ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mission of Love ปฏิบัติการล่ารัก [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 เครื่องเกมกับความวุ่นวาย

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 55


     
    ตอนที่ 1
     อุปสรรคของการเล่นเกมส์ 1
     
     
    วันนี้แล้วสินะ
     
    รอมาเกือบ 10 กว่าปีที่เราจะได้พบกันสักที
     
    “พ่อคร้าบบบบ จะมาวันนี้จริงๆใช่มั้ย” เสียงสดใสร่าเริงดังขึ้นจากด้านบนตามมาด้วยเสียงเท้าวิ่งตามบันไดถี่รัว ทำเอาทรงศักดิ์ผู้เป็นพ่อนึกปวดเศียรเวียนเกล้าเมื่อเจ้าลูกชายตัวดีมายืนฉีกยิ้มตรงหน้าและมันกำลังแสดงอาการออดอ้อนอย่างน่าถีบ
     
    “เออสิวะ” ทรงศักดิ์ตอบเสียงเข้ม ถ้าถามแค่ไม่กี่ครั้งเขาก็คงไม่ว่าอะไรแต่นี่มันเล่นถามมาตั้งกะสองอาทิตย์ก่อนถามทุกวันไม่พอแต่เล่นถามเฉลี่ยชั่วโมงล่ะครั้งก็ทำเอาหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ
     
    “จริงนะพ่อ” เด็กหนุ่มยังขอคำยืนยันไม่เลิกเมื่อก็เขย่าขาพ่อตัวเองไปเรื่อยเพื่อเร่งเอาคำตอบ
     
    “......” ทรงศักดิ์ไม่ตอบแต่เลือกจะตบหัวลูกชายตัวเองดังผัวะแทน
     
    “โอ๊ย เจ็บนะพ่อตบหัวผมทำไม เกิดโง่กว่านี้จะทำไงอ่ะ ผมยิ่งเตรียมสอบเข้ามหาลัยอยู่เนี่ย” คนเป็นลูกชายทำหน้าเบ้ลูบหัวตัวเองปอยๆ
     
     “แล้วแกจะถามอีกกี่ครั้งวะ ไอ้เช่ ฉันจะไปไร่แล้วแกก็ไปแต่งตัวรอ ไว้หัวค่ำฉันกลับมาจะพาไปบ้านโน้นให้ก็แล้วกัน เผื่อจะได้เจอหน้าเจ้าพฤกษาด้วยไม่ได้เจอหน้ากันมาพักใหญ่แล้ว” ทรงศักดิ์ลุกขึ้นหยิบหมวกสวมหัวแล้วโบกมือลาเจ้าลูกชายที่หน้าหงอยเกาะขอบโซฟามองตาละห้อย
     
    พ่อนะพ่อ กว่าพ่อจะกลับมาจะมีคนมาตัดหน้าผมรึเปล่าก็ไม่รู้
     
     
    .................................
     
    ตุบ
     
                    เสียงวัตถุชิ้นสุดท้าย ตามมาด้วยร่างสูงที่กระโดดตามลงมาจากหลังท้ายรถกระบะด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรง ใบหน้าคมคายเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ และเมื่อชายหนุ่มเอามือเสยผมที่เปียกชุ่มออกก็จะพบว่าใบหน้าหล่อเหลาคมคายราวกับรูปสลักนั้น กำลังบึ้งตึงอยู่ไม่น้อย
     
                    “ร้อน.....” ร่างสูงรีบบ่นให้คนที่เดินออกมารับฟังทันที ซึ่งคนฟังก็อดยิ้มไม่ได้
     
                    “ก็นี่มันเมืองไทยนี่คะ คุณหนูฟ้าคราม” หญิงสูงวัยอดมองดูคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจระคนยินดีไม่ได้ เมื่อคุณหนูที่จากไปนานเป็นสิบกว่าปีกลับมาเยือนบ้านหลังนี้ให้เธอมีโอกาสได้รับใช้อีกครั้ง
     
                    “นี่ ยัยแช่ม จะไมให้คุณหนูขึ้นบ้านก่อนเลยหรอ ตั้งใจจะยืนคุยกลางแดดแบบนั้นคงไม่ดีมั้ง” ลุงชมคนขับรถอดเตือนไม่ได้เพราะรอจนตัวเองยกกระเป๋าเสร็จ ภรรยาที่รักของตัวเองก็ยังหาเรื่องคุยถึงความหลังอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด โดยลืมสังเกตไปว่าคู่สนทนาของตัวเองยืนเหงื่อท่วมตัวอยู่
     
                    “ตายจริงคุณหนูป้าลืมไป ขึ้นบ้านก่อนสิคะ ป้าจะพาไปที่ห้อง”
     
                    “แล้ว...พ่อล่ะครับ” ชายหนุ่มมองไปรอบๆบ้านที่ดูจะไม่มีคนอยู่อาศัยมานานแล้วนอกจากคนดูแลเพียงสองคน ส่วนคนงานในไร่อื่นก็อยู่ในบริเวณที่พักไกลออกไปพอสมควร จึงทำให้รอบๆตัวบ้านดูเงียบเกินพอดี สำหรับคนที่อยู่ในเมืองที่มีผู้คนคับคั่ง และเสียงอึกทึกตลอดเวลา
     
                    “คุณท่านกำลังขึ้นเครื่องตามมาจากกรุงเทพฯน่ะคะ...ถึงแล้ว ห้องของคุณหนู ถูกใจมั้ยล่ะคะ คุณพ่อท่านตั้งใจตกแต่งเอาไว้รอเลยนะคะ” แม่บ้านสูงวัยเปิดประตูห้องให้คุณหนูของตัวเองดู และแนะนำเครื่องใช้ต่างๆอย่างคล่องแคล้ว
     
                    “งั้นป้าขอตัวแล้วนะคะ คุณหนูพักผ่อนได้ตามสบาย ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมก็สั่นกระดิ่งเรียกได้เลยค่ะ”
     
                    “ขอบคุณครับ เอ่อ ถ้ายังไงไม่ต้องเรียกผมว่าคุณหนูก็ได้นะครับ มันฟังแปลกๆยังไงไม่รู้” ชายหนุ่มพูดด้วยความลำบากใจ
     
                    “เรียกผมว่าฟ้าครามเฉยๆก็ไครับ” ชายหนุ่มเจ้าของชื่อยิ้มบางๆ ดวงตาสีฟ้าครามสมชื่อนั้นดูสวยเสียจนคนมองอดชื่นชมไม่ได้ อีกทั้งสีผมที่จะดำก็ไม่ดำ จะทองก็ไม่ทอง ออกจะไปทางสีชาแปลกตาเสียมากกว่า ทำให้คิดได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้มีเชื่อสายไทยทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ดูคล้ายคนต่างชาติตามผู้เป็นมารดาที่เป็นลูกครึ่งระหว่างฝรั่งเศสกับอังกฤษอีกที
     
                    “เข้าใจแล้วค่ะ ยังไงก็พักผ่อนให้พอนะคะ เพิ่งเดินทางมาถึงหมาดๆ”
     
                    “ครับ ขอบคุณนะครับ” ฟ้าครามปิดประตูห้องด้วยรอยยิ้มก่อนจะทิ้งตัวลงไปนอนแผ่หลาบนเตียงกว้าง
     
                    สำหรับชายหนุ่มแล้วไร่กว้างบนเขาแบบนี้ก็ไม่ได้น่ารังเกียจอะไร ออกจะทำอะไรได้อิสระกว่าที่เมืองนอกด้วยซ้ำจะเสียก็แต่อากาศนี่หล่ะที่ชายหนุ่มรู้สึกว่ามันร้อนเกินจะทานทนทั้งที่มันเพิ่งจะผ่านพ้นฤดูหนาวมาหยกๆ
     
                    “อ้า...ไม่อยากจะคิดถึงหน้าร้อนเลยแฮะ” ร่างสูงถอนหายใจด้วยความเซ็ง แต่เมื่อเครื่องปรับอากาศที่เปิดไว้เย็นขึ้นอารมณ์ที่ขุ่นมัวของชายหนุ่มก็ลดน้อยลงไปตามลำดับ ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมลุกขึ้นมาจากเตียงง่ายๆ แต่เอื้อมมือเข้ากระเป๋าเพื่อเพื่อควานหาอะไรบางอย่างเท่านั้น
     
                    “อยู่ที่นี่จะเล่นเกมส์ยังไงก็ได้สินะ” ชายหนุ่มเหยียดยิ้มออกมาน้อยๆ เมื่อคิดว่าในที่สุดก็จะได้มาอยู่ในที่ไกลหูไกลตาชาวบ้านที่จ้องมองอยู่เสียที จะทำอะไรก็ทำได้ ไม่ต้องวางตัวให้มันเหมาะสม
     
