บทที่1: จุดเริ่มต้น
"เฮือก!" ร่างบางเด้งตัวลุกขึ้นมาจากเตียงนุ่มด้วยความตกใจ ดวงตาสีเขียวมรกตเบิกกว้าง เหงื่อกาฬที่ซึมอยู่ตามใบหน้า คอระหงส์ที่มีผมดำสนิทดุจขนอีกายาวประบ่าอยู่และแผ่นหลัง แม้จะเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงต้นฤดูหนาวแล้วก็ตามทำให้รู้ได้เลยว่าเจ้าตัวฝันร้ายขนาดไหน
"ฝัน..ฝันแบบนี้อีกแล้ว" ร่างบางพึมพำกับตนเอง ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้น
"ทอม ตื่นรึยังลูกเดี๋ยวก็ไปทำงานสายหรอก ข้าวเช้าเสร็จแล้วนะ" เสียงของหญิงวัยกลางคนที่ได้ชื่อว่าเป็น'แม่'ดังลอดประตูไม้งดงามเข้ามา ช่วยเรียกสติของร่างบางให้กลับมา พลางหันไปเห็นนาฬิกาที่ชี้บอกเวลา7โมงตรง
"ตื่นแล้วครับแม่ เดี๋ยวผมรีบอาบน้ำแล้วลงไปครับ" ร่างบางเจ้าของชื่อ'ทอม ฮิดเดิลสตัน'เอ่ยตอบมารดากลับไปแล้วลุกจากเตียงแล้วเดินตรงลิ่วเข้าห้องน้ำไป
'เฮ่อ..ฝันแบบนี้อีกแล้ว ให้ตายสิตอนแรกๆฝันแค่ในคืนที่ฝนตกหนักแต่ช่วงนี้ มันตามหลอกหลอนเขาในแบบนี้แทบทุกคืน แถมยิ่งฝันบ่อยๆเข้าจากที่มันเรือนลางก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อย ล่าสุดเค้ากลายเป็นคนที่กำลังจะตายอีกตะหาก งานนี้ไม่ต้องหลับต้องนอนแล้ว เฮ้อ..'
คิดยังงั้นแล้วก็เผลอถอนหายใจออกมาอีกครั้ง หลักจากอาบน้ำแต่งตัวในชุดเสื้อคอเต่าสีเขียวเข้มหม่นๆกับกางเกงผ้ารัดรูปสีดำที่ขับให้ผู้ใส่ดูดีเพิ่มขึ้นมา เมื่อเสร็จเรียบร้อยเขาก็ลงมากินข้าวเช้าที่แม่สุดสวยแถมใจดีของเขาหรือ 'คุณนายฟริก้า ฮิดเดิลสตัน' เตรียมไว้ให้ทันที
"อา-หร่อย~~"พอคำแรกเข้าปากเท่านั้นแหละร่างบางก็เอ่ยปากชมฝีมือของผู้เป็นแม่แทบจะทันที
"แหมๆอร่อยก็ทานให้หมดด้วยนะ จะได้รีบไปทำงานนะลูก" ฟริก้าเอ่ยอย่างรักใคร่เอ็นดูพลางลูบหัวลูกชายที่แสนจะปากหวานซะเหลือเกินของตน
"รับทราบ ครับผม" ร่างบางขานรับเสียงใส แล้วหันไปสนใจอาหารตรงหน้าของตนต่อ ซึ่งผ่านมาไม่นานก็หมดเกลี้ยง
"งั้นผมไปทำงานแล้วนะครับ" ทอมเดินมาหาผู้เป็นแม่ที่อยู่ที่อยู่ในสวน พร้อมกับเสื้อโค้ดสีน้ำตาดอ่อนที่พาดไว้บนแขนข้างหนึ่ง
"จ้า ตั้งใจทำงานนะ อย่ากลับเย็นมากละแม่ทำมื้อเย็นรอนะ" ฟริก้าระสายตาจากต้นไม้ในสวน
"คร้าบ~" แล้วเสียงขานรับที่ลากยาวก็ตามมาด้วยเสียงปิดประตูรั้ว บ่งบอกว่าเจ้าของเสียงได้ออกจากบ้านไปแล้ว
