คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : บทที่ 11: ในท้ายที่สุด
TK11
“ทดสอบว่าท่านจะดูแลมารดาของพวกเราได้หรือไม่” ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำขลับเอ่ย พร้อมกับพยุงเจ้าของเรือนผมสีเงินให้มายืนพร้อมกันข้างแท่นที่โลกิอยู่
“มารดาพวกเจ้า ...ห๊ะ! มารดา?”
“ใช่” ร่างของชายหนุ่มที่อายุมากสุดทิ้งตัวลงพิงข้างๆกับร่างที่หลับไหลอย่างอ่อนล้า เหม่อมองไปทางมารดาของพวกเขา
นานเพียงใดกันที่ไม่ได้อยู่ใกล้กันขนาดนี้...ท่านแม่
ความเจ็บปวดที่สั่งสมมากับบาดแผลในใจที่ไม่จางหาย สิ่งเดียวที่คอยยึดเหนี่ยวให้พวกเขาพี่น้องไม่หลุดลอยไป คงเป็นเพราะรู้ว่าอย่างน้อยพวกเรายังมีกันและกันอยู่ ขอเพียงยังมีอีกคนอยู่เคียงข้างก็ไม่มีสิ่งใดต้องกังวล
แต่นั่นก็ไม่อาจเติมเต็มช่องว่างในใจได้
เมื่อความอบอุ่นที่เคยได้รับต้องจางหายไป
เหลือแต่ความหนาวเหน็บของเหมันต์ที่รายล้อมอยู่รอบกาย ทำได้เพียงอ้อนวอนต่อเทพผู้ถักทอ
แต่นางกลับเมินเฉย สุดท้ายแล้วจึงได้แต่เฝ้ามอง รอให้เกิดปฏิหาริย์ในสักครา
เวลาที่ผ่านไปใครเลยจะเข้าใจพวกเขา
ความรู้สึกทำสิ่งใดไม่ได้เลย
“เป็นไปไม่ได้
ไม่เคยมีใครได้แตะต้องอนุชาข้า!” ธอร์ยังคงไม่เชื่อสิ่งที่เด็กเหล่านี้เอ่ย
“ข้าคงจะปฏิเสธเรื่องนั้นไม่ได้หรอก บุตรแห่งโอดิน”
โลกิในครานี้แม้จะดื้อรัน เจ้าเล่ห์หรือร้ายกาจเพียงใด แต่แท้จริงทุกอย่างช่างบริสุทธิ์ เป็นผ้าสะอาดสีขาวที่ต้องมัวหมองเพราะคำโกหก ความผิดนี้คงกล่าวโทษใครไม่ได้นอกเสียจากเทพบิดร แม้มอบความรักให้มากเท่าไหร่แต่รอยแผลที่ถูกกรีดแทงไปแล้ว มันไม่อาจสมานได้ง่าย จนต้องสร้างหน้ากากขึ้นมาบดบังความน้อยเนื้อต่ำใจ
ไหนเลยจะร้ายกาจ หากแท้จริงกำลังหลั่งน้ำตา
เจ็บปวดเสียจนอยากจะทำลายทุกอย่างที่ไม่เคยมีตรงหน้า ทำให้มันหายไปให้หมด
“ใช่สำหรับในชาตินี้ แต่ในกาลที่ข้าและน้องเกิด โชคชะตาของพวกท่านถูกถักทอไปในทิศทางที่แตกต่าง พวกเขาหวังนักว่ามันจะช่วยให้เลี่ยงแร็คนาร็อคได้” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างเหนื่อยอ่อน
“แต่เปล่าเลยครานั้นสูญเสียยิ่งกว่าครั้งใด...”
“พวกเจ้าหมายความว่ายังไง?”
