คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : FRIEND LOVE| 06 #อสแฟนหก (100 per.)
6
‘ผู้ชายที่เงียบๆดูเหมือนไม่แคร์อะไร
แต่บางครั้งผู้ชายเหล่านั้นอาจจะแคร์และเป็นห่วงมึงมากกว่าที่คิดก็ได้’
แจ็คสันวางช้อนลงหลังจากที่ทานอาหารไปได้ไม่ถึงสามคำ
เขารู้สึกอิ่มเพราะสายตาที่มองมาอย่างกดดันของจินยองที่จ้องตนตลอดการทาน
แจ็คสันไม่ชอบให้ใครมองหน้าตัวเองตอนกินข้าวใช่คนอื่นๆก็คงจะไม่ชอบหรอกเพราะมันทำให้เราอึดอัดและทานต่อไม่ลง
เพราะแบบนั้นไงเขาถึงได้วางช้อนลงแล้วเปลี่ยนเป็นหยิบน้ำขึ้นมาดื่มเพื่อล้างปากแทน
“อิ่มแล้ว?”จินยองเลิกคิ้วถาม
“อืม”แจ็คสันตอบแผ่วเบาในลำคอ
“กินเข้าไปอีกตัวก็เล็กแล้วยังจะกินน้อยอีก เอ้า!กิน”จินยองตักข้าวพูนช้อนพร้อมกับคีบตะเกียบหยิบชิ้นปลาซาบะย่างเกลือขึ้นมาจ่อที่ปากคนตัวเล็ก
แต่แจ็คสันกลับส่ายหน้าแล้วเบี่ยงหลบอีกฝ่ายเพราะตอนนี้ตนรู้สึกอิ่มแล้วจริงๆไม่ได้อิ่มเพราะว่าทนต่อสายตาของจินยองไม่ได้
พอเขาได้หยุดกินอะไรแล้วแจ็คสันก็จะไม่กินมันต่ออีกเลยยกเว้นแค่ชีสเท่านั้นที่ต่อให้กินทั้งวันก็ยังได้
“ไม่เอาอิ่มแล้วจะอ้วกอย่าบังคับได้ป่ะไม่ชอบวะ!”แจ็คสันตะคอกเสียงใส่ด้วยความรำคาญ
เขาชักหงุดหงิดกับความเอาแต่ใจของจินยองซะแล้วนะ
อะไรๆก็บังคับหมดทุกอย่างทำเหมือนกับว่าเขาเป็นนักโทษของตนเองยังไงอย่างนั้น
คิดว่าแจ็คสันสนุกและชอบมันอย่างนั้นเหรอ? ไม่!เขาโคตรจะเกลียดมันเลยไอ้การถูกบังคับให้อยู่ใต้ฝ่าเท้าของใครบางคนเนี้ย
“กล้าตะคอกกูเหรอแจ็คสัน!”จินยองขึ้นเสียงอย่างโมโห
“เออ มึงไม่ใช่พ่อกูนี่ทำไมกูจะขึ้นเสียงกับมึงไม่ได้!”แจ็คสันกล่าวพร้อมกับยืนเต็มความสูงจ้องมองจินยองอย่างเดือดดาล อีกฝ่ายเองก็เช่นเดียวกันยิ่งโดนคนตัวเล็กมองแบบนั้นก็ยิ่งทำให้หงุดหงิดเข้าไปใหญ่….จะเอาแบบนี้ใช่ไหม
“มึงจะทำอะไรเฮ้ย!
ปล่อยกูนะเว้ยไอ้จินยองไอ้เหี้ย!!”แจ็คสันเบิกตากว้างเมื่อจินยองจับบีบเข้าที่ข้อมือของตนแน่นไม่ปล่อย
แขนที่เป็นสีขาวปรากฏรอยนิ้วมือทั้งห้าขึ้นอย่างน่ากลัว
แจ็คสันกัดปากแน่นเพื่อข่มความเจ็บของตนเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายเห็นมัน
“ก็จะสั่งสอนคนที่ไม่รู้จักสถานะของตัวเองไง
กฎของการเป็นเมียกูคือมึงจะต้องฟังคำสั่งของกูแค่คนเดียวเข้าใจไหม!”
“ไม่!
มึงมันเลวไอ้เลวผู้ชายแบบมึงแม่งเลวทุกคน!!”
“ถ้ามึงคิดว่าผู้ชายบนโลกใบนี้เลวทุกคนล่ะก็….กูคิดว่ามึงคิดถูกแล้วล่ะต่อให้มันดีปานเทพบุตรสักแค่ไหนแต่สุดท้ายแม่งก็เลวยิ่งกว่าเดรัจฉานอยู่ดีนั่นแหล่ะ!!”
จินยองสะบัดร่างแจ็คสันออกพร้อมเดินไปหาอีกฝ่ายที่นอนกองกับพื้นหมายจะคร่อมคนตัวเล็ก
แจ็คสันยกแขนขึ้นกั้นร่างจินยองไว้แล้วตั้งการ์ดไม่ยอมให้อีกฝ่ายเข้าใกล้ตน
แต่จินยองก็พยายามที่จะแทรกตัวเข้ามาข่มขืนร่างเล็กอยู่ดี
แจ็คสันทั้งถีบทั้งเตะอีกฝ่ายให้ขยับออกไปไกลๆ
ตอนนี้เขาขอร้องใครก็ได้มาช่วยเขาทีจะเป็นเจบีหรือว่าจะเป็นมาร์คก็ได้แจ็คสันไม่อยากอยู่กับไอ้บ้านี่แล้ว
ตุ๊บ!
“โอ้ย! ใครวะแม่ง!!”
