ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เป็นเกมจีบหนุ่มแล้วไง? ข้าขอเล่นแบบเกม Action RPG แล้วกัน!

    ลำดับตอนที่ #40 : 7 ขวบ : เหมือนจะต้องร่วมมือร่วมใจกันแล้วล่ะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 853
      85
      23 เม.ย. 63


    เช้าวันใหม่มาถึงแล้ว หลังจากที่ตื่นขึ้นมาผมก็ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ตากเอาไว้ เพราะว่าฝนน่า

    จะหยุดตกในช่วงดึกๆ ดังนั้นผ้าที่ตากเอาไว้จึงแห้งสนิทเรียบร้อยแล้ว


    พูดถึงมาเรียริส พอตื่นขึ้นมาก็พบว่าเจ้าหล่อนไม่ได้อยู่บนที่นอนแล้ว ผมจึงเดินเสาะส่ายตามหา

    ตัวเสียหน่อย


    “อ้าว ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ?”


    ก็ว่าจะทำอย่างนั้นอยู่หรอก แต่พอจะก้าวออกจากกระท่อม มาเรียริสก็โผล่เข้ามาพอดี


    “อะ โอ้ว ตื่นแล้วค่ะ ว่าแต่ท่านมาเรียริสไปที่แห่งใดมาตั้งแต่เช้าคะเนี่ย”


    “ไปขอแบ่งอาหารมาน่ะค่ะ เมื่อวานได้ทานแต่ข้าวเช้าคงจะหิวใช่ไหมล่ะคะ เอ้า นี่เจ้าค่ะ”


    จ๊อก~ พอพูดถึงเรื่องความหิว เจ้าท้องเจ้ากรรมก็ร้องโครกครากตอบรับว่า หิวจริงๆนะ หรือไม่ก็ 

    เอาอาหารมาได้แล้ว ผมจึงรับอาหารอย่างว่าง่าย แล้วเริ่มแกะ


    อาหารที่ได้มานั้นเป็นอาหารห่อแบบง่ายๆด้วยใบตอง น่าจะเป็นอาหารปิ้ง พอแกะออกมาแล้วก็

    พบกับข้าวเหนียวและเครื่องต่างๆมากมาย พร้อมกับกลิ่นเครื่องเทศที่หอมฉุย


    ช่างเป็นกลิ่นที่ยั่วยวนชวนหิวอะไรเยี่ยงนี้ คิดแบบนั้นจึงเริ่มทานอาหารที่ได้มาอย่างรวดเร็ว 

    และเมื่อทานเสร็จ ผมก็กลับเข้าประเด็นสำคัญกันต่อ


    “แล้ว สรุปวันนี้เราจะสามารถกลับได้หรือไม่คะ”


    เพราะประสบการณ์เมื่อคืนมันน่ากลัวจนฝังใจ อย่างน้อยก็ก่อนที่จะนอนผมก็มีเรื่องให้ต้องวิตกกังวล

    หลายอย่าง ถ้าหากวันนี้ต้องกลับไปอยู่ในสภาพเดียวกับเมื่อวานคงจะต้องเกิดเรื่องหน้าอาย อย่างให้

    ท่านมาเรียริสกล่อมนอนอีกเป็นครั้งที่ 2 แน่


    แน่นอนว่าเรื่องของคนทางบ้านก็เป็นห่วงนะ ทั้งท่านพี่เดวิดแล้วก็คลาวด์นั้นยิ่งเป็นคนขี้เป็นห่วงอย่าง

    แปลกๆด้วย ถ้าฝ่ายนั้นฉุกละหุก เร่งมาช่วยเหลือแล้วเกิดประสบอุบัติเหตุทางทะเลขึ้นมา คงจะเป็นเรื่อง

    ที่แย่มากๆแน่ๆ


    “ถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะก็....พูดยากนะเจ้าคะ”