"เฮ้อ....." เมื่อลูกหายหลุดพ้นสายตาไปเจ้าตัวก็ถอนหายใจออกมา พร้อมกับสีหน้าที่ดูเป็นห่วงคนที่เพิ่งจะออกไปจากบ้านเสียเหลือเกิน ทำให้แม่บ้านที่อยู่ข้างๆถึงขั้นกับต้องเอ่ยถามจากปฏิกิริยาอัตโนมัติที่เป็นทุกครั้งที่คุณชายไม่อยู่
"เป็นอะไรหรอค่ะคุณนาย ไม่สบายใจอะไรรึเปล่าค่ะ เห็นคุณนายเป็นแบบนี้แทบทุกครั้งที่คุณชายไม่อยู่เลยนะค่ะ" พอถูกแม่บ้านคนสนิทที่สังเกตมาสักระยะถามขึ้น ก็ได้แต่ส่ายหน้า แล้วพูดอธิบาย
"เปล่าจ่ะเกรซ แค่รู้สึกกังวลกับลูกชายคนนี้นะ เป็นห่วงจัง"
"แหม คุณนายค่ะคุณทอมเองก็โตจนทำงานแล้ว แถมเป็นผู้ชายคุณนายไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นหรอกค่ะ"
"จ้า เห็นเธอพูดสะขนาดนี้ ก็สบายใจขึ้นหน่อย ปะเข้าไปในบ้านกันเถอะจ่ะแดดก็เริ่มแรงแล้ว" ฟริก้าลุกขึ้นปัดฝุ่นกับเศษดินที่เกาะตามลำตัวออก แล้วเดินนำแม่บ้านเข้าไปในตัวบ้าน
"ค่ะ คุณนาย" สาวใช้ตอบรับแล้วเดินตามไป แต่หารู้ไม่ว่าสีหน้าของคุณนายไม่ได้ดูสบายใจตามที่เจ้าตัวพูดสักนิดยังคงแสดงสีหน้าเป็นกังวลตลอดเวลาเมื่อตนไม่ได้อยู่กับลูกคนนี้ อา..คงตั้งแต่เมื่อ5ปีก่อนกระมังที่ตนอดไม่ได้ที่จะไม่สบายใจ
-------------------------------------------------
5ปีก่อนหน้านี้
"โลกิ!!เจ้าอยู่ที่ไหนกัน ข้ามารับเจ้าแล้ว!!" ธอร์ตะโกนลั่นดินแดนที่ว่างเปล่าพร้อมกับวิ่งตามหาร่างบาง หวังให้เจ้าของชื่อขานตอบรับกลับมาอย่างสุดกำลัง หลังจากที่จัดการกับเมลาคินได้สำเร็จเขาก็รีบมาที่นี่ทันที เพื่อมารับร่างบางกลับตามสัญญา
"เจ้าอยู่ไหนกัน!!! โลกิ!!เจ้าไม่เป็นไรใช่มั้ย ข้าอยู่ตรงนี้แล้วเหตุใดถึงไม่ขานข้าตอบมาละ โลกิ?เจ้าได้ยินที่ข้าถามหรือเปล่า....!!!!!.....โลกิ เจ้าล้อข้าเล่นอยู่ใช่มั้ยได้โปรดอย่างเพิ่งจากข้าไป ได้โปรด..ตอบข้ากลับมาหน่อยเถอะ..." จากเสียงตะโกนแปรเปลี่ยนเป็นแผ่วเบา เรี่ยวแรงของร่างใหญ่ลดลงไปอย่างรวดเร็ว เมื่อพบร่างบางกำลังนอนหลับตาสนิทดวงหน้าซีดเผือด ร่างใหญ่รีบเข้าไปโอบรั้งร่างไร้สติขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดแต่เมื่อสัมผัสกับร่างกายนั้นก็เย็นเกินกว่าที่ควรจะเป็น ไหนจะอัตราการเต้นของหัวใจที่ไร้ร่องรอยการขยับใดๆทั้งสิ้น บ่งบอกได้อย่างดีว่าร่างบางได้จากเขาไปแล้ว....ตลอดกาล
