ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic:Thorki] Now is my turn.

    ลำดับตอนที่ #14 : บทที่9: ความจริงคือ...

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ค. 63





    TK9



     


    พวกเจ้าจะโวยวายกันอีกนานมั้ย!”


    โลกิ!!”


    โดยเฉพาะเจ้า เจ้าพี่โง่!”


    เจ้า...กลับมา...” ธอร์พึมพัมอย่างไม่เชื่อสายตา


    ยินดีต้อนรับกลับมานะพ่อเทพขี้น้อยใจ


    ขอบใจ เจ้าหุ่นกระป๋องสตาร์ค” ร่างบางที่ใช้เวทลอยกลางอากาศมาถึงตัวมองร่างใหญ่สะบักสะบอมด้านล่างอย่างนึกโมโหการกระทำของอีกคน


    ที่แอสการ์ดไม่เคยสอนเจ้าเรื่องการรบหรืออย่างไรกัน!”


    เจ้าไม่ควรมาที่นี่...


    ท่านคิดว่าจะห้ามข้าได้หรอ? หรือท่านต้องการให้ข้าเป็นเป้านิ่งอยู่บนตึกนั่นกัน โลกิว่าพลางค่อยลดความสูงมาหาเชษฐาต่างบิดามารดา ดวงมรกตสบเข้ากับท้องฟ้าหม่นนั่นไม่ละกันไปไหน


    อย่างไรเสีย เจ้าก็ไม่ควรมาที่นี่! มันต้องการเจ้านะโลกิ!!


    แล้วทำไมท่านถึงไม่ยกข้าให้มันไปเลยละ


    เจ้ามีเพียงหนึ่งโลกิ!! ข้าไม่อยาก...ไม่อยากจะต้องเสียเจ้าไปอีก!!” ธอร์นึกโมโหในท่าทีไม่ยี่หระต่อสถานการณ์ของอีกฝ่าย ที่ไม่ว่าเข้าจะพูดยังไงเจ้าตัวก็ยังคงยักไหล่ตั้งแต่มาถึงข้างกายเขา


    หึหึ หากท่านมีเวลามาห่วงใยข้า ท่านก็ควรจักใช้มันปกป้องดาวของอิสตรีที่ท่านรักนักหนานะ


    โลกิ…ข้าไม่ได้....


    พอ! ข้าไม่อยากฟัง และข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเถียงกับท่าน


    งั้นทำไม...!!!..

     

    ฉึก!

    ตุบ!

     

    เสียงยามอาวุทแหลมคมเคลื่อนผ่านข้างแก้มที่มีไรหนวดประปราย เข้าฝังตัวลงไปร่างของสิ่งมีชีวิตดังขึ้นอย่างฉับพลัน ธอร์ยกมือขึ้นแตะใบหน้าตนก็พบของเหลวสีแดงเปรอะเปื้อนติดมา ก่อนจะได้ยินเสียงของหนักร่วงกระทบพื้นตามมา


    เจ้า...


    ข้าคงอ่อนซ้อมไปเสียหน่อยถึงได้พลาดปามันเฉียดไปโดนหน้าท่าน” โลกิควงอาวุทคู่ใจไปมาพร้อมส่งเล่มถัดมาไปปักอยู่บนร่างของผู้ที่มาขัดจังหวะไม่เข้าเรื่อง และข้าไม่เคยอ่อนแอ... ขนาดที่ท่านต้องมาปกป้อง!


    ก่อนที่ร่างบางจะดีดตัวขึ้นไปขโมยของพวกที่บินไปมาอยู่เหนือหัว ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนเขาตามไปไม่ได้ เมื่อเจ้าตัวประหลาดพวกนี้ยังคอย เข้ามาไม่เลิก เป็นใจให้ร่างบางออกห่างจากตัวเขาไปเรื่อยๆ ภายในใจธอร์บีบรัด ช่างเหมือนกับตอนที่ต้องทิ้งร่างของอนุชาไว้ที่ดินแดนมืดมิดนั่น แม้นครานั้นจะเป็นเขาเองที่เป็นผู้เดินออกมา แต่มันต่างกันตรงไหนเมื่อมือและร่างกายของพวกเขาต้องแยกจาก ไม่สามารถสัมผัสถึงความอบอุ่นของของกันและกันได้ ทำได้เพียงกู่ร้องเรียกหา


    กลับมานี่โลกิ!! โลกิ!!


