คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 วิธีพิสูจน์
ตอนที่ 3
วิธีพิสูจน์
“ทำไมมองหน้าฉันอย่างงั้นอ่ะ จะหาเรื่องแต่เช้ารึไง” เปอร์เช่ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจที่พอเดินลงมาจากห้องก็เจอกับสายตาประหลาดๆของคนที่ไม่น่าจะตื่นขึ้นมาแล้วจ้องเอาๆ
ที่จริงฟ้าครามไม่ได้จะหาเรื่องอะไรเพียงแต่กำลังคิดว่าจะลองจีบคนตรงหน้าด้วยวิธีไหนต่างหาก นอกจากความเตี้ยและใบหน้าธรรมด๊าธรรมดา นิสัยเสีย บวกกับความปากเปาะแล้ว ฟ้าครามก็ไม่รู้อะไรสักอย่าง
จะให้จีบด้วยวิธีให้ดอกไม้เหมือนที่บรรดาผู้หญิงเขาชอบกัน ต่อให้เด็กหนุ่มไม่ลุกขึ้นมาเอาดอกไม้ปาหน้าเขาด้วยความขยะแขยง เขาเองนี่แหล่ะที่จะนึกขยะแขยงตัวเอง เพราะงั้นอันนี้ตัดไป
ให้ของกินที่ชอบ เหมือนจะชอบกินไปซะทุกอย่างจากการที่สวาปามข้าวที่ป้าแช่มทำมาให้แล้วก็ชมไม่ขาดปาก เพราะงั้นก็ตัดประเด็นนี้ไปอีก ยังไงป้าแช่มก็ทำให้กินทุกวันอยู่แล้ว มันไม่น่าประทับใจ
จะพาไปเดทก็ไม่รู้ทิศรู้ทาง แถมผู้ชายสองคนเดินกระหนุงกระหนิงกันน่าเกลียดตายชัก จะโทรศัพท์จีบก็ติดอยู่ที่ว่าอยู่บ้านเดียวกัน ชวนเล่นเกมส์ด้วยก็กลัวจะโรแมนติกเกินไป
ฟ้าครามคิดวนไปวนมายังไงก็ไม่ได้ข้อสรุป เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้แต่เมื่อชายหนุ่มรู้สึกตัวอีกทีป้าแช่มกับเปอร์เช่ก็จับกลุ่มเมาส์กันเรื่องเขาต่อหน้าต่อตาเจ้าตัวแบบไม่มีการกลัวว่าเขาจะรู้เรื่อง
“ป้าเห็นนั่งคิดอะไรอยู่ตั้งแต่เช้าแล้วล่ะคุณเช่ สงสัยคุณฟ้าคงเบื่อ เกมส์ก็ไม่มีให้เล่นแล้ว ขาก็เจ็บไม่ได้ออกไปไหนเลย ไม่งั้นนะป้าจะชวนเที่ยวในไร่เราเนี่ยแหล่ะ” ป้าแช่มคิดว่าตัวเองที่ชินกับบรรยากาศเงียบสงบแบบนี้เป็นที่สุด แต่ว่าสำหรับคนหนุ่มคงอุดอู้น่าดู
“ไม่หรอกป้า ผมว่าหมอนี่ไม่ได้อยากออกไปไหนหรอก แค่ตรอมใจเพราะไม่มีเกมเล่นมากกว่า อย่างมากผมจะลองไปค้นๆเกมกดสมัยเด็กมาให้เล่นก็อาจจะดีขึ้นมั้ง” เปอร์เช่นึกถึงเกมกดขนาดเล็กที่มีเกมตัวต่อที่ฮิตแทบบ้าสมัย ป.2 แต่ไม่ยักจะมีใครเล่นในตอนนี้
“ไอ้นั้นน่ะ ไม่เอา ไม่เห็นจะสนุกเลย นายมีอะไรแก้เบื่อที่ดีกว่านั้นมั้ย” ฟ้าครามพูดแทรกเนือยๆ ซึ่งมันก็น่าเบื่อจริงๆซะด้วยที่พอสนใจใครเข้าแต่ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง
ครั้งสุดท้ายที่จีบหญิง แค่ยิ้มให้นิดเดียวเป้าหมายก็เดินตามมาต้อยๆแล้ว
“แก้เบื่อ ม่ายมีอ่ะ ถ้าเบื่อมากนักก็ไปเดินเล่นดิ”
“เดินได้น่ะเดินไปแล้วลืมแล้วเหรอว่าเพราะน้ำหนักตัวนายข้อเท้าฉันถึงได้เป็นแบบนี้” ฟ้าครามเตือนความทรงจำของเด็กหนุ่มอีกครั้ง
“ง่ะ ฉันลืม เอางี้มั้ย เดี๋ยวฉันอ่านหนังสือนิทานให้ฟัง” เปอร์เช่เสนอ ตอนเด็กๆเวลาเขาเล่นจนเจ็บตัวแม่ก็มักจะทำอย่างนี้ให้เสมอๆซะเคยตัว แต่ดูเหมือนว่าฟ้าครามจะไม่สน
“ไร้สาระ ฉันอ่านหนังสือออก เอางี้ดีกว่า ไหนๆนายก็คิดวิธีแก้เบื่อให้ฉันไม่ออก สู้มาทำให้เบื่อเหมือนฉันดีกว่าจะได้เท่าเทียมกันหน่อย” ฟ้าครามยิ้มเย็น ทำเอาเปอร์เช่ขนลุกซู่
“ฉันไม่เบื่อง่ายๆหรอก ระดับนี้แล้วมีเรื่องให้ทำตั้งเยอะเฟ้ย ถ้าไม่มีอะไรทำจริงๆฉันนอนดูทีวีเล่นๆก็ได้”
“หึหึหึ ฉันหมายถึงว่าในเมื่อว่างกันขนาดนี้ก็มาติวหนังสือกันเหอะ ไปเอาหนังสือเรียนมาเลยอย่ามัวอึ้ง ยิ่งทิ้งเวลานานเม่าไหร่สมองน้อยๆของนายก็ยิ่งฝ่อไปเท่านั้นแหล่ะ”
“เร็วไปมั้ยอ่ะ ฉันเพิ่งปิดเทมอเองนะ ขอพักสบายๆก่อนไม่ได้รึไง” เปอร์เช่พยามแถที่จริงตั้งแต่พวกคุณพ่อไม่อยู่เขาก็ลอยชายอยู่บ้านเฉยๆไม่ทำอะไรกับฟ้าครามแล้วก็ลุงชมป้าแช่มมาได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว
การจะขอพักต่อก็ดูจะเป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้นสุดๆ
