ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กาลเวลาที่หมุนวน yuri

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่

    • อัปเดตล่าสุด 22 ธ.ค. 55


    1สิ่งธรรมดาที่กาละกำลังทำอยู่นี้มันเป็นเรื่องน่ายินดีแต่มันก็ช่างสับสน คนที่จากไปและไม่เคยติดต่อมาเลยกลับมายืนอยู่ตรงนี้ในช่วงเวลาแบบนี้  ในบรรยากาศเดิมๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 
    ณีอยากรีบเดินออกมาเธอไม่กล้าแม้แต่สัมผัสหรือเพียงเดินเฉียดกลายผู้หญิงคนนี้ มันเด่นชัดจนไม่สามารถแม้กระทั่งหลอกตัวเองได้ว่าความรู้สึกในตอนนั้นกับตอนนี้แทบไม่ต่างกันเลยหากจะมีสิ่งที่เปลี่ยนไปมันคืออะไรไม่อยากรู้เธอเพียงแค่อยาก รีบๆหนีไปให้พ้นหน้ากาละ
    แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวออกพ้นประตู มือเรียวของอีกฝ่ายก็รีบฉวยไว้และดึงมาหาตัว ณีหน้าณีหย่นด้วยความเจ็บปวดข้อมือที่โดนกระแทรกไปเมื่อวันก่อนมือโดนบีบซ้ำมันเลยแปลบขึ้นมา กาลตกใจรีบคลายมือเป็นการจับเพียงแผ่วเบา
    "ขอโทษ ฉันทำคุณเจ็บ"เธอประคองมือข้างนั้นแล้วมองมันอย่างรู้สึกผิด
    "ไม่เป็นไรพี่จะกลับแล้วค่ะ"ณีดึงมือตัวเองออกไป ใช่กาลทำเธอเจ็บมาตลอดระยะเวลาที่หายไป แต่กาลไม่ยอมปล่อยง่ายๆ ยังไงเธอก็รู้สึกไม่ดีแต่สำหรับณีแล้วการที่กาละทำแบบนี้เหมือนหญิงสาวคนนี้จับมือเธอเข้าไปในกองไฟที่ร้อนระอุ มันอัดอึดกับอารมณ์ที่อยู่ข้างใน รัก ต้องการ ถวิลหา ไม่มีอะไรที่จะบรรยายนอกจากณีกำลังตกลุมรักความเจ็บปวดอีกครั้ง
    "รออยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ"ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ฟังเธอเลย เธอเดินไปอีกห้องก่อนกลับมาด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น
    "ทำแบบนี้จะได้ไม่เจ็บมากนะคะ"เธอหยิบเสื้อคลุมที่พาดอยู่บนแขนณีวางที่โซฟาแล้าค่อยๆประคบให้อย่างเบามือสายตาที่ดูห่วงใยส่งไปแม้ณีจะอุ่นใจแต่ไม่สามารถบอกกับตัวเองได้ว่ามันเหมือนเดิมกับเมื่อหลายปีก่อนรึไม่
    เธอรู้สึกได้ว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว กาละที่เธอรู้จักคนนั้นเปลี่ยนไป หรือเธอกันแน่ที่เปลี่ยนไปมันไม่สามารถรู้ได้ เพราะที่ผ่านมาเธอรู้แค่ความคิดของเธอแค่ฝ่ายเดียวเหมารวมความคิดของตัวเองไปเป็นของเด็กสาวเมื่อตอนนั้น แต่ตอนนี้เธอไม่กล้าคิดแล้วไม่กล้วแท้จะคิดอะไรที่จะเข้าข้างตัวเอง และที่ผ่านมาแค่เป็นอารมณ์สงสารของคนขี้สงสารอย่างกาละที่มีให้รึเปล่า ณีที่จมอยู่ในความคิดเงียบนิ่ง จนกาละรู้สึกได้ เธอสะกิดบ่าณีเบาๆเมื่อเธอเรียกแล้วหญิงสาวไม่มีทีท่าว่าจะได้ยิน ณีสะดุ้งเล็กน้อย
