คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #72 : 10 ขวบ : สิ่งจำเป็นสำหรับการเอาตัวรอดล่ะ
ซู่ววว!!!
ร่างของฉันกำลังพุ่งตัวผ่านน้ำทะเลไป ใต้ผืนน้ำลึกระดับหนึ่ง ที่ใบหน้าของฉันถูกครอบเอาไว้ด้วยเวทมนตร์
ท่ออากาศจำลองที่รูปร่างคล้ายๆฟองสบู่
ดังนั้นจึงสามารถลดความเสียดสีจากน้ำ และสามารถหายใจใต้น้ำได้
เมื่อรู้ดังนั้นจึงใส่พลังทั้งหมด เสริมลงไปในร่างกายด้วยเวทมนตร์ธาตุว่างเปล่าซึ่งเป็นเวทมนตร์สายเสริมพลัง
และพุ่งออกตัวไปด้วยความเร็วสูง
ขาทั้งสองตีน้ำราวกับใบพัดของเรือ
มือทั้งสองโอบกอดเจ้าชายอาเจนโต้และเจ้าหญิงอาเรียเอาไว้
และเมื่อผ่านไปสักพักหนึ่งเราก็ขึ้นมาถึงเกาะที่เป็นเป้าหมาย
“ฟุฮ่า~
แสงแดด ลมทะเล ชายหาดสีขาวบริสุทธิ์
เราขึ้นฝั่งเรียบร้อยแล้วค่า~”
ดูเหมือนจะถึงเป้าหมายโดยปลอดภัยนะ ถึงแม้ว่าจะมั่นใจในตัวเองอยู่นิดหน่อยก็เถอะ แต่ก็เผื่อใจไว้ครึ่งหนึ่ง
เหมือนกันว่าแผนมันจะไม่สำเร็จ เพราะการเสริมพลังแทบจะทุกส่วนของร่างกายเช่นนี้มันกินมานามาก ดังนั้น
เพื่อที่จะเก็บมานาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน จุดสิ้นสุดของวันนี้ก็จึงจบลงที่เกาะแห่งนี้ คิดดังนั้นจึงหันไปหาอาเจนโต้
และ.........
“อ้วก แหวะ___________”
ดูเหมือนหมอนั่นกำลังยืนเข่าผลิตโจ้กต้อนรับที่พักแห่งใหม่ออกมาอยู่
“อะไรกันอาเจนโต้
แบบนี้มันน่าเกลียดนะคะ แค่นี้อย่าทำใจเสาะสิ~”
“อย่างเธอไม่ต้องมาพูดเลยนะ!!
คิดจะฆ่ากันหรือยังไงกัน!!”
แน่นอนว่าหมอนั่นยังคงบ่นออกมาเหมือนเช่นทุกครั้ง แค่ล่องน้ำเร็วๆ จำเป็นต้องบ่นขนาดนี้เลยป่ะ?
พวกลูกคุณหนูก็อย่างนี้แหละน้า~
พอเจอกีฬาเอ็กซ์ตรีมเข้าหน่อยก็ปอดแหกเสียทุกครั้งเลย
ฉันเองก็เคยเป็นชายหนุ่มสุขภาพดี กีฬาทางน้ำกับพวกเครื่องเล่นอย่างสปีดโบ๊ทไม่คณามือฉันหรอก แค่กีฬา
ลูกผู้ชายแบบนี้ยังทนไม่ได้ นายนี่มันเด็กชะมัดเลยน้า~
“เอาแต่บ่นอยู่นั่นแหละ
หัดดูเจ้าหญิงอาเรียเป็นตัวอย่างเสียบ้างสิคะ!”
มีเพียงอาเจนโต้ที่บ่นอยู่คนเดียว ฉันจึงทำหูผึ่งและหันไปมององค์หญิงที่เงียบสงบไม่มีแม้แต่จะปริปากบ่นสักคำ
และ....เมื่อหันไปนั้น
“............................”
“อาเรียน่ะสลบไปตั้งแต่กลางทางแล้วล่ะ.....”
“งะ...งั้นเราไปสำรวจเกาะกันเถอะค่ะ~”
“อย่ามาบ่ายเบี่ยงเปลี่ยนเรื่องสิฟร่ะ!!!”