เจ้าของเรือนผมสีดำขลับทั้งสองมองสบสายตาของผู้เป็นพี่ ก่อนที่อีกฝ่ายจะพยักหน้าตอบกลับมา
แม้การที่จะเอ่ยมันอาจเป็นการเข้าไปแทรกแซงโชคชะตา
อย่างไรมันก็เป็นเพียงอดีต
ชายหนุ่มคนรองเริ่มต้นเล่าเรื่องราว เรื่องราวอันแสนยาวนานปนเปด้วยหลากสีสันทั้งอบอุ่น และหนาวเหน็บ
“ครั้งอดีต มารดาแห่งข้ามิใช่เทพพลัดถิ่นเช่นครานี้ ไม่ได้ถูกพาตัวไกลจากบ้านเกิดเพื่อมาเติบโตใต้เงาของโอดิน”
“ท่านเกิดที่แอสการ์ด ดินแดนแห่งเทพบิดรผู้น่าเกรงขามและมารดรผู้มีจิตใจงดงามกว่าใครใน9ภพ เป็นผู้ที่ใช่วาจาหว่านล้อมคนได้ทุกผู้ เจ้าเล่ห์แต่ไม่ได้เขลา เชี่ยวชาญเวทมนต์จนแทบจะเป็นหนึ่ง” หญิงสาวเว้นว่าง แล้วผินดวงเนตรสีน้ำทะเลขึ้นสบ
“นั่นคงไม่ต่างจากที่ท่านรู้จักเท่าไหร่ น่าแปลก แม้จะเป็นเทพไม่ต่างกันแต่ก็ยังคงถูกดูแคลน กล่าวหาว่าเป็นเทพแห่งคำลวง ปดเป็นสันดาน เชื่อใจไม่ได้ ท่านรู้มั้ยว่าทำไมบุตรแห่งโอดิน”
เพียงแค่นึกถึงเหตุผลมรกตที่นิ่งเรียบมาตั้งแต่ครั้งแรกที่ปรากฎตัว กลับทอแววแข็งกร้าวขึ้นมา ราวกลับก้นบบ่อน้ำนั้นมีสัตว์ร้ายกำลังนอนรออยู่อย่างอดทน เมื่อเวลาที่เหมาะสมมาถึงมันก็พร้อมยกตัวขึ้นมาฉกศัตรูของมัน
“เพียงเพราะไปหลงรักคนที่คิดว่าจักได้ครองคู่กันไปชั่วนิจนิรันดร์”
“เพราะให้ใจไปเสียจนหมด” เสียงเข้มกดต่ำจนคล้ายหมาป่าสีเงินตัวนี้กำลังคำราม เช่นเดียวกับหญิงสาวที่เอ่ยประโยคถัดมา
“เพราะไม่เคยคิดว่าจักถูกหักหลัง”
“ท่านรู้รึไม่ว่ามันเป็นใคร” ชายหนุ่มย้ำคำถามเดิมอีกครั้ง
ธอร์ได้แต่ส่ายหน้าเป็นคำตอบให้รอยยิ้มหยันทั้งสาม ความเจ็บร้าวที่ถูกส่งมาพาให้ในอกซ้ายรู้สึกไม่ต่างกัน แม้จะไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้พวกเขาแสดงออกมาแบบนี้
แต่ความทรมานนี้มากเสียจนเหมือนจมดิ่งไปในห้วงอวกาศ ไร้อากาศ ไร้จุดสิ้นสุด
นิ้วทั้งสามชี้ตรงมาที่ร่างสูงพร้อมเอ่ยเสียงกร้าว
“ ท่านไงธอร์
บุตรแห่งโอดิน
เทพแห่งสายฟ้า ”
“ท่านทำให้มารดาเราเจ็บเจียนตาย!”
