ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 10 คำบอกรัก
ตอนที่ 10
คำบอกรัก
“นายเลิกกับมิ้นท์แล้วเหรอ เพิ่งสองอาทิตย์เองนะ” ฮ่องเต้มองเพื่อนที่นั่งเท้าคางทำหน้าเซ็งด้วยความทึ่ง ขนาดอยู่มหาลัย เพื่อนรักของเขาก็ยังคงรักษาสถิติไร้สาวเหลียวแลไว้อย่างเหนียวแน่น
“ก็นะ อยู่ๆมิ้นท์ก็เอารูปฉัน กะไอ้เสาไฟฟ้ามาให้ดูเยอะไปหมดแล้วก็พูดอะไรก็ไม่รู้อีกเยอะแยะ ที่สำคัญเหมือนว่านิสัยจะเข้ากันไม่ได้ด้วย”เปอร์เช่ถอนหายใจยาว
“นิสัยอะไรอ่ะที่เข้าไม่ได้...ไม่เห็นจะเข้าใจ” ฮ่องเต้เกาหัวแกรก ส่วนมะนาวก็ขยับตัวเข้ามาใกล้เพื่อฟังด้วยความรู้สึกสนใจ
“ก็ตอนเลิกเรียนมิ้นท์ก็พยายามจะลากฉันไปติวบ้างไปอ่านหนังสือบ้างนายก็รู้ว่าฉันขี้เกียจเรียนขนาดไหน ใช่มั้ย” เปอร์เช่ยิ้มแห้งให้เพื่อนที่รู้ดีว่าเขาเป็นยังไงเวลาเรียนกับเวลาใกล้สอบเข้ายังพอทำใจบังคับตัวเองได้บ้างแต่นี่เพิ่งเปิดเรียนมาไม่ถึงเดือนจะให้มาอ่านหนังสือล่วงหน้ามันก็ไม่ไหว
“แล้วนายทำไง” มะนาวถามต่อ
“กลับบ้านอ่ะ ไม่ไหวหรอกเลิกเรียนแล้วต้องมาเรียนอีก” คำตอบที่ทำเอาคนฟังถึงกับอึ้ง ประโยคของสาวเจ้าจริงๆมันจะเป็นยังไงไม่รู้แต่วัตถุประสงค์จริงคือชวนอยู่ด้วยกันก่อนมากกว่า
“ตลอด 2 อาทิตย์เลยอ่ะนะ....” เป็นตู ตูก็เลิก ฮ่องเต้สรุปในใจ
“อืมม ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็ชวนออกไปเดินห้าง นั้นก็ไม่ไหวอ่ะ คนเยอะจะตายแถมไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรด้วย แล้วมิ้นท์ก็ไม่เห็นว่าอะไรเลยทำไมมาโกรธตอนหลังก็ไม่รู้อ่า” เปอร์เช่ส่ายหน้าอย่างอับจน
“เอ่อ เช่ ความจริงมิ้นท์เค้า แค่อยากจะมีเวลาอยู่กับนายน่ะนะ” ฮ่องเต้พยายามบอก
“แต่ว่าเวลาเรียนก็อยู่ด้วยกันตลอดเลยนะ เราก็คุยเล่นกันดีจะตาย พวกนายอยู่ด้วยก็เห็น” เด็กหนุ่มเริ่มไม่เข้าใจขึ้นทุกที ผู้หญิงนี่แปลกชะมัดมีอะไรก็ไม่ยอมพูดตรงๆ
ปัญหาก็คือพวกตูอยู่ด้วยนั้นแหล่ะเช่เอ๋ย...ฮ่องเต้เหงื่อตก มันก็จริงของเพื่อนรักที่ว่ามันก็คุยกระหนุงกระหนิงกันจะตาย แต่ว่านายไม่คิดหรือไงว่าเค้าอาจจะอยากอยู่แค่สองต่อสองมั่งอ่ะไอ้คุณเช่
“นายไม่โทรไปลองง้อเค้าหน่อยอ่ะ แล้วถามเค้าว่าอยากให้นายทำยังไง”
“ฉันลืมขอเบอร์มิ้นท์ไว้ว่ะ ตอนแรกคิดว่ายังไงก็ได้เจอกันทุกวัน ตอนนี้จะเดินไปพูดด้วยก็ไม่กล้าแล้วเข้าไปใกล้ทีไรตาขวางทุกที” คำพูดชวนหนักใจทำเอาฮ่องเต้ถึงกับปลิดปลง เขาไม่รู้จะช่วยยังไงแล้วทีนี้
ลืมกระทั่งจะขอเบอร์ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสาวเจ้าถึงสงสัยในความสัมพันธ์ขึ้นมา
“ไม่ตาขวางก็แปลกแล้วอ่ะ เช่” ฮ่องเต้ตบบ่าเพื่อนเป็นเชิงให้กำลังใจ เรื่องเปอร์เช่อกหักน่ะมันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วแต่ที่ไม่แหกปากร้องโวยวายอยู่นี่ก็นับว่ามีพัฒนาการมากแล้วแต่ที่สมควรพัฒนาที่สุดคงเป็นสมองกลับไม่มีการพัฒนา แต่อย่างว่า ถ้าเป็นเรื่องนี้ตัวเขาเองยังเอาตัวไม่รอดเลย
“ นี่เช่ รูปที่มิ้นท์ให้นายดูใช่รูปพวกนี้หรือเปล่า...” มะนาวหันโน๊ตบุ๊คสีดำของตัวเองให้ร่างบางดูด้วยหน้านิ่งๆ ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้าหงิกๆ แต่ก็มีฮ่องเต้ที่เพิ่งเคยเห็นรูปถึงกับจ้องตาถลน
ทั้งซบ ทั้งกอด ทั้งซุกซอกคอ....ฯลฯ
“รูปมันก็ปกตินี่นา มันแปลกตรงไหน ขนาดพวกนั้นยังเล่นกันแบบนี้ออกบ่อยอย่าหาว่าฉันไม่เห็นนะ” พอคำพูดนี้หลุดออกมาจากปากร่างบางจนหมดก็ถึงกับทำเอาเพื่อนอีกสองคนไม่กล้ามองสบตาเด็กหนุ่มจนถึงกับต้องแกล้งมองไปทางอื่น
เปอร์เช่ นี่นายจะช่วยตรัสรู้เองไม่ได้เหรอวะ รู้มั้ยว่ามันกระดากปาก ฮ่องเต้ได้แต่ยิ้มแห้งๆโดยไม่กล้าพูดอะไร มีแต่เหงื่อที่ซึมออกมาทั้งที่ก็อยู่ในห้องแอร์
“อันนั้นมันไม่เหมือนกัน...จริงมั้ยเต้” มะนาวพูดเสียงเรียบ
“อืมม....” ฮ่องเต้รับคำร่างสูงอยู่ในลำคอสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้เปอร์เช่ยิ่งนัก
