คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : บทที่9: ความจริงคือ...
“พวกเจ้าจะโวยวายกันอีกนานมั้ย!”
“โลกิ!!”
“โดยเฉพาะเจ้า เจ้าพี่โง่!”
“เจ้า...กลับมา...” ธอร์พึมพัมอย่างไม่เชื่อสายตา
“ยินดีต้อนรับกลับมานะพ่อเทพขี้น้อยใจ”
“ขอบใจ เจ้าหุ่นกระป๋องสตาร์ค” ร่างบางที่ใช้เวทลอยกลางอากาศมาถึงตัวมองร่างใหญ่สะบักสะบอมด้านล่างอย่างนึกโมโหการกระทำของอีกคน
“ที่แอสการ์ดไม่เคยสอนเจ้าเรื่องการรบหรืออย่างไรกัน!”
“เจ้าไม่ควรมาที่นี่...”
“ท่านคิดว่าจะห้ามข้าได้หรอ? หรือท่านต้องการให้ข้าเป็นเป้านิ่งอยู่บนตึกนั่นกัน” โลกิว่าพลางค่อยลดความสูงมาหาเชษฐาต่างบิดามารดา ดวงมรกตสบเข้ากับท้องฟ้าหม่นนั่นไม่ละกันไปไหน
“อย่างไรเสีย เจ้าก็ไม่ควรมาที่นี่! มันต้องการเจ้านะโลกิ!!”
“แล้วทำไมท่านถึงไม่ยกข้าให้มันไปเลยละ”
“เจ้ามีเพียงหนึ่งโลกิ!! ข้าไม่อยาก...ไม่อยากจะต้องเสียเจ้าไปอีก!!” ธอร์นึกโมโหในท่าทีไม่ยี่หระต่อสถานการณ์ของอีกฝ่าย ที่ไม่ว่าเข้าจะพูดยังไงเจ้าตัวก็ยังคงยักไหล่ตั้งแต่มาถึงข้างกายเขา
“หึหึ หากท่านมีเวลามาห่วงใยข้า ท่านก็ควรจักใช้มันปกป้องดาวของอิสตรีที่ท่านรักนักหนานะ”
“โลกิ…ข้าไม่ได้....”
“พอ! ข้าไม่อยากฟัง และข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเถียงกับท่าน”
“งั้นทำไม...!!!..”
‘ฉึก!’
‘ตุบ!’
เสียงยามอาวุทแหลมคมเคลื่อนผ่านข้างแก้มที่มีไรหนวดประปราย เข้าฝังตัวลงไปร่างของสิ่งมีชีวิตดังขึ้นอย่างฉับพลัน ธอร์ยกมือขึ้นแตะใบหน้าตนก็พบของเหลวสีแดงเปรอะเปื้อนติดมา ก่อนจะได้ยินเสียงของหนักร่วงกระทบพื้นตามมา
“เจ้า...”
“ข้าคงอ่อนซ้อมไปเสียหน่อยถึงได้พลาดปามันเฉียดไปโดนหน้าท่าน” โลกิควงอาวุทคู่ใจไปมาพร้อมส่งเล่มถัดมาไปปักอยู่บนร่างของผู้ที่มาขัดจังหวะไม่เข้าเรื่อง “และข้าไม่เคยอ่อนแอ... ขนาดที่ท่านต้องมาปกป้อง!”
ก่อนที่ร่างบางจะดีดตัวขึ้นไปขโมยของพวกที่บินไปมาอยู่เหนือหัว ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนเขาตามไปไม่ได้ เมื่อเจ้าตัวประหลาดพวกนี้ยังคอย เข้ามาไม่เลิก เป็นใจให้ร่างบางออกห่างจากตัวเขาไปเรื่อยๆ ภายในใจธอร์บีบรัด ช่างเหมือนกับตอนที่ต้องทิ้งร่างของอนุชาไว้ที่ดินแดนมืดมิดนั่น แม้นครานั้นจะเป็นเขาเองที่เป็นผู้เดินออกมา แต่มันต่างกันตรงไหนเมื่อมือและร่างกายของพวกเขาต้องแยกจาก ไม่สามารถสัมผัสถึงความอบอุ่นของของกันและกันได้ ทำได้เพียงกู่ร้องเรียกหา
“กลับมานี่โลกิ!! โลกิ!!”
