ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mission of Love ปฏิบัติการล่ารัก [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4 คำถามที่ต้องการคำตอบ

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 55


      
    ตอนที่ 4
    คำถามที่ต้องการคำตอบ
     
                    “ให้หาจำนวนเต็มบวกเก้าหลักที่มีค่ามากที่สุดที่มีลักษณะดังนี้ 1.เลขโดดในหลักต่างๆไม่ซ้ำกันเลย   2.เลขโดดสองตัวใดๆที่อยู่ติดกันจะต้องหารด้วย 17 หรือไม่ก็ 23 ลงตัว คือจำนวนอะไร”
     
                    “923468517”
     
                    “แม่น้ำสายหนึ่งลึก 9 ม. กว้าง 180 ม. โดยเฉลี่ย น้ำไหลลงทะเลด้วยอัตราเร็วประมาณ 4 กม ต่อ ชม. ปริมาตรของน้ำที่ไหลลงทะเลใน 1 วินาทีจะเป็นเท่าไหร่”
     
                    “1800 ลบ.ม. ต่อ วินาที”
     
                    “หนังสือเล่มหนึ่งมีจำนวนหน้าไม่เกิน 500 หน้า ถ้าถูกฉีกออกไป 1 เเผ่น ผลบวกของเลขหน้าทั้งหมดที่เหลืออยู่มีค่าเท่ากับ 19905 จงหาว่า ผลบวกของเลขหน้าทั้งสองที่ถูกฉีกออกไปเป็นเท่าไหร่”
     
                    “....ได้ 195 ฉันว่านายเลิกลองภูมิฉันสักทีเหอะ แค่นี้ก็รู้แล้วมั้งว่าสมองมันต่างกัน” ฟ้าครามลดหนังสือลงแล้วมองหน้าเด็กหนุ่มที่หงิกงอน้อยๆแต่พองาม
     
                    “ไม่เห็นจะแน่เลย กับอีกแค่โจทย์เลขเด็กมัธยม” เปอร์เช่เชิดหน้าขึ้น ไม่อยากจะยอมแพ้อีกฝ่ายเท่าใดนัก
     
                    “โจทย์กระจอกๆที่นายต้องสู้อุตส่าห์ไปหามามันก็ง่ายสมเป็นของเด็กมัธยมจริงๆนั้นแหล่ะ ไหนๆก็หามาแล้วไม่ให้เสียเวลาเปล่า นายลองเขียนแสดงวิธีแก้โจทย์มาให้ดูทีสิ จะได้ดูว่าที่ฉันสอนๆไปมันช่วยพัฒนาสมองน้อยๆของนายได้บ้างมั้ย” ฟ้าครามเอื้อมมือไปลูบหัวคนตัวเล็กอย่างสบายใจ สีหน้าที่ก้ำกึงอยู่ระหว่างความโกรธกับความกลัวเสียหน้าของเด็กหนุ่มผสมผสานกันได้น่ามองนัก เพราะอย่างนี้ไงล่ะถึงแหย่เท่าไหร่ก็ไม่น่าเบื่อ
     
                    “....ฉันมีเฉลยอยู่แล้วน่ะ จะทำไปทำไมฟ่ระ” เปอร์เช่โบกหนังสือเล่มสีเขียวขนาดพกพาให้ฟ้าครามดูเป็นเชิงอวด
     
                    “ถึงดูเฉลยแล้วก็ใช่ว่าจะจำได้....ทำมาเดี๋ยวนี้เลยดีกว่า เพราะไม่กี่วันนายก็จะไปสอบเข้าแล้ว เฮ้อฉันว่านายตัดใจเรื่องสอบเข้าไปเลยแล้วมาทำไร่จะดีกว่ามะ ความตั้งใจน้อยขนาดนี้”
     
                    “ฉันเรียนแผนสังคมนี่หว่าจะให้เก่งคณิตได้ไง”
     
                    “ภาษาก็ไม่ได้ คณิตศาสตร์ก็ไม่เอาอ่าว ถามจริงเหอะ นายจะเข้าคณะอะไร” ฟ้าครามแอบคิดเล่นๆว่าคงไม่ใช่คณะการแสดงแล้วไปเล่นตลกให้คนดูหรอกนะ แต่แบบนั้นท่าจะไปรุ่งน่าดู เพราะแค่นี้ยังทำให้เขาขำได้วันละหลายรอบ
     
                    “คอมพิวเตอร์!” เด็กหนุ่มตอบอย่างมั่นใจ
     
                    “คอมพิวเตอร์ยิ่งต้องเรียนทั้งสองอย่างให้มันดี คิดได้ไงเนี่ย อย่าบอกนะว่าเพราะชอบเล่นเกมส์ถึงได้เลือก” ร่างสูงอดจะอึ้งไม่ได้สำหรับคำตอบที่ได้รับมา ถ้าหากอ้างว่าไม่เก่งภาษากับคณิตแล้วคิดหรือไงว่าวิชาจำพวกสังคมศึกษาจะไปช่วยอะไรได้
     
                    “ฉันไม่ใช่นายสักหน่อยที่ในหัวมีแต่เกมส์” เปอร์เช่เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยแต่ก็พอให้ฟ้าครามนึกมันเขี้ยว
     
                    “ไหนลองว่ามาซิว่านายจะเรียนไปทำไม”
     
                    “หึหึหึ เพราะมันดูเท่ยังไงล่ะ ยิ่งถ้าเป็นโน๊ตบุ๊คที่หิ้วไปหิ้วมาได้ล่ะก็สาวกรี๊ด”
     
                    “ความคิดนายนี่สมกับที่อยู่หลังเขาจริงๆ ถ้าต้องการแค่นั้นซื้อโน๊ตบุ๊คสักเครื่องก็จบมั้ง”
     
                    “หง่ะ จริงด้วย ฉันยอมรับแล้วว่านายฉลาดจริงๆ” เปอร์เช่ตาโตเรื่องง่ายๆแค่นี้ทำไมเขาคิดไม่ออกนะ เงินเก็บที่มีอยู่ในตอนนี้จะซื้อโน๊ตบุ๊คดีแค่ไหนก็ได้ แล้วเขาก็สามารถเท่ได้ทันทีโดยไม่ต้องไปทนเรียนคณิตศาตร์กับอื่นๆที่ไม่เข้าใจไปอีกตั้งหลายปี
     
                    “เฮ้อ อยากจะถือโน๊ตบุ๊คให้เท่เนี่ยเข้าใจจริงๆรึเปล่าว่าทำไมมันถึงทำให้คนถือดูดี คิดว่าแค่ถือก็ใช่ได้มันไม่ใช่นะ” ฟ้าครามถอนหายใจ ความฉลาดเขามีตั้งเยอะเจ้าคนตัวเล็กกลับไม่เลือกชม แต่มาชมอะไรไร้สาระแบบเรื่องที่ใครๆก็น่าจะรู้ ไม่รู้ที่ชมมาตั้งใจจะประชดหรือเปล่า
     
                    “ฮ่า ฮ่า นายจะลองภูมิฉันรึไงเรื่องแค่นี้พี่เช่รู้หรอกน่ะ เพราะโน๊ตบุ๊คมันหนักใช่มั้ยล่ะ คนที่เดินถือไปถือมาได้จะต้องแข็งแกร่งมากแน่ๆ ร่างกายกำยำ แล้วก็สามารถเปิดกูเกิ๊ลดูเรื่องที่อยากรู้ได้ตลอดเวลาทำให้ดูฉลาดมีแต่คนอยากมาถามโน้นถามนี่ใช่ป่ะ” เปอร์เช่ตอบแบบมั่นใจ
     
                    “ใครบอกนายมาน่ะ...” ฟ้าครามได้ฟังครบประโยคก็ถึงกับกุมขมับ ชักนึกอยากจะจับเด็กหนุ่มไปเอ็กซเรย์สมองขึ้นมาตงิดๆว่าข้างในเป็นสมองจริงๆไม่ใช่หญ้าหรือขี้เลื่อย
     
                    “มะนาวบอก! ฮ่องเต้กับฉันก็เลยว่าจะสอบเข้าคณะคอมพิวเตอร์กัน” ร่างสูงพยักหน้าเข้าใจ ปัญหาคงไม่ได้อยู่แค่ที่เป็นหลังเขาอย่างเดียว แต่เป็นความงี่เง่าของกลุ่มบุคคลนี่เอง ตกลงว่าโง่ทั้งแก๊งสินะ
     
                    “แล้วจะเลือกคอมพิวเตอร์แบบไหนล่ะ การจัดการคอมพิวเตอร์ หรือ วิทยาการคอมพิวเตอร์ ล่ะ ถ้าเป็นพวกนี้ก็พอจะเรียนได้ล่ะมั้ง”
     
                    “มะนาวบอกว่าวิศวะคอมน่ะ เห็นบอกว่าคณะนี้เท่สุดๆแบบว่าถ้าเข้าได้ล่ะก็ ขอควงดาวโรงเรียนได้สบาย”
     
                    “ชักเริ่มไม่กล้าถามต่อแล้วแฮะ....ว่าแต่นายยังสนใจดาวโรงเรียนอยู่อีกเหรอไม่ใช่ว่าอกหักไปเรียบร้อยแล้วรึไง ทำไมต้องอยากได้ไว้ควงด้วย”
     
                    “ช่วยไม่ได้ก็คนมันยังไม่มีแฟนสักทีนี่หว่า ไม่รู้ล่ะ ยังไงฉันก็ต้องหาแฟนให้ได้ก่อนจบ ม.ปลายไม่งั้นเสียชาติเกิดแย่ ถ้าผลสอบออกมาว่าฉันสอบติดวิศวะก็ต้องมีคนมาสนใจมั่งล่ะน่า”
     
                    “สรุปว่านายแค่อยากมีแฟน”
     
                    “ทำไมล่ะ ผิดรึไง”
     
                    “งั้นฉันให้โจทย์นายข้อนึง พรุ่งนี้รึสักสองสามวันก็ได้เอาคำตอบมาให้ฉัน ก่อนที่นายคิดจะไปมีแฟนอะไรนั้น ต้องตอบโจทย์ข้อนี้ฉันมาก่อน ไม่งั้นก็เลิกหวังไปได้เลยว่าฉันจะไม่ตามไปแย่งผู้หญิงกับนาย”
     
