ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เป็นเกมจีบหนุ่มแล้วไง? ข้าขอเล่นแบบเกม Action RPG แล้วกัน!

    ลำดับตอนที่ #81 : The Secret Flower Field : 03

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 183
      21
      22 ก.ย. 63


    จู่ๆก็มีเสียงดังแทรกขึ้นมาในความคิดของผม 

    และยิ่งเสียงนั้นดังขึ้นเท่าไร ร่างกายผมก็เหมือนรู้สึกถึงการบีบรัดจากสิ่งที่ไม่ควรจะมีอยู่ในที่แห่งนี้


    “นี่ อาเจนโต้ ตื่นได้แล้ว เร็วๆสิ”


    เสียงนั้นยังคงดังอย่างต่อเนื่อง และแน่นอนว่าผมจำเสียงนั้นได้ดี เสียงของเด็กสาว เสียงในอดีตของคนที่ผมรัก เพียงแต่ ถ้าหากเสียงที่ดังอยู่นั้นคือเสียงของเอลิเชีย แล้วคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมนั้นเป็นใครกันล่ะ


    “อาเจนโต้ เป็นอะไรไปเหรอ?”


    เอลิเชียเอ่ยขึ้น ในขณะที่จ้องมองผมที่กำลังทำใบหน้าที่บิดเบี้ยวอยู่


    ผมปวด ปวดไปทั้งตัว รู้สึกเหมือนถูกรัดและถูกดูดพละกำลังไปจนหมด ร่างกายเริ่มอ่อนเพลีย คอเองก็เริ่มแหบพร่า แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น

    ก็คงจะทำให้เอลิเชียไปห่วงไปมากกว่านี้ไม่ได้ ผมจึงฝืนยิ้มและพูดออกมา


    “ปะ....ปวดหลังน่ะ เมื่อคืนสงสัยนอนตกเตียงมั๊ง?”


    “โถ่ว ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ! ดูแลตัวเองหน่อยสิ”


    พอพูดแบบนั้นก็ค่อยๆลุกขึ้นพร้อมกับพยุงท้องอันใหญ่โตและมาตรวจเช็คร่างกายของผม


    “มะ.. ไม่มีอะไรหรอกน่า เดี๋ยวก็หายแล้วล่ะ”


    ขืนขยับมากอาจจะเป็นอันตรายต่อลูกในท้องได้นะ ผมจึงรีบพาเอลิเชียไปนั่งดังเดิม


    ชาสมุนไพรที่ชงก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะเริ่มชืดแล้ว คงเป็นเพราะเสียเวลาคุยนานไปหน่อย ผมจึงเทของเก่าทิ้งและเริ่มชงชาแก้วใหม่ให้กับเอลิเชีย


    อันที่จริง จากที่หมอของหมู่บ้านบอกมานั้น ดูจากครรภ์ของเอลิเชีย อีกไม่นานก็คงใกล้คลอดแล้ว เอลิเชียเองก็บอกว่าใกล้จะครบ 9 เดือนแล้วเช่นกัน ก็ไม่รู้ความหมายหรอกว่าทำไมถึงต้องเก้าเดือน แต่ถ้าหากตัวคุณแม่เองอย่างเอลิเชียบอกเอาไว้เช่นนั้น ผมก็เชื่อว่ามันน่าจะเป็นอย่างที่เธอว่า


    คิดไปเรื่อยเปื่อยอยู่สักพักหนึ่ง จู่ๆเสียงในหัวก็หายไป ความเจ็บปวดก็หายไปจนหมดสิ้นแล้ว ผมจึงปล่อยเอลิเชียให้ดื่มชายามเช้าพักผ่อนไปก่อน ส่วนผมเอง หลังจากกลับไปนอนพักผ่อนแล้วก็จะเริ่มทำงานเช่นกัน


    ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ผมนั้นได้รับการช่วยเหลือจากชาวบ้านหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องที่อยู่ และเรื่องของการงาน อาจจะเป็นเพราะมีสายเลือดของราชวงศ์ด้วยทำให้พลังเวทมนตร์ของผมนั้นรุนแรง พอชาวบ้านรู้เช่นนั้นจึงมอบหน้าที่ให้ผมเป็นยามเฝ้าหมู่บ้าน และคอยป้องกันภัยจากมอนสเตอร์