ความหวาดกลัวโถมเข้าใส่เทพแห่งสายฟ้า ภาพใบหน้าซีดเผือดไร้ชีวิต ร่างโปร่งทอดกายนิ่งบนผืนทรายสีดำ กลิ่นฝุ่นและควันคละคลุ้งไปทั่ว เหมือนม้วนฟิล์มที่ถูกวนซ้ำๆ แทบสิ้นเรี่ยวแรง ความเจ็บปวดในยามนั้นถูกสลักลงบนวิญญาณให้หลอกหลอนไว้ชั่วชีวิต
แต่เขาจะไม่มีวันปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก! ดวงใจเพียงหนึ่งจักไม่ยอมเสียไปอีก!
“ไอ้พวกมดปลวก
ถอยไป!” ธอร์กระชับโยเนียร์ในมือแน่น ออกแรงฟาดทุกสิ่งอย่างที่ขวางให้พ้นทาง
แต่ทุกอย่างดูจะน่าขัดใจไปเสียทุกอย่าง
พวกมันกลับยิ่งดาหน้ากันเข้ามาถ่วงเวลาไว้ไม่หยุดหย่อน
“ธอร์! รีบตามโลกิไปก่อนจะไม่ทัน!”
“กำลังพยายามอยู่ สตาร์ก!”
“ทางนี้ฉันรับไม้ต่อเอง” ว่าแล้วร่างในชุดเกราะสีแดงสุดตาก็มาปรากฏตัวด้านหลัง ไม่ต้องรอให้ถูกกระตุ้นซ้ำร่างสูงกวัดแกว่งโยเนียร์แล้วนำร่างขึ้นไปทันที
ไม่มีเวลาให้เสียอีกแล้ว 5ปีนั่นมากเกินจักรับไว้อีกต่อไป
.
.
.
“ข้าคงต้องนับถือ ในความเขลาของเจ้า เทพแห่งคำลวง” ร่างสูงใหญ่ของชาวไททันบนบัลลังก์มองลงมาอย่างเย้ยหยัน ความน่าเกรงขามที่ไม่เคยลดลงนับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้นเสียทุกวัน อำนาจในกำมือซึ่งมาจากความกลัว หวั่นเกรงว่าหากวันใดเข้าไปขวางทางคนผู้นี้คงไม่ต่างจากเอาชีวิตไปางให้แทบเท้าแล้วให้อีกฝ่ายขยี้ทิ้ง แต่มันจักจีรังไปถึงวันใดกัน วันที่ผู้แข็งแกร่งกล้าจะยืนหยัดเอาชีวิตเข้าแลก กับทั้งชีวิตทั่วกาแล็กซี
ได้แต่เฝ้าฝันว่ามันคงจะมาในเร็ววัน..
.
.
.