"ทำไมกัน..ทำไมกัน!!!ได้โปรดอย่างทิ้งข้าไปโลกิ น้องข้า ได้ไปรดกลับมา" เพียงเท่านั้นท้องฟ้าที่ไม่มีท่าทีว่าฝนจะตก ก็มีฝนค่อยๆโปรยปรายลงมาจากเล็กน้อยจนหนัก มีทั้งฟ้าร้องฟ้าผ่าดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วหากมันก็สามารถที่จะซ่อนน้ำตาและเสียงกู่ร้องด้วยความเศร้า แต่เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดเพียงที่เดียว มันเกิดทั้ง9โลก ผู้เป็นพ่ออย่างโอดินรู้ถึงเหตุผลดีว่าทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นและไม่ใช่เพียงแค่ตนคนเดียวเท่านั้นที่รับรู้ มารดาแห่งสรรพสิ่งผู้ล่วงรับยังคงเป็นห่วงบรรดาบุตรของตนเองก็เช่นกัน
"อย่า...อย่าจากข้าไปอีกคนเลย ข้ารักเจ้าสุดหัวใจของข้าเลยนะ......น้องข้า ได้โปรดเถิดอย่าพรากดวงใจเพียงหนึ่งเดียวของข้าไปเลย ไม่ว่าภพนี้ข้าจะยังไม่ได้เอ่ยกับเจ้าไป ไม่ว่าจะไปเกิดอยู่หนใดข้าจักตามหาเจ้า แล้วพาเจ้ากลับมาแล้วจะเอ่ยคำว่า’รัก’ให้เจ้าได้รับรู้แน่นอน ฉะนั้นรอข้าก่อนเถอะข้าจะรีบไปพาเจ้ากลับมาบ้านของเราแน่นอน ตามที่ข้าได้ให้สัญญากับเจ้าไว้...."
-------------
ข้า มองเห็นทุกเหตุการณ์มาโดยตลอดตั้งแต่ข้าจากโลกไปนี้ไป คอยมองความเป็นไปของลูกที่ข้ารักทั้งสอง คอยสดับฟังทุกถ้อยคำที่โลกิต้องการจะเอ่ยวิงวอนต่อฟากฟ้าว่าอยากที่จะเอ่ยคำๆหนึ่ง ถึงผู้ที่เป็นที่รักยิ่งของเขาธอร์ หรือแม้กระทั่ง ถ้อยคำอ้อนวอนของธอร์ที่จะหวังว่าจะพบกันอีกโดยที่ตนจะเป็นคนที่ออกตามหาอีกฝ่าย เพื่อรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้
นางเห็นทุกการกระทำ ทุกคำเอื้อนเอ่ย.....
'เช่นนั้นข้าจะเป็นผู้ทำให้เป็นจริงเอง'
นางกล่าวจากที่ๆไม่มีใครรู้แม้กระทั้ง'ไฮดัลม์'นายประตูทวาร แล้วเหตุไม่เกินการคาดเดาของนายทวารแต่ก็ทำให้เขาประหลาดไม่น้อยเลยทีเดียว กับการที่มารดาแห่งสรรพสิ่งเลือกที่จะกระทำการฝืนชะตากรรมเช่นนี้ การที่ทำให้วิญญาณของผู้ที่ควรถูกพาไปนรกกลับได้ไปมีชีวิตอีกคราในต่างสถานที่ ต่างโชคชะตา ต่างความทรงจำแต่ดวงวิญญาณดวงเดิม และสิ่งที่ต่างไปคือตำแหน่งของผู้ไล่ตามกับผู้ถูกไล่ตาม ได้ถูกสลับกันไป..
โดยสิ่งที่แลกไปคือพลังเวทแทบจะทั้งหมดของนางเพื่อทำสัญญากับราชินีปรโลก..'เฮล'... แต่มันก็คุ้มที่จะเสียไป
เพื่อความสุขของคนที่นางรักมากสุดหัวใจ...
