ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เป็นเกมจีบหนุ่มแล้วไง? ข้าขอเล่นแบบเกม Action RPG แล้วกัน!

    ลำดับตอนที่ #13 : 3 ขวบ : แล้วฉันจะใช้เวทมนตร์ได้ไหมล่ะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.9K
      260
      9 ก.พ. 63


    หลังจากที่คุณซิสเตอร์แนะนำวิธีการเสร็จ ผมก็ค่อยๆเอามือไปแตะที่ลูกแก้ว อย่างกล้าๆกลัว


    ก็แหม ความรู้สึกลุ้นตอนนี้เหมือนกับตอนที่กำลังจะเปิดกาชาปองที่มีเรทเกลือสูงเลย ตอนนี้เสียงหัวใจผม

    เต้นจนแทบจะทะลุออกมาจากหน้าอกแล้วนะ!!


    เพราะคิดแบบนั้นผมจึงหลับตาเพื่อระงับความตื่นเต้น

    และเมื่อมือของผมแตะไปที่ลูกแก้ว ทันใดนั้น!


    เพล้ง!!!!!


    เสียงแตกก็ดังขึ้นทันที ผมลืมตาขึ้นทันทีพลางจ้องไปทางลูกแก้วที่มือผม



    ............ไม่ใช่นี่หว่า



    “ซิสเตอร์ คนล้างจานเป็นลมอีกแล้วค่ะ มาดูทางนี้หน่อย! 


    และก็มีอีกเสียงเรียกหนึ่งดังออกมาจากทางด้านใดด้านหนึ่งของโบสถ์ ซิสเตอร์เหงื่อตกทันที


    “เอ่อ....ถ้ารีบล่ะก็จะไปก่อนก็ได้นะคะ”


    ไม่เข้าใจสถานการณ์หรอก แต่ดูเหมือนว่าซิสเตอร์อยากจะไปทางนั้นก่อน ผมจึงอนุญาตให้เธอไป


    เธอเองหลังจากฟังคำพูดของผม ก็เบิกตากว้างและก้มหัวขอบคุณ ก่อนที่จะออกไปตามเสียงนั้น 

    ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงแค่ ตัวผมกับแม่ชีตัวน้อยอีกคนหนึ่งเท่านั้น


    เดี๋ยวสิ นี่เธอไม่ได้ไปด้วยหรอกเรอะ!!


    “เอ่อ พอจะทราบไหมคะว่าเกิดอะไรขึ้น”


    เพราะว่าบรรยากาศเริ่มไปในทางที่ไม่ดี ผมเลยเอ่ยถามออกมาก่อนเพื่อหาอะไรคุย และเมื่อพูดดังนั้น

    แม่ชีตัวน้อยก็ตอบกลับมาด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆเหมือนเดิม


    “คะ....คือ ทางโบสถ์ของเรา เปิดสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเอาไว้น่ะค่ะ ทำให้เรามีจานชามที่เยอะเกินกว่า

    เหล่าซิสเตอร์จะล้างไหว เราเลยจ้างคนล้างจานมาในราคาถูก แล้วคนที่ถูกจ้างคนปัจจุบันนั้นเป็นเด็กตัวเล็กๆ

    ที่ไม่มีพ่อแม่....”


    “ไม่มีพ่อแม่....แล้วไม่รับเขาเข้ามาอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหรือคะ”  


    “ทางเขาปฏิเสธเพราะว่าเขามีน้องสาวที่ต้องดูแลอีกหนึ่งคนค่ะ แน่นอนว่าเด็กกำพร้าทุกคนจะต้องทำงานเพื่อ

    แลกกับอาหาร แต่ลูกจ้างคนนั้นเขาบอกว่าน้องสาวของเขาอ่อนแอเกินกว่าจะทำงานได้ เขาจึงยอมทำงานอย่าง

    หนักเพื่อให้น้องสาวได้อยู่สบายค่ะ”


    “งั้นหรือคะ”


    ผมตอบกลับไปด้วยจิตใจหดหู่ จะว่าไปถึงแม้จะเป็นดินแดนของดยุคที่รุ่งเรืองก็ยังมีเรื่องแบบนี้อยู่สินะ ผมเอง

    ก็อยากจะช่วยอยู่หรอก แต่ผมเองนั้นเป็นแค่เด็ก อีกอย่างหนึ่งคือ คนที่เป็นคนจรจัดส่วนใหญ่นั้น ไม่ใช่คนของ

    ดินแดน แต่เป็นคนจำพวกที่แอบหนีเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ดังนั้นแม้แต่ท่านพ่อเองก็ยังอยู่นอกเหนือการช่วย

    เหลือที่ท่านจะช่วยได้


    “น่าสงสารนะคะ ทั้งๆที่เขาเองก็ดูจะอ่อนแอเช่นกัน ผิวพรรณของเขาราวกับลูกขุนนางที่ไม่เคยผ่านความยาก

