ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เป็นเกมจีบหนุ่มแล้วไง? ข้าขอเล่นแบบเกม Action RPG แล้วกัน!

    ลำดับตอนที่ #27 : 7 ขวบ : ถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยล่ะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.26K
      153
      12 มี.ค. 63


    หลังจากที่กลุ่มโจรถูกท่านพ่อตักเตือนจนนอนกองกลายเป็นปุ๋ยมะม่วงอยู่ที่พื้นกันหมดแล้ว 

    อารมณ์โมโหของผมก็ค่อยๆคลายลง


    “อ๊ะ ทำเกินไปรึเปล่านะ?”


    เพราะว่าตอนนั้นไม่ได้สติ เลยโบ้ยความผิดมั่วๆทั้งหมดไปให้กับเจ้าหัวหน้าโจรป่า ผลสุดท้ายแล้วจึงทำให้

    เขาต้องกลายเป็นชิ้นเนื้อ(ภาพในจินตนาการ) นอนกองอยู่กับพื้น พอได้ยินเสียงร้อง อู อู อย่างทรมาณแบบ

    ไม่ขาดสายแล้วก็รู้สึกน่าสงสารแบบแปลกๆ


    อันที่จริงพอมามองดูพวกโจรคนอื่น ดีๆแล้ว สภาพแต่ละคนนั้นดูไม่ได้เอาเสียเลย ทั้งคนที่เนื้อตัวเต็มไปด้วย

    บาดแผล คนที่แขนขาบิดงอไปอย่างผิดรูปร่าง และอื่นๆอีกมากมาย ที่ดีๆหน่อยก็คงจะเป็นคนที่สลบไปก่อน

    ที่จะถูกท่านพ่อเก็บนั่นแหละ โชคดีจริงๆ


    ว่าแต่ท่านพ่อฮะ นี่คือสิ่งที่ท่านพ่อบอกว่า เป็นการลงโทษเบาๆแบบไม่เอาชีวิตสำหรับคนที่ไม่เคยมีโทษฆ่า

    คนมาก่อนงั้นหรือ?


    ในสายตาพวกเขาเหล่านั้นแล้ว ผมคิดว่า พวกเขาคงจะเห็นเส้นกั้นระหว่างความเป็นความตายกันแทบจะทุกราย

    แล้วแน่ๆเลยล่ะ


    “จับไปให้หมด”


    หลังจากที่กำลังคิดอยู่นั้น ท่านพ่อก็สั่งทหารนำปุ๋ยมะม่วง(โจร)กลับไปคุมขัง ส่วนคลาวด์ที่มีส่วนร่วมในการจับกุม

    ด้วย ก็เดินมาหาผมด้วยความเป็นห่วง


    “คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างครับ!


    ช่างเป็นคำพูดที่ลุกลี้ ลุกลนน่าดู ถึงแม้ว่าคลาวด์ในตอนนี้จะไม่ได้มีนิสัยขี้เล่นหรือรักสนุกมากเท่าแต่ก่อน 

    แต่ความขี้กังวลจนเกินเหตุ และความเอาใจใส่ของเขาน่ะ ผมก็ไม่ได้เกลียดหรอกนะ


    “มะ... ไม่เป็นไรค่ะ ทางนั้นล่ะ ปลอดภัยไหมคะ”


    “ทางคุณหนูเองน่าเป็นห่วงกว่านะครับ ไม่ต้องมาถามกลับหรอก!


    โดนตะคอกใส่ซะแล้วล่ะ....


    “ทางฉันไม่เป็นไรหรอกน่า อีกอย่างนะ ต้องขอบคุณคลาวด์ที่สอนทักษะดาบให้นะ เพราะฉะนั้นถึงได้โจมตี

    โต้กลับได้ไงล่ะ”


    การโจมตีนัดแรกใช้การรวบรวมหลัง Boots ทั้งหมดเข้าที่หมัดและปล่อยออกไป ถึงแม้จะกินมานาเกินคาดแต่ก็

    สามารถล้มโจรไป 1 รายได้ ถัดจากนั้นก็ใช้มานาที่เหลือ เร่งสปีด เร่งพลัง แล้วก็บวกความคล่องตัว คำนวณทั้งหมด

    ให้เหลือมานาไว้ก้นๆถัง กันสลบ แล้วโจมตีไปด้วยท่าดาบที่เคยร่ำเรียนมา


    ทั้งหมดมันใช้ได้ผล ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้หญิง จะเป็นเพียงนางร้ายสุดแสนกระจอก แต่หลังจากที่ได้เรียนดาบมาแล้วนั้น 

    ตัวผมก็ได้พัฒนาขึ้น ทั้งกล้ามเนื้อที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ตอนนี้การโจมตีหลังจากเพิ่มพลังเวทมนตร์นั้น ไม่ใช่แค่ความ

