ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เป็นเกมจีบหนุ่มแล้วไง? ข้าขอเล่นแบบเกม Action RPG แล้วกัน!

    ลำดับตอนที่ #66 : 10 ขวบ : งานเลี้ยงวันเกิดเริ่มต้นขึ้นแล้วล่ะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 355
      35
      20 ก.ค. 63


    ไฟอ่อนๆสีส้มระเรื่อท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมในยามค่ำคืน คำอธิบายเหล่านั้นคือ 

    คำจำกัดความของสวนหย่อมในคฤหาสน์ควินมาร์กยามค่ำคืน 


    นับว่าเป็นจุดออกกำลังกายยามค่ำคืนที่ดีเลยนะ ตอนที่ฉันนอนไม่หลับก็มักจะมาวิ่งเล่นให้ 

    ยุงกัดก่อนที่จะเข้านอนเช่นกัน 


    แต่สำหรับวันนี้นั้น บรรยากาศของสวนแห่งนี้นั้นได้ต่างไปจากเดิมนิดหน่อย นั่นก็เพราะ 

    วันนี้เป็นวันจัดงานเลี้ยงวันเกิดของฉันยังไงล่ะ~ 


    ทั้งสวนที่เงียบสงบ ทั้งไฟที่ส่องจางๆ บัดนี้ได้เปลี่ยนไปกลายเป็นสวนที่คึกคลื้นและประดับ 

    ประดาไปด้วยแสงไฟ จะว่ายังไงดีล่ะ เรียกว่าเป็นบรรยากาศแบบเฟสติวัลสุดๆ 


    ________________แต่นั่นก็หมายถึงเมื่อตอนกลางคืนมาถึงล่ะนะ 


    "หาว~~ ง่วงอ่า"


    ตัดกลับมาที่ประเด็นสำคัญอีกครั้ง เพราะว่าวันนี้เป็นวันสำคัญสำหรับฉัน ทำให้ฉันต้องตื่นขึ้นมา

    ตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อแต่งหน้า 


    เหล่าเมดทุกคนเองก็เตรียมตัวกันจัดแจงอาหารและสถานที่เพื่อให้ทันกับงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้เช่นกัน


    จะว่ายังไงดีล่ะ เอ่อ.....น่าเบื่อโคตรๆเลยค่ะ


    การแต่งหน้าในวันนี้ของฉันนั้นจัดเต็มเป็นพิเศษ เพราะว่าเป็นวันสำคัญ จึงโดนจับแต่งเสียแทบจะ

    กลายเป็นคนละคนเลยทีเดียว


    ชุดเองก็เช่นกัน ชุดในวันนี้นั้นเป็นชุดที่นับว่าอลังการที่สุดตั้งแต่ที่ฉันเคยใส่มา ทั้งเครื่องประดับที่หรูหรา 

    และชั้นผ้าที่หนาด้วยของตกแต่งอันหลากหลาย


    เอ่อ...ทั้งร้อนแล้วก็เคลื่อนไหวลำบากมากเลยค่ะ พอพูดแบบนั้นกับลิลลี่เธอก็ทำหน้าเคืองๆพลางบอกว่า


    “คุณหนูเป็นดาวเด่นในคืนนี้นะคะ! ถ้าไม่ทำขนาดนี้แล้วเกิดมีคนแต่งจัดเต็มมาคุณหนูก็แพ้สิคะ!!


    ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ....ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นต้นคริสมาสต์เลยแฮะ


    สวัสดีจ้า~ ฉันคือต้นคริสมาสต์หน้างานที่มีไว้ทักทายแขกเข้าร่วมงานจ้า


    เอ้อ แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว.....


