ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอส ภาคลุยนอกหนังสือ

    ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 48


    ทักทายก่อนค่ะ โปรดอ่านนะค่ะ    



      เรื่องนี้ก็เรื่องเดิมเมื่อเฟรินออกมานอกหนังสือนั้นละค่ะ  แค่บังเอินว่าคุรุเอะ ขยันไปหน่อยไม่ยอมลบที่ละตอน เล่นลบแม่งมันทั้งเรื่อง เลยได้  ต้องมาลงเรื่องใหม่  โครงเรื่องต้นเริ่มแรกไม่ได้เปลียนอะไรมากหรอกค่ะ   แค่แก้ไขนิดๆหน่อย เท่านั้นเอง    ใครจะไม่อ่านก็ได้นะค่ะ  จะรีบเอามาลงต่อให้ถึงตอนปัจจุบันที่เคยลงเร็วๆ   ลืมบอกไปอย่างตอนแรกนี้รวมเอาตั้งแต่ตอนที่1-6 ของเรื่องเดิมไว้ด้วยกันนะค่ะ คืออยากจะ   ให้เนื้อเรื่องมันต่อเนื่องกันมากขี้น  เรื่องตัวละครที่ท่านสมัครไว้  รับรองอยู่ครบค่ะ  แต่ถ้าใครๆอ่านไปแล้วตัวละครตัวเองหายก็ช่วยบอกหน่อยนะ ค่ะ  ขออภัยอย่างสูงที่ทำคอมเม้นของทุกคนหายไปกับเรื่องเดิมด้วย ลังเลเหมือนกันตอนจะกดลบว่า  มันจะหายเฉพาะตอนที่ลง หรือหายทั้งเรื่องอย่างที่  ทางเด็กดี เตือนก่อนกด  แล้วมันก็เป็นไปตามอย่างหลัง  เสีย ดายนิดหน่อยเกื่ยวกับคอมเม้นทุกอัน ที่เพื่อนๆเขียนให้มา  รวมทั้งขอมูลนิสัยตัวละครด้วย   แต่ยังไงตอนนี้ก็ต้องขอความกรุณาอีกครั้งด้วยละกันนะค่ะ      



    ขอบคุณทุกคนหลายๆเด้อ



    คุรุเอะ



    ปล ไวท์พี่ได้ส่วนที่เหลือแล้วขอพี่แก้ไขไอ้พวกนี้เสร็จแล้วจะรีบเอามาลงให้เดอ







                                      



                                                                 กลับเข้าเรื่องได้แล้วค่ะ





    ช่วงเวลาปี3





    บรรยากาศ เงียบเชียบ  มี เพียงแสงสลัวจากไฟดวงน้อยเท่านั้นที่สว่าง อยู่  ความ เงียบที่เกิดขึ้นหลังเสียงที่ดังมาตลอดในห้องนั้นสงบลง

    “ฮ่าๆๆๆๆ สำเร็จในที่สุดก็ทำเสร็จแล้ว เดินเครื่องเลยแล้วกัน”





    อีกด้านของมิติ    โลกของเรื่องราวภายในหนังสือ

    “คิล   เฟรินไปไหน” เสียงเรียบแต่นัยตาคนถามมีประกายกังวลแฝงอยู่เรียกเพื่อนอีกคนที่นอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ลุกขึ้นนั้งก่อนตอบคำถาม



    “ไม่รู้  ไม่เห็นมันตั้งแต่เช้าแล้ว”



    “งั้น! เดียวฉันมา”



    คนถามทำท่าจะลุกออกจากโต๊ะ เพื่อเดินออกไปตามหาคนที่ตนกำลังตามตัวอยู่แต่ยังไม่ทันได้ไปไหนก็มีเสียงดังเปิดประตูเข้ามา





    ปัง



    “คาโล  คิล  ดูนี่ ฉัน เก็บมันได้จากที่สวนละ” เสียงใสที่ทำให้เพื่อนร่วมห้องอีกสองคนต้องหันไปมองที่คนมาใหม่