    สามารถในการยกถังน้ำไปปาใส่นางเอกเพื่อกลั่นแกล้งอีกแล้ว


    ถึงแม้การต่อสู้ในครั้งนี้จะจบลงด้วยมือของท่านพ่อก็เถอะ

    แต่มั่นใจได้ว่าเส้นทางการเป็นนักผจญภัยตามที่ฝันนั้นไม่ใช่หนทางที่ไกลเกินไปเลย


    กล่าวอีกครั้งคือ ต้องขอบคุณคลาวด์จริงๆ


    ทั้งๆที่คิดแบบนั้นแต่หน้าตาของคลาวด์ในตอนนี้ดูจะไม่ยินดีกับการพัฒนาของผมเอาเสียเลย


    “เมื่อครู่นี้คุณหนูบอกว่ายังไงนะครับ.....ต่อสู้กับโจรงั้นหรือ?”


    จิตอาฆาตเริ่มพุ่งขึ้นมาทุกที ทำเอาผมเริ่มสั่นกลัวอย่างบอกไม่ถูก อะไรง่า เค้าทำผิดอะไรงั้นเหรอ?

    ท่านพ่อที่เห็นสภาพการณ์แบบนี้จึงเดินเข้ามาห้ามปรามเพื่อไม่ให้เกิดการทะเลาะกันที่เสียประโยชน์


    “เอาน่า คลาวด์ เอลิเชียเค้าแค่ป้องกันตัวเท่านั้นเอง ไม่ได้มีความผิดอะไรเลยนะ”


    เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับความคิดของท่านพ่อ


    “นายท่านช่วยหยุดตามใจคุณหนูด้วยครับ!! กลุ่มโจรจะมาทำร้ายคุณหนูได้อย่างไร ถ้าคุณหนูไม่ไปเริ่มก่อน 

    ยิ่งคุณหนูที่มีนิสัยแบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องตั้งคำถามเลย แล้วถ้านิสัยอย่างนี้ติดตัวไปจนโต คุณนายจะว่า

    ยังไงครับ นายท่านจะทำให้คุณนายหนักใจทางอ้อมนะครับ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ท่านควรห้ามปรามคุณหนูนะ!


    ตอนนี้ท่านพ่อลงมาคุกเข่าโดนเทศก์พร้อมกันกับผมแล้ว นอกจากท่านแม่ก็มีคลาวด์นั่นแหละที่ดุท่านพ่อได้ 

    คงจะเพราะทำหน้าที่แทนอวตารของท่านแม่ด้วยล่ะมั๊ง น่ากลัวชะมัดเลย คลาวด์โหมดคุณแม่.....



    _________________เวลาผ่านไปครู่ใหญ่



    เหตุการณ์ทุกอย่างสงบแล้ว ดูเหมือนตอนนี้คลาวด์จะพูดทุกอย่างจนพอใจแล้ว อารมณ์เลยกลับไปเป็น

    เหมือนเดิม พวกเราจึงขึ้นไปนั่งรถม้าเพื่อเดินทางต่อ


    เดินทางมาได้สักพักหนึ่งท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้ม อีกไม่นานคงจะเข้าสู่เวลากลางคืนแล้ว 


    เพราะว่าวันนี้เจอเรื่องอะไรมาหลายเรื่องทำให้อะไรๆนั้นช้าไปหมด จากระยะที่เหลือนั้นนับว่าไม่ไกลมาก 

    ถ้าคิดตามเวลาแล้วก็น่าจะถึงในก่อนเที่ยงคืน


    อันที่จริงการเดินทางในตอนกลางคืนมันอันตราย ตรงจุดนี้ควรจะนอนค้างแรมที่ข้างทางเสียมากกว่า 

    เพราะว่าในป่าที่กำลังจะเข้าไปนั้นเต็มไปด้วยมอนสเตอร์อันตรายมากมาย 


    แต่หลังจากเหตุการณ์โจรป่าที่เพิ่งผ่านไป จึงตัดสินใจที่เดินทางไปให้ถึงจุดหมายเลย เพราะว่ามันสะดวกกว่า 

    และในตอนนี้ท่านพ่อก็อยู่ด้วย เราจึงไม่กังวลเรื่องมอนสเตอร์


    กึก!!


    คิดๆแล้วรถม้าก็หยุดกะทันหันอย่างที่ไม่ได้อยู่ในการคำนวณมาก่อน อย่าบอกนะว่าโจรป่าอีกแล้ว!!

    ผมกำลังจะยื่นหน้าออกไปจากรถม้าเพื่อดูสถานการณ์ แต่ก็โดนคลาวด์ห้ามเอาไว้อีกครั้ง


    “ไม่เป็นไรค่ะ!!! ครั้งนี้จะไม่ยอมลงจากรถม้าแน่!!