-------------
'โ.....กิ.....โลกิ..โลกิ' หือ?เสียงของใครกันนะกำลังเรียกชื่อของเขาอยู่ ช่างเป็นเสียงที่คุ้นเคยและดูแสนห่างไกล แต่อบอุ่นอย่างน่าประหลาด สว่าง..สว่างเกินที่เขาจะเอื้อมมือไปถึงมันได้เพราะเขาเป็นความมืด ความมืดที่เมื่อเข้าไปใกล้แสงสว่างก็จะถูกลบเลือนไปเรื่อยๆ คิดถึงเสียจริงๆ ขณะที่ยังงุนงงดวงตาก็ค่อยๆปรือขึ้น แต่สิ่งที่มองเห็นกลับมีเพียงแสงสว่างเพียงจุดเดียว
'เจ้ากำลังปราถนาสิ่งใดอยู่ลือ..ข้าจักช่วยให้มันเป็นจริงเอง บุตรข้า' เสียงปริศนายังคงดังขึ้นต่อเนื่อง
'บุตร? ทะ..ท่านแม่หรือ' ร่างบางค่อยๆเริ่มมีสติขึ้นมา
'จงบอกสิ่งที่เจ้าต้องการมา' ฟริก้าไม่ตอบคำถามแต่ยังถามคำถามเดิม
'ทะ..ท่านแม่นั่นท่านจริงๆใช่มั้ย ตอบข้าหน่อยสิ หรือว่า...ท่านยังโกรธข้าอยู่หรือ' โลกิพยายามเรียกอีกคนอย่างสุดกำลัง
'เจ้าต้องการที่จะรักษาสัญญาที่มีต่อธอร์ใช่รึไม่' ร่างได้ยินดังนั้นก็ถึงกับผงะ ท่านแม่รู้ได้ยังไงกัน
'ท่านรู้ได้อย่างไรกัน'
'ทำไมข้าจะไม่รู้ละ ในเมื่อข้าคอยมองดูพวกเจ้าทั้งสองมาตลอด'
'แล้วตอนนี้ธอร์เป็นอย่างไรบ้างหรือ'
'ไม่ต้องเป็นห่วงไป แค่ดูจะเศร้าไม่น้อยเท่านั้น'
'เช่นนั้นรึ..' ร่างบางสีหน้าหม่นลงทันที
'แล้วตกลงนั่นคือความต้องการของเจ้าใช่หรือไม่โลกิ ต้องการที่จะทำให้สัญญาเป็นจริงใช่หรือไม่' ฟริก้าเอ่ยอีกครา
'ใช่ นั่นเป็นเพียงสิ่งเดียว' โลกิตอบอย่างแน่วแน่ เป็นที่พอใจฟริก้าอย่างมาก
'เช่นนั้นก็ไปเถิด ไปทำให้มันเป็นจริงเสีย ข้าจักช่วยเจ้าเอง' ฟริก้าเอ่ยอย่างอ่อนโยน
'หา!? จะเป็นไปได้อย่างไรกันในเมื่อข้าตายไปแล้วนะ'
'ได้สิ ไปกันเถอะ' แล้วแสงจากจุดเล็กก็ใหญ่ขึ้นจนสว่างไปทั่งบริเวณที่โลกิอยู่ ปรากฎให้เห็นร่างของมารดาแห่งสรรพสิ่งกำลังยื่นมือมาตรงหน้าเทพแห่งคำลวง
'เพราะมันยังไม่ถึงเวลาของเจ้า'
'ทะ ท่านแม่..ข้าขอโทษ ขะ..ข้าขอโทษที่พูดเช่นนั้นไป ฮึก..ให้ข้าเป็นลูกของท่านได้ อึก..หรือเปล่า' ร่างบางรีบโผ่เข้ากอดมารดา ก่อนที่จะสะอื้นออกมา
'แม่หาได้โกรธเจ้าไม่โลกิ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นเจ้าก็ยังคงเเป็นลูกของแม่เสมอมา และตลอดไป' ฟริก้ากอดตอบร่างบางพลางลูบหัวอย่างอ่อนโยนอย่างที่นางเคยทำมาเสมอตั้งแต่ลูกทั้งสองยังเด็ก ร่างบางที่สะอื้นก็พยักหน้าหงึกๆ
'เช่นนั้นไปกันเถอะโลกิ ไปยังมิดการ์ดเพื่อรอให้พี่เจ้ามารับเจ้าเสียที' ผู้เป็นแม่ผละกอด นำนิ้วมือเรียวยาวเกลี่ยน้ำตาออกจากดวงหน้างดงามที่งามไม่แพ้อิสตรีคนใด