จินยองจับเข้าที่ท้ายทอยตนเองที่เหมือนมีอะไรหนักกระแทกเข้า
พอลุกขึ้นแล้วหันหลังกลับไปมองก่อนจะพบกับใครบางคนที่ยืนหน้านิ่งแต่แววตานั้นแฝงไปด้วยความโกรธเกรี้ยวเบาๆ
มือของเขาเหมือนจะชุ่มน้ำอะไรบางอย่างพอจับมาดูแล้วก็พบว่ามันคือเลือดของเขานั่นเอง
พอมองไปที่ข้อมือของไอ้คนตรงหน้าก็ปรากฏว่ามันกำลังถือขวดแตกขวดหนึ่งอยู่เป็นแก้ว
ไล่สายตาต่ำลงไปที่พื้นก็เห็นว่ามีเศษแก้วแตกกระจายเต็มพื้นไปหมด
คนมาใหม่เดินผ่านร่างจินยองราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงแค่อากาศ หยิบเอาผ้าขาวบางพื้นยาวมาห่มคลุมร่างเปลือยตรงหน้าไว้ก่อนจะเขวี้ยงขวดที่อยู่ใส่มือใส่จินยองพลางยกร่างแจ็คสันขึ้นอุ้มแล้วพาเดินออกไปเงียบๆ
ไม่คิดจะสนใจคำทักท้วงหรือคำพูดกระแทกใจของจินยองเลยแม้แต่น้อย
“มาฉกไปดื้อๆแบบนี้ไม่สนุกเอาซะเลย…ของเล่นโดนแย่งไปแบบนี้สงสัยต้องฟ้องพี่ใหญ่ซะแล้วมั้ง”
จินยองขมวดคิ้วจับปลายคางของตนเองพลางเหลือบสายตามองตามหลังบุคคลปริศนาที่เดินมาอุ้มแจ็คสันออกไปหน้าตาเฉย
ริมฝีปากบางยกขึ้นข้างมุมปากพร้อมกับใบหน้าที่เหมือนจิ้งจอกจอมโกหกค่อยๆปรากฏต่อหน้า
ถ้าเปรียบมาร์คเป็นราชสีห์ เจบีเป็นหมาป่า
จินยองก็คงจะเป็นจิ้งจอกขาวจอมเจ้าเล่ห์ละมั้ง….เรื่องกลั่นแกล้งทำให้คนแตกคอกันเนี้ย…ของถนัด ยิ่งกับหมอนั่นยิ่งสะใจ
แจ็คสันเงยหน้ามองคนที่อุ้มตัวเองมายังรถของตน
อีกฝ่ายวางเขาลงที่เบาะข้างคนขับก่อนจะปิดประตูแล้วเดินอ้อมไปอีกข้างหนึ่งเปิดประตูออกแล้วปิดลงเบาๆ
ภายในรถเงียบสงบเยือกเย็นไม่มีแม้แต่คำพูดหรือการกระทำรุ่มร่ามใดๆทั้งสิ้นเขานิ่งเงียบยิ่งกว่ามาร์คเป็นไหนๆ
มือขาวเอื้อมือเปิดเพลงคลอแผ่วเบาพร้อมรถที่ถูกสตาร์ทเปิดแอร์ทิ้งไว้
“นอน”เหมือนจะเป็นคำสั่งแต่นั่นเป็นเพียงแค่คำพูดธรรมดาที่อีกฝ่ายขี้เกียจจะเรียบเรียงเพียงเท่านั้น
แจ็คสันค่อยๆเอนกายนอนกับเบาะนั่งช้าๆ
บรรยากาศเย็นๆกับเพลงคลอแผ่วเบาช่วยทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยดวงตากลมเหลือบมองคนข้างกายของตนที่หลับตาพริ้มอยู่พลางหันหน้าหนีไปอีกทางเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาทำอะไรตน
แจ็คสันใช้ช่วงเวลานี้พักผ่อนร่างกายของตนที่ผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากมาย
ลมหายใจคนตัวเล็กค่อยหายเข้าออกอย่างสม่ำเสมอเสียงพ่นลมจากจมูกดังเล็กน้อย
คนที่เจ้าตัวคิดว่าหลับเป็นเพื่อนลืมตาตื่นขึ้นแขนทั้งสองข้างสอดเข้าใต้ท้ายทอยของตนเองพลางนอนมองเพดานรถ
เพลงเดิมๆเล่นวนซ้ำไปซ้ำมาจนน่ารำคาญอยากจะปิดแต่ก็ทำไม่ลงเพราะว่านี่คือเพลงโปรดของไอ้คนที่นอนอยู่ข้างๆ
ภาพของจินยองที่กำลังข่มขืนแจ็คสันปรากฏขึ้นมาในหัวเขาชายหนุ่มนึกถอนหายใจให้กับความไม่รู้จักโตของหมอหนุ่ม
เขาไม่คิดว่ามันจะแกล้งคนตัวเล็กขนาดนั้นบางทีก็รุนแรงไปถ้าเขาไม่เข้าไปช่วยป่านนี้ไอ้เตี้ยข้างๆนี่คงจะช้ำไปถึงทรวงแล้ว
คิดแล้วก็หงุดหงิดขึ้นมาตัวก็โตแรงก็ค่อนข้างเยอะแต่ทำไมถึงไม่สู้ทำไมถึงได้เอาแต่นอนให้มันทำตามใจชอบแบบนั้นถ้าเป็นเขาป่านนี้ชกหน้าแหกไปตั้งแต่แรกแล้วไม่ปล่อยให้มันมาทำตัวตัณหากลับใส่แบบนั้นหรอก
“โง่”
