ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กาลเวลาที่ไร้สิ่งยึดเหนี่ยว(yuri)

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่หนึ่ง

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ย. 55


    ความจริงที่ไม่เคยบอกใคร เด็กสาวเก็บมันไว้อย่างเงียบงันรอยยิ้มฉาบฉวย ใบหน้านิ่งสงบและคำพูดของคนขี้โกหก จนเป็นเร่ืองธรรมดา 
    โลกของเธอมีแค่เธอ  กาละ เด็กสาวปล่อยผมดำยาวปะบ่า เธอทอดมองแม่น้ำที่ไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็ทำให้ใจสงบ
    หูฟังที่พ่วงเข้ากับเครื่องเล่นถูกหยิบออกมาเสียบใสหู เสียงร้องหนักๆที่แทบจะกรีดวิญญาณนั่นไม่รู้ทำไมเธอถึงได้ชอบมันนัก ทั้งที่ไม่เคยชอบแนวนี้มาก่อน
    "มอบความรักทั้งหมดของเธอให้ฉันเถอะ ได้โปรด"
    ถึงจะฟังกี่รอบเธอก็ไม่เข้าใจว่าความรักมันจำเป็นขนาดต้องร้องโหยหวนทรมานขนาดนี้เลยหรอ
    เธออยู่มาโดยไม่มีสิ่งนั้นเลยด้วยซ้ำ. แต่ก็ยังอยู่ได้
    แต่เรื่องนั้นเธอแค่โกหก เธอรับรู้ได้ดีความรู้สึกนั้นทรมาณเพียงใด เธอเฝ้ารอและเพรียกหามันในใจลึกๆเธออยู่มาโดยไร้ความรักและผูกพัน แต่ถ้าเธอจะเคยได้รับสิ่งนั้นคงเป็นตอนที่ยังจำความไม่ได้ ตอนที่แม่ยังไม่ตายและพ่อไม่ทิ้งเธอไป
       เธอละสายตาจากผืนน้ำ แล้วมุ่งตรงกลับบ้าน บ้านที่ไม่ใช่บ้าน เด็กสบพลันสบตาเข้ากับหญิงสาวอีกคนที่กำลังเลี้ยวมาจากมุม แค่เพียงแวบเดียวเธอคนนั้นก็เลี้ยวแล้วเดินนำหน้าไป แค่ทั้งสองรับรู้ว่า กลับมาแล้วสินะ เด็กสาวเดินตามหลังไปเสียงเพลงยังคงเปิดอยู่. อยู่บ้านด้วยกันแต่เธอไม่เคยพูดกันสักครั้งเพราะไม่มีความจำเป็น
    แต่ก็นั่นแหละเธอโกหก
    รอยยิ้มของเธอคนนั้นมันทำให้หวนคิดถึงแม่ของเธอ. คงมีสิ่งเดียวที่จำได้จากเศษส่วนความรักที่เธอเคยได้รับ และนั่นเป็นสาเหตุให้เธอลอบมองทุกวันเท่าทีจะไม่ให้ผิดสังเกตุ แสงไฟสลัวตามทางเดินเธอคงเดินทิ้งระยะห่างไว้จนกระทั่งเธอคนนั้นเดินเข้าบ้านไปก่อนประตูแง้มไว้ เด็กสาวเดินเข้าไปแล้วปิดลง เธอคนนั้นเดินไปที่บ้านหลังใหญ่ที่ที่เธออยู่กับครอบครัวที่แสนสุข ส่วนเด็กสาวเดินอ้อมไปที่บ้านอีกหลังบ้านหลังเล็ก บ้านเก่าของคุณตาที่เธอเพิ่งย้ายมาอยู่ได้สองเดือนกว่าเครื่องเรือนเก่าๆกับห้องหนังสือเล็กๆที่เต็มไปด้วยหนังสือที่เก่าบ้างขาดบ้าง. 