    ผมพูดด้วยความมุ่งมั่น ส่วนคลาวด์ก็มองกลับด้วยสีหน้าที่เหมือนจะบอกว่า พูดอะไรของเธอน่ะ 

    และตามด้วยท่านพ่อที่มาเสริม


    “คราวนี้ลงได้นะ แค่พักชั่วคราวน่ะ คุณม้าเองก็เดินทางมาไกลแล้ว เราต้องให้น้ำให้อาหาร แล้วก็ให้

    เวลาเขาพักผ่อนด้วย พวกเราเองก็จะได้พักทานข้าวเย็นก่อนเดินทางต่อด้วยไง”


    พูดแบบนั้นพลางยิ้ม ส่วนผมหลังจากได้ฟังก็พยักหน้าเพื่อเป็นการตอบรับว่าเข้าใจทุกอย่างแล้ว

    จะว่าไป.....แล้ว ใครทำอาหารล่ะ?


    คลาวด์นั่นเอง.....


    ผมจึงไปช่วยคลาวด์ทำอาหารด้วย เผื่อจะลดโทษจากเมื่อครู่นี้ลงได้


    “คลาวด์ วันนี้จะทำอะไรเหรอ?”


    “มีซุปกระดูก แล้วก็เนื้อย่างง่ายๆครับ คุณหนูจะมาช่วยอย่างงั้นหรือครับ”


    คลาวด์พูดพร้อมกับเอียงคอสงสัย แต่ว่า อย่าดูถูกกันนะจ๊ะ~


    “ใช่ค่ะ เชื่อมือดิฉันได้เลย”


    ว่าแล้วก็ลงมือ


    คลาวด์นั้นตระเตรียมน้ำต้มกระดูกอยู่โดยการเลาะเนื้อชิ้นโตและแยกกระดูกออกจากกัน สำหรับเนื้อนั้น

    ถูกเก็บไว้ในถุงเวทมนตร์ จึงทำให้เนื้อยังคงความสดเอาไว้อยู่ แล้วเขาก็เตรียมผักกับอะไรสารพัดอย่างของ

    เขานั่นแหละ คงต้องใช้เวลาสักพักนึง ผมจึงเลือกที่จะทำเนื้อย่าง


    เริ่มด้วยเอาเนื้อที่คลาวด์หั่นแยกออกมา มาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ แยกใส่ภาชนะเอาไว้

    หลังจากนั้นก็เตรียมเกลือ น้ำตาล น้ำ และเครื่องปรุงที่วางเอาไว้มาปรุงกับเนื้อแล้วทำการหมัก


    อันที่จริง เรื่องเครื่องปรุงและอาหารผมก็ศึกษามาด้วยเหมือนกัน(เพราะว่ามันจำเป็นสำหรับนักผจญภัย) 

    รวมถึงได้ทดลองมาแล้วบ่อยครั้ง เทียบกับรสชาติของอาหารในโลกเก่า จึงทำให้การปรุงของผมนั้นทำได้

    อย่างคล่องแคล่วแล้ว


    หลังจากหมักเนื้อจนอบอวลไปด้วยกลิ่นสมุนไพรและเครื่องเทศที่หอมฉุย ผมก็เอาเนื้อนั้นมาเสียบไม้ และเอา

    ไม้ไปย่างใกล้ๆกับเตาที่กำลังต้มน้ำซุบกระดูกอยู่


    ที่เหลือก็คอยควบคุมไฟ ไม่ให้เนื้อไหม้จนเกินไป....


    “คุณหนูทำได้จริงๆเหรอครับเนี่ย?”


    โดยที่ไม่ได้สังเกต พอได้ยินเสียงทักจากคลาวด์จึงหันไปมองและพบว่าเขากำลังทำหน้าตาตกใจอยู่


    อะ อะ อะ อ้าว~ ประหลาดใจหรือจ๊ะ อย่าดูถูกผมให้มากนะ ที่โลกเก่า เพราะว่าผมต้องอยู่กับน้องสาวเวรตะไล

    เสียส่วนใหญ่ พ่อแม่ก็เลิกงานจนดึกดื่น ผมจึงต้องทำอาหารเพื่อเลี้ยงครอบครัวอยู่บ่อยครั้ง ผมทำได้ตั้งแต่อาหาร

    ง่ายๆ ไปจนถึงอาหารหรูๆบางชนิดเลยนะ คุยมากเดี๋ยวจะหาว่าโม้อีก~


    “คึคึคึ ผิดคาดสินะคะ แต่ว่าเรื่องนี้น่ะ หมูๆค่ะ”


    “ผิดคาดจริงๆนั่นแหละครับ ปกติไม่มีบุตรีดยุกคนไหนสนใจทำกับข้าวกันหรอกครับ เพราะว่ามันเป็นงาน

    ของคนครัว อย่างมากที่สุดก็น่าจะทำแค่ขนมนั่นแหละ......”