    แต่แล้ว ความหวังของผมก็ไม่ถูกเติมเต็ม สีหน้าของมาเรียริสนั้นหม่อนหมองลงกะทันหัน ก่อนที่จะ

    เดินออกไปข้างนอกกระท่อมและชี้มือให้ผมมองออกไปที่ทะเล


    ถึงแม้ฝนจะหยุดสนิทแล้ว แต่ในทะเลตอนนี้นั้นกลับมีคลื่นสูง และแรงกว่าคลื่นในวันปกติ ถ้าเป็นคลื่น

    ที่ซัดกระหน่ำขนาดนั้น ถึงแม้ผมจะไม่ใช่ลูกทะเล แต่ก็พอจะมองออกว่าสถานการณ์แบบนี้ออกเรือไม่ได้

    แน่ๆ


    “เฮ้อ วันนี้ก็อีกแล้วเหรอ~?”


    “เจ้าค่ะ เพราะฉะนั้นทำใจแล้วนั่งเล่น นอนเล่นเฉยๆในกระท่อมนะคะ”


    พอเห็นผมทำท่าไหล่ตกพร้อมใบหน้าซีดเซียว เธอก็ยักไหล่ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยแคร์อะไร

    เท่าไหร่ แล้วหลังจากนั้นก็ไล่ผมให้กลับเข้ากระท่อมไป ทั้งๆที่เป็นแบบนั้นแต่ดูเหมือนว่าท่าน

    มาเรียริสจะไม่กลับเข้ามาด้วย


    “ดะ....เดี๋ยวก่อนสิคะ ท่านมาเรียริส จะไปไหนกันคะ?”


    “เอ๋? ไปตรวจตราค่ะ แต่เดิมก็กะจะมาตรวจตราอยู่แล้ว ถ้ายังกลับไม่ได้ก็ขอทำภารกิจของตัวเอง

    ให้เสร็จก่อนน่ะเจ้าค่ะ”


    ในเวลาแบบนี้ยังจะขยันได้อีกนะแม่คุณ ถ้ามองจากบุคคลภายนอกนี่ คงคิดแล้วล่ะ ว่ามาเรียริส

    คนนี้เป็นคนละตัวละครกับนางร้ายหึงโหดคนนั้นไปแล้ว....


    “ถ้าเช่นนั้น ดิฉันขอไปด้วยสิคะ นะคะ อยู่คนเดียวมันเหงานี่นา”


    “ก็ได้ค่ะ แต่ห้ามดื้อ ห้ามซน ห้ามหยิบจับของที่ไม่รับอนุญาตหรือตามคนแปลกหน้าไปนะเจ้าคะ”


    นี่ชั้นไม่ใช่เด็กร้องตามแม่ไปทำงานนะ!!!! เห็นฉันเป็นเด็กน้อยนักรึไงถึงแม้จะเด็กจริงๆก็เถอะ


    “รู้แล้วค่า~ จะทำตัวเป็นเด็กดีนะคะ”


    ว่าแล้วจึงเดินเกาะตามมาเรียริสไปด้วย ในขณะที่เดินตามนั้นก็สังเกตท่าทางของมาเรียไปด้วยเช่นกัน 

    ตอนนี้มาเรียริสเปลี่ยนชุดเป็นชุดสีแดงสดตัวเก่งของเธอแล้ว ในมือของเธอนั้นมีสมุดพกและปากกา

    อยู่ในมือ ในระหว่างที่เดินเธอก็จดอะไรของเธอไปด้วย


    นี่หล่อนไปนักธุรกิจรึไงหะ?