    นักฆ่าน้อยนัยน์ตาวาวให้ความสนใจกับเจ้าของสิ่งนั้น ในขณะที่เจ้าชายน้ำแข็งขมวดคิ้วเล็กน้อย  เขามองมันด้วยสายตาที่ไม่ไว้วางใจสักเท่าไร สังหรณ์ ว่าจะต้องเกิดเรื่อง ขึ้นแน่ๆ



    “นั้นอะไร”

    เสียงเย็น ถามเสียงเครียจ



    “ไม่รู้   เห็นสวยดีเลยเก็บมา”



    คำตอบเรียบง่ายแต่ทำให้คนถามยิ่งขมวดคิ้วมากขึ้นก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ส่วนนักฆ่าน้อย ที่มีแววตาระริกสนใจ สิ่งของในมือเพื่อนซี้เป็นอย่างมากอยู่แล้ว ก็ได้แย่งมันมาถือไว้เอง และจัดการสำรวจดูว่ามันคืออะไรกันแน่แทบจะทันที



    “ฉันว่ามันไม่น่าจะเป็นของที่ใครจะเอามาเล่นจากที่บ้าน”คิลแสดงความคิดหลังจากสำรวจมันเรียบร้อยแล้ว



    “ฉันว่าไอ้โร ต้องรู้จัก รออยู่นี่ เดี๋ยวมา”ว่าแล้วว่างของลงบนเตียงวิ่งจู๊ดออกไปตามอ้ายห้องสมุดเคลื่อนที่มาทันที





    “นายนี่ถ้าไม่ยุ่ง หรือคอยแต่สร้างปัญหาจะนอนไม่หลับหรือไงเฟริน”เสียงเย็นส่งมาให้แม่ตัวดีหลังจากเพื่อนซี้มันออกไปข้างนอกทำให้เจ้าตัวยุ่งที่อยู่รอในห้องกับไอ้คนถามถึงกับรู้สึกหนาว ยิ้ม เจือดๆแล้วเลือกที่จะทำตาซื่อๆ  ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแปลกๆนัยน์ตาวาว เจ้าเล่ห์ไม่น่าไว้ใจ





    “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคาโลแล้วฉันก็ว่าไอ้สิ่งที่ฉันเอามานี้ก็ไม่น่าจะอันตรายอะไร มันก็แค่บอลเหล็ก กลมๆสีฟ้าอมเขียวธรรมด้าธรรมดาลูกนึงเท่านั้นเอง”



    น้ำเสียงที่ใช้บงบอกว่ามันไม่เหลือความกลัวในตัวเขาแล้ว







    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร เพิ่งจะเคยเห็นนี่ละ”คำตอบจากห้องสมุดเคลื่อนที่ที่ทำให้เพื่อนผู้รอคำตอบถึงกับคอตกกันเป็งแถว ก็ขนานมันยังไม่รู้แล้วใครหน้าไหนจะรู้ละ และก่อนที่จะมีใครว่าอะไรเจ้าตัวยุ่งก็ยิบลูกบอลขึ้นมาสำรวจดูอีกครั้ง แล้วก็พบอะไรบางอย่างจึงเรียกให้เพื่อนๆเข้ามาดู



    “เฮ้ย!ดูสิ  มันแกะได้”



    “งั้นรออะไร  แกะเลยเฟริน”คิลยุ พร้อมๆกับสงนัยน์ตาสีม่วงที่เต็มไปด้วยความอยากรู้ไปให้



    “รีบๆแกะสักที่สิ   ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าสิ่งที่ฉันไม่รู้จักเนี้ยข้างในมันจะเป็นอย่างไง”

    อีกคำยุยงของโรทำให้เฟริน พยักหน้ารับก่อนจะลงมือแกะบอลประหลาดในมือ



    การกระทำของผู้อยากรู้อยากเห็นทำให้เจ้าชายคนเดียวในห้องถึงกับต้องถอนหายใจยาวกับสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้ว่าในตอนนี้ว่าไม่ได้มีตัวยุ่งเพียงแค่1แต่มีถึง3 หนึ่งเจ้าหญิงหัวขโมย  หนึ่งนักฆ่าน้อย และหนึ่งห้องสมุดขอทานที่เอากับเขาด้วย