“งั้นก็มีเงื่อนไข นายจะยอมรับเงื่อนไขฉันหน่อยมั้ยล่ะ” ฟ้าครามเอ่ยข้อเสนอที่ดูน่าสงสัยขึ้นมาลอยๆกระนั้นก็กระตุ้นความสนใจจากเด็กหนุ่มได้
“ว่ามาสิ รอฟังอยู่” เปอร์เช่หันมาตั้งใจฟัง
“มาเล่นพนันกันดีกว่าใครชนะได้เป็นคนออกคำสั่งเป็นเวลาสามวันเป็นไง”
“พนันอะไรล่ะ เสียเงินไม่เอานะเฟ้ย เรื่องเรียนก็ไม่เอา” เปอร์เช่เริ่มสร้างเงื่อนไข กลัวว่าอะไรก็ตามที่เสนอมาเขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“เดี๋ยวนายก็รู้” ฟ้าครามทิ้งปริศนาไว้ก่อนจะทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ใจจริงรางสูงก็อยากจะเล่นพิสูจน์อะไรกับเปอร์เช่สักหน่อยแต่ก็ติดอยู่ที่ว่ามีป้าแช่มนั่งอยู่ด้วยและอะไรก็ตามที่เขาอยากทำคงไม่เหมาะกับการกระทำต่อหน้าคนสูงอายุสักเท่าไหร่
ที่จริงก็แค่อยากหาเรื่องจูบ อยากรู้ว่าในหัวตัวเองคิดอะไรอยู่กันแน่ แค่สนใจหรือว่าชอบ
“อะไรของนายฟ่ะทำไมต้องลากขึ้นมาในห้องนายด้วย รึว่าจะชวนเล่นไพ่แล้วกลัวป้าแช่มว่า นายไม่รู้อะไรป้าแช่มแกเซียนจะตายเพียงแต่แกจะเล่นเวลารวมญาติไม่ก็พวกวันหยุดปีใหม่เท่านั้น แกบอกว่าหมกหมุ่นมากๆมันไม่ดี” เปอร์เช่พล่ามไปเรื่อยระหว่างที่โดนชายหนุ่มลากตัวขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจนัก
แต่เมื่อเข้ามาในห้องฟ้าครามปากที่เคยพล่ามไม่หยุดก็ค่อยเงียบลงเมื่อความสนใจไปอยู่กับสภาพห้องของอีกฝ่ายที่ไม่คิดว่ามันจะตกแต่งไว้น่าดูขนาดนี้ สีภายในเน้นที่โทนขาวรับกับโทนสีฟ้าครามสมชื่อเจ้าของห้อง เฟอร์นิเจอร์สีขาวที่ทำจากไม้ดูเข้ากับบรรยากาศแม้จะมีของแปลกๆปนอยู่บ้างก็ไม่ขัดตา
“จะนั่งตรงไหนก็ตามสบายนะ เดี๋ยวฉันเปิดเพลงให้” ฟ้าครามเดินไปเปิดเครื่องเล่นแผ่น ส่วนเปอร์เช่ก็กระโดดลงบนเตียงสปริงแบบไม่เกรงใจเจ้าของห้อง
“ห้องนายน่าอยู่เป็นบ้า ว่าแต่นายจะชวนฉันพนันอะไร” เปอร์เช่ที่พอนอนกลิ้งได้ที่ แอร์เริ่มเย็นก็เริ่มสบายเสียจนจะหลับ
“ใจร้อนจังนะ เอาก็เอา” ฟ้าครามยิ้มน้อยๆทำเอาเปอร์เช่นึกถึงสิ่งที่เจอมาเมื่อไม่นาน ตอนนั้นฟ้าครามก็ยิ้มแบบนี้ตอนที่เขาโดนปล้นเอาจูบอัปยศ ก็เลยรีบเอามือปิดปากตัวเองไว้แน่น ทำเอาคนโดนรู้ทันถึงกับขำ
ถึงจะโง่ขนาดไหนก็ต้องมีการเรียนรู้มั่งล่ะน่า
“หัวเราะอะไรวะ อย่าคิดว่าฉันโง่นะเฟ้ย ไอ้เสาไฟฟ้าบ้า อดอยากผู้หญิงนักรึไงเดี๋ยวฉันจะพาไปอาบอบนวดในเมืองก็ได้” ร่างบางพูดอย่างมีน้ำโห
“งี่เง่าน่า ฉันแค่คิดว่าถ้านายไม่อยากเรียนฉันก็จะสอนเรื่องจูบให้นายแทนก็เท่านั้น” ฟ้าครามยอมรับหน้าด้านๆ
“เคยบอกไปแล้วไงล่ะว่าไม่เอา”
“งั้นก็ติวหนังสือก็ได้ ถ้าตอบผิดจะโดนลงโทษ”
“ลงโทษบ้าๆอีกอ่ะดินึกว่ารู้ไม่ทันรึไง นายจะล้อเลียนเรื่องที่ฉันจูบห่วยไปอีกนานมั้ยวะ”
“ทีอย่างนี้ล่ะฉลาดขึ้นมาเชียว เออๆ ติวเฉยๆก็ได้ เอาวิชาอะไรก่อนก็หยิบเล่มนั้นมาแล้วกันติวมันในห้องฉันเนี่ยแหล่ะ ข้างนอกมันร้อน” ฟ้าครามยกมือยอมแพ้ ที่จริงไม่ต้องหาเรื่องจูบพิสูจน์ใจตัวเองก็ได้ วิธีอื่นก็พอมี
พอเห็นเปอร์เช่ทำท่าตัดใจเดินไปเอาหนังสือเรียนเพราะดูท่าว่ายังไงก็หนีเรียนไม่พ้นแล้วฟ้าครามก็ถอนใจเฮือกกับความน่าสมเพศตัวเอง พยายามจะจะจีบด้วยการสอนจูบไม่รู้คิดไปได้ไง พออีกฝ่ายไม่เล่นด้วยก็เปลี่ยนเป็นบังคับสอนหนังสือแทน แต่ว่าระหว่างวันนี้ยังไงก็จะค่อยๆหลอกถามเรื่องส่วนตัวออกมาทีล่ะอย่างให้ได้
ปกติแล้วผู้ชายเขาจีบกันยังไงเขาจะไปรู้ได้ไง
แล้วเวลาไปสนใจใครสักคนจะรู้ได้ไงว่าตัวเองแค่สนใจ หรือว่าชอบ หรือว่ารัก
แต่ว่าเท่าที่อ่านข้อมูลในอินเตอร์เน็ตแล้ว อาการใจเต้นและอยากเห็นหน้าอีกฝ่ายก็แปลว่าชอบ ส่วนถ้าเกลียดก็คงไม่อยากเห็นหน้า รำคาญ กับเปอร์เช่แล้วคงจะเป็นอย่างแรกแบบไม่ต้องสงสัยแต่ก็มีพ่วงอย่างที่สองเข้ามาเป็นระยะทำให้ตัดสินใจให้มันแน่ไปเลยไม่ได้สักที