ว่าแล้วอาเจนโต้ก็กอดอกด้วยท่าทางหงุดหงิด ส่วนฉันก็ตัวลีบลงอย่างสำนึกผิด และพอหลังจากที่ได้ฟัง
อาเจนโต้พูดสักพัก
ฉันก็เข้าใจความรู้สึกของทั้งคู่
อืม....จะว่ายังไงดีล่ะ ถึงแม้ว่าฉันจะป้องกันทั้งคู่เอาไว้ก็เถอะ แต่คนที่ถูกเสริมกำลังกายมีแค่ฉัน ดังนั้น ถึงแม้
จะปลอดภัยหายห่วง แต่ความรู้สึกของทั้งสองตอนที่ฉันพามายังเกาะแห่งนี้นั้น ถ้าจะอธิบายให้ฟังแบบง่ายๆ
ก็น่าจะเหมือนกับตอนที่เรานั่งรถไฟเหาะความเร็วสูง
ถึงแม้จะรู้ว่าปลอดภัย แต่สุดท้ายก็ยังหวาดเสียวอยู่ดี
ความรู้สึกก็คงประมาณนั้น
“ว่าแต่
ถ้าช้าไปพวกนั้นก็ตามมาทันน่ะสิ.....”
“ถึงแม้จะลดความเร็วสักครึ่งหนึ่ง
ชั้นก็คิดว่าพวกนั้นก็ยังคงตามเธอไม่ทันหรอกนะ”
พูดแบบนั้นเป็นอันจบบทสนทนา
ฉันยอมขอโทษแต่โดยดี
“ขอโทษค่ะ”
แล้วหลังจากนั้นเราก็รอให้เจ้าหญิงอาเรียตื่น
***
“อืม...”
เสียงร้องเล็กๆดังออกมาจากร่างเล็กๆนั้น
ดูเหมือนเจ้าหญิงอาเรียจะตื่นแล้ว ฉันจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆเพื่อปลุกเธอ
“อรุณสวัสดิ์องค์หญิงอาเรีย
หลับสบายไหมคะ?”
ถึงแม้จะสลบกลางทางก็ตาม แต่ได้มาหลับกลางสายลมแสงแดดของทะเลและผืนทรายนุ่มๆแบบนี้ อย่างน้อย
ก็น่าจะสงบจิตใจได้บ้าง
“นะ...หนู
รู้สึกเหมือนโดนเหวี่ยงไปมา ฝันร้าย หนูฝันร้ายค่ะ....”
“อะ...อือ เรามาคุยเรื่องเกาะกันต่อดีกว่าเนาะ~”
“ก็บอกว่าอย่าเปลี่ยนเรื่องไงล่ะ!”
ไม่รู้ว่าวันนี้โดนอาเจนโต้บ่นใส่ไปกี่ครั้งแล้ว แต่จะขอไม่เก็บมาคิดแล้วกัน แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มมองสภาพรอบๆ
เกาะแห่งนี้
เกาะแห่งนี้คือหนึ่งในเกาะที่ล้อมรอบอาณาจักรไทนเทียน่า ซึ่งหมู่เกาะของไทรเทียน่านั้นจะถูกแบ่งออกเป็นสอง
ประเภท นั่นคือแบบที่หนึ่ง เกาะชุมชน ซึ่งมีการสร้างชุมชนและตั้งรถรากของชาวเกาะ/ชาวเผ่า ส่วนแบบที่สองก็
คือเกาะร้างที่ยังไม่มีการบุกเบิก ดูเหมือนว่าเกาะที่เรามาเยือนในวันนี้จะเป็นอย่างหลัง
“แล้ว ทำไมถึงไม่มีใครอยากมาอยู่อาศัยล่ะคะ?”