    "คะ"
    เธอหันมามองหน้ากาละที่จ้องมองอย่างเป็นห่วงเผลอสบตานั้นเข้า. ณีเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ แต่ตัดสินใจก็ถอยออกเธอ
    "คุณเป็นอะไรรึเปล่าค่ะ"น้ำเสียงที่ห่วงใยส่งไป จนเธออย่าบอกความต้องการข้างใน
    "เอ่อ...ไม่มีอะไรค่ะ"คำพูดที่อยากจะเอ่ยถามสุดท้ายก็กลืนลงคอลงไป ปล่อยใก้มันอึดอัดอยู่อย่างนั้น 
    "เหมือนคุณมีเรื่องจะพูดกับฉัน"กาละสังเกตอาการที่ดูอึดอัดของณีพาลจะทำให้เธออึดอัดไปด้วย
    "ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ"ถึงจะย้ำแต่เหมือนเธอเตรียมตัวกับตัวเองก่อนหันมาสบตา ในตาที่สั่นนั้นทำให้กาละรู้ว่าณีกำลังโกหก
    "เหมือนคุณกับลังสับสนอะไรบางอย่าง คุณมีอะไรในใจที่อยากบอกฉันแต่คุณกำลังสับสนใช่มั้ยคะ"กาละสบตานั้นนิ่ง สิ่งที่ณีไม่ชอบและไม่เปลี่ยนแปลงคือสิ่งนี้ดูเหมือนกาละจะรู้ทันและมองเธอออกหมด มันไม่ยุติธรรมที่เธอกลับไม่เข้าใจกาละเลย
    "มันเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า มีบางอย่างเกิดขึ้นกับคุณรึเปล่า ดูเหมือนคุณจะกำลังอารมณ์เสียนะ"กาละจับอารมณผ์ที่ติดมาปลายๆสายตานั้นได้ 
    "ไม่ได้อารมณ์เสียค่ะพี่แค่....แค่เอ่อ....."ตอนแรกเธอปฏิเสธ แค่อารมณ์ที่มันตีกันอยู่นี่แค่ที่ทำเธออารมณ์เสีย ตั้งแต่รู้จักใครมาก็มีแค่กาละที่แหละที่ทำเธอควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ตาใสเมื่อรู้สึกว่าน้ำตามันปริ่มๆ มันยากที่ต้องควบคุมๆอารมณ์ที่คลุกเคล้าผสมกับน้ำตา
    กาละจับคางให้ณีหันมาวบตาเธอตรงๆก่อนปล่อยมือออกซึ่งอีกฝ่ายแค่นิ่ง
    "ที่นี่บอกฉันได้รึยังคะว่าคุณมีเรื่องอะไร"กาละตั้งใจรอฟังคำตอบ
    คำตอบอีกฝ่ายคือความเงียบ กาละขมวดคิ้ว แค่สิ่งต่อมาคือใบหน้าที่เลื่อนเข้ามาใกล้ของณีก่อนทาบทับที่ริ้มฝีปากก่อนกดเม้มแรงขึ้น เธอแค่ไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้กาละเองถึงจะตกใจในตอนแรกเธอก็ตอบสนองสัมผัสที่โหยหานั้น สิ่งนี้เองที่เธอเองก็เฝ้ารอ รสจูบที่เพิ่มขึ้นเมื่ออีกฝ่ายจูบตอบทำให้ณีเดินหน้าต่อ มันคืออะไรเธอกำลังทำเหมือนเดิมอยู่รึเปล่า ไม่ได้สนใจความรู้สึกของอีกฝ่าย เรียกร้องเป็นเพียงอย่างเดียว
    ขณะที่กาละยกมือขึ้นค่อยๆเพื่อไปจับใบหน้าอีกฝ่าย
    แต่ยังไม่ทันสัมผัสณีก็ผละออก เธอฉวยเอาเสื้อคลุม