เขาพูดเบาๆพลางหันไปมองแจ็คสันที่หลับสนิทไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
เขาถอนหายใจแล้วเริ่มขับรถออกจากหน้าโรงพยาบาลของจินยองเพื่อตรงไปยังสถานที่ๆหนึ่งเบาๆเพราะไม่ต้องการที่จะทำให้คนตัวเล็กตื่น
ตลอดทางชายหนุ่มแวะซื้อของกินไปเรื่อยๆจอดนอนบ้างหรือไม่ก็จอดเข้าห้องน้ำทำธุระของตนบ้าง
โดยที่ตลอดเวลานั้นก็ไม่มีท่าทีว่าแจ็คสันจะตื่นเลยสักนิด
สงสัยอีกฝ่ายคงจะง่วงและเพลียจริงๆ
เพราะถ้านับชั่วโมงดูแล้วแจ็คสันไม่น่าจะได้นอนถึงสองชั่วโมงด้วยซ้ำสำหรับสองวันที่ผ่านมานี้
ต้องเจอแต่พวกนิยมความรุนแรงไหนจะพวกที่เอาแต่ใจและน่ากลัวแบบจินยองอีก
ให้พักสักหน่อยก็แล้วกันจะได้มีแรงขึ้นมาบ้าง
เวลาผ่านไปประมาณสองชั่วโมงกว่ารถคันหรูจอดอยู่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากตัวมหาลัยของแจ็คสันสักเท่าไหร่จากที่ขับรถผ่านมา
ชายหนุ่มยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจร่างกายไปมาดวงตาเรียบนิ่งจ้องมองไปยังร่างอวบที่นอนหลับสนิทเหมือนคนตายพลางเอื้อมมือไปเขย่าเจ้าตัวให้ตื่นแผ่วเบา
เขาพบว่าเจ้าก้อนนี่นิ่มมากเหมือนกับเยลลี่เลยรู้สึกคันฟันชอบกลถ้าเขากัดมันจะโวยวายไหม?
“อือออ….ปลุกทำไมเนี้ยโอ้ย”แจ็คสันลืมตาตื่นขึ้นก่อนจะร้องด้วยความเจ็บเมื่อหัวของตนหันไปกระแทกเข้ากับหน้าผากของอีกคนพอดี
มือป้อมยกขึ้นมาจับบริเวณที่กระแทกพลางส่งสายตาดุใส่อีกฝ่าย
“ถึงแล้วลง..รึจะให้ถีบ?”ตรงๆไม่มีอ้อมค้อมแจ็คสันเกลียดนิสัยของมันจริงๆ…ไอ้เลว!
“รู้แล้วน่าแปปดิกูถูกผ้าพันตัวเป็นไส้กรอกแบบนี้มึงคิดว่ากูจะเปิดประตูลงไปได้ง่ายนักหรือไงห๊ะ?”
แจ็คสันโวยวายขณะที่กำลังเปิดประตูรถออกไปยืนด้านนอก
มันคิดว่าเขาจะออกได้ง่ายๆหรือไงถูกจับพันยิ่งกว่าลักพาตัวแบบนี้เปิดประตูรถเดินออกไปเองได้นี่ก็บุญแล้วนะเว้ย!
“มึงไม่ได้เป็นไส้กรอก…มึงอ่ะแหนมอีสานต่างหาก”
คำตอบกลับของคนด้านหลังทำเอาแจ็คสันแทบกระโดดถีบ
ไอ้บ้า!เขาไม่ได้อ้วนเหมือนแหนมป่ะวะที่มันปูดเนี้ยกล้ามหน้าท้องทั้งนั้นเว้ย!!
“ไอ้!...แม่งเอ้ยกูไม่คุยกับมึงแล้วไอ้เลว”
แจ็คสันบ่นพลางก้มหน้ามองพื้นไม่สนใจอีกฝ่าย
ไอ้นี่มันปากเสียกว่าจินยองซะอีกถึงจะนิ่งๆก็เถอะแต่กวนตีนโคตรๆและแจ็คสันก็พึ่งจะรู้ว่ามันกวนก็วันนี้แหล่ะปกติไม่ค่อยจะพูดไม่รู้ว่าขี้เกียจหรือกลัวว่าดอกพิกุลทองจะร่วงออกจากปากกันแน่
แต่อย่างหลังก็น่าจะเป็นไปได้นะ…ถุ้ย!
“พูดมาก…ตามมา”
อีกฝ่ายกล่าวพร้อมเดินนำหน้าแจ็คสันไปก่อนโดยไม่คิดจะสนใจหันไปมองคนตัวเล็กเลยว่าจะเดินตามตนมาทันไหมหรือไม่ก็จะเดินตามมาไหวหรือเปล่า
เพราะตอนนี้แจ็คสันเจ็บช่วงล่างด้านหลังของตัวเองโคตรๆแถมยังหมดแรงไปกับยาของจินยองอีกต่างหาก
เรียกได้ว่าเรี่ยวแรงที่ได้นอนพักไปเมื่อครู่นี้ยังได้กลับคืนมาไม่ดีมากนัก
แจ็คสันล้มหน้าคว่ำกับพื้นไม่เป็นท่าแถมยังล้มแรงอีกด้วยแต่ดีที่หน้าไม่กระแทกเพราะมีผ้ามารองไว้ไม่อย่างนั้นหน้าเขาได้เป็นแผลแน่
งานนี้ถ้าเกิดกายีรู้คงมีบ้านแตกเหอะๆไม่ใช่บ้านพวกเขานะแต่เป็นบ้านของเพื่อนๆต่างหากเพราะคุณพี่ชายน่ะฝากฝั่งให้เพื่อนทุกคนดูแลแจ็คสันยิ่งกว่าอะไร
ถ้าเกิดใครมาแกล้งหรือมาทำให้เขาบาดเจ็บล่ะก็…รับรองจบไม่สวยชัวร์
“ตายยัง?”
“ยังเว้ย!
