทันที ข้าวป้าแช่มก็อร่อย แอร์ก็มี ดูทีวีก็ได้ นั่งเกาตูดยังไม่มีใครด่าเลย ทำไมฉันต้องหาเรื่องลำบากเสียตังวะ” เปอร์เช่พูดฉอดๆ ไม่หายใจจนจบประโยค
“นายจะเอางั้นฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่ว่า วันนี้ทั้งป้าแช่มทั้งลุงชมไม่อยู่นะ พอดีว่าหลานแกคลอดลูกแกเลยขอไปดูหน้าเด็กสักหน่อย กว่าจะกลับก็คงเลยเที่ยงคืนไปแล้วเผลอๆก็พรุ่งนี้เลย ของในตู้เย็นก็หมด ถ้านายอยากหิ้วท้องรอป้าแช่มฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด ที่สำคัญข้าวน่ะฉันจะเลี้ยงอยู่แล้วไม่ต้องกลัวเสียเงินหรอก”
“แล้วก็ไม่รีบพูดตั้งแต่ทีแรก ปล่อยฉันพล่ามอยู่ตั้งนาน” เปอร์เช่บ่น
“นายเปิดจังหวะมั้ยล่ะ เอาเป็นว่าเย็นนี้เราไปกินข้าวกัน ฉันจ่าย ส่วนนายเป็นคนพาไป” ฟ้าครามพูดเองสรุปเองเสร็จสรรพ ไม่เปิดโอกาสให้เด็กหนุ่มแย้งอะไร
“ช่วยไม่ได้แฮะ นายไปนั่งรอตรงศาลาตรงโน้นเลยไป เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วฉันจะเดินไปหา ช่วยอยู่กับที่ด้วยล่ะ ฉันขี้เกียจหาตัว ถ้านายไม่อยู่ฉันชิ่งเลยนะเฟ้ย” เปอร์เช่ขู่ ที่จริงแล้วเปอร์เช่ก็ไม่ได้มีปัญหาหนีไปไหนนอกจากกลับไปที่บ้านของฟ้าคราม ถึงจะกลับบ้านตัวเองไปคนรับใช้ที่เชื่อฟังพ่อของเขาราวกับเป็นจ้าวชีวิตเขาคงให้เวลาเขาได้สุขขีสักสองชั่วโมงก่อนจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขากลับออกมาตามคำสั่ง
ช่างไม่เห็นใจลูกชายตัวเองเอาซะเลย ไม่คิดว่าถ้าเกิดเขาขัดแย้งกับคนบ้านนั้น แล้วโดนอัปเปหิขึ้นมาจะเป็นยังไง คงไม่ต้องต่อโทรศัพท์ข้ามทวีปเพื่อขอเข้าบ้านแล้วโดนด่าหาว่าไม่รู้จักทำตัวดีๆ แล้วให้นอนในลังกระดาษให้เข็ดหรอกนะ
“ได้ๆ จะรอ นายเลิกเรียนแล้วก็รีบมาเลยนะ” ฟ้าครามไม่วายกำชับอีกรอบ
“รู้แล้วน่า” เปอร์เช่รับคำอย่างหัวเสีย เมื่อเดินเข้ามาถึงตัวอาคารเด็กหนุ่มก็ได้รับสิ่งที่ราถนามาทั่งชีวิตแต่ไม่ใช่ในรูปแบบที่คาดการณ์ไว้โดยสิ้นเชิง
เอาเป็นว่าการเรียนการสอนที่แทรกเข้ามาชั่วระยะเวลาสั่นๆตอนปิดเทมอมันก็ไม่น่าสนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อมีจุดหักเหขึ้นมามันก็ถูกลืมโดยสิ้นเชิง บรรดาสาวๆแต่ละคนที่เข้ามารุมล้อมเด็กหนุ่มอ้าปากออกมาทีก็มีแต่เรื่องคนหล่อหน้าประตูโรงเรียนจนเปอร์เช่อยากคลั่ง กว่าจะมุดกลับเข้าห้องเรียนได้ก็เล่นเอาเหงื่อโทรมกายแถมยังได้รับตาเขียวๆของอาจารย์ประจำชั้นสุดโหดพ่วงเข้าไปด้วย
“นี่เช่...ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย” เสียงหวานๆกระซิบมาจากโต๊ะข้างๆ เปอร์เช่ที่พอจะรู้อยู่หรอกว่ามันจะเป็นเรื่องอะไรก็เตรียมว๊ากใส่เต็มที่ แต่ก็รีบหยุดเอาไว้ทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“มะ มิ้นท์ มีอะไรเหรอ” เปอร์เช่ออกเสียงแทบไม่เป็นคำ
“คือว่านะเช่ คนที่หน้าประตูเมื่อกี้ใครเหรอ ญาติรึเปล่า” สาวน้อมพูดด้วยสีหน้าเอียงอายทำเอาเด็กหนุ่มแทบใจสลายแต่ก็ต้องกลั้นใจตอบคำถามเพราะไม่อยากให้มิ้นท์คนสวยของตัวเองผิดหวัง
“ก็ญาติห่างๆน่ะ ทำไมเหรอมิ้นท์” เด็กหนุ่มถามกลับทำเอาหน้าที่ออกชมพูอยู่แล้วของเด็กสาวกลายเป็นสีแดงเข้มขึ้น
“ก็ยัยชะเอมกับยัยรินน่ะสิบังคับให้ฉันมาถาม น่าอายจังเลย ที่จริงฉันก็สนใจอยู่หรอกนะแต่สู้สองคนนั้นไม่ไหวหรอก ดูเอาจริงเอาจังน่าดู” มิ้นท์รีบบอกแก้เก้อ
“หา ยัยสองคนนั้นน่ะนะ ฉันนึกว่าบ้าแต่ดารา นายแบบซะอีก” เปอร์เช่แอบคิดแผนการชั่วร้ายในทันที ถ้าพลักสองสาวให้ฟ้าครามไปได้ตัวเองกับมิ้นท์ก็ทางสะดวก