    “ฉันว่าอย่าแกะจะดีกว่า”คำค้านเสียงเรียบแต่เรียกผู้อยากรู้อยากเห็นให้หันมามองที่คนพูดได้ทุกคน



    โรหัวเราะเบาๆก่อนแซว “นายกลัว”



    “ฉันไม่ได้กลัวแต่แค่รู้สึกไม่ชอบมาพากลเท่านั้น”พูดจบก็เดินเข้าไปจะแย่งเจ้าสิ่งนั้นจากมือเฟริน เจ้าตัวยุ่งที่เห็นอย่างนั้นเลยโยนมันให้เพื่อนซี้ แต่แรงส่งมากไปนิด ของเลยเลยออกนอกหน้าตากตกไปข้างล้างไปซะเฉยๆ





    “โอ๊ย! ใครวะ”









    เสียงที่ดังมาจากข้างล่าง เสียงร้องทำให้ผู้อยู่ในห้องทั้งหมดต้องรีบไปก้มดูว่าใครเป็นผู้โชคดี ที่ลูกบอลเหล็กหล่นใส่หัว   และด้วยความอยากรู้อยากเห็นอีกนั้นละที่ทำให้ทั้งหมดต้องพบกับเจคพร็อตแตก









    ซวย !



    ความคิดที่ดังขึ้นในหัวของสมาชิกทุกคนในห้อง ที่พอทราบว่าใครคือผู้โชคดี  เสธคนสำคัญ ประจำป้อม เจ้าชายโรเวน  ที่กำลังเดินตรวจพื้นที่พร้อมคู่หูผู้คุมกฎ นักบวช และซาตาน





    คนโชคดีที่สบด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองสบตาเด็กรุ่นน้องที่พร้อมใจกันชะโงหน้ามาดูหน้าคนโชคดี   เขาแย้มรอยยิ้ม แม้นัยน์ตาสีน้ำเงินจะตาไม่ยิ้มด้วยก็ตาม ทำให้รุ่นน้องที่อยู่ข้างบนรู้สึกหนาวๆร้อนๆ  และแล้วคำสั่ง จากรุ่งพี่ผู้โชคดีก็ถูกส่งมาให้กลุ่มรุ่นน้องผู้โชคดีทั่วถึงทุกคน



    “พวกนายสี่ คนรอพวกฉันอยู่ที่ห้องก่อน เดี๋ยวฉันจะเอาของขึ้นไปคืนให้”



    คำกล่าวที่มาควบคู่กับสายตาที่บอกชัดว่าอารมณ์บ่อจอยเป็นอย่างมาก



    สี่คนที่ได้รับคำสั่งได้แต่พยักหน้ารับไม่มีใครกล้าตอบกลับรุ่นพี่



    “ตายแน่ๆฉาน”



    เสียงที่ดังอยู่ในใจของผู้ร่วมชะตากรรมทุกคน









    “เอา   ไหนรายงานมาสิว่าพวกนายกำลังเล่นอะไรกันอยู่”เสียงสงบเรียบแต่ไม่เยือกเย็นเท่าตอนแรก บ่งบอกชัดว่าระยะทางทำให้อารมณ์ของเสธคนสำคัญดีขึ้นมากแต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้รุ่นน้องรู้สึกสบายใจได้ ทำให้ยังไม่มีใครกล้าพอที่จะเสนอตัวตอบคำถาม



    “เงียบ    ไม่มีใครคิดจะตอบฉันเลยใช้ไหม   ได้ไหนคาโร นายลองบอกมาสิว่าเกิดอะไรขึ้น”คราวนี้น้ำคำดังหนังแน่นขึ้น และแววตาก็เริ่มดุขึ้น คนถูกเรียกชื่อเลยถึงขนาดสะดุ้ง ก่อนที่จะรวบรวมสติก่อนที่จะเล่าเหตุกาลให้พวกรุ่นพี่ฟัง