“ธานอส
ข้ามาเพื่อเจรจา” แม้ถูกใส่ตรวนเพราะอยู่ในฐานะที่เป็นรอง
แต่ใบหน้างดงามยังคงเชิดไว้ไม่หวั่นเกรง
ดวงตาสีมรกตมั่นคงแน่วแน่จ้องคนที่เป็นต่อในปัจจุบัน
ร่างบนบัลลังก์มองชอบใจกับผลรับที่ได้ แม้ว่าออกจะเกินคาดไปบ้างที่บุตรแห่งลาฟฟี่ยอมขึ้นมาบนยานเขาเองด้วยความเต็มใจ หาใช่เพื่อบุกมาทำร้าย กลับมาเพื่อเจรจา? จะว่าน่าขันหรือสมเพชดีเล่า
น่านับถือในความเด็ดเดี่ยวที่ช่างดูโง่เขลาอยู่ในที
“ยินดีต้อนรับอีกครั้ง บุตรแห่งลาฟฟี่ ข้าคงต้องนับถือในความเขลาของเจ้า”
“ขอบคุณที่ท่านยังจำข้าไปไม่ลืม ธานอส” โลกิโค้งทักทายเพียงเล็กน้อย “แต่ข้าคงต้องขอเถียงท่านข้อนึง”
“หึ ว่าสิ่งที่เจ้าอยากจะพูดมาสิ”
“แม้ข้าจะถูกขนานนามด้วยหลายชื่อ แต่คำว่าเขลา...ไม่ใช่หนึ่งในนั้น” ว่าจบร่างโปร่งก็สบัดหลุดจากผู้คุม เคลื่อนตัวเข้าประชิดด้านหลังพร้อมกับกริชเล่มเล็กก็เคลื่อนไหวไปหยุดที่เส้นชีพจร หมายจะปลิดชีพร่างบนบัลลังก์
“ชีวิตข้า แลกกับดาวดวงนี้ ถ้าไม่ก็จงตายที่นี่เสีย!” การกระทำของโลกิไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้ร่างสูงใหญ่บนบัลลังก์ ริมฝีปากนั้นหยักยิ้มขึ้นหาใช่รอยยิ้มหยันถูกใจอย่างที่คิด เสียงหัวเราะก้องอยู่โถงราวกับสิ่งที่เอ่ยไปเป็น เรื่องตลกชั้นเยี่ยม
“โอ้ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการเลยเทพแห่งคำลวง อันที่จริง.. เจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะสิ่งที่ข้าต้องการในตอนนี้ไม่ใช่ชีวิตเจ้าอีกต่อไป”
“หมายความว่าไง!? อึก!” ไม่ทันได้ตั้งรับ
สันอาวุธในมือทหารที่อยู่รายล้อมตนหนึ่งก็กระแทกเข้าที่ท้ายทอยพร้อมกับกระแสไฟฟ้าที่แรงเสียจนร่างโปร่งของเทพแห่งคำลวงร่วงลงไปอยู่พื้นหน้าบัลลังก์
ไม่ว่าจะพยายามหยัดกายลุกขึ้นอีกกี่ครั้งก็เหมือนใจไร้ประโยชน์ เมื่อกระแสไฟที่แทรกเข้ามาในร่างส่งผลให้สติค่อยๆเลือนลางลงเรื่อยๆ ร่างกายทั้งร่างเองก็รู้สึกทรมานเสียจนแทบทนไม่ไหวแล้ว
“ทำไม...”
“หึหึ สิ่งและคนที่จะตามมาต่อจากนี้ต่างหาก ที่น่าสนใจ” มรกตเบิกโพลงตะหนกแม้สติจะใกล้เลือนลางเต็มที
“หมายความว่าอย่างไรนะรึ
แน่นอนข้าต้องการให้พี่ชายเจ้าขึ้นมาบนนี้ มีคนที่อยากเจอเขาอยู่คนนึง
ไม่สิสามคนต่างหาก”
เงาสีดำของบุคคลทั้งสามปรากฏที่ด้านหลังผนักพิงหิน ดวงตาจ้องมองร่างที่ร่วงหล่นอย่างเรียบเฉย ก่อนที่หนึ่งในสามจะแสยะยิ้มพราว
ไม่นะ.. ธอร์...