    คดีพลิก....อ้าว ตกลงผมผิดอีกแล้วเหรอเนี่ย? แต่ว่าก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจะบ่นไปรอบนึงแล้วนะ ครั้งนี้ช่วย

    อภัยให้หน่อยได้ไหม ก็คนมันไม่รู้นี่นาว่าความเป็นกุลสตรี กับความเป็นแม่ศรีเรือนมันคนละอย่างกันน่ะ 

    ว่าแล้วก็กระพริบตาปริบๆใส่เพื่อขอให้ละเว้นโทษให้


    ซึ่งทางคลาวด์นั้น หลังจากที่ได้เห็นก็


    เห้อ~~


    ถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะยื่นมือมาทางผม



    จะตบกันเร้อ~~~!



    เปล่าหรอก.....แค่ลูบหัวเฉยๆแหละ ผิดคาดมากเลย ผมจึงหันไปมองหน้าคลาวด์ คราวนี้เขายิ้มออกมา


    “แต่ว่าสำหรับผมน่ะ...คุณหนูที่มีความเป็นแม่ศรีเรือนผมก็ไม่ได้เกลียดหรอกนะ”


    ช่างสว่างเหลือเกิน ถ้าหากมองคลาวด์ในตอนนี้แล้วนั้น ราวกับว่าจะเห็นภาพดอกไม้ปูเป็นพื้นหลังเอาไว้เลย 

    เผลอใจเต้นไปแวบนึงเลยนะเนี่ย ทั้งๆที่หมอนี่เป็นแค่ตัวประกอบแท้ๆ


    “งะ...งั้นเหรอ? ที่จริงแค่คิดนิดหน่อยว่าเรียนเอาไว้น่าจะใช้ประโยชน์ได้น่ะ แต่ไม่เคยคิดเลยนะ ว่าคุณพวกเหล่า

    คุณหนูเขาจะไม่ทำอาหารกัน”


    “ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ เรียนรู้ไว้น่ะดีแล้วล่ะ อาจจะเป็นประโยชน์อย่างที่คุณหนูว่านั่นแหละ”


    พูดถึงตรงนี้ก็จ้องเข้ามาในตาของผม ราวกับประเมิน


    ___________เพราะว่าผมไม่รู้ว่าคุณหนูจะออกบินไปตอนไหนนี่นา”


    คำพูดนั้นราวกับทะลุปรุโปร่งไปถึงดวงใจของผม คลาวด์รู้งั้นเหรอ? ว่าผมวางแผนที่จะหนีไปเป็นนักผจญภัย

    .....ไม่ ไม่น่าจะรู้หรอก คงเป็นแค่สัญชาติญาณล้วนๆ แต่ว่ากับคลาวด์ที่ดูเหมือนจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวผมนั้น 

    ทำเอาผมหาอะไรมาอธิบายไม่ถูกเลย


    และแล้วความรู้สึกกระอักกระอ่วน ก็เริ่มก่อตัวขึ้น อาหารเสร็จแล้วเราจึงเอาออกไปเสิร์ฟและพากันรับประทาน

    อาหารเย็น


    พอทานเสร็จก็ออกเดินทางต่อ


    และใช้เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ในที่สุดเราก็มาถึงอาณาเขต [Lunar Tear] กันแล้ว

    หลังจากติดต่อกับทหารเฝ้ายามเสร็จ ก็มุ่งไปที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน


    ตอนนี้จะเที่ยงคืนแล้ว เลยไม่คิดว่าจะมีใครมาต้อนรับอยู่หรอก แต่เมื่อลงจากรถ


    “ท่านเอลิเชียยยยยย”


    เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น ร่างเล็กๆที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและสวมกอดผม 

    โดยที่ผมไม่ทันตั้งตัวสักนิด


    “ยินดีต้อนรับค่า”


    เจ้าของร่างนั้นคืออมาเรียนั่นเอง


    ทำเอาผมตกใจนิดหน่อย เพราะว่าเธอแตกต่างจากครั้งที่แล้วมาก ทั้งบรรยากาศรอบตัวและท่าทางการพูด 

    เรียกได้ว่าคนละคน ก็ได้แหละ..... ถ้ามองจากความใจกล้าตอนนี้แล้ว


    ซึ่งทำเอาผมอยากจะร้องถามออกไปตรงๆเลยว่า


    ฉันไปสนิทกับหล่อนขนาดนั้นตอนไหนงั้นเหรอ!?

    ***

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×