    ลำบากเลยค่ะ”


    “เป็นเช่นนั้นเอง”


    ยังไงผมก็ขอภาวนาให้พวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ก็แล้วกัน

    แต่ก่อนอื่น กลับมาที่เรื่องนั้นกันต่อเถอะ


    “อ๊ะ จะว่าไป ต้องตรวจสอบความเข้ากันของธาตุสินะคะ”


    แม่ชีตัวน้อยก็คิดได้เช่นเดียวกัน เธอจึงทำหน้าที่แทนซิสเตอร์ที่ออกไปเมื่อครู่นี้แล้วมองที่ลูกแก้ว


    เอาล่ะ ฉันเองก็มองไปทางลูกแก้วเช่นเดียวกัน พร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นระรัว และเมื่อมองดูไปที่ลูกแก้วนั้น


    วาบ___________


    มีแสงด้วยล่ะ แสงคล้ายกับแสงไฟจากหลอดไฟส่องประกายออกมาจากลูกแก้ว ไม่ใช่แสงสีที่ซิสเตอร์เคยกล่าวมา 

    แต่เป็นแสงสีขาว และหลังจากนั้นมันก็ดับไป


    ................................


    “เอ่อ”


    ดับไปแล้วจ้า~  


    ผมเบิกตาด้วยความสงสัยพลางมองไปที่แม่ชีตัวน้อย


    “ไม่ใช่สีของธาตุทั้งแปดค่ะ”


    Game Over!!


    ได้ยินเสียงเคาะระฆัง ถ้าเป็นในการ์ตูนล่ะก็ผมคงล้มพับคาเก้าอี้ไปแล้ว นั่นหมายความว่าผมไม่สามารถใช้

    เวทมนตร์ได้สินะ จบแล้วล่ะ อื้ม จบแล้วความฝันที่จะเป็นจอมเวทย์ของผม  


    “น่าตกใจจริงๆเลยค่ะ คุณเอลิเชียเข้ากับธาตุที่หายากอย่างธาตุว่างเปล่าด้วย”


    ในขณะที่คิดจะยอมแพ้นั้น เสียงแห่งความหวังก็ดังขึ้นอีกครั้ง ธาตุว่างเปล่างั้นเหรอ!? จำได้ว่าในนิยายที่เคยอ่านมา 

    มันเป็นธาตุที่สามารถเสกอะไรก็ได้ออกมาจากความว่างเปล่า เวทจำพวกมิติ สามารถวาร์ปได้ อะไรทำนองนั้น.....


    ไม่ใช่ว่า OP สุดๆไปเลยรึไง ไม่แน่นะตัวผมที่เกิดใหม่อาจจะเป็นผู้กล้าหรืออะไรทำนองนั้นก็ได้ วะ ฮ่า ฮ่า


    “แล้ว ธาตุว่างเปล่านี่สามารถใช้เวทมนตร์ประเภทไหนได้หรือคะ”


    แต่ตอนนี้ขอผมแอ๊บหน้านิ่งเอาไว้ก่อน ผมถามออกมาด้วยสีหน้าที่(พยายาม)ไม่ตื่นเต้นอะไร  


    “เอ.....รู้สึกว่าจะสามารถเพิ่มพลังกายได้เล็กน้อย ทำให้ตาสว่างขึ้นเล็กน้อย หรือไม่ก็ทำให้เหนื่อยยากขึ้นเล็กน้อยค่ะ”


    อารมณ์ของผมดรอปลงทันทีหลังจากได้ฟัง 

    อะไรกันน่ะ ไอ้ฟังก์ชั่นเครื่องดื่มชูกำลังนี้...


    “เอ่อ ไม่มีเวทมนตร์ จำพวกเวทมิติ ประตูวาร์ป อะไรแบบนั้นหรือคะ”


    “ไม่มีหรอกค่ะของแบบนั้นน่ะ”  


    แม่ชีตัวน้อยตอบอย่างร่าเริง ส่วนผมนั้นน็อกเอ้าท์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


    บ้าจริง เวทเพิ่มกำลังกาย(นิดหน่อย) มันก็แค่เพิ่มกำลังกายไม่ใช่รึไง การที่ได้เวทไร้ความฝันแบบนั้นก็เหมือนกับ

    ไม่มีนั่นแหละ ถึงว่า ทำไมผมถึงไม่เคยเห็นเอลิเชียใช้มันเลย


    เพราะแต่เดิมเอลิเชียก็เป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ ถึงจะเพิ่มกำลังกายได้ก็ทำได้แค่มีพละกำลังมากกว่าผู้หญิงแข็งแรง

    ทั่วๆไปเท่านั้........อ๊ะ


    พอวิเคราะห์เวทมนตร์ดีๆ บวกกับเนื้อเรื่องในเกมแล้ว ก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง 

