ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่สอง
1สองสัปดาห์ก่อน.................
การมาทะเลเป็นครั้งที่สองติดต่อกันในระยะเวลาสองเดือนของณีเพียงแต่ครั้งนี้มันต่างออกไปเพราะมีสมาชิกมาเพิ่มอีกสองคนคือกาละและอีกคนคือคนที่เรียกตัวเองว่าลูกสาวของกาละ ทันทีที่เอาเครื่องของไปเก็บบนบ้านพัก สองแม่ลูกสมมติก็เดินลงมารับอากาศ จูลี่ที่เตรียมชุดว่ายน้ำมาอย่างดีก็วิ่งลงทะเลไป ส่วนกาละก็ยืนมองที่ริมหาด เธอใส่แค่เสื้อแขนสั้นสีขาวกับกางเกงขาสั้นเหนือเข่า. เพราะกลับมาที่นี่การแต่ชุดก็เลยดูจะเป็นชุดปกติ แต่ตอนอยู่ต่างประเทศเพื่อนๆที่โน่นไม่ยอมแน่ที่เห็นเธอใส่แบบนี้คิดแล้วก็ขนลุกตัวเองตอนโดนบังคับให้ใส่ชุดว่ายน้ำบิกินี่นั่น แถมตอนนั้นยังโดนถ่ายภาพเก็บไว้อีก พอคิดแล้วก็ส่ายหัว
"น้องกาลเป็นอะไรคะทำไมไม่ลงไปเล่นน้ำ"ณีที่เดินมาตอนไหนไม่รู้ทักขึ้นอีกชุดเดรสสีขาวอย่างเคยกับทะเลรู้สึกว่าร่างกายดูบอบบางกว่าเมื่อก่อนมาก
"แค่อยากพาจูลี่มาเที่ยวค่ะ แต่ไม่อยากเล่นเท่าไหร่"กาละตอบไปตามจริง
"งั้นหรอค่ะ"ณีพยักหน้าเข้าใจแล้วมองไปที่เด็กสาว ดูขะเริ่มไม่สนุกเพราะไม่มีเพื่อนเล่นเสียแล้ว เธอตะโกนขึ้นมาจากทะเลแข่งกับเสียงคลืนให้สองวาวบนฝั่งลงไป ตอนแรกเหมือนกาลจะไม่ลงเห็นหน้าอ้อนๆมาแต่ไกลก็อดใจอ่อนไม่ได้ เธอหันไปหาณีที่ยืนอยู่ข้างๆ
"คงไม่ไปไม่ได้แล้วล่ะคะ"ณีเองก็เห็นแล้วหันไปยิ้มให้กาละ เธอหายถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นเธอก็ฉวยข้อมือคนใส่กระโปรงวิ่งลงทะเล ณีที่ยังไม่ทันได้เตรียมตัวก็วิ่งตามไปอย่างตกใจ เธอมองข้อมือที่ถูกจับมันร้อนผ่าวล่ามไปถึงหน้า กาละทิ้งตัวลงกับน้ำเย็นที่ส่วนณีก็ล้มตัวตามแรงดึง กาลหันมาหัวเราะ ให้ณีก่อนหันไปยิ้มให้จู่ลี่ที่ลอยคออยู่ใกล้ๆ
"มามี๊ ทำไมเจ้าชายโกโก้ไม่มาด้วย ถามคุณณีให้ไอหน่อยสิ"เด็กสาวหันมากระซิบกาละเสียงเบา กับสายตาอ้อนว้อนเช่นเคย รู้จุดอ่อนก็ยิ่งเล่นอยู่ได้
"อืม". กาละรับปากก่อนหันไปทางณี
"คุณนัทยังไม่ลงมาหรอค่ะ"กาละถามขณะที่ณีกำลังสำลักน้ำอยู่ จนกาละอดขำไม่ได้แต่ก็รู้สึกผิดนิดๆ
"พี่นัทคงไม่ลงมาหรอกค่ะ เขาจะไปเตรียมอาหารส่วนมากพวกเรามาเที่ยวทะเลก็ไม่ค่อยเล่นน้ำหรอกค่ะ นั่งอยู่ริมหาดดูคลื่นมากกว่าค่ะ"ณีที่หายสำลักหันมายิ้มตอบ
คำตอบของณีจะทำให้ใครบางคนสองคนชะงัก มีเที่ยวกันบ่อยขนาดนั้นเลยหรอ. แต่ก็เพียงความคิดเพราะเธอไม่ได้ถามออกไป และเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างหลังก็หน้าจืดไปไม่ต่างกัน
เลยเปลี่ยนโหมดอารมณ์มาเล่นกันให้สนุกดีกว่าจู่ลี่เป็นคนที่ไม่ยอมให้ตัวเองเศร้า นี่คือข้อดีของเธอและดูจะเผื่อแพร่ไปถึงกาลด้วย.