    “เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ เฟรินได้................................นั้นละครับ”





    รุ่นพี่ที่ได้รับรายงานต่างพากันพยักหน้ารับรู้กับเหตุกาลที่เกิดขึ้นก่อนที่จะพร้อมใจกันหันหน้าไปมองเจ้าตัวยุ่งต้นเหตุของเรื่องที่ตอนนี้กำลังทำหน้าเจียมเจี้ยม กระพริบตาปริบๆที่ชวนหน้าเตะมากกว่าชวนเอ็นดู





    “เฟรินถ้านายไม่ก่อเรื่องจะกินไม่ได้นอนไม่หลับหรือไงฮะ”



    น้ำคำบอกความเอือมปนนำเสียงเอ็นดูออกแนวล้อของเสธคนสำคัญเป็นผลทำให้เจ้าตัวยุ่งถึงกับสะดุ่งก่อนที่จะรีบก้มหน้าไม่กล้าสบตาคนพูด ทำให้คนที่ดูเหตุการณ์อยู่ไม่หัวเราะก็แอบอมยิ้ม





    “อย่าถือสาเด็กน่าโรวี่   ยังไงหนูเฟรี่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำลูกบอลเหล็กหล่นใส่หัวนายสักหน่อย”



    น้ำเสียงเน้นที่คำว่า ลูกบอลเล็กให้เจ้าตัวดีสะดุ้งเฮือก ก่อนที่ลูคัสส่งยิ้มเฟรินด้วยความเอ็นดู  ก่อนที่จะหันไปพูดกับเจ้าชายโรเวน





    “นายจะให้ท้ายเฟรินมากไปหน่อยมั้ง” ลอเรนซ์ ขัดขึ้นก่อนที่โรเวนจะทันพูดอะไร เรียกความสนใจจากคนในห้องให้หันมามองเขาที่เงียบมานานเป็นตาเดียว ลูคัสมองมาที่เขาด้วยสายตาแปลกๆที่เขาไม่เข้าใจความหมายก่อนจะกลับกลายเป็นอย่างทุกที่





    “ก็เฟรี่น่ารักจะตายนี่ลอรี่”



    น้ำคำฟังดูทีเล่นทีจริง แต่นัยน์ตาเป็นประกายที่เฟรินได้รับรู้จากคนพูดทำให้เธอถึงกับขนลุก หน้าขึ้นสีหน่อยๆเพราะไม่คิดว่ารุ่นพี่จะกล้าพูดตรงๆขนาดนี้





    “นายอยากตายใช่ไหมลูคัส”น้ำเสียงและแววตา ที่ไม่ส่อความล้อเล่น   มันฉายชัดถึงแววเอาจริงและพร้อมจะลงมือทุกเมื่อส่งตรงมาที่ลูคัส  เจ้าเพื่อนแสบที่ชักเล่นไม่เลิก แต่มันกลับไม่เป็นผลเลยแม้แต่น้อยเมื่อเจ้าเพื่อนตัวดีมัน เสือ-ก ยิ้มดี ก่อนจะเอ่ยปากพูดข้อความที่เขาไม่อยากได้ยินและไม่อยากให้ใครได้ยินด้วยมากที่สุด





    “ได้ตายด้วยน้ำมือลอรี่สุดที่รัก ถึงตายก็ยอ~”



    ถ่อยคำที่ยังไม่ทันได้พูดจบ พายุมีดบิน 50 เล่มก็ถูกส่งมาให้ชนิดหลบแทบไม่ทันเล่นเอารุ่นน้องที่ถูกลืมทั้งหลายที่ยังไม่หายตะลึกกับข้อความก่อนหน้าตะลึกอีกรอบ ส่วนเพื่อนอีกคนที่ถูกลืมตอนนี้กำลังนับหนึ่งถึงร้อยสงบสติกับการกระทำของเพื่อนที่มาด้วยทั้งสอง