    "พี่กลับก่อนนะคะมันดึกแล้ว"เธอพูดแค่นั้นก็เดินออกไปจากห้องทิ้งให้กาละที่เป็นฝ่ายสับสนกับการกระทำของอีกฝ่าย แต่เธอก็แอบยิ้มอยู่อย่างบางๆเมื่อรู้ว่าณีเองก็ยังต้องการเธออยู่. แม้ในใจอีกฝั่งกำลังบอกว่าเธอกำลังเพ้อฝันกับสิ่งที่ผิด
    เสียงหัวใจที่เต้นถี่รัวจนไมาสามารถระงับได้ เธอจะมองหน้ากาละได้อย่างไร ยังไม่ทันพ้นบ้านดีเธอก็ทรุดตัวนั่งลงกลุมหัวใจตัวเองก็ลูบไปมาที่หน้าอก ให้มันสงบ 
    กาละโตแล้วไม่ใชาเด็กสาวเหมือนเมื่อก่อนที่อาจเผลอไผไปกับเธอตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว แล้วทำไมเธอยังคงรู้สึกอย่างเดิมอยู่นะ ณีรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่จุดๆหนึ่งที่ไม่ว่ากาละจะเดินจากไป กี่ครั้ง เค้าคนนั้นจะวิ่งกลับมาหรือเดินเอื่อยๆกับมาคนที่ยังรออยู่ตรงนี้ก็เป็นเธอ
     
    ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ยิ่งโตเป็นผู้ใหญ่ความต้องการบางอย่างดูเหมือนมันจะมีความสามารถในการควบคุมลดน้อยลงไป เพราะผู้ใหญ่ยิ่งโตขึ้นไปสีสันหลากสีที่แต่งแต้มในใจมันปนเปกันไปจนบางที่มันก็แยกไม่ออก 
    กาลรู้ดีแต่ส่ิงที่เธอทำอยู่นี้ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเธอเดินจากไปสู่ความฝัน แล้วก็เดินวนกลับมาที่เดิม 
    กาละทิ้งตัวนอน ลงที่เตียงแต่เตียงนี้มันช่างร้อนรนและทำให้เธอยันตัวลงขึ้นมานั่ง บ้านหลังนั้นปิดไฟไปแล้ว
    "ถ้าพรุ่งนี้ฉันจะขอให้คุณอยู่ที่นี่ คุณจะอยู่ไหมนะ"เธอพูดกลับตัวเองเสียงเบา ก่อนไปนั่งที่โต๊ะแล้วเลือกนั่งสือขึ้นมาอ่านพร้อมกับเสียงหูฟังเปิดเพลงดังเช่นเคย เพราะคืนนี้เธอคงนอนไม่ได้จิตใจมันลุ่มร้อนเหลือเกิน
     
    กาละออกจากบ้านตั้งแต่เช้าเพราะเธอต้องไปจัดการเรื่องการจะเข้าเป็นผู้ช่วยสอนในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เหลืออีกเพียงไม่กี่ขั้นตอนเธอก็สามารถเข้าได้ ซึ้งมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ยากนัก เพียงแต่ต้องใช้เวลาหลังจากจัดการธุระเสร็จ
      กาละมีนัดสำคัญกับหญิงสาวคนพิเศษที่เป็นเพียงคนเดียวที่เธอติดต่อกันอยู่เสมอ ความสัมพันของทั้งคู่นั้นยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อปีก่อน แก้วยังไปเที่ยวที่อังกฤษกับเธอ
    กาละนั่งรอที่ร้านกาแฟ แถวๆหน้ามหาวิทยาลัยที่เธอนัดกันไว้
    เธอจิบกาแฟรอได้สักพัก หญิงสาวหน้าตาแสนคุ้นเคยก็เดินมาพร้อมยิ้มให้มาแต่ไกล กาละยิ้มตอบเสื้อแขนยาวกับกางเกงยีนส์รัดรูป แต่สิ่งที่กาละประหลาดใจคือหญิงสาวหน้าตาดีสายหุ่นนางแบบที่แก้วพ่วงมาด้วย แม้หน้าตาจะดูคุ้นๆ แต่เธอก็ไม่มั่นใจนัก