พวกเธอเล่นน้ำกันต่อจนแดดเริ่มแรงและชักชวนกันขึ้น คนที่เดินขึ้นไปก่อนคือณีตามด้วยกาล. แต่พอหญิงสาวเดินขึ้นระดับน้ำที่ลดลง ทำให้กาละเพิ่งรู้ว่าณีไม่ได้ใส่ชุดเตรียมมาเล่นน้ำ เธอมองร่างบางที่เริ่มแนบเนื้อเมื่อเดินขึ้น แถมความบางของชุดยังเห็นเข้าไปถึงชุดที่ใส่ไว้ภายใน
ใบหน้าที่เริ่มร้อนผ่าวอย่างไม่เคยเป็น กับส่วนเว้าโค้งของร่างกาย. ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็นที่ต่างประเทศมากกว่านี้ก็ผ่านตามาหมด แต่เพิ่งรู้สึกประหลาดก็ตอนนี้
กาละสังเกตเห็นนักท่องเที่ยวชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งเดินมา
"คุณณีคะ "เธอรีบฉวยดึงข้อมือณีไว้แล้วเดินลงทะเลอีกครั้งซึ่งณีไม่เข้าใจที่กาลทำ เดินไปจนเหลือแค่คอที่ลอยอยู่เหนือน้ำ
"อย่าเพิ่งขึ้นไปค่ะ". เธอบอกแค่นั้นและตัวเองก็ลืมปล่อยมือหญิงสาว ส่วนอีกคนนั้นดวงใจที่พยายามเก็บงำไว้กำลังสั่นไหว เธอแกล้งทนอยู่อย่างนี้ได้อีกนานแค่ไหนแกล้งทำเป็นทุกอย่างปกติทั้งที่ยังรักกาละอยู่. ดูอีกฝ่่ายจะเฉยชากับเธอบางทีก็แค่ทำให้เธอหวนถึงความรู้สึกเดิม
อดีตที่แสนหวานมักจะทำให้ปัจจุบันทรมาณ. แต่เมื่อก่อนมันก็ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมากเกินกว่าสิ่งที่เรียกว่าความคลุมเคลือเลย
"ไหนมามี๊ชวนขึ้นแล้ว ทำไมพาคุณณีลงไปอีกล่ะ"จู่ลี่เดินนำไปมองกลับมา
"จะขึ้นแล้วล่ะ ไปเอาผ้าเช็ดตัวซักผืนให้ฉันหน่อยสิ"กาละบอกจูลี่แค่พยักหน้าแล้วเดินขึ้นไป กาละมองตาเด็กสาว
"........"ณีเงียบเพราะความปั่นป่วนภายในกำลังก่อกวนเธอ สักพักจูลี่ก็วิ่งกลับมาพร้อมผ้าขนหนูผืนให้
"มามี๊จะเอาไปทำอะไร"จูลี่มองอย่างสงสัย
"ขึ้นกันเถอะค่ะ"กาลพูดเสียงเรียบหลังจากที่นักท่องเที่ยวชายกลุ่มนั้นเดินไปจะว่าณีก็ไม่ได้เพราะเธอเป็นฝ่ายดึงณีลงมาเอง ทั้งที่อีกฝ่ายก็คงไม่ได้ตั้งใจมาเล่นน้ำ
กาละพาณีขึ้นมามือยืนที่น้ำถึงหัวเข่า เธอก็รับผ้าจากจู่ลี่มาห่มให้ณี
"แบบนี้จะดีกว่านะคะ"เธอพูดพร้อมกับใบหน้าเรียบๆแล้วจากนั้นก็พากันกลับไปยังบ้าน. ทุกครั้งที่ใบหน้านั้นเรียบและดูเงียบขรึมเพราะเธอกับลงสงบความคิดที่ดูจะผิดที่ผิดทางอยู่. ทั้งที่รู้ว่าไม่ความคิดแต่สมองก็มักจะไปไกลเกินควบคุม. แล้วกาละก็เดินนำเธอไปดื้อๆ