วูบ—
เรื่องสนุกที่แท้จริงจักเริ่มต่อจากนี้ต่างหากล่ะ
เจ้าจะทำเช่นไรกันช่างน่าสนใจ
อา ในที่สุดก็ได้พบกัน บุตรแห่งโอดิน
“จริงๆท่านไม่ควรทำรุนแรงเช่นนั้น” เสียงใสกังวานเอ่ยขณะเดินออกจากเงามืดมานั่งข้างๆร่างที่สลบไสล มือบางเกลี่ยผมที่ปกใบหน้างดงามออก ดวงตาที่อความารีนสดจ้องมองอีกฝ่ายอย่างหลงไหล
“หึ อย่างไรผลรับสุดท้ายก็เหมือนเดิมไม่ใช่รึ เขาเป็นของพวกเจ้าแล้วอยากจะทำอะไรก็เชิญ” ธานอสโบกมือไม่ยี่หระกับทั้งสามแล้วลุกเดินจากไป เพราะเขาเองก็มีเรื่องที่ต้องทำอยู่ไม่น้อย
“สิ่งที่เจ้าได้ไปตอบแทนก็คุ้มค่าไม่น้อย” ชายหนุ่มผู้มีเกศาสีเหลืองทองเอ่ยหยอกเย้าชาวไททันเพียงหนึ่ง
“ข้อตกลงไม่ควรมีผู้ใดได้หรือเสียประโยชน์มากกว่ากันไม่ใช่รึ”
“การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมสินะ”
“หึหึ แน่นอน”
แค่คนคนเดียว ดาวทั้งดวง กาแล็กซี่หนึ่งกาแล็กซี่ หรือทั้งจักรวาล เขาก็พร้อมที่จะทำเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการมาอยู่ในมือ นั่นคือ ธานอส สำหรับพวกเขาเองก็คงไม่ต่างกันเท่าไหรกระมัง
ทุกการกระทำย่อมมีผลที่ตามมาไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก ทุกทางที่เลือกเดินเองก็อาจจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ต่างออกไป น่าขันที่ต้องใช้เวลานานถึงเพียงนี้จึงจะเข้าใจว่าพวกเขาต้องทำเช่นไร เพราะความเลินเล่อในวัยเยาว์ทำให้เกิดเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยได้ ความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียทุกอย่างเช่นที่พวกเขาต้องเผชิญ จักมีใครเข้าใจมันบ้าง
ในที่สุด พวกเรา ก็ได้พบกันอีกครั้ง โลกิ เทพแห่งคำลวง
“พาเขาไปกันเถอะ” หญิงสาวหันไปเรียกชายหนุ่มอีกคนผู้มีเกศาสีดำเช่นเดียวกับเธอ
“อือ”
หญิงสาวก้มลงมอบจุมพิตที่ข้างแก้มขาว ไม่นึกรังเกลียดแม้มีเศษฝุ่นเปรอะเปื้อน ก่อนจะยอมปล่อยให้ร่างสูงช้อนร่างอีกฝ่ายขึ้น เพื่อไปยังจุดหมายของพวกเขา บทสรุปโชคชะตาในครั้งนี้ควรมีสถานที่ที่เหมาะสม
“ในที่สุด เราก็จะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง” รอยยิ้มที่แพรวพราวด้วยเล่ห์เหลี่ยมวาดชัดบนใบหน้าของเธอ
“อีกไม่นานหรอก สาวน้อย”
“ข้าหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” มือหนาลูบศีษระของหญิงสาวเล็ก ก่อนจะโอบให้เดินตามอีกคนที่รอพวกเขาอยู่
“มาทำให้เรื่องราวนี้จบเสียที”
หวังว่าครั้งนี้เจ้าจะให้เราได้เห็นเรื่องราวที่แตกต่างออกไป เพราะพวกข้าช่างเบื่อหน่ายกับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้เสียเหลือเกิน....
.
.
“ธานอส!!!!” เสียงกัปนาทสะท้านลั่นพร้อมกับการปรากฎตัวของผู้บุกรุก
การบุกขึ้นมาบนยานของศัตรูด้วยตัวคนเดียวเช่นที่ธอร์กำลังทำอยู่ช่างไม่เป็นความคิดที่ดีเลย แม้จำนวนของศัตรูจะดูเบาบางและไม่เข้ามาจากทุกทิศทางเหมือนด้านล่าง แต่การเป็นเป้าโจมตีเพียงหนึ่งย่อมทำให้เขาเสียเปรียบ
มือใหญ่กระชับโยเนียร์ฟาดศัตรูให้พ้นทางตนแล้วตนเล่า จนรู้สึกตัวอีกทีเขาก็มาอยู่ที่โถงกว้างมืดสลัว และทันทีที่เขาก้าวเท้าพ้นทางเข้าประตูก็ปิกลงมาทันที ไม่มีการพยายามพังมาอีกด้านเหมือนพวกมันไล่ต้อนเขามาถึงจุดหมายแล้ว
แต่ก็ยังไร้วี่แววของธานอส
ดวงตาสีฟ้าสว่างมองสังเกตไปรอบความมืดทำให้เขามองโดยรอบได้ไม่ชัดนัก จนไปสะดุดเข้ากับแท่นหินกว้างซึ่งเป็นจุดเดียวที่สว่างกว่าส่วนอื่น บนนั้นมีร่างคุ้นตานอนสลบอยู่
“โลกิ!!”
