ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 หรือว่าจะชอบ
ตอนที่ 2
หรือว่าจะชอบ
“จบจนได้....” ฟ้าครามจ้องเครื่องในมือด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ เกมส์ที่ใช้เวลาเป็นเดือนๆก็ผ่านไม่ได้แต่พอถึงเวลาก็ดันผ่านเอาง่ายๆโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
แล้วทีนี้จะเล่นอะไรล่ะ.............
ฟ้าครามถึงกับกุมขมับ แผ่นเกมส์อื่นๆก็ๆไม่ได้มีติดมาเลยสักกะแผ่น จะให้เล่นอันเก่าที่เล่นจบไปหมาดๆเนื้อหาและวิธีเล่นก็ยังลอยวนอยู่ในหัวเต็มไปหมด ต่อให้เอามาเล่นจริงๆก็แค่ทำซ้ำแบบเดิม....
แล้วจะเล่นไปเพื่อ!?!?
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำลายความเงียบ ก่อนอีกฝ่ายจะพูดอะไรฟ้าครามก็รู้แล้วว่าผู้มาเป็นใคร
“เข้ามาได้เลยครับ ป้าแช่ม” ฟ้าครามปิดเครื่องเกมส์ในมืออย่างระเหี่ย
“คุณฟ้า นั่งถอนใจอะไรอยู่คะ ไปทานข้าวเถอะค่ะ สายมากแล้ว” ป้าแช่มทักเสียงแจ่มใสเรียกชวนชายหนุ่มให้ลงไปกินอะไรสักที ของโปรดของฟ้าครามเธอก็เตรียมเอาไว้หลายอย่าง
“ครับ...” ฟ้าครามวางเครื่องเกมส์ทิ้งไว้บนเตียง ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายไปแบบว่าง่าย
“คุณฟ้ารู้รึยังคะ ว่าคุณเช่เค้าสอบได้คะแนนเกือบเต็มวิชาที่คุณฟ้าสอนไปเมื่อวันก่อนน่ะค่ะ” แม่บ้านสูงวัยเล่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นึกขบขันที่เด็กหนุ่มวิ่งอวดไปทั่ว
ฟ้าครามส่ายหน้านิดๆอย่างแปลกใจที่ผู้ที่ถูกกล่าวถึงหัวดีกว่าที่คิดเอาไว้ รึอาจจะเป็นเพราะคำสบประมาทที่เขามอบให้กันแน่เจ้าเด็กปากมอมคนนั้นถึงได้ทำได้ขนาดนี้
“เพราะอย่างนั้นวันนี้ คุณทรงศักดิ์เลยมาที่นี่พร้อมคุณเปอร์เช่น่ะค่ะ”
“...หา” ฟ้าครามอ้าปากค้าง มาทำอะไรกันแต่เช้าเนี่ย
“ไม่ต้องทำหน้าอย่างงั้นเลยค่ะคุณฟ้า จะเที่ยงอยู่แล้วนะคะ ป้าเลยชวนคุณๆทานข้าวเที่ยงไปพร้อมๆกับข้าวเช้าคุณฟ้าเลย” ป้าแช่มเดินนำร่างสูงไปที่ห้องรับประทานอาหาร ที่ซึ่งพฤกษา ทรงศักดิ์และเด็กหนุ่มนามว่าปอร์เช่นั่งรออยู่ก่อนแล้วและท่าทางจะรอกันมาพักใหญ่ที่เดียว
“อรุณสวัสดิ์ครับ เอ่อ ขอโทษที่ลงมาช้า” ฟ้าครามเอ่ย เมื่อเขามองไปที่เด็กหนุ่ม เขาก็เป็นเปอร์เช่ขยับปากให้เขาอ่านออกเป็นคำว่า ‘ตัวขี้เกียจ นอนกินบ้านกินเมือง’
ไม่ได้เจอกันหลายวัน ยังน่าทุบไม่เปลี่ยน....ฟ้าครามส่งสายตาอำมหิตให้แต่ก็ต้องหยุดซะก่อนเพราะโดนพ่อตัวเองเรียก
“นั่งลงเร็ว ลูกฟ้า พ่อดีลุงทรงศักดิ์เขาแวะมาทานข้าวกันเราแล้วก็จะมาคุยธุระกับลูกด้วย” พฤกษาลงมือตักกับข้าวใส่จานให้ลูกชายทันทีก่อนที่ชายหนุ่มจะนั่งลงกับเก้าอี้ด้วยซ้ำ
“ธุระหรอครับ” ฟ้าครามแปลกใจที่ลุงทรงศักดิ์จะมีธุระอะไรกับเขาได้แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายตบบ่าลูกชายตัวเองเบาๆเขาก็พอจะเดาได้ ยิ่งโดยเฉพาะสีหน้าเหมือนกลืนยาขมของเด็กหนุ่ม
“ลุงว่าจะฝากฝั่งให้เจ้าเช่มาเรียนพิเศษกับฟ้าครามน่ะ” คนเป็นพ่อยิ้มแฉ่งส่วนคนเป็นลูกทำหน้าเหมือนอาลัยโลก
“สอนน้องหน่อยได้มั้ยฟ้า” พฤกษายิ้ม สีหน้าคาดหวังในตัวฟ้าครามจนชายหนุ่มปฏิเสธไม่ออกจนได้แต่พยักหน้ารับคำ เล่นมัดมือชกกันขนาดนี้แล้วจะให้เขาพูดอะไรได้
“เปอร์เช่เขาจะสอบเข้ามหาลัยปีนี้ แต่หัวมันไม่ดีเหมือนพี่ๆ ลุงเองก็ยังเป็นห่วงอยู่ ได้หลานมาช่วยลุงก็โล่งใจไปได้เยอะเลย ถ้าเจ้านี่มันดื้อล่ะก็ฟ้องลุงได้เลยนะฟ้าคราม” เปอร์เช่ที่พยามปั้นหน้าเป็นเด็กดีหน้าหงิกทันทีที่ได้ยินคำพูดผู้เป็นพ่อที่ไม่ต่างอะไรกับการส่งลูกชายตัวเองไปให้คนอื่นรังแก
“ผมให้พี่ซีนกับพี่เฟสอนไม่ได้หรอครับ จะได้ไม่ต้องรบกวนลูกของอาพฤกษา ผมเกรงใจน่ะครับ” เปอร์เช่พยามหาทางรอดสุดชีวิต ให้พวกพี่ๆสุดโหดสอน ยังดีกว่าต้องมาเสียศักดิ์ศรีให้ไอ้เสาไฟฟ้าบ้านี่
“พี่ๆเขาไม่มีเวลา แค่ตอนนี้กลับมาแค่เดือนสองเดือนครั้งก็แย่แล้ว” ทรงศักดิ์ส่ายหน้าให้กับความคิดเอาตัวรอดบ้าๆบอๆของเด็กหนุ่มที่เอาอะไรที่เป็นไปไม่ได้มาอ้าง
“จะว่าไปผมก็ยังไม่เห็นหน้าลีมูซีนกับเฟอร์รารี่แล้วก็คุณทิพย์เลย ไปไหนกันหมดครับ” พฤกษาตั้งของสงสัย มีอีกชื่อหนึ่งโพล่ขึ้นมาทำให้ฟ้าครามนึกสงสัยแต่ประโยคถัดมาของทรงศักดิ์ที่ทำให้เขารู้ว่าคุณทิพย์ที่ว่ามาเป็นใคร
“ทิพย์ไปเยี่ยมยัยซีนกับยัยเฟที่เรียนอยู่มหาลัยในกรุงเทพฯน่ะ คิดว่าอีกสองสามวันก็คงกลับมาแล้วช่วงนี้ก็เลยต้องให้เจ้าเช่ดูแลน้องไปก่อน เพราะเจ้าตัวเล็กสองคนของผมติดเจ้าเช่มันมาก แม่จะเอาตัวไปด้วยก็ไม่ยอม” ทรงศักดิ์นึกไปถึงสีหน้าลำบากใจของภรรยาตัวเองก็ขำที่พยามเท่าไหร่ก็ลากเจ้าเด็กแฝดไปด้วยไม่ได้
“น่าเสียดายจังพี่ทรงศักดิ์ ผมคงอยู่จนถึงคุณทิพย์กลับมาให้ทักทายไม่ได้เพราะพรุ่งนี้ผมต้องบินไปเมืองนอกเรื่องงานพอดี ยังกังวลอยู่เลยที่จะปล่อยฟ้าไว้ที่นี่ ถ้ายังไงผมฝากลูกฟ้าไว้ให้พี่ช่วยดูแลได้มั้ยครับ ให้เปอร์เช่เป็นเพื่อนคุยเพื่อนเล่นด้วยก็ดีจะได้ไม่เหงา”
ฟ้าครามที่เพิ่งรู้ตัวว่าพ่อตัวเองจะออกไปในตัวเมืองก็นึกอยากจะฝากซื้อเกมส์ที่มีอะไรจะเล่นอยู่พอดีก็ต้องชะงักกับประโยคถัดมาที่เต็มไปด้วยความหวังดีของคนเป็นพ่อ ถึงอยู่คนเดียวชายหนุ่มก็ไม่เหงาหรอก แต่ถ้าเอาไอ้ตัวปากมอมนี่มาอยู่เป็นเพื่อนเขาอาจเป็นโรคประสาทไปก็ได้ใครจะรู้
เปอร์เช่เองก็คิดไม่ต่างกันนัก แค่เรื่องต้องให้ร่างสูงติวหนังสือให้ก็อยากจะหนีไปให้พ้นๆแล้ว ถ้าต้องมาชวนคุยชวนไปเล่นพร้อมปั้นหน้ายิ้มแย้มแค่คิดก็สะอิดสะเอียนแล้ว ไม่มีทาง ไม่เอาด้วยเด็ดขาด ถ้าจะต้องเอาเวลาว่างมาทำอะไรแบบนี้ยอมไปช่วยงานในไร่ยังดีกว่า
เมื่อเห็นเจ้าลูกชายตัวดีทำหน้าผวาทรงศักดิ์ก็อดนึกสนุกอยากกลั้นแกล้งลูกชายตัวเองขึ้นมาตงิด ยิ่งสายตาวิงวอนน่ารังแกนั้นถูกส่งมาให้ไม่ขาดสายก็ทำเอาคนเป็นพ่อมันเขี้ยวขึ้นมา
“เอางี้มั้ยพฤกษา ให้เจ้าเช่มาค้างอยู่ที่นี่ด้วยเป็นไง ผมจะได้ถือโอกาสนี้พาทิพย์ไปเที่ยวแถบอันดามันสักหน่อย ไม่ได้ไปฮันนีมูนกันนานแล้วด้วยแล้วจะได้ให้มินิ กับ อัลฟ่าไปด้วยเผื่อจะเลิกติดพี่ ให้แม่น้อยใจสักที ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายเลยเป็นไง”