หญิงสาวตะโกนก้องไปทั่วโถง
ดวงตาแดงก่ำพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มขาวทั้งสองข้าง ไร้เสียงสะอื้นร่างสูงเองไม่รู้ว่าเพราะอะไรอยู่ๆน้ำตาก็ไหลพาดแก้มขวา
แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงมันแม้แต่น้อย ชาไปทั่วทั้งใบหน้า
แม้รู้ว่าไม่ใช่เขาแต่มันก็คือเขา
โชคชะตาที่ถูกถักทอโดยเทพผู้ถักทอที่ไม่ว่าจะพยายามลองทำเช่นไรชีวิตของทั้งคู่ก็น่าอดสูเสียเหลือเกิน หากไม่เกลียดกันจนสามารถฆ่ากันได้ ก็รักแต่ต้องแยกจากกันอย่างไม่น่าให้อภัยเช่นเดียวกับครั้งที่เด็กน้อยทั้งสามถือกำเนิด
ยามเมื่อท้องนภาได้สบเข้ากับมรกตงดงามเป็นครั้งแรก
ทุกอย่างรอบตัวทั้งคู่หยุดชะงัก ภายในอกกลับเต้นรัว
นั่นคงเป็น รักแรกพบ ที่เชื่อมให้ทั้งคู่ใกล้กัน
ทุกอย่างดูสวยงาม เรียบง่ายเท่าที่ความรักของคนคู่หนึ่งจะมีได้ ผู้คนต่างกู่ร้องยินดีอวยพรแก่คู่รัก ยามที่ระฆังวิวาห์ดังกึกก้องไปทั่วดินแดน แน่นอนว่ามีรักย่อมมีคนชัง
ความอิจฉาที่โลกิได้ครองคู่กับรัชทายาทแห่งแอสการ์ด ริษยาที่ได้รับความเชื่อใจจากทั้งเทพบิดาและมารดา ความไม่พอใจจากเหล่าขุนนางถูกรู้ทันกลโกง ซ้ำยังโดนตอกลับจนไม่มีที่ยืนต่อหน้าขุนนางคนอื่นๆ
ความสามารถที่มากล้นพาให้คนนับถือ และเกลียดชัง
ความหลงไหลที่ธอร์มีต่อโลกิยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อโลกิให้กำเนิดบุตธิดาแก่เขาถึงสามคน ทั้งคู่คอยดูแลให้เด็กน้อยเติบโตขึ้นมาอย่างสง่างาม ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีราวกับเทพนิยาย และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม
เพียงแค่ประโยคเพียงไม่กี่ประโยค ทำให้เทพแห่งสายฟ้าเกรี้ยวกราด หันไปสั่งให้ทหารถ่ายทอดคำสั่ง
โลกิและบุตรธิดาต้องโทษกบฏ ให้ถูกเนรเทศ และห้ามกลับมาเหยียบดินแดนแอสการ์ดอีก
ร่างโปร่งเจ็บปวดไม่เข้าใจว่าตนทำสิ่งใดผิด
ได้แต่คิดว่าตนควรทำอย่างไรให้ลูกทั้งสามปลอดภัย พร่ำร้องขอให้ร่างสูงเชื่อใจตน
หากไม่ก็อย่าทำร้ายลูกของพวกเขาเลย
เขาจักยอมถูกเนรเทศแต่ให้ทั้งสามได้อยู่บนดินแดนนี้ต่อไป
แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือคำสั่งเดิม
เด็กทั้งสามมองดูมารดาที่ร้องไห้จนน้ำตาจะเป็นสายเลือด แต่บิดากลับนิ่งเฉยไม่แม้แต่จะชายตามองอีกฝ่ายที่ทรุดอยู่ตรงหน้า พวกเขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร มารดาที่มีแต่รอยยิ้มอบอุ่นมอบให้กลับหลั่งน้ำตาเสียจนแทบขาดใจ ส่วนบิดาที่คอยหยอกล้ออย่างรักใคร่ตอนนี้กลับเย็นชา
ในวันถัดมาพวกเขาทั้งสี่ก็ออกจากดินแดนที่เรียกว่า ‘บ้าน’
โลกิจากมาด้วยใจที่แตกสลาย
ส่วนเด็กน้อยกลับมีแต่กรุ่นโกรธต่อบิดาและแอสการ์ด
เมื่อเวลาผันเปลี่ยน เด็กตัวน้อยเติบโตเป็นหนุ่มสาว ได้ทั้งงดงามจากมารดาและความหล่อเหลาจากบิดา ความรู้สึกของพวกเขาเองที่สั่งสมมาเนิ่นนานก็พร้อมจะระเบิดออกมา ไม่ฟังคำทัดทานจากมารดาที่บอกให้ให้อภัยแก่ร่างสูง พวกเขารู้ดีว่าทำไมมารดาจึงเอ่ยเช่นนี้
เพราะมารดายังคงรักบิดาเสมอมา และไม่ว่าอย่างไรก็ทำร้ายอีกฝ่ายไม่ลง
เช่นนั้นพวกเขาจะทำมันเอง!