    ก็....นั่นไง ในการกลั่นแกล้งของเอลิเชียต่อลิลลี่ บางทีก็ไม่เหมือนกับสิ่งที่ผู้หญิงคนหนึ่งสามารถทำได้ อย่างการ

    โยนถังแป้งใส่ไรงี้ การที่เอลิเชียทำได้คงเป็นเพราะเสริมกำลังมานั่นแหละ ตอนเป็นเกมนี่ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้น

    เลยนะ


    ยิ่งค้นพบความจริงแบบนั้นยิ่งรู้สึกว่าเป็นเวทมนตร์ที่กระจอกชะมัดเลย


    ว่าแล้วผมก็ทำการขอบคุณแม่ชีตัวน้อย แล้วลุกขึ้น อ๊ะ จะว่าไปแม่ชีคนนี้หน้าตาคุ้นๆนะ


    “ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ ถ้าไม่รังเกียจขอทราบชื่อหน่อยได้ไหมคะ”  


    ผมเลยลองตะล่อมถามดู


    “ค่ะ ฉันชื่อว่า เนทิเลียค่ะ วันนี้ขอโทษที่เสียมารยาทนะคะ แล้วก็ คุยกับท่านลุกสาวดยุคแล้วสนุกมากเลยค่ะ”


    เธอยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับขอบคุณผมด้วย 

    สนุกงั้นเหรอ? เพียงแค่พูดคุยกันไม่กี่คำ แต่เธอกลับบอกว่าสนุกที่ได้คุยกับผม ช่างเป็นเด็กที่น่ารักและซื่อตรงจริงๆ 

    บางทีการที่เธอเป็นแม่ชีตั้งแต่อายุยังน้อยอาจจะทำให้เธอไม่มีเพื่อนในวัยเดียวกัน แม่ชีจะไปคลุกคลีหรือเล่นกับเหล่า

    เด็กกำพร้าก็ไม่ได้ เธอคงจะเหงามากเลยล่ะ


    คิดแล้วจึงลูบหัวอย่างอ่อนโยน แบบเดียวกับที่ท่านพ่อฉันทำ


    แฮะ แฮะ แฮะ~


    ซิสเตอร์เนทิเลียเองก็หัวเราะคิกคักออกมาด้วยสีหน้ามีความสุขด้วย ไม่มีท่าทีรังเกียจเลย อื้ม 

    ทีหลังจะมาแวะเล่นด้วยแล้วกันนะ ซิสเตอร์เนิทีเลีย......


    เอ๊ะ? ซิสเตอร์เนทิเลีย?


    เพราะจู่ๆชื่อนี้ก็ปรากฏขึ้นในหัวโดยไม่ทันสังเกต อืม ผมก็คุ้นๆกับชื่อนี้นะ เลยพยายามนึกถึงความทรงจำที่ได้

    พบกับชื่อนั้นเป็นครั้งแรก


    อ๊ะ นั่นไง


    ในรูทของลาส เฟรเดีย ฉากจบที่ลาสได้ครองรักกับลิลลี่ ซิสเตอร์เนทิเลียก็ได้ทำการฆ่าเอลิเชียที่กำลังคิดแผนร้าย

    เพื่อจัดการพวกเขา มีดสั้นนั้นปักกลางอกของเอลิเชีย พร้อมกับสายตาที่ดุดันและเกลียดชังของซิสเตอร์เนทิเลีย


    ซิสเตอร์เนทิเลียนั้นถือว่าเป็นตัวร้ายในรูทของลาส เช่นเดียวกันกับเอลิเชีย 


    ที่เป็นแบบนั้นเนื่องจากลาสและเนทิเลียเคยรู้จักกันตอนเด็กๆ ความรู้จักนั้นเปลี่ยนเป็นมิตรภาพ และ

    มิตรภาพนั้นไม่นานก็เปลี่ยนเป็นความรัก


    แต่ในท้ายที่สุดแล้วซิสเตอร์เนทิเลียก็ได้ยอมแพ้ต่อความรักของทั้งสองและอวยพรพวกเขาด้วยการ

    จัดการเสี้ยนหนามที่ใหญ่ที่สุด


    และนั่นก็คืออีกธงหนึ่งของผม ผมจึงเอามือออกทันที


    หลังจากนั้นก็ก้มหัวบอกลาอีกครั้ง ก่อนที่จะมุ่งตรงไปที่รถม้าเพื่อกลับไปหาท่านพ่อ


    ณ ตอนนั้นขณะที่เนทิเลียกำลังยิ้มอย่างอ่อนโยน ให้กับเอลิเชียที่เป็นมิตรภาพแรกของเธอนั้น 

    เอลิเชียเองก็ไม่ได้รับรู้เรื่องราวนั้นเลยสักนิด

    ***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×