    แรกๆก็เหนื่อยอยู่หรอก แต่พอทำมาได้หลายปีก็เริ่มคุ้นชินกับมันเสียแล้ว


    เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ๆ หลังจากตะวันเคลื่อนคล้อยและตกลงสู่ฝืนฟ้า บัดนี้ยามค่ำก็กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ทานข้าวเย็นเสร็จแล้ว ผมก็ตระเตรียมพาเอลิเชียเข้านอนและรวบรวมอุปกรณ์ต่างๆสำหรับทำงาน วันนี้โชคดีหน่อยที่กิอา จะเป็นคู่เข้าเวรตรวจตราด้วยกันกับผม


    ถ้าหากเป็นคนอื่นล่ะก็ ผมอาจจะเกร็งนิดหน่อย อาจจะเพราะด้วยอายุที่ต่างกันด้วยล่ะนะ แต่สำหรับกิอาที่อายุใกล้เคียงกันแล้ว ช่วงเวลากลางคืนของวันนั้นๆจะค่อนข้างสนุกกว่าปกติ


    “เห้ มาดื่มกันเถอะ!


    คิดอยู่สักพักหนึ่งจู่ๆเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น ร่างของชายหนุ่มที่คุ้นเคยก็ปรากฏออกมาให้เห็น กิอานั้นเป็นชายหนุ่มร่างบางที่มีรูปลักษณ์และผิวพรรณราวกับผู้ที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของขุนนาง เส้นผมสีดำและเรียบตรงของเขานั้นช่วยขับรูปลักษณ์ของเขาจนสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่า เขาเป็นคนที่หน้าตาดี


    ถึงแม้ว่าในครั้งแรกที่ได้พบนั้นจะตกใจเล็กน้อย เพราะว่าหน้าตาของเขาคล้ายกับ พ่อบ้านส่วนตัวของเอลิเชีย คลาวด์ มาก แต่พอรู้จักตัวจริงของเขาแล้ว ก็รู้ได้เลยว่า กิอานั้นเป็นคนบ้าๆบอๆกว่า จนเรียกได้ว่าหล่อเสียของเลยทีเดียว


    “นี่ เพิ่งจะเริ่มงานเองนะ จะให้เมาตั้งแต่แรกเลยหรือไงกัน!


    พอคำพูดที่ไม่รื่นรมย์จากเพื่อนรักของผมออกจากปากมาคำแรก ผมจึงปัดตกอย่างเยือกเย็นทันที พร้อมกับเฝ้ามองกิอาปีนอาคารขึ้นมาอย่างเก้ๆกังๆและมานั่งข้างๆผม


    ที่แห่งนี้คือป้อมสังเกตการณ์ 


    ป้อมสังเกตการณ์แห่งนี้ถูกตั้งไว้กลางหมู่บ้าน เป็นอาคารสูงลิบซึ่งสามารถเห็นความเคลื่อนไหวจากรอบๆด้านได้ ถ้าหากมีโจรมาบุกหมู่บ้านล่ะก็ ให้เคาะระฆังสามทีดังๆ ถ้าหากทหารมาเยือนหมู่บ้านล่ะก็ ให้เคาะ 5 ทีดังๆ ถ้าหากมีมอนสเตอร์เข้ามาโจมตีล่ะก็ ให้ฆ่ามันซะ แต่ถ้าไม่ไหว ให้เคาะระฆัง 10ครั้งดังๆเพื่อเตือนภัยให้กับทั้งหมู่บ้าน


    ภายใต้แสงดาวที่สุกสกาวในยามค่ำคืนนั้น งานของเรามีเพียงแค่นี้เท่านั้น และที่สำคัญคือ ในเกาะที่แยกตัวเป็นเอกเทศเช่นนี้ การที่จะมีโจร ทหาร หรือมอนสเตอร์ฝูงใหญ่ๆมาจู่โจมนั้นแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียเลย ดังนั้นงานส่วนใหญ่ของพวกเราก็จะมีแค่นั่งเฝ้าอยู่ที่นี่จนถึงช่วงเช้า และกำจัดมอนสเตอร์ที่หลงเข้ามาในบริเวณหมู่บ้านเล็กน้อยก็เท่านั้น


