ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Twilight Ronin 「鯉の命」

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 「雨」"สายฝน"

    • อัปเดตล่าสุด 24 มิ.ย. 55


    http://www.youtube.com/watch?v=P2QrLuMq2Ow

    บทที่ 1 「雨」 สายฝน

                    ยามเย็นที่ฟ้าครื้มและมีฝนตกปอย ๆ ในฤดูเหมันต์ . . ผู้คนล้วนแต่หลบเร้นกายภายใต้ร่มเงาห้างร้านหรือบ้านเรือนของตน . . แต่ทว่าท่ามกลางสายลมและฝนหน้าหนาวเช่นนี้กลับมีสตรีนางหนึ่งยืนอยู่ที่ริมสะพานเพียงลำพัง . . มือขาวผ่องของหญิงสูงศักดิ์ที่ดูเปราะบางคู่นั้นกำลังถือร่ม . . ผมที่ควรจะเกล้ากลับถูกปล่อยอิสระ  สีดำของมันนั้นตัดกับผิวขาวนวลและกิโมโนสีซากุระ  ปีกร่มสีน้ำตาลนั้นบดบังใบหน้าไว้  จะแลเห็นก็เพียงริมฝีปากที่แย้มขึ้นราวกลับจะยิ้ม  แต่กลับแฝงไปด้วยความเศร้าจากน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม . .  สายตานางนั้นเหม่อมองอย่างเลื่อนลอยไปยังธารน้ำมิยางาวะเบื้องหน้า ภาพที่เห็นนั้นทำลายภวังค์ความคิดของข้าเสียจนหมดสิ้น . . เพียงได้เห็นเช่นนี้ตัวข้าเองก็พอจะรู้ได้ว่า

    “ นางกำลังคิดจะฆ่าตัวตาย . . “

    ลมฝนยังคงนำพาความเหน็บหนาวพัดผ่านปะทะร่าง . . ความเย็นยะเยือกนี้ดั่งพัดมาจากดินแดนโยมิก็ไม่ปาน  ข้าเดินผ่านนางไปได้ 3 ก้าวเท่านั้น . . ก็คิดอยากจะกล่าวอะไรสักนิด  เผื่อว่าจะสามารถเปลี่ยนความคิดนั้นได้ .  .  จึงหยุดเดินและหันหลังกลับไปกล่าวกับสตรีนางนั้นว่า . .

    “ ขอโทษที่เสียมารยาท. . ข้าเพียงอยากจะบอกว่าความลึกของน้ำที่สะพานแห่งนี้ทำให้ท่านตายไม่ได้หรอก “

    เมื่อนางได้ยินดังนั้นก็ตกใจเล็กน้อยและหันมามองข้า . .  สิ่งเดียวที่ข้าคิดก็คือ . . สตรีนางนี้ช่างงดงามยิ่งนักแม้ในยามโศกเศร้า . . ดวงตาสีเทาหม่นนั้นช่างรู้สึกราวกับว่าตรึงข้าไว้ได้ยิ่งกว่าโซ่ตรวนเสียกระนั้น . .

    “. . ช่างน่าอายยิ่งนักที่ท่านรู้ว่าข้าคิดจะทำเช่นนั้น  แต่อย่างไรเสียพรุ่งนี้ . . ข้าก็ไม่ต่างกับตายทั้งเป็น “

    “ เพราะวันพรุ่งนี้ข้าจะต้องไปอยู่ที่นั่น . . “

    นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังทิศทางที่สะเทือนใจอย่างยิ่ง . . เพราะทิศทางที่นางชี้นั้น . . เป็นที่ตั้งของย่านโลกีย์แห่งทากายามะ

                    นางทรุดตัวลงไปนั่งคุกเข่าร่ำไห้ . . ร่มในมือนั้นหล่นร่วง  ก่อนจะถูกสายลมพัดปลิวตกลงสู่ธารน้ำมิยางาวะเบื้องล่าง . . มันลอยไปตามกระแสน้ำอย่างไร้ชีวิต . . ร่มนั้นลอยผ่านปลาแม่น้ำและลูก ๆ ที่กำลังว่ายทวนกระแสธารน้ำอย่างมุ่งมั่น . . เมื่อเกิดเป็นปลาก็ต้องว่ายทวนน้ำเพื่อการมีชีวิตรอดฉันใด . . มนุษย์ที่หากต้องการจะมีชีวิตรอด . . ก็ต้องต่อสู้ต่อกระแสธารชีวิตฉันนั้น . .