                    “ขะ ขู่งี้เลย นึกว่ากลัวรึไง”
     
                    “คิดสิ” ฟ้าครามตอบอย่างมั่นใจ แล้วดันเป็นเรื่องจริงที่เปอร์เช่เจอมากับตัวแล้วด้วยที่บรรดาสาวที่เขาเล็งไว้พากันทอดสะพานให้ชายหนุ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่มีโอกาสได้เจอ ยิ่งนึกก็ยิ่งน่าเจ็บใจ
     
                    “โจทย์อะไรของนาย อย่าให้มันยากมาก็แล้วกัน ไม่งั้นฉันจะแก้ไม่ได้ซะเปล่าๆ” เปอร์เช่รีบออกตัวเมื่อเห็นร่างสูงหันไปขยับปากกาไม่ถึงเสี้ยววินาทีก่อนจะโยนแผ่นโน๊ตแผ่นนั้นให้
     
                    
                    เลขยกกำลังแค่แถวเดียวจะให้แก้ยังไง เปอร์เช่แอบออกอาการเง็ง
     
                    “ไม่ยากหรอกน่า แค่ไปเขียนกราฟมาตามตัวเลขนั้น ต้องตั้งใจทำเองด้วยล่ะ อย่าเที่ยวเอาไปให้คนอื่นช่วยทำด้วยไม่งั้นนายเจอดีแน่” ฟ้าครามขู่
     
                    “ทำไม กล้ามีเรื่องกับพี่เช่ ไม่กลัวเจ็บตัวรึไง” เปอร์เช่ที่เข้าใจว่าตัวเองต้องมานั่งวาดรูปกราฟมาส่งก็เคืองนิดๆ พอมาโดนขู่เข้าก็เลยขู่กลับบ้างอย่างไม่เกรงกลัว
     
                    “ไม่ล่ะ แค่ทำท่าจะโทรฟ้องพ่อนาย นายก็รีบขอโทษฉันแล้วจะกลัวไปทำไม”
     
                    “ขี้ขลาด”
     
                    “ขอบคุณนะที่บอก ไปแก้โจทย์แล้วเอาคำตอบมาให้ฉัน คิดให้ดีๆด้วยล่ะ ส่วนตอนนี้ก็เลิกติวได้แล้วนายอยากจะทำอะไร”
     
                    “ไปขี่ม้ากันมั้ยอ่ะ”
     
                    “ขี่เจ้าพายุน่ะเหรอ”
     
                    “อือ ฉันชวนเพื่อนมาเล่นด้วยได้มั้ยอ่ะ”
     
                    “ใคร”
     
                    “มะนาวกับฮ่องเต้อ่ะ นะ นะ สองคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทฉันตั้งแต่เด็กรับรองว่านิสัยดี นะนะ”
     
                    “ก็ตามใจ...” ฟ้าครามหยุดคิดไปชั่วขณะ เพื่อนสองคนที่เด็กหนุ่มเอาแต่พูดถึงตลอดเวลาจะเป็นคนแบบไหนกันแน่ ถึงจะอยากอยู่ตามลำพังแค่สองคนก็ตาม แต่การได้สอดแนมชีวิตปกติของร่างบางก็ไม่เลวเหมือนกัน
     
                    เฮ้อ ไอ้นิสัยที่ว่า พอสนใจอะไรแล้ว ต้องรู้ให้ถึงที่สุดนี่มัน... ถ้าไม่ทำให้เขาเปลี่ยนจากโอตาคุกลายเป็นสโตรกเกอร์ไปก็คงดี เพราะที่แล้วมาเขายังไม่เคยหันไปสนใจสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์ซะด้วย ฟ้าครามแอบนึกระแวงตัวเองขึ้นมาตงิดๆ
     
                    “เยส งั้นฉันไปโทรหาพวกนั้นนะ อีกยี่สิบนาทีค่อยมาเจอกัน ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามาให้เรียบร้อยด้วยอ่ะ อย่างน้อยก็กางเกงขายาว เกิดตกม้าขึ้นมาจะได้ไม่เจ็บมาก”
     
                    “ตกมาจนเชี่ยวแล้วสินะ ที่สำคัญนายเคยเห็นฉันใส่กางเกงขาสั้นด้วยรึ”
     
                    “ชิ เขาเรียกว่าผิดพลาดเป็นบ่อเกิดของความสำเร็จตะหากเฟ้ย เดี๋ยวนี้ฉันขี่ม้าเก่งจะตาย”
     
                    “ฟังดูดียังไงก็ไม่รู้ แอบมาขี่ม้าบ้านคนอื่นจนคล่อง แต่ไร่ที่บ้านตัวเองยังเดินไม่ทั่ว”
     
                    “เหอะ เหอะ ก็มันไม่น่าสนใจนี่นา”
     
                    “เอาเถอะ ฉันไม่แกล้งไม่ให้นายขี่ม้าหรอกน่ะ ไม่ต้องมาพยายามพูดดีด้วยก็ได้ ฟังแล้วขนลุกไงไม่รู้”
     
                    “เออๆ อุตส่าห์จะญาติดีด้วยอยู่แล้วเชียว ทำเอาเสียอารมณ์หมด” เปอร์เช่เบ๊ปากน้อยๆอย่างขัดใจ
     
                    “อ้าว โทษที ฉันนึกว่าสมองนายกระแทกอะไรมา”
     
    “ปากเหรอวะนั้น ไม่เถียงด้วยแล้วเสียเวลา” เปอร์เช่ออกจะหัวเสียนิดๆ แต่พอคิดว่าเดี๋ยวก็จะได้เล่นสนุกตามที่ตัวเองชอบแล้วก็ได้เจอเพื่อนรักที่ไม่เจอกันมาเกือบสามสัปดาห็ก็อดจะกระดี้กระด๊าไม่ได้
     
    ร่างเล็กๆนั้นหายตัวไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงฮัมเพลงไม่ต้องให้ใครมาบอกให้รู้ก็ต้องคิดว่าเด็กหนุ่มกำลังอารมณ์ดีมากแน่ๆ แต่สำหรับฟ้าครามเขากลับรู้สึกเฉยๆกับการขี่ม้า น่าเสียดายที่ทั้งพ่อของเขาทั้งเปอร์เช่ไม่รู้จักเขาดีพอไม่งั้นคงจะรู้ว่าเขาขี่ม้าเก่งทีเดียว แถมยังเคยแข่งมาแล้วจนชนะเลิศถึงได้เลิกไปเพราะมีอย่างอื่นเข้ามาให้สนใจมากกว่า
     
    ฟ้าครามเริ่มไล่นับงานอดิเรกของตัวเองเล่นอย่างไม่ใส่ใจนัก พยามนึกไล่เรียงมาว่าอะไรบ้างก็เขายังไม่เคยทำหรือไม่คิดจะลองทำ ซึ่งปรากฏว่ามีอยู่ไม่กี่อย่าง
     
    หนึ่งในนั้นก็คือการเป็นเกย์นี่แหล่ะ
     
    แต่ก็ดันเผลอไปซะได้ แถมอีกฝ่ายก็ยังไม่ใช่เกย์ซะด้วย ที่ร้ายกว่านั้นก็คือออกไปทางบ้าผู้หญิง จะน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นมาก็เพียงใบหน้าขาวๆยามยิ้มแบบไม่ได้คิดอะไรเท่านั้น
     
    ถึงจะดูไร้เดียงสาจนถึงขั้นโง่เง่าไปหน่อย แต่ว่ากลับรู้สึกว่าน่ารักขึ้นมาจนได้ ช่างเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดจริงๆ
     
    แต่กระนั้นความน่ารักก็ส่วนน่ารัก ความไม่น่ารักหรือที่เรียกตรงๆว่าความน่ากระทืบก็ยังมีอยู่อีกมาก นอกจากคำพูดคำจาที่ชวนให้ตบเกรียนแล้ว พฤติกรรมบ้าๆบอๆทั้งหลายก็ยังมีส่วนอีกมา
     
    ถ้าให้เปรียบเทียบแบบจริงจังก็คงเป็นประมาณหมาพันธุ์เล็ก จะเหยียบไปเลยตรงๆก็กลัวคนจะหาว่าไปรังแก จะสั่งสอนเป็นจริงเป็นจังก็ไม่ใช่หน้าที่ ก็เลยจำใจปล่อยให้เห่าต่อไป ไม่รู้ว่าถ้าเจ้าตัวรู้ว่าเขาแอบคิดแบบนี้จะโวยวายรึเปล่า ถ้าไม่ก็คงแปลกล่ะนะ
     
    “นายจะเหม่ออีกนานมั้ยฉันเสร็จแล้วนะเฟ้ย” เสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้น ฟ้าครามยกนาฬิกาขึ้นมามองแบบแปลกใจ เผลอคิดอะไรไปแค่แปปเดียว ไหงหมดไปร่วมยี่สิบกว่านาที
     
    “เพื่อนนายล่ะ จะให้ตามไปที่คอกม้าทีหลัง รึว่าต้องรอก่อน”
     
    “มากันครบแล้วรออยู่หน้าบ้านโน้น ฉันน่ะบอกให้พวกนั้นตรวมตัวไว้ตั้งกะเช้าแล้ว ไม่ต้องห่วง” เปอร์เช่ยิ้มพร้อมชูนิ้วโป้งให้ร่างสูงอย่างร่าเริง ร่างบางไม่รู้ว่าตัวเองจะได้เลิกติวกี่โมงเพราะงั้นก็เลยนัดเพื่อนให้เที่ยวเล่นรออยู่ใกล้ๆ เผื่อว่าถ้าไม่ได้ขี่ม้าก็จะซ้อนมอร์เตอร์ไซด์ไปเที่ยวเล่นบ้าง เพราะเอาแต่อยู่ในไร่ไม่มีอะไรน่าสนใจนัก
     
    “วางแผนล่วงหน้าสินะ ช่างเหอะ ลงไปกันได้แล้วปล่อยให้คนอื่นรอนานมันคงไม่ค่อยดี” ฟ้าครามเปิดประตูบ้านออกเขาก็ต้องแปลกใจที่มีเด็กหนุ่มตัวสูงเกือบเท่าเขาหนึ่งคนยืนคู่อยู่กับอีกคนที่สูงกว่าเปอร์เช่แค่เล็กน้อย
     
