ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เป็นเกมจีบหนุ่มแล้วไง? ข้าขอเล่นแบบเกม Action RPG แล้วกัน!

    ลำดับตอนที่ #60 : 10 ขวบ : เหมือนจะโดนขอความช่วยเหลือล่ะ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 552
      68
      16 มิ.ย. 63


    หนึ่งวันหลังจากกลับมาจากเมืองหลวง ฉันก็ได้รับวันพักผ่อน 1 วัน เนื่องจากความเหนื่อยล้าจาก

    การเดินทาง ท่านพ่อและท่านแม่จึงตกลงกันว่า วันทั้งวันนี้จะอนุญาตให้ฉันนอนกลิ้งอยู่ในห้องโดย

    ไม่ต้องปฏิบัติกิจวัตรประจำวันเหมือนอย่างทุกทีได้


    ดังนั้น เมื่อได้ใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ทั้งหนึ่งวันแล้ว วันนี้ฉันจึงตื่นมาด้วยอารมณ์ที่แจ่มใสเป็นพิเศษ


    “ว่าแต่เอ๊ะ? นี่เราตื่นก่อนเวลาหรือเนี่ย?”


    ฉันเอามือลูบเครา(ที่ไม่มีอยู่จริง)แล้วทำท่าครุ่นคิด ปกติทุกๆเช้าลิลลี่จะเข้ามาปลุกเพื่อให้ดำเนินกิจวัตร

    ประจำวันให้ตรงตามตารางที่กำหนดเอาไว้ แต่ในวันนี้นั้นยังไม่มีวี่แววของลิลลี่มาให้เห็นเลย


    แสดงว่าวันนี้ฉันตื่นก่อนเวลาสินะ!!


    พอคิดแบบนั้นก็ยิ้มแก้มปริ ปกติแล้ว พักหลังๆฉันเป็นคนที่ตื่นค่อนข้างยากนิดหน่อย ดังนั้นถ้าหาก

    ไม่มีใครปลุกก็จะนอนเป็นตายอยู่อย่างนั้น การที่จะตื่นก่อนเวลาได้ นับว่าเป็นความภาคภูมิใจครั้ง

    ใหญ่ของชีวิตเลยล่ะ


    แล้วฉันก็นั่งอยู่บนเตียงอย่างนั้น


    “ฮี่ๆ เอาไว้เซอไพรส์ลิลลี่ให้ตกใจเล่นดีกว่า”


    คงจะพูดว่า “ว้าว ท่านเอลิเชียสุดยอดที่สุดเลยค่ะ ตื่นเช้าขนาดนี้ได้ด้วย โลกใกล้จะถึงวันล่มสลายแล้ว

    สินะคะ” แบบนี้แน่เลย หุหุ คิดแล้วก็นั่งต่ออยู่อย่างนั้นเพื่อรอให้ลิลลี่เข้ามาพบ


    แต่แล้ว______________


    นานแล้ว นานเล่า ไม่ว่าจะนั่งรอนานเท่าไหร่ก็ไม่มีใครมาเสียที


    “อูวววว! อะไรเนี่ย นี่ฉันตื่นมาตอนตี 3 หรือไงคะ!! ทำไมยังไม่มีใครมาปลุกอีกล่ะ!


    จะว่าไป นอกจากไม่มีใครออกมาปลุกแล้ว รู้สึกว่าข้างนอกจะมีเสียงเอะอะอย่างน่าประหลาด หรือว่า

    ข้างนอกจะเกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ? พอคิดแบบนั้นก็ทนไม่ไหวจนต้องออกมาดูข้างนอก และเมื่อเปิดประตู

    ออกมานั้น


    ก็พบกับเหล่าเมดที่เดินวนจนวุ่นวายไปหมด...


    ว้าย_______


    เพราะว่ากำลังหันมองอย่างเซ่อซ่า เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ดูเหมือนเกือบจะชนกับฟิลเวียที่แบกของจนเต็มมือ

    เสียแล้ว


    “อะไรกันคะ ฟิลเวีย ทำงานแบบนี้ไม่เหมาะกับเป็นฟิลเวียเลยนะคะ.....”