    ความหวาดกลัวโถมเข้าใส่เทพแห่งสายฟ้า ภาพใบหน้าซีดเผือดไร้ชีวิต ร่างโปร่งทอดกายนิ่งบนผืนทรายสีดำ กลิ่นฝุ่นและควันคละคลุ้งไปทั่ว เหมือนม้วนฟิล์มที่ถูกวนซ้ำๆ แทบสิ้นเรี่ยวแรง ความเจ็บปวดในยามนั้นถูกสลักลงบนวิญญาณให้หลอกหลอนไว้ชั่วชีวิต

     

    แต่เขาจะไม่มีวันปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก! ดวงใจเพียงหนึ่งจักไม่ยอมเสียไปอีก!

     

    “ไอ้พวกมดปลวก ถอยไป!” ธอร์กระชับโยเนียร์ในมือแน่น ออกแรงฟาดทุกสิ่งอย่างที่ขวางให้พ้นทาง แต่ทุกอย่างดูจะน่าขัดใจไปเสียทุกอย่าง พวกมันกลับยิ่งดาหน้ากันเข้ามาถ่วงเวลาไว้ไม่หยุดหย่อน


    ธอร์! รีบตามโลกิไปก่อนจะไม่ทัน!


    “กำลังพยายามอยู่ สตาร์ก!”


    ทางนี้ฉันรับไม้ต่อเอง ว่าแล้วร่างในชุดเกราะสีแดงสุดตาก็มาปรากฏตัวด้านหลัง ไม่ต้องรอให้ถูกกระตุ้นซ้ำร่างสูงกวัดแกว่งโยเนียร์แล้วนำร่างขึ้นไปทันที

     

    ไม่มีเวลาให้เสียอีกแล้ว 5ปีนั่นมากเกินจักรับไว้อีกต่อไป

    .

    .

    .

    ข้าคงต้องนับถือ ในความเขลาของเจ้า เทพแห่งคำลวงร่างสูงใหญ่ของชาวไททันบนบัลลังก์มองลงมาอย่างเย้ยหยัน ความน่าเกรงขามที่ไม่เคยลดลงนับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้นเสียทุกวัน อำนาจในกำมือซึ่งมาจากความกลัว หวั่นเกรงว่าหากวันใดเข้าไปขวางทางคนผู้นี้คงไม่ต่างจากเอาชีวิตไปางให้แทบเท้าแล้วให้อีกฝ่ายขยี้ทิ้ง แต่มันจักจีรังไปถึงวันใดกัน วันที่ผู้แข็งแกร่งกล้าจะยืนหยัดเอาชีวิตเข้าแลก กับทั้งชีวิตทั่วกาแล็กซี


    ได้แต่เฝ้าฝันว่ามันคงจะมาในเร็ววัน..

    .

    .

    .

    “ธานอส ข้ามาเพื่อเจรจา” แม้ถูกใส่ตรวนเพราะอยู่ในฐานะที่เป็นรอง แต่ใบหน้างดงามยังคงเชิดไว้ไม่หวั่นเกรง ดวงตาสีมรกตมั่นคงแน่วแน่จ้องคนที่เป็นต่อในปัจจุบัน


    ร่างบนบัลลังก์มองชอบใจกับผลรับที่ได้ แม้ว่าออกจะเกินคาดไปบ้างที่บุตรแห่งลาฟฟี่ยอมขึ้นมาบนยานเขาเองด้วยความเต็มใจ หาใช่เพื่อบุกมาทำร้าย กลับมาเพื่อเจรจา? จะว่าน่าขันหรือสมเพชดีเล่า

     

    น่านับถือในความเด็ดเดี่ยวที่ช่างดูโง่เขลาอยู่ในที

     