    “ สายตาข้านั้นจ้องมองไปยังธารน้ำ . . แต่ภวังค์ข้านั้นอยากโอบเจ้าขึ้นมาด้วยสองมือนี้ . . แต่ก็มิบังควร “

    “ ข้าเป็นโรนิน . . นามของข้าคือโยชิดะ  เซ็นจูโร่  แล้วท่านมาจากตระกูลใดเล่า ?  

                    น้ำเสียงสะอึกสะอื้นร่ำไห้ปนกับคำตอบที่ข้าได้รับนั้นได้ความว่า . . นางเป็นบุตรสาวตระกูลแม่ทัพโทดะ  นามว่า

    “ คาโอริ “

    ข่าวลือที่หนาหูว่าท่านโทดะ  มัสสึโมโต้แห่งทากายามะคิดก่อการกบฎต่อผู้ครองแคว้นด้วยการวางยาพิษในอาหารแต่ถูกจับได้นั้น . . แม้แต่ข้าเองก็ได้ยินมาตั้งแต่แคว้นข้างเคียงในหมู่โรนิน . . ซึ่งหลายคนต่างวิจารณ์ไปหลายแง่มุม  แต่สำหรับข้าแล้วย่อมไม่อาจเชื่อวิธีการที่ไร้เกียรติเช่นนี้ . . จะกระทำขึ้นโดยตระกูลซามูไรที่เก่งกาจเชิงดาบอย่างตระกูลโทดะอย่างแน่นอน . .

    “ แม่นาง . . ข้าใคร่ขอท่านให้ลุกขึ้นยืนสมกับเป็นหญิงตระกูลโทดะได้หรือไม่ ? “

                    นางปาดน้ำตาออกจากใบหน้าและลุกขึ้นยืน . . ก่อนจะหันมามองข้าและเริ่มจะร้องไห้อีกครั้ง . .

    “ แปลกจริงนะ . . ที่ยังมีคนอย่างท่านเชื่อว่าพ่อของข้านั้นบริสุทธิ์ . . แต่มันจะมีประโยชน์อันใดเล่าเมื่อครอบครัวข้าต่างจากโลกนี้ไปกันหมดแล้ว . . “

    ข้ารู้สึกสงสารนางอย่างจับใจ . . ได้แต่หวังว่าเพียงคำพูดของโรนินอย่างข้าก็คงจะช่วยคลายทุกข์ในใจให้นางได้บ้าง . .   ข้าชี้ให้นางมองไปยังแม่น้ำมิยางาวะที่มีเหล่าปลาแม่น้ำกำลังว่ายทวนน้ำเหล่านั้น   มันเป็นหนึ่งในสุภาษิตชีวิตของข้าเลยทีเดียว . .

    “ แม่นางเห็นหรือไม่ ? เมื่อเกิดเป็นปลาก็ต้องว่ายทวนน้ำเพื่อการมีชีวิตรอดฉันใด . . มนุษย์หากต้องการจะมีชีวิตรอด . . ก็ต้องต่อสู้ต่อกระแสธารชีวิตฉันนั้น . .

    “ . . แล้วเหตุใดท่านจึงยอมจำนนต่อโชคชะตา ?”