แล้วก็ถ้าเกิดยังมีน้ำใจอยู่คุณมึงก็ช่วยกรุณาดึงกูขึ้นด้วยครับลุกไม่ได้”
“ภาระ”
“เออ!”
แจ็คสันอยากตบหัวมันมากถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ตนกำลังให้อีกฝ่ายช่วยอยู่
ร่างที่สูงกว่าเล็กน้อยเดินมาพยุงให้เขาลุกขึ้นแล้วเปลี่ยนเป็นแบกขึ้นพาลบ่าตัวเองแทน
ทำเอาแจ็คสันใจหายใจคว่ำกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
“อ๊ากกก
ไอ้เหี้ยวางกูลงนะเว้ยมันสูงถ้าหัวกูเลือดไม่เดินขึ้นมาจะว่ายังไง!”
แจ็คสันโวยลั่นยกมือขึ้นทุบเข้าที่แผ่นหลังอีกฝ่ายด้วยแรทั้งหมดที่มี
เขากลัวความสูงเพื่อนๆในกลุ่มต่างรู้ดีสาเหตุเกิดจากการที่ครั้งหนึ่งเคยไปปีนหน้าผากับพี่ชายสุดที่รักในตอนเด็กแล้วเกิดพลาดตกจากที่สูงลงมา
ช่วงเวลานั้นแจ็คสันคิดว่าตัวเองจะตายเสียแล้วแต่ดีหน่อยที่เชือกมาต่อกันและด้านบนต่อจากพี่ชายของเขาไปก็คือพ่อของเขาเอง
พ่อแจ็คสันจึงช่วยดึงสายเอาไว้และรีบพาเขาขึ้นดินแล้วพาไปส่งโรงพยาบาลทันที
นั่นจึงเป็นความหลังฝังใจที่ทำให้แจ็คสันกลัวความสูงมาตลอดจนถึงทุกวันนี้
“อย่าดิ้นเดี๋ยวตกตัวอย่างกับควาย”
อีกฝ่ายบ่นด้วยความรำคาญ
คิดว่าตัวเบานักเหรอไม่เลยเขาขอบอกว่าไอ้เตี้ยบนหลังเขานี่หนักอย่างกับหมูสามตัวที่มาอยู่ร่วมกัน
มันไม่ได้เบาเหมือนปุยเมฆาอย่างที่ทุกคนเข้าใจหรอก
“…..Fuck you….”
“ขอบคุณ”
ผิดไหมถ้าแจ็คสันจะกระโดดทับคนตายกลางลานจอดรถข้อหากวนตีนจนได้เรื่องเนี้ย!?
อยู่กับไอ้สามหน่อนั่นยังไม่ปวดใจเท่ากับอยู่กับไอ้บ้านี่เลยนะ
อยากจะให้เจบีมารับกลับไปอยู่หอด้วยเร็วๆจริงๆขี้เกียจอยู่กับมันแล้วอยู่ไปก็ปวดประสาทเปลืองน้ำลายเวลาทะเลาะกันเปล่าๆ
ใช้เวลาเกือบสิบกว่านาทีแจ็คสันถึงจะมายังห้องที่อีกฝ่ายจองพักไว้ได้
ตลอดทางเขาทั้งบ่นทั้งโวยวายใส่จนพนักงานต้องหันมามองกันเป็นแถบๆ
ดีหน่อยที่พวกเธอไม่ซุบซิบกันไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่มาถึงชั้นที่พักได้ง่ายๆ
“วันนี้นอนนี่…พรุ่งกูไปส่งที่มหาลัย”อีกฝ่ายบอกพร้อมหย่อนก้นลงนั่งกับโซฟากลางห้องด้วยความเหนื่อยล้ากับการทะเลาะกับแจ็คสัน
นานมากแล้วที่เขาไม่ได้พูดคุยหรือทะเลาะกับอีกคนแบบนี้…ผ่านมาประมาณสามปีแล้วที่พวกเขาไม่ได้คุยกัน
ก็ตั้งแต่วันนั้นวันที่แจ็คสันไปกับจินยองทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด…แม้แต่คนตัวเล็กเองก็ด้วย
“…..ยองแจ….”
“อะไร”
“ทำไมมึง…ถึงไม่ทำอะไรกู”
“อยากให้ทำ?”
“เปล่ากูแค่อยากรู้ว่าทำไม”
แจ็คสันยืนจ้องหน้ายองแจพร้อมปล่อยคำถามอีกฝ่ายออกมาด้วยความสงสัย
ถ้าเป็นคนอื่นจากประสบการณ์ที่ผ่านมาสามคนแล้วแจ็คสันก็เห็นว่าพอมันพาเขามาปุ๊บมันก็จับเขาถอดเสื้อผ้าโยนลงเตียงแล้วกดเขาเลย
และแม่งก็เจ็บเหมือนกันหมดทุกคนไม่มีคนไหนหรอกที่จะทำกับเขาแบบไม่เจ็บแถมเสือกรุนแรงด้วย
“……คนรักกันต้องเอากันทุกครั้งที่เจอหน้าเลยเหรอ?....”ยองแจกล่าวแจ็คสันอ้าปากเตรียมพูดแต่ก็ถูกยองแจแทรกขึ้นมาต่ออีกว่า “ถ้าแบบนั้นเขาไม่เรียกว่ารัก…เขาเรียกว่าหลง”
แจ็คสันสะอึกกับคำตอบของยองแจทำไมเขารู้สึกหวิวๆที่กลางอก
จู่ๆน้ำตามันก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวทำไมเขาถึงร้องไห้ก็ไม่รู้
มันจุกตรงคำพูดของยองแจมันตรงเกินไปพอปาดน้ำตาออกมันก็ไหลใหม่เหมือนเดิมจนต้องยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าของตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นว่าตนกำลังแสดงความอ่อนแออยู่
ยองแจมองภาพของแจ็คสันที่พยายามปกปิดใบหน้าเปื้อนน้ำตาของตนเองไม่ให้เขาเห็น
ซึ่งยองแจเองก็ไม่ได้สนใจมันเลยแม้แต่น้อย
เสียงสะอื้นของคนตัวเล็กดังมาให้ได้ยินอยู่เรื่อยมีบ้างช่วงที่เจ้าตัวเงียบไปแล้วก็ร้องออกมาใหม่
แจ็คสันยังคนยืนอยู่ตรงหน้ายองแจไม่ไปไหนยืนร้องอยู่อย่างนั้นแต่ก็ไม่ยอมเปิดหน้าออกมาให้เขาเห็นอยู่ดี
พรึ่บ!