    “ยินดีต้อนรับอีกครั้ง บุตรแห่งลาฟฟี่ ข้าคงต้องนับถือในความเขลาของเจ้า”


    ขอบคุณที่ท่านยังจำข้าไปไม่ลืม ธานอส โลกิโค้งทักทายเพียงเล็กน้อย แต่ข้าคงต้องขอเถียงท่านข้อนึง


    “หึ ว่าสิ่งที่เจ้าอยากจะพูดมาสิ”


     แม้ข้าจะถูกขนานนามด้วยหลายชื่อ แต่คำว่าเขลา...ไม่ใช่หนึ่งในนั้น ว่าจบร่างโปร่งก็สบัดหลุดจากผู้คุม เคลื่อนตัวเข้าประชิดด้านหลังพร้อมกับกริชเล่มเล็กก็เคลื่อนไหวไปหยุดที่เส้นชีพจร หมายจะปลิดชีพร่างบนบัลลังก์


     “ชีวิตข้า แลกกับดาวดวงนี้ ถ้าไม่ก็จงตายที่นี่เสีย!” การกระทำของโลกิไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้ร่างสูงใหญ่บนบัลลังก์ ริมฝีปากนั้นหยักยิ้มขึ้นหาใช่รอยยิ้มหยันถูกใจอย่างที่คิด เสียงหัวเราะก้องอยู่โถงราวกับสิ่งที่เอ่ยไปเป็น เรื่องตลกชั้นเยี่ยม


    “โอ้ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการเลยเทพแห่งคำลวง อันที่จริง.. เจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะสิ่งที่ข้าต้องการในตอนนี้ไม่ใช่ชีวิตเจ้าอีกต่อไป”


    “หมายความว่าไง!? อึก!” ไม่ทันได้ตั้งรับ สันอาวุธในมือทหารที่อยู่รายล้อมตนหนึ่งก็กระแทกเข้าที่ท้ายทอยพร้อมกับกระแสไฟฟ้าที่แรงเสียจนร่างโปร่งของเทพแห่งคำลวงร่วงลงไปอยู่พื้นหน้าบัลลังก์


    ไม่ว่าจะพยายามหยัดกายลุกขึ้นอีกกี่ครั้งก็เหมือนใจไร้ประโยชน์ เมื่อกระแสไฟที่แทรกเข้ามาในร่างส่งผลให้สติค่อยๆเลือนลางลงเรื่อยๆ ร่างกายทั้งร่างเองก็รู้สึกทรมานเสียจนแทบทนไม่ไหวแล้ว


    ทำไม...


    “หึหึ สิ่งและคนที่จะตามมาต่อจากนี้ต่างหาก ที่น่าสนใจ” มรกตเบิกโพลงตะหนกแม้สติจะใกล้เลือนลางเต็มที


    “หมายความว่าอย่างไรนะรึ แน่นอนข้าต้องการให้พี่ชายเจ้าขึ้นมาบนนี้ มีคนที่อยากเจอเขาอยู่คนนึง ไม่สิสามคนต่างหาก”


    เงาสีดำของบุคคลทั้งสามปรากฏที่ด้านหลังผนักพิงหิน ดวงตาจ้องมองร่างที่ร่วงหล่นอย่างเรียบเฉย ก่อนที่หนึ่งในสามจะแสยะยิ้มพราว


     

    ไม่นะ.. ธอร์...

    วูบ—

     


    เรื่องสนุกที่แท้จริงจักเริ่มต่อจากนี้ต่างหากล่ะ

    เจ้าจะทำเช่นไรกันช่างน่าสนใจ

    อา ในที่สุดก็ได้พบกัน บุตรแห่งโอดิน

     


    จริงๆท่านไม่ควรทำรุนแรงเช่นนั้น เสียงใสกังวานเอ่ยขณะเดินออกจากเงามืดมานั่งข้างๆร่างที่สลบไสล มือบางเกลี่ยผมที่ปกใบหน้างดงามออก ดวงตาที่อความารีนสดจ้องมองอีกฝ่ายอย่างหลงไหล