                    ข้ากับนางหันมาสบตากัน . . สิ่งที่ข้าเห็นก็คือแววตาที่หม่นหมองนั้นพลันกลับดูมีพลังขึ้น . . เห็นนางใช้ชายเสื้อเช็ดน้ำตาเหมือนเด็ก ๆ อย่างนั้น . . ข้าจึงตัดสินใจหยิบผ้าเช็ดหน้าที่เก็บไว้ในเสื้อให้กับนาง . . ซึ่งนางก็ยิ้มรับมันไว้โดยไม่มีทีท่าจะรังเกียจแต่อย่างใด . . นางโค้งกล่าวขอบคุณข้า . . ทำให้ข้าต้องโน้มตัวโค้งรับคำขอบคุณนั้น . . ตัวข้าเองก็รู้สึกดีใจมากที่ทำให้นางยิ้มได้ . . สำหรับข้าแล้วมันก็เป็นแค่เพียงคำพูดที่อาจจะทำให้ตัวข้ารู้สึกมาดมั่นขึ้นในสายตาผู้อื่น . . แต่หากตัวข้านั้นเป็นสตรีและอยู่ในสภาวะเช่นนาง . . ก็ไม่อาจคิดว่าจะสามารถผ่านความโหดร้ายเหล่านี้ไปได้อย่างไร  เพราะบุรุษเฉกเช่นข้าในยุคสมัยนี้ก็ทำได้เพียงแค่การฝากชีวิตไว้กับดาบคาตานะที่เหน็บอยู่ข้างกายเท่านั้น . .

                    พลันก็มีเกี้ยวหาบผ่านมา . . ขบวนประกอบด้วยคนหาบเกี้ยวสอง . . เด็กรับใช้หนึ่ง . . และโยจิมโบ(ผู้คุ้มกัน)  จำนวนสาม  พวกโยจิมโบเหล่านั้นสวมใส่กิโมโนของสำนักดาบยางิวและสวมหมวกฟางปิดบังใบหน้า . . เหมือนว่าแม่นางโทดะจะรู้จักกับพวกเขาเหล่านั้น . . สายตาและสีหน้าของนางเปลี่ยนเป็นโกรธกริ้วและตื่นกลัวต่อคนที่อยู่ในเกี้ยวนั้น . . เมื่อเกี้ยวผ่านมายังสะพานก็ถูกสั่งให้หยุดด้วยน้ำเสียงของชายกลางคนภายในเกี้ยว . . เด็กรับใช้รีบวิ่งจากหลังขบวนมาเปิดกันสาดเกี้ยวพร้อมกางร่มในมือให้ชายผู้นั้น . . แต่กลับถูกพัดเหล็กตีเข้าที่ศรีษะทรงจงมาเกะและถูกตวาดใส่ . .

    “ ไอ้ซื่อบื่อ ! หนาวขนาดนี้ข้าจะลงไปทำหอกอะไรวะ ? “

                    เด็กรับใช้ลูบหัว ณ จุดที่โดนพัดตีก่อนจะโค้งขอโทษหัวติดพื้นสะพานและวิ่งกลับไปยืนหลังขบวนเกี้ยวดังเดิม . . ชายกลางคนผู้นั้นดูท่าทางจะเป็นผู้มีอำนาจในเมืองนี้ . . เขาใช้พัดเหล็กแง้มหน้าต่างเกี้ยวออกและมองมายังแม่นางโทดะ  . . นางรีบหลบสายตาและเดินหลบมาแอบอยู่หลังข้าก่อนจะกระซิบเบา ๆ ร้องขอให้ข้าช่วย . .

    http://www.youtube.com/watch?v=0p_yo_VGOSw

     “ โฮ่  . . สวัสดียามเย็นแม่หญิงโทดะ . . “

    “ เหตุเพราะเจ้าไม่ยอมมาเป็นภารยาข้าแต่โดยดีแท้ ๆ . . จึงทำให้เรื่องราวมันบานปลายถึงเพียงนี้ . .  ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

    “ เลือกเอานะระหว่างจะยอมมาเป็นภารยาข้าหรือจะถูกขายไปอยู่ที่หอนางโลมนั่น . .”