“อึก!”แจ็คสันถูกยองแจดึงเข้ามากอด
ใบหน้าหวานอยู่บริเวณหัวไหล่ของอีกฝ่ายจมูกแดงๆค่อยๆสูดเอาน้ำมูกที่กำลังไหลออกมาเข้าไปด้านในร่างกายถูกเจ้าตัวรัดเอาไว้ไม่ให้ขยับหนีไปไหน
คำพูดที่แฝงไปด้วยความเรียบนิ่งแต่กลับรู้สึกอบอุ่นจับใจฟังแล้วรู้สึกดีถูกเอ่ยออกจากปากของคนที่ไม่ค่อยพูดอย่างยองแจ
“มึงรู้ไหมว่าทำไมผู้ชายถึงเกิดมาไหล่กว้างแล้วก็หนา”
“……”
“ก็เพราะว่าจะได้มีไว้ให้คนที่ตัวเองรักซบเวลาที่เขาเสียใจไง…..ไหล่ของกูกว้างพอที่จะให้มึงเอาหน้ามาซบและร้องระบายความในใจออกมา
ถึงกูจะไม่ค่อยพูดแต่กูก็เป็นห่วงมึงนะแจ็คสัน”
สิ้นคำพูดแจ็คสันก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
แต่เพียงแค่คราวนี้เขาเลือกที่จะฝังใบหน้าลงกับไหล่กว้างของยองแจแทนฝ่ามือของตัวเอง
สายน้ำอุ่นๆหยดลงบนหัวไหล่ยองแจทำเพียงแค่ยิ้มนิดๆแล้วลูบหลังคนตัวเล็กเป็นการปลอบ
ถึงมันจะแข็งกระด่างดูไม่เป็นธรรมชาติ แต่คำพูดของเขาทั้งหมดที่เอ่ยออกมานั้นมันมาจากใจของเขาล้วนๆ….ยองแจไม่ได้ชอบ…แต่ยองแจรักแจ็คสันเลยต่างหาก….
ณ. โรงพยาบาล J’Park
เจบีมาที่โรงพยาบาลจินยองอีกครั้งเขาตั้งใจจะมารับคนตัวเล็กกลับหอหลังจากที่ทำธุระเสร็จและมันก็เป็นเวลาที่จินยองควรจะคืนแจ็คสันให้เขาเสียที
อีกอย่างเจบีตั้งใจจะพาแจ็คสันไปเดินเล่นที่ห้างก่อนกลับหอด้วยเผื่อว่าอีกฝ่ายจะเบื่อ
เพราะการที่อยู่กับหมอมันไม่ได้สนุกอะไรเลยนอกเสียจากว่าหมอมันจะคุยเก่งชวนคุยตลอดเวลาน่ะนะ
“…..แจ็คสันล่ะ? เข้าห้องน้ำเหรอ”
เจบีเอ่ยถามหลังจากที่เปิดประตูเข้ามาแล้วไม่เห็นร่างเล็กเลยแม้แต่น้อย
เขาเห็นเพียงแค่จินยองที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะของตัวเองพร้อมยกมือขึ้นเท้าคางมองมายังตัวเขาอยู่
“ไม่อยู่”จินยองตอบเสียงเรียบใบหน้ายกยิ้มนิดๆ
“หมายความว่ายังไงที่บอกว่าไม่อยู่?”เจบีขมวดคิ้วเป็นปมเขาไม่เข้าใจความหมายของจินยอง
จะบอกว่าแจ็คสันมีคนมารับกลับไปแล้วอย่างนั้นเหรอ?
ใครกันล่ะถ้าเป็นมาร์คล่ะก็เจ้าตัวจะต้องแจ้งเขาล่วงหน้าก่อนเพราะตอนนี้เจบีเป็นฝ่ายรับส่งแจ็คสันให้กับคนอื่นๆ
เพราะงั้นเขาจะต้องรู้ทุกความเคลื่อนไหวของเพื่อนคนอื่นเสมอ
“ก็หมายความว่าแบบนั้นแหล่ะไม่อยู่ก็คือไม่อยู่”จินยองยังคงตอบกลับเจบีด้วยคำพูดกวนๆเหมือนเคย
แถมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แสนอันตรายให้กับเพื่อนของตนอีกด้วย
มันทำให้เจบีรู้สึกใจไม่ดีและอยากจะอัดใบหน้ากวนๆนั่นของเพื่อนตนสักหมัดสองหมัดเสียจริง
ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้เขายังอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับคนตัวเล็กอยู่ล่ะก็นะรับรองว่าจินยองมันได้ปากแตกไปนานแล้ว
“บอกมามึงเอาแจ็คสันไปไว้ไหน!
มึงไม่ได้ทำอะไรแปลกๆกับเมียกูใช่ไหม!!”