    เธอล็อกบ้านแล้วแล้วอยู่ดีๆก็ปวดหัวขึ้นมาดื้อๆกาละ เดินเข้าไปทิ้งตัวนอนบนเตียงสักพักตาปรือหนักและจมสู่ห้วงนิทราทั้งที่ยังอยู่ในชุดนักเรียน
    เสียงเคาะประตูทำให้เธอสะดุ้งตื่น เด็กสาวพยายามพยุงตัวเองไปเปิดประตู ความหนาวไม่รู้มาจากไหน มือสั่นๆเอื้อมไปเปิดประตูให้ หญิงสาวที่ทำหน้าไม่ค่อยพอใจอยู่ข้างนอก
    "มีอะไรรึเปล่าค่ะ"เสียงตอบไปอย่างเหนื่อยอ่อน. ใบหน้าอีกฝ่ายเปลี่ยนมาเป็นประหลาดใจ เธอสังเกตุเห็นใบหน้าซีดๆของเด็กสาว
    "คุณย่าอยากให้เธอไปกินข้าวด้วยค่ะ"เธอเปลี่ยนทีท่าทันทีที่เด็กสาวพยักหน้าอย่างเหนื่อยๆ กาละก็อยากตอบไปอย่างมีมารยาทแต่แรงมันหายไปไหนไม่รู้. 
    "เอ่อ..."หญิงสาวทำท่าจะพูดแต่ก็หยุดไปเธอไม่สนิทกับเด็กคนนี้พอที่จะพูดคุยได้และดูเหมือนกาละจะเป็นพวกไม่ยุ่งกับใครสักเท่าไหร่
    "ถ้าฉันไม่ไปคนคนนั้นจะว่าไหมค่ะ"เด็กสามถามขึ้นเธอรู้ตัวแล้วว่าหากจะเดินไปคงไม่ไหว แค่ที่นี่ก็เป็นที่ซุกหัวนอนที่ได้รับความปราณีจากคนคนนั้น 
    "ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ฉันจะบอกคุณย่าให้"หญิงสาวดูเหมือนจะรู้สาเหตุ เด็กสาวกล่าวขอบคุณแล้วเดินเข้าบ้าน ขณะที่อีกคนก็มุ่งตรงไปบ้านหลังใหญ่ เธอเลี้ยวมองด้วยความเป็นห่วง แต่ก็หันหลังให้   ณี หญิงสาวเด็กที่ถูกรับเลี้ยงตั้งแต่เธอยังพูดไม่ได้ ถึงไม่ได้มีสายเลือดแม้แต่น้อยแต่ในบรรดาครอบครัวทั้งหมดเธอคงจะเป็นหลานรักที่สุดของบ้าน. แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิบัติตัววางอำนาจ แค่เป็นอยู่ธรรมดา แต่คนในบ้านจะให้ความเคารพเธอพอๆกับคุณหญิงของบ้าน ทุกคนพอรู้ว่าบ้านหลังนี้คนที่เป็นเจ้าของคนต่อไปคงไม่พ้นณี. 
    "คุณย่าค่ะ เด็กคนนั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยสบายค่ะ"ณีบอกคุณย่าที่นั่งรอบนโต๊ะอาหาร
    "งั้นหรือ เป็นอะไรมากรึเปล่า"หญิงชราถามด้วยความเป็นห่วง แต่ก็แค่ตอนนี้ตอนที่ไม่มีกาละ เพราะอยู่ต่อหน้าเธอมักจะทำเสียงแข็งและวางอำนาจ เธอรู้ดีว่าเด็กคนนั้นโตมาอย่างไร แต่พอเห็นใบหน้าและท่าทางที่ดูไม่ต่างจากน้องชายเธอนั้นมันทำให้เธอพานเจ็บปวดและนึกโมโหขึ้นมา
    "ดูท่าว่าไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ค่ะ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาตอนดึกๆคงจะแย่นะคะ"ณีประเมิณอาการหลังจากคิดถึงสภาพร่างกายเด็กสาว
    "ให้ ป้าพรไปดูแลมั้ยคะ"แม้บ้านเสนอขึ้น หญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีหันไปเสนอความเห็น หญิงชราพยักหน้าก่อนทั้งหมดจะหารือพร้อมๆกับกินข้าวและแยกย้าย
     