    แต่ถึงจะบ่นยังไงก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นอยู่ดี ฉันต้องโดนแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในที่สุด เมื่อแสง

    อาทิตย์ลับขอบฟ้าไป งานเลี้ยงฉลองวันเกิดของฉันก็เริ่มขึ้น


    หน้าที่แต่งมาก็จางอย่างเป็นธรรมชาติพอดี....แล้วจะปลุกหนูมาแต่งตั้งแต่เช้ามืดทำไมล่ะคะคุณขา~~


    ดูเหมือนวันนี้ท่านแม่จะฮึดเป็นพิเศษด้วย ท่านแม่จูงฉันไปยังทางเข้างาน และหลังจากนั้นงาน

    ของพวกเราก็เริ่มต้นขึ้น


    “เอลิเชีย จำไว้นะ ถึงแม้ลูกจะรู้สึกอย่างไรก็ตาม ต่อหน้าแขกต้องยิ้มไว้ตลอดเวลานะลูก อย่าลืมการ

    เยินยอแขกด้วยนะ ถึงแม้จะอยากอาเจียนมากเพียงใด ก็ต้องพ่นคำเยินยอออกมา นี่แหละ วิถีของ

    ขุนนางล่ะ เข้าใจไหม?”


    คงจะเห็นว่าฉันรู้สึกประหม่าหรือเปล่านะ? ดังนั้น ท่านแม่พูดเช่นนั้น อาจจะเป็นคำสอนสำหรับการ

    เข้าสังคมที่ฉันจะต้องเผชิญในอนาคตด้วยก็ได้ เมื่อรับรู้ดังนั้นจึงพยักหน้ารับท่านแม่เบาๆและแล้ว

    แขกคนแรกก็มาถึง


    “ไง สวัสดีคู่หมั้นของข้า วันนี้เป็นวันที่ดีนะ~


    เจ้าชายรอยด์นั่นเอง  


    สีหน้าของฉันเปลี่ยนไปสีหน้าปลาตายทันที


    “เอลิเชีย.....”


    แต่ก็กลับเป็นสีหน้ายิ้มแย้มได้ในทันทีเมื่อโดนท่านแม่ที่ยืนอยู่ข้างๆหยิกเข้าที่เอว


    “เป็นเกียรติที่ได้พบเพคะ เจ้าชายรอยด์ ขอให้สนุกกับงานเลี้ยงในวันนี้นะเพคะ”


    ฉันยิ้ม แต่สายตาไม่ได้ยิ้มตาม เอาเถอะ ไม่มีใครจับสังเกตหรอก


    “อย่าพูดเยี่ยงนั้นสิคู่หมั้นของข้า จะให้สนุกโดยไม่มีเจ้าได้เยี่ยงไร จะรังเกียจหรือไม่ถ้าข้า

    จะขอยืนคู่กับเจ้า”


    รังเกียจค่ะ.......


    ขืนตอบแบบนี้คงโดนทหารคุ้มกันยิงพรุนเป็นเป้างานวัดแน่ ฉันจึงยิ้มและหันไปมองรอบๆ 

    อ๊ะ ค้นพบเป้าหมาย


    และหลังจากนั้นท่านพี่เดวิดที่อ่านรหัสสายตาของฉันได้ก็เดินมายืนอยู่ข้างๆประกบเป็นแซนวิสกับ

    ท่านแม่ เพื่อไม่ให้เจ้าชายจอมหลงตัวเองมีที่ว่างให้ยืนได้


    Good job ค่ะพี่ชาย~


    “โอ๊ะ โอ ท่านรอยด์ หม่อมฉันต้องขอโทษจริงๆแต่ข้างๆน้องสาวของกระหม่อมเป็นหน้าที่ของกระหม่อม

    ที่ต้องดูแลเอง เพราะฉะนั้นเชิญเจ้าชายมีความสุขกับงานเลี้ยงในวันนี้ให้เต็มที่นะพะยะค่ะ”


    พี่ชายพูดอย่างสุภาพในขณะที่ยังคงก้มหัวอยู่ นับว่าเป็นการโจมตีที่ใช้ได้เลย เจ้าชายเห็นดังนั้น

    จึงเดาะลิ้นแล้วเดินจากไป


    โอเคค่ะ ล้มลาสบอสได้แล้ว กลับบ้านได้


    “เล่นอะไรกันเนี่ย?”


    แต่แล้วก็โดนท่านแม่ดุจนได้ ฉันจึงเข้าที่เพื่อรอต้อนรับแขกคนต่อไป


    “ว่าแต่ เอลี่นี่เดี๋ยวนี้เนื้อหอมไม่เบาเลยน้า”


    “ยังไงกันคะ?”