เจบีเริ่มจะเกรี้ยวกราดแล้ว
ยิ่งจินยองยิ้มก็ยิ่งเพิ่มระดับน้ำโหให้กับเขามาก รอยยิ้มนั่น….เหมือนกับสามปีที่แล้วเลยมันทำให้เจบีกลัว…กลัวว่าแจ็คสันจะเป็นอะไรไป
ถ้าเป็นเหมือนกับตอนนั้นเขาคงจะไม่ให้อภัยกับตัวเองแน่
“กูไม่ได้ทำอะไรแจ็คสันหรอกมันก็เมียกูเหมือนกันนี่นามึงคิดมากเกินไปแล้วนะ….สำหรับสามปีที่แล้วมันก็แค่เรื่องสนุกระหว่างกูกับแจ็คสันเท่านั้นเอง
กูไม่ทำให้ประวัติมันซ้ำรอยหรอก”
จินยองกล่าว
เจบีเดินไปกระชากคอเสื้อเพื่อนตัวเองแน่นพร้อมกับจ้องมองอีกฝ่ายด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยโทสะและความโมโห
“บอกมาว่ามึงเอาแจ็คสันไปไว้ไหน
ไม่อย่างนั้นก็อย่าหาว่ากูไม่เตือน”เจบีจับคอเสื้อจินยองแน่น
หมอหนุ่มทำเพียงแค่เงยหน้ามองเพดานแล้วหัวเราะออกมาเบาๆในลำคอของตน
ดวงตาเหมือนจิ้งจอกจ้องมองคนที่อายุเท่ากัน
“…..แมงป่องเอาตัวไป…ใบ้ให้แค่นี้น่าจะเข้าใจนะว่ากูหมายความว่ายังไง
ถ้าอยากได้ตัวแจ็คสันคืนก็ไปทวงเอากับมันก็แล้วกัน….แล้วก็ฝากต่อยมันให้ด้วยนะสักสองหมัดข้อหาเอาขวดมาฟาดท้ายทอยกูจนเลือดออก”
จินยองบอกใบหน้ายิ้มแต่น้ำเสียงนั้นนิ่งมากและดูเหมือนว่าจินยองจะแค้นฝังใจเสียด้วยที่ถูกยองแจแย่งตัวแจ็คสันไปทั้งๆที่มันยังไม่ถึงเวลาของเจ้าตัวเลยแม้แต่น้อย
“จิ้งจอกแบบมึงก็น่าจะไวพอที่จะคาบมาได้นะ…แต่ไม่เป็นไรไว้กูจะจัดการให้”
เจบีค่อยๆคลายปกคอเสื้อของจินยองออกแล้วขยับตัวให้ห่างจากจินยองนิดๆ
อีกฝ่ายยกมือขึ้นจับปัดปกคอเสื้อของตนพลางถอนหายใจยาวออกมา
ดวงตาเรียวเหลือบมองเพื่อนของตนที่อารมณ์ก่อนยกยิ้มขึ้นนิดๆอย่างน่ากลัว
“ถ้าทำแบบนั้นมันจะไปสนุกอะไรเล่า…กูชอบให้พวกมึงทะเลาะกันเองสนุกดี”
“มึงแม่งโคตรเลว…เลวเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ”
“หึ
คนประเภทเดียวกันมักคบกันได้ว่ากูเลวพวกมึงก็ไม่ต่างกันหรอก…แต่ละคนย่อมมีความเลวที่แตกต่างกันไป
ติดที่ว่าใครมันจะกล้าแสดงออกมามากกว่ากันเท่านั้นเอง”
“…..เหอะ! ไม่คุยกับมึงแล้วขอตัว!”
เจบีสุดจะทนกับคำพูดของจินยองจึงได้ขอตัวกลับออกไป
เขาเดินเอามือล้วงเข้ากระเป๋ากางเกงของตนเองขณะที่มือข้างหนึ่งก็กดเบอร์โทรไปหาบุคคลที่ได้ชื่อโค้ดเนมว่า
แมงป่อง แต่โทรเท่าไหร่ก็โทนไม่ติดสักทีบางครั้งมันก็กดตัดสายไปเอง
ทำเอาเจบีหัวเสียจนต้องระบายลงในไลน์กลุ่ม
JB’Defsoul:ไอ้ยองแจมึงเอาแจ็คสันไปไหน!
พาแจ็คสันมาคืนกูเดี๋ยวนี้ก่อนที่กูจะตามไปลากคอมึงมา!!
Yug’LovePJ:มีไรกันพี่ พี่ยองแจเอาตัวพี่แจ็คสันไปเหรอ?
JB’Defsoul:เออ ใครเห็นมันบ้างฝากกระทืบแล้วถามมันทีว่ามันอยู่ไหนมันทำผิดกฎ!!
HM’MarkLoVeJack:ว่าไงนะ….
JB’Defsoul:ยองแจมันพาตัวแจ็คสันหนีจินยองไปทั้งๆที่วันนี้ก็ไม่ใช่วันของมัน
มันทำผิดกฎเรามันต้องถูกลงโทษผมไม่ยอมแน่
แถมมันยังเอาขวดฟาดไอ้จินยองด้วยมันมีสองคดีที่ต้องสะสาง!!
HM’MarkLoVeJack:……เดี๋ยวเฮียส่งคนไปตามหาให้ ยองแจถ้ามึงเห็นในไลน์กูขอเตือนมึง….รีบๆส่งแจ็คสันมาซะก่อนที่คนของกูจะเจอมึงเพราะไม่อย่างนั้นมึงโดนแน่
ตามนั้น
เจบีหัวเสียอย่างแรงนอกจากจะไม่มีการตอบกลับของยองแจจากในสายที่เขาโทรไปแล้วมันยังไม่เปิดไลน์อ่านอีกด้วย
เหมือนจงใจที่จะหลบพวกเขาเพราะรู้ตัวว่าตนทำผิดกฎ
แต่ตอนนี้เจบีเป็นห่วงแจ็คสันมากกว่าไม่รู้ว่าป่านนี้ไอ้เตี้ยนั่นจะเป็นยังไงจะช้ำในตายหรือยัง
จะได้กินข้าวไหมแล้วไปอยู่ที่ไหนที่นอนสะอาดหรือเปล่า…แค่คิดหัวสมองของเขาก็แทบจะแตกแล้ว
ทำไมยองแจมันต้องทำให้เรื่องวุ่นวายด้วยวะ!