“โอ้ เยี่ยมเลยครับพี่ทรงศักดิ์ถ้าได้ยังงี้ผมก็วางใจ มีอะไรก็จะได้ให้เปอร์เช่เขาคุยด้วยหน่อย เพราะป้าแช่มกับลุงชมก็แก่แล้วไม่ค่อยเข้าใจวัยรุ่นหรอก”
“แหม ป้ายังไม่แก่เสียหน่อย” ป้าแช่มค้อนให้ผู้เป็นนายได้หัวเราะ
“ใช่ๆ ป้าแช่มยังรุ่นๆอยู่เลย ถึงจะรุ่นลายครามก็เถอะ” ทรงทรงศักดิ์ร่วมวงหยอกคนสูงอายุด้วย
“ปากเสียไม่เปลี่ยนตั้งแต่สมัยเด็ก รู้มั้ยคะว่าคุณทรงศักดิ์เมื่อสมัยเด็กน่ะเป็นยังไง...” ป้าแช่มตั้งท่าจะเล่าแต่ทว่าทรงศักดิ์รีบทัดทานเอาไว้ก่อนส่วนพฤกษาที่รู้ว่าถ้าปล่อยให้เล่าจริงๆคนต่อไปที่จะโดนเผาคงเป็นเขาแน่เพราะทรงศักดิ์คงไม่ยอมเสียหน้าคนเดียวจึงได้รีบร้องห้ามด้วย
“โธ่ ป้าแช่ม ผมล้อเล่นน่า ผมจะให้เจ้าเช่เก็บกระเป๋ามาพรุ่งนี้เลย ยังไงฝากป้าดูแลลูกผมด้วยนะ” ทรงศักดิ์พยามเปลี่ยนเรื่องโดยการยัดเยียดลูกชายให้อีกฝ่ายดูแลเพื่อเบี่ยงประเด็น
“อะไรนะพ่อ พรุ่งนี้ให้ผมเก็บกระเป๋าทำไมอ่ะ” เด็กหนุ่มประท้วงเขายังไม่ได้เอ่ยปากตกลงเลยสักกะแอะเดียว
“ฉันตัดสินใจแล้วว่าพรุ่งนี้จะตามแม่แกเข้ากรุงเทพฯแล้วจองตั๋วไปเที่ยวอันดามันต่อเลย ส่วนแกก็เก็บเสื้อผ้ามานอนนี่แล้วกัน ฉันจะเอามินิกับอัลฟ่าไปด้วย ปล่อยบ้านให้แม่บ้านดูแลไปก็พอ แต่แกจะเข้าไปดูบ้างก็ไม่ว่ากันแต่เวลานอนก็มานอนที่นี่ซะนะ” ทรงศักดิ์ออกคำสั่งกับลูกชายที่คล้ายจะสติหลุดในทันทีที่ได้ยินครบประโยค
“ผะ..ผมไปอันดามันด้วยได้มั้ยอ่า”
“ไม่ได้แกต้องเตรียมสอบ ถ้าขืนยังพูดมากอีกล่ะก็ฉันจะฟ้องแม่แกว่าเมื่อสองอาทิตย์ก่อนแกโดดเรียนไปขี่มอร์เตอร์ไซด์เล่นกับไอ้เต้แล้วก็ไอ้มะนาวเพื่อนแก” เมื่อคำขู่หลุดออกมาทำให้เปอร์เช่ถึงกับหน้าซีด
“นี่พ่อรู้ด้วยหรอ”
“รู้สิวะ เรื่องของแกพ่อรู้หมด ขนาดเรื่องที่แกจีบดาวโรงเรียนแล้วกินแห้วกลับมาฉันยังรู้เลย เอาเป็นว่าถ้าไม่อยากให้แม่แกรู้เรื่องก็ว่าง่ายๆไม่งั้นค่าขนมไม่มีเหลือแน่” ทรงศักดิ์หัวเราะกับการแข็งทื่อของเด็กหนุ่ม เขาเองก็เป็นพ่อที่ใส่ใจลูกพอสมควร แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ปล่อยให้เป็นอิสระ อะไรทำไม่รู้ไม่ชี้ไปบ้างแล้วไม่เสียหายเขาก็ไม่ว่าอะไรเพราะมันเป็นธรรมดาของคนหนุ่มแต่ไม่นึกว่าจะเอามาใช้ประโยชน์ได้แบบนี้
“ลงตัวแล้วสินะ งั้นต้องรบกวนเปอร์เช่หน่อยนะกว่าอาจะกลับก็เดือนหน้าโน้น ไว้อาจะเอาของฝากมาเยอะๆเลย” พฤกษาเอ่ยด้วยความรื่นเริง
“อะไรกันรอบนี้กลับมาเร็วจัง ทุกทีเห็นครึ่งปีเป็นอย่างต่ำแท้ๆ นี่ฉันกะว่าจะฮันนีมูนสักสามเดือนนะเนี้ย ถ้ายังไงกลับมาก่อนแล้วฉันยังไม่กลับมาก็ฝากเจ้าเช่เอาไว้ก่อนแล้วกัน แล้วทางนี้ก็จะเอาของฝากมาให้ด้วย”
“ตกลงครับพี่ทรงศักดิ์”
“เอ่อ เดี๋ยวนะครับ สามเดือนเลยหรอครับพ่อออออ!!!!” แค่คิดเปอร์เช่ก็ตาเหลือกแล้ว
“ใช่สิ แกสอบเสร็จปิดเทอมพอดีไม่ใช่รึไง กว่าจะเปิดเทอมสองก็ราวๆนั้นพอดี แกจะได้ไม่ต้องไปเที่ยวเหลวไหลไง ดีออกที่มีคนติวให้ฟรีๆแบบนี้”
“แต่ว่ารบกวนลูกอาพฤกษาเขานะพ่อ” เปอร์ดช่รีบแย้ง
“ไม่หรอกเปอร์เช่ อาก็อยากให้ฟ้าเขาเล่นเกมส์ให้มันน้อยลงพอดี เอาเวลาไปสอนเราน่ะดีแล้ว มีประโยชน์กว่ากันเยอะเลยว่างั้นมั้ยฟ้า” ชายหนุ่มที่โดนพ่อตัวเองสะกิดก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ อยากเถียงใจจะขาดว่าเอาอะไรมาวัดการใช้เวลาอย่างมีประโยชน์ของแต่ละคนกัน เพราะสำหรับเขาการเอาเวลาว่างที่แสนจะมีค่ามาละลายให้เจ้าเด็กปากมอมนี่สู้เอาเวลาไปนอนกลิ้งเล่นยังจะคุ้มค่าสำหรับตัวเขาเองมากกว่า
“มากินข้าวกันต่อดีกว่า อย่ามัวแต่คุยเลยเดี๋ยวก็ไม่ได้ไปดูงานในไร่กันพอดี ต้องรีบกลับมาเตรียมตัว ว่ามั้ยพฤกษา” ทรงศักดิ์ตักกับข้าวให้เปอร์เช่ที่วิญญาณหลุดลอยเป็นการปลอบประโลมเด็กหนุ่มโชคร้ายที่ดันเกิดมาน่าแกล้ง ไม่เฉพาะทรงศักดิ์ที่ชอบแกล้งลูกชายคนนี้ แต่เปอร์เช่เป็นคนโปรดของทุกคนในบ้านเลยทีเดียวจะมีก็แต่อัลฟ่าเท่านั้นที่โตขึ้นมาจะต้องน่าแกล้งไม่แพ้พี่ชายอย่างแน่นอน
“ได้ครับพี่ทรงศักดิ์”
“ป้าขอตัวไปจัดห้องเตรียมให้คุณเปอร์เช่ก่อนนะคะ จะได้มาได้ทุกเวลาเลย” ป้าแช่มเมื่อได้ข้อสรุปทั้งหมดแล้วก็ต้องคิดไปว่าจะเตรียมห้องไหนไว้ให้เด็กหนุ่มดีถึงจะถูกใจ ไม่ให้เสียชื่อมาถึงพฤกษาได้ว่ารับรองแขกได้ไม่ดี
“เอาล่ะ อิ่มกันหมดแล้วงั้นเราเข้าไปในไร่กันเถอะครับพี่ทรงศักดิ์” พฤกษาลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วยืดตัวน้อยๆไล่ความขี้เกียจไปจากร่างกาย
“ผมขอไปด้วยนะอา อยากไปเที่ยวในไร่บ้างไม่ได้ไปนานแล้ว” เปอร์เช่รีบลุกขึ้นตาม เพราะถ้าเขาเดาไม่ผิดพ่อของเขาคงกะจะเอาเขาทิ้งไว้ที่นี่แน่ๆ เพราะถึงเขาจะปิดเทอมมาตั้งแต่เมื่อวานแต่มินิกับอัลฟ่าน้องรักของเขาต้องไปโรงเรียนอนุบาลวันนี้อีกวันเป็นวันสุดท้ายก่อนได้ปิดเทอมยาว ทำให้เขาไม่มีข้ออ้างที่จะต้องรีบกลับบ้านเพราะทางเดียวที่จะเอาตัวรอดก่อนจะตกนรกไปอีกนานก็คืออ้อนอาพฤกษาไปด้วยเท่านั้น
“ได้สิ ปกติเห็นพี่ทรงศักดิ์เล่าว่าเราน่ะไม่ค่อยอยากจะไปแท้ๆทำไม่วันนี้ถึงได้อยากไปนัก”
“เปลี่ยนบรรยากาศน่ะครับอา” เปอร์เช่ฉีกยิ้มเมื่อได้รับคำอนุญาต
“ฟ้าครามล่ะจะไปมั้ย เดี๋ยวลุงจะพาเข้าไปส่วนที่เป็นที่ปลูกองุ่นกับแวะเข้าไปที่เลี้ยงม้าของพ่อเราด้วย” ทรงศักดิ์มีหรือจะไม่รู้ทันลูกชายจึงเอ่ยปากชวนฟ้าครามไปด้วย ซึ่งสำหรับผู้ใหญ่ถ้าพูดอะไร ชายหนุ่มก็มักจะไม่ปฏิเสธ นี่เป็นสิ่งที่ทรงศักดิ์สังเกตได้ในเวลาไม่นานถึงขนาดคนเป็นพ่อมันจะไม่รู้ตัวก็เถอะ
พฤกษาที่แปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นฟ้าครามยินยอมตามไปง่ายๆก็ไม่ว่าอะไร การที่ได้พาลูกชายไปอวดไร่ที่เกิดขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงตัวเองก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่สุดแล้ว ได้สูดอากาศสดชื่นๆ ดูวิวสวยๆไม่แน่ว่าลูกของเขาอาจจะชอบที่นี่จนถึงขั้นอยากมาตั้งรกรากก็เป็นได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นได้จริงเอริเซ่จะคลั่งขึ้นมารึเปล่าค่อยมาว่ากันอีกที
.........................