ความดีใจตีรวนขึ้นมาพาให้สองเท้ารีบก้าวเข้าไปหาดวงใจของตน
ดีใจที่ร่างโปร่งยังปลอดภัย
ยิ่งเข้าไปใกล้ก็สังเกตเห็นโลหิตที่ข้างขมับที่ไหลซึมเหมือนโดนอะไรฟาดเข้า
ใครมันบังอาจ!
ตุบ
มือหนาชะงักค้าง อีกแค่นิดเดียว...
เสียงบางอย่างร่วงลงกระทบพื้นชัดเจนพร้อมกับแรงดึงจากด้านหลัง เรียกให้ธอร์หันกลับไปมอง
“ธอร์...ช่วยฉันด้วย...” ร่างของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่ตรงหน้า ใบหน้าหวานอิดโรยเช่นเดียวกับมือบางที่สั่นระริกกำลังพยายามดึงรั้งปลายผ้าคลุมสีแดงของธอร์ไว้
“…เจน ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่?”
“ฮึก...อยู่ๆฉัน ถูกพวกนี้จับมาจากอพาร์ทเม้นท์” ร่างสูงย่อตัวลงประคองหญิงสาว สำรวจไปตามร่างกายที่ดูบอบชำ
“แล้วทำไมเจ้ามีสภาพเช่นนี้ พวกนั้นทำอะไรเจ้า”
“ไม่ใช่พวกนั้น
ฮึก...มันเอาข้ามาขังไว้นี้ แล้ว แล้วก็มาเจอน้องชายคุณ เขา---” หญิงสาวน้ำตาไหลอาบแก้มด้วยตวามหวาดกลัว มือทั้งสองเกาะแขนแกร่งไว้อย่างหาที่พึ่ง
เธอดูแตกต่างไปจากที่พวกเขาเจอกันครั้งล่าสุดมาก เจนที่เขารู้จักไม่เคยมาร้องไห้คร่ำครวญต่อหน้าเขา เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งและแข็งแกร่งในแบบของเธอ ส่วนเจนที่อยู่ตรงหน้าเขาดูอ่อนแอ อะไรทำให้เธอเป็นแบบนี้กัน
“เจน เกิดอะไรขึ้น”
“ฮึก...เขาพยายามจะฆ่าฉัน” เธอหันไปทางร่างที่นอนนิ่งอยู่อีกฝั่ง
“เจ้า...หมายความ..ว่า...อย่างไร” ดวงตาสีฟ้าสดเบิกกว้างกับสิ่งที่ได้ยิน
เทพสายฟ้าผละตัวออกจากหญิงสาว มองสบตาเธออย่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตนได้ยิน ความคิดต่างๆตีรวนกันไปหมด เขาไม่เข้าใจว่าที่สถานการณ์ตรงหน้ามันเกิดอะไรกันขึ้นกันแน่
“พวกเขารวมหัวกันหลอกคุณ
ธอร์” หญิงสาวก้มหน้าลงไหล่สั่นไหว
“…”
“ทั้งหมดนี่เพื่อล่อให้คุณมาที่นี่”
“…”
“แล้วฆ่าคุณซะ” แต่สิ่งซ่อนอยู่หลังเส้นผมยาวสลวยคือรอยยิ้มแสยะ
ความพึงพอใจที่กำลังจะได้รับชัยชนะยามได้เห็นแววตาเจ็บปวดและผิดหวังนั้นฉายชัดบนท้องนภา เมื่อไร้การตอบรับจากร่างสูง เธอจึงพูดต่ออีกครั้ง
“เขาน่าจะตายอย่างไร้ค่าบนดาวบ้าๆนั่นไปสะ!”