    “นี่ไม่รู้ตัวเลยหรือ พี่ว่าคนที่ชอบในตัวเอลี่มีเยอะแยะเลยนะ นั่นแหละ พอรู้แบบนั้นพี่ก็รู้สึกอิจฉานิดๆน้า 

    ทำไมเอลี่ไม่ลองสนิทกับพี่จ๋ามากกว่านี้ดูล่ะ?”


    “อย่างแรกเลยคือหนูไม่คิดว่าจะมีใครมาชอบหนูนะคะ ส่วนอย่างที่สองไอ้ท่าทีซิสค่อนแบบนั้นเลิกเถิด

    นะคะ ไม่มีใครเขาทำแบบนั้นกันหรอก”


    ในขณะที่พูดอยู่ ก็โดนคุณแม่หยิกอีกครั้ง ดูเหมือนว่าแขกคนต่อไปจะมาแล้ว


    “สวัสดีค่ะ”


    เสียงอันเยือกเย็น สีหน้าอันเรียบเฉยแสดงการข่มขู่ออกมา คนผู้นั้นคือสตรีผู้ครอบครองผมสีแดง

    อันน่าเกรงขาม มาเรียริสนั่นเอง โกรธอะไรมานะ? ไม่สิ สีหน้าเหมือนจะเหนื่อยมากกว่า.....


    “ยินดีต้อนรับค่ะท่านมาเรียริส ไม่ทราบว่ารู้สึกไม่สบายอะไรหรือเปล่าคะ?”


    ก็... ลองถามด้วยความเป็นห่วงดู แต่จู่ๆก็มีอะไรสีแดงๆโผล่ออกมาจากข้างหลังของมาเรียริส


    “อย่าบูลลี่ท่านพี่นะ!!!!


    เสียงเล็กแหลมของเด็กดังขึ้น มีเด็กที่ฉันไม่รู้จักโผล่มาจากหลังของมาเรียริส พอมองดูดีๆแล้ว 

    มาเรียริสจ้องมองเด็กคนนั้นแล้วกรอกตา นี่คงจะเป็นต้นเหตุของความเหนื่อยล้าสินะ


    “หนูจ๊ะ น้าไม่เคยเห็นหน้าเลยช่วยแนะนำตัวหน่อยได้ไหมจ๊ะ?”


    เมื่อเห็นความสับสนปรากฏขึ้นตรงหน้า คุณแม่ที่ยืนข้างๆก็ย่อตัวลงพร้อมกับยิ้มร่าและถามชื่อ

    เด็กชายปริศนาคนนั้น ซึ่งพอโดนถามเช่นนั้น เด็กชายก็โค้งคำนับอย่างสุภาพ


    “สวัสดีครับ ผม มาม่อน มารีนเทล บุตรชายลำดับที่ 2 ของมาร์ควิสมารีนเทลครับ ที่เชิญมาในวันนี้

    นับว่าเป็นเกียรติมากครับ”


    เห~ แสดงว่าเด็กคนนี้เป็นน้องชายต่างแม่ของมาเรียริสสินะ ว่าแต่ตัวละครนี้ไม่เคยปรากฏขึ้นในเกม 

    เลย เพราะว่าประวัติศาสตร์เปลี่ยนไปหรือเปล่านะ 


    แต่ยังไงซะ ถ้าหากไม่ใช่ตัวละครในเกมล่ะก็ ก็คงไม่ต้องละวังตัวให้มากก็ได้ล่ะมั๊ง?   


    ท่านพี่เองพอเห็นพี่น้องสนิทกับก็ตาเป็นประกายพลางก้มถามด้วยกันกับท่านแม่


    “มาม่อนชอบพี่สาวเหรอ?”