'ข้าจักไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไรทุกคนล้วนเกลียดข้า' โลกิแย้งขึ้น
'ได้สิเจ้าไม่ต้องกังวลไป ทุกคนบนมิดการ์ดจะไม่รู้สึกถึงสิ่งที่ต่างออกไป ระหว่าง'โลกิ'ที่เป็นศัตรูกับตัวเจ้าที่อยู่ข้างพวกเขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าเจ้าคือใครมีเพียงธอร์และชาวแอสการ์ดที่เวทมนต์บทนี้จักไม่ส่งผลใดๆ แต่ไม่มีใครเลยบนมิดการ์ดที่จะลืมเจ้าในชื่อของโลกิ กลับกันเขาจะต้อนรับเจ้าในชื่อของอีกคนราวกับเป็นคนละคนกัน ส่วนตัวเจ้าเองจะต้องสูญเสียความทรงจำไปแต่เพียงชั่วครู่เท่านั้น เมื่อถึงเวลาทุกอย่างจะกลับมาเป็นดังเดิม'
'แต่หากข้าสูญเสียความทรงจำทั้งหมด แล้วข้าจักทำตามสัญญาได้อย่างไรกัน' โลกินึกฉงน
'เพียงชั่วคราวเองลูกข้า เจ้าจักเชื่อใจธอร์ซักครั้งได้รึเปล่า'
'......' ร่างบางไม่ตอบทำเพียงแค่พยักหน้าช้าทั้งที่ภายในใจยังคงลังเล
'เช่นนั้นก็ได้เวลาแล้ว จงเลิกตั้งข้อกังขาใดๆสิ่งเดียวที่เจ้าทำได้คือ เชื่อมั่นและเฝ้ารอเท่านั้น..' สิ้นเสียงของฟริก้าทุกสิ่งก็ราวกับถูกรีบูสให้เป็นไปดั่งบทกลอนแห่งมนตราอันทรงพลังและเคลิ้บเคลิ้ม
และนั่นคือเรื่องราวแห่งปาฏิหารย์
-------------------------------------------------
ปัจจุบัน
ณ แอสการ์ด
"ธะ..ออ..ธอร์..ธอร์" ร่างสูงใหญ่เจ้าของเรือนผมสีทองกับดวงเนตรสีท้องฟ้ายามที่สดใส แต่บัดนนี้กลับหม่นแสงไร้แววยามเมื่อต้องแสง สะดุ้งตัวเล็กน้อยขณะเหม่อมองออกไปจากบานหน้าต่างจากห้องของตนทอดสายตาไปยังสุดขอบฟ้า ก่อนจะหาที่มาของเสียง
"นั่นใครนะ" เมื่อมองหาไม่เจอจึงลองเอ่ยถามขึ้น
"เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอก เพราะอีกไม่นานก็จักได้พบกันแต่เจ้าอาจใช้เวลาในการหาสักหน่อย"
"เจ้าต้องการอะไรกันแน่ แล้วเราเคยพบกันหรือเปล่าข้าถึงได้คุ้นเสียงของท่านนัก" ใช่ เขาคุ้นมันมากเป็นเสียงที่ไม่มีวันจะลืมแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับนึกเท่าไหรก็นึกไม่ออกเลย คงเป็นเพราะฤทธิ์ของสุราที่เขาเพิ่งดื่มไปแน่ๆ
"เดี๋ยวเจ้าก็จักได้รู้ว่าเองข้านั้นคือใคร เมื่อเจ้าพบหัวใจที่หายไปของเจ้าแล้ว" ถึงไม่เห็นก็รู้ได้ว่าเจ้าของเสียงกำลังยิ้มอยู่
"..!?..ทะ ท่านรู้ได้ยังไงกัน ท่านรู้รึว่าโลกิอยู่ที่ใดนะ" ร่างสูงตกใจเมื่อคนผู้นี้รู้ถึงความรู้สึกที่ตนมีต่อโลกิ