    "สวัสดีค่ะพี่กาล แก้วพาสาวสวยมาแนะนำให้รู้จัก"เธอกล่าวทักทายกาละแต่ดูจากที่สายตาที่พี่สาวเธออย่างกาลจ้องคนข้่างกายอย่างสนใจเธอก็ ออกตัวแนะนำเลย
    หญิงสาวคนนั้นไหว้กาลแล้วส่งยิ้มหวานให้
    สิ่งที่แก้วไม่คิดว่าจะได้เห็นคือกาละจ้องหญิงสาวไม่ว่าตาแถมยังหน้าแดงอีก
    "อะ...แฮม.."แก้วแกล้งทำเสียงให้กาละหันไปทางเธอ จนกาละปรับสีหน้าปรกติแล้ว หันไปหาเธอแต่ก็ไม่วายหันกลับมาอีก
    "ไม่ได้นะค่ะพี่กาลคนนี้แฟนแก้ว"เธอคล้องแขนคนตัวสูงกว่า อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไรแต่ยังคงส่งรอยยิ้มกรุ้มกริ่มมาที่กาละ
    "ฉันว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อน"กาละยังคงจ้องหน้าและพิจารณาอยู่ และยิ่งมองใบหน้าเธอยิ่งแดงจนเห็นได้ชัด กาละไม่กล้าคิด มันรู้สึกเขินๆถ้าคนนี้เป็นคนคนเดียวกัน
    "เอ่อ เธอคงไม่ใช่...."ยังไม่ทันที่จะพูดชื่อ สาวสวยก็รับก่อน
    "ใช่ครับ เอ่อค่ะพีทเอง"กาละยิ้มเก้อๆเห็นตอนนั้นยังหัวเกรียนอยู่เลยนึกไม่ถึงว่าตอนนี้จะเป็นไปขนาดนี้
    ที่เธอเผลอคิดคือพีทไปเอ่อผ่่ามารึยังนั่นแหละที่ทำเอาหน้าแดงก็ดูหน้าอกตูมนั่นสิ 
    "สวยใช่มั้ยละค่ะ"แก้วพูดขึ้นแล้วจับพีทนั่งที่เก้าอี้ส่วนตัวเองก็นั่งลงเบียดข้างๆ
    "ไม่เห็นบอกฉันเลยว่าเธอ จะ แล้วพวกเธอก็เป็นแฟนกันจริงๆหรอ"กาละมองสองคนสลับไป
    แต่ไอ้คนที่น่าแดงเนี่ยจะเป็นหญิงเทียมกับท่าทางอายๆส่วนน้องสาวเธอน่ะเหรอยิ้มแฉ่งทำหน้่าทะเล้นอยู่
    "แม่เธอว่าไง"กาละหันไปมองแก้วเธอรอคำตอบ ดูเหมือนที่บ้านนั้นจะใจดีแต่หน้าตาทางสังคมก็มีไม่ใช่น้อยเธอก็เพิ่งพบเจอเรื่องที่ผู้หญิงแท้เป็นแฟนกับผู้หญิงเทียม
    "ก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ ถึงผมจะยาวจริงแต่อันนี้ก็ยัดเอาเฉยๆ"เธอพูดพร้อมกับชี้ แต่ช่วงประโยคหลังเธอแตะเข้าที่หน้าอกพีท ซึ่งกลายเป็นพีททิี่สะดุ้งและหันไปทำหน้าไม่พอใจใส่แฟนสาว กาละได้แต่มองแล้วก็ส่ายหัวขำ
    "อย่าทำเป็นอายไม่หน่อยเลยของจริงซะที่ไหน"แก้วหันมากระซิบพีทเสียงค่อยที่อีกฝ่ายดูกลายเป็นคนพูดน้อยไปเลย
    "อุตส่าห์มาเจอกันทั้งทีถามเรื่องพี่กาลดีกว่าค่ะ ตอนนี้เป็นไงบ้างตั้งแต่กลับมาก็ไม่ได้ติดต่อกันเลยนะคะ"แก้วหันมาสนใจกาลบ้างซึ่งพีทเองก็อยากรู้ไม่แพ้กัน คนที่เคยชกหน้าที่แสนภูมิใจของเขาที่คงไม่มีวันลืม. แต่เขาก็ไม่ได้แค้นอะไรนอกจากเป็นความทรงจำที่หน้านับถือ?