“เออๆ นายสองคนนี่พักหลังๆนี่เข้าคู่กันเหลือเกินนะ ใช่สิพี่เช่มันกลายเป็นคนนอกกลุ่มไปแล้วนิ”เปอร์เช่บ่นอย่างอารมณ์เสีย แฟนก็ทิ้ง เพื่อนก็ไม่มีใครเข้าข้าง ชีวิตมันช่างน่าอนาจเสียจริงๆ
“ไม่ใช่นะ ก็ไอ้บ้านี่มันชอบบังคับฉันอ่ะ ฉันไม่ได้เต็มใจตามมันทุกเรื่องสักหน่อย”ฮ่องเต้รีบแก้ตัว
“แล้วทำไม่นายต้องไปตามด้วยฟ่ะ”เปอร์เช่กอดอกแล้วตอกกลับแบบเคืองๆ
“ก็หมอนี่มันเป็นแฟนฉันนี่นาก็ต้องตามใจฉันดิ” มะนาวพูดพูดแทรกด้วยรอยยิ้ม เล่นเอาคนฟังสองคนถึงกับหน้าถอดสี คนนึงตกใจเพราะเพื่อนเป็นเกย์ คนนึงตกใจเพราะไม่คิดว่าจะมีคนเอาเรื่องแบบนี้มาป่าวประกาศ
“เมื่อกี้หูฉันมันทำงานผิดปกติชั่วคราว ขอฟังใหม่อีกครั้งดิ ว่านายพูดว่ายังไง” เปอร์เช่เอามือแคะหูตัวเองแบบหลอนๆ เมื่อกี้เขาคงไม่ได้ฟังให้มันชัดๆ หูถึงได้เพี้ยนไปได้ขนาดนี้
“เฮ้อ มาถึงขนาดนี้แล้วยยังไมเข้าใจอีกสินะ...” มะนาวเกาท้ายทอยตัวเองด้วยความเหนื่อยใจ ไหนๆถ้าต้องพูดแล้วเขาก็จะขออธิบายเรื่องทั้งหมดไปเลยก็แล้วกัน ที่จริงเขาก็ไม่อยากจะไปยุ่งเรื่องส่วนตัวชาวบ้านหรอก แต่ว่าเขาก็อดคิดตำหนิตัวต้นเรื่องอย่างฟ้าครามไม่ได้
จะจีบยังไงช่วยคำนวณสมองของเป้าหมายก่อนได้มั้ย...จะได้ไม่เดือดร้อนชาวบ้าน........มะนาวถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ก่อนจะควักมือเรียกให้เปอร์เช่มานั่งฟังใกล้ๆพร้อมกับกระดาษเปล่าแผ่นหนึ่งเพื่อเป็นอุปกรณ์ประกอบคำอธิบาย
ไม่นานนักก็มีเสียงโหยหวนออกมาอย่างที่มะนาวคิดไม่มีผิดว่าเปอร์เช่ต้องไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง....
ตอนที่รู้ว่าเพื่อนรักของเขามันกำลังคบกันเองแบบไม่ธรรมดาเปอร์เช่ก็คิดว่าตัวเองช็อคจนไม่อาจจะช็อคได้มากกว่านี้แล้วจนกระทั่งถึงเรื่องของตัวเอง....
เรื่องที่ตัวเองตอบตกลงคำสารภาพรักไปโดยไม่รู้ตัวแถมยังทำสัญญาเป็นหลักฐานไว้ซะแน่นหนา ยังดีที่เพื่อนๆเขาไม่รู้ว่าเขายังโดนอัดเสียงไว้ยืนยันอีกต่างหาก แต่ถึงอย่างนั้นถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดบ้าๆของไอ้คุณท่านมะนาวพี่เช่คงไม่ควายได้ขนาดนี้......
“อ๊าก เพราะแกคนเดียวเลยไอ้มะนาว ไหนว่าตอบเยสรึโนก็พอไงว่ะ ไหงมันถึงกลายเป็นยังงี้” เปอร์เช่ตะโกนลั่น เขาขยี้หัวตัวเองเป็นรอบที่ร้อยแล้วตั้งแต่เจอเฉลยบนหน้ากระดาษไปจังๆ
กราฟที่มะนาวมันบรรจงวาด บรรจงอธิบายจนได้รูปหัวใจออกมา เป็นวิธีบอกรักที่ซับซ้อนและเสี่ยวมากเท่าที่พี่เช่เคยพบเจอและที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือมันเปลื้องสมองเป็นที่สุด
จะสารภาพรักอะไร ไม่ได้คิดถึงหัวสมองพี่เช่คนนี้เลยว่าไม่มีปัญญาแก้โจทย์.....
มิน่าล่ะไอ้เสาไฟฟ้ามันถึงได้ทำแต่อะไรแปลกๆตั้งแต่เขาให้คำตอบออกไป เปอร์เช่คิดแล้วก็เหงื่อตก แล้วยิ่งประโยคสำคัญของเพื่อนรักอย่างไอ้คุณท่านมะนาวที่มันฉีกยิ้มแล้วอธิบายว่ารูปถ่ายของเขามันแปลกยังไงและทำไมตัวมะนาวเองกับฮ่องเต้ถึงทำกันได้ ก็เล่นเอาปวดตับ พวกท่านคิดจะเป็นเกย์ไฉนไม่แอบเฉลยพี่เช่สักคำ ปล่อยให้คิดว่าไอ้ที่ทำมันเป็นเรื่องปกติอยู่ได้ตั้งนานสองนาน
“ก็มันเรื่องปกติจริงๆ...คิดดูนะ ถ้าไม่ใช่ผู้ชายจะเป็นเกย์ได้ไง เพราะงั้นไอ้ที่พวกฉันทำมันก็เป็นเรื่องปกติของผู้ชายจริงๆ เพียงแต่เป็นผู้ชายที่เป็นเกย์ด้วยก็เท่านั้น จริงมั้ยฮ่องเต้” มะนาวรีบหาเสียงสนับสนุนที่ยืนยันว่าตัวเขาเองก็เป็นลูกผู้ชายจริงๆอย่างฮ่องเต้ที่นั่งฟังเงียบๆโดยตลอด
“งั้นที่ว่าฝึกฝน...” เปอร์เช่ได้แต่ทำหน้าแหย ไม่กล้าต่อประโยคจนจบเพราะเริ่มรับความจริงไม่ได้
“ไม่ใช่อ่ะ อันนั้นภาคสนามของจริง” มะนาวทำหน้าจริงจังแต่แอบขำอยู่ในใจ อะไรมันจะฉลาดน้อยได้ขนาดนี้เพื่อนตู มิน่าถึงได้โดนหลอกได้หลอกดี เป็นคนอื่นคงรู้ตัวไปนานแล้ว
“ส่วนไอ้กระดาษประกาศเกียรติคุณที่มันให้ฉันมาแปะบ้านนี่.....” เปอร์เช่ชี้รูปหนึ่งในหลายๆรูปในอินเตอร์เน็ตตามที่มะนาวบอกเล่าด้วยสีหน้าเหยเก
แปลว่าไอ้ที่จะมาขอก็คงเป็นพี่เช่ไม่ผิดตัวแล้วสินะ.....