แร็กนาร็อคเกิดขึ้นอีกครั้ง ครานี้ผู้นำทัพหาใช่เทพแห่งคำลวงแต่เป็นบุตรธิดาของเขา ดินแดนนองไปด้วยโลหิตและอีกเพียงนิดเดียวเทพแห่งสายฟ้าก็จะถูกกำจัดแล้ว หากไม่มีร่างๆหนึ่งเข้ามาขว้างไว้...
โลหิตไหลรินจากปลายดาบที่แทงทะลุร่าง แต่มันไม่ใช่ของธอร์...
ยามเมื่อท้องนภาได้สบเข้ากับมรกตงดงาม ทุกอย่างรอบตัวชะงักค้างอีกครั้ง ก่อนที่ร่างโปร่งจะล้มลงในอ้อมกอดของผู้ที่ตนรักและโหยหา
คนหนึ่งนิ่งงันมองร่างที่ค่อยๆเย็นลงในอ้อมแขนไม่ขยับไปไหน ใจในบีบรัดเสียจนแทบขาดใจ
หนุ่มสาวทั้งสามกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง น้ำตาไหลรินเป็นเลือด เพราะคนที่พวกตนสังหารไปนั้น...
คือมารดาที่รักยิ่ง โลกิ...
“ความรักจากก้นบึงที่กลายเป็นความแค้นนั้น ช่างฟังดูเจ็บปวด ท่านว่าเช่นนั้นมั้ยบุตรแห่งโอดิน”
“ท่านไม่เคยให้ความไว้ใจมารดาเลยหรือยังไง!! เพียงแค่ถูกขุนนางโสมมที่ริษยามารดาเราเป่าหูท่านก็เชื่อเสียเต็มอกว่าท่านโดนหักหลัง
เชื่อเสียหมดใจว่าเราทั้งสามไม่ใช่บุตรธิดาของท่าน!
เชื่อว่ามารดาเราร่านราคะไปทั่ว ทั้งๆที่ท่าน่าจะรู้ดีที่สุดว่าไม่ใช่!
ขับไล่ไสส่งเราสี่คนแม่ลูกให้ออกไปจากจากดินแดน ท่านคิดว่ามันเป็นเช่นไรกัน!!?”
หญิงสาวเจ็บปวดเกินกว่าจะเก็บไว้ ตะโกนด่าทอร่างสูงทั้งสะอื้น
“พอแล้ว พี่รู้…” ชายหนุ่มเรือนผมสีเงินรวบกอดขนิษฐาเพียงหนึ่งแนบอกไว้แน่น
“ดังเช่นที่น้องข้าบอกท่าน บุตรแห่งโอดิน ท่านทอดทิ้งพวกเราอย่างโหดร้าย และนั่นเป็นอีกครั้งที่ชนวนของแร็กนาร็อคถูกจุดขึ้น แต่ไม่ใช่โลกิที่สร้างมันขึ้นแต่เป็นเราพี่น้อง เราให้สัตย์ว่าหากวันใดได้กลับมาเหยียบดินแดนนี้จักทำลายให้เป็นผง”
“หึ ทั้งที่เกือบจะทำสำเร็จแล้วแท้ๆ… เกือบจะฆ่าเจ้าได้อยู่แล้วแท้ๆ” เป็นมรกตที่เรียบนิ่งแต่แผ่ไอสังหารรุนแรง “ถ้าท่านแม่ไม่มาขวางไว้...คนที่ต้องตายก็ควรเป็นเจ้า!”