    “ครับ!!! มาม่อนชอบพี่สาว มากๆๆๆๆๆๆเลยครับ~~


    พูดจบก็ยิ้มกว้างอย่างกับลูกสุนัขตัวน้อย ซิสค่อนตัวน้อยได้ถือกำเนืดขึ้นมาแล้ว~


    “เห็นไหมล่ะ ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกนะ”


    แน่นอนท่านพี่เดวิดหันมาเยอะเย้ยฉันด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ค่าๆ ซิสค่อนมันเป็นโรคที่ฮิตกันสมัยนี้สินะ 

    แต่ให้ทำแบบนั้นน้องไม่เอาหรอกนะ


    ว่าแล้วฉันก็ก้มตามท่านแม่และเดวิดแล้วจ้องมองมาม่อนด้วยรอยยิ้ม


    “พี่ก็ยินดีต้อนรับนะจ๊ะ ขอให้มาม่อนสนุกกับงานเลี้ยงนะจ๊ะ”


    “ชิ ยัยแม่มด ผมจะไม่พูดกับคนที่บูลลี่ท่านพี่”


    อ๊ะ โดนทำท่ารังเกียจใส่ซะแล้ว นี่ฉันไปทำอะไรให้หล่อนไว้ฮะ นังซิสค่อนเด็ก คิดแล้วจึงหันไปหา

    ท่านพี่เดวิดที่กำลังพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจอยู่


    “ก็นั่นแหละน้า พอรู้สึกว่าคนที่เรารักมีใจให้ใคร ก็จะเกิดการต่อต้านขึ้นมาแบบนี้นั่นแหละ อื้ม~~


    จะบอกว่ามาเรียริสสนใจในตัวหนูหรือคะ? ท่านพี่กำลังเหยียบย่ำไปในเส้นทางแห่งความตาย

    นะคะ.....


    เพล้ง!!!!


    ได้ยินเสียงแตกดังออกมาจากข้างหน้า นั่นไงล่ะ...... ท่านพี่คะ...น้องแนะนำให้ท่านพี่หยุดพูด

    ก่อนที่จะหัวแตกนะคะ


    และแล้ว มาเรียริสและน้องชายมาม่อนก็เดินเข้าไปในงาน


    เอาล่ะ เรื่องวุ่นๆก็ผ่านไปแล้ว แขกคนต่อไปคือ


    “เฮ้~


    รอสโผล่มาจากทางเข้าของงาน


    “กลับไปทำงานของเอ็งซะ!!!!!


    ฉันรีบไล่ไปทันที และแขกตัวจริงคนต่อไปก็มาถึง


    “ท่านพี่สาว~


    เจ้าหญิงอาเรียกับอาเจนโต้นั่นเอง


    “ย้า สวัสดี ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”


    “เป็นยังไงบ้างคะ สบายดีไหม?”


    “ก็อย่างที่บอกไว้ในจดหมายนั่นแหละ แล้ว....เรื่องที่บอก ได้เตรียมคำตอบเอาไว้หรือยัง?”


    อา....เรื่องที่จะไปเที่ยวด้วยกันสินะ บอกตามตรงว่า ใจจริงก็อยากไปด้วยกันอยู่หรอก แต่ว่าการ

    ที่ยุ่งกับตัวละครจีบได้มากเกินที่ควรมันจะนำไปสู่ความตาย เพราะฉะนั้นถึงจะน่าเสียดาย แต่ถ้า

    มันจำเป็นก็ต้องปฏิเสธ


    “ขอโทษด้วยนะคะ”


    “งั้นเหรอ? น่าเสียดายนะ ไม่ลองคิดดูหน่อยเหรอ?”


    “ท่านพี่สาวจะไม่ไปเที่ยวด้วยกันหรือคะ?”


    เจ้าหญิงอาเรียทำหน้าออดอ้อน อู.....ฉันแพ้สีหน้าออดอ้อนของเจ้าหญิงอาเรียด้วยสิ แต่ว่า.....

    มะ ไม่ได้ก็คือไม่ได้


    “ขอโทษด้วยนะคะ......”


    เจ้าหญิงอาเรียถึงกับจ๋อยไปเลยทีเดียว ขอโทษน้า.....