“ฮิฮิ ล้อเล่นรึเปล่าเช่ อย่าบอกนะว่าไม่รูว่าญาติตัวเองเป็นนายแบบ แถมยังดังมากด้วยนะ” เด็กสาวยิ้มขำเพราะคิดว่าเด็กหนุ่มกำลังเล่นตลกกับเธอ
“ไม่เห็นเคยได้ยินเลย นายแบบชื่อฟ้าครามเนี่ยนะ?!?!” เปอร์เช่เกาหัวแกรกๆ ทีจริงเขาก็มองนิตยสารแฟชั่นผ่านตามาบ้างโดยเฉพาะงานของอดีตภรรยาของอาพฤกษาแต่ไม่ยักกะรู้ว่าลูกอาเป็นนายแบบด้วย
“เอ๋ คนละคนกันเหรอแต่ฉันว่าใช่นะ เดี๋ยวนะฉันเอานิตยสารให้ดู” มิ้นท์กระวีกระวาดควานหาของในกระเป๋าขึ้นมาเปิดให้เด็กหนุ่มดูอย่างรวดเร็ว ภาพของชายหนุ่มในชุดต่างๆเรียงรายอยู่เต็มไปหมดแถมยังชัดเจนจนไม่อาจปฏิเสธได้สียด้วยว่าไม่ใช่ฟ้าคราม ที่แปลกก็มีเพียงรอยยิ้มพิกลๆบนใบหน้าชายหนุ่มแบบที่เปอร์เช่ไม่เคยเห็นมาก่อน ไหนจะท่าทางที่ดูอบอุ่นอ่อนโยนซะจนชวนคลื่นไส้เมื่อเทียบกับที่เห็นมาจนชินตา
éClaude F. Millerandû
แสแสร้งชัดๆ ที่มันอะไรกัน การล่อลวงของปีศาจรึไงฟ่ะนี่มันคนละคนกันแล้วเฟ้ย
“ไม่น่าจะใช่นะ หมอนั้นไม่ได้ดูดีขนาดนี้หรอก ออกจะเถื่อนด้วยซ้ำ” ใช่ๆคนอะไรสีหน้ามีแค่ นิ่ง ขมวดคิ้ว แสยะยิ้มน่ากลัว กับทำหน้าเซ็ง เปอร์เช่แอบเสริมอยู่ในใจ
“เหรอ แล้วถ้าพวกฉันจะขอนายตามไปดูตอนเลิกเรียนจะเป็นไรมั้ยจ๊ะ” มิ้นท์ถามอย่างเกรงใจ ซึ่งเปอร์เช่ที่เห็นอีกสองสาวส่งสัญญาณยิกๆอยู่ไม่ห่างก็แอบนึกเห็นใจ
เอาก็เอาเป็นไงเป็นกัน แค่สาวๆไม่กี่คนหมอนั้นไม่อารมณ์เสียหรอกน่า เปอร์เช่เหมาสรุปเอาเองอย่างรวดเร็วแล้วตอบตกลงโดยไม่รู้ว่าจะทำให้อีกฝ่ายอารมณ์เสียเข้าจริงๆ
“ว๊าว แค่หน้าคล้ายกันจริงๆเหรอเนี่ย แต่เหมือนมากเลยนะ” หนึ่งในสองสาวจอมแสบ ยัยชะเอมเดินสำรวจรอบๆตัวฟ้าครามทันทีที่เดินมาถึง
“โหเหมือนมากๆ ถ้าไม่ติดว่าญาตินายหน้าโคตรนิ่งเลยนะ ไหนลองยิ้มให้ดูหน่อยได้มั้ยค่ะ” เสียงอีกเสียงก็คือยัยรินที่อุตส่าห์มานิตยสารมาเพื่อเทียบโดยเฉพาะ
“ขอปฏิเสธ พวกคุณมีธุระอะไรอีกรึเปล่าถ้าไม่ผมจะได้ไปสักที” ฟ้าครามรีบลุกขึ้นเตรียมหนีแต่ก็ส่งสายตาคาดโทษไปที่เปอร์เช่เต็มๆ เอาเป็นว่าถ้าหลุดจากตรงนี้ไปได้พี่เช่ตายแน่
“ว้าว พูดไทยชัดซะด้วย มองหน้าอย่างเดียวนี่แทบไม่รู้เลยนะคะ ว่ามีเชื้อไทย” มิ้นท์พูดอย่างชื่นชม
“งั้นผมกับฟ้าขอตัวกลับก่อนนะครับ ไว้เจอกันพรุ่งนี้” เปอร์เช่ลากมิ้นท์ด้วยความเกรงใจ จะให้ทำไงได้ในเมื่อคนจ่ายค่าข้าวเดินนำออกไปเรียบร้อยแล้ว
กว่าจะวิ่งตามร่างสูงที่ก้าวพรวดๆมาทันได้เปอร์เช่ก็ถึงกับลิ้นห้อย ไม่เป็นไรเพื่อข้าวฟรีพี่เช่ทำได้
“รอกันก่อนก็ไม่ได้รึไงไอ้เสาไฟฟ้าบ้า” ร่างบางดึงชายเสื้อชายหนุ่มไว้แล้วก้มลงหอบแฮ่กเพราะลงทุนวิ่งตามมาตั้งไกล
“ไม่ได้เอาพวกวุ่นวายตามมาใช่มั้ย”
“เหอะๆ ไม่มีตามมาสักคน ที่จริงมันเป็นความผิดนายเองนะที่เสนอหน้ามาตามฉันถึงที่โรงเรียน ดีเท่าไหร่แล้วที่ฉันไม่ด่านายข้อหาทำให้ฉันโดนรังควาน แถมยังตามติดมากระทั่งเลิกเรียน ถ้านายไม่โผล่หน้าตาหล่อๆของนายมามันจะมีปัญหามั้ยล่ะ” เปอร์เช่รีบชิงบ่นก่อนที่จะโดนบ่น แถมยังกลบความจริงที่ว่าเขายอมพามาเพราะเห็นแก่หญิงไปเสียสิ้น
“เหรอ...ช่วยไม่ได้ ฉันไม่เอาแว่นกันแดดออกคงจะโอเคกว่ามั้ย”
“ไม่อ่ะ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ว่าแต่ในเล่มนั้นน่ะรูปนายใช่มั้นล่ะ ฉันรู้หรอกน่ะ” เปอร์เช่เปรย นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะเป็นนายแบบ
“ก็งั้นๆ อย่าบอกนะว่าเกิดสนใจฉันขึ้นมา” ฟ้าครามฉีกยิ้ม
“เหอะ เหอะ พูดอะไรน่ากลัวแบบนั้นฟะ ฉันแค่คิดว่าชื่อนั้นคือชื่อเต็มๆนายใช่มั้ย อย่าบอกนะว่า F. ย่อมาจากฟ้าครามน่ะ” เปอร์เช่พูดขำๆ