“ไม่น่าเลย....ไม่น่าเลยจริงๆ” เปอร์เช่งึมงำในลำคอด้วยสีหน้าแสนจะโศกเศร้า
ฟ้าครามอยากจะถามเหลือเกินว่าที่เด็กหนุ่มพึมพำนั้นหมายถึงอะไรแต่พอมองสภาพตัวเองที่ต้องมานั่งข้างๆเด็กหนุ่มที่เบาะด้านหลังแล้วก็อดที่จะเข้าอกเข้าใจไม่ได้ พยามหนีเขาให้ไกลด้วยทุกวิถีทางแท้ๆแต่กลับไปไม่รอดซ้ำร้ายยังซวยหนักกว่าเก่าถ้านั่งรออยู่ที่บ้านกับเขาก็ยังพอเดินไปไหนมาไหนได้บ้างแต่นี่กลับต้องมานั่งเบียดอยู่ด้วยกัน
“เฮอะ ทำตัวเองแท้ๆ” ฟ้าครามเลือกจะเบือนหน้าไปยังภาพเบื้องนอกกระจกรถ พยามไม่ใส่ใจเด็กหนุ่มที่ตัวเองเริ่มจะสงสารนิดๆ
แต่ไหนแต่ไรฟ้าครามไม่ค่อยจะใส่ใจกับความรู้สึกคนอื่นเท่าไหร่ ไม่สิพยามจะไม่คิดไม่ใส่ต่างหากเพราะสิ่งที่จะได้จากอีกฝ่ายมักจะมีแต่สิ่งที่น่ารังเกียจเป็นส่วนมากเสียจนไม่อยากจะรับรู้ แต่กับเจ้าเด็กที่คิดอะไรอยู่ออกทางสีหน้าหมดคนนี้แล้วชายหนุ่มก็บอกไม่ถูกว่าไอ้ความรู้สึกแปลกๆนี้มันคืออะไร
แต่ก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจ....
ชายหนุ่มอดหงุดหงิดตัวเองไม่ได้ที่หวนไปคิดเรื่องเดิมซ้ำอีกทีจริงหมู่นี้เขามักจะคิดถึงเรื่องเจ้าเด็กปากเสียข้างตัวคนนี้อยู่บ่อยครั้งทีเดียว คงจะเป็นเพราะเจ้าเด็กนี่มันแปลกรึไม่ก็....
ดูโง่ดีล่ะมั้ง
“นายยิ้มอะไรของนายฟ่ะ ไอ้เสาไฟฟ้า” เปอร์เช่ไม่สบอารมณ์นักทีแรกก็เมินหน้าหนีต่อมาก็แอบมาแล้วอมยิ้ม หน้าเขาก็ไม่ได้มีอะไรติดสักหน่อยเพราะงั้นสิ่งที่เขากำลังโดนอยู่คือไอ้ที่เขาว่ากันว่า ‘มองหน้าหาเรื่องสินะ’
“ตลกหน้าโง่ๆของนายน่ะ” ฟ้าครามพูดเสียงเรียบทำเอาคนโดนตอกหน้าตรงๆถึงกับอึ้ง
“หน้าฉันโง่ตรงไหนว่ะ มีแต่คนชมว่าพี่เช่คนนี้ทั้งหล่อ ทั้งฉลาด มาดแมน” เด็กหนุ่มพยามยกเอาคำชมหวานหูที่ได้ยินมาทั้งชีวิตมาเถียงทันที ยิ่งโดยเฉพาะคำว่าเตี้ย และโง่ ที่ชายหนุ่มสบประมาทมานั้นเขาไม่เคยได้ยินให้ระคายหูมาก่อนด้วยซ้ำ
ถ้าให้พูดกันในแง่ความเป็นจริงส่วนสูงของเปอร์เช่ก็ไม่ได้เลวร้าย เขาสูงเป็นอันดับต้นๆในห้อง เพียงแต่เตี้ยกว่าฟ้าครามไปยี่สิบกว่าเซ็นต์เท่านั้น หน้าตารึก็ดีถึงจะไม่เท่าอีกฝ่ายก็เถอะ ความฉลาดรึก็มีแต่คนชื่นชมแค่รู้ไม่เท่าชายหนุ่มก็แค่นั้น ไม่ได้ด้อยกว่าอะไรแม้แต่นิดเดียวจริงๆนะ
ถ้าฟ้าครามอ่านความคิดของเปอร์เช่ในตอนนี้ที่ทำหน้าหยิ่งพยองใส่เขาได้ล่ะก็ชายหนุ่มคงขำจนลงไปกลิ้งกับพื้นเป็นแน่ แต่ในเมื่ออ่านใจไม่ได้ฟ้าครามก็เลยได้แค่ขมวดคิ้วน้อยๆด้วยความสงสัยกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาอยู่คนเดียวของเด็กหนุ่มที่เหมือนจะเข้าสู่พวังไปเรียบร้อย
“เฮ้ สติยังอยู่รึเปล่าน่ะ” ฟ้าครามเคาะหัวเรียกอีกฝ่ายเบาๆ ถ้าแรงเกินไปอาจจะยิ่งโง่กว่าเดิม
“เลิกเคาะหัวฉันสักทีเหอะน่า อ๊ะ ถึงแล้วนี่ แปลงองุ่นอยู่นั้นไง” เปอร์เช่ชี้ให้เห็นสิ่งที่อยู่ไกลๆให้ชายหนุ่มดูระหว่างที่รถได้เคลื่อนเข้าไปใกล้จุดมุ่งหมายเข้าไปทุกทีและแล้วไร่องุ่นสุดลูกหูลูกตาก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าฟ้าคราม
“เอ้าเป็นไง ทึ่งมั้ยล่ะเด็กๆ” ทรงศักดิ์หันมาหัวเราะในลำคอแล้วพูดอย่างอวด
“สุดยอดไปเลยครับพ่อ นี่ไร่เราขยายไปขนาดนี้แล้วหรอครับเนี่ย” เปอร์เช่ตื่นเต้นเสียจนคนเป็นพ่อนึกขายหน้า ขายหน้าที่ลูกชายตัวเองไม่เคยเห็นไรของพ่อตัวเองทั้งที่อยู่มาตลอดทั้งชีวิต
อับอายเขามั้ยนี่ลูกตู ยังมีหน้ามาทำระรื้นใส่อีก
“สวยมากเลยนะครับ แล้วมีองุ่นสำหรับทำเหล้าด้วยรึเปล่าครับเนี้ยไร่กว้างขนาดนี้” ฟ้าครามยิ้มนิดๆ พยามให้ทรงศักดิ์ไม่รู้สึกเสียหน้า
“อืม รู้เรื่ององุ่นทำเหล้าด้วยหรอ คนส่วนมากจะไม่รู้นะว่ามันเป็นคนล่ะประเภทกับองุ่นที่ใช่กิน อันที่จะเอามาทำไวน์หรือเหล้าได้น่ะรสมันฝาดจนกินไม่ลงเลยล่ะ” ทรงศักดิ์แย้มยิ้มทันทีเมื่อได้รับคำชมแบบเปิดเผย เขาทอดสายตามองไปยังแปลงองุ่นที่เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจไม่น้อยอย่างภาคภูมิใจ
“แล้วรู้ไหมว่าชื่อไวน์องุ่นแบบมาตรฐานเมืองนอกน่ะจะมาจากชื่อของพื้นที่ปลูก พันธุ์ที่ใช้ และต้องได้รับคำอนุญาตรับรองด้วยถึงจะตั้งชื่อได้” พฤกษาตั้งคำถามพร้อมส่งยิ้มน้อยๆให้ลูกชาย
“ก็พอจะทราบมาบ้างครับ แล้วที่นี่เป็นยังไงบ้างครับประสบความสำเร็จรึเปล่า” ตอนนี้ฟ้าครามรู้แล้วว่าพ่อเขากับลุงทรงศักดิ์ร่วมมือกันลงทุนอะไร และจากสีหน้าที่หดหู่ลงไปในพริบตานั้นฟ้าครามก็เดาคำตอบได้ไม่ยาก
“มันกลายพันธุ์ไปบ้างเพราะอากาศบ้านเราน่ะ บางพันธุ์ที่ทนสภาพอากาศได้ก็โตได้ไม่ดีเพราะสภาพดินบ้าง ตอนนี้ก็ถือว่าอยู่ในช่วงทดลองละนะ” ทรงศักดิ์พูดอย่างไม่ย่อท้อทำให้พ่อเขาดูมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง
“แต่คอกม้าประสบความสำเร็จนะ มีคนมาติดต่อขอซื้ออยู่เรื่อย มีลูกม้าเท่าไหร่ก็ไม่พอเลย” พฤกษารีบอวด
“ม้าของอาพฤกษาน่ะมีแต่ตัวแจ๋มๆทั้งนั้น โดยเฉพาะเจ้าวายุตัวโปรดของอาน่ะสุดยอดไปเลย” เปอร์เช่นึกถึงเจ้าม้าสีดำที่เพิ่งจะมีโอกาศยลโฉมในระยะใกล้เมื่อไม่นานมานี้ด้วยอาการเพ้อ
“งั้นก็เอามาลองขี่ดูมั้ยล่ะ ระหว่างที่อาไม่อยู่เดี๋ยวอาจะบอกลุงชมไว้ให้”
“เอ๋ ได้จริงหรอครับ” เปอร์เช่อดยินดีไม่ได้เพราะม้าตัวนั้นน้อยคนนักที่จะมีวาสนาได้ขี่มัน
“ได้สิ ความจริงเจ้าวายุน่ะ อาตั้งใจจะยกให้ฟ้าครามเขา ก็เลยดูแลมันเป็นพิเศษ ยังไงเปอร์เช่ก็ช่วยสอนวิธีดูแลกับขี่ม้าให้ฟ้าเขาแทนอาทีนะ เพราะอามัวแต่ยุ่งกับงานเลยไม่มีโอกาสได้สอนสักที” พฤกษาฝากฝั่งแต่คราวนี้เปอร์กลับรู้สึกยินดีมากกว่าที่จะได้ขี่ม้าตัวที่ใฝ่ฝันมานาน ภาระเรื่องฟ้าครามเลยดูกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไป
“ปล่อยเด็กๆไปเดินเที่ยวเถอะ อย่ามัวแต่ชวนคุยอยู่เลย เจ้าเวทย์มันหน้าทำหน้าถมึงทึงรออยู่โน้นแล้ว” ทรงศักดิ์เอานิ้วโป้งชี้ไปทางด้านหลังตัวเองเผยให้เห็นชายอายุอานามใกล้เคียงกันกับตัวเองแต่เต็มไปด้วยมัดกล้ามและผิวสีแทนยืนกอดอกส่งสายตาอาฆาตมาดร้ายมาให้
“เพื่อนสนิทพ่อกับลุงทรงศักดิ์อีกคนน่ะเป็นคนดูแลองุ่นพิเศษพวกนี้อย่างใกล้ชิด แต่ออกจะจริงจังแล้วก็ดุดันไปหน่อย ถ้ายังไงไว้พ่อกับลุงทรงศักดิ์จะรีบไปดูงานก่อน เสร็จงานเมื่อไหร่พ่อจะพาไปสวัสดีนะฟ้า” พฤกษาอธิบายลูกชายก่อนจะรีบจ้ำอ้าวพร้อมทรงศักดิ์ไปทางท้ายไร่ทันที