"ทั้งไกลและใกล้ แต่อย่าลืมสะหละว่าเขากำลังรอผู้ที่ให้คำสัญญาไว้อยู่มากว่า 5 ปีแล้ว ไม่ว่าเขาจะมีความทรงจำเกี่ยวกับ เจ้าและเรื่องที่ผ่านมาหรือไม่ก็ตาม จงหาให้เจอ" จากคำที่กล่าวอย่างเลื่อยๆ แปรเปลี่ยนมาเป็นคำพูดที่หนักแน่นในประโยคสุดท้าย
"ข้าบอกเจ้าได้เท่านี้ละธอร์ จงหาน้องของเจ้าให้เจอเขากำลังรอเจ้าอยู่...บุตรข้า" แล้วเสียงก็หายไปราวกลับเป็นเพียงสายลมที่เคยพัดผ่าน
"เดี๋ยว!ท่านคือ.." แต่ไม่ทันที่จะพูดได้จบประโยค ก็พบว่าเจ้าของเสียงได้จากไปแล้ว
"ไม่ใกล้ไม่ไกล?แล้วมันที่ใดกันละ" เขาก็ยิ่งเป็นพวกหัวทึบอยู่ จนโดนโลกิว่าอยู่บ่อยๆว่าเจ้าหมีสมองเมล็ดถั่ว แล้วอยู่ๆเขาก็นึกถึงนายทวารที่รู้แทบทุกเรื่องของจักรวาล ถ้าเป็นไฮดัลม์คงรู้สินะคิดได้เช่นนั้นก็เอื้อมมือไปคว้าโยเนียร์แล้วบินตรงไปยังสะพานบายฟอร์ส
"ไฮดัลม์ เจ้า.."ยังไม่ทันที่เทพสายฟ้าได้เอ่ยในสิ่งที่สงสัย นายทวารประตูก็ขัดขึ้น ตกลงวันนี้คนเขาเป็นอะไรกันนักกันหนาถึงได้ชอบขัดเขากันนะ
"ท่านจะให้ข้าบอกจริงรึ"
"ใช่" ร่างสูงตอนทันควัน
"ไม่ลองหาคำตอบเองดูรึ นายข้า" คำพูดนี้ทำเอาร่างใหญ่นิ่งงันไปชั่วขณะ
"...."
"หนทางแห่งความสำเร็จที่มีผู้ปูทางไว้ให้ มันหน้าภูมิใจนักรึ"
"แล้วเจ้าคิดว่าข้าควรทำเช่นไรกัน"
"ท่านลองนึกดูสิสถานที่ๆเหมาะแก่การใช้ชีวิต การไปจากที่นี่นั้นมันใกล้เพียงชั่วอึดใจ แต่ผู้คนที่อยู่นะที่นั้นกลับรู้สึกว่ามันช่างห่างไกลที่จะมาถึง" นายทวารเอ่ยถ้อยคำปริศนาออกมา
"อืม...." ร่างสูงครุ่นคิดหนัก นายทวารที่ดูการกระทำก็รู้สึกเหนื่อยใจ ใยเจ้าชายคนโตของเขาถึงได้เขลาถึงเพียงนี้ แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าออกมาตามแบบฉบับเดิม
"กลับไปคิดสักหน่อยเถอะ สำหรับท่านคงต้องใช้เวลาสักหน่อย" ไฮดัลม์ไม่แปลกใจนักเลยใยฟริก้าถึงต้องถอดจิตมาหาธอร์เพื่อบอกใบ้ให้เขาทั้งที่มันยากมากที่จะทำด้วยพลังเวทที่เหลือไม่มากจึงมาได้เพียงเสียง ก็เล่นผ่านมาตั้งกี่ปีเจ้าตัวก็เอาแต่นั่งซึมเศร้าไม่ทำอะไรแม้แต่จะทำตามสัญญาจนเหล่าสหายของธอร์ ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรทำได้เพียงแต่ปล่อยให้เวลารักษาเยียวยาเท่านั้น
"เดี๋ยวนะ..คำพูดแบบนี้เหมือนเจนเคยบ่นข้าอยู่ว่า ข้าไปหานางได้ง่ายใยไม่เคยไปเยี่ยมเยียนบ้าง...!!!...ข้านึกออกแล้วใช้มิดการ์ดหรือไม่ที่ทั้งท่านแม่และโลกิอยู่ในตอนนี้" ไฮดัลม์ยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างสูงคิดออกเสียที ต้องเสียเวลาไปถึง5 ปีจนตนคิดว่าคงไม่มีวันที่พระอนุชาจะได้กลับมายังแอสการ์ดเสียแล้ว