“แปลกรึไง ไม่ค่อยมีคนรู้นะเออ นอกจากพ่อและแม่แล้ว นายถือว่าเป็นกรณีพิเศษเลยนะ” จะไม่ให้รู้ได้ยังไงในเมื่อเจ้าตัวประกาศชื่ออยู่โต้งๆ ส่วนคนตั้งชื่ออย่างพ่อกับแม่ไม่รู้สิแปลก เปอร์เช่ฟังคำร่างสูงแล้วคิดตามอย่างเซ็งๆ
“เรียนจบคณิตศาสตร์แล้วมาเป็นนายแบบ โคตรจะไปด้วยกันได้เลยนะ ทีฉันจะจบคอมแล้วอยากเป็นนักดนตรีบ้างทำมาเป็นรับไม่ได้” เด็กหนุ่มอดใจกลับไปเขวะเรื่องเดิมๆไม่ได้ ทำเอาร่างสูงยิ่งรู้สึกขำ
“ก็แค่งานอดิเรกน่ะ บอกแล้วไงว่าแม่ฉันชอบสะสมไม้แขวนเสื้อ หน้าตาดีอย่างฉันรอดไปได้ก็แปลก”
“เหอ เหอ กล้าพูดนะว่าตัวเองหน้าตาดี ฉันว่าธรรมดาจะตาย หน้าตาฉันยังดีกว่าตั้งเยอะ” เปอร์เช่เกทับอย่างไม่ดูตัวเอง จะว่าไม่ดูตัวเองเลยก็ไม่ได้เพราะหน้าตาเด็กหนุ่มก็จัดว่าดีกว่าเด็กทั่วๆไปอยู่โข ยกเว้นก็แต่กับเพื่อนของสองคนที่โดดเด่นขึ้นมาพอๆ แต่กระนั้นด้วยนิสัยบ้าๆบอๆของเจ้าตัวก็เลยทำให้เป็นโสดมาจนถึงปัจจุบัน
มีแฟนได้ก็แปลก ก็เล่นเกาะกันหนึบอยู่แค่สามคน จะไปจีบคนอื่นก็หน้าไม่ด้านพอ จะรอให้สาวเข้าหาจะมีใครกล้าเข้ามาได้ในเมื่อไม่เคยจะเปิดช่อง
“อืม นั้นสินะ ว่าแต่เราจะกินอะไรกันดี นายแนะนำก็แล้วกันเรื่องแบบนี้ฉันไม่สันทัดซะด้วยสิ” ฟ้าครามเปิดโอกาสให้เด็กหนุ่มเป็นคนตัดสินใจ ที่จริงเขานั่งร้านไหนก็ได้แต่อยากรู้รสนิยมอีกฝ่ายมากกว่าว่าเป็นแบบไหน
“มีร้านอาหารนานาชาติอยู่ตรงมุมโน้น ถ้านายเบื่ออาหารไทยแล้วจะไปกันมั้ยล่ะ” เปอร์เช่เสนอ ที่จริงมันเป็นร้านประจำของเขากับเพื่อนๆเลยด้วยซ้ำ พอนึกถึงเพื่อนๆแล้วเปอร์เช่ก็แอบเซ็งจิตที่พวกมันทิ้งเขาไปห้องปกครองกันหมด จะอะไรซะอีกถ้าไม่ใช่พวกมันสองคนดันไปเล่นอะไรแผลงๆเข้าจนอาจารย์เรียกไปด่า
โชคดีที่วันนี้เขารอดตัวมาได้เพราะมัวคุยอยู่กับมิ้นท์ สาวน้อยที่ช่างสมกับเป็นดาวนำโชคของพี่เช่...
“ยิ้มบ้าอะไรของนาย ตกลงจะไปกันหรือยัง” เสียงทุ้มๆปลุกเด็กหนุ่มขึ้นมาจากฝันหวานมาสู่ความเป็นจริงอันโหดร้าย ทั้งที่อยากจะได้คนไปกินข้าวด้วยเป็นสาวน้อยน่ารักๆแท้ๆ แต่ทำไมถึงถึงได้กลายเป็น หล่อ ล่ำ กล้ามโต ไปได้เปอร์เช่ก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเขาทำบุญมาด้วยอะไรชาตินี้ถึงได้ดวงซวยขนาดนี้
“เออ เออ หิวแล้วเหมือนกัน อย่าลืมนะที่บอกว่าจะเลี้ยง ลูกผู้ชายพูดแล้วห้ามคืนคำ” เปอร์เช่ถามย้ำอีกที ด้วยความที่ค่าขนมมีจำกัด อะไรงกได้พี่เช่ก็ของกเอาไว้ก่อน
คิดได้ดังนั้นเปอร์เช่ก็รีบลากเจ้ามือเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในร้านเล็กๆนั้นทันที
เมื่อเข้ามาในร้านที่บรรยากาศค่อนข้างสงบ การตกแต่งเป็นแบบยุโรปง่ายๆเพื่อให้ดูแปลกตาไว้เรียกร้องความสนใจจากบรรดาลูกค้า เปอร์เช่ก็ค่อนข้างรู้สึกดีกับร้านนี้พอๆกับรสชาติที่อร่อยถูกลิ้น ทำให้เด็กหนุ่มมาบ่อยเสียจนเจ้าของร้านจำได้ก็รับโบกไม้โบกมือทักทายราวกับเป็นคนกันเอง
“อ้าว เช่วันนี้มากับใครจ๊ะเนี้ยไม่คุ้นหน้าเลย แล้วเต้กับมะนาวไปไหนซะล่ะ” เจ้าของร้านที่เป็นผู้หญิงเดินมายิ้มแย้มทักทายพร้อมกับส่งเมนู
“เจ้าสองคนนั้นโดนอาจารย์เรียกไปด่าเลยมาไม่ได้ฮะ ส่วนนี่ญาติผมเองพามากินฝีมือพี่ส้มโอโดยเฉพาะ” เปอร์เช่รีบประจบ เพราะพี่สาวคนนี้ใจดีเสมอ แถมยังชอบแถมไส้กรอกของโปรดให้เขาอยู่เรื่อย
“จ้าๆ พ่อเด็กดี วันนี้จะกินอะไรดีล่ะ เดี๋ยวพี่สาวจะทำให้สุดฝีมือไปเลย” พี่ส้มโอพูดไปก็ยิ้มไป
“เอาเซตC สเต็กหมูพริกไทยดำ เหมือนเดิมครับพี่” เปอร์เช่สั่งแบบไม่ต้องคิด