ทิ้งไว้เพียงฟ้าครามกับเปอร์เช่ที่จ้องหน้ากันเพียงลำพัง
“ไปเดินเล่นกันมั้ยอ่ะ” เด็กหนุ่มเกาหัวเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยชวน
“อืม...ก็ได้” ฟ้าครามตกปากรับคำอย่างเสียไม่ได้เพราะถึงไม่ไปเขาก็ไม่รู้ว่าจะไปไหนอยู่ดี
“ฉันจำได้ว่าแถวๆนี้มีน้ำตก นายจะไปมั้ย” เมื่อเห็นร่างสูงเดินตามมาอย่างเงียบงันเปอร์เช่ที่คิดไม่ตกว่าจะเปลี่ยนบรรยากาศอันอึมครึ้มนี้ยังไงดีก็นึกขึ้นมาได้ว่าสมัยเมื่อสองสามปีก่อนพ่อของเขาเคยพาไปเล่นน้ำตกที่อยู่ไม่ไกลนักนอกจากแถวนั้นจะเย็นสบายแล้วยังสวยงามมากอีกด้วยจึงชวนขึ้นมาอีกครั้ง
“ก็เอาสิ ว่าแต่นายนี่แปลกคนนะในเมื่อเหม็นขี้หน้าฉันจะไปไหนก็ไม่เห็นชวนก็ได้”
“นี่หลอกด่ากันว่าโง่อีกรึเปล่าเนี้ย นายอยากยืนรออยู่อย่างงั้นรึไงถึงได้ถามมาแบบนี้ คนอุตส่ามีน้ำใจนะเฟ้ยไอ้เสาไฟฟ้า” เปอร์เช่ตอกกลับด้วยความหวาดระแวง ตั้งแต่เจอหน้าคนๆนี้มาเขาโดนด่าว่าโง่เกินร้อยครั้งไปแล้วแน่ๆ
“ก็ไม่ได้จะว่าอะไร ว่าแต่อีกไกลมั้ยฉันเริ่มเหนื่อยแล้ว มาถูกทางรึเปล่า”
“ข้างหน้านั่นไง จากตรงนี้ไปเดินระวังๆหน่อยนะมันลื่น เดี๋ยวจะหาว่าพี่เช่ไม่เตือน”
“อืม รู้แล้ว” ฟ้าครามค่อยๆเดินตามหลังเด็กหนุ่มไปอย่างระมัดระวัง เป็นเปอร์เช่ซะอีกที่ดูจะยากลำบากในการเดินเดี๋ยวจมโคลนบ้าง เดี๋ยวก็สะดุดบ้าง จนชายหนุ่มอยากจะร้องเตือนอีกฝ่ายด้วยประโยคที่ได้รับมา
“ถึงแล้ว สวยใช่มั้ย” ใบหน้าขาวๆที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อหันมายิ้มแฉ่งให้ฟ้าคราม ภาพเบื้องหลังเด็กหนุ่มคือตาน้ำขนาดเล็กที่ไหลลงมาจากภูเขาสูง และค่อยๆกลายลงมาเป็นทางน้ำขนาดย่อมแต่พอให้คนจำนวนหลายสิบคนลงไปเล่นได้สบายๆ
“ก็ไม่เลว แถวนี้คงไม่มีปลิงหรอกนะ” ฟ้าครามยักไหล่พยามทำเป็นไม่สนใจนัก
น้ำตาที่เป็นฉากเบื้องหลังสวยงามมากอยู่ก็จริงแต่สิ่งที่ทำให้ร่างสูงตะลึงลานได้กลับเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อครู่ต่างหากและชายหนุ่มกำลังพยามไล่ไอ้ภาพบ้าๆนั้นออกไปจากสมองสุดชีวิต
“แถวนี้ไม่น่าจะมีนะ ต้องลึกเข้าไปอีกจนถึงแถบที่ชื้นมากๆโน้นถึงจะมี เพราะงั้นวางใจได้” เปอร์เช่รับรองตีความหมายสีหน้าพิกลๆของชายหนุ่มผิดไปว่าคงจะกลัวปลิง
“แถวนี้เย็นดีนะ” ฟ้าครามเบือนหน้าหนีไปมองบรรยากาศที่ร่มรื่นแทนการสบตาเด็กหนุ่ม ถึงเขาจะบ้าเกมส์จากญี่ปุ่นแต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมามีอาการประหลาดที่ไม่กล้าสบตาคู่สนทนาตรงๆของคนญี่ปุ่นกับเจ้าเด็กตรงหน้า
“ถึงได้พามาไง นายไม่ชอบอากาศร้อนไม่ใช่รึไง” เปอร์เช่อดจะยืดกับความทรงจำตัวเองไม่ได้ถ้าเป็นเรื่องของคนที่ไม่ชอบหน้าเขาจะจำได้แม่นทีเดียวเผื่อว่าจะใช่เป็นจุดอ่อนอะไรได้ แต่เมื่อได้รับข้อเสนอที่แสนจะดีเลิศของอาพฤกษาที่เขาจะได้มีสิทธิ์ได้ขี่เจ้าวายุเด็กหนุ่มก็เลื่อนขั้นฟ้าครามเป็นแขกวีไอพีทันที
“ก็นะ” ฟ้าครามรับคำสั้นๆแล้วทรุดนั่งลงกับก้อนหินใหญ่
“ฉันจะเล่นน้ำนายจะเล่นรึเปล่าล่ะ”
“ไม่ดีกว่า ไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน”
“พับขากางเกงก็พอน่า เล่นตื้นๆแค่น่องก็พอ โดนน้ำนิดหน่อยเดี๋ยวก็แห้ง” เปอร์เช่แนะ แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มไม่เอาด้วยเขาก็จัดการพับขากางเกงตัวเองขึ้นมาแล้วเดินลุยน้ำโชว์
“เฮ้ย ทางนั้นน้ำลึกนะ ขึ้นมาเหอะ” ฟ้าครามตะโกนเตือนหลังจากทนหวาดเสียวมาพักใหญ่
ปากก็พูดว่าตื้นๆ แต่เจ้าคนตัวเล็กกว่ากลับติดลมแทบจะลงน้ำไปทั้งตัวอยู่แล้ว ฟ้าครามที่เห็นท่าไม่ดีก็เลยจำใจต้องลุกขึ้นมาวนเวียนอยู่ด้านขอบๆ
“ทำกลัวไปได้ฉันว่ายน้ำเป็นนะเฟ้ย”
“เดี๋ยวเป็นตะคริวขึ้นมาทำไง น้ำมันเย็นแถมฝนก็ทำท่าจะตก ขึ้นมาแล้วเดินกลับกันเถอะ” ร่างสูงมองนาฬิกา ป่านนี้พวกพ่อๆคงเสร็จงานกันแล้ว ท้องฟ้าก็เมฆสีดำเต็มท้องฟ้าไปหมด มองดูคล้ายกับว่าหยาดฝนจะกระหน่ำมาได้ทุกเวลา
“บ่นเป็นลุงแก่ไปได้ คิดว่าพี่เช่คนนี้หน้าโง่รึไง” ร่างบางยียวน
“คิดสิ เพราะงั้นก็ขึ้นมาได้แล้ว” คำตอบจริงจังของร่างสูงทำเอาเด็กหนุ่มชะงักกึกหันกลับมากระพริบตาปริบงุนงงกับคำตอบ ไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังถูกเห็นด้วยเป็นครั้งแรก รึถูกด่าว่าหน้าโง่กันแน่
“รึว่านายจะว่ายน้ำไม่เป็น” ริมฝีปากบางของคนช่างคิดคลี่ยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์ ทำเอาคนตัวสูงถึงกับอยากลงน้ำตามไปตบหัวคนสบประมาทให้รู้แล้วรู้รอดไป
“งี่เง่าน่า ถ้านายไม่กลับฉันกลับล่ะ นายอยากจะเห่าหอนอยู่ตรงนี้อีกนานแค่ไหนก็เชิญ” ฟ้าครามหันหลังกลับกะทิ้งเด็กหนุ่มเอาไว้ปากหมาเพียงลำพัง
“นี่ ว่ายน้ำไม่เป็นจริงๆหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า” เปอร์เช่ขำก๊ากอยู่คนเดียวพักใหญ่แต่เมื่อเห็นว่าร่างสูงได้ทิ้งตัวเองไว้จริงๆเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็จำใจขึ้นจากน้ำ ที่จริงเด็กหนุ่มก็เห็นว่าควรจะรีบกลับได้แล้ว แต่โดนเร่งมากๆเข้าก็นึกหมั่นไส้แกล้งถ่วงเวลาให้อีกฝ่ายโมโหเล่น
เปอร์เช่นึกแล้วก็ขำ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยั่วโมโหได้ง่าย ท่าทางที่ว่านอนสอนง่ายต่อหน้าผู้ใหญ่นั้น เปอร์เช่อยากจะกระชากมันออกมาให้บรรดาพ่อๆรู้เหลือเกินว่าไอ้ท่าทีสงบเสงี่ยมของชายหนุ่มเป็นของจอมปลอมทั้งนั้นกับสิ่งที่แสดงให้เขาดูทั้งขี้โมโห ทั้งอวดดี ไหนจะความหลงตัวเองที่ดูท่าจะกู้ไม่กลับ คนแบบนี้มีอะไรน่าคบหากัน
“เอ้า รีบขึ้นมาสิ” เสียงสั้นห้วนพร้อมมือที่ถูกส่งมาอยู่เบื้องหน้ามำให้เปอร์เช่แปลกใจเล็กน้อย
“นึกว่าไปแล้วซะอีก...” เด็กหนุ่มยิ้มออกมาอีกเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้
“นายกลับไม่ถูกสิท่า ไอ้เสาไฟฟ้า”
“กลับน่ะกลับถูก แค่ไม่อยากตอบคำถามว่าไอ้เตี้ยอย่างนายหายไปไหนก็เท่านั้น” คำตอบเยาะๆของชายหนุ่มทำเอาเด็กหนุ่มอยากถอดรองเท้าแตะขึ้นมาตบปากให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
“ไอ้...”