    ถ้าจะให้บรรยายทีละคนแล้วล่ะก็ คนที่ตัวสูงกว่าก็คือมะนาว เด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่ตายสนิท ท่าทางที่เหมือนว่าเจ้าตัวน่าจะเหม่อลอยไปจนถึงดาวอังคารแล้วแต่กลับมีมารยาททักทายฟ้าครามได้อย่างน้อบนอบและหันไปกวนประสาทเปอร์เช่ได้แบบเป็นปกติ ในขณะที่หนุ่มน้อยอีกคนที่ชื่อว่าฮ่องเต้ดูตื่นเต้นปนตื่นคนได้แต่ยืนเงียบ เด็กหนุ่มมีส่วนสูงที่มากกว่าเปอร์เช่แค่เล็กน้อยแต่ดูสูงโปร่งกว่ากันมาก หน้าตาเจ้าเล่ห์นิดๆไม่ได้บ่งบอกเลยว่าความฉลาดที่มีอยู่ในหัวสมองมันช่างน้อยซะเหลือเกินขนาดที่ว่าเปอร์เช่ดูเป็นเด็กอัจฉริยะไปเลย
     
    “รบกวนด้วยนะครับป้าแช่ม” ฟ้าครามหันไปบอกป้าแช่มที่พอรู้เรื่องว่าจะมีคนมาเยี่ยมบ้านก็รีบมาเสนอตัวทำทั้งข้าวทั้งขนมแล้วก็จะเตรียมยกน้ำไปส่งให้แบบกระตือรือร้น ก็แขกที่มาบ้านนี้มันหาได้ง่ายๆที่ไหน ยิ่งโดยเฉพาะเด็กวันรุ่นที่รวมหัวกันมาเที่ยวเล่นทำให้บ้านดูครึกครื้นด้วยล่ะก็ ไม่มีมาก่อนในประวัติศาสตร์ด้วยซ้ำ
     
    “ด้วยความยินดีเลยค่ะคุณฟ้า มากันหลายคนขนาดนี้จะให้ลุงชมเตรียมม้าให้เพิ่มมั้ยค่ะ เจ้าพายุตัวเดียวคงไม่พอหรอกค่ะ”
     
    “ได้เหรอครับ ขอบคุณคร้าบบบ” เปอร์เช่ที่ได้ฟังก็ตาเป็นประกาย เด็กหนุ่มรวบเอาตัวหญิงสูงวัยมาหอมแก้มเสียฟอดใหญ่ทำเอาคนแก่ออกอาการปลาบปลื้ม
     
    “คุณเปอร์เช่เล่นเอาใจป้าขนาดนี้ป้าก็เขินแย่ เดินไปที่คอกม้าใหญ่กันก่อนได้เลยนะคะ แล้วป้าจะเอาเตรียมของกินตามไปให้ทีหลัง ลุงชมแกน่าจะรออยู่ที่คอกม้าใหญ่โน้นแล้ว ประเดี๋ยวป้าจะโทรกำชับลุงแกอีกที”
     
    “คร้าบบผม งั้นเราไปกันเหอะ เดี๋ยวจะมีเวลาให้เล่นน้อย”
     
    “นี่ๆ เปอร์เช่ทำไมฟ้าครามญาตินายเขาถึงสีผมประหลาดจัง ตาก็สีแปลก เป็นเด็กเกเรอ่ะป่าวอ่ะ เห็นว่าเด็กในเมืองเป็นซะเยอะ” ฮ่องเต้เริ่มกระซิบกระซาบ เมื่อเห็นว่าคนที่อยากจะนินทาเดินนำไปด้านหน้า
     
    “ฉันว่าเหมือนพวกชาวต่างชาติมากกว่า” เด็กหนุ่มร่างสูงอีกคนเอ่ยค้านๆ
     
    “อย่างที่มะนาวว่านั้นล่ะ หมอนั่นเป็นพวกลูกครึ่งอ่ะ เห็นว่าแม่เป็นลูกครึ่งระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสอีกที สีผมกับสีตามันก็เลยแปลก” เปอร์เช่กอดคอเดินกับฮ่องเต้ด้วยความเคยชิน ถึงจะเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทสามคนแต่มะนาวกลับโดนตักสิทธิ์นี้ออกไปเพราะตัวสูงเกินหน้าเกินตา
     
    นอกจากจะทำให้การเดินลำบากขึ้นแล้วยังรู้สึกเหมือนว่าตัวเองโดนข่มเพราะอย่างนั้นเด็กหนุ่มผู้โชคร้ายก็เลยได้แต่เดินรั้งท้ายเรื่อยมาจนแม้กระทั่งตอนนี้
     
    “โห ไหงถึงพูดภาษาไทยคล่องนักวะ รึว่าที่เขาว่ากันว่าลูกครึ่งบางคนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้พูดได้แต่ภาษาไทยมันจะจริง” ฮ่องเต้เกาหัวด้วยความสงสัย
     
    “พูดได้เฟ้ย หมอนี่เป็นคนสอนภาษาอังกฤษฉันไง ว่าแต่พวกนายสนใจจะมานั่งเรียนด้วยมะ เรียนคนเดียวโคตรน่าเบื่อเลย” คำชวนของเปอร์เช่ทำเอาเด็กหนุ่มอีกสองคนนิ่งคิดก่อนจะบอกปัด
     
    “ไม่เอาล่ะ ฉันเรียนเก่งอยู่แล้ว” มะนาวให้เหตุผลที่เปอร์เช่ต้องจำใจยอมรับ เออใช่สิมันเรียนเก่งนิ เขาไม่เก่งบ้างให้มันรู้ไป แม้คำตอบนี้จะพอไหวแต่คำตอบของเพื่อนรักอีกคนก็ทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับเครียด
     
    “มะนาวมันเรียนเก่งอยู่แล้วฉันไม่ต้องมาติวกับนายก็ได้” ฮ่องเต้กล่าวยิ้มๆ
     
    “เออจำไว้เลยพวกนายจะไปสุมหัวติวกันเองแล้วทิ้งฉันสินะ” เปอร์เช่ออกอาการขุ่นเคือง
     
    “จะบ้าเหรอวันหยุด นายคิดว่าอย่างฉันจะติวรึไงฟ่ะ ฉันหมายถึงว่าในเมื่อไอ้มะนาวมันเรียนเก่งอยู่แล้วฉันไม่ต้องทำอะไรมากรอลอกข้อสอบก็ได้ สบายดีด้วย จริงมั้ยมะนาว” ฮ่องเต้หันไปขอแรงสนับสนุนจากคนตัวสูงก็ได้รับการพยักหน้าหงิกๆเป็นการช่วยยืนยัน
     
    “เฮ้ยมักง่ายงี้ตอนสอบเข้ามหาลัยจะทำไงวะ เดี๋ยวก็อดหรอกไอ้คณะวิศวะคอมอะไรนั้น” ร่างบางกุมขมับ ถ้าหากคนที่สอบเข้าไปได้มีแค่เขากับมะนาวก็เท่ากับไม่ครบทีมกันพอดี ที่สำคัญคนหัวไม่ดีแบบฮ่องเต้ถ้าเกิดสอบไม่ติดขึ้นมาร้อยทั้งร้อยต้องโดนที่บ้านบังคับให้ทำงานในไร่แน่ๆ
     
    “ก็เข้าเอกชนดิ ไปเริ่มขยันเรียนตอนนั้นคงไม่สายม้าง” ฮ่องเต้ลากเสียงยาว
     
    “แต่ฉันว่าสายว่ะ เข้ามหาลัยไปแล้วลอกข้อสอบกันไม่ได้นะเว้ย วิชาพื้นฐานที่เรียนตอนนี้จะทำยังไง” เปอร์เช่รีบเตือน ตอนนี้เป็นเด็กมัธยมกันอยู่มีกรณีลอกกันบ้างมันก็ไม่แปลกแต่ระดับมหาลัยเนี้ย ยิ่งเป็นเอกชนดีๆแล้วล่ะก็การลอกข้อสอบไม่ต่างอะไรกับเอาคอไปวางทาบเครื่องประหาร
     
    “ชิ ทำไมจะลอกไม่ได้ จริงมั้ยมะนาว” ฮ่องเต้พยามหาลูกคู่ แต่เจ้าคนที่เป็นความหวังกลับส่ายหน้า
     
    “ถ้าเข้ามหาลัยแล้วฉันจะไม่ให้นายลอก” มะนาวยืนกรานแม้จะโดนส่งสายตาอ้อนวอนให้
     
    “ทำไมอ่ะ อย่าใจร้ายนักสิ” ฮ่องเต้โอดครวญ
     
    “ก็มันเป็นการไม่ให้เกียรติสถาบัน นายเองก็จะไม่มีความรู้ ที่สำคัญมันตรวจเข้มด้วย ฉันไม่อยากโดนปรับตกไปกะคนขี้เกียจอย่างนายว่ะ” มะนาวให้เหตุผลที่ทำเอาเปอร์เช่ขำก๊าก
     
    “หง่ะ แล้วทำไมตอนนี้ยอมให้ลอกอ่ะ โรงเรียนเราไม่มีเกียรติรึไงวะ ไอ้บ้ามะนาว” ฮ่องเต้ออกอาการเคือง
     
    “ก็ตอนนี้ฉันเป็นเด็กมัธยมอยู่จะให้มีสามัญสำนึกอะไรมากล่ะวะ จริงมั้ยเช่” มะนาวหันไปขอแรงสนับสนุนจากเปอร์เช่บ้างซึ่งเจ้าตัวก็ส่งยิ้มกว้างพร้อมพยักหน้ายืนยัน
     
    “โอยทำไมไม่มีใครเข้าข้างฉันบ้างเลยวะ ใช่สิฉันมันคนหัวไม่ได้เรื่อง”
     
    “เอ่อ ก็นะ” เปอร์เช่ก็ไม่รู้จะปลอบใจเพื่อนยังไง คนที่สอบได้ที่สามจากท้ายก็ไม่ใช่อะไรที่จะเรียกว่าหัวดีได้ แต่ว่าอย่างน้อยก็ควรจะหัดอ่านหนังสือเรียนบ้างถ้าจะเอานั่งเล่นในเวลาเรียน
     