เจ้าหญิงอาเรีย
หลังจากที่ฟื้นคืนสติแล้วก็ซักถามขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ใฝ่รู้
ฉันเห็นดังนั้นจึงพยักหน้าเบาๆ
“อือ คือว่านะคะ เหตุผลที่เกาะจะถูกปล่อยเป็นเกาะร้างนั้นมีอยู่ 2 เหตุผลค่ะ คือ1 ทรัพยากรณ์ในเกาะนี้
ไม่คุ้มค่าพอที่จะบุกเบิก ซึ่งนั่นรวมถึงสภาพดินที่เหมาะกับการเพาะปลูกและแร่สามารถพบเห็นได้ด้วย ถ้า
หากรอบๆชายฝั่งนั้นมีสัตว์ทะเลที่ดุร้ายอาศัยอยู่ ก็จะไม่สามารถหาจับปลาได้ ดังนั้นจึงไม่อยากมีใครเสีย
เวลามาบุกเบิกสถานที่ที่ถึงบุกเบิกไปก็ใช้งานจริงไม่ได้ ส่วนเหตุผลอย่างที่สองถ้าไม่ใช่อย่างที่กล่าวมาใน
ข้อแรก ที่มีความเป็นไปได้ที่สุดก็น่าจะเป็นการที่เกาะแห่งนี้มีมอนสเตอร์หรือสัตว์ที่ดุร้ายอยู่นั่นแหละค่ะ”
“เอ๋! สัตว์ดุร้ายหรือคะ อาเรียเริ่มกลัวแล้วสิ.....”
น้ำตาจากใบหน้าเล็กๆขององค์หญิงเริ่มปรากฏเล็กน้อย สำหรับเด็กตัวเล็กแค่นี้ทั้งโดนลักพักตัว ทั้งโดน
หวังฆ่า ทั้งต้องมาเจอสัตว์ป่าหรือปีศาจดุร้าย
เรื่องแบบนั้นมันคงจะหนักหนาสำหรับเธอมากสินะ แต่ว่า....
“ไม่ต้องห่วง
ไม่เป็นไรหรอก ต้องไม่มีปีศา___________”
อ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ ตายจริง.....ฉันลืมข้อนี้ไปได้ยังไงเนี่ย การพูดว่าต้องไม่มีแน่ ต้องปลอดภัยแน่ มันเป็น
เดธแฟลกซ์ไม่ใช่หรือไงกัน? ไม่ได้การๆ เกือบไปแล้วสิ
เปลี่ยนคำพูดใหม่ดีกว่า
“ถึงแม้จะเกิดอะไรขึ้น
แต่ดิฉันจะปกป้ององค์หญิงเองค่ะ”
“ว้าย~ รักท่านพี่สาวที่สุดเลย”
ว่าแล้วเจ้าหญิงอาเรียก็เข้ามากอดพร้อมรอยยิ้มที่สุดใส
นางฟ้า นางฟ้าสินะ นี่มันนางฟ้าชัดๆ
“เลิกเล่นได้แล้วล่ะ
จะว่าไปเธอบอกว่าจำแผนที่ได้ใช่ไหม? แล้วที่นี่มันที่ไหนล่ะ”
ทั้งๆอยากจะจู๋จี๋กับเจ้าหญิงอาเรียก่อนแท้ๆ
แต่ในที่สุดอาเจนโต้เจ้าเก่าก็เข้ามาขัดจนได้ ช่างมันเถอะ......
“อืม จำได้ว่าเคยอ่านเมื่อตอนเด็กๆนะ ถ้าจำไมผิดเกาะนี้คือเกาะ นอร์ออร์ (NorOre) ที่อยู่ทางตะวัน
ออกเฉียงเหนือของทางไทรเทียน่าถ้าจำไม่ผิด ที่เกาะนี้ถูกทิ้งร้างก็เพราะว่าพื้นดินคุณภาพไม่ดี ไม่เหมาะ
กับการเพาะปลูกน่ะ”
พูดดังนั้นก็หันไปมองสภาพของเกาะประกอบกับคำอธิบาย
อื้อ.....ป่ารกทึบชัดๆเลยน้า~
“ท่านพี่สาวคะ?
ไหนบอกว่าปลูกต้นไม้ไม่ค่อยขึ้นยังไงล่ะคะ?”
“อื้อ
เวลาก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว อาจจะมีธาตุอาหารเกิดขึ้นในดินก็ได้”
“เฮ้อ.....”
ฉันเหงื่อตกเบาๆ
ส่วนอาเจนโต้ก็ถอนหายใจพร้อมกับกุมขมับของเขา
“เอาล่ะ ก็ขอให้เป็นอย่างที่ว่าแล้วกัน ว่าแต่ ก่อนอื่นขอถามก่อนนะ ทำไมถึงเลือกมาเกาะร้างแทนที่จะไป
เกาะชุมชนล่ะ?”