ฟุ่บ!
“นี่เสื้อนาย ใส่ซะแล้วกลับเหอะ” ฟ้าครามโยนเสื้อของเด็กหนุ่มที่ถอดไว้ให้เด็กหนุ่มแล้วยืนกอดอกรอระหว่างที่เปอร์เช่สวมเสื้ออย่างรวดเร็ว โดยพยามสะกดอาการคันปากอยากด่าคนไว้ด้วยความยากเย็น
“อ๊ะ เย็น” เมื่อโผล่หน้าขึ้นมาจากเสื้อยืดได้ น้ำฝนหยดแรกก็ตกกระทบหน้าผากเด็กหนุ่มเข้าจังๆ ฝนตกลงมาจนได้ เปอร์เช่ลอบมองสีหน้าสีหน้าชายหนุ่มแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ใบหน้าที่มีรอยยิ้มบางๆน่ากลัวซะยิ่งกว่ามาทำหน้าโหดใส่ด้วยซ้ำไป แต่ก็ทำใจดีสู้เสือโดยการทำไม่รู้ไม่ชี้เดินนำหน้าอีกฝ่ายไป
“แน่ใจนะว่าถูกทาง” ฟ้าครามกระตุกคอเสื้อเด็กหนุ่มเอาไว้พร้อมขมวดคิ้วน้อยๆ
“จะบ้ารึไงนี่ในไร่บ้านตัวเองนะเว้ย ดูถูกพี่เช่คนนี้เกินไปแล้ว ไอ้เสาไฟฟ้า” เปอร์เช่กัดฟันกรอดแล้วสะบัดตัวหนีจากเงื้อมมือชายหนุ่มด้วยความไม่พอใจ
“ก็แค่ถามให้แน่ใจ เห็นนายไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่”
“หุบปากแล้วเดินตามมาน่า ถ้าอยากจะกลับน่ะ” เปอร์เช่รับก้าวนำหน้าชายหนุ่มไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว นึกอยากประทับรอยรองเท้าไว้ที่หน้าชายหนุ่มเสียจนแทบทนไม่ได้
นั้นลูกเพื่อน ลูกเพื่อนพ่อ ท่องเอาไว้สิ เปอร์เช่ ท่องไว้
แน่นอนว่าถ้าเป็นพวกนักเลงปากดีที่โรงเรียน เปอร์เช่คงแตะอีกฝ่ายปากแตกไปเรียบร้อยแล้ว ต่อให้เป็นแก๊งรีดไถ่รึเพื่อสนิทถ้าลองมาเหยียดหยามเขาได้ขนาดชายหนุ่มล่ะก็ ถ้าไม่นอนหยอดน้ำข้าวต้มก็ไม่ต้องมาเรียกเขาว่าพี่เช่
แต่เพราะคู่อริดันเป็นลูกเพื่อนพ่อ แค่ตัวอาพฤกษาที่แสนจะใจดีน่ะเปอร์เช่ไม่มีทางกลัว แต่ที่กลัวจริงๆก็คือพ่อตัวเองยามโกรธเกรี้ยว ถ้าเป็นเรื่องทั่วๆไปทรงศักดิ์พ่อของเด็กหนุ่มก็ค่อนข้างจะตามใจลูกชายทีเดียว อยากได้อะไรก็ให้ แต่ถ้าทำอะไรที่เป็นการไม่รักษาหน้าผู้เป็นพ่อขึ้นมาล่ะก็ เรื่องทุกเรื่องของเขาจะต้องเข้าหูแม่เป็นแน่ ซึ่งการโดนตัดค่าขนมมันยังไม่เท่าไหร่แต่วีรกรรมน่าอับอายของตัวเองที่ถูกเอาไปประจานนี่สิที่เขากลัว
เปอร์เช่ยิ่งนึกก็ยิ่งระเหี่ยใจ ซ้ำยิ่งเดิน ฝนก็ยิ่งตกหนัก ยิ่งนานไปก็ยิ่งมืดเข้าไปทุกที รู้อย่างนี้น่าจะรีบกลับแต่ว่าจะมานึกเสียใจเอาตอนนี้ก็คงช้าไปแล้ว
“มือถือไม่มีสัญญาณ แล้วของนายล่ะ” เสียงทุ้มๆเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบงัน
“ไม่ได้เอามา” เปอร์เช่กล่าวเสียงเรียบ
“เฮ้อ แล้วจากการนำทางอันยอดเยี่ยมของนายเราจะถึงได้รึยังครับพี่เช่” ฟ้าครามลากเสียงประชด เห็นอยู่ชัดๆว่าตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังพาเขาหลงทาง เขาชอบอากาศเย็นก็จริง แต่ไม่ใช่กับเวลาที่ต้องมาเดินลุยฝนที่ตกอย่างกับพายุแน่ๆ
“เท่าที่จำได้มันอีกไม่ไกลแล้วน่า อ๊ะ” จู่ๆพืนที่เหยียบอยู่ก็หายไปทำเอาเด็กหนุ่มลื่นไถลลงมาพร้อมกับหลับตาปี๋นึกึงพ่อแก้วแม่แก้วพร้อมกับสวดมนต์
แต่ทว่าเมื่อลงถึงพื้นเขากลับไม่รู้สึกความเจ็บปวดที่ควรมีเลยแม้แต่น้อย
“จะนั่งเอ๋ออีกนานมั้ย ลุกขึ้นไปสักทีสิ” เสียงทุ้มๆดังมาจากด้านล่าง เมื่อเด็กหนุ่มก้มลงไปมองก็พบว่าเข้านั่งทับเจ้าของเสียงเข้าไปเต็มๆ
“ง่า นายไปทำอะไรอยู่ตรงนั้นอ่ะ”
“ชมวิวมั้ง” ฟ้าครามประชด เมื่อเปอร์เช่ลนลานลุกออกจากบนตัวชายหนุ่มด้วยความอับอาย ไม่ต้องมีคำอธิบายก็รู้ว่าเมื่อครู่เขาถูกชายหนุ่มคว้าเอาไว้และคอยกันการกระแทกตลอดการตกลงมา
“ไม่ได้กะจะช่วยหรอก แค่โดนนายลากลงมาด้วย” ร่างสูงรีบออกตัว เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีแปลกใจ
“ก็รู้อยู่หรอกน่า ยังไงก็ต้องขอบคุณอยู่ดี แล้วนี่เราจะปีนขึ้นไปยังไงล่ะ สูงขนาดนี้ ปืนจะไหวรึเปล่าก็ไม่รู้” เปอร์เช่เงยหน้าขึ้นมาไปที่จุดที่ตกลงมาด้วยความลำบากใจ
“ไม่ไหว แต่ตรงนี้มือมีสัญญาณ” ฟ้าครามพูดขณะที่กดโทรศัพท์ออกไปเรียบร้อยแล้ว
“แล้วนายบอกทางคนให้มารับถูกรึไง”
“เอ่อ...มือถือฉันมีระบบจีพีเอส...” คำพูดเรียบๆของชายหนุ่มทำเอาเปอร์เช่ถึงกับอึ้ง
“ไอ้เสาไฟฟ้า มีจีพีเอสแล้วไม่เอามาใช้แต่แรกวะ” เด็กหนุ่มโวยทันที่เมื่ออีกฝ่ายวางสายลง
“จำได้ว่าบอกนายไปนะ ว่าไม่มีสัญญาณจนถึงเมื่อกี้...” ฟ้าครามมองหน้าเปอร์เช่ที่นิ่งเงียบลงไปอีกรอบแล้วนึกตลกอยู่ในใจ
“ละ แล้วใครจะมารับเราล่ะ” เปอร์เช่ถามหลังจากที่นิ่งไปนานเอ่ยขึ้น แต่ก่อนจะได้คำตอบเสียงเรียกของพ่อตัวเองและคนอื่นๆอีกหลายคนก็ตะโกนแทรกมาเสียก่อน