ณีเพิ่งรู้ตัวว่าผ้าสีขาวที่มันจะดูหนามองมันเห็นข้างในแต่พอโดนน้ำแล้วมันจะมองทะลุไปถึงบรา แล้วก็รูปร่างของเธอ เธอเข้าใจแล้วว่ากาละทำอย่างนั้นทำไม
บ้านพักริมทะเลบ้านหลังเล็กที่มีเพียงห้องนอนเดียวแต่มันก็กว้างอยู่พอสมควร ห้องน้ำกับห้องครัว เรือนมีใต้ถุนกับมีระเบียงไม้หน้าบ้าน
อาหารทะเลถูกจัดเตรียมไว้ที่สนามหญ้าด้านล่างจูลี่ไปช่วยนัทจัดเท่าที่จะทำได้ดูเธอขมักเขม้น และคล่องแคล่ว เพราะพ่อเธอหย้ากับแม้และเธออยู่กับพ่อถึงแม้บางที่จะอ้อนพ่อบ้างแต่ส่วนมากเธอก็ทำทุกอย่างเอง
นัทยิ้มให้เมื่อเห็นท่าทางอย่างช่วยเต็มเปี่ยมของเด็กสาวเขาก็อดที่จะเอ็นดูไม่ได้ ทั้งสองช่วยกันไปคุยกันไปซึ่งจูลี่ก็ตักตวงความสุขเท่าที่ทำได้เพราะเธอรู้ว่าผู้ชายไทยต่างจากเด็กหนุ่มฝรั่ง ด้วยเหตุนี้ด้วยละมั่งที่เธอถึงรู้สึกดีกับนัทสุภาพบุรุษเอาใจเก่งไม่เอาเปรียบ เธอมองท่าทางนัทอย่างชื่นชม
กาละเองก็ถอยออกมาช่วยอยู่ห่างๆเพราะพอเธอจะเข้าไปใกล้ตาสายดุๆจากเด็กสาวก็ส่งมาให้ เธอก็สายหัว แค่ก็อดขำไม่ได้กับเด็กแก่แดดแผนสูง จนบางที่ก็อยากแขกกระโหลกให้หายหมั่นเขี้ยว
ณีเพิ่งอาบน้ำเสร็จก็ตามลงมา. พอดีอาหารเตรียมพร้อมสำหรับรับประทานพร้อมหน้า ณีกล่าวขอโทษที่ไม่ได้ช่วยเหลืออะไร จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตากินอาหารทะเลอย่างอร่อย กาละเหลือบมองณีเป็นระยะๆ ตั้งแต่ตอนนั้นเธอก็สังเกตุว่างร่างกายของณีดูจะบอบบางกว่าตอนนั้นมาก
ท้องฟ้ามืดได้เวลาที่เข้านอนเพราะห้องนอนเพียงห้องเดียวทำให้ทุกคนมานอนด้วยกันเพียงแค่ชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่นอนอยู่อีกมุม. กาละนอนข้างณี และมีจูลี่ขนาบอีกข้าง
ก่อนนอนนัทไม่ลืมที่จะชงโกโก้ร้อนๆมาให้จู่ลี่เพราะเขาจำได้ว่าเธอชอบ ส่วนคนอื่นปฏิเสธไว้ก่อนแล้ว. จูลี่ลุกนั่งพร้อมยื่นมือไปรับพร้อมยิ้ม ก็รอยยิ้มอบอุ่นแบบเจ้าชายส่งมาให้ซะขนาดนั้นใครจะหุบยิ้มได้ แค่พยามไม่ยิ้มจนฉีกถึงหูก็จะแย่อยู่แล้ว
เฮอะๆ ไม่ค่อยจะแสดงอาการเลยนะ กาละคิดพร้อมกับมาลูกสาวที่นั่งยิ้มตาเยิ้มอยู่
"ถ้าอยากดื่มอีกบอกพี่นะครับ เดี๋ยวพี่ชงให้"
"ค่ะ"จูลี่ยังคงรับพร้อมยิ้ม
แต่ก่อนที่เข้าจะเดินไปที่นอน เข้าก็หันมาราตรีสวัสดิ์กาละก่อนเดินไปหาณีที่นั่งอยู่ข้างๆกาล. มือขาวนั้นทาบลงที่หน้าฝากของณีด้วยสีหน้ากังวล