                    ด้วยความที่มีแม่เป็นดีไซเนอร์ชื่อดังของที่โน้น มิหน่ำซ้ำตัวเองก็ดันอุตริไปเป็นนายแบบให้ตัวเองต้องมาลำบากลำบนเพราะคำสบประมาทไม่กี่คำสมัยเมื่อหลายปีก่อน ทำให้ฟ้าครามต้องทนใช้ชีวิตที่ต้องวางมาดอยู่ตลอดเวลา ที่รับไม่ได้ที่สุดก็คงเป็นจำพวกที่ปลาบปลื้มเขาเป็นบ้าเป็นหลังเพราะอิมเมจที่ถูกกำหนดไว้ว่าต้องดู อบอุ่น อ่อนโยน ใจดี ซึ่งมันทำให้เขาขนลุกซู่ทุกครั้งที่เผลอไปนึกถึง
     
                    เจ้าชง เจ้าชายอะไรกัน บ้าไปแล้วแน่ๆ
     
                    ฟ้าครามถอนใจอีกเฮือกใหญ่ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหมดช่วงเวลาพักร้อนอันแสนสุขนี้ไปแล้วต้องกลับไปที่อเมริกาอีกครั้งจะเป็นยังไง ถ้าเป็นไปได้ขอกลับไปเก็บตัวอยู่ในห้อง เล่นเกมส์ ดูทีวี รึอะไรก็ได้คนเดียวอย่างมีความสุขได้จะดีมาก แต่ท่านแม่ที่รักยิ่งของเขาคงจะยอมอยู่หรอก
     
    เพราะงั้นช่วงเวลาที่มีอยู่ในตอนนี้ก็จะขอเก็บเกี่ยวอย่างคุ้มค่าล่ะนะ
     
    แต่ปัญหาเฉพาะหน้าในตอนนี้กลับเป็นกระเป๋าตรงหน้าที่ไม่ว่าจะควานยังไง กระทั่งเทออกจนเกลี้ยงก็ยังไม่พบของที่ต้องการอยู่ดี
     
    อ๊าก เครื่องเกมส์ตูอยู่ไหนเนี้ย นั้นน่ะกิจกรรมสำคัญในการดำรงชีวิตเลยนะ                  
     
    “ลุงครับ เห็นเครื่องเกมส์ผมมั่งมั้ยครับ” ฟ้าครามวิ่งตาหน้าตั้งออกจากห้องตรงไปหาคุณลุงคนขับรถทันที ไม่นานนักก็เจอชายสูงวัยกำลังทำความสะอาดคอกม้าขนาดเล็กที่อยู่ติดกับตัวบ้าน
     
    “เครื่องสี่เหลี่ยมพืนผ้าสีดำน่ะครับ”
     
    “อ้อ...เหมือนจะเห็นวางทิ้งไว้บนรถนะครับ แต่ผมคิดว่าเป็นของบ้านโน้นเขาซะอีกเลยไม่ได้เก็บไว้ ถ้ายังไงตอนเย็นผมจะข้ามไปเอามาให้” ลุงชมพยามนึกจนแน่ใจว่าเขาเห็นวางไว้อยู่บนเบาะหลังแน่ๆ
     
    “บ้านโน้น บ้านไหนหรอครับ รึว่ามีเมียน้อย...” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว รึว่าพ่อเขาจะมีบ้านเล็กบ้านน้อยหลายหลัง
     
    เมื่อเห็นชายสูงวัยส่ายหน้าเป็นระวิงฟ้าครามก็นึกโล่งใจแทนภรรยาใหม่ของพ่อตัวเองที่เขาได้ยินมาว่าเป็นคนอ่อนหวานนุ่มนิ่มเจ้าน้ำตาขนาดที่ว่าแม่ของชายหนุ่มยังอดเอ็ดดูปนโมโหที่พ่อเขาไปคว้าคนน่ารักขนาดนั้นมาได้
     
    การเลิกรากันของพ่อและแม่ฟ้าครามเป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้วตั้งแต่สมัยฟ้าครามยังเด็กอยู่ แต่เป็นการเลิกกันด้วยดีเพราะว่าทั้งคู่มีการใช้ชีวิตที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง และความรักของทั้งคู่ไม่ได้เป็นความรักแบบหนุ่มสาวอีกต่อไปแต่เป็นความรักในแบบเพื่อนถึงได้ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอมา
     
    การแต่งงานใหม่ของพ่อก็เลยไม่มีปัญหาอะไร ออกจะน่ายินดีด้วยซ้ำที่ในที่สุดก็ได้พบคนดีๆ
     
    “อ้อ บ้านคุณทรงศักดิ์ไร่ข้างๆเราตรงโน้นน่ะครับ พอดีว่ารถที่มีอยู่ของเราเอาไปส่งของที่ในเมืองกันหมด ที่มีอยู่ก็คงเอาไปขนสัมภาระคุณหนูไม่พอ คุณทรงศักดิ์เขาก็เลยให้ยืมไปใช้ครับ” ลุงชมตอบพร้อมกับชี้ให้ชายหนุ่มมองบ้านที่อยู่ห่างออกไปไกลพอสมควร แต่ก็พอมองเห็นได้ในระยะสายตา เมื่อตอนเช้าชายสูงวัยก็ขับรถคันเล็กไปทิ้งไว้ ขากลับตอนกลับมาก็ขับรถตัวเองกลับมาถึงได้เร็วหน่อย
     
    “งั้นรถก็เอาไปคืนเขาแล้วสินะครับ”ฟ้าครามพยักหน้าเข้าใจ
     
    “ต้องขอโทษคุณหนูด้วยนะครับ พอดีว่าบ้านนั้นเขาเด็กเยอะผมก็เลยเข้าใจว่าเป็นของที่นั้น”
     
    “ห๋า เด็กเยอะหรอครับ” ชายหนุ่มที่พยักหน้าหงิกๆไปเรื่อยๆตามคำบอกของลุงชมชะงักในพริบตาแล้วเปลี่ยนเป็นอ้าปากค้างแทน เสี่ยงอะไรก็เสี่ยงได้แต่เขาไม่ยอมเอาเครื่องเกมส์ที่มีอยู่เครื่องเดียวในตอนนี้ไปเสี่ยงแน่นอน ถ้าพังไปแล้วเขาอยู่อยู่ได้ไงเนี้ย
     
     “ถ้างั้นผมไปเอาคืนมาเองตอนนี้เลยดีกว่าครับ ลุงทำงานต่อได้เลยนะครับ”
     
    ร่างสูงรีบก้าวเท้ายาวๆไปทางทิศเป้าหมายในทันที ในหัวก็มีเพียงเรื่องเครื่องเกมส์เท่านั้น ไม่ได้ยินเสียงทัดทาน ของลุงชมที่ตะโกนไล่หลังมาตลาดทาง
     
    มองแค่ตาคงคิดว่าเดินข้ามรั้วไปก็คงถึง แต่ขนาดขับรถยังเกือบสิบนาทีเลย เดินเท้าแบบไม่รู้จักทางจะให้เวลาขนาดไหน ลุงชมคิดแล้วก็เหงื่อตกแทน ก็เลยพยายามรั้งเอาไว้แต่ฟ้าครามก็ไม่ฟังเอาซะเลย
     
    ไม่สิถ้าจะเรียกว่าไม่ฟังต้องเรียกมาเข้าไปอยู่ในโหมดโลกส่วนตัวเรียบร้อยแล้วมากกว่า ถึงขนาดที่ไม่รับรู้แล้วว่ารอบตัวทำลังมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ต่อให้มีอุกกาบาตหล่นลงมาใส่ตรงหน้าตอนนี้อย่างมากฟ้าครามก็แค่เดินหลบ จนเจอของที่ตัวเองต้องการนั้นแหล่ะเขาถึงค่อยรู้สึกตัวแล้วกลับมาตื่นเต้นกับอุกกาบาต
     
    คราวนี้ก็เหมือนกันไว้ได้เครื่องเกมคืนเมื่อไหร่ ร่างสูงก็คงค่อยกลับมาถามลุงชมว่ามีอะไร
     
    “คุณหนูรอก่อน เห็นใกล้ๆอย่างนั้นไกลน่าดูเลยนะครับ...” เพราะทั้งวิ่งทั้งตะโกนคนแก่ก็เลยหมดแรงเสียงลุงชมก็เลยเบาลงเรื่อยๆ
     
    “คุณหนูรอก่อน.....” ชายแก่ฮึดตะโกนอีกครั้งเมื่อเห็นร่างสูงกระโดดข้ามรั้วเตี้ยๆออกไป
     
    “คุณหนูครับบบ....” เสียงตะโกนเป็นรอบที่สิบดังขึ้นแบบหมดแรง....ก็ยังไม่เป็นผล
     
    “เฮ้อ...วิ่งเร็วชะมัดคนแก่ตามไม่ทันแล้ว...”สุดท้ายลุงชมที่วิ่งพรางตะโกนพรางจนเหนื่อยหอบก็ยอมแพ้ หยุดวิ่งตามแล้วมองส่งเบื้องหลังชายหนุ่มที่ทิ้งช่วงไปไกลลิบ
     
     “วัยรุ่นใจร้อนจริงๆ...เฮ้อ” ลุงชมปาดเหงื่อ ถ้าเหนื่อยแล้วอย่ามาโทษลุงก็แล้วกันนะคุณหนู
     
     
    ...................................
     