    “พวกนายจะเลิกเล่นกันได้หรือยัง”เสธผู้ถูกลืมเสียงดังขึ้นหลังสงบสติได้สำเร็จ เตือนเพื่อนที่มันลืมธุระให้ได้สติก่อนจะหันกลับไปคุยกับจำเลยรุ่นน้องทั้ง4โดยเฉพาะแม่เจ้าหญิงจอมยุ่ง



    “นี่ของที่เธอทำมันตกใส่หัวฉัน”



    แล้วก็จัดการเรียกของนั้นออกมาไว้ที่มือ



    เจ้าของจำเป็นเมื่อเห็นของที่ตนปามันออกนอกหน้าต่างเป็นเหตุให้ตกลงพอดิบดีบนหัวรุ่นพี่   ยิ้มออกมาแบบไม่ตั้งใจก่อนจะโดนเพื่อนซี้ข้างตัวสะกิดเรียกสติรีบหุบยิ้มแทบไม่ทัน





    “เอาคืนไป”







    “ขอบคุณฮะพี่โรเวน พี่นี่ใจดีจริงๆที่ไม่เอาความพวกผม”



    “นายอยากให้ฉันเอาความใช้มะ”คำย้อนที่ทำให้จำเลยทุกคนหน้าซีดอีกครั้ง  เหลือเพียงแม่ตัวดีปากมากที่ยังยิ้ม แห้งๆ  ก่อนที่จะตอบเอาใจรุ่นพี่



    “ไม่เอานะดีแล้วฮะ





    “ดูนายจะชอบมันมากเลยนะเฟริน”โรเวนเห็นอาการเฟรินนึกเอ็นดูเลยแซวขึ้น





    “ฮะ ก็มันทั้งสวยทั้งแปลกนี้ฮะ”



    คำพูดที่ไม่ได้เบาเอาซะเลยของเจ้าตัวยุ่งทำให้เจ้าชายน้ำแข็งกะขอทานห้องสมุดสายหัวหัวอ่อนใจ  คิลกะลูคัสถึงกับหัวเราะชอบใจกับคำตอบ ส่วนโรเวนกะลอเรนซ์ ไม่แสดงอาการเพราะคาดไว้แล้วว่าต้องได้คำตอบแบบนี้





    “อ๊ะ  นี้ปุ่มอะไร  ตอนแรกไม่ยักกะเห็น”





    แล้วเจ้าตัวยุ่งก็เอานิ้วสวยๆของมันกดปุ่มที่เพิ่งจะสังเกตุเห็นไม่รอฟังคำเตือนจากใครทั้งสิ้น เกิดแสงสว่างขึ้นภายในห้องก่อนที่จะหายไปพร้อมกับผู้ที่อยู่ในห้องนั้นทุกคน











    ตุบ!



    เสียงของขนาดใหญ่ตกลงมาทับกันอยู่บนพื้นห้องที่มืดสลัว ไม่ใช่อะไรอื่น บุคคลที่หายไปจากห้องหัวหน้าชั้นปีที่3 โรงเรียนพระราชา โดยมีเจ้าหญิงตัวยุ่งอยู่บนสุด ภายในอ้อมแขนของเจ้าชายน้ำแข็งทับบนตัวคิลและรุ่นพี่นักบวชกะซาตาน  ส่วนห้องสมุดขอทานกะเสธคนสำคัญหล่นลงมาข้างๆเลยไม่ทับกะเขาไปด้วย แต่ก่อนที่จะมีใครจะว่าอะไรก็มีเสียงหวาน แต่เต็มไปด้วยความรู้ดังขึ้น





    “ยินดีตอนรับสู่โลกต่างมิติจ๊ะ”











    “โลกต่างมิติ”



    ยายตัวยุ่งอุทานด้วยความรู้สึกงุนงงเป็นที่สุด





    “ใช่จ๊ะ  ที่นี่คือโลกต่างมิติสำหรับพวกเธอแต่มันเป็นโลกของฉัน”หญิงปริศนาใส่แว่นตากรอบเงิน  สวมชุดสีขาวยิ้มพร้อมไขข้อสงสัยให้เฟริน