"ไม่สะบายรึเปล่าค่ะ"เขาถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นหน้าแดงๆของณี
"ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องห่วงมากก็ได้ พี่นัทนี่ละก็เวอร์จริง"เธอยิ้มให้เขา ก่อนจับมือชายหนุ่มออกจากหน้าฝาก แล้วยิ้มให้กับความเอาใจใส่เสมอต้นเสมอปลายเสมอมาของเขา
"จริงๆนะช่างนี้เรายิ่งไม่ค่อยแข็งแรงอยู่ด้วยถึงจะชักมือกลับไปก็ยังไมาวายส่งความห่วงใยมาให้ แต่ก็ยิ้มทักทายราตรีสวัสดิ์ณีก่อนเดินไปนอน
สองคนที่ส่งยิ้มให้กันบรรยากาศดูอบอวลนั้นคงไม่ทันสังเกตุสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆอีกคนอิจฉาอย่างโจ่งแจ้งถ้าบีบถ้วยแก้วในมือให้แต่ได้ทำไปแล้วว่าไปนั่นความจริงแค่อยากได้สายตาห่วงใยแบบนั้นบ้างจัง จูลี่คิดแล้วก็กระดกโกโก้ยักซดรวดเดียวลงคอ
โดยลืมไปว่ามันร้อน โชคดีที่ไม่ร้อนมากพอแค่ให้แสบคอเล่น แต่อีกคนเนี่ยสินั่งอิจฉาเงียบอย่างเคย แค่มอง ดูสายตาที่ขนาดไปที่นอนตัวเองยังส่งสายตามาให้รู้สึกหมั่นไส้แปลกๆ. ส่วนคนที่นั่งข้างกายนี้ก็ดูมีความสุขรอยยิ้มที่ดูไม่อึดอัดระบายออกมาอย่างวางใจแตกต่างกับที่ยิ้มให้เธอเสียจริง กาละทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับตาลงไป ที่ผ่านมาในใจแม้มันกระจ่างแต่ไม่อยากยอมรับ เพราะดูถึงเรื่องความเป็นไปได้แล้วช่างทรมาณ แล้วยิ่งเห็นแบบนี้มันยิ่งชัดเจนไปใหญ่
มันจะอะไรนักหนานะความรู้สึกของคน หาแหล่งที่มาและที่ไปไม่ได้จริงๆ
ณีนอนลงที่ฝูกเธอรู้สึกได้ว่า...มีบางอย่างภายในที่มันเต้นโครมครามจนหญิงสาวไม่สารถข่มตาให้หลับลงได้เมื่อฟูกที่อยู่ถัดจากเธอ คือเด็กสาวที่เธอมอบความรักให้เมื่อหลายปีก่อน แต่ตอนนี้คนที่หลับตาพริ้มอยู่กลายผู้ใหญ่เต็มขั้น ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเวลามันช่างผ่านนมานานหลายปี แต่ความรู้สึกแปลกใหม่ในตอนนั้นมันยังเด่นชัดอยู่เรื่อยมาจนถึงตอนนี้ ณีไล่สายตามองกาละจากคิ้วตาสันจมูกเรื่อยมาถึงปาก พอไล่สายตากลับขึ้นไปหญิงสาวตกใจเล็กน้อยที่เห็นอีกคนลืมตาจ้องเธออยู่. พร้อมกับเอ่ยถาม
"คุณนอนไม่หลับหรือคะ"
"ค่ะ"ณีตอบเมื่อเธอปรับสิหน้าได้ เธอจ้องตากลับไปด้วยความเคยชิน
"ออกไปรับลมข้างนอกหน่อยไหมค่ะ"กาละเป็นคนเอ่ยปากชวน เมื่อเห็นณีพยักหน้าเธอก็ลุกขึ้น แล้วณีการลุกตาม
เท้าสองคู่มาหยุดอยู่ที่เฉลียงหน้าบ้าน.