    “นายนี่จริงจัง จังน้า~ ชีวิตมันต้องรื่นเริงสิ รื่นเริงน่ะ เครียดแบบนี้เดี๋ยวจะหาเมียไม่ได้เอานะ~


    “แกเมาแล้วใช่ไหมเนี่ย? เมียชั้นจะคลอดอยู่วันสองวันนี้แล้วนะ.....”


    “งั้นเดี๋ยวนางก็จะทิ้งแกมาหาข้าเองแหละ คอยดูเอาไว้ให้ดีๆนะ~~”


    “ถ้าถีบเอ็งตกไปจากตรงนี้คงไม่มีใครว่าสินะ?”


    ทั้งๆที่เคยบอกหลายๆครั้งแล้วแท้ๆว่าอย่าเพิ่งหัวราน้ำตั้งแต่เริ่มงาน แต่ก็นะ...เพราะกิอาเป็นแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายทุกครั้ง

    ที่อยู่กับหมอนี่ 


    คิดดังนั้นผมก็ทำเฉกเช่นทุกที ผมเสกเวทย์ฟองสบู่ขึ้นคลุมหัวของกิอาและปล่อยน้ำลงไปในนั้นให้กิอาสำลักน้ำและอาเจียนออกมา พอเป็นเช่นนั้น อีกไม่นานหมอนี่ก็สร่างเมาจนได้


    “ฮี่ๆๆ ขอโทษนะ”


    เวลาผ่านไปสักพัก พอรู้สึกตัวหมอนั่นก็หัวเราะพร้อมกับพูดอย่างร่าเริงเหมือนเช่นทุกครั้ง


    “เฮ้อ~ เพราะแกเป็นเป็นนี้ไง พออยู่ด้วยกันแล้วถึงไม่รู้สึกเบื่อเลยสักนิด”


    “อะไรกัน แอบชอบเค้าเหรอเนี่ย ผู้ชายมีลูกมีเมียเดี๋ยวนี้ ก็มีความคิดแปลกๆเหมือนกันเนอะ~~~


    กึด


    กะจะชมมันสักหน่อย แต่ไม่นานก็ทำสติแตกจนได้ ผมหิ้วคอเสื้อเจ้าเพื่อนปากมากขึ้น แล้วจับมันเอาไปไว้ที่ปลายขอบของป้อมสังเกตการณ์ ปล่อยมันลงไปดีไหมนะ?


    “ดะๆๆๆๆๆๆ เดี๋ยวก่อนสิเพื่อนรัก จะทำอะไรน่ะ ไม่นะ ไม่นะ ขอโทษครับ!!!!!!!


    ***


    ผ่านไปสักพักหนึ่งหมอนี่ก็สงบลงได้ ดูเหมือนว่าตอนนี้จะสร่างเมาแบบสมบูรณ์แล้ว จึงนั่งอย่างสงบลง พร้อมกับขวดเหล้าคู่ใจในมือ


    “เออ แล้วช่วงนี้เอลิเชียเป็นไงบ้างล่ะ?”   


    แน่นอนว่าบุรุษแมลงสาปอย่างหมอนั่นฟื้นตัวได้รวดเร็วยิ่งกว่าวัชพืชเสียอีก พอหมอนั่นกลับมานั่งข้างๆผมแล้วก็เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าระรื่น


    อืม...ช่วงนี้น่ะหรือ?