“กินแต่แบบเดิมไม่เบื่อรึไง เอาเถอะคราวหน้าลองสั่งอย่างอื่นบ้างนะ เดี๋ยวพี่จะคิดว่าพี่ทำอร่อยอยู่แค่อย่างเดียว น้อยใจแล้วนะเออ” พี่ส้มโอพูดหยอก ที่จริงแล้วเปอร์เช่ก็สั่งแต่เซตC จริงๆ ส่วนเพื่อนอีกสองคนที่มาประจำก็สั่งแต่เซต A หรือ B แบบเซตใครเซตมัน แถมยังข่มกันด้วยว่าของใครอร่อยกว่าอยู่เสมอๆเป็นที่น่าปวดหัวแต่ก็น่าเอ็นดู
“แล้วรูปหล่อทางนี้ล่ะจ๊ะ จะเอาอะไรดี”
“เอาแค่ซุปเห็ดกับขนมปังปิ้งสองแผ่นก็พอ...แล้วก็กาแฟแก้วนึงครับ” ฟ้าครามยื่นเมนูส่งคืนให้อีกฝ่ายรับแล้วขอตัวเมื่อเห็นลูกค้ากลุ่มใหม่เข้ามา
“ได้จ้า รอสักประมาณ 5-10 นาทีนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่ขอตัวไปรับลูกค้าก่อน”
“กินแค่นั้นจะอิ่มหรอฟ่ะ มาแย่งฉันทีหลังไม่ได้นะเออ” เปอร์เช่ออกอาการงกของกินตั้งแต่อาหารยังไม่ทันมาตั้ง
“วันนี้ไม่ค่อยหิวน่ะ...แล้วถ้าฉันไม่อิ่มจริงสั่งใหม่ก็สิ้นเรื่องจะมามัวแย่งนายกินทำไม ไม่เข้าใจ” คำพูดเนิบๆของฟ้าครามเล่นเอาเปอร์เช่เหงื่อตก นึกไปถึงสงครามแย่งของกินที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆแล้วคิดว่ามันช่างไร้สาระไปเลยเมื่อเจอคำพูดนี้เข้า
“นายไม่เคยได้ยินหรือไงที่ว่าต้องแย่งกันกินถึงจะอร่อยน่ะ” เด็กหนุ่มแถเอาหน้าด้านๆ
“เคยสิ แต่ว่าเมื่อกี้นายบอกว่าห้ามแย่ง แล้วมาบอกว่าต้องแย่งถึงจะอร่อย ตกลงว่าต้องการจะสื่ออะไรกันแน่”
“ง่า...คือว่า....วันนี้อากาศร้อนเนอะ ฮะ ฮะ” เปอร์เช่หัวเราะฟืดๆ อยู่ในห้องแอร์แท้ๆแต่ทำไม่เหงื่อโชกได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้
“อ่าว เช่ บังเอิญจังเลย ขอพวกเรานั่งด้วยสิ” เสียงแหลมที่คุ้นดูดังขึ้นหลังจากเด็กหนุ่มได้ยินเสียงกระดิ่งที่ประตู ไม่ใช่ใครที่ไหนก็ยัยชะเอมที่จากกันมาได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงนั้นเอง ตามติดมาด้วยยัยริน และมิ้นท์คนสวยของเขา
“ได้สิ...” เปอร์เช่ไม่รู้จะตอบอะไรได้อีกเมื่อสาวที่หมายปองของเขาโดนดันมานั่งใกล้ ส่วนสองฝากของฟ้าครามก็ถูกจับจองที่ด้วยสองสาว
อโหสิ ให้พี่เช่เหอะนะ เปอร์เช่นึกขอโพดขอโพยในใจ แต่ก็นึกขอบคุณฟ้าครามที่มาเป็นเหยื่อสังเวยสองสาวแทนเพื่อนรักสองคนที่ไม่ยอมเล่นด้วย
“ขอถ่ายรูปคู่หน่อยได้มั้ยค่ะ” รินถามเสียงหวานแล้วก็จัดการไปนั่งกระแซะถ่ายรูปลงมือถือตัวเองทันทีโดยไม่รอคำตอบแต่ก็ผิดหวังเมื่อฟ้าครามคว้าเอาแจกันมาบังหน้าตัวเองไว้ทันท่วงที
“ว้า งกอ่ะขอถ่ายหน่อยก็ไม่ได้”
“พอดีผมไม่ชอบถ่ายรูป” ฟ้าครามนึกอยากเดินหนีเอาดื้อๆจะติดอยู่ก็แต่คนมาด้วยที่เอาแต่ส่งยิ้มโง่ๆให้สาวน้อยที่นั่งติดกันอย่างน่าโมโห
“เอ๋ มีคนมาเพิ่มเหรอจ๊ะ โต๊ะมันจะเลิกเกินไปมั้ยนี่ นั่งมาอีกโต๊ะก็ได้นะ” พี่ส้มโอที่เดินถือถาดอาหารมาเสริฟกระพริบตาปริบๆเมื่อไม่มีที่พอจะให้แทรกตัวเข้าไปวางถาดได้เลย ที่สำคัญโต๊ะสำหรับคนสองคนแต่อัดเข้าไปยังไงตั้ง 5 คนจนมีสภาพแทบจะขี่คอกันอยู่
“ไม่เป็นคะพี่ส้มโอ วันนี้ชะเอมอยากได้ความอบอุ่นอ่ะ”
“รินก็เหมือนกันค่ะ ที่ตั้งกว้างรินนั่งได้”
“งั้นผมย้ายที่เองครับ” ฟ้าครามเลือกจะหนีซะเอง ชายหนุ่มเลือกไปนั่งที่เก้าอี้เคาเตอร์เพื่อจะตัดความน่าราญ ใครจะรับประกันได้ว่าถ้าเขาแค่ไปนั่งโต๊ะข้างๆยัยสองสาวนั้นจะไม่ตามมา
“สาวๆสมัยนี้นี่ไม่ไหวเลยเนอะ เกิดมาหน้าตาดีก็ลำบากงี้แหล่ะ” พี่ส้มโอแอบสงสารชายหนุ่มนิดๆ
“ชินแล้วล่ะครับ” ฟ้าครามถอนหายใจแอบมองเปอร์เช่ที่นั่งตัวลีบอยู่ท่ามกลางสาวๆแบบปลงๆ แต่ก็แปลกใจเมื่อจู่ๆเด็กหนุ่มที่ตั้งหน้าตั้งตากินก็รีบลุกเดินตามเขามานั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆ
“กินจะเสร็จรึยังอ่ะ” เปอร์เช่นั่งปุ๊บก็ถามปั๊บด้วยสีหน้าขยาด
“เหลือขนมปังแผ่นเดียว ถือไปกินก็ได้ถ้านายรีบ” ฟ้าครามตีหน้านิ่งทั้งที่ในใจแอบยินดีที่จะได้ย้ายทีกันสักที
“งั้นก็ไปเหอะ ฉันกลัวยัยสองคนนั้นจะแย่”
“กลัวหรอ ฉันนึกว่านายชอบซะอีก” ร่างสูงถามอยากแปลกใจขณะที่ลงมือจ่ายค่าอาหาร
“กลัวสิวะ ยัยพวกนั้นน่ะยังกะซาตาน ต่อให้มีมิ้นท์อยู่ฉันก็สู้ไม่ไหววะ” เปอร์เช่ยอมรับ ส่วนร่างสูงที่ได้ยินประโยคนี้ก็นึกชื่นชอบเด็กสาวสองคนขึ้นมาเล็กน้อยที่ค่อยกันเปอร์เช่ไว้จากคนที่หมายปอง แต่ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้นจริงๆ
“ไว้แวะมาอีกนะจ๊ะ” พี่ส้มโอยิ้มนิดๆเมื่อเปอร์เช่กล่าวลา
ส่วนสองสาวที่เดินตามไปไม่ได้เพราะยังติดอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะก็มองตามอย่างเสียดาย ทั้งที่อุตส่าห็แอบเดินตามมาจนถึงที่นี่แล้วแท้ๆ
.........................................
“อ๊ะ ฝนตกอีกแล้วล่ะ” เปอร์เช่อุทานเบาๆ เพิ่งจะออกจากร้านอาหารมาได้ไม่นานก็เจอฝนเจ้ากรรมเข้าอีก ดูท่าช่วงนี้เขาจะถูกชะตากับฝนเป็นพิเศษไปที่ไหนก็เจอกันตลอด
“ไปไหนต่อกันมั้ย” ร่างสูงถาม
“นายอยากไปไหนล่ะ ฝนก็ตกแล้วด้วย” เปอร์เช่คิดไม่ออก
“ไปไหนก็ได้ แค่ไปเที่ยวกับนาย” ฟ้าครามอยากจะพูดว่าเดทอยู่หรอก แต่ติดที่ว่าคนตัวเล็กจะยอมรึเปล่าสิที่เป็นปัญหาถ้าบอกออกไปตรงๆ
“นายอยากเที่ยวหรอกเหรอ จริงสิมาอยู่ที่นี่ตั้งเกือบเดือนแล้วยังไม่ได้ไปไหนเลยนี่ งั้นพาไปงานวัดก็ได้ถ้านายไม่กลัวเปียก” ร่างบางเสนอ
“งานวัดคืออะไร” ร่างสูงตั้งคำถาม
“ก็คืองานเทศกาลที่จัดในวัดไงเล่า มาเหอะเดี๋ยวเห็นก็รู้เองแหล่ะ” เปอร์เช่ตัดสินใจลากร่างสูงไปทันทีที่ตัดสินใจได้ จะยืนต่อไปก็เปียกฝนสู้รีบๆเดินให้ถึงที่หมายดีกว่า
งานเทศกาลของวัดข้างโรงเรียนไม่ได้ใหญ่โตอะไรนักแต่กลับแน่นไปด้วยผู้คน เต็นท์และร่มขนาดใหญ่ของร้านค้าที่เรียงรายติดกันนั้นช่วยกันฝนเอาไว้จนทำให้คนเดินเที่ยวงานได้อย่างสบายอารมณ์
“คิดว่าเป็นไงมั่งอ่ะ เจ๋งมั้ย” เปอร์เช่ยิ้มอวดๆเพราะคิดว่ายังไงที่เมืองนอกคงไม่มีอะไรแบบนี้แน่
“เหมือนตลาด” ร่างสูงให้คำจำกัดความสั่นๆ
“ฮะ ฮะ ก็เหมือนตลาดจริงๆ แต่ว่ามันมีเกมส์ให้เล่นด้วยนะ อย่างนี่ก็เกมส์ปาลูกโป่ง จะลองมั้ยล่ะ” เปอร์เช่ชักชวน
“ไม่รู้ว่าจะเอาตุ๊กตาไปทำไม...” ถึงจะพูดแบบนั้นฟ้าครามก็ล้วงเอาเงินส่งให้แม่ค้าซื้อลูกดอกมาหลายชุดเป็นทั้งของตัวเองและของเปอร์เช่
“ยังไม่ทันได้สักหน่อย ถ้าได้ขึ้นมาก็เอาไปให้ป้าแช่มสิ” เปอร์เช่เล็งปาทีล่ะอันอย่างแม่นยำแต่ก็มาพลาดเอาดอกสุดท้าย เมื่อหันกลับมาอีกทีก็เจอเข้ากับตุ๊กตาตัวใหญ่สองตัวตรงหน้า
“พลาดไปรอบนึงน่ะ” ฟ้าครามอธิบายเมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่ายเต็มไปด้วยคำถาม
“สุดยอด ฉันไม่เคยปาได้เลยอ่ะ ไหนๆลองไปยิ่งปืนดิ๊” เปอร์เช่จัดการลากเจ้าคนที่เหมือนว่าจะมือดีไปเล่นต่อทันที ผ่านไปไม่ถึงสองชั่วโมงมือของทั้งคู่ก็เต็มไปด้วยตุ๊กตาหอบใหญ่ไม่ต่ำกว่าสิบตัว
“เยอะขนาดนี้ให้ป้าแช่มคนเดียวก็ยังไงๆอยู่นะ ถ้าให้ดีนายแบ่งไปรับผิดชอบด้วยก็แล้วกัน” ฟ้าครามรีบโยนภาระ
“หา ไหงงั้นฟ่ะ นายก็ต้องแบ่งไปด้วยเหมือนกัน” เปอร์เช่รีบโวยวาย ขืนหอบกลับบ้านหลายๆตัวพ่อด่าตายชัก
“ฉันรับผิดชอบออกค่าเล่นไปแล้ว หรือว่านายจะช่วยออก ฉันจะยอมช่วยแบ่งของพวกนี้ไปบ้างก็ได้” ฟ้าครามใช้ท่าไม้ตายที่ทำเอาเด็กหนุ่มหุบปากสนิททันที