     
    “แฮ่ก แฮ่ก ถะ...ถึงจนได้” ฟ้าครามเสยผมที่ปิดหน้าตัวเองออกอย่างรำคาญ รู้อย่างนี้รอลุงชมขับรถมาเอาให้คงจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปซะนาน คำที่ว่ายิ่งรีบยิ่งช้าคงเอาใช้ได้กับตอนนี้แบบพอดิบพอดี
     
    หน้าบ้านหลังสีขาวขนาดใหญ่หลังคาสีฟ้าเป็นจุดเด่นล้อมด้วยรั้วไม้เล็กๆ ฟ้าครามก็ได้มายืนหอบอยู่หน้าบริเวณบ้านของเจ้าของรถจนได้สายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กผู้ชายอายุราวๆสี่ห้าขวบมองมาที่เขาด้วยท่าทางหวาดกลัวเล็กน้อย
     
    ถ้ากลัวขนาดนั้นที่จริงฟ้าครามก็ไม่อยากเขาไปสักเท่าไหร่แต่ติดที่ว่าแถวนี้นี้ไม่มีคนอื่นให้เรียกถาม สำหรับชายหนุ่มแล้วเด็กเล็กๆไม่ต่างอะไรกับลูกระเบิดเท่าไหร่เพราะไม่รู้ว่าจะกรีดร้องออกมาเมื่อไหร่
     
    “พะ...พี่เป็นใคร” เด็กชายถามเสียงเบาเมื่อโดนคนตัวโตกว่าจ้องไม่เลิก
     
    “อ๊ะ พอดีพี่มาจากบ้านโน้นน่ะ ลืมของไว้บนรถเลยจะมาเอาคืน” ฟ้าครามพยามปั้นหน้าเป็นมิตร
     
    “อ้อ ของๆพี่ฟ้าใช่มั้ยฮะ พี่เช่เป็นคนเก็บไว้...”เด็กชายตอบเสียงอ่อมแอ่ม
     
    “งั้นไปเอามาให้พี่ทีได้มั้ย” ชายหนุ่มนึกโล่งอกที่เกมส์ของเขามันไม่ได้หายไปไหนแต่มีคนเก็บไว้ให้
     
    “แต่ว่าพี่เช่บอกว่าจะเอาไปคืนให้พี่ฟ้าเอง...”เด็กชายส่ายหน้านิดๆแล้วเลี่ยงไปหลบหลังต้นไม้
     
    “...พี่ฟ้า ก็พี่ไง ไปตามพี่เช่ของน้องมาคืนให้พี่เองก็ได้” ชายหนุ่มกุมขมับ เมื่อเด็กชายเอาแต่ส่ายหน้าไปมา
     
    “โกหก พี่ฟ้าเป็นพี่สาวตะหาก”
     
    “ห๋า นั้นคงคนล่ะฟ้าแล้วมั้งครับ งั้นไปตามผู้ใหญ่มาให้พี่สักคนทีสิ” ฟ้าครามเริ่มจะยอมแพ้เมื่อดวงตากลมโตของเด็กชายเริ่มรื้นไปด้วยน้ำตา
     
    “มะ...ไม่มีใครอยู่ มีแค่พี่เช่คนเดียว”
     
    “งั้นตามพี่เช่มาก็ได้” ฟ้าครามรู้สึกเหนื่อยใจเมื่อเจ้าตัวน้อยผลิตน้ำตาออกมาจริงๆ จำได้ว่าตัวเองตอนอายุประมาณนี้ก็เป็นผู้ใหญ่พอตัวแล้ว แต่เจ้าเด็กที่วิ่งร้องไห้หายเข้าไปในตัวบ้านนี่ยังกะเด็กทารก
     
    หวังว่าคงไม่ได้ไปตามพ่อมาไล่ตีหัวเขาหรอกนะ
     
    “เฮ้ยยย ใครกล้ารังแกน้องพี่เช่วะ” เสียงคำรามดังมาแต่ไกล ทำเอาชายหนุ่มถึงกับเหงื่อตกที่เดาอะไรได้แม่นมาก แต่เมื่อตัวพี่มาปรากฏตัวตรงหน้าจริงๆก็ทำเอาชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้ว
     
    “นายมาจากไหน กล้ามายุ่งกะน้องข้าวะ ไอ้ยักษ์” เด็กหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าคล้ายเด็กชายตัวน้อยแต่เพิ่มอายุขึ้นมา โวยวายทันทีเมื่อเห็นตัวต้นเหตุของน้ำตาน้องชาย ใบหน้าเรียว ผิวขาวนวลราวกับไข่มุกนั้น ทำให้ริมฝีปากที่ออกจะแดงดูน่ามองไม่ใช่น้อย ถ้าไม่สังเกตว่าภายใต้เสื้อกล้ามตัวโคร่งนั้นแบนราบล่ะก็ ฟ้าครามคงฟันธงไปแล้วว่าเป็นเด็กผู้หญิง
     
    “รู้รึเปล่าว่าข้าเป็นใคร ถึงได้คิดมาหยามถึงบ้าน”
     
    “ไม่รู้ รู้แต่ว่าฉันต้องเอาเครื่องเกมส์คืนที่นาย” ชายหนุ่มยืนมือมาตรงหน้าเด็กหนุ่มที่ดูจะงุนงงเล็กน้อย
     
    “คุณฟ้ามีแฟนแล้วหรอ”ใบหน้าขาวเงยขึ้นมองหน้าชายหนุ่มด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังขา
     
    “แล้วนายหมายถึงคุณฟ้าบ้านไหนล่ะ” ฟ้าครามนึกสงสัยขึ้นมานิดๆว่าเครื่องเกมส์อาจจะเป็นคนล่ะเครื่องเหมือนกะที่มีฟ้าคนล่ะคน
     
    “บ้านคุณอาพฤกษาสิวะ นายเดินมาจากบ้านนั้นไม่ใช่รึไง”
     
    “ถ้าบ้านนั้นยังไม่มี....” ถ้าหมายถึงตัวเขานะ ถ้าฟ้าอื่นเขาไม่รู้ แต่ถ้าใช่ฟ้านี้ล่ะก็เกมส์เครื่องที่อยู่กับพี่เช่คนนี้ก็ต้องเป็นของเขาแล้วล่ะไม่ใช่ของคนอื่น
     
    “งั้นฉันจะเอาไปของคืนให้ถึงที่บ้านคุณอาพฤกษาเอง นายไม่ต้องเป็นธุระหรอก ว่าแต่นายมาทำน้องฉันร้องไห้ทำไมวะ” พี่เช่เริ่มหาเรื่องอีกครั้ง
     
    “น้องนายร้องเอง ฉันแค่ถามหาของ ส่วนนายก็คืนของมาได้แล้วไม่ต้องไปถึงบ้านหรอกน่า” จะไปทำไมในเมื่อคนก็อยู่ตรงนี้
     
    “ฉันบอกว่าจะไปเองแกจะหาเรื่องรึไงวะ ไอ้ยักษ์ อย่าคิดว่าตัวใหญ่แล้วพี่เช่คนนี้จะกลัวนะเว้ย” เด็กหนุ่มกอดอกมองหน้าฟ้าครามไม่ยอมละสายตา เด็กชายตัวเล็กๆที่หลบอยู่ข้างหลังพี่ชายก็เริ่มผลิตน้ำตาอีกครั้ง
     
    ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กกว่าออกท่าออกทางขู่แล้วนึกอนาจใจ ถ้าหลังมือสักทีก็คงลงไปกลิ้งแล้วแท้ๆ แต่ฟ้าครามก็กลัวจะว่าจะเป็นการรังแกเด็ก จะให้คืนของก็ท่าจะไม่ยอมง่ายๆ คงอยากหาเรื่องไปเที่ยวเล่นที่ไร่เขาล่ะมั้งเพราะลุงชมก็บ่นให้ฟังมาระหว่างทางว่ามีเด็กแอบเข้าไปเล่นที่คอกม้าอยู่เรื่อย ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ค่อยจะกลัวกัน
     
    “เข้าใจแล้ว แต่อย่าให้เสียก็แล้วกัน ไม่งั้นมีเรื่องกันแน่”ฟ้าครามถอนหายใจยอมแพ้ ปล่อยให้เด็กๆกลับเข้าบ้านไปส่วนตัวเองก็เดินลากขากลับบ้านมือเปล่า
     
    ขามาว่าไกลแล้วขากลับไกลซะยิ่งกว่า ทางก็มืด หลังคาบ้านตัวเองก็มองไม่เห็น ที่ดีไปกว่านั้นคือ มือถือก็ดันไม่ได้หยิบมา ที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือท้องที่เริ่มร้องเพราะข้าวมือสุดท้ายที่กินเข้าไปก็เมื่อเช้ามืดแถมเป็นแซนวิชในสนามบินแค่คู่เดียวอีกต่างหาก
     
    ขณะที่กำลังสิ้นหวังอยู่นั้นเสียงตะโกนเรียกชื่อเขาก็ดังขึ้น ไฟหน้ารถสว่างจ้าเสียจนเขาแสบตา
     
    “คุณหนู คุณพ่อท่านกำลังจะตามไปที่บ้านคุณทรงศักดิ์พอดีเลย” ลุงชมจอดรับชายหนุ่มขึ้นมาบนรถ ด้านในมีชายวัยกลางคนกำลังส่งยิ้มกว้างให้เขาอยู่
     