“สุดท้ายพวกข้าก็ถูกเนรเทศครานี้โทษหนักกว่ามากนัก ถูกตัดออกจากกงเกวียน กระจัดกระจายไปต่างภพไม่อาจพบเจอกันได้ ใช้เวลานับพันปีกว่าจักกลับมาพร้อมหน้ากัน มองดูแร็คนาร็อคถูกถักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มีครั้งใดที่ท่านรักมารดาแห่งเราอย่างแท้จริงเลยสักครั้งรึ บุตรแห่งโอดิน” เจ้าของท้องฟ้าสีเดียวกันเอ่ยตัดพ้อ
“พวกนั้นไม่ใช่ข้า แม้จะเป็นข้าแต่ไม่ข้าอยู่ดี! ที่ข้าไม่เข้าใจอย่างกว่าคือ ทำไมพวกเจ้าถึงอยู่ที่นี่ได้” ขอเขาแก้ต่างให้ตัวเองสักหน่อยเถอะ ถึงชาติก่อนเขาทำสิ่งใดไว้ แล้วมันเป็นความผิดของเขาในตอนนี้ด้วยหรือ
“ไม่อยากจักยอมรับ... แต่ท่านในครั้งนี้แตกต่าง ไม่ว่าจักเกิดอะไรขึ้นท่านไม่เคยยอมปล่อยมือจากโลกิคนนี้ ไม่ว่าใจโดนผลักไส โดนความตายทำให้แยกจาก ก็ยังพยายามจะตามหาเขากลับมา นั่นทำให้เราอยากช่วย” ชายหนุ่มผมสีดำขลับเอ่ย
“แต่ข้าเคยเป็นต้นเหตุที่พวกเจ้าเป็นเช่นนี้ จะเชื่อข้าได้ยังไง”
“ก็ไม่ทั้งหมด ส่วนหนึ่งมาเพราะความใจร้อนของเราด้วยความเยาว์”
“ถึงข้าจะจำกฎต่างๆไม่ได้เท่าโลกิ แต่ข้ามั่นใจว่าโทษของผู้ที่กบฏต่อราชามีโทษถึงตายสถานเดียว ไม่ใช่เนรเทศ พวกจ้าไม่เคยหาเหตุผลเลยหรือ”
“นั่นก็เป็นข้อที่พวกข้าพี่น้องตรองมาเนิ่นนาน ว่ามันคือความเมตตาสุดท้ายหรือต้องการให้เราที่ยังมีชีวิตต้องตายทั้งเป็น—"
“ข้าว่าเพราะเจ้านั่นรักพวกเจ้าไม่ใช่รึ?” ธอร์เอ่ยขัดชายหนุ่ม พาให้อีกฝ่ายเค้นยิ้ม
“หึ อย่ามาเอ่ยคำลวงให้เราดีใจเลยบุตรแห่งโอดิน”
“เจ้าก็รู้ว่าข้าปดไม่เก่ง เพียงเล็กน้อยพวกเจ้าก็น่าจะดูออก” ร่างสูงยิ้มอ่อนโยนไปให้ “มารดาของเจ้า ไม่สิ โลกิของข้าในชาตินี้ทำให้ข้าได้รู้จักมัน”
“หึ” จริงอย่างท่านว่าเทพผู้ถักถอ… บุรุษผู้นี้หยุดแร็คนาร็อคไม่ให้เกิดไปแล้ว
ใช่ เขาได้ทำมันไปแล้ว
และนี่คือสิ่งที่พวกเจ้าจะได้ตอบแทน เด็กน้อยผู้อาภัพทั้งสาม
ร่างทั้งสามทอประกายสีทอง แสงดวงเล็กๆลอยละล่องส่องสว่างให้โถงมืดมิดนี่สว่างไสว เป็นภาพที่สวยงาม แต่หากมองดูดีๆแล้วความสว่างนั้นมาจากกายของทั้งสาม
“นั่นเกิดอะไรขึ้น!?” ร่างสูงมองอย่างตื่นตระหนก เพิ่งได้พบและได้เข้าใจ ทำถึงต้องจากกันอีกแล้ว
“ถึงเวลาแล้ว...” หญิงสาวกล่าว
“เดี๋ยวสิ หมายความว่ายังไง”
“เมื่อครั้งที่โดนกันออกจากกงเกวียนการถักถอ เราพี่น้องทำได้แค่เฝ้าดูเท่านั้น แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าหากเราช่วยท่านหยุดสงครามแร็คนาร็อคได้ พวกเราจะไปกลับเข้าไป ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น” เจ้าของเรือนผมสีเงินเอ่ย