เฮ้อ ดูท่าคนที่อ่อนหัดคงจะเป็นเขาเอง เพราะขนาดมีผู้หญิงที่คบมาด้วยตั้งหลายคนยังไม่เคยรู้สึกใจเต้นหรือว่าชอบใครมาก่อน แค่สวยกับไม่น่ารำคาญก็เป็นตัวเลือกที่เพียงพอแล้วที่เขาจะนอนด้วย
การเรียนคณิตมาไม่ได้ช่วยคำนวณอะไรได้เลยโดยเฉพาะเรื่องแบบนี้
ชายหนุ่มคว้าโทรศัพท์มือถือตัวเองที่ปิดเครื่องว่าทิ้งมาจ้องเอาๆอย่างลังเล จะโทรหาคนๆนั้นดีรึไม่โทรจะดีกว่า ไอ้เจ้าคนที่มีคนรักเป็นผู้ชายเหมือนกัน เป็นจุดเดียวที่เขาคอยล้อเลียนมันมาโดยตลอดเพราะมันน่ะ บ้าผู้หญิงกว่าเขาเยอะ
หลังจากลังเลอยู่พักใหญ่มือของฟ้าครามก็เผลอไปกดเลขหมายที่ทั้งต้องการและแอบไม่ต้องการเข้าไปจริงๆ จะตัดสายทิ้งก็ไม่กล้าเพราะกลัวปลายสายจะยิ่งสงสัย
‘ว่าไงโคลด ร้อยวันพันปีไม่เคยจะโทรมามีธุระอะไรไม่ทราบ’ เสียงยียวนดังมาตามสายตามคาด ทำเอาร่างสูงแทบอยากฆ่าตัวเองทิ้งถ้าหากจะพูดเรื่องที่อยากถามออกไป ชื่อภาษาอังกฤษของตัวเองพอไม่ได้ยินมานานๆก็ชักไม่ชินหูได้เหมือนกัน
“ฉันแค่อยากรู้เหตุผลที่นายคบกับแฟนนายน่ะเอริก เผื่อเอาไว้ประดับความรู้ตัวเองสักหน่อย” รึว่าประติดประต่อความคิดให้หัวตัวเองได้จะยิ่มดีมาก
‘ว่างมากรึไง หรือว่ามีเรื่องสนุกๆอะไรปิดไว้น่ะโคลด’ เอริกที่ฟังตอบที่ได้มาก็ถึงกับหูผึ่ง รีบถามต่อโดยไม่เปิดโอกาสให้เว้นจังหวะสนทนา
“ก็ว่างอยู่หรอกนะ....รู้สึกว่าจะว่างจัดด้วยถึงได้ฟุ้งซ่าน”
‘ไม่มีเกมจะเล่นสินะถึงได้โทรมา เฮ้อนึกว่าจะมีอะไรน่าสนใจซะอีก งั้นนายก็ไปหาเกมใหม่สักเกมในห้างซื้อมาเล่นสิแค่นั้นไม่เป็นไรหรอกน่ะ ว่าแต่ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนกันแน่ไหนว่าจะไปแคนาดาไง มีคนเขาบอกฉันมาว่าไม่เจอตัวนาย ทำไมไม่อยู่ที่นั้น หา?” เอริกกล่าวเนิบนาบ
“ก็แค่สนใจที่ใหม่กะทันหันน่ะ ว่าแต่ที่ฉันถามไปจะตอบได้รึยัง” ฟ้าครามนั่งผิงขอบหน้าต่างพรางมองออกไปเบื้องนอก ความจริงก็เริ่มจะคิดถึงชีวิตในเมืองนิดๆแล้วเหมือนกันแต่ถ้าให้เทียบตอนนี้เขายังอยากอยู่ที่นี่มากกว่า
‘ตอนนี้อยู่ที่ไหนรายงานมาก่อน มีคนอยากรู้อีกเยอะ โดยเฉพาะคนของฉัน หมอนั้นถามอยู่เรื่อยว่านายอยู่ไหนบอกมาซะดีๆแล้วฉันจะยอมบอกเรื่องส่วนตัวให้” เอริกขยับรอยยิ้มเมื่อพูดจบประโยค แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยได้เอ่ยประโยคบังคับชายหนุ่มได้มาก่อนถ้าเขาเปิดปากอีกฝ่ายได้ด้วยเรื่องส่วนตัวแล้วล่ะก็ต้องมีคนมานับหน้าถือตาเขาอีกเยอะ
“อืมมมม เคนย่า ที่นี่มีแต่สีเขียวจนฉันจำสีอื่นๆไม่ได้แล้วว่ามันเป็นยังไง” ฟ้าครามนิ่งนึกอยู่ครู่หนึ่ง พอเห็นว่ารอบตัวตัวเองมีแต่สีเขียวก็นึกถึงประเทศนี้ขึ้นมาได้ เขาเคยเปิดในนิตยสารเจอเมื่อนานมาแล้ว ขนาดคนพื้นเมืองบางแห่งยังอยู่ในบ้านที่สร้างขึ้นง่ายๆจากธรรมชาติเลย ร่างสูงโกหกด้วยน้ำเสียงเฉี่อยชา
‘อ่างั้นเหรอ งั้นฉันจะบอกนายให้นะที่ฉันคบกับคนของฉันน่ะ มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ ไม่รู้ว่าเป็นไงมาไงอยู่ๆก็คบกันไปแล้วว่ะ’ เสียงอีกปลายทางโทรศัพท์ยอมตอบสิ่งที่ชายหนุ่มอยากรู้มาอย่างระรื่น
คำตอบที่เหมือนไม่ใช่คำตอบสักกะนิด
“อยู่ๆก็คบเนี่ยนะ....” ฟ้าครามบ่น เขาไม่อยากจะเชื่ออีกฝ่ายสักเท่าไหร่ แต่อย่างว่าเรื่องแบบนี้ใครจะยอมบอกกันง่ายๆเล่า
‘ก็นายถามเหตุผลที่คบ หรือว่าอยากถามว่าฉันไปหลงชอบผู้ชายเข้าเพราะอะไรกันแน่”
“ประมาณนั้น ที่จริงก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ เพียงนึกสงสัยขึ้นมาก็เลยถามดู เห็นคนอื่นๆซักนายกันหมดแล้วนิ” ฟ้าครามพยายามทำเป็นไม่สนใจ ไม่อยากให้ใครรับรู้จนกว่าเขาจะแน่ใจของในใจตัวเองจริงๆ
ถึงจะแน่ใจก็ไม่ยอมบอกง่ายๆแน่เพราะเขาไม่อยากโดนซัก!!