“ก็อย่างที่นายคิด สัญญาหมั้นหมายอ่ะ ส่วนไอ้สร้อยคล้องแหวนที่นายได้มาคงไม่ต้องจารนัยให้ฟังนะว่ามันคือแหวนอะไร” มะนาวหัวเราะพร้อมกับขยี้หัวเปอร์เช่เบาๆอย่างสะใจเป็นการตอกย้ำ
ก็หน้าตาตอนนี้ของเปอร์เช่มันตลกน้อยอยู่ซะเมื่อไหร่
“ม่ายยยยยยยย ใครก็ได้บอกทีว่าตูฝัน....อุ๊บ” เปอร์เช่แหกปากลั่นเล่นเอาเพื่อนสองคนตระคลุบไว้แทบไม่ทัน เพราะกลัวจะโดนอาจารย์ที่ยืนสอนข้างหน้าห้องด่า
“แล้วนายจะเอาไงอ่ะเช่ ถ้าเกิดหมอนั้นยกขันหมากมาจริง ค่อยปฏิเสธก็ได้มั้ง” ฮ่องเต้ตบบ่าปลอบใจเพื่อนตัวเองด้วยความสงสาร แต่ถ้าเป็นเขาเองคงอับอายไปอีกนานถ้าต้องมาไล่ขบวนที่ยกมาขอตัวเองเป็นเจ้าสาว
“ไม่งั้นนายก็รับขันหมากไปเลย เรียกสินสอดเยอะๆด้วยนะพวกฉันจะไปกันประตู”มะนาวพูดจนปอร์เช่แทบอยากลุกขึ้นไปบีบคอชกคนปากไม่ดีสักรอบ ไม่ก็เย็บปากมันซะให้มันไม่มีปากไว้เห่าหอนอีกต่อไป
“ไม่เอาโว้ยยย” เปอร์เช่อยากจะตะโกนออกมาดังๆมันก็คงไม่ได้อะไรนอกจากอายชาวบ้าน....
“ถ้าไม่เอา นายควรรีบปฏิเสธนะ ฉันเห็นข่าววงการบันเทิงต่างประเทศออกมาเขียนถึงว่าที่ลูกสะใภ้ปริศนาของดีไซเนอร์ชื่อดัง เอลิเซ่ มีลร็อง ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆด้วยการไปสู่ขอแบบสายฟ้าแลบ ฉันว่าไม่ใช่ใครที่ไหนสงสัยจะเป็นนายวะเช่ ยินดีล่วงหน้าด้วยแล้วกันที่นายจะดังในระดับสากล” ตัวต้นเหตุแบบมะนาวพูดจบก็เอาแต่หัวเราะ
“แก ไอ้มะนาวววววว” เปอร์เช่โมโหจนหน้ามืดพุ่งตัวไปบีบคอร่างสูงอย่างรวดเร็ว ในเมื่อเขาไม่มีหน้าจะอยู่ในโลกนี้แล้วเขาก็ขอส่งเจ้าตัวต้นเหตุไปลงนรกก่อนก็แล้วกัน
ว่าที่เจ้าสาวปริศนาในภาพถ่ายที่กำลังฮือฮาในขณะก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเสี้ยวหน้าของเปอร์เช่ที่นอนหลับพริ้มซุกตัวอยู่ใกล้ๆฟ้าคราม ภาพที่ป้าแช่มถ่ายไว้โดยที่คนทั้งคู่ก็ไม่รู้ตัว แต่รู้ทั่วกันในอินเตอร์เน็ตมานานแล้ว จนตอนนี้มันได้แปะหลาอยู่บนแมกกาซีนอันดับหนึ่งของอเมริกาและบรรดาภาพที่ป้าแกถ่ายส่งไปเล่นๆให้เจ้านายตัวเองดูวันล่ะสามเวลาก็ถูกส่งออกมาประจานเจ้าของในเวลาไล่เลี่ยกัน
บรรดาภาพที่ทำเอาเปอร์เช่เชื่อจริงๆว่างานนี้เขาหนีไม่รอดแน่ถ้าไม่รีบทำอะไรสักอย่าง
“ฉันจะไปอเมริกา เดี๋ยวนี้ และตอนนี้เลย” เปอร์เช่ประกาศ เด็กหนุ่มลุกพรวดแล้วเดินออกไปจากห้องบรรยายของมหาลัยอย่างรวดเร็วโดยไม่สนสายตาตำหนิติเตียนของผู้เป็นอาจารย์ร้อนถึงเพื่อนสนิทอย่างฮ่องเต้และมะนาวที่ต้องรีบตามออกมาอย่างรวดเร็ว
“แกจะรีบตามไปเป็นเจ้าสาวถึงอเมริกาเลยเหรอวะเช่”ฮ่องเต้ถามย้ำ
“ไปปฏิเสธต่างหาก ไอ้บ้า”เปอร์เช่หันกลับไปขู่ฟ่อ ถ้าเป็นแมวป่านนี้คงพองขนให้ดูกันถ้วนหน้าแล้ว
“โห ลงทุนไปบอกเลิกเขาถึงต่างประเทศ ไม่ลงทุนไปรึไง”ฮ่องเต้ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมต้องทำอะไรที่มันยุ่งยากขนาดนั้นด้วย ถึงขนาดต้องถ่อไปอเมริกาเพื่อบอกเลิกเนี่ยนะ
“เป็นแก แกจะรอให้เขามาขอก่อนมั้ยล่ะว่ะ”เปอร์เช่ถามกลับเสียงเย็น จากไอ้ข้อมูลบ้าๆที่ไอ้คุณท่านยกมาให้เขาดูเป็นเชิงขู่ แค่คิดเขาก็ขนลุกเกลียวแล้ว ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆหรือไม่ พี่เช่ขออปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า
“”เออ จริงสินะ” ฮ่องเต้พยักหน้าหงิกเป็นเชิงเข้าใจแต่ก็ยังไมวายแอบแปลกใจจนต้องถามต่อ
“แล้วทำไมต้องลงทุนไปถึงอเมริกา โทรไปไม่ง่ายกว่าเหรอ”
“ฉันไม่มีเบอร์โทรศัพท์มัน”คำตอบที่คนฟังถึงกับเหงื่อตก เริ่มไม่กล้าถามแล้วว่าพี่คนนี้มีเบอร์ของเขารึเปล่า แต่เท่าที่ฮ่องเต้จำได้เปอร์เช่ไม่เคยถามเบอร์เขาหรือมะนาวเลยสักครั้ง
“หา นี่นายไม่มีเบอร์โทรว่าที่สามีงั้นเหรอ”เจ้าของคำพูดที่แทรกเข้ามาพร้อมหน้ากวนๆก็ไม่ใช่ใครนอกจากมะนาวเจ้าเก่า ทำเอาเปอร์เช่ถึงกับส่งตาเขียวไปให้
“ใครสามี...” เด็กหนุ่มลากเสียงเย็น เปอร์เช่เชื่อว่าถ้ามะนาวมันยังไม่รูจักสงบปาก เขาต้องกลายเป็นฆาตกรจริงๆแน่ในเร็วๆนี้