    เดินตามมาสักพักก็เข้าไปถึงจุดที่เป็นหมู่บ้าน หมู่บ้านริมทะเลนั้นเป็นกลุ่มบ้านเล็กๆประมาณ 10 หลัง

    คาเรือน ตั้งอยู่ริมชายหาด พื้นของหมู่บ้านนั้นถูกปูด้วยถนนหิน แบ่งโซนเป็นอย่างดี ทั้งโซนที่พักอาศัย 

    และถูกตัดครึ่งกลางเมืองด้วยถนนและร้านขายของตลอดซ้ายขวา 


    ถ้ามองจากมุมมองของคนภายนอก สำหรับเมืองเล็กๆแห่งนี้นับว่าเป็นหมู่บ้านที่มีระเบียบเรียบร้อย

    ดีทีเดียว ทั้งๆที่คิดเช่นนั้น แต่เมื่อรู้ความจริงว่า คนที่ปรับปรุงสถานะเมืองและจัดการทุกอย่างมาจน

    ถึงจุดนี้ก็คือมาเรียริส ทำให้ผมรู้สึกทึ่งเข้าไปใหญ่ ทั้งๆที่เป็นเด็ก 7 ขวบเหมือนกันแท้ๆ กลับเลือดเส้น

    ทางเดินในแบบผู้ใหญ่ อีกทั้งยังทำได้ดีมากด้วย


    “แล้วจะเริ่มตรวจตราที่ไหนก่อนหรือคะ?”


    โดยที่ไม่ทันรีรอ พอถึงตัวหมู่บ้านแล้วผมก็เริ่มถามท่านมาเรียริสทันที ส่วนหนึ่งก็เพราะความรู้สึกตื่นเต้น

    และความอยากรู้อยากเห็นเริ่มผุดขึ้นมาหน่อยนึงแล้ว และอีกส่วนหนึ่งคือระลึกได้ถึงคำของท่านพ่อที่ให้

    มาศึกษาดูงานด้วย....ก็แค่ส่วนหนึ่งน่ะนะ


    “ก่อนอื่นก็รวบรวมข้อมูลจากคนในหมู่บ้านก่อนเจ้าค่ะ”


    เธอว่าเช่นนั้นพลางเดินไปตามหมู่บ้านต่างๆ แล้วก็ถามสารทุกข์สุขดิบตามที่ได้กล่าวเอาไว้ ส่วนผมเอง

    เมื่อมองดูปฏิกิริยาของชาวบ้านต่อท่านมาเรียริสแล้ว ช่างน่าประหลาดยิ่งนัก ทุกคนต่างทำเหมือนกับว่า

    ท่านมาเรียริสเป็นเสมือนญาติหรือพี่น้องที่มาเยี่ยมบ้าน ทุกๆบ้านต่างต้อนรับด้วยความสดใส และหยอก

    เย้า ราวกับเธอไม่ใช่ตำแหน่งบุตรีของมาร์ควิสก็มิปาน


    เป็นเช่นนั้นหลังแล้ว หลังเล่าจนทำเอาผมรู้สึกสงสัยนิดๆ พอมาถึงบ้านสุดท้ายผมจึงเลียบเคียงถาม

    ลูกสาวของเจ้าของบ้านที่พ่อของเธอกำลังให้สัมภาษณ์กับท่านมาเรียริสอยู่


    “สวัสดีค่ะ พี่สาวขอสอบถามหน่อยได้ไหมเอ่ย?”


    “อ๊ะ พี่สาวที่มากับพี่มาเรียริสนี่นา ว่ายังไงคะ?”


    “ได้ข่าวว่าท่านมาเรียริสเป็นคนโหดร้ายน่ะค่ะ แต่พอมาดูภาพเช่นนี้แล้วทำให้รู้สึกได้เลยว่าข่าวลือ

    นั้นมันไม่จริง เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่คะ”


    ลองถามด้วยท่าทางเป็นกันเองดู ซึ่งพอถามไปปุ๊บ เด็กสาวก็ทำท่างุนงง ก่อนมารดาของเธอจะเข้ามา

    ทางด้านหลังของเด็กสาว เธอขมวดคิ้วนิดหน่อย เพราะคงจะได้ยินคำถามของผม จึงตอบกลับมาด้วย