    “คุณหนูคะ.... นี่คือคำพูดแรกที่ได้เจอหรือคะ ดิฉันเสียใจนะคะ”


    พูดแบบนั้นพลางเอาผ้าที่ถือซับน้ำตาตัวเอง โฮ้ย! ยัยเมดไม่ได้เรื่อง ผ้านั่นมันผ้าปูที่นอนฉันใช่ไหม? 

    มันสกปรกไม่ใช่หรือไง


    “แล้ว เกิดอะไรขึ้นกันคะ ทำไมที่บ้านดูวุ่นๆอย่างนี้ล่ะคะ”


    แต่จะให้ไปสนใจฟิลเวียมากก็ไม่ได้อะไร ฉันจึงถามหาเหตุผลหลักเสียเลย ซึ่งพอถามแบบนั้นฟิลเวีย

    ก็เอียงคอสงสัย ก่อนจะพูดออกมา


    “พูดอะไรน่ะคะคุณหนู สัปดาห์หน้าก็งานวันเกิดคุณหนูแล้วนะคะ ถ้าไม่เตรียมงานจะโดนแขกที่มา

    ดูถูกเอานะ”


    เอ๊ะ งั้นเหรอ! ยังไม่ทันได้ถามอะไรฟิลเวียก็ออกไปทำงานของเธอต่อแล้ว ว่าแต่.....งานเลี้ยงฉลองวัน

    เกิดของฉันเหรอเนี่ย? ไม่เห็นจะรู้สึกตัวเลยแฮะ คิดแล้วก็เดินออกไปสำรวจรอบๆ


    ตอนนี้ห้องรับแขกกำลังถูกตกแต่งประดับประดาอยู่ อีกไม่นานคงจะกลายเป็นงานเลี้ยงที่หรูหรา และน่า

    ประทับใจ


    สำหรับขุนนางจะมีการฉลองกันอย่างจริงจังทุกๆ 5 ปี ดังนั้นในระหว่างปีก่อนหน้านั้นจะมีแค่การฉลองเล็กๆ

    ในครอบครัว ซึ่งมันก็ไม่แปลกเลยที่ฉันจะลืมว่าวันเกิดของฉันคือวันไหน


    ฉันสอดส่ายสายตาไปอีกมุมหนึ่งก็พบกับลิลลี่ ตอนนี้เธอกำลังทำงานในฐานะเมดอย่างขยันขันแข็งน่าดู 

    จึงคิดว่าไม่รบกวนดีกว่า


    พบสำรวจไปสักพักก็พบว่า วันนี้ท่านพี่กับคลาวด์ก็ไม่อยู่เช่นเดียวกันด้วย

    ไม่มีใครอยู่แบบนี้จะไปเล่นกับใครดีนะ?


    คิดแล้วก็เดินไปที่สวน แจ๊คพอต! โชคดีที่ลาสยังอยู่ฉันจึงไปนั่งข้างๆ


    “อ้าว คุณหนูนี่นา มาทำอะไรตรงนี้หรือครับ?”


    “ฟังหน่อยสิๆ วันนี้ทุกคนยุ่งกันหมดเลยอ่ะ น่าเบื่อชะมัดเลย”


    พูดแบบนั้นพลางนอนลงบนทุ่งหญ้า ถึงปกติที่ต้องเรียนพิเศษโน่นนี่จะดูน่ารำคาญก็เถอะ แต่พอ

    ได้ใช้ชีวิตแบบว่างๆอย่างนี้แล้วก็รู้สึกว่า ชีวิตแบบว่างๆเนี่ยมันโคตรน่าเบื่อเลยไม่ใช่หรือไง


    ส่วนลาสเองก็ได้ยินแบบนั้นก็เอียงคอ


    “แล้วทำไมคุณหนูไม่ลองไปช่วยงานดูบ้างล่ะครับ? เป็นเจ้าของงานไม่ใช่หรือไง”


    ได้ยินแบบนั้นฉันจึงหันหน้ากลับไปด้วยสีหน้าหงุดหงิดใจ


    “คิดว่าคนแบบฉันจะช่วยอะไรใครเขาได้งั้นเหรอ?”