"ไม่ได้คุยกันแบบนี้มานานแล้วนะคะ"กาละเปิดประเด็นก่อนนั่งลงที่พื้น ท้องฟ้าที่ไร้ดาวแต่เธอเลือกจะทอดสายตาๆปที่เมฆที่บดบังดวงจันทร์
"ค่ะ"ณีนั่งลงข้างๆ คำตอบแสนสั้นที่เธอตอบได้ความรู้สึกที่ต้องการเจอมาแสนนานกับสถานการณ์ที่พบกันจริงๆมันช่างสับสนเสียเหลือเกิน
ความเงียบเริ่มคลืบคลานเข้ามา เมื่อบทสทนาเหมือนจะไปต่อไม่เป็น การที่กาละชวนณีออกมาแบบนี้เธออาจคิดผิดก็เป็นได้ เพราะความอัดอัดบางอย่างที่มันกะอักกระอวนในอก ณีเปลี่ยนไปหรือเปล่านะ หรือตัวเธอที่เปลี่ยนไป
พอคิดแล้วกาละก็ชันเข่าขั้นมาแล้วฟุบหน้าลงไปเธอหลับตาแล้วนิ่งเงียบ. ณีนั่งมองเธอไม่รู้ว่ากาลเป็นอะไร ความเป็นห่วงเก็บซ้อนไว้มันถ่ายทอดออกมาจากแววตา ที่เธอมองไป ผมดำยาวของคนฟุบหน้าบดบังทุกส่วนจนแทบมองไม่เห็นในหน้า
"ลมเย็นแล้วกลับเข้าข้างในดีกว่าไหมค่ะ"ณีชวนเมื่อเห็นอีกคนไม่มีที่ท่าว่าจะขยับ
ปฏิกิริยาตอบกลับมาคือการส่ายหัว. ที่เธอพอจะดูออก
"งั้นฉันเข้าไปก่อนนะคะ"การเปลี่ยนคำเรียกแทนตัวเองของณีคงไม่รู้มันได้กระทบบางอย่างให้ปริร้าว. เสียงฝีเท้าของคำแก่กว่าลับหายไป กาละค่อนลืมตาขึ้นไม่เข้าใจว่าทำไมน้ำตาถึงได้ไหลง่ายดายขนาดนี้ แม้ไม่มีเสียงสะอื้นแต่มันก็ไม่ได้หยุดไหล. เพิ่งเข้าใจที่เดียวที่เป็นแหล่งแห่งความอบอุ่นเมื่อมันหายไป มันจะหนาวเหน็บขนาดนี้
กาละมัวแต่จมอยู่กับความคิด จนไม่รู้สึกว่ามีอีกคนยืนอยู่ด้านหลังณีค่อยๆคลุมผ้าห่มฝืนเล็กที่ไปเอามาให้ก่อนนั่งลงข้างๆอีกครั้ง เธอค่อยๆสะกิดหญิงสาวทีีไม่แม้จะเงยหน้าขึ้นมาเลย
"เป็นอะไรไปค่ะ"เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบเธอก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเสียไม่ได้
แทนที่จะตอบกลับมากาละกลีบเอาผ้าห่มที่ณีถือมาให้คลุมโปงห่อตัวจนแทบไม่เห็นตัวนอกจากขาที่โผล่ออกมาจนณีสงสัยใหญ่ กับพฤติกรรมแปลกๆของกาล
"น้องกาลคะ เป็นอะไรคะ "ณีถามย้ำอาการที่เป็นอยู่นี่ทำให้เธอเป็นห่วงแล้วก็กลัวไปด้วย แต่อีกฝ่ายสายหน้า เห็นได้จากที่หงายหน้่าขึ้นมาในผ้าห่มแต่ไม่ยอมออกมา ณีกำลังคิดว่าเธอคิดผิดมหันต์ที่เอาผ้าห่มมาให้