       ทั้งสามคุยกันออกรส เพราะกาละที่ดูพูดเก่งขึ้นทำให้พีทไม่ค่อยเกร็งเหมือนเมื่อก่อนและดูแล้วสองพี่น้องจะเข้ากันได้ดี กาละก็ถามไปถามมาเลยรู้มาว่า ทั้งแก้วแล้วก็พีทสอบเข้ามหาลัยเดียวกันแถมยังคณะเดียวกันด้วยความเป็นเพื่อนกันมาหกปีเลยสนิทกัน แต่คนคิดไม่ซื่อเนี่ยคงเป็นเด็กหนุ่มหน้าหวานเมื่อตอนนั้นแต่น้องสาวเธอดันเล่นด้วยไปๆมาๆไปชอบกันตอนไหนไม่รู้
    "พี่กาลรู้มั้ยรายนี้นะเสน่ห์แรงใช่ย่อย ทั้งผู้หญิงผู้ชายแก้วขี้เกียจตามหวงแล้ว"พูดเป็นเสียงค้อนไปทางพีท 
    "ช่วยไม่ได้ใครให้แก้วมีแฟนสวยล่ะค่ะ"พีทหยอกเล่น แก้วแกล้งสำลัก ส่วนกาลก็ได้แต่ยิ้มและมองแปลกๆ แต่ความสวยเนี่ยเธอยอมรับจริง ออกจาอายๆด้วยซ้ำเพราะเผลอพีทจะสวยกว่าเธอหรือกระทั่งแฟนสาวแท้อย่างแก้วด้วยซ้ำ
    บทสนาดำเนินมาพอสมควรแล้วกาลก็ขอตังกลับบ้านก่อน
    ส่วนสองสาวมีแพลนว่าจะไปเที่ยวก่อนกลับบ้าน กาลแต่บอกให้อย่ากลับบ้านดึก สองคนพยักหน้ารับปากก่อนแยกย้าย
     
    ทันทีที่เธอกลับมาถึงกาละเธอเดินตรงไปที่บ้านหลังใหญ่ เธอพอเดาได้ว่าณีคงไม่มาพบเธอแน่ ไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับณีแต่ เธอไม่สบายใจหากไม่ได้พบ.เธอไม่ทันจะเข้าบ้านเธอยืนรอข้างนอก. 
    ณีที่กำลังหงวนอยู่กับงานแปลเอกสาร เสียงโทรศัพย์มือถือดังขึ้นเธอก็รีบคว้ามาก่อนดูเบอร์ ทันทีที่เห็นหัวใจมันสั่นๆอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่พร้อมพบกาละเวลานี้ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง เธอตัดสินใจว่าจะรับดีหรืิอไม่รับดีแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจกดรับ
    "สวัสดีค่ะน้องกาล"เสียงสั่นตอนแรกก่อนจะปรับเป็นเสียงปรกติ
    "สวัสดีค่ะ ขอโทษนะคะที่โทรมารบกวน"เสียงจากปลายสายที่มองเข้ามาในบ้าน
    "มีอะไรรึเปล่าค่ะ"ณีถามขึ้น เธอคิดว่าหากไม่มีธุระกาลคงไม่โทรมาหาเธอ
    "คือว่า ทั้งวันฉันยังไม่ได้กินข้าวที่บ้านคุณพอมีอะไรเหลือไหมค่ะ"กาละนึกขันตัวเองเบาๆกับการคิดติ๊งต๊องที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ นับวันยิ่งสิ้นคิด
    "ไม่ได้นะค่ะ ทำไมไม่กินล่ะค่ะ"ณีถามอย่างเป็นห่วงเธอรู้ว่ากาละมีโรคประจำตัวคือโรคกระเพาะเหตุเพราะไม่ยอมกินข้าวนี้แหละ เธอเลยเป็นห่วงเป็นพิเศษ ยิ่งกาละเป็นคนไม่เคยมาขอกินข้าว เธอเลยคิดว่าอีกฝ่ายจะอาการกำเริบแล้วไม่ยอมบอกเธอรึเปล่า