‘ทำพูดดีไปเหอะ ผ่านมาตั้งเกือบสองปีถึงค่อยมาสงสัย ความรู้สึกช้าเป็นบ้า นายนี่มันไม่เคยสนใจอะไรใครนอกจากงานตัวเองแล้วก็เกมเลยให้ตายสิ’ เสียงปลายสายเริ่มบ่น
“บอกไม่ได้หรือไง เอาไว้ฉันจะยอมตอบคำถามที่นายอยากรู้และอยู่ในขอบข่ายที่ไม่เป็นอันตรายให้สักข้อก็ได้นะ เอามั้ยล่ะเอริก” ฟ้าครามยื่นข้อเสนอที่หาได้อยากยิ่งมีหรือที่คนปลายสายจะไม่รีบตะคลุบ ก็คนอย่างฟ้าครามเคยตอบอะไรตรงไปตรงมาบ่อยเสียที่ไหน นอกจากตัวเองจะรับปากแบบในวันนี้ไม่งั้นก็ยาก
เพราะอย่างนั้นถึงคิดได้ว่าเรื่องที่ถามน่าจะมีอะไรสำคัญพอสมควร แต่ว่าเรื่องรักๆใคร่ๆของผู้ชายจะมีอะไรที่สำคัญขนาดต้องยอมแลกเปลี่ยนข้อมูล นอกเสียจากว่าเจ้าคนอยากได้คำตอบจะเผลอไปชอบใครสักคนที่เป็นผู้ชายเข้าให้
น่าสนุกจริงๆ คนแบบไหนที่ทำให้เจ้าหลักศิลาแบบนั้นมีความรู้สึกขึ้นมาได้
‘ได้สิจะบอกให้ก็ได้ เพราะอีกฝ่ายอ่อนแอ น่ารัก น่าทะนุถนอมปกป้อง ไงล่ะ แล้วก็มีความรู้สึกที่อยากจะอยู่ด้วยตลอดเวลาและทำให้เป็นของๆเราคนเดียวไม่ให้ใครมาแตะต้องอะไรแบบนี้’ เอริกอธิบายยาวยืดแล้วเว้นจังหวะด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าคนเป็นเพื่อนจะพูดอะไรกลับมา
“น่าทะนุถนอมปกป้อง แต่ว่าเอริกนายมันเป็นพวกซาดิสต์นะ นายลืมไปรึเปล่า ที่พูดมาฟังดูพิลึกๆไงไม่รู้” ฟ้าครามท้วง ถึงแม้ว่าเอริกจะไม่ใช่พวกรุนแรงอะไรแต่ก็ห่างไกลจากการเป็นชายหนุ่มที่สุภาพอ่อนโยนถึงขนาดทะนุถนอมปกป้องคนรักไปมากโข โดยเฉพาะกับผู้ชายเหมือนกัน
‘อ่านะ ฉันก็พูดเกินไปหน่อย ยังไงเลือดตกยางออกนิดๆมันก็เซ็กซี่กว่าจริงๆ แต่ว่าพอรักใครสักคนเข้ามันก็ต้องมีความเป็นห่วงอยู่มั่งล่ะน่า ฉันยังมีเลือดมีเนื้ออยู่นะว้อย’ เอริกพูดไปก็ขำไป ยังไม่ยักรู้ว่าคนเป็นเพื่อนจะรู้ว่าตัวเองแอบซาดิสต์อยู่หน่อยๆ
“เออๆรู้แล้ว งั้นถ้าใจเต้นขึ้นมาเพราะใครก็หมายความว่าชอบคนๆนั้นใช่มั้ย” ฟ้าครามถามออกไปตรงๆเพราะในเมื่ออ้อมไปอ้อมมาก็ไม่ได้คำตอบทิ้งไว้นานเปอร์เช่จะกลับเข้ามาซะก่อน
‘ก็ประมาณนั้น แต่วิธีนี้ยังพิสูจน์อะไรได้ไม่มาก ทางที่ดีจับกดดูสิ ถ้ารู้สึกดีจนแทบบ้าล่ะก็ใช่เลย’ เอริกแนะนำ ริมฝีปากก็กลั้นหัวเราะไว้เต็มที่กลัวว่าที่ตัวเองพูดไปจะไม่น่านับถือ แต่ให้ตายเถอะเขาอยากจะรู้จริงๆว่าฟ้าครามจะไปทำยังไงต่อ เพราะวิธีนี้ถ้าอีกฝ่ายเล่นด้วยก็ดีไป แต่ถ้าไม่.....
ก็สนุกไปอีกแบบ
“จับกด จับผู้ชายกดเนี่ยนะ หึหึหึ จับกดยังไงวะ นึกสภาพไม่ออกว่ะ” ฟ้าครามตอบกลับพร้อมเสียงหัวเราะ
‘นายต้องล้อเล่นแน่ๆ ฉันไม่คิดเลยนะว่าไข่ในหินอย่างนายจะไร้เดียงสาได้ขนาดนี้ ถ้ายังไงฉันส่งพวกคู่มือหรือ
หนังสือพวกนี้ไปทางแอร์เมลล์ให้นายไปศึกษาเล่นๆดีมะ’
“ฉันพูดเล่น ไม่ต้องมาทำเนียนหลอกถามที่อยู่ปัจจุบันฉันเลย ฉันไม่เอาด้วยกับคำแนะนำนายหรอก เกิดถ้าวันหนึ่งฉันไปใจเต้นกับผู้ชายเข้าแล้วลองแล้วนอนด้วยขึ้นมา ถ้าฉันไม่ชอบก็นอนกับผู้ชายฟรีๆดิ บ้ารึเปล่า ที่สำคัญฉันจะวางสายแล้วนะใกล้เวลาที่นายจะแกะที่อยู่ฉันเจอแล้วนี่ ไม่เข้าใจจริงๆว่านายจะพยายามสอดรู้เรื่องชาวบ้านไปถึงขนาดไหน แค่นี้แล้วกัน ลาล่ะ” ฟ้าครามมองนาฬิกาข้อมือแล้วกดปิดโทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างไม่ไยดีว่าอีกฝ่ายจะมีเรื่องอะไรอีกหรือไม่ ซึ่งฟ้าครามทำจนเป็นปรกติอยู่แล้ว คนรู้จักของเขาทุกคนน่าจะทำใจได้นานแล้ว
จะมีก็แต่เอริกนี่แหล่ะที่ตามตอแยไม่เลิก ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตามแต่การแอบดูคนอื่นผ่านดาวเทียมก็ไม่ใช่พฤติกรรมที่ดีสักนิด เขายังโชคดีที่รู้ตัวและป้องกันแต่เพื่อนคนอื่นๆโดนแอบถ้ำมองกิจกรรมส่วนตัวอยู่นานพอดูกว่จะจับได้แน่นอนว่าเอริกก็ไม่ยอดหยุดเพียงแต่พยายามแอบดูคนที่เป็นเพื่อนให้น้อยลงแล้วไปแอบดูคนอื่นๆแทน