    เด็กสาวแม้แต่จะลุกก็ยังไม่ไหว เธอรู้สึกรำคาญตัวเอง มันเป็นแบบนี้ไม่รู้กี่ครั้ง แค่บ่อยให้มันหายไปเอง. อยู่คงเดียวต่อให้ปางตาย เธอก็ไม่เคยตายแม้มันจะเจ็บปวดและทรมาณ ทั้งร่างกายที่ไร้ความแข็งแรง และหัวใจที่ไม่เคยมีใครดูแล ไม่มีใครเคยถามห่วงใยหรือเฝ้าไข้ เธอผ่านมันมาได้ด้วยตัวเอง
    เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง กาละเลือกจะเมินเฉยเธออยกพักผ่อนเต็มที. เสียงเคาะประตูยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเด็กสาวรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอาจเพราะพิษไข้ที่ทำให้เธอควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ค่อยได้ 
    แค่ก็พยายามลุกและเดินไปที่ประตูเธอมองผ่านกระจกแก้วหญิงวัยกลางคนยืนถือถาดอยู่ที่ประตู 
    กาละเปิดประตูให้
    "มีอะไรรึเปล่าคะ ถ้าไม่มีอะไรช่วยรีบกลับไปได้มั้ยค่ะ คุณกำลังรบกวนการพักผ่อนของฉัน"เด็กสาวพูดขึ้นน้ำเสียงเรียบราบแล้วปิดประตูลงทันที ป้าพรได้แต่มองอย่างตกใจ ไม่เอานิสัยไร้มารยาทแบบนี้มาจากไหน ก็ใช่สิไม่มีใครสั่งสอนสินะ เธอรู้สึกขุ่นๆในใจ แล้วเดินกระแทกออกมา เธอไม่ใช่คนใจดีและอดทนได้ขนาดนั้น 
    เด็กสาวก็ไม่อยากพูดขนาดนั้นแต่เธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอรำคาญ รำคาญตัวเองแล้วพาลจะรำคาญอะไรไปเสียหมดให้ตายเถอะ
    อาการหนักหัวมันเหมือนจะทับเธอลงให้จมดินอีกครั้งความอดทนหมดลงเธอล้มฟุบลงที่พื้น... 
     
    ความเย็นแล่นไปทั่วกายมันหนาวอย่างไปเคยเป็นมาก่อนมันเย็นเฉียบอยู่ที่หน้าฝาก แล่นไปทั่วแขนแผ่นหลังและต้นขาความหนาวเย็นเหล่านี้ไม่รู้มาจากไหน เธอพยายามปัดป่าย แต่มันไม่ได้หยุดลงเลยเธอไม่ชอบเอาเสียเลย. 
    เด็กสาวปรือตาขึ้นเงารางๆของใครบางคนกำลังวุ่นวายอยู่กับตัวเธอ
    "ออกไปนะ อย่ามายุ่งกับฉัน"เด็กสาวเค้นเสียงจากขอออกมา คนนั้นหยุดมือลง แล้วเธอก็หลับไปอีกครั้ง.....
    ณี ที่ได้ยินเรื่องที่ป้าพรเล่าให้ฟังแล้ว เธอก็กลับมาที่เรือนเล็กเพื่อมาดู. เธอกลับพบร่างที่นอนอยู่ตรงพื้น หญิงสาวรีบไปบอกป้าพร. เอากุญแจสำรองมาเปิดแล้วโทรหาคุณหมอประจำตัวคุณย่ามาดูอาการ   ทุกคนมาดูอย่างเป็นห่วง คุณหมอให้ยา ทั้งคุณย่าและป้าพรมาดูอาจารจนดึกจากนั้นก็ ณีก็เสนอที่จะดูแลแล้วให้ป้าพรไปส่งคุณย่าที่บ้านใหญ่
     ณีบิดผ้า แล้วค่อยๆบรรจงเช็ดให้ เด็กสาวเหมือนจะสะดุ้งตลอดเวลา เธอพยายามปัดมือออก แต่ณีก็ไม่ได้หยุดเพราะตัวเด็กสาวร้อนเหมือนไฟ ไข้ก็ขึ้นตลอดเวลาถึงไม่สนิทก็คงปล่อยให้นอนสั่นอยู่คนเดียวไม่ได้เพราะยังไงเด็กคนนี้ถ้านับญาติจริงๆก็มีสิทธิที่ได้ในบ้านนี้มากกว่าเธอ เธอเองก็เป็นหนี้บุญคุญบ้านนี้อยู่ท่วมหัว เธอพอจะรู้อยู่บ้างว่าเด็กคนนี้ไม่มีใคร. ตอนที่ไม่สบายหนักๆแบบนี้ที่ผ่านมามีคนดูแลรึเปล่านะ พอคิดแล้วมันดูต่างกันเธอถูกตัวแลมาจากดีจากคนที่ไม่ใช่พ่อแม่ด้วยซ้ำ แต่กาละล่ะที่ผ่านมาเป็นยังไงดูเหมือนจะไม่ค่อยยุติธรรมสำหรับกาละ เพราะแบบนี้รึเปล่าที่ทำให้กาละดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัยเพราะต้องรับผิดชอบตัวเองมาตลอด