"....." เมื่อไม่เห็นไฮดัลม์ไม่แย้งอะไรเขาก็ยิ่งมั่นใจในคำตอบนี้ยิ่งขึ้น
"ก่อนหน้านั้นข้ามีที่ที่ต้องไปเสียก่อน" ว่าแล้วร่างสูงก็บินกลับไปยังวัง รีบรุดเดินไปตามเส้นทางที่ทอดยาวจนสุดทาง ก็พบประตูขนาดใหญ่ที่แผ่ความเย็นออกมาเห็นได้จากไอที่เคลื่อนที่ลอดประตูออกมา ร่างสูงไม่รีรอที่จะประตูบานใหญ่ออก เผยให้เห็นร่างบางเจ้าของเรือนผมสีรัตติกาล ดวงเนตรสีมรกตกำลังหลับใหลอย่างไม่มีวันตื่นคืนมา
"ข้าจักไปพาเจ้ากลับมายังบ้านของเราในอีกไม่ช้า...ดวงใจข้า...รอข้าก่อนนะ" มือหยาบกร้านเกรี่ยข้างแก้มนวลแผวเบาราวกับกลัวว่าร่างตรงหน้าจะตื่นจุมพิตที่หน้าผากมนก่อนจะผละออก แต่ก่อนจะได้มุ่งกลับมายังสะพานบายฟอร์ส เสียงทรงอำนาจของพระบิดาแห่งทวยเทพก็ดังขัดขึ้น
"ธอร์ เจ้ารู้แล้วรึ" เทพสายฟ้าไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่พยักหน้าเบาๆ "เช่นนั้นเจ้าก็ไปเถิด อย่าให้เขาต้องรอนานกว่านี้เลย"
"เช่นนั้นไว้พบกัน ท่านพ่อ" เขาโค้งเคารพเล็กน้อยแล้วร่างสูงก็ตรงกลับไปที่สะพานทันที
"ส่งข้าไปที่มิดการ์ดเดี๋ยวนี้"
"ได้แน่นอน นายข้า"
-------------
"อ้าว! อรุณสวัสดิ์ครับคุณทอมช่วงนี้มาเช้าจังนะครับ" เมื่อร่างบางก้าวเท้าเข้ามาในตึกสตาร์กทาวเวอร์ ร่างบางก็ถูกพนักงานประชาสัมพันธ์ทักขึ้น
"ครับ ช่วงนี้ตื่นเร็วนะครับ แล้วไม่ทราบว่าคุณโทนี่มาทำงานรึยังนะครับ" ทอมยิ้มทักทายกลับไปอย่างสุภาพ
"ยังเลยครับ" เป็นคำตอบที่ทำให้คนฟังคิ้วกระตุกทั้งๆที่ปากและตากำลังยิ้ม แต่ตอนนี้กลับแผ่บรรกากาศมาคุออกมา
"อ้อ~งั้นหรอครับงั้นผมไปหละ" ร่างบางกล่าวลาก่อนที่จะก้าวยาวๆตรงไปที่ลิฟท์พิเศษที่ใช้ขึ้นไปยังชั้นบนสุดอย่างรวดเร็วกว่าที่พนักงานประชาสัมพันธ์จะได้พูดอะไรต่อ ร่างบางแทรกตัวเข้าไปในลิฟท์ทันที่ประตูลิฟท์เปิดออก
'อรุณสวัสดิ์ครับคุณทอม' เสียงของระบบอัจฉริยะกล่าวทักทายดังขั้น
"อือ อรุณสวัสดิ์จาวิส เจ้านายจอมขี้เกียจของนายยังไม่ตื่นใช่มั้ยทั้งๆที่8โมงแล้วเนี่ย!" ร่างบางกล่าวตอบอย่างระอาเต็มที ให้ได้งี้สิเป็นมันได้ทุกเช้า
'ใช่ครับ'
" ......-_-****** " ฉันจะไปกระโดดบีบคอมัน
"ถึงชั้นแล้วครับ คุณทอม ขอให้มีความสุขในการทำงานวันนี้นะครับ"
"หึ แน่นอน" กวนมันทั้งเจ้านายทั้งสมองกลเหมาะสมกันจริงจริ๊ง
เมื่อร่างบางอกจากลิฟท์ก็เดินตรงไปยังห้องที่อยู่ชั้นสองซึ่งเป็นส่วนของห้องนอนที่มีอยู่