ส่วนนิสัยสัยซาดิสต์ ครั้งหนึ่งที่ฟ้าครามเคยเข้าโรงพยาบาลแล้วรู้ถึงหูอีกฝ่ายเข้า ผลที่ได้ก็คือดอกไม้เยี่ยมไข้หนึ่งหอบ และรอยยิ้มไม่หุบบนใบหน้าชั่วๆนั้นไปตลอดการใช่ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาล
โชคยังดีที่มันไม่ค่อยกล้ากับเขาเลยไม่ถูกรบกวนอะไร แต่พวกคนอื่นๆอย่างอาเรย์หรือว่าอเล็กซ์ที่มักจะโดนราวีประจำ เวลาที่มีแผลถ้าไม่โดนเอาแอลกอฮอล์ราด ก็หาเรื่องแกล้งให้หัวเราะจนกระเทือนแผล แต่ทว่าคนแบบนี้ก็ยังมีคนหน้ามืดหลงผิดมาคบเป็นแฟน หรือว่าเจ้าคนดวงซวยคนนั้นจะบอบบางจนเอริกไม่กล้าแกล้งกันแน่นะ
นอกจากจะหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ยังเพิ่มเรื่องน่าสงสัยขึ้นมาให้รกสมองอีก ฟ้าครามคิดอย่างเซ็งๆ จนกระทั่งเปอร์เช่เดินหอบหนังสือเข้ามากองในห้อง ฟ้าครามถึงได้ไล่ความคิดไร้สาระที่อยู่ในสมองออกไปแล้วเปลี่ยนเป็นจดจ่อกับการติวหนังสือให้เด็กหนุ่มจริงๆจังๆ
หลังจากเขี่ยวเข็ญกันอยู่นานไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง สมองน้อยๆของเปอร์เช่ก็มีการพัฒนาขึ้นอย่างน่าชมเชย
“ความจริงก็พอจะทำได้นี่น่า ฉันว่าที่คะแนนนายห่วยมาถึงตอนนี้มันเป็นเพราะนายไม่ตั้งใจเรียนมากกว่า” ฟ้าครามที่นั่งเท้าคางมองดูเปอร์เช่มองคำตอบที่เด็กหนุ่มเขียนลงในสมุด คำตอบส่วนมากก็ถูกหมด ส่วนตรงไหนที่ผิดเขาจะดึงออกมาสอนไปข้อๆไป
“ก็ตั้งใจนะ แต่ฮ่องเต้ชอบชวนเล่นในห้องอ่ะ แล้วอาจารย์ก็สอนน่าเบื่อด้วย ฉันก็เลยสนใจไอ้ที่มันน่าสนใจมากกว่า” เปอร์เช่แก้ตัว
“ระบบการศึกษาของไทยยังไม่ค่อยเหมือนเมืองที่อเมริกาสินะ ตอนฉันเรียนเด็กแต่ล่ะคนอายุไม่เท่ากันสักคน แถมยังเลื่อนชั้นไวด้วย เผลอแป๊บๆก็ไม่เหลือเพื่อนเรียนในห้องด้วยสักคน มีแต่อาจารย์แก่ๆมานั่งถกปัญหาด้วย” ฟ้าครามเล่าเรียบๆ นึกไปแล้วก็ขำที่ตัวเองยังอุตส่าห์เรียนจบมาได้ทั้งที่ไม่ได้เรียนอะไรจริงจังเท่าไหร่
“น่าอิจฉาเป็นบ้า แต่ฉันว่าเรียนแบบตอนนี้ก็มีข้อดีอยู่บ้างล่ะนะ อย่างน้อยฉันก็ได้เที่ยวได้เล่น เคร่งเกินไปก็ไม่รู้จักเข้าสังคมพอดี” เปอร์เช่คิดถึงข้อดีข้อนี้แล้วก็นึกถึงหน้าเพื่อนรักอย่างมะนาวและเปอร์เช่ขึ้นมา สิ่งที่วัยรุ่นคนนึงอย่างเขาอยากจะได้ที่สุดก็คือเพื่อนที่จริงใจแล้วก็ยอมรับซึ่งกันและกันเท่านั้น
มีเพื่อนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง มีเพื่อนชั่วเงาหัวจะไม่เหลือ
คำสอนที่ออกจะโอเว่อร์เกินไปของบิดา ยามยิ่งออกแอ็คชั่นความน่าเชื่อถือก็ยิ่งไม่มีเหลือ แต่มันก็คือความจริง มีเพื่อนดีๆสักคนคอยดึงเรา คอยตักเตือนเราเวลาทำความผิด มันก็เป็นสิ่งดีๆในชีวิตแล้ว กลับกันหากมีเพื่อนชั่วๆสักคน ก็คงจะดึงเราจนตกต่ำเพราะความอิจฉาหรือไม่อยากให้ใครได้ดีกว่ามีอะไรก็คอยทับถมแล้วอย่างนี้จะคบไปทำไม
ไม่ใช่ว่าคบเพื่อนแล้วต้องหาผลประโยชน์ คบแล้วต้องได้ดีเท่านั้นแต่เพื่อนต้องเข้าในกันและช่วยเหลือกันทำอะไรเหมือนๆกัน ยอมทำตามกัน แต่คนบางคนก็มักจะอ้างแบบนี้เวลาเขาหวังเอาแต่ประโยชน์จากเรา มันเป็นข้ออ้างที่ถูกเสกสรรมาเพื่อให้เราหลีกหนีไม่ได้ แต่ทว่าจะมีใครสักกี่คนที่จะมองผ่านคำพูดสวยหรูเข้าไปถึงเจตนาบ้าง
ถ้าหากเนื้อแท้นั้นคือความหวังดีถึงไม่หวานหูก็ยังหวานซ่านเข้าไปถึงหัวใจ
แต่กับคนบางคนที่เราทุ่มเทแทบตายกลับได้มาเป็นเพียงคำต่อว่าว่าเราไม่เข้าใจ ไม่เชื่อไม่ยอมทำตาม กับดักง่ายๆที่จะให้ทุกอย่างเป็นตามที่เขาต้องการ....