“คุณเปอร์เช่ คุณฟ้า เจอแล้วครับอยู่ทางนี้” ผู้ที่ถือไฟฉายส่องลงมาเบื้องล่างตะโกนอย่างดีใจ ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นลุงชมนั้นเอง
“ไอ้เช่ ไอ้ลูกเวร หลงทางในไร่บ้านตัวเองรู้ถึงไหนอายถึงที่นั้น” เสียงคำรามจากทรงศักดิ์ทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับหดหัวด้วยความกลัว แต่เมื่อคนเป็นพ่อไต่เชือกลงมารับถึงที่เด็กหนุ่มก็อดที่จะดีใจไม่ได้
“แล้วฟ้าเป็นไงมั่งลูก” พฤกษาที่ตามลงมาติดๆรีบเอ่ยถามลูกชายตัวเองที่ยืดตัวขึ้นแล้วปัดฝุ่นออกจากตัว ท่าทางเดินดูติดขัดบ้างแต่ก็ถือว่าปลอดภัยดีก็ทำเอาคนเป็นพ่อโล่งใจ
“ก็พอไหวครับ รีบกลับกันดีกว่าไม่งั้นเดี๋ยวจะต้องเลื่อนกำหนดเวลาเดินทางไปสนามบิน” ฟ้าครามเตือน
“เลื่อนไปก่อนก็ได้ พ่อแจ้งไปก็พอแล้ว”
“ไม่ดีมั้งครับ อีกอย่างนี่ก็อีกนานกว่าจะเช้ากลับไปเตรียมตัวตอนนี้ก็ทัน” เมื่อได้ฟังคำยืนยันของลูกตัวเองพฤกษาก็พยักหน้าหงิกๆรับคำอย่างเสียไม่ได้
“แต่พ่อเลิกไปเที่ยวเหอะ ไม่งั้นก็เปลี่ยนใจเอาผมไปด้วย” เปอร์เช่รีบพูดโน้มน้าวพ่อตัวเองบ้างแต่ผลที่ได้รับกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง ซ้ำยังโดนเขกหัวเอาด้วย
“สร้างเรื่องยังไม่พอ นี่ยังคิดจะขัดขวางการฮันนีมูนฉันอีก ไอ้ลูกเวร” ทรงศักดิ์คำรามลั่นทำเอาคนเป็นลูกกลัวหัวหดอีกรอบ บางทีการทนอยู่กับไอ้เสาไฟฟ้า อาจจะดีกว่าทนติดอยู่กับพ่อที่กำลังคลั่งก็เป็นได้
....เวรกรรมอะไรของตูเนี้ย เปอร์เช่แอบร้องตะโกนในใจ
โลกนี้มันช่างไม่มีความยุติธรรม
เปอร์เช่ท่องคำว่า ‘ไม่ยุติธรรม’ อยู่ในใจไม่เว้นแม้กระทั่งตอนลากกระเป๋าเสื้อผ้าลงมาจากรถพ่อตัวเอง แล้วมองอาพฤกษาลากกระเป๋าขึ้นรถไปแทนเพื่อติดรถไปสนามบินด้วยอย่างหดหู่ แม้แต่มินิกับอัลฟ่าที่ยิ้มแฉ่งโบกไม้โบกมือมาให้ก็ยังดูน่าโมโหอย่างประหลาด
“ไว้จะเอาของฝากมาให้นะ ตั้งใจเตรียมสอบล่ะ” ทรงศักดิ์ตบบ่าลูกชายด้วยรอยยิ้มแล้วขึ้นรถปิดประตู เสียงเครื่องยนต์ที่ห่างออกไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเงียบลงไปในที่สุดเหลือไว้เพียงแต่คนหนุ่มสองยืนนิ่งเงียบอยู่ที่หน้าประตูบ้านสีขาวหลังใหญ่ที่ดูวังเวงขึ้นมาทันที
“ป้าแช่มล่ะ” เปอร์เช่ตั้งคำถาม
“ไปตลาด” ฟ้าครามตอบเสียงเรียบ
“ลุงชมล่ะ” เด็กหนุ่มมองไปรอบๆอย่างค้นหา
“ล้างคอกม้าเล็กอยู่โน้น” ร่างสูงชี้ไปทางซ้ายมือของบ้าน
“ห้องฉันล่ะ” เปอร์เช่ถามอย่างยอมแพ้
“ยังไม่ได้เตรียมเลย เตรียมไม่ทัน” ฟ้าครามเสยผมด้วยสีหน้าเรียบสนิท
ไม่ทันเพราะเมื่อวานมัวแต่วุ่นวายกันอยู่เพราะตามหาเด็กหลงทางสองคนและคนพาหลงทางก็ไม่ใช่ใครนอกจากตัวเปอร์เช่นั้นเอง ซึ่งเด็กหนุ่มก็พอจะรู้ตัว
“ช่วยยกกระเป๋าหน่อยสิ” เด็กหนุ่มเรียกร้อง
“ก่อนจะใช้ฉันยกกระเป๋าให้มาดูขาให้ฉันก่อนดีกว่าเจ็บเป็นบ้า” ฟ้าครามนั่งลงพับขากางเกงให้เด็กหนุ่มดูข้อเท้าที่ทั้งบวมทั้งแดงของตัวเอง
“อย่าบอกนะว่าได้มาเมื่อคืน” เปอร์เช่มองร่างสูงพยักหน้ารับอย่างงุนงง
“อือ ปวดจนนอนไม่หลับ จะหักมั้ยเนี้ย” ท่าทางสบายๆนั้นช่างดูขัดกับคำพูดไปไกล แต่ดูจากอาการบวมนั้นแล้วเปอร์เช่ก็เชื่อว่าอีกฝ่ายคงจะปวดจริงๆ
“นายไปนั่งข้างในก่อนเลย ฉันจะหาน้ำแข็งประคบให้”
ฟ้าครามเดินนำเปอร์เช่เข้าไปในบ้านแล้วมองตามเด็กหนุ่มค่อยๆลากกระเป๋าตามขึ้นมาแบบทุลักทุเล
“น้ำแข็งอยู่ในตู้ ข้างในครัวตรงโน้น” ชายหนุ่มชี้ทางให้เปอร์เช่ที่ออกอาการหงุดหงิดเพราะโดนออกคำสั่ง เมื่อกลับมาพร้อมน้ำแข็งเด็กหนุ่มก็โป๊ะลงบนขาของชายหนุ่มด้วยความหมั่นไส้
“มันเจ็บนะ” ฟ้าครามทำหน้านิ่ง แต่เหงื่อตกนิดๆ
“โทรตามหมอมาดูดีกว่ามั้ย โคตรสวยเลยนะเออ ฉันยังเคยจีบมาก่อนเลย” เปอร์เช่แค่นึกไปถึงหน้าคุณหมอสาวที่ด้วยเองแอบปลื้มก็อดจะเคลิ้มไม่ได้ ทำเอาฟ้าครามได้แต่นึกถอนใจ
ผู้หญิงที่สวยมักจะถูกเปรียบเป็นดอกกุหลาบที่งดงาม แต่ว่าถ้าต้องเห็นมาทั้งชีวิต มีรายล้อมอยู่รอบตัวจนกลายเป็นของธรรมดา มิหน่ำซ้ำยังเต็มไปด้วยหนามแหลมคม ร่างสูงก็เลยไม่พิศวาสอะไรนัก ยิ่งต้องอยู่ใกล้ก็ยิ่งต้องเห็นความเน่าแฟะที่ซ่อนอยู่ภายในที่เต็มไปด้วยความอิจฉาและชิงดีชิงเด่น
ดอกหญ้าธรรมดาอย่างเจ้าเด็กตรงหน้านี่ยังดีซะกว่า.....
เฮ้ยยย ชายหนุ่มร้องในใจพรางขยี้หัวตัวเอง
บ้าไปแล้ว..... ฟ้าคราม
คิดยังไงถึงได้เอาไอ้เด็กปากมอมนี่ไปเปรียบเทียบกับดอกไม้ ตอนตกลงมาหัวก็ไม่ได้กระแทกนี่นา รึว่าเราจะมีไข้ แต่ว่า อ๊ะ ไม่ ไม่สิ ดอกหญ้า.....อาจจะหมายถึงไม่มีพิษไม่มีภัย ดูธรรมดาๆก็ได้ ชายหนุ่มพยามปลอบใจตัวเอง
รึว่าเพราะธรรมดา ถึงได้สะดุดตา.....