    เสียงเรียบ


    “เราไม่ทราบหรอกนะคะว่าท่านคือใคร แต่ท่านมาเรียริสคนที่ท่านว่ามานั้นไม่มีอีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ 

    แล้วกรุณาอย่านำเรื่องนี้ไปพูดกับคนอื่นในหมู่บ้านนะคะ ท่านจะโดนตั้งตัวเป็นศัตรูเอานะ”


    “คะ.....ค่ะ ขอบคุณค่ะ”


    นับว่าเป็นคอมเม้นท์ที่ร้อนแรงมากเลยทีเดียว แต่ก็...เอาล่ะ หมดสงสัยแล้วล่ะ การที่คนในหมู่บ้าน

    รักมาเรียริสขนาดนี้ ก็ชัดเจนเลยว่ามาเรียริสคนนี้กับมาเรียริสในเกมนั้นได้เป็นคนละคนไปแล้ว ต่อ

    จากนี้ผมก็คงไม่จำเป็นจะต้องระวังเธออีกแล้วล่ะมั๊ง เดิมทีแล้วผมก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรูทของเจ้า

    ชายอาเจนโต้อยู่แล้วด้วย ถ้าจบเรื่องนี้ไปแล้วยอมเป็นเพื่อนกันก็คงจะดีนะ


    “เอาล่ะ ได้เวลาไปที่สุดท้ายแล้วเจ้าค่ะ”


    คิดไปเพลินๆ จู่ๆเสียงของท่านมาเรียริสก็ปลุกขึ้นจากความคิด และผมก็เดินตามเธอไป จุดหมายของ

    เธอนั้นคือบ้านหลังใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นบ้านของผู้ใหญ่บ้าน และเมื่อยืนรอ

    สักครู่หนึ่งประตูก็เปิดออก 


    “โอ้ว ท่านมาเรียริส เชิญเลยครับ เชิญเลย”


    ก่อนที่จะมีเสียงเล็ดลอดออกมาจากในนั้น ภาพที่ปรากฏก็คือร่างของชายชราที่มีท่าทีภูมิฐาน เขาทำ

    ความเคารพมาเรียริส แตกต่างจากท่าทีเอ็นดูของชาวบ้านคนอื่นๆ ก่อนเชิญเข้าไปในห้องรับแขกของ

    บ้านเขา


    เอ้าฮึบ และเมื่อเข้าไปเสร็จพวกเราก็พากันนั่ง ก่อนที่ผู้ใหญ่บ้านจะสั่งคนรับใช้ให้เอาขนมมาเสิร์ฟ


    “คราวนี้จะคุยเรื่องอะไรกันหรือคะ”


    เพราะว่าในระหว่างที่รอต้อนรับ ผู้ใหญ่บ้านก็ออกไปเตรียมเอกสารอะไรบางอย่าง จึงลองถามออกมาดู 

    ทั้งหมดก็เพื่อการเรียนรู้ล่ะนะ ไม่ใช่ว่าอยากรู้อยากเห็นหรอกนะ


    ส่วนมาเรียริสที่ได้ฟังก็กรอกตามามองผมก่อนถอนหายใจและพูดขึ้น


    “ก็เรื่องเดิมๆนั่นแหละค่ะ แล้วก็เรื่องเหตุการณ์ผิดปกติด้วย”


    “เหตุการณ์ผิดปกติหรือคะ?”


    เกร้ง! ในขณะที่พูดแก้วชาและกองเอกสารก็ถูกวางไว้บนโต๊ะ ผู้ใหญ่บ้านได้กลับมาแล้ว


    “ใช่ครับ เหตุการณ์ปกติ แล้ว....คุณหนูท่านนี้คือ”


    “ยินดีที่ได้พบค่ะ เอลิเชีย ควินมาร์กค่ะ”


    “โอ้ว บุตรีของท่านดยุกที่ท่านมาเรียริสชอบเล่าให้ฟังบ่อยๆสินะครับ”


    เล่าให้ฟังบ่อยๆ?