“เออๆไม่พูดเรื่องนั้นก็ได้ งั้นไปถึงอเมริกาจะไปช่วยอะไรได้วะ นายรู้ว่าหมอนั้นอยู่ที่ไหนรึไง”มะนาวยกมือยอมแพ้แล้วชี้ประเด็นสำคัญที่เขาไม่เข้าใจทันที ไม่มีเบอร์แต่มีที่อยู่บ้าน นี่มันตรรกะโลกไหนกันเนี่ย
“ฉันจะไปบ้านมันน่ะสิ ถามคุณเอลิเซ่น่าจะรู้”เปอร์เช่เดาะลิ้นกวนๆ
“แล้วนายจะมีที่อยู่คุณเอลิเซ่ได้ไงฟ่ะ”ฮ่องเต้ถามงงๆ
“ไปที่หน้าร้านเสื้อผ้าแฟชั่นของเขาแล้วค่อยถามเอาอีกทีสิวะ” เปอร์เช่สวนกลับอย่างหงุดหงิด มะนาวยอมรับว่าคราวนี้เปอร์เช่ฉลาดกว่าที่ตัวเองคิด นี่มันคือสัญชาตญาณเอาตอนรอดเฮือกสุดท้ายของสิ่งมีชีวิตสินะที่เอาชนะความโง่มาได้
“แกเอาจริงเหรอวะเช่” ฮ่องเต้ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“เออสิวะ ฉันยังไม่อยากเป็นเมียใครยังไงก็ต้องรีบไปปฏิเสธมันให้เรียบร้อย” ตอนนี้ในหัวเด็กหนุ่มไม่มีอะไรทั้งนั้นนอกจากไปหาไอ้เจ้าคนบ้านั้นแล้วปฏิเสธให้มันจบๆ
“แต่ได้ข่าวว่าแกเสร็จเขาไปแล้ว” มะนาวพูดกวนๆ
“คิดซะว่าหมามันกัด....” เปอร์เช่กัดฟันกรอด มิน่าล่ะช่วงหลังเขาถึงได้รู้สึกแปลกๆเวลาไม่เห็นหน้าฟ้าครามที่แท้ก็ลางสังหรมันทำงานเตือนนี่เองว่าหมอนั้นจะนำพาความซวยมาให้
“โห หมากัดทำให้นายคิดถึงเรื่องแบบนั้นได้เลยหรอวะ สุดยอด” มะนาวพูดทึ่งเล่นเอาคนที่เส้นความอดทนตึงอยู่แล้วก็ถึงกับขาดผึ่งกลางอากาศ
“ตายซะเหอะ ไอ้มะนาวววว ฉันจะส่งหมาในปากนายไปสู่สุขติเอง” เปอร์เช่จัดการส่งหมัดไปเสยคางชายหนุ่มเต็มๆ เล่นเอาร่างสูงถึงกับเห็นดาวเห็นเดือน
“หว่า เช่ อย่าต่อยดิ มือนายหนักชิบหาย เดี๋ยวไอ้มะนาวมันก็ตายพอดี” ฮ่องเต้ที่เห็นท่าไม่ดีก็รีบมาห้ามเอาไว้ก่อน เรื่องเรียนกับเรื่องทั่วไปน่ะมะนาวอาจจะเก่งกว่าก็จริง แต่ถ้าวิวาทล่ะก็ยังห่างชั้นกับตัวเขาและเปอร์เช่อีกเยอะ
ถึงจะรู้ว่าที่จริงหมอนนี่มันอ่อนให้ก็เถอะ...แต่เอาเป็นว่าแพ้ทางให้พวกเขาก็แล้วกัน
“โอเค เต้ แต่นายต้องยอมไปอเมริกาเป็นเพื่อนฉัน ทิ้งไอ้คุณมะนาวไว้ที่นี่แหล่ะ ไปด้วยก็มีแต่จะสร้างความรำคาญ” เปอร์เช่ยอมรามือแต่โดยดี เสียเวลาอัดมะนาวไปก็เปล่าประโยชน์ ต่อให้เจ็บตัวก็ใช่ว่าจะสั่งสอนหมาในปากและรักษาหน้าด้านๆของมันได้
“ให้แค่ฉันไปด้วยจะดีแล้วเหรอเช่ ฉันเคยขึ้นเครื่องบินที่ไหน” ฮ่องเต้ที่ถูกเปอร์เช่ทั้งลากทั้งจูงก็ออกอาการวิตกจริต เคยไปอย่างหรูสุดก็แค่รถทัวร์ชั้นวีไอพี แล้วนี่จู่ๆจะให้ข้ามขั้นเป็นเครื่องบินแล้วเขาจะรู้มั้ยว่าอะไรเป็นอะไร ร่างโปร่งคิดได้ดังนี้ก็แอบส่งสายตาละห้อยไปให้กับคนที่เดินตามมาด้านหลังติดๆอย่างมะนาวให้ช่วย
“ฉันไปด้วย...” มะนาวรีบเดินมาสมทบทันทีเมื่อเห็นสายตาคนรัก เขาคงต้องยอมตามเปอร์เช่ไปถึงอเมริกาเพื่อสวัสดิภาพและการเดินทางที่ปลอดภัยของที่รักเขาสินะ
ขืนปล่อยคนฉลาดน้อยไปเองแค่สองคน ชาตินี้ก็อย่าได้หวังว่าจะไปพ้นประเทศไทย ไม่ก็ถูกจับไปขายแถวตั้งแต่ลงจากสนามบิน
“แกจะตามมาด้วยทำไมวะไอ้มะนาว กลับบ้านไปเลยไป๊”เปอร์เช่ออกปากไล่
“ขืนฉันไม่ตามไปอย่างนายกับเต้จะมีปัญญาไปรอดถึงอเมริกาได้รึไง” มะนาวพูดอย่างดูถูก ดูถูกจริงๆนะ ไม่ได้ดูผิด คิดเอาเองแล้วกันว่าขนาดนอกจังหวัดพวกนี้ยังไม่ค่อยได้เหยียบออกไปเลย นับภาษาอะไรกับนอกประเทศ
“รอดเฟ้ยอย่ามาดูถูกกันนะว้อย”เปอร์เช่ถียงอย่างไม่ยอมแพ้
“แต่ฉันว่าไม่รอดวะเช่ แค่ซื้อตั๋วกับเดินผ่านช่องตรวจเรายังทำท่าจะไม่รอดเลย”ฮ่องเต้รีบโพลงความเป็นจริงที่อยู่ในใจออกมาด้วยความหวาดหวั่น ที่พูดกันอยู่หมายถึงเครื่องบินเลยนะ เครื่องบินที่มันบินอยู่บนฟ้า
“เดี๋ยวก็คงมีกระเป๋ามาเก็บเองแหล่ะ ส่วนช่องตรวจแค่ต่อแถวเองนิ ฉันเห็นในทีวีมากบ้างแล้วเฟ้ย” คำพูดเด็กหนุ่มถึงกับทำให้มะนาวแทบสำลัก ยานพาหนะเหมือนกันก็จริงแต่ความแตกต่างของรถเมย์กับเครื่องบินนี่มันคนละเรื่องเลยนะพี่เช่
“กระเป๋าเครื่องบินมีด้วยหรอ เช่”ฮ่องเต้พูดอ่อย มะนาวออกแนวภูมิใจที่ได้ยินประโยคนี้ออกมาจากปากคนรักตัวเอง ไม่เสียแรงที่เขาอุตส่าห์สอนให้ฉลาดขึ้นมาบ้าง