    “เอ่อ....สวัสดีครับพ่อ” ฟ้าครามยิ้มแห้งๆเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าปลาบปลื้มเสียเต็มประดา จำได้ว่าเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี่ก็เพิ่งเจอกันไป ถึงพ่อกับแม่ของเขาจะเลิกกันไปนานนมแล้ว แต่ทั้งคู่ก็ยังเป็นเพื่อนกันและมีโอกาสได้พบปะกันเรื่องงานบ้างในบางครั้ง เพราะงั้นเขากับพ่อก็เลยได้เห็นหน้าค่าตากันอยู่ ไม่ใช่ว่าจากกันสิบกว่าปีแล้วเพิ่งมาเจอกันตอนนี้แบบที่คุณพฤกษาพ่อของเขาออกอาการอยู่เสียเมื่อไหร่
     
    “แล้วนี่ได้เครื่องเกมส์คืนรึยังล่ะ ฟ้า” พฤกษาเอ่ยถาม เพราะลูกของเขาคนนี้ติดเกมส์เสียจนเอริเซ่ผู้เป็นแม่บ่นกรอกหูมายังเขาจนหูแทบเปื่อย การมาถึงนี่โดยไม่มีเครื่องเกมส์อะไรสักอย่างแล้วล่ะก็ คนอย่างฟ้าครามคงขาดใจตายแน่
     
    “ยัง...เด็กที่ชื่อเช่ ไม่ยอมคืนเครื่องให้” ฟ้าครามบอกด้วยความเซ็ง
     
    “เช่หรอ...หมายถึงเปอร์เช่รึเปล่า ทำไมเขาถึงไม่ยอมคืนให้ล่ะ หรือว่าลูกไปทำให้เขาโกธรรึเปล่า”
     
    “ไม่รู้สิครับ เห็นว่าจะเอาไปคืนให้ที่บ้าน เด็กเล็กนี่เข้าใจยากจัง คนนึงก็ร้องไห้คนนึงก็โวยวาย” ร่างสูงบ่น
     
    “แต่เปอร์เช่นี่เขาอ่อนกว่าลูกแค่ปีเดียวเองนะ แล้วที่พ่อเคยเจอก็ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ดีนี่ลูก”
     
    “ห๋า อายุน้อยกว่าแค่ปีเดียว” อย่างนี้ไม่น่าแค่หลังมือ แต่น่าจะโดนกระทืบสักรอบให้หายเกรียน ฟ้าครามนึกหมายหัวอยู่ในใจ รอยยิ้มบนใบหน้าดูเย็นชาขึ้นมาทันทีจนคนเป็นพ่อนึกประหม่า
     
    ฟ้าครามนั้นถึงภายนอกจะดูเป็นคนสุภาพ แต่นั้นมันก็กับเฉพาะกรณีที่ชายหนุ่มเห็นควรว่าต้องสุภาพเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าถ้าชายหนุ่มรู้สึกว่าไม่เห็นควรขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็ไม่ต่างจากยักษ์จากมารนัก ทั้งเย็นชา เลือดเย็น เข้าขั้นไร้เลือดไร้น้ำตาเลยทีเดียว
     
    แล้วนี่ตูเผลอพูดอะไรผิดไปรึเปล่าเนี้ย คุณพฤกษาได้แต่นึกขอโทษขอโพย หนุ่มน้อยเปอร์เช่อยู่ในใจเมื่อรู้ว่าคำพูดเขาจะนำพาความซวยไปให้เด็กหนุ่มโดยไม่รู้ตัว
     
    “งะ..งั้นไปเอาเครื่องเกมส์คืนเลยดีมั้ยลูก ไปกับพ่อยังไงซะเปอร์เช่เขาก็ต้องคืน จะได้แวะไปสวัสดีลุงทรงศักดิ์เพื่อนพ่อด้วยเพราะนี่ก็ได้เวลากลับมาจากในไร่แล้ว” พฤกษาคิดว่าถ้าลูกเขาโกธรเรื่องเกมส์ก็ควรจะรีบไปเอาเกมส์คืนมาให้เร็วที่สุดเพราะยังไงฟ้าครามก็ต้องอยู่ที่นี่อีกนานพอสมควร โดยไม่รู้หรอกว่าการพบเจอกันครั้งนี้จะนำไปสู่สงครามระหว่างคนหนุ่มสองคน
     
    ................
     
    “สวัสดีครับ” ฟ้าครามยกมือไหว้ ลุงทรงศักดิ์ตามที่พ่อเขาแนะนำอย่างเรียบร้อย ตาก็เหลือบมองไปที่เปอร์เช่หรือพี่เช่ที่นั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ในมือก็หมุนเครื่องเกมส์ของฟ้าครามเล่นราวกับจะเยาะเย้ย
     
    “ไหว้พระเถอะลูก เอ้าลูกเช่ มาสวัสดีพี่ฟ้าเขาสิลูก”
     
    “หง่ะ พี่ฟ้า นี่คุณฟ้าของผมหรอพ่อ!!!!” เด็กอุทานเสียงหลงด้วยความตกใจ
     
    นี่ไม่เพียงเรียกว่าผิดคาดแต่เป็นตรงกันข้ามกับจินตนาการไปทั้งหมด ภาพสาวสวยลูกครึ่งผมสีทองหยิกยาวสลวยตาสีฟ้ากลมโตดวงหน้าขาวผ่องและรอยยิ้มใสกระจ่างพังครืนในพริบตาจะกระทั่งทุกอย่างในหัวสมองหยุดชะงักเผลอปล่อยมือจากของที่ถืออยู่
     
    “เฮ้ยยยยย” ตามมาด้วยเสียงร้อนรนของฟ้าครามเมื่อเมื่อเห็นเครื่องเกมส์ในมือเด็กหนุ่มร่วงลงพื้นต่อหน้าต่อตา ถึงเขาจะรีบเข้าไปคว้าแต่ชิ้นส่วนต่างๆก็หลุดกระจาย
     
    “คุณอาครับไหนว่าลูกอาเป็นผู้หญิงไง” เปอร์เช่ถามอย่างตื่นตระหนกไม่ได้สนใจฟ้าครามที่รีบเก็บชิ้นส่วนของที่ตัวเขาทำหล่นและทำตาเขียวใส่ เพราะเวลานี้ความฝันของเขาได้แหลกสลายไปเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มเฝ้าฝันถึงสาวสวยลูกครึ่งที่แสนจะน่ารัก อ่อนหวาน ขี้อ้อนมาได้ครึ่งเดือนแล้วนับตั้งแต่อาพฤกษาเพื่อนพ่อคนนี้บอกว่าลูกจะมาอยู่ด้วยให้ช่วยเป็นเพื่อนคุยให้หน่อยเพราะอายุใกล้เคียงกัน แต่เจ้าคนตัวโคตรสูง ท่าทางโคตรเถื่อนที่พาแนะนำนี่มันคืออะไร
     
    “อาไม่เคยพูดสักคำนะว่าลูกอาเป็นผู้หญิง”
     
    “ก็อาบอกว่าน่ารัก กะสวยเหมือนแม่ไงล่ะครับ” เปอร์เช่รีบเถียง
     
    “ก็ลูกอาหน้าเหมือนแม่เค้าออกนิ จริงมั้ยครับพี่ทรงศักดิ์” เมื่อจับเค้าลางได้ว่าเด็กหนุ่มกะจะจีบลูกตัวเองแต่ก็แห้วทันทีเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย พฤกษาก็หัวเราะไม่หยุดนึกขำไม่เลิกว่าไปฟังมาจากไหนกันแน่ถึงได้สรุปผิดไปได้ขนาดนี้
     
    เปอร์เช่หน้าหงิกทันทีเมื่อเห็นพ่อตัวเองหยักหน้าแล้วอมยิ้มขำ นี่ตาลงว่าเขาโดนแกล้งใช่มั้ยนี่
     
    ที่จริงก็ทรงศักดิ์เองรู้อยู่แล้วว่าลูกชายเองเข้าใจผิด แต่เห็นมันพร่ำเพ้อแล้วตลกดีก็เลยปล่อยให้เข้าใจผิดต่อไป จะผิดที่เขาคนเดียวก็ไม่ได้ในเมื่อคนบ้านโน้น เวลาเอ่ยถึงฟ้าครามทีไรก็จะได้ยินแต่เรียกว่าคุณหนูฟ้าทุกที ขนาดตัวพฤกษาเองยังเผลอเรียกฟ้าครามว่าน้องฟ้าอยู่เรื่อย เจ้าลูกชายตัวดีไม่เข้าใจผิดถึงจะแปลก
     
    “ชิ ชื่อยังกะผู้หญิงแล้วยังปล่อยให้คนเรียกคุณหนูอยู่ได้ ไม่ใช่ว่าเป็นแต๋วหรอกนะ” เปอร์เช่บ่นอุบอิบแต่ก็ไม่พ้นหูของใครบ้างคนที่บรรจงทุบหัวเด็กหนุ่มอย่างแรงในแทบจะทันที่ที่พูดจบประโยค
     