“ฉันเอาไปแบ่งมินิด้วยก็ได้มั้ง น่าจะดีใจอยู่หรอกนะ” เปอร์เช่รีบคำนวณวิธีระบายของอย่างรวดเร็ว
“ตัวอื่นจะยังไงก็ได้ แต่หมาตัวนี้ยังไงนายก็ต้องเก็บไว้” ฟ้าครามหมายถึงเจ้าตุ๊กตาตัวใหญ่สุดที่เขาได้มาอย่างลำบากลำบนแต่เพราะเปอร์เช่ไปถูกใจเข้า เขาก็เลยต้องเล่นเอามาจนได้
“เออน่า ตัวนี้ฉันรับผิดชอบเอง จะเอาไว้ฟัดตอนดูทีวีดีกว่า” เปอร์เช่คิดว่าจะเอาตุ๊กตาตัวยักษ์ไปแทนเบาะนั่งด้วยซ้ำ
“อืม... ฉันว่ากลับเหอะ มืดแล้ว” ฟ้าครามเริ่มหนาวขึ้นมาหน่อยๆ แต่ว่าแม้ช่วงครึ่งแรกของการเดทในวันนี้จะโดนแทรกแซงมากไปหน่อยแต่พอเอาช่วงครึ่งหลังมาบวกก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
เดท = กินข้าวด้วยกัน เดินเที่ยว ให้ดอกไม้หรือไม่ก็ตุ๊กตา เพราะงั้นวั้นนี้ก็ถือว่าครบ ฟ้าครามสรุปในใจ แต่หารู้ไม่ว่าถ้าเอริกรู้เข้าว่าฟ้าครามแอบเอาตำราของตัวเองมาปฏิบัติแป๊ะๆขนาดนี้คงได้ขำจนกรามค้างแน่
“กลับก็กลับ เดี๋ยวรถสองแถวหมดจะยุ่ง” เปอร์เช่ยิ้มอารมณ์ดี
รถสองแถวที่ไม่เคยขึ้นมาก่อนขับเร็วกว่าที่คิด เพียงไม่นานก็มาส่งถึงหน้าทางเข้าสวน แต่ที่ฟ้าครามไม่ทันคิดก็คือพวกเขาต้องเดินเข้าสวนไปอีกเกือบกิโล
ก็ตอนขามาติดรถมากับลุงชมแถมยังไม่เคยออกนอกบ้านเลยสักครั้งฟ้าครามก็ยังกับมึนงงกับการเดินทางกลับบ้านอันแสนทุลักทุเล
“แล้วนี่ถ้าหาฉันไม่เจอนายจะกลับยังไงอ่ะ” เปอร์เช่แกล้งถามหน้าซื่อ ทั้งที่ในใจคิดว่าร่างสูงไม่มีปัญญาหาทางออกแน่
“ฉันก็คงนั่งรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างมาจากในเมืองมั้ง” ฟ้าครามตอบเสียงเรียบ
“เออจริงด้วย” เปอร์เช่รับคำอย่างเซ็งอารมณ์ หมอนนี่ไม่จุดอ่อนให้เล่นงานเลยรึไงฟ่ะ หารู้ไม่ว่าตัวเองในตอนนี้ได้กลายมาเป็นจุดอ่อนในชีวิตชายหนุ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้วจะทำอะไรขึ้นมาทีก็คิดแล้วคิดอีก เพื่อนที่ไม่เคยคิดจะพึ่งก็ต้องพึ่ง ไม่เคยจะมีตอนไหนจนมุมเท่ากับตอนนี้อีกแล้ว
“นายกลับบ้านแบบนี้ตลอดเลยเหรอ ฉันหมายถึงว่าตอนไปโรงเรียนปกติน่ะ”
“อ้อ ปกติฉันซ้อนท้ายมะนาวมาน่ะ มีฮ่องเต้ด้วยอีกคน จักรยานก็ดีเงี้ยอ่ะซ้อนเท่าไหร่ก็ไม่ผิดกฎหมายเสียอยู่แค่ยางมันจะรับน้ำหนักไหวรึเปล่า บางทีก็กลัวยางตกเหมือนกัน ฮ่า ฮ่า”
“อืม งั้นเอาไว้วันหลังให้ลุงชมไปคอยรับนายเอามั้ย จะได้ไม่ต้องกลัวยางแตก” ฟ้าครามยื่นข้อเสนอยางไม่ใช่เป็นสิ่งที่ชายหนุ่มสนใจ แต่เป็นพฤติกรรมที่เหมือนจ้องจะงาบเด็กหนุ่มของมะนาวกับฮ่องเต้ต่างหากที่ฟ้าครามเป็นห่วง
จะว่าคิดมากไปก็ได้แต่เขาขอกันไว้ก่อนดีกว่า ในเมื่อเปอร์เช่คิดว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เพื่อนเขาก็ขอกันท่าก็แล้วกัน
“ม่ายเอาอ่ะ เดี๋ยวโดนมองว่าลูกคุณหนูกันพอดี มันไม่แมนเฟ้ย” เปอร์เช่เดาะลิ้นกวนๆ
“นายจะอยากแมนไปทำไม หรือว่าโดยปกติแล้วมันไม่ใช่” ร่างสูงแกล้งจับผิด
“หาเรื่องกันรึไงฟ่ะ ถึงได้พูดแบบนี้” เปอร์เช่ขู่ฟ่อถ้าเป็นเวลาปกติที่ต่อให้ดูไม่น่ากลัวแค่ไหนก็คงไม่ถึงขนาดตอนนี้ ใบหน้าขาวๆที่โผล่พ้นมาจากดงตุ๊กตาสารพัดสัตว์มันน่ากลัวที่ไหนกัน ท่าทางตอนเดินก็โซเซเพราะตุ๊กตาหอบใหญ่ความน่าเกรงขามยิ่งติดลบเข้าไป 100%
“เดินดีๆสิ ล้มขึ้นมาของจะเปื้อน บ้านก็อยู่ข้างหน้าแล้ว จะวางมวยก็เก็บไว้ก่อนไป” ฟ้าครามทั้งตลกทั้งสมเพศแต่ก็แอบถูกใจนิดๆกับการกลั่นแกล้งอีกฝ่าย ไม่รู้ว่านี่จะกลายเป็นก้าวแรกสู่การเป็น S ในที่สุดมั้ย
คิดอีกทีเขาคงไม่โรคจิตแบบเอริกแน่ๆ......
