คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #60 : เจ้าสาวของท่านไดเทนกุ ตอนจบ
ช่วงเช้าตรู่ในวันที่ดอกท้อเริ่มผลิบานและดอกซากุระได้โปรยปรายดูสวยงาม พืชพันธุ์ไม้นานาพันธุ์ผลิดอกออกผลช่างน่ารื่นรมย์ยิ่งนัก ร่างของชายหญิงทั้งสองยืนอยู่เบื้องหน้าเทพแห่งความงามในอุทยานอันกว้างใหญ่ของตน ชิโระยูกิสวมกิโมโนชุดสีชมพูสดใสที่ซ้อนทับกันหลายชั้น ส่วนไดกิสวมชุดคาริกินุสีดำดูสูงศักดิ์ เขาสวมหวากขุนนางสีดำ ส่วนมายุเองได้มัดผมไว้เรียบร้อยตามแบบฉบับของเจ้าสาวในยุคเฮอัน เทพีแห่งความงามมองดูทั้งสองอย่างมีความสุขอยู่ห่างๆ รวมถึงมาโคะโตะที่มาที่นี่ด้วย หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจนักที่มีคนมาเป็นจำนวนมากถึงเพียงนี้ คงเพราะท่านเบนไซเทนกระจายข่าวให้คนอื่นๆทราบด้วยกระมัง หนุ่มสาวยืนอยู่คนละฝั่งของกันและกัน ด้านหน้ามีโต๊ะตัวเล็กบนโต๊ะมีถ้วยอยู่สามใบที่มีขนาดจากเล็กไปใหญ่ ก่อนการาสุเทนกุจะรินเหล้ามงคลให้ทั้งสองดื่ม มายุกับไดกิจิบสาเกจากถ้วยสามใบ ใบละสามครั้งรวมทั้งหมดเก้าครั้ง และหลังจากนั้นทั้งสองต้องวางถ้วยลงบนโต๊ะพร้อมกันเพื่อเป็นเคล็ดให้ทั้งสองอยู่คู่กันตลอดไป ไม่มีใครจะตายจากไปก่อนคราวนี้ทั้งสองวางลงอย่างพร้อมเพรียงกัน ไดกิกับชิโระยูกิยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ก่อนทั้งสองจะเดินมายืนข้างกันต่อหน้าเทพีแห่งความงาม และเริ่มพิธีให้สัตย์ปฏิญาณ โดยไดกิอ่านกระดาษที่เตรียมมาและประกาศว่าทั้งสองเป็นสามีภริยา แต่คราวนี้เขาจะไม่กล่าวหรือทำการขอพรจากเทพเจ้า คำปฏิญาณของเขาไม่จำเป็นต้องอ้างถึงเทพเบื้องบนแต่อย่างใดเพราะอย่างไรเขาจะเชื่อมั่นในตัวเขาและเธอเสมอ
“พวกข้าได้ทำคำสัตย์สาบานในพิธีแต่งงาน พวกข้า ไดกิและมายุ ยินดีที่จะได้กล่าวสัตย์สาบานในวันมงคลสมรสนี้ และด้วยคำอวยพรของทุกคนในที่นี้ ขอให้ข้าและนาง เป็นคู่บ่าวสาวกัน พวกข้าขอสาบานต่อหน้าพวกท่านว่าจะรักและเคารพซึ่งกันและกันจนกว่าชีวิตจะหาไม่ และมุ่งมั่นที่จะนำความรุ่งเรืองมาสู่ครอบครัว และยิ่งไปกว่านั้น พวกข้าจะสาบานว่าจะไม่ร้างลาจากกันอย่างเด็ดขาด และจะรักนางแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ไม่ว่ากี่ภพชาตินางจะเกิดเป็นใครก็ตามข้าย่อมรักนางด้วยทั้งหมดใจของข้าที่มีต่อนาง”ไดกิอ่านคำสาบานอย่างตั้งใจ ส่วนประโยคหลังเขากล่าวออกมาเอง
"ดิฉันจะรักท่านไดกิตลอดไปค่ะ ไม่ว่าท่านไดกิจะเกิดใหม่เป็นใครดิฉันก็รักท่านไดกิเสมอค่ะ ดิฉันรักท่านไดกิสุดหัวใจเช่นกันค่ะ"ชิโระยูกิกล่าวออกมาและยิ้มหวานให้อีกฝ่ายหนึ่ง จากนั้นจึงเป็นขั้นตอนสุดท้ายคือการสวมแหวน มือกำยำจับมือเรียวของเธอขึ้นมาและสวมแหวนเข้าที่นิ้วนางของมายุ จากนั้นเธอเองก็สวมแหวนให้แก่เขาเช่นกัน ชายหนุ่มเองจับมือของเธอและมองตากันอย่างมีความสุข