    “ฉันพาพวกเธอมาด้วยไทม์แมคชีน รุ่น3095  รุ่นใหม่ล่าสุดที่ฉันเพิ่งคิดค้นขึ้นได้ไม่นานมานี้ มันทำงานได้ดีพวกเธอว่าไหมละ”





    “แล้วที่นี้มันที่ไหน”



    คาโลถามขณะกำลังควบคุมอารมณ์งงงวยที่เกิดมาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับพวกเขาสดๆร้อนๆ





    “ที่นี้คือห้องทดลองส่วนตัวของฉัน”



    เสียงดังฟังชัดและท่าทางภูมิใจในตัวเองเล็กน้อย



    “แล้วเราจะได้กลับโลกของเราเมื่อไร”คิลแทรกขึ้น





    หล่อนหุบยิ้มของเธอเล็กน้อยก่อนที่จะตอบ“เจ้าเครื่องที่พาพวกเธอมามันเกิดปัญหานิดหน่อย พวกเธอคงต้องอยู่ที่นี้อีกสักพัก”





    “นานเท่าไร”



    น้ำคำที่ขัดขึ้นแสดงถึงความเครียจที่เพิ่มมากขึ้นของลอเรนซ์



    “อา ขอโทษด้วยเรื่องนี้ไม่สามารถ เพราะฉันยังไม่ได้เช็คดูว่ามันเสียมากน้อยแค่ไหน”

    คำตอบที่ได้รับทำให้คนฟังถึงกับสบท

    ...................................................................................................................................................................................

    “ยังไม่ได้แนะนำตัวกันเลยนี่นะ ฉัน ดอกเตอร์ ซาคาโน  ริน ดีใจมากที่ได้เจอพวกเธอ”





    “ผม โรเวน ยินดีที่ได้รู้จักครับ แล้วนี่ ก็ลอเรนซ์ กับลูคัส เพื่อนของผมครับ ส่วนเด็ก 4 คนนั้นเป็นรุ่นน้อง คนผมเงินชื่อคาโล  คนผมดำชื่อคิล  คนผมน้ำตาลชื่อโร  ส่วนเด็กผู้หญิงชื่อเฟริโอน่า ครับ”

    การแนะนำตัวตามแบบเจ้าชายโรเวน ที่มาพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจตามแบบฉบับดังเดิม



    “เรียก เฟรินก็พอค่ะ”เจ้าตัวยุ่งแทรกขึ้นทันทีด้วยคำพูดแบบผู้หญิงที่จำใจพูดแบบสุดๆเพราะกำลังถูกใครคนข้างตัวสงสายตาพิฆาตมาให้ ว่าถ้าทำขายหน้า นายโดนดีแน่





    “เดียวฉันมีเรื่องที่จะต้องจัดการสักหน่อย พวกเธอไปรอที่บ้านพักที่ฉันเตรียมไว้ให้ตามแผนที่นี้ก่อนละกันนะจ๊ะแล้วเย็นๆฉันจะพาพวกเธอไปเที่ยวในเมือง”ว่าเสร็จก็ส่งแผนทีให้โรเวนและเดินออกจากห้องทดลองไป





    ผู้มาเยือนจากต่างโลกพากันเดินออกมาจากห้องทดลอง เดินไปตามทางในแผนทีที่ได้รับมุ่งหน้าสู่บ้านใหม่ที่พวกเขาต้องอยู่อีกสักขณะอยู่ที่โลกนี้











    “โลกนี้มีหลายอย่างที่หน้าสนใจว่ามะคิล”



    เจ้าตัวยุ่งพูดไปเรื่อยขณะมองดูสิ่งต่างๆรอบๆตัวไปด้วย





    “ใช่น่าสน” คิลเห็นด้วย





    “ถ้าจะต้องอยุ่ที่นี้ตลอดไปนายว่าไง”





    คิลนิ่งคิดก่อนตอบ “ดอกเตอร์บอกว่าเราจะได้กลับบ้าน”





    เฟรินหัวเราะกับคำตอบของคิลที่แสนซื่อเชื่อคนง่ายก่อนเสริม



    “คงอีกนานกว่าจะได้กลับ”