    หึ อย่างไรผลรับสุดท้ายก็เหมือนเดิมไม่ใช่รึ เขาเป็นของพวกเจ้าแล้วอยากจะทำอะไรก็เชิญ ธานอสโบกมือไม่ยี่หระกับทั้งสามแล้วลุกเดินจากไป เพราะเขาเองก็มีเรื่องที่ต้องทำอยู่ไม่น้อย


    สิ่งที่เจ้าได้ไปตอบแทนก็คุ้มค่าไม่น้อย ชายหนุ่มผู้มีเกศาสีเหลืองทองเอ่ยหยอกเย้าชาวไททันเพียงหนึ่ง


    ข้อตกลงไม่ควรมีผู้ใดได้หรือเสียประโยชน์มากกว่ากันไม่ใช่รึ


    การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมสินะ


    หึหึ แน่นอน


    แค่คนคนเดียว ดาวทั้งดวง กาแล็กซี่หนึ่งกาแล็กซี่ หรือทั้งจักรวาล เขาก็พร้อมที่จะทำเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการมาอยู่ในมือ นั่นคือ ธานอส สำหรับพวกเขาเองก็คงไม่ต่างกันเท่าไหรกระมัง

    ทุกการกระทำย่อมมีผลที่ตามมาไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก ทุกทางที่เลือกเดินเองก็อาจจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ต่างออกไป น่าขันที่ต้องใช้เวลานานถึงเพียงนี้จึงจะเข้าใจว่าพวกเขาต้องทำเช่นไร เพราะความเลินเล่อในวัยเยาว์ทำให้เกิดเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยได้ ความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียทุกอย่างเช่นที่พวกเขาต้องเผชิญ จักมีใครเข้าใจมันบ้าง


    ในที่สุด พวกเรา ก็ได้พบกันอีกครั้ง โลกิ เทพแห่งคำลวง


     พาเขาไปกันเถอะ หญิงสาวหันไปเรียกชายหนุ่มอีกคนผู้มีเกศาสีดำเช่นเดียวกับเธอ


    อือ


    หญิงสาวก้มลงมอบจุมพิตที่ข้างแก้มขาว ไม่นึกรังเกลียดแม้มีเศษฝุ่นเปรอะเปื้อน ก่อนจะยอมปล่อยให้ร่างสูงช้อนร่างอีกฝ่ายขึ้น เพื่อไปยังจุดหมายของพวกเขา บทสรุปโชคชะตาในครั้งนี้ควรมีสถานที่ที่เหมาะสม


    ในที่สุด เราก็จะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง รอยยิ้มที่แพรวพราวด้วยเล่ห์เหลี่ยมวาดชัดบนใบหน้าของเธอ


    อีกไม่นานหรอก สาวน้อย


    ข้าหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น มือหนาลูบศีษระของหญิงสาวเล็ก ก่อนจะโอบให้เดินตามอีกคนที่รอพวกเขาอยู่


    มาทำให้เรื่องราวนี้จบเสียที


    หวังว่าครั้งนี้เจ้าจะให้เราได้เห็นเรื่องราวที่แตกต่างออกไป เพราะพวกข้าช่างเบื่อหน่ายกับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้เสียเหลือเกิน....


    .


    .


    ธานอส!!!!” เสียงกัปนาทสะท้านลั่นพร้อมกับการปรากฎตัวของผู้บุกรุก


    การบุกขึ้นมาบนยานของศัตรูด้วยตัวคนเดียวเช่นที่ธอร์กำลังทำอยู่ช่างไม่เป็นความคิดที่ดีเลย แม้จำนวนของศัตรูจะดูเบาบางและไม่เข้ามาจากทุกทิศทางเหมือนด้านล่าง แต่การเป็นเป้าโจมตีเพียงหนึ่งย่อมทำให้เขาเสียเปรียบ