    "งานยุ่งทั้งวันค่ะ เลยไม่มีเวลากิน"โกหกไปน้ำขุ่นๆใครกันนะสอนเธอให้เป็นคนแบบนี้ ก็คงไม่พ้นจูลี่โดนดุที่ไร้ก็มามุขยังไม่กินข้าว แล้วคุณพ่อของเธอก็ใจอ่อนบนไปหากับข้าวให้ลูกสาวไปแทน ส่วนจูลี่ก็ไม่ลืมหันมายักคิ้วให้
    ของเธอถึงจะไม่ใช่กรณีนั้น แต่ณีคงไม่หลบหน้าลูกแมวหิวโซอย่างเธอหรอกมั้ง
    "พี่ก็ยังไม่ได้กินเหมือนกันค่ะ งั้นมากินพร้อมกันเลยนะคะ"
    เธอลืมเรื่องนั้นไปเลยรีบไปเข้าครัว หาของในตู้เย็นที่พอจะมีแล้วก็อุ่นข้าง กาลรอเวลาสักพักก่อนเดินเข้าบ้าน
    เงียบ
    ตอนแรกที่มัวเป็นห่วงเลยลืมไปหมดแต่พอมานั่งกินข้าวแบบเผชิญหน้ากันความรู้สึกอึดอัดก็วนกลับมาอีกครั้ง
    กาละนั่งกินข้าวแบบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    ส่วนณีกินน้อยกินแค่สองสามคำมันก็เหมือนอาหารเต็มล้นมาจุกอยู่ที่คอ 
    "น้องกาลค่ะ กินอิ่มแล้วก็วางไว้เลยนะค่ะ พี่กลับไปทำงานก่อน เดี๋ยวพี่จะกลับมาเก็บเองค่ะ"ณีพูดโดยไม่มองดูคนที่บอกด้วยซ้ำ. เธอตั้งใจหลบหน้าจริงๆนั่นแหละ  กาละรู้สึกได้
    "ฉันมารบกวนคุณจริงๆด้วยสินะคะ"คราวนี้เป็นกาละที่รู้สึกน้อยใจ
    "ฉันทำให้คุณอึดอัดใช่มั้ยคะ"เธอรวบช้อนไว้ที่จานคิดว่าเป็นคนมีเหตุผลและเก็บอารมณ์เก่งแต่พอโดนคนที่คอยตามใจหลบหน้าแบบนี้มันรู้สึกเหมือนไม่มีใครต้องการซะอย่างนั้น เธอเก็บจาน โดยที่ไม่หันไปมองณี
    "ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะน้องกาล ไม่ได้รบกวนอะไรเลย"ณีรีบโพลงขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย
    "ไม่ต้องปฏิเสธหรอกค่ะ ฉันเข้าใจ"กาละเก็บจานเข้าไปในครัว 
    ณีไม่รู้จะพูดยังไง กาละที่ดูจะดูเธอออไปซะทุกอย่างไม่รู้จริงๆหรอว่าเธอเป็นอะไร หรือแค่แกล้งไม่รู้เพราะกาลไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกัน
    สักพักเธอก็เดินออกมาจากครัว
    "ฉันกลับก่อนนะคะ ขอบคุณสำหรับอาหารเย็นค่ะ ฉันคงไม่รบกวนอีก" กาละก้มหน้าแล้วเดินออกไปน้ำเสียงเรียบๆ ณีไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายว่าเป็นอย่างไร แต่กาลทำให้เธอรู้สึกไม่ดีเอามากๆ  