    “โอ๊ย เจ็บนะ” เปอร์เช่ร้อง เมื่อเห็นว่าคนทุบเป็นใครก็รีบส่งสายตาอาฆาตทันที
     
    “เตี้ยแล้วมีปมรึไงถึงเที่ยวมาเห่าคนอื่น” ฟ้าครามเหยียดยิ้มแล้วพูดรอดไรฟันพอให้ได้ยินแค่สองคน ทำให้เปอร์เช่อยากจะโวยวายกลัยก็ทำไม่ได้เพราะเดี๋ยวคงโดนพ่อด่าเอาแน่ๆ
     
    “ดีนะที่เกมส์ฉันไม่เสียไม่งั้นจะกระทืบมันตรงนี้นี่ล่ะ”
     
    “นายกล้าดียังไงฟ่ะ แค่ตัวใหญ่กว่าแล้วคิดจะมาข่มกันรึไง” เปอร์เช่แยกเขี้ยวจากนั้นก็จัดการเท้าเหยียบฟ้าครามเต็มแรงโดยที่ยังคงภาพลักษณ์พูดคุยอย่างสนิทสนมในสายตาผู้ใหญ่
     
     “หืม อย่างงั้นหรอ แล้วคิดว่าต้องทั้งขาดสารอาหารทั้งเตี้ยอย่างนายถึงเหมาะจะข่มหรอ” ฟ้าครามขยับรอยยิ้มกว้างยกมือวัดความแตกต่างของส่วนสูงตัวเองกับเด็กหนุ่ม
     
    “หนอย...แก” เปอร์เช่โกธรจนหน้าขึ้นสีเป็นสีแดง
     
    “จะทำไม...” ฟ้าครามที่เห็นว่าเด็กหนุ่มไม่คิดจะถอนเท้าออกไปสักทีก็จัดการทุบหัวอีกฝ่ายลงไปอีกครั้ง
     
    “อะ...ไอ้”
     
    “ว่าไง...” ร่างสูงยิ้ม ทุกครั้งที่อกฝ่ายตั้งท่าด่าอะไรออกมาเขาก็ทุบซ้ำลงไปอีกจนเด็กหนุ่มเริ่มน้ำตาคลอ
     
    “เลิกทุบสักทีได้มั้ย ไอ้บ้า”
     
    “นายก็เอาเท้าออกไปก่อนสิ” ฟ้าครามยื่นข้อเสนอ ก่อนที่คำว่าไม่จะหลุดปากเด็กหนุ่มออกมาอีกรอบชายหนุ่มก็แสยะยิ้มชวนสยองออกมาเสียก่อนทำเอาคนโดนปองร้ายถอยหลังออกมาโดยไม่รู้ตัว
     
    “นี่ทั้งสองคนอย่าชวนกันคุยอย่างเดียวสิ มาเตรียมกินข้าวได้แล้วไว้ค่อยคุยทีหลังก็ได้” ทรงศักดิ์เอ่ยชวนเมื่อแม่บ้านเดินมาแจ้งว่าเตรียมโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว
     
    “สนิทกันไวดีจังเลย ต้องขอบคุณหลานเปอร์เช่มากนะที่ชวนลูกอาคุย ปกติเจ้านี่ไม่ค่อยคุยกับใครง่ายๆหรอก ยังไงระหว่างที่ฟ้าอยู่ที่นี่ก็ช่วยเป็นเพื่อนให้ทีนะ” พฤกษาเดินเข้าไปโอบคอเปอร์เช่ตามหลัง ฟ้าครามที่โดนทรงศักดิ์ลากไปแล้ว
     
    “เอ่อ...ดูสนิทกันขนาดนั้นเลยหรอฮะอา” เปอร์เช่ได้แต่ยิ้มฟืดเฟือน
     
    “อืม คิดไม่ผิดเลยจริงที่ขอร้องหลานไว้ก่อน” คนเป็นอาส่งยิ้มละไมโดยหารู้ไม่ว่าใจคนฟังอยากจะร้องค้านออกมาแค่ไหน
     
    ช่างเป็นเวรกรรมของพี่เช่จริงๆ
     
    “กินกันให้เต็มที่ได้เลยนะ ถือว่าเป็นการต้อนรับฟ้า” ทรงศักดิ์ตบบ่าฟ้าครามที่โดนลากมานั่งใกล้ๆเบาๆอย่างเป็นกันเอง เมื่อมีอาหารอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มก็นึกขึ้นมาได้ทันทีว่าตัวเองกำลังหิวจัด
     
    “นายมีความเกรงใจเหลือเกินนะ...” เปอร์เช่เหล่มองชายหนุ่มอย่างหัวเสีย ของโปรดทั้งหลายของเขาถูกพ่อเอาไปประเคนให้คนอื่นเสียหมด
     
    ที่สำคัญกับคนที่เขาเหม็นขี้หน้า.....
     
    “อืม พ่อนายอุตส่าห์ชวนก็ต้องรักษามารยาทสิ” ฟ้าครามเหยียดยิ้ม
     
    “ไม่ใช่อย่างงั้นสักหน่อย ฉันหมายถึงนายควรจะมีมารยาทปฏิเสธหรือไม่ก็กลับบ้านไปซะต่างหาก” เปอร์เช่ออกเสียงขู่ในลำคอ ไม่รู้จะอาละวาดยังไงดีนี่ถ้าเป็นตัวฟ้าครามคนเดียวเด็กหนุ่มคงมีวิธีจัดการ แต่นี่ดันพ่วงอาพฤกษาที่เขารู้สึกเคารพมาด้วยทำให้ไม่กล้าทำตัวเป็นเด็กไม่ดีออกไป
     
    “ยังกะฉันอยากมา ถ้านายไม่เก็บเครื่องเกมส์ฉันไว้กะจีบสาว”
     
    !#o%!@”
     
    ช่วงเวลาของงานเลี้ยงผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงตอนลากลับเปอร์เช่ก็ยังไม่วายแอบกระซิบคำขู่อาฆาตให้ฟ้าครามอีกหลายคำเป็นของฝาก ส่วนชายหนุ่มเองก็ตอบแทนให้โดยการตอกกลับจนเด็กหนุ่มโกธรแค้นหนักขึ้นไปอีกโดยทุกอย่างล้วนดูเหมือนเด็กหยอกกันเสียมากกว่าจะรู้ว่าถ้าฆ่าคนได้โดยไม่ผิดกฎหมายคงลุกขึ้นมาฆ่ากันตายไปแล้ว
     
    แต่น่าจะเป็นทางฝ่ายเปอร์เช่ผู้ปราชัยซะมากกว่าที่รู้สึกโกรธเกลียดเคียดแค้นเพราะฟ้าครามนั้นเมื่อได้เครื่องเล่นเกมตัวเองคืนไป สมาธิส่วนมากก็เลยจดจ่ออย่างกับการเช็คสภาพของ ถึงปากจะยังจิกกัดเด็กหนุ่มอยู่ก็เถอะนะ
     
    “ฟ้าอย่าไปรังแกน้องนักสิลูก พ่อเห็นนะว่าเราทำอะไร” พฤกษาเตือนเมื่อขึ้นมาอยู่บนรถแล้ว
     
    “ก็เด็กนั่นมันหาเรื่องผมก่อน”
     
    “แต่ฟ้าก็ยังไปตอแย....รึว่าไม่จริง” คนเป็นพ่อดักคอ
     
    “ครับๆ อย่าให้เด็กนั่นมาหาเรื่องผมอีกก็แล้วกัน” ฟ้าครามไม่อยากต่อปากต่อคำจึงทิ้งตัวลงกับเบาะรถแล้วเปิดเครื่องเกมส์แสนรักที่พลัดพรากกันมาตลอดวันเล่นให้หายคิดถึงโดยมีผู้เป็นบิดามองด้วยความปลิดปลง
     
    เอลิเซ่ที่รัก....นี่คุณเลี้ยงลูกมายังไงของคุณกันแน่
     
     
    .........................
     