    มือใหญ่กระชับโยเนียร์ฟาดศัตรูให้พ้นทางตนแล้วตนเล่า จนรู้สึกตัวอีกทีเขาก็มาอยู่ที่โถงกว้างมืดสลัว และทันทีที่เขาก้าวเท้าพ้นทางเข้าประตูก็ปิกลงมาทันที ไม่มีการพยายามพังมาอีกด้านเหมือนพวกมันไล่ต้อนเขามาถึงจุดหมายแล้ว


    แต่ก็ยังไร้วี่แววของธานอส


    ดวงตาสีฟ้าสว่างมองสังเกตไปรอบความมืดทำให้เขามองโดยรอบได้ไม่ชัดนัก จนไปสะดุดเข้ากับแท่นหินกว้างซึ่งเป็นจุดเดียวที่สว่างกว่าส่วนอื่น บนนั้นมีร่างคุ้นตานอนสลบอยู่


    โลกิ!!” ความดีใจตีรวนขึ้นมาพาให้สองเท้ารีบก้าวเข้าไปหาดวงใจของตน ดีใจที่ร่างโปร่งยังปลอดภัย


    ยิ่งเข้าไปใกล้ก็สังเกตเห็นโลหิตที่ข้างขมับที่ไหลซึมเหมือนโดนอะไรฟาดเข้า

    ใครมันบังอาจ!


    ตุบ


    มือหนาชะงักค้าง อีกแค่นิดเดียว...


    เสียงบางอย่างร่วงลงกระทบพื้นชัดเจนพร้อมกับแรงดึงจากด้านหลัง เรียกให้ธอร์หันกลับไปมอง


    ธอร์...ช่วยฉันด้วย...” ร่างของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่ตรงหน้า ใบหน้าหวานอิดโรยเช่นเดียวกับมือบางที่สั่นระริกกำลังพยายามดึงรั้งปลายผ้าคลุมสีแดงของธอร์ไว้


    “…เจน ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่?


    ฮึก...อยู่ๆฉัน ถูกพวกนี้จับมาจากอพาร์ทเม้นท์ ร่างสูงย่อตัวลงประคองหญิงสาว สำรวจไปตามร่างกายที่ดูบอบชำ


    แล้วทำไมเจ้ามีสภาพเช่นนี้ พวกนั้นทำอะไรเจ้า


    ไม่ใช่พวกนั้น ฮึก...มันเอาข้ามาขังไว้นี้ แล้ว แล้วก็มาเจอน้องชายคุณ เขา---” หญิงสาวน้ำตาไหลอาบแก้มด้วยตวามหวาดกลัว มือทั้งสองเกาะแขนแกร่งไว้อย่างหาที่พึ่ง


    เธอดูแตกต่างไปจากที่พวกเขาเจอกันครั้งล่าสุดมาก เจนที่เขารู้จักไม่เคยมาร้องไห้คร่ำครวญต่อหน้าเขา เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งและแข็งแกร่งในแบบของเธอ ส่วนเจนที่อยู่ตรงหน้าเขาดูอ่อนแอ อะไรทำให้เธอเป็นแบบนี้กัน


    เจน เกิดอะไรขึ้น


    ฮึก...เขาพยายามจะฆ่าฉัน เธอหันไปทางร่างที่นอนนิ่งอยู่อีกฝั่ง


    เจ้า...หมายความ..ว่า...อย่างไร ดวงตาสีฟ้าสดเบิกกว้างกับสิ่งที่ได้ยิน


    เทพสายฟ้าผละตัวออกจากหญิงสาว มองสบตาเธออย่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตนได้ยิน ความคิดต่างๆตีรวนกันไปหมด เขาไม่เข้าใจว่าที่สถานการณ์ตรงหน้ามันเกิดอะไรกันขึ้นกันแน่


    พวกเขารวมหัวกันหลอกคุณ ธอร์ หญิงสาวก้มหน้าลงไหล่สั่นไหว


    “…”


    ทั้งหมดนี่เพื่อล่อให้คุณมาที่นี่


    “…”


    แล้วฆ่าคุณซะ แต่สิ่งซ่อนอยู่หลังเส้นผมยาวสลวยคือรอยยิ้มแสยะ

    ความพึงพอใจที่กำลังจะได้รับชัยชนะยามได้เห็นแววตาเจ็บปวดและผิดหวังนั้นฉายชัดบนท้องนภา เมื่อไร้การตอบรับจากร่างสูง เธอจึงพูดต่ออีกครั้ง


    เขาน่าจะตายอย่างไร้ค่าบนดาวบ้าๆนั่นไปสะ!”