    แต่พอกาละเดินออกมานัทที่กลับมาแล้วก็เดินสวนเข้าบ้านไปเข้าทักกาลเธอแต่ยิ้มบางๆตอบ เขามองเธอย่างงงๆแต่ก็เดินเข้าบ้านไป ณีที่จะเดินออกมาพอเห็นนัทเธอก็ไม่ได้ตามกาละมา เพราะถึงตามไปก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไง เพราะงานที่ต้องเร่งทำชายหนุ่มถึงได้มาช่วยณีเลยชวนชายหนุ่มไปทำงานที่ห้อง
    กาละเดินออกมาเธอก็อึดอัดไม่น้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ตายเหอะข้างในจิตใจที่ใจหนึ่งเรียกร้องอยากห็นหน้า แต่อีกใจหักห้ามไว้  อึดอัดแทบบ้าแล้วยิ่งเห็นณีเป็นแบบนั้นก็พาลจะน้ำตาไหลเอาเสียดื้อ  แต่เธอก็กลับกลืนมันลงไปแล้วเดินกลับเข้าบ้าน
     
    ห้องเดิมที่เดิมโซฟาตัวเดิมเพียงแต่ ไม่มีคนมานั่งอ่านหนังสือด้วยเหมือนเมื่อก่อน เพราะอีกคนก็ทำงานแล้วแม้จะเป็นงานที่ทำอยู่ในบ้านณีก็ยังยุ่งเพราะช่วงนี้เหมือรงานจะระดมมาและเธอก็เล่นรับหมดจะปฏิเสธไปได้อย่างไร ก็มีแต่คนคุ้นเคยทั้งทั้ง. ณีใช้เวลาส่วนมาอยู่ที่บ้านใหญ่กับพี่นัทของเธอซึ่งสองพี่น้องคงเข็ดเรื่องทิ้งงานไปเที่ยวทะเล
      กาละเองก็คงไม่นานที่จะได้อยู่บ้านนั่งอ่านหนังสือเล่นแบบนี้ เพราะอีกสองอาทิตย์เธอก็ต้องเข้าทำงานเป็นผู้ช่วยสอนในมหาลัย.....
      พอมองไปไม่เห็นใครก็พลันนึกถึงลูกสาวอย่างจู่ลี่ที่ต้องกลับไปอังกฤษ  เฮ้อ สุดท้ายก็หยิบหนังสือที่อ่านข้างไว้มาอ่านอย่างเคย.....
       แต่ยังไม่ทันที่จะอ่านไปถึงไหนเสียงโทรศัพย์ก็ดังขึ้นกาละหยิบขึ้นมาพอเห็นเบอร์เธอก็ระบายยิ้มออกมา คิดถึงไม่ทันไรก็โทรมาหาเสียแล้ว น่ารักจริงๆเลยลูกสาวใคร
    "มามี๊. นั่งหงอยอยู่คนเดียวละสิ"เสียงปลายสายถามพร้อมยิ้ม เธอนอนอ่านหนังสือนิตยาสารวัยรุ่นอยู่บนเตียง
    แต่รูปที่ติดอยู่บนปกนิตยาสารเล่มโปรดแทนที่จะเป็นพระเอกรูปหล่ออย่างพระเอกหนังแวมไพร์ชื่อดังกลับเป็นหน้าพี่นัทเจ้าชายโกโก้สุดหล่อของเธอ
    "รู้ได้ไงหรือว่ายังไม่กลับมาแอบมองฉันอยู่รึเปล่า"กาละตอบกลับพร้อมยิ้ม
    "พูดไปงั้นแหละมามี๊อยู่คนเดียวจริงๆหรอ ใครใจร้ายทิ้งมามี๊ที่น่ารักเป็นแมวหงอยได้ไง เดี๋ยวจู่ลี่ไปเคลียร์ให้"
    "ว่าไปนั่น พูดไปก็มาไม่ได้ไม่ต้องพูดหรอก"
    "มามี๊อ่ะถึงมามี๊จะไม่ยอมรับเรื่องคุณณี แต่มามี๊ต้องเป็นแม่ที่ดีกันท่าเจ้าชายโกโก้ให้จู่ลี่นะ"
    "ถ้าเขาจะรักกันฉันจะว่าอะไรได้ล่ะ"กาละเริ่มพูดเสียงค่อยอย่างปรงๆ