"น้องกาลอย่าทำพี่กลัวสิคะ"ณีพูดพร้อมพยายามจะเปิดผ้าห่ม แต่อีกฝ่ายดึงไว้ใจณีตอนนี้อยากรู้จริงๆว่ากาลเป็นอะไร เธอพยายามให้แรงที่มีเพียงน้อยนิดดึงผ้าออก สองฝ่ายต่างแย่งผ้ากันจนในที่สุดผ้าห่มก็หลุดออกมาจากตัวกาลแต่กลายเป็นว่าคนที่เสียหลักเป็นณีที่ตอนนี้ล้มลงไปหงายท้องอยู่ที่พื้นไม่หน่ำซ้ำผ้าห่มยังปิดหน้าของเธออีก
ณีพยายามดึงออกแต่กลับเหมือนมีแรงมากดมันไว้และเธอเริ่มหายใจไม่ออกจริงๆหญิงสาวพยายามดิ้นขลุกขลักๆในผ้าห่ม
แต่อยู่ดีๆเธอก็หยุดไปเฉยๆเมื่อสัมผัสถึงอะไรบางที่อยู่อีกฟากของผ้ากดทับลงมาที่ริมฝีปากของเธอมันเป็นความรู้สึกที่หลากหลาย สับสนทั้งที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่เธอสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่ม หัวสมองคิดไปจนกลางเป็นความขาวโพลน.......กว่าณีจะรู้สึกตัวเธอรีบดึงผ้าออกเพื่อสูดอาการเข้าปอด เมื่อกี้เธอโดนผ้าคลุมแล้วตอนที่โดนอะไรบางอย่างสัมผัสที่ริีมฝีปากนั้น เธอลืมหายใจ
แต่พอเปิดผ้าออกมาเธอก็พบเพียงความว่างเปล่า กาลไปแล้ว
ณีแตะที่ริมฝีปากเบาๆเธอไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เพียงแต่เธอไม่กล้าคิดเท่านั้นว่ามันจริงไหม. แล้วกาละจะทำแบบนั้นทำไม ก่อนเข้าห้องนอนเธอเดินไปกินน้ำที่ห้องครัวหญิงสาวกระดกน้ำจนแทบจะหมดขวด เพราะขับไล่ความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัว
ณีเดินกลับเข้าไปที่ห้องนอน พบว่ากาลหลับไปแล้ว เธอรู้ดีว่ากาลหลับไปแล้วจริงๆเพราะเธอรู้ดีว่าคนหลับเป็นอย่างไร และกาลคงไม่ได้แกล้งหลับ เพราะยังไงเธอก็ต้องจับได้
ณีปล่อยความคิดไปเรื่อยก่อนจมเข้าสู่ห้วงนิทรา คนที่ลืมตาขึ้นมาคือกาล เรื่องนี้กาลรู้ดีไม่ใช่ความสามารถในการจับโกหกของณีน้อยลงแต่กาละเองที่พัฒนาเรื่องนี้ในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเพราะการแกล้งหลับอย่างแนบเนียนนั้นก็มีประโยคตอนตัดรำคาญบางเรื่องหรือบางทีก็เผลอรู้เรื่องดีๆเข้า เธอลุกขึ้นมานั่ง แล้วมองไปที่ณีที่หลับตาแล้วไม่ว่าเนื่องความรักที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนจะยังอยู่รึเปล่า เธอไม่รู้แต่ก็รู้สึกอุ่นใจที่คนคนนี้ยังเป็นห่วงเธออยู่