    กึก


    ฮึก...ฮึก..

     


    รีบไปเถอะธอร์..ไม่งั้นน้องคุณต้องตายเปล่านะ

    นายไม่ตายง่ายขนาดนี้หรอกโลกิ

    แม้คำพูดจะเหน็บแนมแต่น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความเป็นห่วง เพราะอย่างน้อยชายตรงหน้าก็ช่วยเอาตัวมาบังเธอไว้

     


    “…ไม่ใช่


    คุณว่าอะไรนะธอร์


    เจ้าไม่ใช่เจน เจ้าเป็นใครยามที่สายตานั้นหันกลับมาหาเธอมันแข็งกร่าวไร้ความอ่อนโยน นั่นทำให้เธอชะงักค้าง


    คะ คุณพูดอะไร ฉันคือเจน ฟอสเตอร์คนที่คุณรักไง เรารักกันนะธอร์ คุณจำไม่ได้หรอ!?”


    ข้าให้โอกาสพูดอีกครั้ง... บรรยากาศน่าหวาดหวั่นปกคลุมรอบตัวร่างสูง ยิ่งข้าใกล้หญิงสาวยิ่งถอยหนี จนเมื่อมือที่แข็งแรงราวกับคีบเหล็กนั่นคว่าเข้าที่ลำคอ เธอรับรู้แล้วว่าไม่มีทางจะหลุดพ้นจากคนๆได้แน่


    อึก! แค่กๆ!!”


    เจ้า เป็น ใคร

     





    Tbc.


    Talk:: สวัสดีกันอีกครั้งนะคะรีดเดอร์ทุกคน!! ไม่ได้มาคุยกันหลังจากจบตอนก็นานกันพอสมควรเลย ต้องขอโทษอีกครั้งที่ทำให้รอนะคะ ถ้าใครสงสัยว่าทำไมขอให้กลับไปอ่านที่ตอนก่อนหน้านะคะ เราได้ชี้แจงไว้แล้ว ที่สำคัญที่สุดคือ ขอบคุณ หลายๆคนที่ยังติดตามกันมาถึงตอนนี้ /( ^-^)/ ถ้านับจากครั้งแรกที่เปิดเรื่องนี้มาก็เกือบ6ปีได้เหมือนกันนะคะเนี้ย55555 เป็นเวลาที่นานมากจริงๆ อาจจะไม่ได้มาต่อบ่อยๆแต่จะพยายามนะคะ

    ดีใจที่ยังได้มีโอกาสมาเขียนต่อให้ทุกคนอ่าน เราเองก็อยากรู้ว่าหลังจากที่ทุกคนอ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นยังไงค่ะ มาเม้นมาเม้า ให้รู้หน่อยนะ สัญญาว่าจะมาตอบทุกเม้นเลยต่อจากนี้ เพราะพวกคุณคือพลังใจที่สำคัญสำหรับเรามากเลย เพราะถ้าไม่มีคุณเราเองก็จะเลิกคิดจะแต่งเรื่องนี้ต่อแล้วด้วยซ้ำ ด้วยหลายๆเหตุผล แล้วขอแจ้งว่าถ้าแต่งจบแล้วเราอาจจะมีการรีไรต์ช่วงตอนที่1-8ใหม่ให้ดูลื่นไหลก็นี้ค่ะ ฝากติดตามล่วงหน้านะคะ<3

    เอ...ว่าแต่มีใครสงสัยหรือคิดออกบ้างมั้ย ว่าเกิดอะไรขึ้นกัน แล้วบุคคลปริศนาเป็นใครน้าาา เจนตัวจริงหรือใครกันแน่

    ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะะะ หรือจะเข้ามาทักกันบนทวิตก็ได้ค่ะ>> BlackWolfs_life

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×