    "แต่เขาเป็นพี่น้องกันนะ"จู่ลี่แย้งจากอีกฝากของโทรศัพย์พร้อมกับจ้องมองรูปนัทอย่างเศร้าๆ" ไม่ว่าคนภายนอกจะมอกแค่ว่าเป็นอารมณ์ปลื้มหรืออ่อนไหวไปของเด็กผู้หญิงสิบแปดวัยรุ่นช่างฝันคนหนึ่งแต่สำหรับจู่ลี่แล้วเธอรู้สึกว่ามันคือความรักรักแรกพบที่เอ่อล้นของจู่ลี่กับเจ้าชายโกโก้
    "พี่น้องกันจริงๆซะที่ไหน เพราะงั้นก็........"กาละเสียงแผ่วไปเป็นจู่ลี่ที่แทรกขึ้น
    "รักกันได้หรอค่ะ ม่ามี๊กับคุณณีก็ไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆหนิ.แล้วทำไมจะรักกันไม่ได้" เสียงปลายสายโผล่งออกมา
    "แต่ฉันกันคุณณีเราเป็นผู้หญิงด้วยกันทั้งคู่ เธอก็รู้จักฉันดีไม่ใช่หรอ"น้ำเสียงสลดของกาละที่อีกฝั่งจับรู้สึกได้
    "นี่ม่ามี๊ เพราะจู่ลี่รู้จักมามี๊ดีไง มามี๊อย่าฉลาดเกินไปได้ไหม ใช่สมองมากเกินไปไม่ฟังความรู้สึกข้างในตัวเองเลย แล้วที่ไปแอบจูบเค้าแบบนั้นน่ะมันคืออะไร จูลี่ไม่เข้าใจ ไม่เขาใจมามี๊เลย ความรักมันเป็นเรื่องผิดศิลธรรมมาตั้งแต่ต้นไม่ว่าความรักแบบไหน มันก็ต้องมีบางอย่างแหละที่ผิด    แต่มันก็แล้วแต่ใครจะมอง ถ้ามามี๊จะมองครอบคุมจนตั้งนิยามแล้วหาข้อพิสูจน์จนมันถูกแล้วล่ะก็ มันก็เหมือนมามี๊กำลังหาที่มาของกาลเวลานั่นแหละ"จู่ลี่ลุกขึ้นมานั่งเธอพูดพร้อมกลับลูบปกหนังสืออย่างแผ่วเบา
    "จู่ลี่เองก็มีมุมแบบนี้ด้วยหรอ"กาละนั่งฟังเหมือนสมองคิดตามสักพักว่าเธอจะแซวเล่นกลับเด็กสาวได้
    "ใครว่าล่ะdadพล่ามให้ฟังไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ มามี๊ก็รู้dadน่ะ คอกวีตัวยง"
    "นั่นสินะ"กาละคุยต่ออีกสักพักก่อนที่จู่ลี่จะขอตัววางสาวเพราะแก๊งค์เพื่อนสาวมาชวนไปเที่ยว 
    กาลกำลังไม่เข้าใจหรือกำลังทำความเข้าใจ แต่เธอก็ยิ้มกับตัวเองที่ปล่อยให้ลูกสาวที่น่ารักมามีอิทธิพลกับเธอได้มากขนาดนี้.  จู่ลี่อาจทำให้บางอย่างภายใจในของเธอเปลี่ยนไปเพราะความสดใสของเด็กคนนั่นที่แทรกซึมเข้ามาอย่างช้าๆและแผ่วเบาในช่วงห้าปีกว่ามานี้
    เพราะการพูดคุยทำให้เธอสบายใจขึ้น. กาละทิ้งตัวนอนที่โซฟาเกิดง่วงขึ้นมาหลับไปซะอย่างนี้ก็อาจจะดีขึ้น



    เนื่องจากไรท์ทำตอนที่เขียนไว้หายไปหลายตอนจะเริ่มจากตอนนี้แล้วค่อยๆย้อนแทรกไปนะคะ
    ฝากติดตามด้วยค่ะ เวลาที่ห่างหายเองก็ทำไรท์สับสนเช่นกันค่ะ( ̄O ̄;)และก็มันคงจะยาวมากๆแค่ตอนนี้นะคะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×