กึก
“ฮึก...ฮึก..”
‘ รีบไปเถอะธอร์..ไม่งั้นน้องคุณต้องตายเปล่านะ ’
‘ นายไม่ตายง่ายขนาดนี้หรอกโลกิ ’
แม้คำพูดจะเหน็บแนมแต่น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความเป็นห่วง เพราะอย่างน้อยชายตรงหน้าก็ช่วยเอาตัวมาบังเธอไว้
“…ไม่ใช่”
“คุณว่าอะไรนะธอร์”
“เจ้าไม่ใช่เจน เจ้าเป็นใคร” ยามที่สายตานั้นหันกลับมาหาเธอมันแข็งกร่าวไร้ความอ่อนโยน นั่นทำให้เธอชะงักค้าง
“คะ คุณพูดอะไร ฉันคือเจน ฟอสเตอร์คนที่คุณรักไง เรารักกันนะธอร์ คุณจำไม่ได้หรอ!?”
“ข้าให้โอกาสพูดอีกครั้ง...” บรรยากาศน่าหวาดหวั่นปกคลุมรอบตัวร่างสูง ยิ่งข้าใกล้หญิงสาวยิ่งถอยหนี
จนเมื่อมือที่แข็งแรงราวกับคีบเหล็กนั่นคว่าเข้าที่ลำคอ
เธอรับรู้แล้วว่าไม่มีทางจะหลุดพ้นจากคนๆได้แน่
“อึก! แค่กๆ!!”
“เจ้า เป็น ใคร”
Tbc.
Talk:: สวัสดีกันอีกครั้งนะคะรีดเดอร์ทุกคน!! ไม่ได้มาคุยกันหลังจากจบตอนก็นานกันพอสมควรเลย ต้องขอโทษอีกครั้งที่ทำให้รอนะคะ ถ้าใครสงสัยว่าทำไมขอให้กลับไปอ่านที่ตอนก่อนหน้านะคะ เราได้ชี้แจงไว้แล้ว ที่สำคัญที่สุดคือ ขอบคุณ หลายๆคนที่ยังติดตามกันมาถึงตอนนี้ /( ^-^)/ ถ้านับจากครั้งแรกที่เปิดเรื่องนี้มาก็เกือบ6ปีได้เหมือนกันนะคะเนี้ย55555 เป็นเวลาที่นานมากจริงๆ อาจจะไม่ได้มาต่อบ่อยๆแต่จะพยายามนะคะ
ดีใจที่ยังได้มีโอกาสมาเขียนต่อให้ทุกคนอ่าน เราเองก็อยากรู้ว่าหลังจากที่ทุกคนอ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นยังไงค่ะ มาเม้นมาเม้า ให้รู้หน่อยนะ สัญญาว่าจะมาตอบทุกเม้นเลยต่อจากนี้ เพราะพวกคุณคือพลังใจที่สำคัญสำหรับเรามากเลย เพราะถ้าไม่มีคุณเราเองก็จะเลิกคิดจะแต่งเรื่องนี้ต่อแล้วด้วยซ้ำ ด้วยหลายๆเหตุผล แล้วขอแจ้งว่าถ้าแต่งจบแล้วเราอาจจะมีการรีไรต์ช่วงตอนที่1-8ใหม่ให้ดูลื่นไหลก็นี้ค่ะ ฝากติดตามล่วงหน้านะคะ<3
เอ...ว่าแต่มีใครสงสัยหรือคิดออกบ้างมั้ย ว่าเกิดอะไรขึ้นกัน แล้วบุคคลปริศนาเป็นใครน้าาา เจนตัวจริงหรือใครกันแน่
ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะะะ หรือจะเข้ามาทักกันบนทวิตก็ได้ค่ะ>> BlackWolfs_life
ความคิดเห็น