    ตลอดระยะเวลาเดินแค่ไม่นานฟ้าครามก็อดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ แม้เจ้าตัวจะไม่รู้ตัวเลยก็ตามแต่ในสายตาฟ้าคราม กลุ่มเด็กๆกลุ่มนี้มีเปอร์เช่เป็นศูนย์กลางแน่ๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูจะคล้อยตามเด็กหนุ่มไปซะหมดแล้วยังมีการแข็งขันกันเล็กๆเพื่อเรียกร้องความสนใจอีกด้วย ที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าคนไหนถ้ามีโอกาศได้เตะเนื้อต้องตัวเด็กหนุ่มก็จะรีบทำทันที อย่างเนียนซะด้วยโดยเฉพาะเจ้าคนที่ชื่อมะนาว เห็นนิ่งๆ วางตัวห่างๆ แต่ก็มีทั้งลูบหัว ทั้งโอบตัวเข้าไปกอดเล่นๆ อยู่บ่อยครั้ง ส่วนเด็กที่ชื่อฮ่องเต้นั้นพอมาถึงก็กอดคอเปอร์เช่ไว้ไม่ยอมปล่อย
     
    “เห็นบอกว่าจะเข้าคณะวิศวะคอมทั้งสามคนใช่มั้ย ถ้าไม่รังเกียจจะให้ช่วยติวให้ก็ได้นะ” ฟ้าครามที่ทนอยู่นอกประโยคสนทนาพูดขึ้นมาเรียบๆ แม้แต่ใบหน้าก็ยังเฉยสนิทไปด้วยแต่ก็แอบแฝงไปด้วยความไม่พอใจที่คนอื่นนอกจากเปอร์เช่สัมผัสได้
     
    “ไม่เป็นไรครับ ผมพอไหวอยู่แล้ว” มะนาวพูดอย่างเกรงใจ ส่วนฮ่องเต้ที่เป็นโรคกลัวคนต่างชาติก็ไม่ต้องพูดถึงหลบหลังเพื่อนๆไปเรียบร้อยพร้อมกับส่ายหน้า
     
    “ว้า ทำไมอ่ะ ติวด้วยกันเหอะนะ หมอนี่อุตส่าห์ชวนนะเฟ้ย” เปอร์เช่ออกอาการเสียดาย
     
    “แกก็รู้ว่าฉันกลัวคนต่างชาติ” ฮ่องเต้กล่าวด้วยน้ำเสียงขยาดกลัว
     
    “แต่หมอนี่มันแค่ลูกครึ่งเองนะ แถมยังพูดภาษาไทยด้วย จะกลัวอะไรอ่ะ มาเรียนเป็นเพื่อนกันเหอะ” เปอร์เช่ยังพยามโน้มนาวต่อ
     
    “ไม่เอาอ่ะ แค่คิดก็ผื่นขึ้นแล้ว นายตั้งใจเรียนเหอะ” ฮ่องเต้ยืนยันหนักแน่น ก็จะอะไรซะอีกก็ไอ้สายตาแทบจะกินเลือดกินเนื้อของคนอาสาจะสอนนั้งล่ะที่เป็นปัญหา ขนาดเด็กปัญญาอ่อนมาเจอยังรู้เลยว่าโดนชวนแค่เป็นมารยาท แต่ถ้าคิดจะเรียนด้วยจริงคงโดนเล่นหนักแน่ ถึงได้งัดเอาลูกเล่นประจำมาใช้แบบหน้าไม่อาย
     
    “ไรฟ่ะ ก็ได้ๆ เรียนคนเดียวก็ได้ ที่สำคัญตอนนี้เลิกคิดเรื่องหนักสมองดีกว่า ถึงคอกม้าแล้วนี่ ไม่ว่ายังไงฉันก็ขอจองเจ้าพายุนะ พวกนายไปเลือกตัวอื่นไปชิ้วๆ” เด็กหนุ่มนั้นพอไม่ได้ดั่งใจก็เริ่มพาล เปอร์เช่มองเพื่อนที่ละคนได้วันหยุดพักผ่อนสบายๆอย่างน่าอิจฉาด้วยความอาฆาต ก่อนหน้านี้ก็โดนคนในบ้านทิ้งไปเที่ยว ตอนนี้ก็โดนเพื่อนทิ้งอีก
     
    ทำไมช่วงนี้พี่เช่ถึงได้ดวงซวยขนาดนี้ฟ่ะ
     
    “ไม่ต้องแย่งกันนะเด็กๆลุงรวมมาให้เลือกตั้งหลายตัว ถ้าไม่ถูกใจเดี๋ยวลุงจะพาไปเลือกตัวอื่นๆในคอก” ลุงชมที่เดินมาทันประโยคสุดท้ายกล่าวแบบยิ้มๆ แอบดีใจที่มีคนมาชื่นชอบม้าที่ตัวเองเลี้ยงมากับมือมากขนาดนี้
     
    “อ๊ะ ลุงชมสวัสดีครับ วันนี้มารบกวนด้วยนะครับ” ฮ่องเต้กับมะนาวรีบยกมือไหว้
     
    “ไม่รบกวนอะไนหรอกดีซะอีกคนแก่จะได้ไม่เหงา โดยเฉพาะป้าแช่มตอนโทรมางี้อารมณ์ดีเชียว เดี๋ยวคงมาขนมตามลงมาให้ในเร็วๆนี้แน่ๆ” ลุงชมเอ่ยขำๆเมื่อนึกถึงอาการตื่นเต้นของผู้เป็นภรรยา
     
    “เอาเอาตัวสีขาวได้มั้ยอ่ะลุงชม น่าร้ากกก ขี่แล้วจะเหมือนอัศวินมาขาวมั้ยอ่ะ” ฮ่องเต้ที่มองเข้าไปเห็นม้าที่ตรวมไว้ก็ออกอาการไฮเปอร์จนเลยเถิดวิ่งเข้าไปเกาะรั้วยืนชื่นชมม้าที่ตัวเองต้องตาอย่างรวดเร็ว
     
    “จะตัวไหนก็ได้ ลุงคัดมาแล้วทั้งนั้น รับรองว่าไม่มีพยศ”
     
    “ขอบคุณครับ แล้วนายอ่ะ จะเอาตัวไหน บอกก่อนนะว่าถึงเจ้าพายุมันจะเป็นม้านายแต่นายรับปากให้ฉันยืมแล้วห้ามกลับคำเด็ดขาด ถ้าอย่างขี่ก็ต้องเอาไว้วันหลัง” เปอร์เช่ที่ไปจูงเจ้าพายุเมาจองไว้รีบบอกชายหนุ่มเพราะกลัวเขาจะใช้สิทธิความเป็นเจ้าของมาแย่ง
     
    “นายสบายใจเหอะฉันไม่ขี่ จะรอยู่ข้างๆนี่แหล่ะ วันนี้อากาศมันร้อน” ฟ้าครามไม่รอให้ใครตอบรับอะไรก็จัดการหาที่นั่งให้ตัวเองในมุมที่มีม้านั่งไม้ตั้งทิ้งไว้อยู่ริมรั้วคอกม้า เป็นทำเลที่ลมโกรกเย็นสบายที่สุดแล้วแถมยังมีต้นมะม่วงต้นใหญ่ที่ขึ้นผิดที่ผิดทางแต่ตั้งอยู่ได้อย่างมีประโยชน์คอยให้ร่มเงาบังแดดได้
     
    “ถ้าขี่ไม่เป็นจะซ้อนท้ายฉันก็ได้นะ....” เปอร์เช่ยืนลังเลครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยชวน ถึงจะแอบแหยงที่จะต้องมานั่งเบียดกันระหว่างผู้ชายกับผู้ชายแต่มันดูไม่มีมารยาทถ้าเขาจะเมินเจ้าของม้าไปซะเลย
     
    “ไม่เอาอ่ะตามสบายเหอะ ที่จริงฉันก็ยังเจ็บๆขาอยู่ ไม่อยากขยับมาก”
     
    “อะ อืม งั้นฉันไปขี่เจ้าพายุนะ” เปอร์เช่ปีนขึ้นหลังม้าสีดำตัวสวยแล้วค่อยๆควบเดินก่อนจะเปลี่ยนเป็นวิ่งอย่างรวดเร็วไปรอบๆ ถึงแม้อย่างจะสนุกสุดเหวี่ยงแค่ไหนสายตาก็ไม่วายมักจะมองกลับไปที่ชายหนุ่มที่นั่งเท้าคางด้วยใบหน้านิ่งๆคล้ายคนง่วงนอนไม่ได้
     
    ถึงไม่มีคนมาว่าเปอร์เช่ก็แอบสำนึกผิดอยู่ในใจต่ออาพฤกษาที่ฝากฝั่งเรื่องสอนขี่ม้าให้คนตัวสูงกว่าอยู่ไม่น้อย เพราะตอนนี้วันๆนอกจะให้ชายหนุ่มช่วยติวหนังสือให้เขาก็ไม่ได้ลงมือทำอะไรอย่างที่อาพฤกษาขอไว้สักอย่างแน่นอนว่าเพราะคำขอของผู้ใหญ่เท่านั้นไม่เกี่ยวกับร่างสูงเลยสักกะนิดเดียว
     
    “เฮ้ เช่ มาแข่งกันมั้ย เจ้าไข่มุกตัวนี้วิ่งเร็วไม่เลวเลยนะเฟ้ย” ฮ่องเต้ที่ดูจะทำความคุ้นเคยกับเจ้าม้าสาวสีขาวแสนสวยได้แล้ว ก็ออกอาการปลาบปลื้ม
     
    “แข่งก็แข่ง วนสักสองรอบแล้วตัดสินแล้วกัน ไอ้คุณท่านมะนาวล่ะ จะมาเล่นด้วยมั้ย” เปอร์เช่พยักหน้าหงิกๆเด็กหนุ่มเองก็มั่นใจเหมือนกันว่าฝีเท้าของเจ้าพายุไม่มีทางเป็นที่สองรองใคร
     
    “ขี่ม้าเหยาะๆเล่นอยู่นั้นไง ปล่อยมันไปเหอะเห็นทำหน้าพริ้มเชียวสงสัยกำลังเข้าห้วง แข่งกันสองคนก็พอ” ฮ่องเต้ชี้นิ้วไปทางชายหนุ่มที่เข้ามุมสงบ ขี่ม้าตัวสีน้ำตาลเข้มย่างเนิบๆตามริมรั้ว ม้าก็เพลิน คนก็ดูสุขขี เห็นแล้วไม่น่าเข้าไปรบกวนอย่างยิ่ง
     