"ม่ามี๊เห็นนะเมื่อกี้ทำอะไรคุณณีเค้าน่ะ"เด็กสาวลืมตาข้างเดียวขึ้นมามอง คนที่จ้องณีไม่วางตา กาลหันไปแล้วลูบหัวให้
"ชู้วววว"เธอเอานิ้วชี้ขึ้นมาแตะริมฝีปากทำสัญญานให้ลูกสาวเธอเก็บเรื่องนี้ไว้ ก่อนระบายยิ้มออกมาแล้วกลับเข้าผ้าห่มอีกครั้ง กาละพูดเสียงเบา
"แอบดูผู้ใหญ่มันไม่ดีนะ"เหมือนจะทำเสียงดุแต่เธอก็เอื้อมมือไปลูบให้อย่างเอ็นดู เธอทำเรื่องที่ผิดไปแล้วรึเปล่าก็ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่มันมีครึ้มอกครึ้มใจแปลกๆ ความรู้สึกดีเล็กที่เกิดขึ้น เธอไม่ได้ตั้งใจแต่ร่างกายมันพาไปเองจะบอกอย่างนั้นมันก็คงไม่ใช่
"ไม่ได้แอบดูจูลี่แค่ไปเข้าห้องน้ำแล้วบังเอิญเห็น......"ก่อนที่เด็กสาวจะพูดไปต่อกาละก็แทรกขึ้น
"เอาเหอะฉันง่วงแล้วนอนดีกว่า"ว่าแล้วเธอก็หลับตาแล้วก็หลับไปส่วนเด็กสาวก็จำใจหลับตาม แต่เธอก็เคลื่อนตัวมาเบียดกาละอย่างเคยชิน.
กาละตื่นเช้าขึ้นมาพบว่าเด็กสาวมานอนขดตัวอยู่กับเธอส่วนอีกด้านก็เป็นณีที่ยังคงหลับตาพริ้มอยู่ไม่ไกล. หญิงสาวลุกขึ้นบิดตัวไปมาเล็กน้อย แล้วมองชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่นอนอยู่อีกฝั่งของห้อง
"ถ้าสองคนนี้รักกันขึ้นมา จะทำยังไงดีนะ"เธอมองคนสองคนสลับไปมา ก่อนนั่งยองๆลงไปลูบหัวให้เด็กสาวผมทอง
"เราสองคนแม่ลูกก็อกหักน่ะสิ". เด็กสาวลืมตาขึ้นมาสบตากาละ
"ออกไปเดินเล่นรับลมตอนเช้าไหมจู่ลี่"กาละลุกขึ้นแล้วยื่นมือให้
"ไม่อ่ะ จู่ลี่ยังอยากนอน อีกอย่างจูลี่ไม่ปล่อยให้สองคนนี้อยู่ตามลำพังสองคนหรอก"เด็กสาวทำหน้าหย่นเมื่อมองไปที่ร่างสูงที่หันหน้าเข้าผนัง
"ทำเพื่อม่ามี๊เลยนะเนี่ย...จะให้รางวัลอะไรจูลี่ก็รีบให้มาเลย" ทั้งที่หน้ายังเกยอยู่ที่หมอนแต่เด็กสาวยกเมื่อขอรางวัล กาละวางมืิอตัวเองแตะเบาๆ
"ไม่ใช่ทำเพื่อตัวเองหรอกหรอ จู่ลี่เฮ้อ" กาละถอนหายใจแล้วก็ยิ้มให้ก่อนเดินออกไปนอกบ้านพัก
แสงพระอาทิตย์ที่เริ่มโผล่พ้นจากพื้นทะเลกาละนั่งมอง ปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆตามพระอาทิตย์เคลื่อน เธอรู้สึกถึงคนที่เดินมาหยุดอยู่ข้างหัน
"กาแฟหน่อยไหมครับน้องกาล"นัทยืนถ้วยกาแฟให้กาลขอบคุณแล้วก็ร่างสูงการนั่งลงข้างๆ