    “กลับเข้าเรื่องเถอะค่ะ”


    ก็สงสัยเรื่องเมื่อครู่นี้อยู่หรอก แต่พอจะเอ่ยปากถาม ท่านมาเรียริสก็ขึ้นเสียงขู่ด้วยท่าทางที่ไม่

    สบอารมณ์นัก เอาล่ะ ไม่เสี่ยงชีวิตดีกว่าเนาะ~


    “ครับ สำหรับท่านเอลิเชียที่เพิ่งเคยมาที่แห่งนี้ ท่านได้เห็นแล้วใช่ไหมครับ เช้านี้ที่หมู่บ้านสภาพอากาศ

    เป็นปกติแล้ว แต่คลื่นในทะเลยังคงสูงอยู่”


    “ค่ะ ไม่ทราบว่านั่นเป็นพวกอากาศแปรปรวนของทะเล หรือว่าเป็นสภาพอากาศจำเพาะของพื้นที่

    อะไรทำนองนั้นหรือคะ”


    ถ้าเป็นแบบที่ว่าจริงก็อยากจะรู้ว่ามันจะหายไปเมื่อไหร่ ล่ะนะ เพราะถ้าเป็นสภาพอากาศจำเพาะของ

    พื้นที่ เจ้าของพื้นที่ก็น่าจะรู้เป็นอย่างดีใช่ไหมล่ะ ผมคิดแบบนั้น แต่....


    “ผิดแล้วล่ะครับ นั่นไม่ใช่แค่สภาพอากาศแปรปรวนธรรมดาหรอกนะครับ แต่เป็นผลพวงจากมอนสเตอร์

    ต่างหาก”


    “อย่างที่คิดสินะเจ้าคะ”


    พอผู้ใหญ่บ้านพูดดังนั้น ท่านมาเรียริสก็ตอบรับความคิดนั้น พลางทำท่าครุ่นคิด


    “ว่าแต่...มอนสเตอร์หรือคะ?”


    “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ตอนแรกก็ไม่แน่ใจนัก จึงมาถามผู้ใหญ่บ้าน แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เจ้านั่นคือ คราเคน 

    มอนสเตอร์แรงค์ A ค่ะ แต่เดิมแล้ว แต่ไหนแต่ไรเจ้าคราเคนก็มาจู่โจมหมู่บ้านนี้บ่อยครั้งอยู่แล้ว แต่ถ้า

    สามารถไล่ออกไปได้ ก็จะระงับความเสียหายได้ระยะหนึ่ง แต่ไม่ใช่ว่าดิฉันเพิ่งจัดการไล่มันไปเมื่อสัปดาห์

    ที่ผ่านมาหรือคะ”


    “ครับ สัปดาห์ที่แล้วคุณหนูแจ้งว่า เจ้าชายจะมาเยี่ยมเยือนเกาะแห่งนี้ แล้วจัดการไล่ไปแล้ว ปกติมัน

    จะหายไปเป็นเดือน แต่ว่า ในครั้งนี้มันกลับมาเร็วกว่าที่คาดมากเลยครับ”


    “งั้นหรือ แล้วคราวนี้จะทำยังไงดีล่ะเจ้าคะ”


    พอพูดถึงตรงนั้น ทั้งสองคนที่ปรึกษากันโดยทิ้งผมเอาไว้นอกห้องแชทก็ต่างพากันทำหน้ากลัดกลุ้มกันใหญ่

    ....แต่ว่านะ ถ้าตัวปัญหาขนาดนั้น จะเสียเวลาไล่ไปทำไมล่ะ 


    “แค่จัดการไปให้สิ้นซากก็ได้ไม่ใช่หรือคะ?”