พอคิดถึงตรงนี้ฟ้าครามก็อยากจะวิ่งเอาหัวไปโขกกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด ไอ้ความคิดบ้าๆพวกนี้มันหลุดมาจากเซลล์สมองส่วนไหนของเขากันแน่ ยิ่งพอจ้องหน้าอีกฝ่ายชัดๆก็ดันใจเต้นขึ้นมาซะอีก
ม่ายยยยยยยย ตูจะกลับอเมริกาแล้วววววว
“ลุกลี้ลุกลนอะไรของนายวะ บอกก่อนนะว่าอย่ามาแย่งจีบคุณหมอกับฉัน”
“นายนี่จีบชาวบ้านเขาไปทั่ว ถามจริงเหอะเคยจีบใครติดมั่งรึเปล่า พ่อนายเล่าว่าก่อนหน้านี้ก็อกหักมาจากดาวโรงเรียนมาหมาดๆ”
“ฉันแค่ไม่อยากให้สาวๆที่หลงรักฉันอีกหลายคนหรอกเฟ้ย ถึงยังไม่มีแฟน เอ๊ะ เสียงรถคุณหมอน่าจะมาแล้วล่ะ ฉันลงไปรับก่อนนะ” เปอร์เช่รีบฉวยโอกาสในการหนีทันที ไม่รู้ว่าถ้าอยู่ต่อจะโดนอีกฝ่ายทักอะไรขึ้นมาให้หน้าแตกรึเปล่า พ่อนะพ่อจะแสดงความเห็นใจที่ลูกชายอกหักติดๆกันก็ไมมีแล้วยังเอาไปเผาได้ลงคอ
ฟ้าครามมองตามไล่หลังเด็กหนุ่มที่หนีเอาตัวรอดไปอย่างว่องไว เผลอยิ้มด้วยความพอใจนิดๆที่อีกฝ่ายยังไม่มีเจ้าของ ถึงยังไม่แน่ใจว่าตัวเองแอบพอใจเพราะอะไรเท่าไหร่ก็ตาม
ประตูรถยนต์คันหรูถูกเปิดออกเจ้าของร่างเพรียวระหงก้าวลงมาจากรถในชุดกราวด์สีขาวส่งยิ้มหวานเชื่อมให้เปอร์เช่อย่างคุ้นเคย เรียกความหงุดหงิดให้กับร่างสูงทันทีเมื่อเจ้าคนที่ตัวเตี้ยกว่าผู้หญิงคนนั้นฉีกยิ้มกว้าง ทำหน้าโง่ๆเหมือนน้ำลายจะยืดเดินนำเจ้าหล่อนตรงมาทางเขาด้วยท่าทางเหมือนหมาเดินนำเจ้าของ
“สวัสดีค่ะคุณฟ้าคราม ดิฉันชื่อเภตราเป็นหมอประจำบ้านคุณกับบ้านคุณเช่ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” หญิงสาวยื่นมือออกไปให้ชายหนุ่ม คิดว่าจะจับมือทักทายเพราะเห็นว่าเป็นลูกครึ่งที่มาจากต่างประเทศ แต่ชายหนุ่มหน้าตาดีตรงหน้าเธอกลับขยับตัวหนีด้วยท่าทางที่เหมือนรังเกียจ
“ไอ้เสาไฟฟ้าทักทายคุณหมอหน่อยสิวะ กลัวผู้หญิงรึไงอ่ะ รึว่าเกิดฟังภาษาไทยไม่ออกขึ้นมา”
“ขอโทษที คือกลิ่นน้ำหอมมันแรงไปหน่อยน่ะ เอาเป็นว่ายินดีที่ได้รู้จักครับ แต่ถอยไปยืนไกลๆหน่อยก็ดี”
“อะ ไอ้ตัวไร้มารยาท คุณหมออย่าไปสนใจเลยครับ ถึงกลิ่นมันจะฉุนแต่ดมไปนานๆมันก็มึนๆดีนะครับ”
“สรุปว่ามันแรงไปใช่มั้ยค่ะคุณเช่” คุณหมอสาวยิ้มแห้งๆ เธอเป็นคนชอบน้ำหอมมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ก็เลยหามาสะสมแล้วก็ใช้เล่นอยู่เรื่อยๆเพราะคิดว่าไม่เป็นไร แต่มีคนเคยทักมาเหมือนกันว่าจมูกเธอคงมีปัญหา
“ผมไปเอาน้ำให้คุณหมอดีกว่า คุณหมอช่วยดูข้อเท้าให้ไอ้คนปากเสียตรงนั้นทีนะครับ บวมน่าดูเลย”
“โอเคค่ะ” หญิงสาวยิ้มด้วยท่าทางน่ารัก เธอเดินตรงไปนั่งจ้องข้อเท้าช้ำๆของชายหนุ่มอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลองจับขึ้นมาบิดดูแบบไม่สนใจเสียงร้องห้ามของฟ้าคราม
“เบามือหน่อยได้มั้ย เจ็บ” หรือว่านี่จะเป็นการล้างแค้นที่โดนเขาว่าเอาเรื่องน้ำหอม
“เช็คให้ละเอียดน่ะค่ะ แต่คิดว่าไม่ได้หักรึว่าร้าวตรงไหนหรอกค่ะ น่าจะแค่พลิก”
“อ้าว แค่พลิกเหรอครับคุณหมอ ยังงี้ทายาก็หายแล้วจิ” เปอร์เช่วางน้ำบนโต๊ะ แล้วหันมามองอย่างสนใจ
“ทายาก็หายแต่ว่าก็ต้องพันผ้าเอาไว้แล้วก็ห้ามเดินไปเดินมาสักสองอาทิตย์ ถ้าจำเป็นต้องเดินจริงๆก็ให้ใช้ไม้เท้าหรือคนพยุงด้วยก็โอแล้วค่ะ”
“หวังว่าผมของไม่ใช่คนที่ต้องคอยดูแลหรอกนะครับ”
“แล้วนายจะให้ใครทำเหรอ ถ้าให้ป้าแช่มทำ นายก็เปลี่ยนไปทำงานบ้านแทนแล้วกัน”
“ให้หมอมาดูแลก็ได้นะคะ” คุณหมอสาวรีบรับอาสา
“ไม่เป็นไรครับเกรงใจ” ว่าที่คนถูกดูแลสวนทันควัน
“แหม ไม่ทำท่าคิดสักนิดเลยเหรอคะ หมอล้อเล่นหรอกค่ะ แค่นี้ก็งานเยอะจะแย่ ขอเป็นคนมาเยี่ยมดีกว่าค่ะ”
“มาเยี่ยมก็ไม่ต้องมาครับ แค่ขาเจ็บไม่ใช่ใกล้ตาย”
“คุณหมอครับ ผมช่วยเอารองเท้าตบปากมั้ยให้มั้ยครับ เอาเป็นว่าคุณหมออยากมาตอนไหนก็มาได้เลยครับ ไม่ต้องมาเยี่ยมหมอนั้นก็ได้ มาเที่ยวเล่นกับผมดีกว่า”
“เชิญคนมาเที่ยวบ้านคนอื่นเนี่ยนะ” ฟ้าครามหันมาเหน็บเบาๆ แต่ระดับเสียงพอให้ได้ยินทั่วกัน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวเราเดินไปเที่ยวที่บ้านผมก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณเช่หมอเกรงใจ แค่อยากมาช่วยในฐานะหมอเท่านั้นเอง ให้หมอมาได้มั้ยคะคุณฟ้าคราม” หญิงสาวหันไปออดอ้อนชายหนุ่มอีกคนแทนทำเอาเปอร์เช่ได้แต่ทำตาปริบๆ
“ไม่เป็นไรครับ เกรงใจ” ฟ้าครามบอกปัด ในใจก็นึกไปถึงชีวิตการโดนสาวไล่ตื้อที่ห่างหายไปเป็นเวลาพอสมควร ขนาดมาบ้านไร่แล้วยังหนีไม่พ้นฟ้าครามก็เลยคิดแล้วล่ะ ว่าจะหนีไปที่ไหนได้อีก
“ไม่ต้องเกรงใจเลยค่ะ หมอเต็มใจ”
“แต่ผมไม่เต็มใจ”
“ทำไมล่ะคะ คุณฟ้าครามรังเกียจหมอเหรอ...” หน้าสวยๆปั้นหน้าเศร้า ดวงตาเริ่มเอ่อไปด้วยน้ำตาหลังจากที่ทนตื้อมานานจนเปอร์เช่รู้สึกสงสารจับใจถึงจะแอบสงสารตัวเองที่อกหักจากสาวเจ้าอยู่ก็ตาม เด็กหนุ่มก็เลยพยามส่งตาเขียวให้ร่างสูงรีบแก้สถานการณ์
จะทำอะไรก็ได้เดี๋ยวนี้ ให้คุณหมอเค้าไม่เสียใจ ประโยคคำสั่งที่กระซิบมาไม่หยุดหย่อนทำเอาฟ้าครามนึกอยากเจ้าคนพูดมากมาเขย่าสักทีสองที ให้เขาทำอะไรก็ได้แล้วต้องมาโดนตื้อให้รำคาญทั้งที่ไม่ได้ประโยชน์เขาไม่เอาด้วยเด็ดขาด คนไม่เนื้อหอมน่ะไม่มีทางรู้เด็ดขาดว่าเวลาโดนผู้หญิงพวกนี้ไล่บี้น่ะมันน่ากลัวขนาดไหน
สมัยอยู่อเมริกายามหน้าบ้านยังเคยโดนอัดสลบแล้วเข้าไปจู่โจมเขาในห้องนอน ไหนจะโดนเจาะยางรถ ขโมยแปลงสีฟัน คุ้ยถังขยะ รับไม่ได้ที่สุดก็คือขนาดหนีไปที่ไหนก็มาไล่ตื้อได้เรื่อยๆ
“ไม่ได้รังเกียจครับ” ฟ้าครามพูดเสียงเรียบ
“ถ้างั้น...” เจ้าของใบหน้าสวยรีบช้อนตามองอย่างมีความหวัง
“แต่ไม่ชอบผู้หญิง ผมอยากมีเวลาอยู่สองคนกับเขามากกว่า” ฟ้าครามคว้าเอาตัวเปอร์เช่มายืนประจันหน้ากับคุณหมอสาวด้วยท่าทีที่เด็กหนุ่มยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
“คุณเช่.....” หญิงสาวจ้องใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ออกอาการประหม่าเพื่อหาคำตอบ เปอร์เช่รู้สึกสับสนอยู่ไม่น้อยระหว่างจะบอกเจ้าหล่อนไปตรงๆว่าฟ้าครามเอาเขามาบังหน้าเพราะรังเกียจจนคนสวยของเขาอาจจะต้องร้องไห้ รึจะยอมรับสมอ้างแล้วเสียศักดิ์ศรีลูกผู้ชายไปแทน เด็กหนุ่มก็เลยเปลี่ยนเป็นยืนก้มหน้าเพราะพูดไม่ออก
จะเลือกทางไหนก็ดูไม่สมกับเป็นลูกผู้ชายทั้งนั้น
“หมอไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณเช่จะเป็น....เอ่อ หมอต้องขอโทษด้วยนะคะคุณเช่ เกือบจะวอแวกับคนรักเพื่อนซะแล้ว อายจังเลย แหะ แหะ” ใบหน้าหวานละมุ่นแลบลิ้นออกมาแก้เขิน
“เอ๋ มะ มันไม่ใช่แบบนั้นนะครับคุณหมอ” เปอร์เช่หน้าซีดเมื่อเดาได้ว่าคำที่ขาดหายไปในประโยคของหญิงสาวคืออะไร
“ไม่ต้องอายไปหรอกค่ะ คุณเช่ ยุคนี้มันยุคอะไรแล้ว หมอเข้าใจค่ะว่าคนส่วนมากยังหัวโบราณอยู่รับรองว่าหมอจะไม่บอกใครเด็ดขาด คุณเช่วางใจได้” คำรับรองหนักแน่นของหญิงสาวทำเอาเปอร์เช่เหงื่อตก
“เดี๋ยวสิครับฟังผมพูดก่อน” เด็กหนุ่มพยายามอธิบาย
“ไม่เป็นไรค่ะคุณเช่หมอเข้าใจจริงๆ หุหุ เอาเป็นว่าหมอกลับก่อนนะคะสวีตกันได้ตามสบาย ส่วนข้อเท้าคุณฟ้าครามอย่าลืมทายาให้สม่ำเสมอแล้วก็ทานยาให้ตรงเวลานะคะ หมอกลับก่อนดีกว่า บ๊ายบายค่ะ” พูดจบประโยคหญิงสาวก็จากไปอย่างรวดเร็วพร้อมด้วยการคิดเองสรุปเองอย่างน่าใจหาย
ม่ายยยยยยน้า กลับมาฟังพี่เช่อธิบายก่อนนนน.....