“มีสิ สวยๆทั้งนั้น ที่ต้องใส่เครื่องแบกระโปรงสั้นๆไง”เปอร์เช่พยายามบรรยาย
“นั้นมันแอร์โฮสเตสแล้วมั้ง...”มะนาวรีบขัดก่อนที่คำพูดเปอร์เช่จะทำเอาคนรักของเขาไขว้เขว จะว่าหวงหรืออะไรก็ช่างแต่หน้าที่หลอกให้ทำตัวโง่ๆเป็นหน้าที่ของคนรักอย่างเขาก็พอ
“นั้นแหล่ะๆ อย่างที่นายว่า เดี๋ยวคุณแอร์เขาก็มาเก็บค่าตั๋วเราเองแหล่ะ”เปอร์เช่ยังยืนกรานคำเดิม
“มันไม่ใช่แล้วอ่ะ เช่ เดี๋ยวเป็นฉันคนพาไปเองจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว” มะนาวพูดอย่างปลงๆ ต่อให้เปอร์เช่ไม่ลากคนรักของเขาไปด้วย เขาก็ไม่กล้าปล่อยให้เด็กหนุ่มไปตามลำพังแน่ ฉลาดขนาดนี้คงไม่ได้กลับมาเหยียบเมืองไทยอีกแน่
“ไม่เอา นายไม่ต้องตามไปเลย” เปอร์เช่พูดรั้นๆ เขายังไม่ทันหายเคืองเลยแท้ๆคิดว่ามาชวยคุยแค่ประโยคสองประโยคมันจะหายกันได้ง่ายๆได้ยังไง
“เอ่อ...เช่ ถ้ามะนาวมันไม่ไปฉันก็ไม่ไปอ่ะ...” ฮ่องเต้ยืนยันหนักแน่น
“ทำไมอ่ะเช่ นายไม่ไว้ใจฉันรึไง”เปอร์เช่พยามส่งสายตาออดอ้อนให้เด็กหนุ่มอีกคนที่ยื่นคำขาดมาให้อย่างมีความหวังว่าฮ่องเต้จะยอมใจอ่อนทำตามตัวเอง
“ฉันได้ยินมาว่าในสวนบ้านตัวเองนายยังหลงทางมาแล้วเลย นี่เมืองนอกเชียวนะ จะมีอะไรมารับประกันให้ฉันอ่ะ”ฮ่องเต้ถามกลับอย่างลำบากใจ ถ้าให้เลือกเขาขอเลือกสวัสดิภาพตัวเองไว้ก่อนได้มั้ย
“ที่สำคัญ เมืองนอกก็มีแต่ชาวต่างชาติ พวกนายพูดภาษาอังกฤษกันคล่องนักนี่”มะนาวรีบฉวยโอกาสพูดเสริมขึ้นมาอย่างดูน่าเชื่อถือ ทำเอาเปอร์เช่ถึงกับลังเล
“=_= ตกลงว่านายจะไปให้ได้เลยใช่มะ”เปอร์เช่มองหน้าคนตัวสูงกว่าแล้วถามย้ำ
“เออ” ร่างสูงรับคำสั่นๆ
“ฉันออกค่าเครื่องบินให้แค่เต้นะ...” เปอร์เช่รีบออกตัว ต่อให้มีเงินเก็บเยอะแค่ไหนขืนเอามาถลุงหมดก็ไม่มีใช้กันพอดี ที่สำคัญเผลอๆจะไม่มีค่าตั๋วกลับ
“ก็ได้ คิดซะว่าฉันไปเที่ยวด้วย” มะนาวพยักหน้าหงิกๆ เป็นอันว่าพวกเขาทั้งสามคนตกลงจะไปเมืองนอกด้วยกันในคืนนี้....
“คืนนี้เลยเหรอ ฉันยังไม่เก็บเสื้อผ้า บอกแม่เลยนะเช่ ที่สำคัญคืนนี้มีบอล” ฮ่องเต้รีบโวยเมื่อได้ข้อสรุป
“ไปคืนนี้แหล่ะ เดี๋ยวบอกที่บ้านว่าไปค่ายรับน้องก็พอ ส่วนบอลนายไม่ต้องดูหรอกเต้ เดี๋ยวมันก็มีอีก” เปอร์เช่ฉีกยิ้มพร้อมกับบอกข้อสรุปออกมา ก่อนจะลากตัวเพื่อนรักให้รีบกลับไปเก็บข้าวของโดยไม่สนใจเสียงโหยหวนของคนที่โดนบังคับเลยแม้แต่น้อย ส่วนมะนาวก็ได้แต่เดินตามแบบปลงๆ
จะไปเมืองนอกกันน่ะ พวกนายมีพาสปอร์ตกันรึยัง...ไหนจะวีซ่าอีก....มะนาวได้แต่มองแผ่นหลังทั้งเพื่อนทั้งคนรักอย่างสงสัย นี่มันทำท่าจะล่มตั้งแต่เรือยังไม่ออกจากอ่าวเลยชัดๆ ไม่อยากจะคิดเลยว่าพวกมันจะไปกันอีแบบไหน
....................
“เกินมา 2 วันกับอีก 15 นาที....” เสียงพูดเนิบๆของเจ้าคนที่มองนาฬิกาข้อมือแล้วจิบกาแฟสบายอยู่บนโซฟาตัวนุ่มพร้อมกับอ่านหนังสือไม่รู้ว่าจะทำให้เอริกอยากจะหัวเราะหรือร้องไห้กันแน่
เอริกที่เหงื่อท่วมตัวได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าดีเท่าไหร่แล้วที่ชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้หายหัวไปอย่างที่คาดการณ์แต่ยังมานั่งชิวรออยู่อย่างที่เห็น
“โทษทีที่มาสาย...พอดีเรื่องมันยุ่งยากกว่าที่คิดแต่ว่าฉันจัดการเก็บกวาดไปแล้ว” เอริกทิ้งตัวลงกับโซฟาด้านข้างที่ว่างอยู่ก่อนจะเห็นสีหน้าหงุดหงิดของฟ้าคราม
“ตั้งแต่เมื่อวาน...มองหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ดาวเทียมนายเสียรึเปล่า หรือว่านายแอบไปทำอะไรไว้อย่างเช่นตัดสัญญาณ” ฟ้าครามลดหนังสือเล่มหนาลงแล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายเป็นเชิงตั้งคำถาม