                    ข้าตัดสินใจจูงแขนนางหวังพาเดินออกไปจากจุดนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา . . แต่แล้วก็ถูกโยจิมโบสามคนนั้นล้อมเอาไว้ทุกทาง . . ระยะที่พวกมันล้อมนั้นใกล้เกินกว่าที่จะชักดาบได้  ชายในเกี้ยวมองข้าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า . . ก่อนจะเอาพัดชี้มาแล้วทำท่าโบกไล่ไปให้พ้นทาง . . โยจิมโบด้านหน้าจะกระชากคอเสื้อข้าเสียทันที  แต่ยังไม่ทันที่มือจะได้สัมผัสคอเสื้อก็กลายเป็นว่ามันถูกข้าเป็นฝ่ายยกทุ่มตกสะพานลงไปที่แม่น้ำมิยางาวะแทน . . ช้าชักดาบสั้นวางทาบไปยังมือขวาที่กำลังจะชักดาบของโยจิมโบคนที่สองก่อนจะเอาปลายกดตรงช่องท้องที่ไร้การป้องกันเพียงเบา ๆ  เพราะไม่ได้คิดเอาชีวิต   แต่ทว่าอีกฝ่ายสืบเท้าถอยไปด้านข้างและเอากระบังดาบปัดมือที่ถือดาบสั้นข้าออกพร้อมกับเอาส่วนท้ายดาบชักกระแทกเข้าที่ท้อง . . มันเจ็บแทบกระอักก่อนจะรู้สึกถึงเสียงฝ่าอากาศของดาบที่หวังสะบั้นคอจากการฟันแบบโจดัง . . ข้ากระโจนม้วนตัวกลิ้งหลบออกมาเป็นระยะทางถึงสามก้าว  ซึ่งโยจิมโบผู้นั้นก็สืบเท้าไล่ตามมาติด ๆ ด้วยท่าโจดัง . . ณ เวลานั้นจึงตัดสินใจชักดาบอิไอสวนกลับท่าโจดังของเขาไป  เขายกแขนหลบดาบและเบี่ยงตัวไปด้านหลัง  ในที่สุดข้าก็สามารถลุกยืนในท่าที่พร้อมจะสู้ได้  การดวลดาบเป็นไปอย่างดุเดือดเมื่อโยจิมโบอีกคนหนึ่งก็สอดมือเข้ามาช่วยกลายเป็นศึกแบบสองต่อหนึ่ง . .  

    “เอ็งจะแน่มาจากไหนวันนี้ก็ต้องจบชีวิตลงที่นี่แหละ”

                    เสียงตะโกนกู่ร้องสลับเสียงดาบปะทะดังเอะอะไปทั่วบริเวณ . . เซ็นจูโร่เป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเสียเปรียบ . . การต่อสู้ที่ยืดยื้อกับคนที่มีฝีมือดาบถึงสองคนนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเลย  เขาถูกฟันเข้าบริเวณต้นแขนช่วงบนเกือบถึงหัวไหล่ด้วยแผลเฉียด ๆ . . แต่ก็แลกมาได้กับการเข้าสึกิแทงที่คอหอยของโยจิมโบคนหนึ่ง . .

    “ ครอก . . ครอก . . “

                    เลือดไหลจากปลายดาบนองลงสู่มือทั้งสองข้างของโยชิดะ  เซ็นจูโร่ . . เขาใช้เท้าถีบร่างไร้วิญญาณออกพร้อมดึงดาบออกจากคอหอย . . ร่างนั้นลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายจมกองเลือดอย่างน่าสะอิดสะเอียนเป็นอย่างยิ่ง . . เลือดที่พุ่งกระเซ็นจากคอหอยสลับกับเสียง “ครอก . . ครอก . .” นั้นสั่นประสาทของทุกคน ณ ที่นั้นอย่างมาก . . ชายแบกเกี้ยวสองคนและเด็กรับใช้ถึงกับผงะถอยตัวสั่น  และผู้ที่กำลังขวัญผวากว่าใครก็คือชายสูงศักดิ์ที่นั่งอยู่ในเกี้ยว  ซึ่งบัดนี้ไร้ท่าทีโอ่อ่าไปเสียสิ้น . . เอาแต่ขดตัวสั่นอยู่ในเกี้ยวแลดูคล้ายดั่งสุนัขในกรงก็มิปาน  แต่ทว่าศึกนี้ยังอีกยาวนาน .  .  เมื่อโยจิมโบที่เหลืออีกหนึ่งนั้นเกิดอาการแค้นเลือดขึ้นหน้า  เขาถอดหมวกฟางที่บดบังทัศนียภาพรอบด้านออกก่อนจะพุ่งเข้ามาแลกฟันกับเซ็นจูโร่อย่างไม่คิดชีวิต . . เพลงดาบสำนักยางิวทั้งรวดเร็วและฉลาด . . แม้เพียงแค่การเคาะด้วยปลายดาบหากถูกตำแหน่งศรีษะก็อาจทำให้สมองบวมเลือดคั่งเสียชีวิตได้ . .   เซ็นจูโร่ใช้ทุกอย่างที่มีในการต่อสู้ครั้งนี้อย่างเต็มกำลังสามารถ . . เขาเชื่อว่าหากอยู่ในโดโจแล้วได้ประลองดาบกับโยจิมโบคนนี้แล้วย่อมไม่มีทางที่จะชนะได้เลย  แต่โลกของโรนินนั้นมันต่างจากโดโจโดยสิ้นเชิง . . การชนะเป็นสิ่งที่ไร้ค่าหากเทียบกับการมีชีวิตรอดถึงพรุ่งนี้  ดังนั้นวิธีต่อสู้ของเซ็นจูโร่จึงไม่ถูกจำกัดวิธีการ . .  เขาเตะเอาเลือดของโยจิมโบคนก่อนที่เปรอะอยู่บริเวณสะพานเข้าตาของคู่ต่อสู้ก่อนจะตัดสินใจพลิกเอาคมหันเข้าตัวแล้วฟาดไปที่ศรีษะของโยจิมโบที่กำลังเลือดเข้าตานั้นอย่างรุนแรง . .