    “ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไรๆ~ ถ้าอย่างนั้นคราวหน้าแล้วกันเนอะ”


    คงเพราะอาเจนโต้เห็นบรรยากาศกระอักกระอ่วนล่ะมั๊ง เลยรีบตัดบทด้วยน้ำเสียงระรื่น 

    หลังจากนั้นก็พากันเข้าไปในงาน


    ผ่านไปอีกเล็กน้อยอมาเรียกับเนทิเลียก็มาถึง เราทักทายกันเล็กน้อย รวมถึงแขกอีกส่วนหนึ่ง 

    ที่ค่อยๆทยอยมา และในที่สุดการต้อนรับก็จบลง


    เมื่อแขกมาครบทุกคนแล้วคลาวด์ก็ได้ออกมาตามพวกฉันเข้าไปที่ในงานเลี้ยง และแล้วงานเลี้ยง

    ที่แท้จริงก็เริ่มขึ้น


    เริ่มแรกของงานเลี้ยงนั้นก็เหมือนกับงานเลี้ยงทั่วไปไป เราเปิดให้แขกที่มางานร่วมทานอาหารที่จัด

    ให้พร้อมกับพูดคุยกันก่อน ฉันเองก็ร่วมคุยกับเพื่อนๆทุกคนเช่นกัน ว่าแต่


    เอ๊ะ? ลิลลี่หายไปไหนนะ?


    ถึงแม้ลาสจะอยู่ตรงนี้ก็เถอะ แต่ฉันไม่เห็นลิลลี่เลย มาถึงตรงนี้ก็น่าจะจบงานของเมดแล้ว ถ้าจะมีอีกที 

    ก็น่าจะเป็นช่วงเก็บข้าวของหลังจบงานก็เท่านั้น แล้วลิลลี่หายไปไหนล่ะ


    “นี่ลาส เห็นลิลลี่บ้างไหม?”


    ฉันแทรกบทสนทนาถามลาส ในขณะที่ลาสที่หยุดพูดหันมาพร้อมกับสีหน้าที่หนักใจนิดหน่อย


    “คุณหนู..... ไม่เป็นไรอย่าห่วงเลยครับ”


    “หมายความว่ายังไงล่ะน่ะ?”


    “ก็.....ลิลลี่น่ะ คุณหนูก็รู้ใช่ไหมว่าเธอนั้นเป็นพวกมีความรับผิดชอบสูง ถ้าเธอคิดว่าตัวเองคือหนึ่งใน

    คนจัดงาน เธอก็จะยึดติดในงานของตนและไม่มีทางเข้าร่วมงานเลี้ยงเด็ดขาด อันที่จริงผมก็เรียกเธอ

    มาแล้วนะ แต่ดูเหมือนทางนั้นจะหัวแข็งเกินคาด” 


    พูดเช่นนั้นพลางยิ้มเจื่อน....... 


    อะไรกันล่ะนั่น เพราะคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายจัดงาน เป็นเมดจึงมาเข้าร่วมงานของเจ้านายไม่ได้งั้นเหรอ? 

    ลิลลี่....นอกจากที่เธอจะเป็นเมดส่วนตัวของฉันแล้ว ยังเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่สาวคนสำคัญของฉันด้วยนะ 

    ทำไมไม่รู้สึกถึงเรื่องนี้บ้างล่ะ 


    "คุณหนูรีบกลับมาให้เร็วด้วยนะครับ อีกไม่นานก็จะถึงพิธีกล่าวทักทายแล้วนะ" 


    ในขณะที่กำลังคิด คลาวด์ก็พูดขึ้น เขาพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มแล้วหันมาทางฉันด้วยสีหน้าที่มองทะลุ 

    ปรุโปร่งถึงทุกอย่าง สมแล้วกับที่เป็นคลาวด์ รู้ความคิดทั้งหมดของฉันจริงๆสินะ 


    คิดดังนั้นฉันจึงพยักหน้าแรงๆและหันไปทางลาสอีกครั้งด้วยสีหน้ามุ่งมั่น


    “น้องจอมหัวแข็งของนายน่ะ ฉันจะไปลากตัวออกมาให้ได้เลย!!!


    พูดจบก็รีบวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์โดยที่ไม่ได้ยินคำพูดหนึ่งที่ลาสเปล่งออกมา


    “ฝากลิลลี่ด้วยนะครับ คุณหนู....”

     ***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×