“เฮ้อ เหนื่อยจัง” เปอร์เช่ที่เข้ามาในบ้านได้ก็จัดการทิ้งตัวลงกับโซฟาหน้าทีวี ตุ๊กตาถูกกองไว้ท่วมสูงจนแทบจะเต็มห้อง
“ฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน....นายก็ด้วยล่ะ ระวังจะเป็นหวัด” ฟ้าครามเองก็วางกองข้าวของไว้ที่เดียวกับเปอร์เช่
“อืมๆ เข้าใจแล้ว” เปอร์เช่รับคำทั้งที่ตายังจ้องละครที่ตัวเองติดไม่ยอมละสายตา
“ราตรีสวัสดิ์แล้วกัน....”
“วันนี้รอดตัวแฮะ...” เปอร์เช่แอบแหล่มองเมื่อเห็นว่าวันนี้อีกฝ่ายขึ้นไปด้านบนเรียบร้อยแล้ว นึกโล่งใจที่วันนี้ไม่โดนปล้นจูบเหมือนทุกๆวัน แต่อีกใจนึงก็แอบรู้สึกแปลกๆ
“หรือว่า จะเหนื่อยกันนะ” เปอร์เช่สันนิษฐานในเมื่อตัวเขายังหมดแรงขนาดนี้อีกฝ่ายก็น่าจะพอๆกัน
ถ้าอย่างนั้นชวนเที่ยวด้วยทุกวันเลยดีกว่า ร่างบางแอบวางแผนในใจ จะได้ไม้ต้องติวหนังสือ แถมยังไม่โดนยัดเยียด บทเรียนบ้าๆอีกต่างหาก
............................
“อรุณสวัสดิ์ครับป้าแช่มกลับมาแล้วเหรอ เป็นไงมั่งครับหลานน่ารักมั้ย” เปอร์เช่ที่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าก็เจอโจ๊กหอมฉุยตั้งอยู่พร้อมกับหน้าป้าแช่มที่ไม่ได้เจอมาวันเดียวแต่คิดถึงฝีมือกับข้าวยืนยิ้มให้
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเช่ตื่นแต่เช้าเลยนะคะ ส่วนหลานป้าน่ารักน่าชังมากเลยค่ะ เห็นแล้วแทบอยากขโมยกลับมาเลย แต่ว่าให้โตอีกนิด ป้าว่าจะขอมาเลี้ยงสักเดือนสองเดือนให้ชื้นใจหน่อย” ป้าแช่มโชว์รูปจากมือถือให้เด็กหนุ่มดู
“โห ตัวเล็กจังเลยครับ ยังงี้ผมไม่กล้าอุ้มหรอก อ๊ะ ลืมไป วันนี้ผมก็ต้องรีบไปโรงเรียนอ่ะครับ สายแล้วด้วย รบกวนลุงชมไปส่งหน่อยได้มั้ยครับ” เปอร์เช่มองนาฬิกาแล้วต้องกลุ้มใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้เขาใกล้จะสายแล้ว
“ได้เลยค่ะ คุณเช่ทานข้าวเช้าก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าไปบอกให้ลุงชมเตรียมรถให้”
“ขอบคุณครับบบ” เปอร์เช่รีบนั่งลงจัดการกับอาหารเช้าทันทีถึงจะแอบมองไปที่บันไดอยู่บ้างว่าคนบางคนอาจจะเดินลงมาแต่ก็ไม่มีวี่แวววันนี้เปอร์เช่จึงไปโรงเรียนด้วยความรื่นเริงสุดๆ
...............................