“หา นายลงทุนนั่งรอฉันเพราะเรื่องนี้อ่ะนะ จะบ้ารึไงทำไมฉันต้องไปตัดสัญญาณนายระหว่างที่อยู่ในข้อตกลงด้วย แล้วที่นายมองหาหมายถึงเจ้าเด็กนั้นสินะ เด็กมหาลัยปีหนึ่งของไทยน่ะกิจกรรมเยอะจะตายไม่กลับบ้านสักอาทิตย์นึงยังไม่แปลก ถ้าไม่อยู่ค้างที่มหาลัยรึบ้านเพื่อน เผลอๆก็คงเป็นค่ายรับน้องล่ะมั้ง” เอริกยกความน่าจะเป็นให้ฟ้าครามฟังทีล่ะอย่าง
“ค่ายรับน้องคืออะไร....” ฟ้าครามถามกลับอย่างงงๆ
“อธิบายไปนายก็ไม่เข้าใจอยู่ดี แต่เอาเป็นว่ามันเป็นกิจกรรมที่ทำให้ยุ่ง ไม่ค่อยมีเวลา หรือทำให้ไม่กลับบ้านในบางครั้งก็พอแล้วล่ะ” เอริกตัดเป็นคำอธิบายสั่นๆ เขารู้จักฟ้าครามมาดีพอที่จะรู้ว่าพูดไปก็ป่วยการ คนที่เรียนข้ามชั้นมาโดยอาศัยเรียนกับบรรดาศาตาราจารย์แก่ๆ มีหรือจะเข้าใจระบบดังกล่าวที่เป็นแบบฉบับของมหาลัยในประเทศทางเอเซียที่ห่างไกลอย่างไทยไปได้
ขนาดสังคมทั่วไปของประเทศที่ตัวเองอยู่มันยังไม่มีความสามารถในการเข้าใจได้เลยนับภาษาอะไรกับเรื่องแบบนี้ เอริกยังจำได้ดีถึงความทุกข์ยากสมัยที่ยังมีความพยายามลากเจ้าหมอนี่เข้าสู่สังคมแล้วก็เหลวไม่เป็นท่าและกลายเป็นว่าเป้าหมายเก็บตัวหนักกว่าเดิม
ย้อนกลับไปที่หลายปีก่อนตอนที่เขาร่วมมือกับคุณเอลิเซ่ท้าทายจนฟ้าครามมาเป็นนายแบบจนสำเร็จสมใจ ทางคุณเอลิเซ่ได้ไม้แขวนเสื้อรูปงามตรงสเป็กไป ส่วนเขาก็หวังจะได้คนที่เป็นมนุษย์มนากลับมา เรื่องไม้แขวนเสื้อน่ะเป็นไปได้สวย และการที่คิดว่าเป้าหมายจะได้เรียนรู้สังคมและความคิดแบบมนุษย์ปกติมากลับกลายเป็นว่าฟ้าครามยิ่งเพี้ยนหนักกว่าเก่าเวลาอยู่ต่อหน้าผู้คนก็จะทำเป็นยิ้มแย้ม แต่พอพ้นสายตาคนทั่วไปเมื่อไหร่ก็มักจะหนีจากโลกแห่งความจริงด้วยการเล่นเกมส์ท่าเดียว
อาจเป็นเพราะพอเริ่มแรกเข้าสังคมก็เจอการไล่ตื้อของบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ที่แห่กันมารุมล้อมเสียจนหวาดผวาผู้หญิง เนื่องจากโดนรังควานเสียจนไม่มีเวลาส่วนตัว ไม่รู้ว่าที่กลายมาเป็นเกย์ได้นี่เป็นเพราะเรื่องนี้ด้วยรึเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นก่อนหน้านี้ฟ้าครามก็มีผู้หญิงสวยๆมาควงเล่นแทบไม่ซ้ำหน้าเล่นเอาเขาในตอนนั้นต้องแอบกลืนน้ำลายด้วยความเสียดาย
แต่ไปๆมาๆก็ไม่พ้นเป็นเกย์ทั้งคู่....เอริกนึกถึงตรงนี้ก็ออกแนวเหนื่อยใจฟ้าครามน่ะยังไม่เท่าไหร่ แต่ตัวเขาที่เป็นเสือผู้หญิงนี่คิดยังไงก็แอบรับไม่ได้จริงๆ
แต่ก็ดันรักไปแล้วจะให้ทำยังไงได้....แถมยังถลำลึกไปแล้วด้วย...
“กิจกรรมอะไรนั้นช่างมันเหอะ... แล้วฉันจะกลับไปที่ฐานหลักได้รึยัง ที่นี่แคบจะตาย...ไปที่นั้นแล้วคงมีอุปกรณ์ช่วยสอดแนมในระยะที่กว้างขึ้นสินะ” เสียงเนิบๆของฟ้าครามเรียกเอริกขึ้นมาจากพวัง เขาแอบรู้สึกหมั่นไส้คนตรงหน้าขึ้นมาตงิดๆทั้งที่ตัวเขาต้องมาติดแหงกอยู่กับอีกฝ่ายโดยไม่ได้เจอหน้าคนรักเพราะตัวฟ้าครามแท้ๆยังจะมีหน้ามาพร้ำเพ้อถึงคนของตัวเองให้เขาฟังได้ลงคอ
“ก็พอมี แต่นายไม่รู้พิกัดที่เด็กนายอยู่จะค่อยๆดูไปมันก็ลำบากหน่อยล่ะนะ” เอริกมองหน้าจอที่แสดงภาพบริเวณบ้านของฟ้าครามและเปอร์เช่ที่ถูกฉายขึ้นมาหลายจอแบบครุ่นคิด
“ไม่เป็นไร ค่อยๆหาดูไปเรื่อยๆก็ได้”ฟ้าครามถอนหายใจเฮือกเมื่อเห็นท่าทางของเอริก ท่าทางที่บ่งบอกว่าไม่รู้เรื่องจริงๆและกำลังสงสัยแบบนี้ก็แปลว่าหมอนี่ไม่ได้เล่นตลกอะไรกับเครื่องสอดแนม...
ถ้าอย่างนั้นก็คงไปไอ้เข้าค่ายอะไรนั้นจริงๆ รู้อย่างนี้เขาแกล้งติวผิดๆให้ดีกว่าจะได้มีข้ออ้างหนีบคนตัวเล็กกลับมาด้วยโดยอ้างเรื่องเรียนต่อ
“นี่โคลด หัวหน้าเขาให้ตามนายกลับมาทำงานนะไม่ใช่ให้เอาอุปกรณ์หลวงมาทำตัวสโตรกเกอร์”เอริกเปรบเมื่อเห็นว่าตัวปัญหาเริ่มก่อเรื่องโดนทำท่าจะตรวจเช็คไปทีละตารางเมตรอย่างตั้งใจ กี่ปีจะหมดพื้นที่จังหวัดก็ไม่รู้ ถ้าจะเอาเวลามาทำบ้าขนาดนี้เขายอมไปอุ้มตัวเด็กคนนั้นมาเลยจะง่ายกว่า
“ที่ฉันทำมันเหมือนตรงไหน ไอ้สโตรกเกอร์น่ะมันนายมากกว่า แถมยังเป็นโรคจิตด้วย”ฟ้าครามพูดอย่างไม่ยอมแพ้ ใครจะมาวิจารณ์เขาก็ได้ทั้งนั้นยกเว้นเอริก
ถ้าขืนเขายอมให้คนจิตไม่ปกติมาว่าเอา ชีวิตเขาคงไม่มีดีแล้ว!