“เวลาของเราหยุดเดินมานานแล้ว ไม่โตขึ้นจากเมื่อหลายพันปีก่อน แล้วมันก็จะเดินอีกครั้งเสียที”
“เดี๋ยวสิ! อย่างน้อยบอกชื่อของพวกเจ้า” ทั้งคู่มองไปที่ชายหนุ่มเหมือนขอความเห็น แล้วเจ้าตัวก็พยักหน้า
“ข้า เฟนลิน บุตรคนโตแห่งธอร์”
“ข้า โยมุงกันต์ บุตรคนรอง”
“ข้า เฮล บุตรีเพียงหนึ่งแห่งธอร์เทพเจ้าสายฟ้า และโลกิเทพแห่งคำลวง” หญิงสาวเอ่ยพร้อมยกชายกระโปรงแล้วย่อตัวลง สวยงามราวกับเทพธิดา
“ข้าจะจำไว้ ไม่ลืม
เพราะงั้นพวกเจ้าช่วยกลับมาพวกข้า ครั้งนี้ข้าจะดูแลพวกเจ้าอย่างดี” ธอร์พยายามรั้งเด็กทั้งสามไว้
ถึงจะไม่ใช่บุตรของตนจริงๆ แต่ความรู้สึกที่ตัวเขาในอดีตเคยมีต่อทั้งสาม เขาแน่ใจว่าไม่ได้มีความเกลียดชังเจือ อาจเพราะช่วยอะไรไม่ได้อย่างน้อยขอเลือกให้คนที่ตนรักมีชีวิตอยู่ แม้กระทั่งยามที่กำลังจะถูกอีกฝ่ายสังหาร ตัวเขาในตอนนั้นคงไม่แม้แต่จะขยับหนี ยอมชดใช้บาปที่ก่อไว้แต่โดยดี
“ถ้าโชคชะตานำพา” เฟนลินยิ้ม
“เราก็คงได้เจอกันอีก” โยมุงกันต์เอ่ยเสียงเรียบ
“แต่ข้าอยากกลับมาอยู่กับพวกท่าน
มากๆเลย” ส่วนเฮลเด็กสาวเพียงหนึ่งเอ่ยด้วยยิ้มทั้งน้ำตา
ร่างทั้งสามสลายเป็นผงสีทองร่องลอยไปในอากาศ
เข็มนาฬิกาที่เคยหยุดเดินถูกหมุนกลับไปที่จุดเริ่มต้น และรอเวลาที่จะเริ่มขยับอีกครั้ง
ร่างสูงขยับเข้าไปหาร่างโปร่งที่ยังไม่ยอมตื่น แม้เจ้าของมนต์ที่ร่ายไว้จะจากไปแล้ว
ช่างเป็นคนขี้เซาเสียจริงๆ
ริมฝีปากหนาจรดลงแนบชิดกับริมฝีปากบาง ไม่มีการลุกล้ำมีเพียงความจริงใจที่ส่งผ่านไปให้ หวังให้เหมือนกับนิทานปรัมปราที่เจ้าชายปลุกเจ้าหญิงด้วย จุมพิตแห่งรักแท้
ดวงตาสีมรกตปรือเปิดช้าๆ เอ่ยเรียกคนตรงหน้าเชื่องช้า
“...ธอร์”
“เจ้าตื่นแล้ว ดวงใจข้า...” ร่างสูงรวบร่างโปร่งเข้ามาในอ้อมกอด
ความอบอุ่นที่ได้รับพาให้โลกิคลี่ยิ้ม เอนหัวซบอีกฝ่าย สักครู่หลังเรียกสติกลับมาได้ครบท่วนก็ดันธอร์ออกจากตัว แล้วถามอย่างร้อนรน
“ธอร์ ข้าสลบไปนานเท่าไหร่! เกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง เจ้าบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า” คำถามถูกส่งมารัวจนร่างสูงนึกเอ็นดู
“ใจเย็นโลกิ ทุกอย่างจบแล้ว ไม่มีสิ่งใดต้องเป็นกังวลอีกต่อไป”
“งั้นหรอ...” เทพแห่งคำลวงค่อยๆสงบลง
“ใช่ เพราะงั้นกลับบ้านกันเถอะ” ท้องนภาจ้องมองเข้าไปในมรกตแสนงดงาม ส่งผ่านความอบอุ่นและรักใคร่ เช่นเดียวกับมือหนาที่กอบกุมมือเรียว
“...อือ กลับกันเถอะ”
.