    ฟังแล้วลาสก็ส่ายหน้าทันที


    “คุณหนูเนี่ยน้า~ มันไม่เกี่ยวหรอกว่าช่วยได้หรือไม่ได้หรอกครับ มันอยู่ที่ว่าจะช่วยหรือเปล่าแค่นั้นเอง”


    ฉันไม่อยากฟังจากคนที่มานอนอู้อยู่ในสวนแบบนี้หรอกนะ พ่อคนสวน


    “อะไรกันครับ สายตาแบบนี้ บอกไว้ก่อนนะ ผมทำงานของผมเสร็จแล้วต่างหาก ไม่ได้อู้นะ!!


    “ค่าๆ แล้ว? ที่บอกว่างานที่ฉันทำได้เนี่ย? อย่างเช่นอะไรหรือ?”


    “นั่น...สินะครับ ยกตัวอย่างเช่น จดหมายเชิญเป็นยังไงครับ?”


    “จดหมายเชิญ?”


    “ใช่ครับ งานเลี้ยงวันเกิดก็ต้องมีจดหมายเชิญใช่ไหมล่ะครับ คาดว่าจดหมายอย่างเป็นทางการคง

    ส่งไปแล้ว แต่จดหมายที่มาจากความคิดของคุณหนูยังไม่มีเลยนี่ครับ”


    จริงด้วยสิ ถ้าเป็นในโลกก่อน ตอนที่บ้านจะจัดงานวันเกิด น้องสาวก็มักจะชอบเขียนจดหมายชวนเพื่อนๆ

    มาร่วมงานด้วยเสมอ ของแบบนั้นเป็นที่นิยมสำหรับเด็กผู้หญิงหรือเปล่านะ?


    “แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ....ฉันไม่รู้ว่าต้องเขียนยังไงนี่นา..”


    พอมองดูไปที่ใบหน้าของลาสอีกที ตอนนี้ฉันก็พบว่าลาสกำลังทำหน้าสมเพชใส่ฉันอยู่


    “มองหน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไงกันยะ!! ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา เคยแต่เขียนจดหมายพูดคุยเฉยๆ

    ไม่เคยเขียนจดหมายเชิญเลยนี่นา!!


    “อ๊ะ จะว่าไปพูดถึงจดหมาย มีจดหมายใหม่มาถึงน่ะครับ”


    อย่าเปลี่ยนเรื่องสิยะ!!!


    แต่ถึงอย่างนั้นก็รับมาอยู่ดี เอ่อ........จดหมายงั้นเหรอ?


    ซองที่ฉันได้มาเป็นซองขนาดA4 ซึ่งหนาราวๆกระดาษ 1 รีม ห่อเอาไว้อย่างดี


    “นี่มันอะไรน่ะ วิทยานิพนธ์?”


    คิดอย่างหวั่นๆแล้วก็แกะซองออกมา ข้างในนั้นมีกระดาษที่เขียนข้อความเอาไว้ปึกใหญ่ 

    อ่านจากหน้าแรกแล้วก็ไม่ต้องคิดอะไร


    อมาเรียนั่นเอง เดี๋ยวนี้ความบ้าของเด็กคนนี้ไปไกลถึงขั้นนี้แล้วเนอะ

    หลักๆของจกหมายก็เป็นการกล่าวทักทายธรรมดา เอาเป็นว่าข้ามไปหน้าสุดท้ายเลยดีกว่า


    และเมื่อเปิดไปหน้าสุดท้าย ตัวอักษรเพียงตัวเดียวในหน้านั้นก็ทำให้ฉันเบิกตากว้าง


    [“ช่วยด้วย”]


    มันถูกเขียนเอาไว้เช่นนั้นทำให้หัวใจฉันสั่นไหว ความรู้สึกไม่ดีเริ่มปกคลุมทั่วทั้งร่างกาย ดังนั้น

    ฉันจึงจับมือลาส


    “ไปอาณาเขตลูน่ากันเถอะ”


    ประกาศดังนั้นรถม้าก็ค่อยๆเคลื่อนไปยังจุดหมายที่ อมาเรีย ลูน่า เพื่อนของฉันอาศัยอยู่ 

    ***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×