นั้นคือเพื่อนเหรอ
คนที่จะคบกับเรายามเฉพาะเมื่อมีทุกข์ คนที่จะคอยพูดถึงแต่ปัญหาของตัวเอง คนที่ต้องการแค่ให้คนอื่นทำตามตัวเอง ถ้าอย่างนั้นแล้วลองมองในมุมกลับว่าเราได้อะไรจากเขาบ้าง ถ้าเดือดร้อนแล้วค่อยเข้ามาหา เวลาดีๆไม่เคยเจอหน้า ยังจะเรียกว่าเพื่อได้มั้ย ไม่ใช่ว่าต้องการอะไรมากมาย แต่แค่เพียงเท่านี้ก็รู้ว่าอีกฝ่ายให้ความจริงใจกลับมาเท่าไหน
คนแบบนี้ถึงด้วยทุ่มเทให้ตายก็ได้กลับมาเพียงความว่างเปล่า
สู้มีเพื่อนน้อยๆแต่คบกันแบบจริงใจไม่ได้
ฟ้าครามที่นั่งฟังเปอร์เช่เล่าถึงสิ่งที่พ่อของเด็กหนุ่มมักจะพูดพล่ามยามเมาด้วยความสนใจ เขาเองก็เป็นคนนึงที่มีแต่เพื่อนดีๆแม้จะเพี้ยนๆกันไปบ้างก็ไม่เลวร้ายอะไร ลุงทรงศักดิ์คงเจอมามากถึงได้ฝั่งใจเอามาสอนลูกขนาดนี้
“แล้วก็นะ พ่อฉันยังบอกอีกว่า คนที่มักจะต่อว่า ว่าคนอื่นไม่เข้าใจตัวเองมักจะเป็นคนที่ไม่เข้าใจคนอื่นที่สุด เพราะคิดถึงแต่ตัวเองก็เลยไม่เข้าใจว่าคนอื่นเขาจะมีความรู้สึกอะไร มองแต่ด้านตัวเองด้านเดียว คนเห็นแก่ตัวแบบนี้ก็อย่าไปใส่ใจให้มากปวดหัวซะเปล่าๆ ลำพังแค่ความหวังดีของเราเจาะสมองเข้าไปไม่ได้หรอกต้องให้คิดเอง”
“แต่ว่าถ้าไม่คอยตักเตือนจะเรียกว่าเพื่อนได้รึไง ฉันไม่เข้าใจการคบหาที่ซับซ้อนแบบนั้นหรอก” ฟ้าครามไม่เข้าใจจริงเพราะการคบหาเพื่อนของเขาไม่สลับซับซ้อนอะไรเลยต่างคนต่างทำตามใจตัวเอง ต่างมีชีวิตเป็นของตัวเองก็ยังคบหากันมาได้
“ฉันก็เคยถามแบบนั้น แต่พ่อบอกว่ายิ่งสนใจมากก็ยิ่งหลงตัวเองปล่อยๆไปดีกว่าขืนทิ้งไว้จนเราทนไม่ได้ก็อาจจะสายไปแล้วที่เขาจะแก้นิสัยเดี๋ยวจะไม่มีใครเหลือบาปจะตกอยู่เรา” เปอร์เช่พยามนึกว่าคำพูดตัวเองยังตกอะไรไปบ้าง
“นั้นเป็นข้ออ้างให้ตัวเองเวลาที่จะเลิกคบใครใช่มั้ย พ่อนายนี่เจ้าเล่ห์นะ” ฟ้าครามตั้งข้อสังเกต
“ก็นะ คบเราแล้วเขาก็ยังทุกข์ ยิ่งคุยกับไปเขาก็ยิ่งมีปัญหา แต่เวลาที่อยู่กับคนอื่นเขาก็มีความสุขตลอด เป็นถังขยะเฉพาะกิจนี่นานไปมันก็รู้สึกแย่นะฉันว่า”
“ก็ไม่น่าแส่หาเรื่องนิ เมื่อก่อนยังทนเดี๋ยวนี้ก็ต้องทนได้เขาอาจจะคิดแบบนี้ก็ได้นะ” ฟ้าครามถามต่อ
“อันนี้ฉันก็ไม่รู้แฮะ ไม่เคยลองถามพ่อดูในแง่นี้เลยง่ะ” เด็กหนุ่มเอามือถูจมูกแก้เก้อเมื่อต่อประโยคไม่ได้
“ฮะ ฮะ เหมือนในหนังสือจิตวิทยาที่ฉันเคยอ่านเลย พ่อนายนี่ฉลาดน่าดู เป็นพวกไม่ชอบให้ใครบงการสินะ เพราะรู้ทันก็เลยทนไม่ได้” ฟ้าครามหัวเราะยิ่งถกกันไปก็ยิ่งเข้าไปสู่ตำราหนาๆเข้าไปทุกที
เพราะรู้ทันถึงได้รู้ว่าตัวเองแค่ถูกใช้ประโยชน์ไม่ว่าเจ้าตัวจะทำไปโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตามแต่ว่ามันเป็นการเมินเฉยต่อความรู้สึกของคนๆนึงไปแล้ว การที่เราจริงใจกับใครสักคนแล้วโดนทำลายความรู้สึกก็ไม่ต่างจากคนๆนั้นมาทุบแก้วจนแตกแล้วต่อให้มาทำดีด้วยทีหลัง โดยหวังจะให้แก้วกลับมาเหมือนเดิม ถึงจะกลับมาในรูปทรงเดิมได้รอยร้าวก็ไม่ได้หายไป
ถ้ามันยิ่งซ้ำซาก ก็ยิ่งยากต่อการประสานวันนึงที่ไม่สามารถต่อกันได้ติดเศษแก้วก็อาจจะทิ้มแทงกลับไปบ้างเป็นเรื่องธรรมดา เพราะงั้นถ้าให้เลือกจริงๆฟ้าครามก็เลือกแบบลุงทรงศักดิ์ เดินคนล่ะทางไปซะจะได้ไม่ต้องมาทำร้ายซึ่งกันและกัน ให้มันเหลือมิตรภาพไว้บ้างดีกว่าเป็นศัตรู
“ไม่นะ มีแต่พ่อฉันชมว่าเพื่อนเก่าที่ห่างกันไปคนนั้นฉลาด ฉลาดมากด้วย” เปอร์เช่รีบแย้ง เขาไม่เห็นว่าพ่อตัวเองจะฉลาดตรงไหนถ้าฉลาดจริงต้องพูดให้เพื่อนกลับตัวได้สิ
“นายนี่มันซื่อจริงๆนะ” ร่างสูงเอามือไปขยี้หัวยุ่งฟูๆของเด็กหนุ่มอย่างมันมือ
การแยกไม่ออกว่าพูดชมจริงๆหรือว่าประชดเพราะความโกรธก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของความอ่อนต่อโลกได้เหมือนกัน สมแล้วที่หมกตัวอยู่แต่ในไร่แล้วคบหาเพื่อนแค่สองคน
“อย่ามาเล่นหัวน่า ของสูงนะว้อย” เปอร์เช่เอามือปัดมือของอีกฝ่ายออกแบบเคืองๆ
“สูงเหรอแต่ฉันเห็นว่าเตี้ยมากเลยนะ นายแน่ใจจริงๆหรือว่าของสูง” ฟ้าครามจงใจกวนประสาท
“เหอะๆ กวนตีนนะนายเนี่ย เมื่อกี้ยังคุยกันดีๆอยู่เลย ไหงจู่ๆก็วกมาหาเรื่องกันซะงั้น”
“เอาน่า งั้นนายอยากรู้วิธีคบเพื่อนของแม่ฉันมะ” ฟ้าครามถาม
“แม่นายเหรอ ใช่ที่เป็นดีไซเนอร์สวยๆอ่ะป่าว อยากรู้สิอยากรู้” เปอร์เช่รีบตอบรับ
“นายรู้จักแม่ฉันด้วยเหรอ” ฟ้าครามสงสัย ถ้าอย่างนั้นก็ไม่น่าจะพลาดรู้จักเขาไปได้ ตกลงว่าขอบข่ายการรับรู้ของเจ้าคนตัวเล็กอยู่ตรงไหนกันแน่
“พ่อเคยเอารูปมาให้ดู อาพฤกษาเองก็เล่าให้ฟังบ้าง ฉันเห็นว่าสวยสุดยอดก็เลยแอบอ่านจากแผงหนังสือหน้าโรงเรียนมาบ้างแต่ก็แค่ผ่านๆล่ะนะ” เด็กหนุ่มออกอาการเพ้อ ส่วนฟ้าครามก็นึกอยากให้เปอร์เช่ได้เจอตัวจริงดูซิว่ายังจะออกอาการปลาบปลื้มได้ลงมั้ย
“แม่ฉันบอกว่าคบคนให้ดูแค่หน้าตาน่ะ”
“หา....”