    อ๊ากกกกกกกกกกกก !!!

    เซ็นจูโร่เดินไปยังเกี้ยวพร้อมกับดาบที่เปื้อนเลือดในมือ . . เขาเลิกม่านเกี้ยวออก  ก่อนจะเอามือล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าจากในเสื้อของชายสูงศักดิ์มาเช็ดหน้าตัวเองที่เปรอะเปื้อนไปด้วยรอยกระเซ็นของเลือด . . หลังจากเช็ดเสร็จก็พับแล้วยัดไว้ในเสื้อเจ้าของมันตามเดิม . .

    “ ปล่อยแม่นางโทดะซะ . . แล้วข้าจะไว้ชีวิตแก . . “

                    ชายกลางคนได้แต่สับผงกรับคำ  เซ็นจูโร่พับม่านเกี้ยวลงและเดินมาพิงตรงขอบสะพานอย่างเหนื่อยหอบ . . ปล่อยให้คนแบกเกี้ยวและเด็กรับใช้รีบพานายของตนกลับไป  โยจิมโบผู้นั้นหลังจากการเอาผ้าประคบศรีษะที่แตกอยู่  เมื่อได้สติแล้วจึงเดินมาหาเซ็นจูโร่ . .

    “ แกชื่ออะไร ?”

    “โยชิดะ  เซ็นจูโร่”

    “ข้าอินุมะ  โคบายาชิ . . ครั้งต่อไปแกไม่รอดแน่ . . ข้าจะแก้แค้นให้ศิษย์น้องทั้งสอง”

    เซ็นจูโร่หัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะตอบว่า

    “ผิดแล้วล่ะ . . คนเดียวเท่านั้นแหละ  อีกคนเดี๋ยวก็ขึ้นฝั่งมา”

    อินุมะกัดฟันแน่น . . ก่อนจะตอบว่า

    “ เขาไม่ขึ้นมาหรอก . . ศิษย์น้องข้าผู้นั้นว่ายน้ำไม่เป็น . .”

    อินุมะพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินตามขบวนเกี้ยวนั้นไป . . คำพูดเหล่านั้นทำให้เซ็นจูโร่ถึงกับผงะ  เขาไม่ได้คิดจะเอาชีวิตใครครั้งเดียวถึงสองคนเลย  ทันใดนั้นแม่นางโทดะจึงเข้ามาหาเซ็นจูโร่ก่อนจะรีบพาตัวเขาออกไปจากบริเวณนั้น . . เนื่องจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้  ทั้งคู่พากันวิ่งหนีลัดเลาะไปตามตรอกต่าง ๆ จนถึงบ้านตระกูลโทดะ . .

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×