“แม่งเอ้ย!
มึงเอาแจ็คสันไปไว้ไหนวะแจมึงอยากโดนลูกน้องเฮียมาร์คซ้อมตายหรือไงวะ”
เจบีขยี้ผมของตัวเองจนยุ่งไม่เป็นทรงพร้อมเตะเข้าที่ถังขยะเพื่อระบายอารมณ์ตนลงกับมัน
แม้จะรู้ว่ามันไม่ได้ช่วยให้หาแจ็คสันเจอเร็วแต่อย่างน้อยมันก็ช่วยระบายความอึดอัดในใจของเขาไปได้….อย่าหายไปแบบนี้ได้ไหม?
ใจเขามันสั่นไหวรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย…..
ยองแจถอนหายใจหลังจากที่ดูข้อความทั้งหมดในไลน์กลุ่ม
เขาคิดว่าไอ้กฎบ้าพวกนั้นมันเหมาะกับพวกเจบีซะมากกว่า
คนอย่างยองแจไม่ชอบที่จะอยู่ในกรอบเหมือนกับแจ็คสัน
เขาไม่ชอบอยู่ในกฎเกณฑ์ที่คนอื่นตั้งขึ้น
มันเหมือนกับว่าชีวิตของเขามันไม่มีอะไรที่เป็นของตัวเองเลยสักนิด
“ออกไปได้แล้วมั้ง…จะซบนานไปถึงไหน”ยองแจกล่าวพร้อมดันหัวแจ็คสันให้ออกจากไหล่ของตน
พอบอกว่าพื้นที่ตรงนี้ว่างพอที่จะให้อีกฝ่ายซบ
ตั้งแต่ตอนนั้นมันก็ยังไม่ยอมขยับไปไหนเลยแม้แต่น้อยจนกระทั่งตอนนี้หยุดร้องแล้วแต่เจ้าตัวก็ยังซบไหล่ของเขาอยู่
“ไม่เอา….ขออยู่แบบนี้ต่ออีกสักสิบนาทีได้ไหม?”แจ็คสันพูดเสียงอู้อี้ในลำคอใบหน้ายังคงซบกับไหล่ยองแจไม่เลิก
“ทั้งชีวิตกูก็ให้ได้”ยองแจตอบก่อนปล่อยให้เจ้าตัวทำตามที่สบายใจ
เขาเองก็ไม่ได้ว่าอะไรอีกฝ่านอยู่แล้วอยากจะซบจะทำอะไรก็ทำไปเถอะถ้ามันทำแล้วมีความสุขแค่นั้นยองแจก็ไม่กังวลหรือห่วงอะไรแล้ว
นั่งไปได้สักพักเสียงท้องของคนตัวเล็กที่ซบตนอยู่ก็ดังขึ้น
แจ็คสันเงยใบหน้าที่แดงแจ๊ดของตัวเองขึ้นมองเขาพลางยกยิ้มเหยๆส่งมาให้
ยองแจทำเพียงแค่ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นดันอีกฝ่ายให้ขยับออกไปนั่งข้างๆก่อนเดินหายไปในครัวเพื่อหาอะไรให้เจ้าตัวกิน
เพราะตอนที่อยู่กับจินยองแจ็คสันทานข้าวไปแค่สามคำก็อิ่มก็เลยมาหิวเอาตอนนี้แทนแถมลำบากให้ยองแจเป็นคนทำกับข้าวให้อีก
ดวงตากลมมองตามร่างของเพื่อนตนที่เดินหายไป
ตอนแรกเขาก็นอนกลิ้งไปมาบนโซฟาอยู่หรอกแต่สุดท้ายก็ต้องลุกขึ้นเดินสำรวจห้องของอีกฝ่ายอยู่ดี
ขาสั้นก้าวไปตามทางเดินช้าๆดวงตาจ้องมองสอดส่องของตรงหน้าด้วยความอยากรู้
สองมองประครองสะโพกตัวเองแน่นด้วยความเจ็บใบหน้าบิดเบี้ยวขึ้นเมื่อก้นกระทบกับขอบโต๊ะ
…..เจ็บเว้ย!....