    “ไม่ต้องมามองหน้าฉันแบบนั้นเลย ฉันไม่มาเหยียบบ้านนายหรอกถ้าพ่อไม่บังคับ” เปอร์เช่หน้าเสียเมื่อเห็นคู่อริมองหน้าเขาที่มายืนเคาะประตูด้วยสายตาสงสัย
     
    ในมือหอบหนังสือเตรียมสอบพร้อมอุปกรณ์การเรียนมาหอบใหญ่ ไม่ต้องอธิบายฟ้าครามก็รู้ว่าคงเกี่ยวกับที่พ่อของเขากับลุงทรงศักดิ์คุยกันไว้เมื่อคืนก็คงไม่พ้นเรื่องคะแนนสอบที่แสนห่วยแตกของเด็กหนุ่มตรงหน้านี่และเคราะห์กรรมก็มาตกลงที่เขาที่ดันถูกยัดเยียดให้สอน
     
    “ฉันไม่ว่าง” ฟ้าครามเอามือเสยผมมือที่เปียกชุ่มออกจากใบหน้า
     
    ใบหน้าคมคายนั้นบ่งบอกอารมณ์ของเจ้าของได้อย่างดีว่าตอนนี้ชายหนุ่มกำลังอารมณ์เสียขนาดไหน ถึงอย่างนั้นเปอร์เช่ก็ยังไม่ยอมแพ้ถ้าหากเขากลับบ้านไปตอนนี้นอกจากจะโดนพ่อเยาะเย้ยไม่ไม่แน่จริงแล้วเขาจะยังโดนแม่ตัดค่าขนมอีกต่างหาก ถ้าไม่ใช่เพราะคะแนนสอบภาษาอังกฤษที่ต่ำเตี้ยติดดินของเขาแล้วตายยังไงเขาก็ไม่ยอมมาเด็ดขาด
     
    เมื่อไล่ไม่ไป ซ้ำป่าแช่มยังออกมารีบต้อนรับ ฟ้าครามก็เลยได้แต่จำใจให้เด็กหนุ่มเขามาในบ้านอย่างไม่เต็มใจนัก
     
    “โห นี่โจรปล้นบ้านรึเปล่าครับรื้อของออกมาเยอะเชียว” เปอร์เช่ถามป้าขณะมองข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่ในบ้านอย่างแปลกใจ
     
    “อ๋อ เปล่าหรอกคะ พอดีคุณฟ้าเธออยากได้เต้าเสียบที่ทีสามรูน่ะค่ะ แต่ค้นเท่าไหร่ก็ไม่มี....” ป้าแช่มกล่าวแบบลำบากใจ
     
    ถ้าจะมีอะไรสักอย่างที่ฟ้าครามต้องการมากกว่าเครื่องเกมส์แล้วล่ะ สำหรับตอนนี้ถ้ามีคนมาตั้งคำถามชายหนุ่มคงจะตอบว่าปลั๊กสามตาอย่างไม่ลังเล ถ้าถามเหตุผลมันก็คือที่ชาร์ตเครื่องเกมส์ของชายหนุ่มเป็นแบบสามขาที่ไม่ว่าจะมุมไหนของบ้านก็ไม่มีรู้ให้เสียบ อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆภายในบ้านที่จำเป็นต้องใช้ปลั๊กสามตาก็โดนหักจนเหลือสองขาเพื่อให้เสียบรูได้ไม่มีเว้นกรณี
     
    “จะเอาไปทำไมอ่ะครับ...” เปอร์เช่กลืนน้ำลายชะงักคำพูดที่จะอาสาให้ยืมแทบไม่ทัน
     
    เรื่องอะไรพี่เช่จะต้องให้มันยืมฟ่ะ
     
    “ปลั๊กเครื่องเกมส์น่ะค่ะ มันมีสามขาแต่ที่บ้านนี้เต้าเสียบทุกอันมันเป็นสองรูหมดไม่เว้นกระทั่งปลั๊กต่อสาย” ป้าแช่มอธิบาย เพราะแต่ไรแต่ไรมาที่บ้านนี้ไม่ค่อยมีคนมาพักนานแล้วมาพักทีก็ไม่กี่วัน
     
    “หักขาปลั๊กทิ้งก็พอมั้ง ยังไงก็ไม่ได้มีสายดินจริงๆอยู่แล้วนิ” เด็กหนุ่มแนะเพราะนี่คือสิ่งที่คนปกติแถวนี้ทำกัน ไม่ได้คำนึงถึงอะไรเท่าไหร่เรียกว่าเอาสะดวกไว้ก่อน
     
    “ป้าก็บอกแล้วแต่คุณฟ้าเธอไม่ยอม...”
     
    “งั้นนายจะยืมของฉันก็ได้นะ ถ้านายจะสอนภาษาอังกฤษให้” เปอร์เช่ยิ้มอย่างมีชัยให้ฟ้าครามได้แต่ปลายตามองรอยยิ้มอย่างผู้มีชัยของเด็กหนุ่มแล้วถอนหายใจ
     
    “สอนก็สอน....”
     
    “ดีมาก นายจะสอนฉันตรงไหน บ้านรกขนาดนี้” เปอร์เช่มองไปรอบบ้านแล้วนึกขยาด จะให้เรียนไปในสภาพรกๆแบบนี้มันคงไม่ค่อยจะมีสมาธิเท่าไหร่
     
    “ข้างนอกตรงศาลานั่งเล่นข้างคอกม้าเล็กนี่ก็ดีนะคะ ลมพัดเย็นสบายแถมใกล้แปลงกุหลาบด้วย แล้วป้าจะเอาขนมกับน้ำตามลงไปให้” ป้าแช่มเสนอ
     
    “ก็ดีครับป้า ขอบคุณนะครับ” เปอร์เช่ยิ้มรับ
     
    “เอางั้นก็ได้ นายไปรอก่อนเลย ฉันขอไปอาบน้ำแปบ เหนียวตัวจะตาย” ฟ้าครามถอดเสื้อยืดออกส่งให้ป้าแช่มรับไว้ก่อนจะเดินหายไปด้านบนทิ้งให้เด็กหนุ่มมองตามอึ้งๆ สำหรับผู้ชายมันไม่แปลกแต่นี่ต่อหน้าแขกที่รู้จักกันเพียงข้ามคืนนี่มันออกจะไร้มารยาทไปสักนิด
     
    ไร้มารยาทก็ตรงที่เอากล้ามเป็นมัดๆมาแยงตาคนไม่มีกล้ามอย่างเปอร์เช่จนเด็กหนุ่มต้องแยกเขี้ยวขึ้นมาอย่างหมั่นไส้ นึกอยากเอาอะไรเขวี้ยงใส่หัวไอ้คนหน้าด้านสักทีสองทีให้หัวแตก
     
    “ตามป้ามาเลยค่ะ คุณเปอร์เช่ รอไม่นานหรอกค่ะ คุณหนูฟ้าเธออาบน้ำเร็ว”
     
    “ครับป้า”
     
    ม้าตัวเก่งของพฤกษาส่งเสียงร้องทักทายเมื่อเปอร์เช่เดินเข้าไปใกล้คอกม้า เมื่อเห็นความสง่างาม รูปร่างไร้ที่ติ ขนสีดำสนิทมันวับเพราะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีของมันแล้วเด็กหนุ่มก็อดนึกชมเชยไม่ได้ซ้ำยังเลิกสงสัยว่าทำไมอาพฤกษาถึงได้หวงมันนัก
     
    ในไร่ของพฤกษานั้นไม่ได้มีคอกม้าเพียงแค่ตรงนี้เท่านั้นแต่ยังมีคอกม้าใหญ่ที่อยู่ออกไปด้วย แต่คอกม้าเล็กตรงนี้คือที่รวมม้าตัวโปรดของผู้เป็นเจ้าของ ที่คนเคยเล่าขานกันว่าพฤกษานั้นประคบประหงมม้าพวกนี้ราวกับลูกแต่ตอนนี้เปอร์เช่รู้แล้วกับลูกนั้นอาพฤกษาของเขาจะประคบประหงมยิ่งกว่าไข่ในหินซะอีก
     
    “นายชอบม้าหรอ....” เสียงทุ้มทักขึ้นมาจากด้านหลังทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้ง เมื่อคนที่คิดว่าน่าจะตามมาทีหลังตามมาเร็วกว่าที่คิดไว้
     
    “ก็ชอบอยู่หรอก แล้วนายไม่ชอบรึไง” เปอร์เช่ย้อมถาม
     
    “ก็ชอบอยู่หรอกนะ ว่าแต่นายจะให้สอนรึยัง” ฟ้าครามเดินนำขึ้นไปบนศาลานั่งเล่นแล้วเท้าคางมองเด็กหนุ่มวันนี้ชายหนุ่มไม่ค่อยมีอารมณ์จะทำอะไรนักเพราะยังง่วงนอนอยู่จากการที่ยังปรับตัวให้เข้ากับเวลาในไทยไม่ได้
     
    “สอนสิ” เปอร์เช่หน้ามุ้ย
     
    การสอนของฟ้าครามนั้นค่อนข้างจะเนินนาบแต่มันกลับทำให้เด็กหนุ่มเข้าใจง่าย ง่ายเสียยิ่งกว่าที่อาจารย์สอนซะอีกถึงจะไม่อยากยอมรับก็เถอะ พอคิดมาถึงตรงนี้เปอร์เช่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าทำไมฟ้าครามถึงได้พูดภาษาไทยได้คล่องนักไม่มีสำเนียงผิดเพี้ยนแม้แต่นิดเดียว
     
    “มองอะไร....” ฟ้าครามที่รู้สึกตัวว่าโดนเด็กหนุ่มจ้องหน้าก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เพราะเขาขี้เกียจสอนอยู่แล้วแต่ยิ่งพอคนฟังไม่ตั้งใจเขาก็ยิ่งอยากเลิกสอนเข้าไปอีก
     
    “แค่สงสัยน่ะ ว่าทำไมนายพูดภาษาไทยคล่องนัก อยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็กเลยไม่ใช่รึไง”
     
    “ก็มันเป็นภาษาบ้านเกิด หัดไว้ไม่เสียหาย” ชายหนุ่มยักไหล่ไม่ใส่ใจนัก ฟ้าครามพูดภาษาอื่นๆได้ตั้งอีก 5 ภาษา ที่จริงร่างสูงเองก็มีเรื่องที่ต้องติดใจสงสัยอยู่บ้างเหมือนกันคือเจ้าคนตัวเล็กตรงหน้านี้ยังไงก็เป็นผู้ชายแน่ๆ แต่ทำไมเขาต้องเผลอลอบมองอีกฝ่ายเพื่อให้ตัวเองแน่ใจจริงๆโดยไม่รู้ตัวอยู่เรื่อยเลยตั้งแต่เมื่อครู่
     
    ที่แย่ไปกว่านั้น เวลาเจ้าเด็กนี่ไม่ส่งเสียงโหวกแหวก....ก็ดู.....
     