    “เห็นแล้วมันชวนให้ปลงเลยอ่ะ ยังกะคนแก่” เปอร์เช่วิจารณ์
     
    “เหอะๆ ถึงได้บอกไงว่าปล่อยมันไปเหอะแล้วมาแข่งกัน ฉันว่าแข่งกันเสร็จก็เลิกเหอะ ท้องฟ้ามันครึ้มๆไงไม่รู้ว่ะ เดี๋ยวฝนตกลงมาอีกมันจะยุ่ง” ฮ่องเต้เงยหน้ามองที่ฟ้าที่ควรจะสนใจแล้วก็ลอบกังวลถ้าฝนตกขึ้นมาจริง ผ้าที่ตากไว้คงเปียกหมด
     
    “เออจริง โลกคงใกล้แตกแล้วมั้ง ฟ้าฝนถึงได้วิปริตขึ้นทุกวัน ฤดูหนาวเสือกร้อน ฤดูร้อนเสือกฝน เดาทางไม่ถูกแระ” เปอร์เช่ชักม้าเข้ามาประจำที่ รอจนเด็กหนุ่มอีกคนนับจนถึงสามก็ออกตัวอย่างรวดเร็วทิ้งนำฮ่องเต้ตั้งเกือบช่วงตัว
     
    “ขี้โกงนี่นายออกตัวก่อน ฉลอเลยนะว้อย” ฮ่องเต้ส่งเสียงโหวกเหวกประท้วง
     
    “อย่ามามั่วน่ะ ฉันออกตัวตามที่นายนับนั้นแหล่ะ อย่ามางี่เง่า ฉันขอนำไปก่อนดีกว่าขี้เกียจฟัง” เปอร์เช่รีบบังคับเจ้าพายุให้ขึ้นนำ สายลมเย็นๆพัดเข้าปะทะกับใบหน้าชวนให้มีความสุขยิ่งนัก
     
    ไม่ใช่ว่าเฉพาะขี้ม้าเท่านั้น ไม่ว่าจักรยานหรือมอร์เตอร์ไซด์รวมไปถึงพาหนะทุกประเภทที่เคลื่อนที่เร็วหน่อยเด็กหนุ่มก็ปลาบปลื้มไปซะหมด สิ่งที่เขาชอบจริงๆคือยามที่สายลมปะทะกับใบหน้าแบบนี้ มันชวนให้รู้สึกว่าตัวเองมีอิสระที่จะโบยบินแล้วรู้สึกว่าโลกใบนี้มันช่างน่าพิศมัยเสียเหลือเกิน
     
    เปอร์เช่แอบคิดนิดๆว่าพวกที่ชอบขี่มอร์เตอร์ไซด์ระรานคนอื่นเป็นพวกทำตัวมีปัญหา ขาดอิสระ ถึงได้ระบายออกด้วยการสร้างความเดือนร้อนให้คนอื่น
     
    คิดแล้วก็ตลก คนเราทุกคนก็ล้วนแล้วแต่มีปัญหาของตัวเอง ถ้าหากมัวแต่ตีโพยตีพายโทษสิ่งแวดล้อมแล้วเมื่อไหร่จะได้สิ่งที่ตัวเองต้องการมาครอบครอง ไม่มีหรอกที่ว่าปัญหาที่ไม่มีทางแก้ เพียงแต่เราไม่คิดจะแก้เองมากกว่า
     
    เพราะยุ่งยาก เพราะไม่มีเงิน เพราะโดนคนรังแกขัดขวาง เพราะเหตุผลสารพัด
     
    แต่ว่าระหว่างที่มัวคิดแบบนั้นอยู่เราได้ลงมือทำอะไรหรือยัง หรือแค่นั่งฝันหวานไปวันๆรอพระเจ้ามาเสกสร้างให้ตามความต้องการ แล้วที่ที่ต้องการมันจะได้มาได้อย่างไร สิ่งที่อยากได้ก็ต้องคว้ามาด้วยตัวเอง ขอเพียงมีความอุตสาหะอะไรก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม
     
    แต่เรื่องการจีบสาวของพี่เช่คงเป็นกรณียกเว้นล่ะนะ ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่สาวก็ไม่แลสักที.....
     
    “อ๊ะ ฝน” เปอร์เช่อุทานเบาๆเมื่อมีของเย็นๆค่อยๆปลิวมาตกลงกลางหัว
     
    “เช่ เราไปหลบฝนกันเหอะท่าทางจะตกแรงอ่ะ เฮ้ย มะนาวหลบฝนได้แล้วโว้ย” ฮ่องเต้รีบควบม้าตามเปอร์เช่มาติดๆหลังจากตัดสินใจว่าจะหลบฝนก็ตะโกนเรียกมะนาวอีกคน
     
    ส่วนฟ้าครามที่รู้ตัวอยู่นานแล้วว่าฝนจะตกก็ไปนั่งรออยู่ที่ในเรือนคอกม้าใหญ่เป็นที่เรียบร้องตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว โต๊ะที่ถูกคลุมด้วยผ้าลูกไม้สีขาวตามรสนิยมป้าแช่มมีชุดน้ำชาร้อนๆและขนมอีกจานใหญ่วางรออยู่ โดยมีฟ้าครามประเดิมจิบชาร้อนๆ อย่างสบายอารมณ์
     
    “โห ป้าเตรียมมาพร้อมเลยนะครับ ยังกับจะรู้ว่าฝนจะตก” ฮ่องเต้รีบตรงเข้าไปร่วมวงด้วยทันที สภาพเด็กหนุ่มทั้งสามคนเปียกปอนพอๆกัน แต่คุณแม่บ้านคนเก่งก็ไม่วายเตรียมไว้พร้อมทั้งผ้าขนหนูสะอาดๆทั้งเสื้อยืดส่งให้คนล่ะตัวให้แต่ล่ะคนรับแล้วมานั่งกินขนมไปพรางฟังเสียงฝนตกไปพราง
     
    “ป้าไม่รู้หรอกว่าฝนจะตก แต่คุณฟ้าบอกให้เตรียมเพราะฝนจะตกป้าก็เลยเตรียมน่ะค่ะ โชคดีจริงๆ ไม่งั้นคงหนาวกันแย่” ป้าแช่มยิ้มรับคำชมแต่ก็ไม่วายบอกถึงต้นคิดตัวจริง
     
    “ถ้ารู้ล่วงหน้านานขนาดที่เตรียมได้ขนาดนี้ก็น่าจะเรียกให้เข้าบ้านมากกว่านะครับ ถึงบรรยากาศนอกสถานที่จะดีขนาดไหน แต่ฝนตกขนาดนี้ก็ไม่ไหวนะฮะป้าแช่ม มันหนาวนะเออ” เปอร์เช่ถอนหายใจกับการกระทำพิลึกๆของทั้งคนเป็นเจ้านายทั้งคนเป็นลูกจ้าง ถึงจะรู้ก็เถอะว่าป้าแช่มแค่ทำตามที่ร่างสูงบอกแต่เรื่องแบบนี้อย่างน้อยน่าจะกระซิบถามเข้าหน่อยก็ยังดีว่าฝนจะตกแล้วจะเข้าบ้านรึเปล่า
     
    “ฉันบอกป้าแช่มว่านายจะไม่กลับเข้าบ้านเองแหล่ะ ไหนตอนนายบอกตอนฉันยอมให้เลิกเรียนว่าต่อให้โลกจะแตก อุกกาบาตจะถล่ม หรืออะไรก็ตามนายก็จะขอขี่ม้าเล่นให้ชุ่มปอดไง กับอีแค่ฝนตกฉันก็เลยไม่นึกว่าจะเป็นอุปสรรคของนายได้ นี่ก็กะว่าจะนั่งรอไปเรื่อยๆจนถึงค่ำน่ะนะ” ฟ้าครามมองหน้าเด็กหนุ่มที่ดูงงๆแล้วเหยียดยิ้มบางๆ ฮ่องเต้เองก็ทำหน้าเป๋อไม้แพ้เพื่อนตัวเองส่วนมะนาวที่พอจะรู้ทันว่าชายหนุ่มตั้งใจจะแกล้งเพื่อนรักก็เบือนหน้าหนีเอามือปิดปากแอบขำอยู่เงียบๆ
     
    “ตะ แต่ว่านี่มันเกินคำว่าชุ่มปอดไปเยอะเลยนะ เรียกว่าเปียกชุ่มจะดีกว่า งั้นเอาใหม่ ฟังนะ คราวหน้าฉันจะขี่มาเล่นให้สนุกเลยถ้าอากาศดี ไม่ดึก ไม่ร้อน ไม่ฝน ไม่หนาวเกินอ่ะ” เปอร์เช่ที่เข้าใจผิดไปว่าอีกฝ่ายคงจะหมายความตามที่พูดจริงๆและตัวเองเป็นเหตุให้เข้าใจผิดก็พยายามอธิบายอย่างใจเย็น โดยมีฮ่องเต้ที่มีความคิดเห็นไปในแนวทางเดียวกันออกอาการเห็นด้วยและพยักหน้าตาม
     
    ส่วนสองหนุ่มที่ฉลาดกว่าก็ได้เรียนรู้ว่าการอยู่กับคนไม่ค่อยฉลาดมันมีผลเสียอย่างไร ฟ้าครามกลั้นหัวเราะเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิดในขณะที่มะนาววิ่งหายไปด้านหลังอย่างรวดเร็วโดยมีน้ำตาลูกผู้ชายคลอเบ้า เห็นดังนั้น ฟ้าครามก็แอบคิดว่าตัวเองโชคดีไม่น้อยที่ตัวเองเกิดมาไม่เส้นตื้นขนาดนั้น
     
    “ไหนๆก็ว่างกันอยู่มาเล่นเกมกันหน่อยมั้ยคะ ป้าเตรียมหมากรุกมาด้วย มีใครเล่นเป็นมั้ยเอ่ย” ป้าแช่มที่เห็นแต่ละคนว่างจนเกิดอาการเซ็งก็ถามขึ้นมา ที่จริงเธอกะว่าถ้ารอเด็กๆเล่นกันนานมากๆเธอจะชวนฟ้าครามที่ไม่มีอะไรทำเล่นด้วย
     