    เฟรินเงียบไปนิดมองดูกลุ่มที่เดินนำที่เริ่ม ทยอยกันเข้าบ้านในขณะที่พวกเธอยังอยู่ห่างอีกตั้งไกล



    “เราคงต้องเร่งฝีเท้าหน่อยไม่งั้นพวกนั้นได้เลือกห้องนอนดีๆไปหมดแน่”



    ว่าแล้วก็คว้ามือคิลลากให้เดินตามมาเร็วๆ



    “พวกนายมัวทำอะไรกัน”คาโลถามเสียงเรียบเมื่อเห็นว่าเพื่อนกะแฟนเดินตามมาทัน



    “ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่”เฟรินบอกปัดแบบไม่ใสใจที่จะตอบสักเท่าไร





    “นายเป็นอะไร” คิลถามเมือเห็นคาโลเริ่มมีอาการแปลกๆ หน้าขาวๆของคนถูกทักเริ่มแดงจนจะขึ้นเขียวแล้วดำอยู่ลอมล่อ





    “เปล่า ”ปากบอกไม่แต่ในใจตรงข้าม  จะให้ไม่มีได้ไงถ้าเห็นเพื่อนสนิท จับมือกับแฟนตัวเองจะรู้สึกอย่างไง



    “คิลนายจะปล่อยมือเฟรินได้ยัง” คาโลเอ่ยเสียงเย็นกว่าเก่ามือเห็นว่าพวกมันสองคนยังไม่รู้ตัว





    “ปล่อยมือ” สองคนที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวยังงงกับคำพูดเพื่อน ก่อนจะถึงบางอ้อ   ( แต่ก็ยังไม่ได้ปล่อยมือหรอกนะ )





    “นายหึง”คิลแซว หัวเราะหึๆ ว่าแล้วก็รีบปล่อยมือกับแฟนเพื่อนทันที  กลัวใจเพื่อนคนขี้หึงมันจับแช่แข็งก่อนจะได้เข้าบ้านนั้นแหละ





    ไม่มีคำตอบจากคาโล  มีเพียงสายตาบอกใบ้ให้คิลเดินนำไปก่อน





    เมื่อรับรู้คำสั่งจากสายตาของเพื่อนคิลก็รีบเดินนำไปโดนไม่ฟังเสียงเรียกของของเพื่อนซี้อีกคน  ก็ขืนไม่รีบไปมันจับปั้นเป็นรูปสลักน้ำแข็งประดับหน้าบ้านพอดี





    “นายจะรีบไปไหนคิล รอก่อนสิ”



    “เดียวรอก่อนสิเรามีเรื่องต้องคุยกันเฟริน”



    สิ้นก็จัดการคว้าเอวสาวเจ้าไว้เสร็จศัพท์



    “เราไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกันตอนนี้สักหน่อย” สาวน้อยหน้าแดงเถียงไปดิ้นไป  มือก็พยายามที่จะแกะมือคนโอบเอวออก  แต่ดูเหมือนยิ่งดิ้น ยิ่งแกะ วงแขนแข็งแรงนั้นจะยิ่งโอบรัดกระชับแน่นขึ้น



    “ทำไมเมื่อกี้ต้องจับมือกะคิลด้วย”คาโลกระซิบถามข้างหู หน้าสาวน้อยในอ้อมแขนเลยยิ่งแดงใหญ่



    “ไม่มีอะไรแค่จะเร่งให้เดินตามมาเร็วเท่านั้น”



    “ฉันยังมีเรื่องจะถาม”



    “อะไรก็ว่ามา”



    “ถ้าฉันหึงนายจริงนายจะว่าไง”





    หน้าสาวน้อยแดงมากเขินจนไม่รู้จะทำไงดีเลยกะทุ้งศอกเอาที่ท้องคนโอบ เล่นเอาคาโลทรุดไปกองกับพื้นแล้วเดินนำไปที่ประตูก่อนจะหันมาเรียกคาโล





    “เข้าบ้านได้แล้ว”



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×