    โธ่เว้ย คิดอะไรอยู่เนี้ย ฟ้าครามโวยวายในใจทั้งที่หน้าดูเรียบเฉยก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทางแล้วเริ่มจิกกัดเด็กหนุ่มแทน ซึ่งเจ้าคนตัวเล็กก็ประชดประชันกลับมาทันควันชนิดไม่มีถอย
     
    ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่....ฟ้าครามชะงักกับความคิดที่แวบขึ้นมาในหัวอย่างหวาดกลัว
     
    บ้าไปใหญ่แล้ว...
     
    ไม่สิต้องผิดที่ไอ้หมอนี่หน้าเหมือนผู้หญิงต่างหาก
     
    ไม่ ไม่ ไม่...ไม่เห็นจะเหมือนดูยังไงก็ผู้ชายชัดๆ หน้าอกก็ไม่มี
     
    ไม่น่ารักด้วยเพราะปากมอม
     
    ที่สำคัญ.....
     
                    “ก็แค่ไอ้เตี้ยธรรมดาๆ...”ชายหนุ่มหลุดปากออกมาเบาๆ
     
                    “เตี้ยแล้วหนักส่วนไหนของแกว่ะ ไอ้เสาไฟฟ้า” เปอร์เช่ขึ้นเสียงกลับทันควัน
     
                    “หึหึหึ ถ้าฉันเป็นเสาไฟฟ้าแล้วนายจะเป็นอะไรดีล่ะ หลักกิโล ตอหม้อ ถังขยะ...” ฟ้าครามถือโอกาสหัวเราะกลบเกลื่อนความคิดบ้าบอของตัวเอง
     
                    “....ไอ้ตึกใบหยก ไอ้...” เปอร์เช่เริ่มด่าไม่ออกไม่รู้จะหาอะไรมาด่าได้เพราะดูเหมือนด่าไปอีกฝ่ายก็ไม่ทุกข์ร้อนอะไร กลับเป็นตัวเองเสียอีกที่ดูย่ำแย่
     
    “กลับล่ะ” เปอร์เช่พูดเสียงห้วนเก็บข้าวของมาถือเอาไว้ไม่คิดจะต่อปากต่อคำ เพราะขืนยังต่อความอยู่เขาก็มีแต่จะเป็นของเล่นให้อีกฝ่ายซะมากกว่า สู้กลับไปเล่นกับอัลฟ่ากะมินิ น้องฝาแฝดที่น่ารักของเขาเสียยังจะมีสาระมากกว่า
     
    “เดี๋ยวสิ ป้าแช่มเดินถือขนมมาโน้นแล้วนายไม่อยู่กินก่อนหรอ” ฟ้าครามชี้ให้เด็กหนุ่มมองหญิงวัยกลางคนที่หอบเอาทั้งน้ำหวานและขนมมาถาดใหญ่
     
    “นายก็กินไปดิ ฉันจะกลับแล้วไหนๆก็สอนเสร็จแล้วนิ”
     
    “ฉันไม่ชอบของหวาน เพราะงั้นนายต้องรับผิดชอบที่ไปบอกป้าแช่มเค้าว่าจะกิน”
     
    “หา...”เปอร์เช่ถามแบบไม่อยากจะเชื่อหู เขาไปพูดตอนไหนกันว่าจะกิน
     
    “อ้าว คุณเปอร์เช่จะกลับแล้วหรอคะ ป้าทำขนมมาเยอะเลย” ป้าแช่มทำหน้าเสียดาย
     
    “ผมกินก่อนกลับก็แล้วกันครับป้า” เปอร์เช่กลับไปนั่งที่อีกครั้ง พยามไม่มองหน้าชายหนุ่มที่ยิ้มเยาะมาให้ขณะที่มองป้าแช่มที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรค่อยๆวางขนมให้ทีละจาน สุดท้ายก็เอาข้าวต้มร้อนกรุ่นหนึ่งถ้วยมาวางตรงหน้าชายหนุ่มพร้อมกับน้ำเย็นแก้วหนึ่ง
     
    “ทานข้าวด้วยนะคะ คุณฟ้า เดี๋ยวโรคกระเพาะจะถามหาเอา”
     
    “นายยังไม่กินข้าวเที่ยงอีกหรอ” เปอร์เช่สงสัย เพราะตอนนี้มันจะบ่ายสามอยู่แล้ว
     
    “ข้าวเช้าต่างหากล่ะคะคุณ คุณฟ้าเป็นประเภทถ้าไม่ยัดเยียดก็ไม่กิน เมื่อเช้ายุ่งๆกันอยู่ป้าก็ลืมดู นี่ถ้าไม่เข้าไปทำความสะอาดที่ห้องก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าข้าวยังวางทิ้งไว้อยู่” ป้าแช่มพูดเหมือนจะฟ้องเด็กหนุ่มอยู่กลายๆ
     
    “ก็แค่ลืมน่ะ....คราวหลังจะกินให้เรียบร้อยแล้วกัน” ฟ้าครามตักข้าวต้มเข้าปากด้วยความหิว เมื่อวานก็ลืมมาได้ทั้งวัน วันนี้ก็ยังมาลืมอีก
     
    อืม...สงสัยต้องนอนยาวๆสักวันให้ตัวเองปรับเวลาให้เรียบร้อยสักทีไม่งั้นเวลากินกับเวลานอนสลับกันมั่วไปหมด
     
    “ขนาดเรื่องกินยังลืมได้นี่มัน....” เปอร์เช่มองชายหนุ่มที่จะเริ่มหาวออกมาเป็นระยะ ดูเหมือนว่าพออิ่มก็จะเริ่มง่วงนอนและแล้วก็ฟุ่บหลับลงไปทั้งอย่างนั้นจริงๆก่อนจะโงหัวขึ้นมาอย่างงุนงงให้เด็กหนุ่มได้อ้าปากค้าง
     
    “เฮ้ยยย บทจะหลับก็หลับงี้เลย” เปอร์เช่หันไปมองหน้าป้าแช่มที่ยืนอมยิ้ม
     
    “เรื่องปกติค่ะ คุณเปอร์เช่ คุณฟ้าค่ะอย่าหลับตรงนี้ ถ้าจะนอนก็ขึ้นห้องก่อนค่ะ” ป้าแช่มสะกิดเรียกฟ้าครามให้ลุกขึ้นมางัวเงีย
     
    “อือ ง่วง...”
     
    ฟ้าครามขยี้ตาเล็กน้อยเมื่อตัวเองเผลอหลับอย่างไม่ได้แต่พอเห็นสีหน้าเด็กหนุ่มที่มองตะลึงเขาก็ขำ คนๆนี้คิดอะไรอยู่ก็ออกทางสีหน้าไปเสียหมด ไม่ใช่ว่าไม่ดีอะไรเพียงแต่ชายหนุ่มอยู่ในสังคมที่มองเห็นหน้าแต่ไม่รู้ใจมาโดยตลอดแม้อีกฝ่ายจะยิ้มแย้มให้อย่างไรก็ต้องคอยระวังตัวไม่ใช่ถูกแทงข้างหลัง ยิ่งอีกฝ่ายดีกับตัวเองเท่าไหร่ก็แปลว่ายิ่งต้องการผลประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น
     
    ผิดกับคนตรงหน้าที่ดูจะไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรทั้งนั้น
     
    ออกจะดูโง่ๆด้วยซ้ำ.....
     
    “หัวเราะอะไรของนาย” เปอร์เช่เหล่มองร่างสูงอย่างไม่ไว้ใจ
     
    “เปล่า แค่เหมือนจะเห็นของตลกน่ะ ฉันง่วงแล้วจะนายกลับรึยังล่ะ” ชายหนุ่มลุกขึ้นบิดตัวเล็กน้อย
     
    “กลับ นายไปนอนได้เลยเมื่อครู่ป้าแช่มบอกแล้วว่านายยังปรับเวลาไม่ได้ ขอโทษที่วันนี้มารบกวนแล้วกัน” เปอร์เช่ตัดสินใจไม่ต่อความยาวอีก รีบกลับบ้านก่อนประสาทเสียจะดีกว่าเพราะว่าพรุ่งนี้มีสอบ
     
     “ไม่ล่ะ ฉันจะตามไปเอาปลั๊กที่บ้านนายก่อน”
     
     “ตามใจนาย แต่ฉันเอาจักรยานมานะ นายจะไปยังไง”
     
    “ให้ลุงชมขับรถไปให้มั้ยค่ะ คุณเปอร์เช่ก็เอาจักรยานใส่ท้ายกะบะไปด้วยเลย” ป้าแช่มยิ้มแล้วเดินไปเรียกสามีตัวเองทันทีโดยไม่รอคำตอบ
     
    “นายก็ไปเอาจักรยานมาใส่รถล่ะกัน”
     
    “เออๆได้ สั่งกันจริงนะ จริงสิตั้งแต่มาฉันยังไม่เห็นคุณอาพฤกษาเลย”
     
    “พ่อฉันก็ออกไปกะพ่อนายตั้งแต่เช้านั้นหล่ะ”
     
    ………………………..
     