“สภาพบุรุษขนาดนี้มันเป็นสโตรกเกอร์ตรงไหน ที่ต้องส่องพวกนายอยู่ทุกวันนี้น่ะมันหน้าที่ คิดว่าฉันอยากมานั่งดูแลพวกโตแต่ตัวแต่วุฒิภาวะเท่าเด็กทารกอย่างพวกนายรึไง ถ้าเป็นไปได้ฉันจะอยากจะส่องพวกสาวๆสวยๆมากกว่า”
“นั้นแหล่ะ ที่โรคจิต ทั้งถ้ำมอง เก็บของที่เป้าหมายทิ้งไว้มาเก็บ เอาไว้ทั้งรอยนิ้วมือ คราบเลือด หลอดดูดน้ำเปื้อนน้ำลาย บ้าผู้หญิงยังไม่พอยังผ่าไปเป็นเกย์ด้วย”ฟ้าครามสาธยาย ถึงเรื่องบางเรื่องบางเรื่องมันจะสมเหตุสมผล แต่การทำแบบนี้กับทุกเรื่องทุกกรณีไม่เข้าข่ายโรคจิตแล้วจะเรียกว่าอะไร
“ฉันบอกไปกี่ครั้งแล้วว่านั้นมันหน้าที่ฉัน เรื่องบ้าผู้หญิงน่ะยอมรับก็ได้ แต่เรื่องเป็นเกย์นายเองก็เป็นเกย์ไม่มีสิทธิ์มาวิจารย์ฉันเด็ดขาด”เอริกแอบยืดนิดๆที่ได้พูดว่าตัวเองบ้าผู้หญิงออกไป
ก็นับตั้งแต่เขามีคนรักที่เป็นผู้ชาย เขาก็มีแต่ต้องหัวหด ด้วยความอับอายอยู่ร่ำไป...มีวันนี้นี่แหล่ะที่ฟ้าครามด่าได้ถูกใจเขาจนแทบจะจับมาหอมแก้มซักฟอดเป็นรางวัล
แต่ไม่จะดีกว่า ไม่งั้นคนใดคนหนึ่ง ไม่ก็ทั้งสองคนต้องอ้วกออกมาด้วยความคลื่นไส้ ขยะแขยงกันเองแน่ๆ
“ฉันไม่ใช่เกย์สักหน่อย...”ฟ้าครามรีบออกตัว เขาจำไม่ได้เลยสักนิดว่าตัวเองหลุดปากออกไปเมื่อไหร่ว่าตัวเองมีคนที่แอบชอบเป็นผู้ชาย
“ถ้าเป็นแบบนั้นเจ้าเด็กนี่นายก็ไม่จำเป็นต้องสนใจขนาดนั้นก็ได้มั้ง ที่จริงเด็กนี้ก็ดูน่ากินไม่เลวเลย ถ้านายไม่ใช่เกย์ ฉันงาบเด็กคนนี้ก็ไมเป็นไรสินะ”เอิกแสยะยิ้มกว้างพร้อมหยิบรูปเปอร์เช่ที่แอบไปถ่ายไว้ตอนไหนก็ไม่รู้ขึ้นมาโชว์จากประเป๋าเสื้อทำเอาฟ้าครามแทบสำลัก
“ยอมรับก็ได้ว่าเกย์”ฟ้าครามเหงื่อตกเมื่อยั้งปากตัวเองไว้ได้ไม่ทัน พอเห็นรอยยิ้มเยาะของเอริกก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหัวเสียขึ้นมาเฉยๆ
“ยอมรับแต่แรกก็จบ”เอริกพูดขำๆพร้อมทำหน้าเจ้าเล่ห์ เพราะอย่างนี้นี่แหล่ะเขาถึงไม่อยากให้มันรู้ที่สุดในบรรดาคนรู้จักทั้งหมด ถึงจะตีหน้านิ่งไม่ยอมรับว่าตัวเองรู้สึกขายหน้าแต่ฟ้าครามก็อยากได้ปี๊บสักใบมาไว้คลุมหัว เอาแบบทนทานแล้วก็มีเนื้อที่พอให้เขามุดเข้าไปได้ทั้งตัวเลยยิ่งดี
“งั้นนายก็ต้องยอมรับเหมือนกันว่าตัวเองโรคจิต ถึงไม่เกี่ยวกับเรื่องงานนายมันก็สะสมทั้ง กุญแจมือ โซ่ แส้ เทียนไขด้วยนี่นา นายมันซาดิสต์ชัดๆ”ในเมื่อไม่มีปี๊บให้คลุม หรือพื้นดินให้ขุดหลุมฝั่งตัวเองฟ้าครามจึงตัดสินใจว่าในเมื่อต้องทนอับอายก็ไม่ขออับอายคนเดียว จะขอลากอีกฝ่ายมาลงนรกด้วยกันให้ได้
“อืมม เหมือนพวกซาดิสจริงๆด้วยแฮะ....เฮ้ยยย ไม่ใช่แล้วโคลด กุญแจมือมันของหน่วย โซ่ก็เอาไว้ล่ามหมาหน้าประตูตั้งเป็นสิบตัว เทียนก็เทียนวันเกิดอาเรย์ที่มันเที่ยวเอามาทิ้งขว้างเอาไว้ แล้วแส้ที่ว่าน่ะมันสายไฟเชื่อมอุปกรณ์ทดลองของนายเองไม่ใช่รึไง” ทีแรกเอริกที่ตอบรับไปแบบเพลินๆ แต่พอฟังดีๆแล้วชายหนุ่มถึงกับเหงื่อตก
“...แล้วที่ชอบรังแกอาเรย์กับฟรานซิส แล้วก็ฉันตอนเจ็บตัวล่ะ”ฟ้าครามยังไม่ละความพยายามในการขุดข้อกล่าวหา
“อันนี้ต้องยอมรับว่ามันสนุกๆจริงๆ โอเค ในเมื่อนายคิดว่าฉันเป็นซาดิสก็อย่าหาว่าฉันโหดร้ายก็แล้วกัน ถ้านายเจ็บตัวมาเมื่อไหร่ฉันจะซ้ำเติมให้มันหนักๆเลย”เอริกฉีกยิ้มเย็น ในเมื่อเขาอุตส่าห์อดทน แต่ในเมื่ออีกฝ่ายพูดซะขนาดนี้จะไม่ให้เข่สนองบ้างก็ดูจะใจดำเกินไป
“อะแฮ่ม...แต่ถ้าดูแลคนในการคุ้มครองตัวเองไม่ดีเธอก็จะโดนลงโทษไปด้วยนะเอริก”เสียงทุ้มๆนุ่มของชายสูงวัยที่ไร้ตัวตนมานานพอสมควรแล้วเอ่ยคนอย่างเหนื่อยหน่ายกับลูกน้องสองคนที่เอาแต่เถียงกันเป็นเด็กสามขวบไม่เลิก
ชายสูงอายุถอดหมวกแล้วเดินเข้ามาแทรกกลางทั้งที่คิ้วยังขมวด ผมสีทองแซมไปด้วยผมหงอกของคนมีอายุ ดวงตาสีซีดจางที่เหมือนจะมองทะลุเข้าไปในจิตใจคนสบตาชายหนุ่มทีละคนก่อนจะส่ายหน้าด้วยความระอา
ถึงจะแอบคิดว่าวุฒิภาวะเจ้าพวกตัวปัญหามันมีแค่นี้จริงๆก็เถอะ แต่ถ้าปล่อยให้เถียงกันต่อไปจนเช้าก็คงจะยังไม่เลิก คำกล่าวที่ว่าอัจฉริยะกับคนบ้ามันแตกต่างกันแค่เส้นบางๆนั้นไม่จริงเลย ตลอดชีวิตการทำงานของชายสูงวัยผู้นี้อาศัยการทำงานกว่าสี่สิบปีและอายุที่ผ่านโลกมาทั้งสิ้นหกสิบในหน่วย C. มันทำให้เขาเรียนรู้ได้อย่างลึกซึ่งทีเดียวว่าอัจฉริยะกับความบ้ามันคือของอย่างเดียวกัน
ไม่ต้องยกตัวอย่างอื่นไกลดูแค่ฟ้าครามกับเอริกก็ได้....