    “ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ช่วงนี้เหนื่อยง่ายแล้วก็ขี้บ่นน่ะ ถึงปกติจะบ่นเยอะอยู่แล้วก็เถอะ แต่ช่วงนี้จุกจิกเยอะเป็นพิเศษ”


    ผมจึงพูดระบายเช่นนั้นออกมา แต่ความจริงแล้วก็ไม่ได้รู้สึกเป็นภาระอะไรหรอกนะ เพราะถ้าแค่นึกถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ต่อให้เหนื่อยอีกสักแค่ไหนผมก็ทนไหว


    ภายใต้แสงดาวระยิบระยับจนเต็มท้องฟ้า ผมค่อยๆหลับตาลงนึกถึงในอนาคต ภาพของสองสามีภรรยาที่ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ภาพลูกชายที่วิ่งไล่จับกับลูกสาวอย่างร่าเริง ใช้ชีวิตไปด้วยกัน เฝ้ามองวันแต่งงานของลูกชาย เฝ้ามองวันที่ต้องส่งตัวลูกสาว


    และในบั้นปลายของชีวิต เราทั้งสองก็มานั่งข้างกันใต้ต้นไม้สารภาพรัก หยิบแก้วชาเก่าๆขึ้นดื่ม และหลับตาลงเบาๆ


    ฟังเสียงของเอลิเชียที่สั่นเครือด้วยอายุที่มากขึ้น พูดถึงจุดจบของชีวิต และผมที่เป็นคนห้ามพลางจับมือเธอเอาไว้  


    ความฝันแบบนั้น ต่อให้เป็นแค่ความฝัน ผมก็พอใจ พอใจแล้วล่ะ  


    “อาเจนโต้ ยังไม่ใช่เวลาจะมาหลับตอนนี้นะ! ตื่นเดี๋ยวนี้”


    ฮึก!!


    และจู่ๆ ในขณะนั้นเอง เสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง


    อึก....


    กึกๆ ผมเริ่มกัดฟันแน่น ความเจ็บปวดเริ่มสอดแทรกเข้ามา และเข้ามาเรื่อยๆ


    “อ๊ากกกกกกก”


    เจ็บปวดจนทนไม่ไหวและเผลอร้องออกมาอย่างไม่เป็นเสียง


    “อาเจนโต้ อาเจนโต้ เห้? เป็นอะไรน่ะ”


    เสียงของกิอาดังขึ้น ผมค่อยๆหันไปมองเพื่อนรักที่กำลังพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แต่....


    ไม่มี.... ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือวัตถุรูปร่างมนุษย์ที่คล้ายกับหุ่นไม้ไร้หน้าตา ไม่มีกิอาอยู่ตรงนั้น


    “เหวอ!!


    ผมจึงเผลอร้องออกมา และทันทีที่ร้อง อาการปวดอย่างรุนแรงที่ศรีษะก็กำเริบ ผมพยายามกดศรีษะลงครั้งหนึ่งเพื่อทุเลาอาการ และเมื่อมองร่างที่เข้าใกล้ตัวผมอีกครั้ง ก็พบว่า นั่นคือกิอา


    “ตาฝาด....งั้นเหรอ?”


    “ไม่ไหว หลับไปอีกแล้วสินะ ถ้าเช่นนั้นคงต้องทำให้ตื่นจากฝันร้ายแล้วล่ะ”


    ต่ยังไม่จบ ทั้งๆที่เสียงที่ไม่ต้องการได้ยินน่าจะหายไปแล้วแท้ๆ แต่จู่ๆเสียงมันก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ทำเอาร่างของผมสั่นสะท้านไปกับคำพูดของต้นเสียงนั้นทันที


    เอลิเชีย ไม่นะ อย่าทำลายฝันอันนี้นะ


    ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาจากในสมองอย่างไม่มีสาเหตุ และในขณะนั้นเอง เมื่อมองไปรอบๆหมู่บ้านผ่านทางด้านบน สิ่งที่พบกลับทำให้ผมเบิกสายตากว้างอย่างสิ้นหวัง


    ทั้งสามด้านของเกาะ ตอนนี้ถูกล้อมเอาไว้จนหมดสิ้นแล้ว ทั้งทหาร ทั้งโจรป่า และฝูงมอนสเตอร์