     “เย้ พี่เช่กลับมาแล้ว มาเร็วเข้าสิอัลฟ่าอย่ามัวแต่อายสิ” เด็กหญิงตัวน้อยวิ่งออกมารับพี่ชายอย่างร่าเริงชวนฝาแฝดตัวเองที่หน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะแต่นิสัยดูจะต่างกันสุดขั้วเพราะสาวน้อยคนนี้ทั้งช่างพูดและไม่ขี้อายเลยสักนิด
     
    “หืม อ้อนจริงนะเราจะรอพี่เช่ไปเล่นอะไรด้วยฮึ” เด็กหนุ่มก้มลงไปอุ้มน้องสาวตัวน้อยมาหอมฟอดใหญ่
     
    “นี่น้องสาวฉัน ชื่อมินิ ส่วนเจ้าเด็กขี้อายนี่ชื่ออัลฟ่า”
     
    “พ่อนายท่าทางจะชอบรถนะ ชื่อแต่ละคนเป็นยี่ห้อรถทั้งนั้น” ฟ้าครามอดทึ่งนิดๆไม่ได้อะไรพี่น้องจะชื่อคล้องจองกันได้ขนาดนี้
     
    “หึหึหึ นี่ยังน้อยนะฉันมีพี่สาวอีกสองคนชื่อลีมูซีนกับเฟอร์รารี่ด้วย” เปอร์เช่รีบอวด
     
    “พี่นายจะชื่ออะไรก็ช่างเถอะนายไปเอาตัวต่อปลั๊กมาให้ฉันสักทีดีกว่า” ชายหนุ่มเร่งเพราะเขาง่วงจนจะยืนหลับได้อยู่แล้ว อย่าว่าแต่จะมาชวนคุยเลยลืมตายังไม่อยากด้วยซ้ำ
     
    “รู้แล้วน่า” เปอร์เช่เดินก้าวฉับๆขึ้นบนบ้านมีอัลฟ่าเดินตามต้อยๆไม่ห่าง ส่วนมินินั้นนอกจากจะไม่ยอมตามพี่ชายไป ยังแสดงอาการสนใจฟ้าครามด้วยซ้ำ
     
    “สีผมพี่ชายแปลกจังเลย ตาก็เป็นสีฟ้าด้วย” เด็กหญิงวิ่งวนรอบตัวชายหนุ่ม จ้องโน้นจ้องนี่เสียจนฟ้าครามนึกไปถึงสวนสัตว์ นี่ตกลงว่าเขาน่าสนใจพอๆกะแพนด้าเลยรึ
     
    “ชื่อมินิงั้นหรอ...เมื่อวานไม่เห็นเจอหน้าเลย”
     
    “ค่า เมื่อวานมินิเข้าไปที่ไร่กะคุณพ่อมาแต่วันนี้คุณพ่อไปกะคุณอาพฤกษามินิก็เลยไม่ไปด้วย” เด็กสาวตอบ
     
    พูดรู้เรื่องกว่าตัวพี่แล้วก็ฝาแฝดเยอะ เมื่อฟ้าครามได้ข้อสรุปในใจดังนี้ ชายหนุ่มก็เลยยอมเป็นเพื่อนคุยให้เด็กหญิงด้วยความเต็มใจครั้นเมื่อคุยกันไปได้สักพักเขาก็สัมผัสได้ถึงความรู้มากเกินเด็กทั่วไปแต่น่าเอ็นดูเข้าไปอย่างจัง
     
    “อ้าว พี่เขายอมคุยด้วยหรอมินิ” เปอร์เช่ที่กลับลงมาพร้อมตัวต่อปลั๊กในมือสงสัย เพราะชายหนุ่มท่าทางไม่ค่อยเป็นมิตรกับเด็กมากนัก
     
    “ค่า พี่เช่” มินิฉีกยิ้มหวานจนตาหยีให้พี่ชาย
     
    ระหว่างที่พี่ชายน้องสาวกำลังแสดงความรักในครอบครัวอย่างดูดดื่มนั้นฟ้าคราที่ต้องทนยืนรอแล้วรอเล่าก็ลืมง่วงขึ้นมาอีกครั้ง ร่างสูงหาวหลายๆครั้งติดกันจนสามารถแทรกเข้าไประหว่างความสัมพันธ์พี่น้องจนได้ ทำให้เปอร์เช่ต้องจำใจวางน้องสาวตัวน้อยของตัวเองลงแล้วหันมาให้ความสนใจกับชายหนุ่มที่ยืนสลึมสลืออยู่แทน
     
     “อ๊ะ ปลั๊ก แล้วนายก็กลับไปนอนได้แล้วมั้งตาจะปิดอยู่แล้วนิ” เด็กหนุ่มออกปากไล่อยู่กลายๆมือก็ยื่นส่งของให้ชายหนุ่มรับไปถือเอง แต่ชั่วจังหวะนั้นชายหนุ่มที่ยืนโงนเงนมานานก็ทิ้งตัวล้มทับคนตัวเล็กกว่าอย่างไม่ทันตั้งตัว นัยน์ตาปิดสนิทเข้าสู่ห้วงนิทรากลางอากาศไปเรียบร้อยสมบูรณ์แบบ
     
    “เหวอ คุณฟ้า คุณแปอร์เช่” ลุงชมที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลรีบมายกปีกนายน้อยตัวเองให้ลุกขึ้น ใจนึงก็นึกสงสารเด็กหนุ่มที่โดนทับไปเต็มๆ
     
    “โอ๊ย หนักชิบ นึกว่าจะตายเพราะขาดอากาศซะแล้ว คนไรเนี่ยยืนหลับก็ทำได้” เปอร์เช่ที่ตะกายขึ้นมาจากพื้นได้ก็เริ่มโอดครวญไม่หยุด
     
    “คุณฟ้าคงง่วงจริงๆน่ะครับ ต้องขอโทษแทนด้วยนะครับ” ลุงชมจับชายหนุ่มขึ้นไปนั่งบนเบาะแบบทุลักทุเลเพราะส่วนสูงของชายหนุ่มนั้นก็มากกว่ากว่าลุงชมไม่น้อย
     
    “ไม่เป็นไรหรอกครับลุงยังไงก็เอาหมอนี่ไปเก็บดีๆแล้วกัน” เปอร์เช่โบกมือลารถที่วิ่งออกจากรั้วบ้านตัวเองไปจนลับตาก่อนจะหันกลับมายิ้มให้น้องทั้งสองคนของตัวเอง
     
    “เอ้าเด็กๆ แขกกลับไปหมดแล้วเราจะเล่นอะไรกันดีน้า”
     
    “วิ่งไล่จับดีมั้นค่ะพี่เช่”
     
    “อืม ได้สิมินิ...มาเล่นเร็วอัลฟ่า”
     
    “คร้าบ พี่เช่”
     
     
    …………………….
     
     
    “แน่ใจนะว่าแค่ง่วงจนเผลอหลับกลางอากาศเฉยๆ” พฤกษากลับจากไร่แล้วแวะบ้านทรงศักดิ์ได้ยินเปอร์เช่เล่าให้ฟังขำๆแล้วอดห่วงไม่ได้ต้องรีบกลับมาดูลูกชายตัวเองก่อนจะถามลุงชมเสียงเข้ม
     
    “แน่ใจสิครับ” ชายสูงวัยยิ้มแห้ง หมอที่พามาก็ตรวจดูแล้วก็บอกว่าไม่มีอะไร เจ้านายของเขาก็ยังขมวดคิ้วคนเป็นปมไม่เลิก นิสัยขี้เห่อลูกชายแบบไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้ไม่อย่างจะเชื่อว่าคุณพฤกษาจะเป็นกับเขาด้วย
     
    “งั้นก็แล้วไป....ถ้าเอลิเซ่รู้เข้าฉันคงปวดหูน่าดู” คุณพฤกษาบ่นพึมพำ ทำเอาลุงชมรู้สึกแล้วว่าทำไมคุณฟ้าถึงได้เอาแต่ใจนัก เพราะทั้งพ่อทั้งแม่เอาใจกันขนาดนี้ไม่เสียคนก็บุญโขแล้ว
     
    แต่การที่เล่นเกมส์ไม่เลิกนี่....คือเสียคนแล้วรึเปล่านะ?
     
    ...............................
     เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เราแต่งอย่างจริงจัง ออกจะเพี้ยนๆไปบ้างก็อยากให้มาอ่านกันนะ ถ้าช่วยวิจารณ์ด้วยจะดีใจมากเลยล่ะ เมื่อกี้แอบเห็นคนมาเม้นท์คนนึง ขอบคุณนะคับ ^ w ^ /RaY
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×