“อ๊ะ หัวหน้า...โคลด ฉันลืมบอกนายไปเลยว่าหัวหน้าตามมาด้วยอ่ะ”เอริกยิ้มแห้งๆ เมื่อเห็นสีหน้าเรียบนิ่งของชายสูงวัยนั้นมองมาที่ตัวเองอย่างชัดเจนจนชายหนุ่มจะแอบนึกโทษชะตากรรมที่ทำให้หัวหน้าได้ยินคำพูดที่ขัดกับหน้าที่ไปเต็มๆ แต่ถึงอย่างนั้นคนที่หวาดวิตกที่สุดในห้องตอนนี้กลับเป็นฟ้าคราม
“= _ = หัวหน้ามาเองแบบนี้แปลว่ามีงานเข้าใช่มั้ยครับ ก่อนหน้าจะสั่งงานขอเวลาผมทำใจสักสองสามปีก่อนได้มั้ย”ฟ้าครามไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายทันได้พูดอะไรก็เปิดประเด็นต่อรองทันที
ก็ถ้าไม่รีบพูดก็อย่ามีหวังว่าจะมีช่องให้เขาพูดอีกต่อไป...ต้องมาเจอกับหัวหน้าทีไรเถียงไม่เคยชนะเลยสักที ยิ่งถ้าอีกฝ่ายเริ่มต้นก่อนฟ้าครามไม่มีทางได้พูดสักคำ 100%
“ไม่มีเวลาให้เธอทำใจนานขนาดนั้นหรอกโคลด รู้มั้ยว่าข้อมูลงานวิจัยในห้องเธอตัวที่ยังเป็นอันตรายหายไปตั้งเกือนสามร้อยอย่างถึงจะมั่นใจแค่ไหนว่าถ้าไม่มีแกนของข้อมูลที่จำอยู่ในสมองของเธอมันก็เอาไปทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าหากคนที่คิดในทางไม่ดีมันเอาแนวคิดต่อหาสิ่งทดแทนมาจนได้จะทำยังไง...”คนเป็นหัวหน้าเริ่มร่ายยาวขณะค่อยๆเดินไปนั่งที่โซฟาเพียงตัวเดียวในห้องด้วยท่าทางสุขุมสง่างาม
“ไม่ต้องอธิบายยาวก็ได้ครับหัวหน้า ผมขอสั่นๆดีกว่า”ฟ้าครามแอบปาดเหงื่อในใจเมื่อเริ่มเดาอะไรต่อมิอะไรได้
“ไปคิดตัวแอนติที่ทำให้ของพวกนี้ไม่เกิดอานุภาพมาให้หมดโดยเร็วที่สุด ไม่งั้นอย่าหวังว่าจะได้พักร้อนหรือวันหยุดประจำสัปดาห์เลยแม้แต่วันเดียว”เป็นคำประกาศิตที่ทำเอาทั้งห้องเงียบสนิทภายในอึดใจ
“....ผมขอลาออกได้มั้ยอ่ะ” ฟ้าครามพูดแทรกความเงียบขึ้นมาพร้อมกับหยิบใบลาออกไม่ต่ำกว่าห้าร้อยใบที่เขียนด้วยรายมือขณะที่ว่างมาส่งให้ชายสูงวัยทั้งปึกด้วนสีหน้านิ่งๆแต่แอบลุ้นอยู่ในใจ
“ไม่อนุมัติ”คนเป็นหัวหน้าตอบเสียงเย็น พอนิ่งมองกระดาษปึกใหญ่ที่อยู่ในมืออยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจหยิบไฟแช็คขึ้นมาจุดเผาจนวอดในเวลาเสี้ยววินาที ทำเอาคนแอบหวังว่าท่านหัวหน้าที่เคารพรักจะเสียมาดเพราะมานั่งทึ้งกระดาษกองโตฝันสลายในพริบตา
ลืมไปเลยว่ามันมีวิธีนี้อยู่นี่นา....นั้นน่ะอุตส่าห์คัดตั้งหลายวันเชียวนะ
“งั้นเดี๋ยวผมนั่งคัดลายมือใหม่ก็ได้...” ฟ้าครามยังไม่วายเกิดไอเดียใหม่ โครงการใบลาออกเป็นตันเหมือนเดิมแต่เป้าหมายใหม่ คราวหน้าเขาจะเอารถบรรทุกมาถ่มใบลาออกไว้ที่หน่วย ดูสิว่าหัวหน้าเขาจะจุดไฟเผาทั้งหน่วยมั้ย
“ก็แล้วแต่ ถ้าเธอไม่กลัวเด็กคนนี้จะต้องเดือดร้อนเพราะผลงานตัวเองก็ตามใจ เกิดวันดีคืนดีมีการก่อการร้ายขึ้นมา แล้วเด็กคนนี้โดนลูกหลงเข้าก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้สินะ คิดอีกทีก็ดีเหมือนกันระหว่างที่นายเล่นคัดลายมืออย่างสวยงามก็มีเด็กคนนี้แล้วก็ผู้บริสุทธิ์อีกหลายคนได้พ้นทุกข์มีโอกาสได้ตั๋วฟรีไปเที่ยวโลกหน้าก็คงไม่เลวเลยใช่มั้ยโคลด...”ชายสูงวัยพูดติดตลก แต่ฟ้าครามกลับไม่รูสึกขำด้วย
ก็ท่านหัวหน้าที่เคารพรักเล่นยัดข้อหาฆาตกรทางอ้อมให้เขาอยู่โต้งๆ จะให้ทนยืนอมยิ้มเหมือนเอริกอยู่ได้ยังไง
“....หัวหน้าขู่ผมเลยเหรอ”ฟ้าครามออกแนวตัดพ้อ ก็ไอ้งานวิจัยที่ยังแก้ไม่หมดของเขามันมีตั้งสามร้อยกว่าอย่าง นานกี่ชาติล่ะนั้นกว่าทำจะทำเสร็จหมด ดีไม่ดีบางตัวเขาก็แก้โจทย์ไม่ได้ด้วยซ้ำ ยังงี้ไม่เท่ากับจับเขาดองยาวหรื่อยังไงกัน
“ฉันไม่ได้ขู่สักหน่อยแค่พูดถึงความน่าจะเป็นที่เกิดขึ้นได้ในอนาคต”ชายสูงวัยจ้องหน้าฟ้าครามนิ่งจนชายหนุ่มเริ่มทนไม่ไหว
“ได้ๆๆๆ ยังไงก็ได้ แต่จบงานนี้ ถ้าไม้ยอมให้ผมลาออกผมก็จะขอระยะเวลาลาพักร้อนสักห้าสิบปีก็แล้วกัน ถึงเวลานั้นผมน่าจะอายุประมาณ 70 อาจจมีใจทำงานขึ้นมามั่งแล้วก็ได้” ฟ้าครามต่อรองหัวหน้าที่เคารพเขากลับพหกหัวตอบรับ ในความคิดของชายสูงวัยการคิดค้นแค่อย่างเดียวคนส่วนมาก็ใช้เวลาเป็นปีๆ แล้วนี่ตั้งสามร้อยกว่าอย่าง ขอแค่ทั้งชีวิตนี้ฟ้าครามทำสำเร็จได้สักครึ่งก็เพียงพอแล้ว
ก็ไอ้งานค้นคว้าขั้นต้นน่ะมันเร็วได้เพราะนักวิจัยมีความสนใจ ไปการคิดวิธีที่จะล้มล้างของเก่านี่มันยากกว่าการเริ่มต้นคิดผลงานใหม่ไปเลยด้วยซ้ำ ถึงจะเป็นฟ้าครามก็ตามแต่
อัตราความเร็วสุดของการหาของแก้งานวิจัยที่ฟ้าครามเคยทำไว้ก็คือราวๆครึ่งปี มีงานที่ต้องแก้อีกสามร้อยกว่าอย่าง...คิดแบบคร่าวๆก็คงประมาณร้อยห้าสิบปี กว่าจะได้วันพักร้อนอายุก็คงปาเข้าไปร้อยเจ็ดสิบ ซึ่งคงไม่มีทางอยู่มีชีวิตอยู่ถึงล้านเปอร์เซ็นต์
ทำงานให้สนุกจนลืมโลกไปก็แล้วกันนะพ่อหนุ่ม...ชายสูงวัยแอบอวยพรอยู่ในใจขณะที่ฟ้าครามกำลังลิงโลด
.......................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น