แจ็คสันบริภาคความในใจออกมาผ่านใบหน้า
แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเข้ามายังในห้องของยองแจห้องนอนโทนสีเทาเรียบๆพร้อมกับกรอบรูปต่างๆที่วางเรียงรายพร้อมกันอย่างเป็นระเบียบ
เป็นภาพตั้งแต่สมัยประถมจนถึงมหาลัยของเจ้าตัว แจ็คสันไล่สายตามองตามภาพเหล่านั้นไปทั่วช่วงวัยเด็กเป็นอะไรที่น่าเอ็นดูมากสำหรับเพื่อนคนนี้
จนกระทั่งมาถึงช่วงประถมประมาณ ป.6 มีภาพของใครบางคนเพิ่มเข้ามาด้วย
ใบหน้าหวานเปื้อนรอยยิ้มพร้อมกับชุดกระโปงสีชมพูสวยและผมสีดำยาวตัดหน้าม้าสั้นน่ารัก
แก้มสีแดงที่กลมเป็นลูกๆนูนขึ้นพร้อมรอยยิ้มสดใสที่ประดับเต็มใบหน้า
แจ็คสันมองมันเงียบๆ….เด็กคนนี้คือใครกันนะ? ทำไมน่ารักจัง….คำถามผุดขึ้นมาในหัวใบหน้านั่นดูคุ้นมากสำหรับเขาแต่แจ็คสันจำไม่ได้ว่าเคยเห็นภาพนี้มาจากไหน
พอละสายตาจากภาพตรงหน้าไปก็จะเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยมัธยมมันเป็นช่วงวัยธรรมดาของพวกวัยรุ่นและช่วงมหาลัย
ตอนปีหนึ่งภาพแรกที่เห็นคือภาพของเขากับยองแจที่ยืนยิ้มกอดคอกันแน่นพร้อมกับถือเหรียญทองอะไรบางอยู่ไว้ในมือ..อ่า
ใช่ยองแจเป็นนักกีฬาด้วยนี่นาเป็นนักฟุตบอลของคณะแจ็คสันจำได้ว่าตอนนั้นอีกฝ่ายดีใจมากที่ได้รางวัลมันเป็นรอยยิ้มที่สดใสที่สุดของยองแจเท่าที่เขาเคยเห็นมาเลยล่ะ
แถมตอนนั้น…ยังเป็นช่วงวัยใสของเขาอีกด้วยช่วงก่อนวัยที่จะกลายมาเป็นเด็กหนุ่มเต็มตัวแบบนี้
ในภาพแจ็คสันแต่งตัวถูกระเบียบทุกตารางนิ้วตั้งแต่ทรงผมเฉิ่มๆไปจนถึงแว่นตาหนาเตอะตามสไตล์เด็กจีน
ใบหน้าก็ไม่ได้ดูดีอะไรมากมายมีทั้งสิวแถมผิวยังเป็นสีแทนคล้ำตามสไตล์พวกชอบออกแดดอีกด้วย
พอลองมองมาที่ตัวเองในตอนนี้เทียบกับตอนนั้นมันต่างกันราวกับฟ้ากับเหวเลย….เขาผ่านจุดนั้นมาได้ยังไงวะ!?
“แม่งโคตรเฉิ่มเลยตอนนั้นเหอะๆ”แจ็คสันมองภาพตัวเองแล้วก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
อยากจะย้อนเวลากลับไปบอกกับตัวเองในวัยนั้นจังว่ามึงควรจะเปลี่ยนตัวเองนะควรจะดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้จะได้ดูดีโดยไม่ต้องไปพึ่งใครเขา
ถ้าเกิดตอนนั้นแจ็คสันเริ่มที่จะดูแลตัวเอง
ป่านนี้เขาคงจะเป็นเด็กที่เรียบร้อยที่สุดในกลุ่มแล้วก็ได้แถมมุ้งมิ้งอีกด้วยแต่….ขอโทษมุ้งมิ้งไม่ใช่สไตล์แจ็คสันวะแบบเขามันก็ฮาร์ทคอแบบเถื่อนๆ
ระหว่างที่กำลังจะเลื่อนสายตามองภาพต่อไปมือจองใครบางคนก็จับปิดเข้าที่ภาพเหล่านั้นเสียก่อน
พอเงยหน้าขึ้นก็ปรากฏว่ายองแจกำลังยืนทำหน้าตายใส่เขาพร้อมถือจานข้าวไว้อยู่ข้างหนึ่ง
ดวงตาของอีกฝ่ายหรี่มองเขาสลับกับภาพพลางอ้าปากพูดกับแจ็คสันเสียงเรียบ
“ทำไร”ยองแจถาม
“แค่ดูรูปอยู่ทำไม?”
“จะกินไหมข้าวถ้าไม่กูจะทิ้ง”
“กินดิ! ไปๆ”
“………..”
ยองแจมองตามแผ่นหลังของแจ็คสันที่เดินหายไปจากห้องนอนของตนก่อนค่อยๆเปิดภาพที่ตนเอามืดปิดไว้ออกทีละน้อย
ดวงตาเรียวจ้องมองข้อความใต้กรอบภาพนั่นพลางถอนหายใจแล้วเดินตามอีกฝ่ายออกไป
เขายังไม่พร้อมที่จะให้แจ็คสันเห็นข้อความนั่นในตอนนี้ เขากลัวว่า….อีกฝ่ายจะจำมันไม่ได้
‘เจอแล้วซินเดอร์เรล่าของผม!!....’
Talk
พี่จินทำไมรู้สึกว่าตอนนี้พี่เลวมากค่ะอไรคือการจะจับน้องกดเวลาตัวเองไม่พอใจทำไมเป็นคนแบบนี้ความผัวนี่หายหมดเลยค่ะงดเรือjinsonแปป
สารภาพว่าแอบก็อปฉากตอนที่พี่บีเตะถังขยะจากในmv If you do มาค่ะมันเข้าที่เหมาะกับพี่เขา
และตอนนี้ไรท์ขาดว่ารีดเดอร์ทุกคนคงจะเชียร์ยองแจกันหมดแล้วใช่ไหม
ถึงพี่เขาจะเงียบจะพูดจาตรงไปบ้างแต่พี่เขาก็เป็นผู้ชายที่อบอุ่นนะ(แจ็คสันสัมผัสมาแล้วค่ะ)
ชอบประโยคที่บอกว่าไหล่ผู้ชายสร้างมาให้กว้างก็เพื่อให้คนที่รักซบ
ฮื่ออออพิมพ์เองอ่านเองแล้วก็เขิลเองค่ะงื้ออออ
ตอนต่อไปจะเป็นแบบไหนยองแจจะถูกลูกน้องเฮียมาร์คจับได้ไหมต้องติดตามค่ะ^^
ความคิดเห็น