    “เอาครับ กะลังเบื่ออยู่พอดี” เปอร์เช่รีบตะคลุบข้อเสนอ มีมะนาวที่เห็นด้วยอีกคนทำเอาเด็กหนุ่มคนสุดท้ายต้องยอมรับมติแบบเสียไม่ได้
     
    “ก็ได้อยู่อ่ะครับ แต่เล่นไม่เก่งนะ” ฮ่องเต้พูดเสียงอ่อย ในกลุ่มสามคนของเขาก็เล่นกันอยู่เสมอๆแล้วเขาก็มักจะได้ที่โหล่เป็นประจำ แต่วันนี้มีลูกครึ่งที่ไม่น่าจะเล่นหมากรุกไทยเป็นมานั่งอยู่ด้วยก็เลยยังไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง
     
    แต่การเล่นแบบใหม่ที่ป้าแช่มเสนอทำเอาเด็กหนุ่มที่จริงจังกับชีวิตเกินไปอย่างเปอร์เช่และฮ่องเต้ต้องอ้าปากค้าง ส่วนฟ้าครามกับมะนาวดูจะปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว เพราะเหตุเจ้ากรรมที่ตัวหมากในกระดานหายไปหลายตัว แม้จะเสนอว่าให้ใช่ของอย่างอื่นแทนตัวหมากเข้าไปแต่จำนวนที่โหว่ก็เกินจะมานั่งจำว่าใช่อะไรแทนตัวไหนและของใคร ทำให้การเล่นต้องเปลี่ยนไปจากเกมกระดานก็กลายเป็นเกมต่อตัวโดยการสลับกันว่าใครจะเป็นคนทำล้ม ซึ่งนอกจากเวลาตั้งฐานแล้วเปอร์เช่กับฮ่องเต้แค่สองคนก็สลับกันทำล้มระนาว
     
    จากเล่นต่อตัวก็เหมือนเป็นเกมวิ่งเก็บของซะมากกว่า เปอร์เช่ออกแนวเซ็งจิตเมื่อตัวเองต้องวิ่งไล่ตัวหมากที่กระจัดกระจายและกลิ้งออกจากโต๊ะไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไหร่ สมเป็นเกมไร้สาระที่คิดขึ้นมาเพื่อฆ่าเวลาโดยเฉพาะจริงๆ
     
    “เปลี่ยนเกมได้มั้ยอ่ะ เหมือนมีแค่ผมกับเช่สองคนที่เล่นเกมเก็บของ” เป็นฮ่องเต้ที่อดรนทนไม่ไหวโอดครวญขึ้นมาก่อน เปอร์เช่ที่มีหัวขบวนแล้วก็รีบลุกขึ้นมาพยักหน้าเห็นด้วยทันที
     
    “ดีจ๊ะ ป้าก็คิดว่าน่าเบื่อเหมือนกัน” ป้าแช่มตอบรับ ฟ้าครามกับมะนาวเองก็เห็นด้วย ทำเอาคนสองคนที่เหนื่อยฟรีไปเยอะถึงกับลอบเหงื่อตก ป้าเบื่อก็ไม่รีบบอกพวกผมล่ะ
     
    “แล้วเราจะทำอะไรกันดีล่ะครับ ฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด” มะนาวนั่งเท้าคางเซ็งๆ ยี่สิบนาทีที่ผ่านมาเขานั่งดูเพื่อนๆเก็บของเพียงอย่างเดียวแรกๆก็ตลกดี นานไปก็น่าเบื่อ
     
    “นั้นสิ หาอะไรทำดีน้า” ป้าแช่มทำหน้าครุ่นคิด
     
    “ผมขอผ่านดีกว่า กลับเข้าบ้านกันดีกว่ามั้ยครับ ยังไงเราก็มีร่ม” ฟ้าครามหาว ร่างสูงเดินไปหยิบร่มจากมุมที่ไม่สะดุดตานักมากางแล้วเอียงคอมองคนอื่นๆที่สายตาเต็มไปด้วยคำถาม
     
    “นั้นสิค่ะ กลับเข้าบ้านกันดีมั้ยหนุ่มๆ” คำถามของหญิงสูงวัยทำเอาเด็กหนุ่มสามคนถึงกับมองหน้ากัน นี่พวกเขามาเสียเวลาในคอกม้ากลางสายฝนอยู่ทำไมต้องนานสองนานทั้งที่มีร่ม
     
    สุดท้ายมันก็เป็นคำถามที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยซึ่งมันก็ดีแล้วเพราะพวกเขาจะได้ไม่เจอคำถามกลับที่น่าปวดใจที่ว่าทำไมถึงไม่ถามแน่ๆ
     
    “ทำไมไม่บอกว่ามีร่มล่ะฟ่ะ เสียเวลาติดฝนกันอยู่ตั้งนาน” สุดท้ายก็มีคนที่จิตสำนึกไม่เหมือนคนธรรมดาถามออกไปจนได้ ทั้งที่ว่าน่าจะเดาได้ง่ายๆว่าคำตอบที่ได้รับคงไม่รื่นหูเท่าไหร่แต่เปอร์เช่ก็ยังรั้นจะถามออกไปอยู่ดี
     
    “เมื่อกี้ฝนมันตกแรงต่อให้มีร่มก็เปียกอยู่ดี บ้านก็อยู่แค่นี้ นายต้องรีบทำอะไรรึไงล่ะ” ฟ้าครามพูดเป็นเชิงอธิบาย ซึ่งเปอร์เช่ก็เข้าใจอย่างง่ายๆทั้งที่ประด็นหลักมันยังไม่หายไป
     
    ทั้งเรื่องตั้งโต๊ะรอ ทั้งเรื่องมีร่มก็ไม่ยอมเอ่ยปากจนกระทั่งตัวเองเล่นสนุกจนเบื่อ แค่นี้คนอื่นๆก็พอเดาได้แล้วว่าชายหนุ่มกำลังแกล้งพวกเขาเล่นๆแก้เซ็งโดยมีป้าแช่มที่ไม่ได้คิดอะไรเป็นผู้ร่วมมือโดยไม่ได้ตั้งใจ
     
    “อย่างนั้นเองสินะ” เปอร์เช่พยักหน้าเข้าอกเข้าใจ โดยมีสหายรักอีกสองคนแอบเหงื่อตก
     
    จะโง่ก็น่าจะโง่ให้มันน้อยกว่านี้อีกนิด ขนาดฮ่องเต้ที่พอจะรู้ตัวว่าตัวเองโง่ที่สุดในกลุ่มยังต้องแอบถอนใจเฮือกใหญ่ไม่รู้จะเสียใจหรือดีใจมากกว่าที่สมองเพื่อนไม่ทิ้งช่วงตัวเองมากนักเมื่อบวกความใสซื่อเข้าไป
     
    มะนาวเองพอสบตากับเด็กหนุ่มร่างโปร่งก็เหมือนจะเข้าอกเข้าใจ จะใสซื่อขนาดไหนนี่มันก็ออกจะเกินไป ถ้าไม่ใช่คนเป็นเพื่อนกันล่ะก็เขาจะไม่ใช้คำว่าใสซื่อเด็ดขาดแต่เป็นคำว่าซื่อบื้ออย่างแน่นอน
     
    “เอ้า หนุ่มๆอย่ามัวแต่ยืนพูดกันอยู่เลย รีบเข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวป้าจะทำข้าวเย็นให้กินกัน” ป้าแช่มที่เห็นแต่ล่ะคนออกอาการเลิกลั่กก็กระตุ้นเตือนอีกครั้งก่อนที่เวลาจะหมดลงไปโดยไปได้ขยับจากจุดเดิม
     
    “ว้าว ข้าวเย็น หง่ะ กี่โมงแล้วเนี่ย ผมบอกพ่อไว้ว่าจะกลับก่อน 5โมงเย็นซะด้วย” ฮ่องเต้สะดุ้งเมื่อนึกได้ว่าเย็นวันนี้เขาสัญญาอะไรกับที่บ้านเอาไว้ พ่อดุน่ะไม่เท่าไหร่ แต่อดไปเที่ยวด้วยนี่สิเศร้าของจริง
     
    4 โมงครึ่ง...เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันขี่จักรยานไปส่ง ถ้ารีบหน่อยคงทัน” มะนาวมองนาฬิกาข้อมือตัวเองอย่างปลงๆมีที่ไหน มีธุระที่บ้านก็ไม่รู้จักบอกเอาไว้ก่อน ถ้าขืนเมื่อครู่ฟ้าครามไม่นึกเบื่อชวนกลับบ้านขึ้นมาก่อนก็ได้เล่นอะไรบ้าๆบอๆไปจนไปไม่ทันเวลานั้นแหล่ะ
     
    “อ่าว พวกนายจะชิ่งทั้งคู่เลยเหรอ” เปอร์เช่พูดพรางเกาหัวไปพราง นึกจะกลับก็กลับกันดื้อๆ
     
    “โทษทีว่ะเช่ พอดีบ้านฉันจะไปเที่ยวระยองกัน ขืนฉันกลับบ้านช้าได้โดนทิ้งไว้คนเดียวแหง” ฮ่องเต้ยิ้มแห้งๆเมื่อเห็นสีหน้าแสนเสียดายของเพื่อน ที่จริงเขาเองก็เสียดายข้าวเย็นฝีมือป้าแช่มเหมือนกันนานๆจะมีโอกาสได้ลิ้มรสสักที กว่าจะได้โอกาสเข้ามาในไร่นี้แต่ล่ะครั้ง ถ้าไม่บังเอิญเจอพฤกษาที่นานๆจะว่างพอให้เข้ามาเล่นไปก็แทบไม่มีโอกาสอื่น แต่นี่โอกาสหาช่องทางมาเที่ยวเล่นมาถึงที่ก็ยังไม่สามารถคว้าเอาไว้ได้อย่างน่าเสียดาย
     
     “เฮอะ ไปเที่ยวกับที่บ้าน ที่จริงฉันก็โดนทิ้งเอาไว้นะ แถมยังไม่ยอมให้อยู่บ้านคนเดียวอีกตะหากกลายเป็นเข้า
    ค่ายติวหนังสืออยู่นี่ไง” เด็กหนุ่มบ่นพึมพำ ระยองก็ยังดีกว่าไปได้ไปล่ะนะ
     