“ว้าก ไอ้บ้านั้นมันมาอีกแล้ว” เปอร์เช่เสียงหลงเมื่อเห็นว่าวันนี้ฟ้าครามก็มาดังรอตัวเองตอนเลิกเรียนเหมือนเมื่อวาน ร่างสูงรออยู่ที่เดิมราวกับว่าได้นัดเอาไว้แล้วกับเขา
“จริงด้วยสิ งั้นวันนี้เช่ก็กลับบ้านไปเหอะ เดี๋ยวฉันกับมะนาวจะแวะร้านเกมส์ก่อน” ฮ่องเต้จัดการผลักไสเพื่อนตัวเองอย่างรวดเร็ว เพราะถ้ามีเปอร์เช่ไปเล่นด้วยเขาจะโดนให้ออกบ่อยกว่าปกติ
โดยส่วนมากร้านเกมส์ที่พวกเขาสามคนเป็นร้านเกมส์เพลย์ที่เล่นได้ทีละสองคน พวกเขาที่มีสามคนก็เลยใช้กติกาที่ใครแพ้ออก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครที่โดนออกบ่อยที่สุดก็คงไม่พ้นฮ่องเต้ ส่วนท่านเทพสองคนอย่างมะนาวกับเปอร์เช่นั้นล้วนเห็นเขาเป็นตัวฆ่าเวลาที่โผล่มาไม่ถึงสองวิก็จัดท่าไม้ตายส่งไปสู่สุสานของการนั่งรอทันที เพราะงั้นเวลาไปเล่นเกมส์แล้วเพื่อนรักของเขาคนใดคนหนึ่งไม่ว่างก็ถือว่าเป็นโชคของเขา
“ไม่นะฉันก็อยากไปด้วย” เปอร์เช่พยายามทำหน้าน่าสงสารให้เพื่อนเห็นใจ
“ไม่ได้ เอาหมอนั้นไปฉันก็มือสั่นจนไม่เป็นอันเล่นกันพ่อดี” ฮ่องเต้พูดอย่างไม่มีเยื่อใย แค่เล่นกันสามคนเขาก็แทบไม่ได้เล่นอยู่แล้วถ้ามีสี่คนเขาจะเหลืออะไร
เมื่ออ้อนวอนไม่ได้ผลเปอร์เช่ก็ได้แต่เดินคอตกไปที่ๆฟ้าครามนั่งรออยู่
“วันนี้ป้าแช่มก็กลับมาแล้ว ทำไมนายมาอยู่ตรงนี้อีกล่ะ นายจะตามราวีฉันทำไมห๊ะ” อิสระจ๋าพี่เช่ลาก่อน เปอร์เช่อยากจะหนีเที่ยวบ้างก็ก็ทำใจได้เลยวันนี้คงไม่ได้
“วันนี้ฝนมันก็ทำท่าจะตกอีกก็เลยมารับน่ะ ลุงชมรออยู่ด้วย” ฟ้าครามชี้ให้เด็กหนุ่มดูท้องฟ้าที่มืดครึ้ม
“เออๆ กลับก็กลับ” เปอร์เช่ยอมนั่งรถกลับแบบเซ็งๆ ถึงจะสังเกตได้ว่าวันนี้ชายหนุ่มค่อนข้างเงียบกว่าปกติเขาก็ไม่มีอารมณ์จะสนใจนักจนเมื่อกันข้าวเสร็จเรียบร้อยเตรียมขึ้นนอนนั้นแหล่ะถึงได้มาสังเกตอย่างจริงจัง
วันนี้ฟ้าครามก็กินข้าวเย็นไปนิดเดียว หรือว่าจะอารมณ์ไม่ดีกันนะ
“นี่ วันนี้ทำไม่นายไม่ค่อยพูดอะไรเลยอ่ะ ป้าแช่มเค้าหน้าจ๋อยเลยนะตอนนายไม่ยอมกินข้าว” เปอร์เช่ตามมาต่อว่า ไม่พูดน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ทำอะไรไม่คิดถึงคนทำกับข้าวนี่สิที่เด็กหนุ่มยอมไม่ได้
เกิดป้าแช่มน้อยใจไม่ยอมทำกับข้าวขึ้นมาบ้างคนซวยก็คือเขา
“มันไม่หิวน่ะสิ เฮ้อ เดี๋ยวฉันเดินไปอธิบายก็ได้นายไม่ต้องมาทำหน้าหงิกขนาดนั้นหรอก” วันนี้ฟ้าครามง่วงจนจะหลับกลางอากาศอยู่แล้ว แต่เมื่อร่างบางตามมาไล่บี้ขนาดนี้เขาก็คงปล่อยไม่ได้
แต่ยังไงก็ขอค่าตอบแทนสักหน่อยแล้วกัน
“เฮ้ยยย ทำบ้าอะไรของแก ไอ้เสาไฟฟ้า” เปอร์เช่โวยวายเมื่อโดนริมฝีปากของร่างสูงมาแตะเบาๆที่ข้างแก้มเด็กหนุ่มก่อนจะเดินทิ้งเขาไว้โดยไม่สนใจ
นี่มันเป็นการหยามกันใช่มั้ยนี่ พี่เช่ยอมไม่ได้.....
“เดินตามมาทำไม แค่นั้นไม่พอเหรอ” ฟ้าครามเอียงคอมองเด็กหนุ่มที่กระชากชายเสื้อเขาไว้อย่างแปลกใจ วันนี้เขาอุตส่าห์ยอมรับค่าตอบแทนแค่เล็กน้อยแล้วเชียว ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตามมาขอเพิ่ม
“ไม่ใช่โว้ย ฉันหมายถึงว่านายไม่มีสิทธิ์มาทำแบบเมื่อกี้กับฉันนะเฟ้ย ไอ้นั้นน่ะ เค้าเอาไว้ให้ผู้ชายทำกับเด็กผู้หญิงเฟ้ย ไม่ใช่แมนๆอย่างฉัน” เปอร์เช่โวยวายแบบไม่สมเหตุสมผล ทั้งที่พลาดโดนจูบมาตั้งหลายครั้งแล้วแต่กลับมาถือสากับแค่การโดนแค่เล็กน้อยที่ไม่ได้จำกัดเสียหน่อยว่าคนโดนต้องเป็นเด็กผู้หญิง
“งั้นนายจะให้ฉันทำแบบแมนๆให้งั้นเหรอ เข้าใจล่ะ” ฟ้าครามก่อนที่เปอร์เช่จะโดนรวบไปจูบอีกครั้งแบบไม่ทันตั้งตัวพอรู้สึกตัวอีกทีร่างสูงที่เขาคิดจะโวยวายก็เดินหายไปเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้เปอร์เช่รู้ตัวแล้วว่าการเดินตามอีกฝ่ายไปหาเรื่องใส่ตัวคงไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ พี่เช่ชักจะชินกับการโดนจูบขึ้นทุกวันแล้วนี่สิ.....อ๊ากกก ใครก็ได้ช่วยเอาเรื่องบ้าๆพวกนี้ออกไปจากชีวิตพี่เช่ทีเถ๊อะ...
.........................................
ขอบคุณที่มาเม้นท์ให้อีกน้าเรามันพวกไม่ค่อยมีเวลาแต่พอเห็นมีคนมาเม้นท์ให้ก็ดีใจมากๆเลยล่ะ
ไว้จะมาลงเพิ่มเรื่อยๆนะคับ = w =
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น