    ผมพูดพร้อมกับเอียงคอสงสัย ทันใดนั้น ทั้งสองคนก็หันควับมามองผมด้วยสายตาที่กำลังจะบอกว่า 

    นี่เธอโง่หรือเปล่า อะไรแบบนั้น เอ๋~ นี่มันความคิดดีที่สุดเท่าที่จะคิดได้แล้วนะ


    “คราเคนไม่ใช่มอนสเตอร์ที่จะสามารถจัดการได้ด้วยพลังของดิฉันคนเดียวเจ้าค่ะ แถมมันยังเป็น

    มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งมากด้วย โชคดีที่ ด้วยการโจมตีของดิฉัน มันจึงยอมหนีไป ทั้งๆที่ตัวมันเองก็

    โดนดาเมจไม่มากนัก ถ้าหากต่อสู้กันจริงๆคิดว่าไม่สามารถชนะได้หรอกนะเจ้าคะ!


    “ถ้าท่านมาเรียริสชนะด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ ทำไมไม่ให้ทุกคนช่วยล่ะคะ” 


    “จะให้ฉันส่งคนในหมู่บ้านไปรับอันตรายได้ยังไงล่ะเจ้าคะ!!


    พอผมพูดแบบนั้นออกไป มาเรียริสก็กัดฟันพร้อมเถียงกลับ พลางทุบโต๊ะดังปึง!! โต๊ะที่วางอาหารเอาไว้

    แยกเป็นสองท่อนอย่างง่ายดายเลย แต่ว่า.....เห็นมาบ่อยแล้ว ความกลัวของผมก็เริ่มลดลงแล้วล่ะนะ


    “แล้วทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะคะ นี่ ผู้ใหญ่บ้านคะ ในหมู่บ้านมีคนใช่เวทมนตร์โจมตีได้เยอะไหมคะ”


    “อะ..เอ่อ ก็มีอยู่จำนวนหนึ่งครับ“


    “ท่านเอลิเชียคะ ได้โปรดเลิกยุ่งกับชาวบ้านของดิฉันด้วยเจ้าค่ะ หน้าที่ปกป้องหมู่บ้านนี้คือหน้าที่ของฉัน

    นะเจ้าคะ”


    “ผิดแล้วล่ะค่ะ ท่านมาเรียริส หน้าที่ปกป้องหมู่บ้านคือหน้าที่ของทุกคนต่างหาก อย่างที่อาณาเขตควินมาร์ก

    สงบสุขได้อย่างทุกวันนี้เพราะมีทุกคนคอยปกป้อง เหล่าคุณกองกำลังในเงามืดที่คอยกำจัดคนที่จะมาทำอันตราย

    กับหมู่บ้าน ถึงแม้ฉันจะแค่ 7 ขวบ ยังเป็นเด็กที่ไม่รู้อะไร และไม่ได้เรื่องเหมือนอย่างท่านมาเรียริส แต่เรื่องนี้ดิ

    ฉันทราบได้ค่ะ ว่าหน้าที่ปกป้องบ้านของตนน่ะ ไม่ใช่หน้าที่ของผู้บริหาร แต่เป็นหน้าที่ของผู้อยู่อาศัยทุกคนค่ะ!!


    “ว่ายังไงนะ!!


    อุก! ชักปรี๊ดแตกแล้วสิ ท่านมาเรียกำหมัดแน่นแล้ว คาดว่า อย่างโชคร้ายที่สุดคงจะตรงมายังใบหน้า

    ของผม ดังนั้นผมจึงเตรียมร่ายเวทย์เอาไว้ เพื่อป้องกัน แต่ว่าในขณะนั้นเอง


    “พอทั้งคู่นั่นแหละครับ”


    ผู้ใหญ่บ้านก็ตะโกนขึ้น มาเรียริสสะดุ้งทันที่ที่ได้ยินเสียงของผู้ใหญ่บ้าน อารมณ์โมโหของเธอจึงคลายลง 

    พลางค่อยๆหันไปมองผู้ใหญ่บ้านที่ทำหน้าจริงจังอยู่


    “เรื่องนี้ผมเห็นด้วยกับท่านเอลิเชียครับ”


    “ผู้ใหญ่บ้าน!!