    “ไปได้แล้วน่า สายขึ้นมาจริงจะมาหาว่าฉันขี่ไปส่งช้าไม่ได้นะ ทางยิ่งลื่นๆอยู่” ร่างสูงที่รอรับอาสาขี่จักรยานเริ่มบ่น
     
    “หรือว่าจะให้ลุงแกเอารถไปส่งดีล่ะ จะได้ไม่เปียกกัน” หญิงสูงวัยเสนอด้วยรอยยิ้ม
     
    “ไม่ดีกว่าครับผมเกรงใจ อีกอย่างเดี๋ยวผมซ้อนจักรยานไปทางลัดตัดเข้าบ้านเลยจะเร็วกว่าด้วย จริงมั้ยมะนาว” เด็กหนุ่มแอบเอาศอกกระทุ้งให้ร่างสูงรีบพยักหน้าเห็นด้วย
     
                    “งั้นก็เที่ยวให้สนุกนะ ส่วนมะนาว ถ้านายว่างก็แวะมาหากันบ้างนะ” เปอร์เช่มองส่งเพื่อนทั้งสองตาละห้อย ที่จริงเขาก็แอบเหงาเหมือนกันที่ตั้งแต่ปิดเทมอมาไม่มีโอกาสได้ไปไหนเลย คนที่บ้านก็ทิ้งเขาไปเที่ยวกันหมด แถมเพื่อนก็ยังมาหนีไปเที่ยวอีกช่างเป็นการปิดเทอมที่น่าเศร้าเสียจริงๆ จะหวังพึ่งมะนาวก็ไม่ได้เพราะแม่ของหมอนี่ดุมาก หากว่าไม่ใช่ฮ่องเต้เป็นคนไปลากออกมาก็คงจะไม่มีใครกล้า เพราะฮ่องเต้นั้นปากหนาวเป็นที่ถูกใจบรรดาแม่ๆเอาซะเหลือเกินขนาดแม่ของมะนาวที่ว่าโคตรโหด ยังส่งยิ้มหวานแถมยังเต็มใจถีบส่งลูกชายให้อีกด้วย
     
                    ส่วนเปอร์เช่นั้นเนที่รู้กันว่าหมดสิทธิ์ ไม่ใช่ว่าเพราะผู้ใหญ่ไม่เอ็นดูแต่เป็นเพราะเกรงใจพ่อของเขาต่างหาก ในบรรดาละแวกนี้รู้กันทุกคนว่าห้ามส่งเสริมให้เปอร์เช่เที่ยวเล่นอันเนื่องมาจากเกรดที่ดูไม่ได้นั้นเอง
     
                    ไม่รู้ว่าพ่อของเขาไปเล่าเรื่องไว้อีกท่าไหน บรรดาคนแถวนี้จึงมักจะทำท่าเห็นอกเห็นใจ แล้วรีบไล่ส่งให้เขากลับบ้านมาอ่านหนังสือเรียนเสมอๆ
     
                    “เราก็เข้าบ้านกันเถอะค่ะ คุณเช่ วันนี้ทานอะไรดีค่ะ เดี๋ยวป้าจะจัดการให้” ป้าแช่มเห็นเด็กหนุ่มทำหน้าหง่อยก็อดสงสารไม่ได้จึงพยายามปลอบใจ
     
                    “อะไรก็ได้เหรอครับ” เปอร์เช่ทำตาระยิบระยับขึ้นมาทันที
     
                    “จ๊ะ อะไรก็ได้บอกมาเลยป้าทำให้ได้ทุกอย่าง แต่อย่าเอาอะไรพิเรนทร์ๆเชียวนะคะ จะหาว่าป้าไม่เตือนเพราะถ้ากินไม่ได้ขึ้นมาป้าโกรธจริงๆด้วย”
     
                    “อ๊ะ โดนรู้ทันจนได้ งั้นผมเอาแกงจืดไข่น้ำ ไข่ลูกเขย ยำไข่เค็ม แล้วก็ไข่ตุ๋นใส่เห็ดหอมได้มั้ยครับ” เปอร์เช่ยิ้มระรื้นเมื่อคิดถึงเมนูจานโปรดตัวเองแต่ล่ะอย่าง
     
                    “มีแต่ไข่ นายเป็นตัวกินไข่รึไงเนี่ย ป้าครับเอาอะไรก็ได้ออกไปจากรายการสักสองสามอย่างแล้วเอาอย่างอื่นมาแทนบ้างเถอะครับ” ฟ้าครามอดขัดไม่ได้เพราะของพวกนั้นเขาต้องได้กินด้วยแน่ๆ
     
                    “เฮ้ยอะไรฟ่ะ มาเปลี่ยนเมนูฉันได้ไง ป้าแช่มเค้าถามฉันนะ ไม่ใช่นาย” เด็กหนุ่มโวยวาย ไม่ว่าอะไรจะถูกเปลี่ยนออกไปก็น่าเสียดายทั้งนั้น
     
                    “มิน่าล่ะถึงได้ไม่โต ที่แท้เพราะเอาแต่กินแบบนี้นี่เองถึงได้ขาดสารอาหาร” ฟ้าครามเปิดฉากวิจารณ์
     
                    “ใครขาดสารอาหารฟ่ะ ที่สำคัญกับข้าวพวกนี้มันก็ใส่อย่างอื่นด้วยเฟ้ย จะขาดสารอาหารได้ยังไง จริงมั้ยครับป้าแช่ม”
     
                    “ค่ะสารอาหารน่ะได้ครบแน่ๆ แต่จะทานไข่มากเกินมันก็ไม่ดีนะคะ คุณแช่ ป้าว่าทยอยทำก็ได้มั้งค่ะ แล้วเอาพวกพัดผักเข้าไปผสมบ้างก็ดีค่ะ” ป้าแช่มพยายามไกล่เกลี่ย
     
                    “เอาอย่างนั้นก็ได้ครับป้า” เปอร์เช่ยอมรับคำเสียงอ่อย เมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อเดินมาถึงตัวบ้านป้าแช่มก็ขอปลีกตัวเตรียมอาหารเย็นทันทีทิ้งคนสองคนที่ไม่ค่อยจะกินเส้นกับอาไว้เพียงลำพัง
     
    “ทำไมทีอย่างงี้เงียบล่ะวะ ไอ้เสาไฟฟ้าบ้า” เปอร์เช่ที่ทนนั่งจ้องหน้าชายหนุ่มท่ามกลางความเงียบมาสักพักเอ่ยขึ้นอย่างหัวเสีย ส่วนฟ้าครามเมื่อถูกปลุกขึ้นมาจากพะวังก็ออกอาการสับสนขึ้นมาเล็กน้อย เพราะตัวเองกำลังนั่งเหม่อได้ที่การไม่มีเกมส์รึอะไรสนุกๆให้เล่นนี่มันช่างน่าเบื่อแท้ๆ เขาก็เลยแอบเล่นเกมส์ในจินตนาการ
     
    คิดเนื่อหาเองเล่นเอง....ส่งสัยจะขาดเกมส์เข้าขั้นรุนแรงแล้วมั้งตู แต่นี่มันความผิดเขาที่ไหน ผิดที่ร่างบางต่างหากที่ทำให้เขาหมดอารมณ์จะสรรหาอะไรมาเล่นนอกจากจดจ่ออยู่กับเจ้าคนไม่ได้ความ
     
                    “ก็แล้วจะให้พูดอะไรล่ะ...” เมื่อเจอประโยคย้อนเข้าตรงๆ เด็กหนุ่มก็เป็นฝ่ายมานั่งงงเอง
     
                    จริงด้วยขนาดตัวเองยังไม่มีอะไรจะพูดแล้วจะให้ชายหนุ่มพูดอะไรดี
     
                    “พูดอะไรก็ได้น่า เอาเรื่องเรียนก็ได้ นายเรียนชั้นอะไรแล้วมหาลัยใช่มะ แล้วตอนนี้หยุดเรียนรึไง” เปอร์เช่เมื่อคิดอะไรไม่ออกก็งัดไม้ตายสักประวัติขึ้นมา จำได้ว่ามะนาวบอกไว้ว่าถ้าจะคุยกับคนที่ไม่รู้จะพูดอะไรด้วยขึ้นมาให้นึกซะว่าตัวเองเป็นนักข่าวหรือพิธีพรแล้วยิงคำถามทั่วๆไปรัวๆก็ผ่านฉลุยแล้ว
     
                    “เรียนจบแล้ว” ฟ้าครามหาวนิดๆเมื่อพูดจบประโยค
     
                    “หา จบแล้ว จบ ม.ปลายหรือว่าจบปริญญาน่ะ” เปอร์เช่อดจะแปลกใจไม่ได้ ถ้าเลิกเรียนแค่จบม.ปลายก็ผิดวิสัยของอาพฤกษาเกินที่จะยอม แต่ถ้าเป็นจบปริญญาก็ดูจะเร็วไปนิด
     
                    “จบปริญญาแล้วน่ะสิถามได้” ฟ้าครามตอบพร้อมเหยียดยิ้ม
     
                    “นายเรียนอะไรมา อืม... ต้องเรียกว่าจบสาขาไหนสินะ” เด็กหนุ่มนึกสงสัยขึ้นมาตงิดๆ
     
                    “หลักๆก็คณิตศาสตร์ล่ะนะ ถามไปทำไม นายสนใจสาขานี้รึไง” ฟ้าครามพูดกวน
     
                    “มิน่าถึงได้คิดเลขไวนัก ความจริงแล้วฉันก็สงสัยมานานแล้ว ไอ้คณิตศาสตร์เนี้ยมันมีประโยชน์อะไรนอกจากเอาไว้กันคนสอบผ่าน จะว่าเอาไว้คิดเลขก็มีเครื่องคิดเลขแล้ว ที่สำคัญเอามาใช่ในชีวิตอย่างมาก็แค่บวกลบคูณหารไม่เกินสามหลักเท่านั้นแหล่ะ” เปอร์เช่เกาคางครุ่นคิด
     