จุดมุ่งหมายแรกของฉันคือเกาะ นอร์ออร์ แห่งนี้ และที่เลือกไม่ได้มาจากการสุ่มแต่เป็นการตั้งใจเอาไว้แล้ว
เพราะ.....
“ฉันว่า ถ้าหากเราหนีออกมา พวกนั้นก็ต้องคิดว่าเราอาจจะไปหลบสักเกาะไหนเกาะหนึ่งก็ได้ใช่ไหมล่ะ แล้วทีนี้
พวกนั้นก็คงไม่คิดหรอกว่าเราจะมาหลบยังเกาะร้างแห่งนี้ ก็แหม เป็นทั้งเจ้าชาย เจ้าหญิง แล้วก็บุตรีดยุกเชียวนะ
ใครๆก็คิดทั้งนั้นแหละว่าเหล่าคุณหนูที่มีทุกอย่างตั้งแต่เกิดคงเอาตัวรอดในป่าไม่ได้หรอก”
ไอเดียบรรเจิดสุดๆเลยใช่ไหมล่ะ?
ว่าแล้วฉันก็ยืนกอดอกพร้อมกับทำจมูกยื่นอย่างอวดเบ่ง ส่วนอาเจนโต้ก็หรี่ตาลง
“แล้ว....สรุปว่าเธอสามารถเอาตัวรอดได้ในป่างั้นเหรอ?”
......ช่างเป็นเสียงที่เย็นชาเหลือเกิน ฉันเห็นสายตาของอาเจนโต้ที่มองมาทางนี้ด้วยสายตาปลาตาย สักพักหนึ่ง
เจ้าหญิงอาเรียก็เงียบลงและเดินไปจับมืออาเจนโต้
พร้อมกับหันมามองทางฉัน
เอ่อ......นั่นสิ?
“ไม่ไม่ไม่!! ไม่สิ อย่าทำให้ไขว้เขวสิยะ ต้องได้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง อย่างน้อยกฏเอาตัวรอดฉันก็พอรู้มาบ้าง
แหละน่า”
อย่ามาดูถูกคนที่เรียนจบวิชาลูกเสือมาเชียวนะ
“ขั้นแรก เราต้องหาสิ่งจำเป็นต่อชีวิตทั้งสามอย่าง
น้ำเปล่า ฟืน แล้วก็อาหาร”
“ป่าดิบทึบขนาดนี้น่าจะมีธารน้ำอยู่บ้างแหละนะ”
พอฉันเสนอ
อาเจนโต้ก็เสนอตอบ เจ้าหญิงอาเรียที่ยืนข้างๆก็ตาเป็นประกาย
อะไรกัน จุดความรู้สึกของการเป็นนักผจญภัยขึ้นมาหรือไงกันนะ? เอาจริงๆจุดมุ่งหมายของฉันคือการบอกลา
เกมจีบหนุ่มและใช้ชีวิตในแบบแอคชั่นอาพีจีอย่างที่เคยหวังเอาไว้ ไม่แน่ประสบการณ์ในครั้งนี้อาจจะเป็นจุดเริ่ม
ต้นของความฝันนั้นก็ได้
“ดีล่ะ
งั้นอาเจนโต้ไปหาน้ำมานะ! ท่านอาเรียเก็บฟืนแถวๆนี้นะคะ
ส่วนฉันจะไปหาอาหารเองค่ะ”
“รับทราบ”
“รับทราบค่ะ!!”
“โอเค”
และเมื่อได้รับหน้าที่ดังนั้นฉันจึงก้าวขาเข้าไปในป่า
“โฮกกกกกกก!!!!!!!!”
……พร้อมกับเสียงต้อนรับที่ดังออกมาจากข้างใน
“อ่า...เปลี่ยนแผนค่ะ
เปลี่ยนแผน เราเข้าไปพร้อมกันดีกว่าเนอะ......”
ฉันพูดแบบนั้นพร้อมกับอาเจนโต้ที่เปลี่ยนเป็นแววตาปลาตายอีกครั้ง ว่าแล้ว เราทั้งสามคนก็เดินเข้าไป
ในป่าเพื่อหาสิ่งของจำเป็นสำหรับเอาตัวรอดพร้อมกัน
***
ความคิดเห็น