    “ท่านมาเรียริสครับ....ผมทราบดีว่าท่านน่ะแข็งแกร่ง แต่ว่า ที่นี่เป็นบ้านของพวกเราครับ ให้พวกเราช่วย

    กันปกป้องบ้านของพวกเราด้วยกันเถอะนะครับ”


    พูดเช่นนั้นพลางจ้องมองมาเรียริสด้วยใบหน้าที่จริงจังที่สุด ซึ่งพอมาเรียริสเห็นใบหน้านั้นก็มีท่าทีอ่อนลง

    ทันที บางที เธอคงจะไม่เคยโดนใครในหมู่บ้านนี้ดุแบบนี้มาก่อน ก็นะ เพราะว่าตัวเธอนั้นเป็นเพียงเด็ก 7 ปี

    ที่รับหน้าที่บริหารเกาะเพื่อสนองความคาดหวังของพ่อเธอ ดังนั้นจะเครียดก็ไม่แปลก แต่ว่านะ ถึงแม้จะทำ

    ตัวเป็นผู้ใหญ่ยังไง ถึงแม้จะมีความรับผิดชอบและความห่วงใยต่อบุคคลรอบข้างมากเพียงใด แต่ตัวคนเดียว

    ก็คือตัวคนเดียว อย่างน้อย เพื่อชดใช้ท่าทีที่น่าอายของผมจากเมื่อวานนี้ ดังนั้นให้ผมได้ชี้ทางเธอเถิด


    “ได้ยินแล้วใช่ไหมล่ะคะ ท่านมาเรียริส ทุกคนน่ะ อยากจะปกป้องหมู่บ้านของตัวเองนะ ตัวคนเดียวทำ

    อะไรไม่ได้หรอกค่ะ เพราะฉะนั้นมาร่วมมือกันเถิดนะคะ เอลิเชียคนนี้ก็จะร่วมมือด้วยอย่างสุดความ

    สามารถเลยค่ะ”


    ว่าแล้วก็ยิ้มให้พลางยื่นมือไปหามาเรียริส ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องแบกรับคนเดียวอีกแล้วล่ะนะ คราวนี้ถึง

    คราวที่ผมจะเป็นประโยชน์ให้เธอบ้างละนะ


    แต่ว่า.....


    แปะ


    เธอปัดมือผมออก พร้อมกับเดินหันหลังให้ ถอยออกห่างไป เอ๋~ นี่ถูกปฏิเสธหรือนี่


    “จะทำยังไงก็ตามใจเถิดเจ้าค่ะ”


    อ๊ะ ไม่ใช่นี่นา ถ้ายอมรับก็ช่วยยอมรับด้วยความจริงใจหน่อยได้ไหมล่ะ อย่ามาทำซึนเดเระตรงนี้

    จะได้ไหมนะ แต่ว่า....


    “ค่ะ จะทำสุดความสามารถเลยค่ะ ท่านพี่สาวมาเรียริส


    ลองเติมชื่อเรียก ให้เป็นท่านพี่สาว นิดหน่อย หลังจากได้รับการปลอบมาแล้วเมื่ออคืนนี้ 

    มาเรียริสเอง พอได้ยินก็สะดุ้งแล้วหันมาหาผมด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ


    “อย่ามาเรียกด้วยชื่อแปลกๆแบบนั้นสิคะ!!”


    แล้วก็ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงน่ารัก จะว่ายังไงดีล่ะ ชักจะรู้สึกว่าได้เข้าใกล้มาเรียริสขึ้นทุกทีแล้ว 

    ต่อจากนี้คงสนิทกันได้ล่ะนะ แต่ว่าก่อนหน้านั้น


    ______________ตอนนี้มาทางกำจัดเจ้ามอนสเตอร์ตัวร้ายก่อนแล้วกัน

    *** 



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×