                    “ฮ่า ฮ่า นายทำให้ฉันขำจริงๆนะ ความจริงโดยทั่วไปมันก็ไม่มีระโยชน์จริงๆ แต่ว่ามันก็มีประโยชน์มากว่าที่นายคิดเยอะ คณิตศาสตร์มันเป็นรากฐานของการคำนวณทั้งหมดถ้าจับหลักได้มันก็ไม่ยากอะไรหรอก ส่วนประโยชน์จริงๆก็คงเข้าใจในคนเฉพาะกลุ่ม นายที่ดูห่างไกลจากคำว่าฉลาดก็คงเข้าใจได้ยากอยู่ ฉันเข้าใจ” ร่างสูงหัวเราะไปตอบไป
     
                    “ยังกับนายเก่งนัก ไอ้เสาไฟฟ้า” เปอร์เช่แยกเขี้ยว
     
                    “เก่งกว่านายก็แล้วกัน ที่สำคัญอยากเรียกคอมพิวเตอร์น่ะยังไงก็หนีไม่พ้นเลข แค่ตัวคอมพิวเตอร์เอาก็เป็นเครื่องคำนวณคุณภาพสูงอยู่แล้ว ระวังเถอะคอมมันจะรู้มากกว่านายที่เป็นคนใช้”
     
                    “ชิ ทุกวันนี้ฉันยังเปิดปิดผิดๆถูกๆอยู่ การที่อยากเรียนเพื่อให้ใช้เป็นนี่มันผิดตรงไหนฟ่ะ” เด็กหนุ่มเริ่มทำหน้างอ
     
                    “เฮ้อ ถ้าอยากแค่ปิดๆเปิดๆเป็นฉันสอนใช้ก็ได้...” ร่างสูงเอามือก่ายหน้าผาก แค่กดปิดกับกดเปิดมันยากเย็นอะไรตรงไหน
     
                    “สอนยังไงล่ะ นายมีคอมพิวเตอร์รึไง คราวก่อนเข้าไปห้องนายก็ไม่เห็นจะมี ถ้าจะให้ไปตามร้านเนตก็ไม่ไหวหรอกนะไกลเกิน”
     
                    “ฉันมีโน๊ตบุ๊คเก็บอยู่ในลิ้นชักน่ะ เดี๋ยวจะหยิบออกมาวางให้ใช้”
     
                    “เฮ้ยให้ยืมง่ายงี้เลยเหรอ ของแพงเลยนะ” เปอร์เช่ออกอาการแปลกใจ
     
                    “ก็ใช้อยู่ในห้องฉันอย่าเอาออกไปไหนก็พอ แล้วสงสัยอะไรตรงไหนก็ถาม จะสอนให้” ฟ้าครามตั้งเงื่อนไขที่เด็กหนุ่มรีบตระคลุบเอาไว้อย่างรวดเร็ว
     
                    “เอาไว้ฉันจะสอนนายขี่ม้าตอบแทนแน่ๆ”
     
                    “ไม่เป็นไร ที่จริงฉันไม่สนใจเรื่องขี่ม้าเท่าไหร่หรอก ที่สนๆอยู่ตอนนี้ก็คงมีแค่เรื่องนายล่ะมั้ง” ฟ้าครามฉวยโอกาสหยอดแบบเนียนๆ
     
                    “สนเรื่องอะไรล่ะ ถามมาได้เลย อยากเป็นเพื่อนฉันขึ้นมาแล้วล่ะสิ” เปอร์เช่ที่เข้าใจไปผิดประเด็นออกอาการปลาบปลื้มที่ในที่สุดอีกฝ่ายก็รู้ว่าเขาน่าคบหาแค่ไหน
     
                    “งั้นเริ่มจากของกินที่ชอบ...คงเป็นตระกูลไข่สินะ งานอดิเรกคงชอบม้า...ยังขาดอะไรอีกนะ” ฟ้าครามแทบจะเผลอกัดลิ้นตัวเอง แทนที่จะถามเขา ดันประหม่าจนกลายเป็นพูดเองตอบเองอย่างน่าปวดหัว
     
                    “ชอบสีแดง ชอบกินของหวาน เกลียดของขมๆ แต่ดาร์กช็อกโกแลตโอเคนะ ส่วนวิชาที่ชอบก็พละ ห่วยสุดๆก็ภาษาอังกฤษ ความใฝ่ฝันในอนาคตก็คือเป็นนักดนตรีระดับโลก” คำตอบมั่นอกมั่นใจของเด็กหนุ่มทำเอาร่างสูงหัน
     
    ควับมาจับจ้องใบหน้าขาวๆแบบไม่เชื่อหูตัวเอง
     
                    “เดี๋ยวนะ นักดนตรีระดับโลก แล้วนายจะเรียนสาขาคอมไปทำไม ทำไมไม่ไปเรียนมหาลัยดนตรีไปเลย แล้วนายเล่นดนตรีเป็นด้วยเหรอตั้งแต่อยู่มาฉันไม่เคยเห็นนายจะเล่นดนตรีอะไรสักอย่าง”
     
                    “ดนตรีน่ะเล่นเมื่อไหร่ก็ได้ ที่จริงแล้วฉันยังเลือกไม่ได้เลยว่าจะเล่นเครื่องเล่นอะไรดี แต่ที่แน่ๆคงไม่เอาเครื่องเป่าจะกว่าจบเพลงคงแทบตาย ถ้าต้องฝึกปอดขนาดนั้นฉันไปเป็นนักกีฬาว่ายน้ำดีกว่าขี้เกียจจำโน้ตด้วย เครื่องสายก็ไม่เอาเจ็บนิ้ว ส่วนพวกกลองนั้นตัดไปได้เลยเสียงมันดังเกิน” เปอร์เช่ยิ่งสาธยายเท่าไหร่ฟ้าครามก็ยิ่งนึกปวดหัวแทนลุงทรงศักดิ์ มีลูกคิดอะไรได้ขนาดนี้สงสัยสมัยเด็กคงเผลอทำลูกตัวเองหัวกระแทกบ่อยแน่ๆ
     
                    “แล้วนายจะเล่นอะไรได้....” ร่างสูงหมดแรงจะวิจารณ์ขึ้นมาดื้อๆ ขี้เกียจจำโน้ตที่เจ้าตัวว่ามาก็ตัดอนาคตทางดนตรีไปได้เลย ไม่ต้องมาคิดถึงเรื่องฝึกปอดหรือเจ็บนิ้วหรอก
     
                    “เพราะอย่างงี้ไงล่ะถึงได้เลือกไม่ได้สักที” เด็กหนุ่มยิ้มแฉ่ง ทำเอาฟ้าครามรู้สึกว่าตัวเองโง่ขึ้นมาตงิดๆที่หลงทนฟังมาตั้งนาน
     
                    “หรือว่าฉันควรจะเป็นนักฟุตบอลดี ไม่สิฉันวิ่งไม่อึด...หรือว่าเป็นจิตรกรดี แค่วาดภาพมั่วๆก็เป็นศิลปะแล้ว” เปอร์เช่ยังไม่วายพูดต่อ
     
                    “ฉันไม่เห็นว่าบรรดาที่นายพูดมาจะมีอะไรเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์สักอย่าง...” ฟ้าครามเริ่มทนฟังไม่ไหวเลยดักคอเด็กหนุ่มไว้ หวังจะให้กลับมาอยู่กับความเป็นจริงสักที
     
                    “วาดภาพมั่วๆสักภาพ แล้วก็ยืนพูดว่ามันเป็นศิลปะก็จบไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้นง่ายดี ฮะ ฮะ...” เปอร์เช่ออกแนวขบขันที่จริงเขาก็พอรู้อยู่ว่าที่จริงแล้วต่อให้ภาพมันประหลาดยังไงแต่คนดูส่วนมากที่เข้าใจก็มักจะใช้ใจดูมากกว่าตาดู ใช้ความรู้สึกเข้าสัมผัสมากกว่าที่จะดูเพียงตาเปล่า ซึ่งเรื่องเหล่านี้เขาไม่มีทางเข้าใจทั้งชีวิตแน่ๆ คิดไปแล้วเปอร์เช่ก็นึกขำเวลาเขาแกล้งโง่แบบนี้เป็นคนอื่นคงปล่อยเขาไปตามเรื่องตามราวแล้ว มีแต่ร่างสูงนี่แหล่ะที่พยายามไม่เข้าเรื่องที่จะต่อปากต่อคำขนาดพ่อของเขาเองยังขี้เกียจจะซักให้มากความทั้งที่เขาไม่กล้าแกล้งกวน
     
                    ยิ่งดูสีหน้าพิกลๆของชายหนุ่มแล้วก็ยิ่งตลกแต่ทว่าขณะที่คิดอะไรเพลินๆระหว่างปากยังพล่ามไม่เลิกอยู่นั้นเด็กหนุ่มก็ถูกปิดปากด้วยวิธีที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดเช่นกัน
     
                    ฟ้าครามแอบพอใจเล็กน้อยที่อาการต่อต้านของร่างบางเริ่มน้อยลงไปทุกที แม้จะเกร็งๆไปบ้างโดยหารู้ไม่ว่าเด็กหนุ่มไม่เพียงคิดอยากจะต่อต้านยังอยากจะซัดเขาซักเปรี๊ยงด้วยซ้ำจะติดก็อยู่ที่ไม่รู้ว่าทำไมยิ่งถูกอีกฝ่ายรุกล้ำมาเท่าไหร่เขาก็ยิ่งแทบจะละลายเท่านั้น
     
                    จูบรอบนี้จะอีกนานแค่ไหนเปอร์เช่เองก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆก็คือเข่าของเขาไม่มีแรงจะทรงตัวแล้วด้วยซ้ำ กว่าพี่เช่จะจูบเก่งคงไม่แคล้วเป็นเกย์แน่ๆ.....
     
                    ใครก็ได้เอาวันคืนที่สงบสุขของพี่เช่คืนมาที......
     
     
    “”””””””””””””””””””””””””””
     
    แอบมาใบ้ไว้ก่อนว่าน้องเช่โดนให้เขียนกราฟอะไร เพราะเจ้าตัวอีกนานกว่าจะรู้

    ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ แลัวก็ขอบคุณคนที่มาเม้นท์ให้ด้วย นึกว่าจะไม่มีใครหลงเข้ามาอ่านซะแล้วนะเนี่ย = w =






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×