"อากาศดีจังเลยนะครับ"พี่ชายยิ้มให้น้องสาวอย่างอ่อนโยนเมื่อกาลหันมาเขาคิดเช่นนั้น น้องสาวอีกคนที่เขารักทั้งที่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวมาก่อนแต่ทุกเรื่องที่ณีเล่าทำให้เขาชื่นชมในตัวของเด็กคนนี้ และรู้สึกเอ็นดูเสมอมา
กาละยิ้มตอบ
"คุณมาอยู่กับคุณณีนานรึยังค่ะ"อยู่ดีๆกาละก็ถามขึ้น
"ครับ ตั้งแต่คุณย่าเสียแล้วครับ" ชายหนุ่มจิบกาแฟก่อนแล้วหันไปหากาลที่กำลังจิบกาแฟอยู่เช่นเดียวกันแต่สายตายังจับจ้องที่แสงทองของท้องฟ้า จากนั่นกาละก็เริ่มถามเรื่องโน่นเีื่องนี่ ชายหนุ่มเองก็สนใจเรื่องตอนที่ไปอยู่อังกฤษของกาละ ทั้งสองแลกเปลี่ยนเรื่องนั้นเรื่องนี้ เมื่อบางอย่างที่ทำให้กาละถูกชะตากับนัทคำพูดที่เว้นระยะกับท่าทางน่าเชื่อถือจริงใจและดูอบอุ่นนั่น. ทำให้กาละรู้สึกวางใจอย่่างบอกไม่ถูกจนเธอเผลอคิดไม่ได้ว่า เพราะนัทกับณีไม่ได้เป็นญาติกันเลยด้วยซ้ำดูท่าที่ผ่านมานัทจะดูแลณีอย่างดีเสมอมา อดไม่ได้ที่คิดว่าทั้งสองคนช่างเหมาะสมกัน และพอคิดขึ้นมามันก็รู้สึกหนักๆอยู่ภายอก
ณีที่เพราะทำงานติดต่อกันมาหลายๆวันมันอนพักตากอากาศครั้งนี้ทำให้เธอนอนสบายจนตื่นสายกว่าปกติ แต่พอตื่นมาเธอก็รู้สึกว่ามีอะไรหนักๆอยู่ที่นหน้าท้องพอลืมตาขึ้นมาก็เจอคนหัวทองที่เอามือมากอดเธออยู่ ณีทำตัวไม่ถูกเธอนิ่งไปคู่หนึ่งก่อนค่อยๆจับแขนเด็กสาวออกแล้ว. ลุกขึ้นนั่งข้างๆ เธอนั่งมองดูจูลี่อย่างพิจารณาคนแบบไหนกันนะที่ทำให้กาละเปิดใจได้มากขนาดนี้. คนที่ทำให้กาลดูสดใสขึ้นได้ขนาดนี้ เธอนั่งมองเด็กสาวที่ขยับตัวเล็กน้อย แล้วหลับต่อ
"น่าอิจฉาจังเลยนะคะจูลี่น่ะ"ณีพูดแล้วยิ้มให้บางๆ คำพูดและรอยยิ้มนั่นล้วนมาจากใจเธอรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
แต่เธอก็เดินออกมาจากห้องนอน ทันทีที่ณีเดินพ้นประตูเด็กสาวก็ลืมตาขึ้นมา
"คุณต่างหากที่น่าอิจฉา"เธอพูดแค่นั้นก็หลับไปต่อ
คาแรคเตอร์อาจไม่นิ่งนะคะ แต่ไรท์จะพยายามให้ดูชัดเจนที่สุด แต่ก็นะเวลาผ่านไปคนเราก็เปลี่ยนแปลงกันบ้าง............กาลเวลามันอาจจะมีบางเวลาที่สับสนตัวเองก็ได้นะคะเหมือนไรท์เนี่ย ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น