.
.
.
“เจ้าพอใจกับผลลัพท์เช่นนี้รึไม่” ร่างสูงใหญ่ที่ใครต่างก็หวั่นเกรงเอ่ยถามสตรีในเดรสยาวสีดำ
“แน่นอน เด็กพวกนี้ช่างน่าสงสาร” เธอตอบชายที่ยืนอยู่ข้างบัลลงก์กระดูกของเธอ
โดยเฉพาะเด็กสาวที่ถูกโยนมาในจุดมืดมิดที่สุดของจักรวาล ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของเธอ ครั้งพบกันคราแรกเด็กน้อยช่างน่าเวทนา แม้ร่างกายจะถูกเผาไปครึ่งซีกแต่ก็ยังมีลมหายใจ ยิ่งได้ฟังเรื่องราวจากปากของเธอยิ่งอาดูร ช่วยหาวิธีให้สามพี่น้องได้กลับมาอย่ด้วยกัน และหากเธอสามารถช่วยได้มากกว่านี้คงไม่ต้องรอนานนับพันปี
“ในที่สุดพวกเขากับได้กลับไปยังที่ที่ควรอยู่ ต้องขอบคุณท่านแล้ว ธานอส”
“นั่นเป็นเรื่องเล็กน้อยหากเทียบกับสิ่งที่เราตกลงกัน Death ในที่สุดเจ้าก็รับรักข้าแล้ว”
ธานอสโอบกอดร่างบางจากด้านหลัง เอนหัวแนบชิดไว้ไม่ห่าง มือบางยกขึ้นแตะปลายคางให้มาหาตนก่อนจะมอบจุมพิตที่ข้างแก้มแก่ชาวไททันตนสุดท้าย
“ข้ายินดีที่จะเป็นของท่านแล้ว ยอดรัก”
อา...จักมีสิ่งใดในโลกที่มีค่ามากกว่า ความรัก กัน
TBC.
::Talk::
สวัสดีจ้าาา เป็นรอบที่เท่าไหร่ของเรื่องนี้แล้วเน๊อะ กับเวลาหลายปีที่ดองไว้ แฮะๆ ใจจริงตอนจบไม่ใช่แนวทางนี้เลยยยย มีความดราม่าเยอะกว่านี้จนกว่าจะจบสวยๆ//ตอนนี้ยังไม่ใช่ตอนสุดท้ายน้าาา ไม่น่าเกินตอน หรือ 2 ตอนก็จะจบแล้วค่ะ ถ้าตอนนี้ได้ลงตอนไหนหวังว่าจะเขียนตอนจบเสร็จแล้ว//ไขว้นิ้วไว้เป็นจริงเถอะะะ แอบเสียดายแล้วก็ดีใจที่ฟิคเรื่องนี้มาถึงจุดนี้ได้สักที จากความขี้เกียจใดๆความพล็อตหายเอย ขอบคุณที่ตามกันตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้และก็สวัสดีคนที่หลงเข้ามาเจอกันด้วยนะ
จากที่เปลี่ยนตอนจบมาเลยไม่ค่อยมั่นใจกับแนวนี้เท่าไหร่รี้ดคิอว่ามันออกมาเป็นยังไงบ้างงงง มาเล่ารีวิวให้ฟังหน่อยน้าาา คอมเม้นกันมาเรารออ่านตลอดเลยย รอๆๆๆ รอตอนถัดไปกันด้วยนะคะะ หรือจะมาคุยเล่นกันในทวิตกันได้น้าา<3 BlackWolfs_life
ความคิดเห็น