    ณีลูบหน้าฝากให้อย่างเอ็นดูเธอพลิกตัวเด็กสาวแล้วสอดมือเข้าไปเฉ็ดให้ที่แผ่นหลัง ที่นอนยังร้อนเลย เธอเช็ดให้สักพักจนรู้สึกว่าเย็นลง และเปลี่ยนที่ไปที่อื่น ข้อพับขายังร้อนเพราะเด็กสาวพยายามขดตัว เธอเช็ดอยู่หลายครั้งตื่นบ้างหลับบ้างจนถึงเช้า
     
    กาละตื่นขึ้นมาเธอมองนาฬิกาที่อยู่ใกล้ๆ สามโมงเข้า สายป่านนี้แล้วหรอนี่ เธอพยายามลุก แต่ต้องกุุมขมับเพราะปวดหัวขึ้นมาอีก
    "ยังไม่ต้องลุกก็ได้ค่ะ"เสียงหวานดังขึ้น พร้อมกับร่างหญิงสาวที่เดินถือถาดอาหารเข้ามาในห้อง
    เด็กสาวตกใจเล็กน้อยที่คนคนนี้เข้ามาที่บ้านเธอ แต่เธอก็พยักหน้าแล้วนั่งนิ่งๆ เธอเพิ่งรู้ตัวว่าเธอใส่ชุดนอนอยู่แต่พอจำได้รางๆว่าตัวเองหลับไปทั้งชุดนักเรียน เธอมองตัวเองอย่างงงๆ
    แต่หญิงสาวก็เฉลยให้
    "ฉันเปลี่ยนให้เธอเองค่ะ เมื่อคืนเธอไม่สบายหนักตัวร้อนทั้งคืนเลย"เธอพูดพร้อมกับวางถาดอาหารไว้ข้างๆแล้วนั่งลงข้างเตียง
    "เมื่อคืน คุณดูแลฉันหรอค่ะ"ถึงเด็กสาวจะถามหน้านิ่งๆแต่ ในใจลึกกลับรู้สึกดีอย่างประหลาด
    "ขอบคุณนะคะ". เธอกล่าวและเธอรู้สึกว่าหญิงสาวจะทำตัวสนิทสนมเธอถึงขั้นมานั่งที่เตียง ถึงจะแอบไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการออกมา
    "ไม่เป็นไรค่ะ กินข้าวดีกว่านะคะ"ณีหลบให้กาละเคลื่อนตัวมานั่งที่ขอบเตียง กาละกินข้าวไปไม่กี่คำเธอก็หยุด อาการเบื่ออาหารทั้งยังไม่ชินกับการมีใครมาจ้องเธอ เหมือนโลกของเธอถูกลุกล้ำ. มันไม่ใช่เรื่องยากที่ใครจะเข้ามาโลกของเธอเพราะมันไม่เคยมีใครเข้ามา มันเลยไม่เคยมีวิธีป้องกัน. เช่นเดียวกันเธอเองก็กลัวว่าโลกที่แสนมืดบอดแต่ช่างสงบนี้จะถูกทำลายลงง่ายๆ. 
    "ขอโทษนะค่ะฉันอยากพักผ่อนคุณช่วยออกไปหน่อยได้ไหมค่ะ" เธอกินยาแล้วเลื่อนตัวเข้าไปในผ้าห่ม
    "ค่ะ. แต่ว่าพูดแบบนี้ดูแปลกนะคะเรียกว่่า พี่ณีก็ได้นะคะ ยังไงเราก็ครอบครัวเดียวกันนะค่ะ น้องกาล"ณียิ้มให้ กาละมองรอยยิ้มนั้นมันอุ่นใจเป็นพิเศษ แม่......แต่มันก็เรียกความเศร้าได้เหมือนกัน
    "ถ้าคุณจะเรียกฉันแบบนั้นฉันไม่ได้ว่าอะไร แต่ฉันคงเรียกคุณไม่ได้มันไม่ชินน่ะค่ะ"กาละหันหลังให้แล้วก็หลับตาไป
    ส่วนณีนั้นยังคงยืนมองอยู่. เธอแค่คิดว่าสักวันหนึ่งเธอคงได้ดูแลน้องสาวคนนี้ของเธอ. เธอสัญญากับตัวเองตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าเด็กคนนี้คือน้องสาวของเธอ อย่างน้อยเธอคงพอคืนความยุติธรรมที่ควรจะได้รับให้เด็ก
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×