“เป็นคนเข้าใจอะไรง่ายกว่าที่คิดนะ” ฟ้าครามตบบ่าเด็กหนุ่มที่ยืนแข็งเป็นก้อนหินเบาๆ ก่อนจะทิ้งเด็กไว้ยืนเอ๋อ เพียงลำพัง
“เพราะแกเลยไอ้เสาไฟฟ้า แกไปพูดแบบนั้นได้ไงวะ คุณหมอเข้าใจผิดหมด” เปอร์เช่ที่เรียกสติได้รีบเดินตามไปโวยวายชายหนุ่ม
“อยากให้เข้าใจถูกรึไง” ฟ้าครามหันกลับมาเอียงคอมองหน้าเด็กหนุ่มแล้วถาม
“เออสิวะ ถามอะไรแปลกๆ” ใครจะอยากโดนเข้าใจผิดว่าเป็นเกย์ เปอร์เช่ออกอาการหัวเสีย ไม่ว่ายังไงเขาจะบังคับไอ้ตัวต้นเหตุให้ไปอธิบายให้คุณหมอคนสวยของเขาฟังให้ได้
“งั้นก็มาทำให้เข้าใจถูกกันเถอะนะ” ฟ้าครามยกมุมปากขึ้นน้อยๆด้วยความพอใจที่เห็นเด็กหนุ่มพยักหน้าถี่รัวแล้วค่อยๆรวบเอาร่างบางๆมาประทับริมฝีปากลงไปแบบดูดดื่ม
ความรู้สึกที่เข้าจู่โจมเปอร์เช่แบบเฉียบพลันตอนนี้คือ งง
งง และ งงมาก
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ภาพแพขนตายาวน่ามองกับใบหน้าคมคายในระยะประชิด รสจูบที่ชวนให้เคลิ้บเคลิ้มเกินคำบรรยาย ทำไมนะ แค่จูบแค่นี้ทำไมถึงได้รู้สึกว่าถูกรุกรานเสียจนแทบลืมหายใจ ขาก็ดันไม่มีแรงเอาดื้อๆ
ยิ่งดิ้นรนเท่าไหร่ก็เหมือนจะยิ่งถูกดึงให้คล้อยตามไปเท่านั้น
“อืม...” เสียงครางด้วยความพอใจดังลอดออกมาจากลำคอของเปอร์เช่เบาๆ แต่กลับทำให้เด็กหนุ่มกลับมามีสติรับรู้อีกครั้ง เผลอรู้สึกดีกับจูบของผู้ชาย.....น่าอับอายเสียจนอยากขุดหลุมแล้วฝั่งตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด
ที่สำคัญที่สุดทำไมมันจูบเก่งขนาดนี้วะ พี่เช่ไม่อยากจะเชื่อ!!!
“ทำบ้าอะไรของแกวะ ไอ้เสาไฟฟ้า” เปอร์เช่กระชากคอเสื้ออีกฝ่ายทันทีที่อีกฝ่ายปล่อยตัวเองให้หลุดพ้นจากพันธนาการในที่สุดแบบทั้งโกรธทั้งอับอาย
“ก็ทำให้หมอคนนั้นเข้าใจถูกไง แต่ที่แน่ๆนายมันจูบไม่ได้เรื่องเลย เอาไว้ว่างๆฉันจะสอนให้ฟรีๆแล้วกัน” ร่างสูงทำหน้าครุ่นคิดจนคนอยากโวยถึงกับชะงัก
“ฉันจูบห่วยขนาดนั้นเลยเหรอ” เปอร์เช่แทบไม่เชื่อหูตัวเอง สาวที่เขาเคยจูบทุกคนบอกว่าเขาเก่งทั้งนั้น รึว่านี่จะคือเหตุผลที่แท้จริงที่ไม่มีใครยอมเป็นแฟนเขาสักคนมีแค่มาเล่นๆด้วยเท่านั้น
“ห่วยจนน่าสงสารเลยล่ะ เอาไว้ฉันจะสอนให้บ่อยๆนะ” ฟ้าครามพยายามตีหน้านิ่ง ในใจก็นึกขำความซื่อบื้อของคนตัวเล็กเสียจนแทบจะหัวเราะออกมา
“ไม่ต้องอ่ะเกรงใจ ฉันไปหาสาวๆอายุมากกว่ามาสอนก็ได้” เปอร์เช่พยายามทำเป็นไม่สนใจ ขืนเจอจูบแบบนั้นเข้าไปอีกครั้งได้ละลายกันพอดี
ละลาย....?
เปลี่ยนเป็นอับอายน่าจะถูกต้องกว่า เปอร์เช่รีบแก้คำพูดที่อยู่ในใจความความสยดสยอง
“นี่นายชอบผู้หญิงอายุมากกว่างั้นเหรอ ถ้างั้นยิ่งต้องให้ฉันสอน เกิดนายไปชอบใครเข้ามาจริงๆแล้วไปทำตัวอ่อนหัดมากๆเข้ามันจะแย่เอา ระวังเขาจะหาว่าเป็นไก่อ่อนไปซะละ จะหาว่าไม่เตือน” ฟ้าครามแอบนึกแปลกใจที่ตัวเองหลุดปากพูดออกไปยืดยาวเพียงเพราะแอบไม่พอใจเล็กๆที่เด็กหนุ่มจะไปจูบกับคนอื่น ความรู้สึกแปลกๆนี้มันคืออะไรกันแน่ รึว่าเขากำลังแอบสนใจเจ้าเด็กปากมอมเข้าโดยไม่รู้ตัว
จะเป็นอย่างนั้นจริงๆรึเปล่านะ
ฟ้าครามหยุดเท้าเอาดื้อๆจนเปอร์เช่ที่เดินตามมาแทบเบรกไม่ทัน สีหน้าร่างสูงยิ่งดูครุ่นคิดหนักกว่าเดิม ใบหน้าคมคายโน้มต่ำลงจนประชิดกับใบหน้าขาวๆที่งุนงงเล็กน้อยของเปอร์เช่แต่ก่อนที่เด็กหนุ่มจะไหวตัวทัน เขาก็ถูกช่วงชิงจูบที่สองในรอบวันไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
ทว่าจูบครั้งนี้กลับยาวนานและลึกซึ้งกว่าครั้งแรกไปมาก ถึงร่างสูงจะติดใจในรสชาตินี้แค่ไหนคำพูดที่ออกมาจากปากดันเป็นคนละทิศคนละทาง
“ห่วยจริงๆด้วยแฮะ” ฟ้าครามขมวดคิ้ว ร่างสูงทิ้งคำวิจารณ์เอาไว้แล้วก็เดินทิ้งเปอร์เช่หายเข้าไปในห้องจริงๆโดยไม่รอแม้แต่จะให้เด็กหนุ่มได้ตั้งสติโมโห
ที่จริงจูบของเปอร์เช่ก็แค่ธรรมดา ไม่ได้ห่วยอะไรนักหนา ติดจะไปทางละเมียดละไมดีด้วยซ้ำ ใบหน้าขาวๆที่ขึ้นสีเป็นสีแดงซ่านกับใบหน้าที่ทั้งตกใจทั้งอายยิ่งดูน่ามองกว่าเวลาปกติทำเอาชายหนุ่มต้องรีบผละออกมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเผลอทำมากไปกว่าแค่การประกบปาก
“เวรแล้วไง” ฟ้าครามก้าวฉับๆโดยไม่สนใจข้อเท้าตัวเอง เมื่อประตูห้องปิดสนิทชายหนุ่มก็ถึงกับยืนพิงประตูแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ อาการใจเต้นจากการกระทำของตัวเองเมื่อครู่ยังไม่จางหายไปไหน นี่จะเรียกว่าชอบได้หรือยังนั้นฟ้าครามก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้
มีคนที่รู้สึกสนอกสนใจเป็นคนแรกจริงๆขึ้นมาก็ดันเป็นผู้ชาย ฟ้าครามถึงกับพูดไม่ออก นี่ล่ะนะที่ว่าไม่เจอกับตัวก็ไม่มีทางรู้ตัวเขาที่สนใจแต่เกมส์จนแทบจะถูกเรียกว่าเป็นโอตาคุดันมาใจง่ายสนใจกับแค่คนที่เจอกันมาเดือนเดียว แถมยังเป็นเจ้าคนที่ไม่น่าจะมีอะไรให้ชอบได้ลง
แต่ก็ดันสนใจไปแล้ว
ไม่น่าไปด่าเพื่อนเอาไว้เลย ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้เข้าล่ะก็ไม่ไปยุ่งเรื่องของใครซะจะดีกว่า พอจินตนาการว่าถ้าเจ้าเอริกมันรู้เข้าจะจะหัวเราะขนาดไหนฟ้าครามก็เริ่มไม่กล้าที่จะคิดต่อ ไหนจะ อเล็กซ์กับฟรานซิสก้าแล้วก็อาเรย์ ไม่ว่าพวกนั้นคนไหนรู้เข้าล่ะก็.....
ช่างหัวมัน
ยังไงซะเจ้าพวกนั้นก็ไม่มีทางรู้แน่ๆ เพราะที่นี่มันเมืองไทย แถมยังอยู่ซะหลังเขา ไม่ว่าเขาจะทำอะไรยังไงก็ไม่มีทางที่จะรู้ได้เด็ดขาด ที่สำคัญเขายังไม่แน่ใจเสียหน่อยว่าสนใจเจ้าเด็กนั้นจริงรึว่าว่างจัดที่ไม่มีเกมส์รึอะไรมาเล่นก็เลยรู้สึกสนุกขึ้นมาเมื่อมีคนสมองช้ามาให้รังแก แล้วถึงเขาจะชอบเด็กหนุ่มขึ้นมาจริงๆ แค่อยู่ที่นี่ไปเลยไม่กลับอเมริกาก็สิ้นเรื่องแล้วก็ตัดการติดต่อกับทางโน้นไปเลยก็จบ
ตรรกะง่ายๆแค่นี้ก็สบายแล้ว
ฟ้าครามทิ้งตัวนอนลงกับเตียงอย่างสบายใจ เมื่อปัญหาต่างๆก็เคลียร์ไปจนหมดแล้วที่เหลือก็แค่ทดสอบตัวเองดูว่าเขา ’มีใจให้’ กับเจ้าเด็กปากเสียนี่แค่ไหน แล้วถ้ามั่นใจว่าชอบขึ้นมา จะจีบอีแบบไหนดีละเนี่ย.....
.......................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น