“ก็แม่ฉันเป็นดีไซเนอร์ ไม่ดูหน้าแล้วจะเลือกคนเดินแบบยังไง”
“นั้นมันก็จริงล่ะนะ แต่เอ่อ... ไม่คบคนอื่นมั่งเหรอ”
“ก็มีเยอะนะ กับพ่อฉันก็ยังคบเป็นเพื่อนกันอยู่เห็นว่าหน้าตายิ่งอายุมากขึ้นยิ่งดูดี นานๆทีก็อยากได้มาเป็นไม้แขวนเสื้อน่ะ”
“แบบนั้นก็ไม่ไหวมั้งฉันว่า”
“แล้วพ่อนายมีวิธีพิสูจน์ความรักมั้ยล่ะ ฉันอยากฟังไอ้ที่มันปรกติบ้างเพราะกว่าแม่ฉันกว่าจะรู้ตัวว่าชอบพ่อฉันแบบเพื่อนรึแบบน้องชายฉันก็ปาเข้าไปหลายขวบ มีวิธีอะไรบ้างที่จะรู้ว่าอะไรคือความหลงอะไรคือความรักมั้ย” ฟ้าครามหลอกถามแบบเนียนๆ หลังจากสู้อุตส่าห์ปูเรื่องมาตั้งนานก็ได้เข้าเรื่องที่อยากรู้จนได้
“หา ความรักน่ะเหรอ พ่อฉันรักแม่แบบรักแรกพบว่ะ” เปอร์เช่นึกไปถึงความหวานเลื่ยนของผู้ปกครองแล้วก็ขยาดนอกจากสองสามีภรรยาจะรักกันปานจะกลืนกินแล้วบ้างครั้งยังจะเพื่อแผ่ความหวานมายังลูกๆที่แทบจะสำลักน้ำตาลตายถึงอย่างนั้นพอช่วงที่พี่ๆเริ่มเป็นสาวก็ยังจะพอมีแง่มุมในด้านอื่นๆมาให้ฟังอยู่บ้าง
ถ้าหากว่ารักใครแล้วมีความสุขนั้นถึงจะเรียกว่ารัก ส่วนรักใครแล้วมีแต่ทุกข์จะเรียกว่าหลง
“ไม่ใช่แบบนั้น ฉันหมายถึงจะรู้ตัวได้ไงว่ารักน่ะ ต้องชอบมากแค่ไหน ใจเต้นยังไงอะไรแบบนี้” ฟ้าครามหน้าด้านถามออกไปตรงๆ จ้องตาก็ซะขนาดนี้แล้วแต่เป้าหมายก็ไม่ยักกะสะกิดใจ
“ปกติฉันใจเต้นกับใครก็ถือว่าชอบแล้วล่ะ แต่จะเข้าขั้นรักหรือไม่ก็ต้องขอศึกษานิสัยใจคอล่ะนะ” เปอร์เช่รีบออกตัว คำถามที่ยิงเข้ามาไม่หยุดจี้ใจดำคนไร้คู่อย่างไรชอบกล
เขายังไม่เคยมีแฟนสักหน่อยเรื่องแบบนี้ พี่เช่จะไปเข้าใจลึกซึ้งได้ไงวะ
“งี้เองสินะ” ฟ้าครามพยักหน้าเข้าใจ ต้องใช่เวลาในการศึกษาอีกฝ่ายเพื่อจะได้รู้ว่ารักอีกฝ่ายแค่ไหน อาจจะสนใจในตอนแรกแต่พอเรียนรู้กันไปอาจจะไม่ใช่ก็ได้
“นายเองก็ยังไม่มีแฟนสินะถึงได้สนใจอะไรแบบนี้ สนใจแอบคุณหมอรึเปล่าเนี้ย คนบางคนยิ่งพอชอบใครยิ่งชอบแกล้งนายก็เป็นหนึ่งในนั้นสิท่า” เปอร์เช่พูดแบบรู้ทัน ทำเอาร่างสูงแอบเหงื่อตก ความประพฤติน่ะเหมือนจะใช่แต่เป้าหมายน่ะเดาผิดไปไกลลิบ
“โทษทีนะ คนๆนั้นไม่เฉียดสเป็คฉัน” ร่างสูงรีบปฏิเสธ
“แล้วแบบไหนล่ะสเป็คนาย” เปอร์เช่ถามต่อ
“หน้าขาวๆ ตาคมๆ โง่ๆบื้อๆล่ะมั้ง” ร่างสูงลองแกล้งหยอด
“โห หายากนะนั้นผู้หญิงสมัยนี้ฉลาดกันจะตาย อีกอย่างนะเดี๋ยวนี้ผู้หญิงน่ะมีสิทธิทางการศึกษาเท่ากับผู้ชายนะเฟ้ย ปากไม่ดีแบบนี้ระวังสาวจะไม่แล” เปอร์เช่ตัเตือน ฟ้าครามถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ คับปากอยากจะบอกแทบตายว่าหมายถึงใคร แต่คิดอีกทีไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวเสียเรื่อง
“เรื่องนั้นช่างมันเหอะ แล้วนายเคยได้ยินมั้ยว่าถ้าอยากรู่ว่าตัวเองชอบคนๆนั้นรึเปล่าให้ลองจับกดดู”
“แบบนั้นมันข่มขืนชัดๆ แต่ถ้าอีกฝ่ายยินยอมพร้อมใจมันก็ว่าไม่ได้ล่ะนะ ฉันเคยได้ยินพ่อกะไอ้มะนาวพูดเล่นขำๆเหมือนกัน แต่ฉันว่าวิธีพิสูจน์อะไรแบบนี้มันทะแม่งๆนะ”
“อืม....” งั้นก็น่าลองดูจริงๆ ฟ้าครามสรุปในใจ ทำเนียนๆไปแล้วค่อยหาทางจับกดดูก็ท่าทางจะไม่เลวนัก
“เอาล่ะฉันว่าเราไปกินข้าวดูทีวีกันดีกว่าเย็นแระ ป่านนี้ป้าแช่มตั้งโต๊ะรอแล้วมั้ง” เปอร์เช่ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ
“รอเดี๋ยวสิ นายลืมอะไรไปอย่างนะ” ฟ้าครามดึงแขนเด็กหนุ่มไว้หลวมๆ เมื่อร่างบางหันกลับมาด้วยความสงสัยก็ต้องปะทะกับใบหน้าคมคายที่เคลื่อนเข้ามาในระยะประชิดอีกครั้ง
รอบที่สามในช่วงสามวัน
ปลายลิ้นที่สวดแทรกเข้ามาภายในปากของเด็กหนุ่มอย่างชำนาญทำเอาเปอร์เช่แทบเข่าอ่อนแต่เพราะมีประสบการณ์มาแล้วบ้างถึงได้ฝืนใจเอาคืนแต่ก็ไม่เป็นผล เปอร์เช่พยามสูดลมหายใจเข้าอย่างยากลำบาก กว่าจะพอตั้งตัวได้เขาก็แทบจะขาดใจตาย
ถ้าเกิดเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอแล้วโง่กว่าเดิมขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ
ในเมื่อเอาคืนในเรื่องจูบกลับจนอีกฝ่ายเข่าอ่อนบ้างไม่ได้เปอร์เช่ก็เลยตัดสินใจโอบคอชายหนุ่มให้ตายใจแล้วจิกเล็บลงไปเป็นการตอบแทนแต่ผลที่ได้แทนที่อีกฝ่ายจะรามือกลับกลายเป็นจูบที่หนักหน่วงกว่าเดิม
เมื่อจิกเล็บไม่ได้ผลร่างบางก็เปลี่ยนเป็นทุบ
ทุบหนักๆเข้าก็กลายเป็นต่อย
.....แล้วก็เปลี่ยนเป็นจูบกลับแบบรุนแรงไม่แพ้กัน
ในตอนนี้สมองของเด็กหนุ่มโล่งไปหมด จะมีก็แต่เพียงความปรารถนาที่ถูกปลุกขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ร่างบางเบียดตัวไปใกล้ชายหนุ่มอย่างเผลอไผลก่อนจะรู้สึกตัวเพราะมีใครบางคนเขกหัวเขาเข้าแรงๆ
“ปากบอกว่าไม่แต่หื่นใช่เล่นเลยนะนายอ่ะ ถ้าไม่คิดจะต่อก็รีบลุกก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจนะ แต่คิดอีกทีนายยั่วขนาดนี้แล้วฉันปฏิเสธก็คงเสียมารยาท” ฟ้าครามหัวเราะในลำคอ สภาพที่ชวนให้ร่างบางมึนงงตอนนี้ก็คือมีร่างสูงนั่งสบายๆที่ขอบเตียงโดยมีตัวเองที่ขึ้นไปคล่อมอยู่บนตักของร่างสูง ในมือก็มีคอเสื้อของชายหนุ่มที่กระชากหลุดลุ่ยอยู่คามือแบบที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครกำลังจู่โจมใคร
“เฮ้ยยยยย ปล่อยฉันนะว้อย”
“ฉันยังไม่ได้จับอะไรนายเลย จะคล่อมกันอีกนานไหม เดี๋ยวอดใจไม่ไหวก็ปล้ำซะหรอก” คำพูดของฟ้าครามทำให้เด็กหนุ่มดีดตัวออกมาจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ใบหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย
“ฉันเป็นผู้ชายนะเฟ้ยพูดบ้าๆ อ๊าก ขยะแขยงเว้ย นายเป็นเกย์หรือไงวะ” เปอร์เช่รีบถอยร่นจนไปยืนติดกำแพงอย่างรวดเร็ว ด้วยความรู้สึกสยดสยอง
“ไม่ใช่เกย์ แต่ถ้านายลงทุนขนาดนี้จะยอมเป็นให้ก็ได้ ทีจริงฉันแค่กะจะสอนนายจูบสักหน่อยก่อนที่จะเลิกเรียนวันนี้ มันจะได้ครบหลักสูตรไปเลย แต่นายท่าทางจะอยากได้มากกว่านั้นนะ” ฟ้าความยิ้มกวนๆ
“ไม่เอา ขอบคุณมาก ทีหลังไม่ต้องนะ เมื่อกี้ฉันแค่เมาตำราเรียนไปหน่อย ขอตัวล่ะ” เปอร์เช่ลงมือถูปากตัวเองซ้ำๆต้องใจว่ากลับห้องไปจะไปแปรงฟันสักยี่สิบรอบเพื่อล้างบางความอัปยศ
“เดินกลับห้องดีๆล่ะ อย่าไปกระชากเสื้อผ้าใครอีกล่ะ อ้อวันนี้นายจูบใช้ได้ขึ้นหน่อยสมกับเป็นลูกศิษย์ฉันจริงๆวันนี้ก็พอแค่นี้ไว้ไปเจอกันอีกทีตอนกินข้าวเลยก็แล้วกัน” ฟ้าครามโบกมือไล่
“รู้แล้วน่ะ ไอ้บ้า” เปอร์เช่เดินออกจากห้องแบบหัวเสีย เด็กหนุ่มแทบอยากแทรกแผ่นดินหนีแต่ก็ทำไม่ได้ถึงได้ต้องบากหน้าเดินออกจากห้องอีกฝ่ายมาด้วยความอับอาย
วันนี้จะเป็นวันที่พี่เช่แปรงฟันนานที่สุดในชีวิตอีกวันหนึ่ง
“เกือบไปแล้ว....” ฟ้าครามถอนใจเฮือกใหญ่ เมื่อครู่เขาเกือบหยุดตัวเองไว้ไม่ได้เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความต้องการ แต่ว่าการฉวยโอกาสบังบังขืนใจอีกฝ่ายโดยไม่ได้ตั้งตัวก็ดูจะเลวเกินไป เขาไม่อยากเสียใจในภายหลังหากว่าเขารักเด็กหนุ่มเข้าจริงๆและการกระทำโดยไมยั้งคิดของเขามันจะเป็นการสร้างรอยร้าวในอนาคต
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นชายหรือหญิงเรื่องแบบนี้เขาก็อยากจะให้มันเป็นไปตามความต้องการของทั้งฝ่าย
ไม่สิ....
คิดอีกทีมันน่าเสียดายจนแทบบ้า
.....ไม่ เดี๋ยวสิ
เราก็แค่ไม่อยากลองนอนกับผู้ชายแบบไร้เหตุผล
“สับสนโว้ย...” ฟ้าครามสถบ
วันนี้มันวันซวยจริงๆ ไหนจะต้องไปจัดการตัวเองในห้องน้ำโดยคิดถึงใบหน้าผู้ชายที่ตัวเองปล่อยหลุดมือเองไปพราง สรรเสริญความโง่ของตัวเองไปพราง
จะพิสูจน์อะไรก็ไม่รีบพิสูจน์ปล่อยคาราคาซัง ชาตินี้คงจะคืบหน้าหรอกนะ
คิดแล้วฟ้าครามก็อยากกลับไปสู่โลกของเกมขึ้นมาตงิดๆ
ตอนนี้ไม่ว่าจะป็นแนว RPG รึแนวอะไรก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้น
ภาพไม่ต้องเป็นสามมิติก็ได้ มาริโอ้ก็ยังดี
สั่งเกมจากเนตมาเล่นให้มันจบๆไปจะดีกว่ามั้ยเนี่ย เกมจีบหนุ่มก็ไม่เลวเหมือนกัน....
...................................
ความคิดเห็น