    สถานการณ์ในตอนนี้เรียกได้ว่าตกอยู่ภายใต้ความสิ้นหวัง


    มอนสเตอร์เริ่มบุกเข้ามาและโจมตีตัวเมืองจากด้านนอกไล่เข้าไปข้างใน เสียงจ้าละหวั่นและเสียงกรีดร้องของชาวเมืองดังขึ้น ในขณะที่ผมยังไม่ทันได้สั่นระฆังเลยสักนิด โจรเองก็พุ่งตรงเข้ามาที่หมู่บ้าน ถ้าหากเป็นผู้ชายจะฆ่า ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะข่มขืน ทั้งปล้นชิงทรัพย์และฆ่าฟัน รวมถึงทหารที่ตรงเข้ามากวาดล้างทุกกำลังที่อยู่ตรงหน้า


    แสงดาวที่สุกสกาวบนท้องฟ้าในตอนนี้นั้นถูกดับไปด้วยแสงไฟที่ร้อนระอุและเสียงอันทุกทรมาณที่ดังออกมาจากหมู่บ้าน


    เพียงแค่ชั่วอึดใจเดียวเท่านั้นที่ผมรู้สึกตัว เพราะแบบนั้นจึงทำเอาเรี่ยวแรงทั้งหมดของผมหายไปจนหมดสิ้น ผมคุกเข่าลงกับพื้นอย่างสิ้นหวัง


    “ไม่เป็นไรนะ....เรามาสู้กันเถอะ!!!!~ ฆ่าพวกมัน ต้องฆ่าพวกมัน!!!!!!


    และคนที่จะมาช่วยดึงสติของผมได้นั้นก็คือกิอา เพียงแต่.....ทั้งคำพูดที่เศร้าสร้อย จู่ๆก็มาพูดอย่างร่าเริง และเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยว อารมณ์ของเขาเปลี่ยนเร็วเกินกว่าที่มนุษย์จะทำได้ อันที่จริงไม่ใช่แค่กิอา แต่เป็นทุกคนในหมู่บ้านที่เจอมาจนถึงบัดนี้ ทุกคนล้วนเปลี่ยนอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว ราวกับตัวละครในหุ่นเชิดไม้


    ไม่สิ ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดไม่ใช่กิอา แต่เป็นเอลิเชีย


    และในที่สุดผมก็นึกถึงเรื่องที่จะต้องทำได้ ผมรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับปีนลงไปข้างล่าง มุ่งไปยังสวนดอกไม้ลับที่เป็นที่ตั้งของบ้านผม 


    ณ ตอนนี้ดอกไม้สีส้มนั้นกลายเป็นเศษซากสีแดงฉานที่ปลิวละล่องขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นผมก็ยังคงวิ่งต่อไป วิ่งไปยังบ้านอันเป็นที่รักของผม ที่ดูเหมือนจะยังคงปลอดภัยดี และเมื่อไปถึงที่นั่น


    แอ๊ด_____________


    ผมเปิดประตูออกมาเบาๆและเดินเข้าไปยังบ้านของผม


    “เอลิเชีย ปลอดภัยไหม!?”


    “อาเจนโต้เหรอ....ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ๊ะ”


    เธอตอบกลับผมมาด้วยเสียงเรียบ ดีล่ะ อย่างน้อยเธอก็ยังปลอดภัย ใจที่เต้นจนแทบระเบิดเริ่มสงบลงมาอย่างช้าๆ พลางถอนหายใจเข้าออก เอาล่ะ ก่อนอื่น ถ้าเช่นนั้นขั้นแรกต้องพาเอลิเชียหลบหนีก่อน


    คิดเช่นนั้นจึงเดินผ่านพื้นบ้านที่เหนียวเหนอะอย่างยากลำบาก อะไรกันนะ ทำไมถึงต้องมาเป็นตอนนี้ด้วยเนี่ย ใครทำอะไรหกหรือไง


    เพราะเริ่มทนไม่ไหว บวกกับอารมณ์ที่รีบร้อนจึงก้มมองสิ่งที่อยู่ปลายเท้านั้น และสิ่งที่ผมเห็นนั้นก็คือ......


    เลือด__________________________



    “ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!



    และในคราวนั้นเอง ผมก็ตะโกนอย่างสุดเสียงอีกครั้งหนึ่ง........

    ***

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×