“เท่านี้ข้ากับเจ้า จะได้อยู่ด้วยกันเป็นสามีภริยากันแล้วนะ มายุของข้า”มือใหญ่เชยคางให้ร่างที่มีดวงตาสุกสกาวสีเงินจ้องมองเขา
“ค่ะ ท่านไดกิที่รักของดิฉัน”ชายหนุ่มจูบหน้าผากของเธออย่างเอ็นดู ทั้งมองตากันอยู่นานด้วยความซาบซึ้งใจอย่างมาก ก่อนเทพีแห่งความงามจะปรบมือออกมาเมื่อเสร็จสิ้นพิธีพร้อมด้วยเสียงโฮ่ร้องของคนอื่นๆด้วยความยินดี วันนี้ช่างเป็นวันที่เธอมีความสุขเสียจริง ทั้งสองยืนเคียงข้างกันด้วยความรู้สึกอิ่มเอมหัวใจนักก่อนชายหนุ่มจะพาร่างบางเดินไปในอุทยานแห่งใหญ่ที่มีดอกไม้นานาพันธุ์น่าชมยิ่งนัก ผีเสื้อจำนวนมากบินว่อนและมีสีสันงดงาม มายุถึงกับตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้าที่สวยงามเกินคำบรรยาย
“ข้าพาเจ้ามาที่นี่ตามคำสัญญาแล้วนะ เจ้าชอบหรือไม่”เขาถามขึ้น
“ชอบค่ะ สวยงามมากๆเลยค่ะ เหมือนกับเทพนิยายไม่มีผิด”เธอมองไปรอบๆด้วยความตื่นเต้น ดอกไม้หลากสีช่างสวยงามนัก ผีเสื้อที่มีลวดลายต่างๆบินผ่านหน้าเธอไป ชิโระยูกิไม่เคยเห็นผีเสื้อใกล้ขนาดนี้มาก่อนจึงเหมือนตกอยู่ในภวังค์ บางตัวมีสีฟ้า บางตัวมีสีแดงลายจุด น่าชมยิ่งนัก แม้แต่นกน้อยยังร้องเพลงขับขานเคียงคู่กัน ก่อนเสียงหนึ่งจะเรียกเธอเอาไว้ให้ได้สติขึ้นมา
“เจ้าเคยเห็นซากุระหรือไม่?”
“ซากุระ?”เธอสงสัยนักว่าเป็นเช่นไร
“ดอกท้อล่ะ?”ไดกิถามออกมาอีกครา
“น่าจะไม่เคยนะคะ”เธอคิดว่าไม่เคยเห็นแน่ๆ ชายหนุ่มจึงจูงมือของเธอไปตามทางจนเห็นต้นไม้ที่แปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูน่าชมไกลสุดลูกหูลูกตา กลิ่นหอมหวานลอยมาแตะจมูกของเธอ ช่างเป็นต้นไม้ที่สวยอะไรเช่นนี้ ดอกไม้สีชมพูอ่อนมีกลิ่นหอม หากเปรียบกับสตรีคงเป็นสตรีที่ทั้งมีความงามทั้งภายในและภายนอกด้วย
“นั่นคือต้นซากุระ”เขากล่าวออกมา มายุจับมือเขาไว้แน่น และกอดแขนของเข้าเอาไว้อย่างอบอุ่นนัก
“สวยจังเลยค่ะ ไม่เคยเห็นต้นไม้อะไรสวยเช่นนี้มาก่อน”เธอยื่นมือออกไปรองกลับซากุระที่ร่วงหล่นลงมาบนมือของเธออย่างพอดิบพอดี ไดกิชำเลืองมองใบหน้าของเธอที่มีความสุข เขาเองก็อุ่นใจ
“สีชมพูสวยจัง”เธอกล่าวขึ้นเมื่อได้มองกลีบดอกไม้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ชายหนุ่มหยิบกิ่งซากุระที่หักร่วงลงมาอยู่ที่ก้อนหินด้านล่าง และเด็ดดอกซากุระมาติดไว้ที่ผมของเธอ
“เจ้าชมตัวเองบ้างสิ วันนี้เจ้าสวยกว่าดอกซากุระอีก เจ้าบดบังความงามของดอกซากุระจนหมด”เขาจูบเธออย่างอ่อนโยน จนอีกฝ่ายเคลิ้มไปชั่วขณะใบหน้าของเธอแดงระเรื่อจนสีเหมือนดอกซากุระเสียจริง
“ดีจังเลย วันนี้ท่านไดกิหล่อมากที่สุดเลยค่ะ”เธอยิ้มออกมาอย่างมีความสุขนัก
“ข้าเชื่อเจ้า เจ้าไม่มองคนอื่นนอกจากข้าจริงๆ”
“ท่านก็ไม่มองคนอื่นเลยเหมือนกันค่ะ”ไดกิหยิกแก้มของอีกฝ่ายอย่างเบามือ
“ขอบคุณเจ้านะมายุ ข้าอยากขอบคุณเจ้าในทุกๆเรื่องที่ผ่านมาเจ้าช่วยข้าไว้มากมายเลยทีเดียว”เขากุมมือของเธอไว้
“ถ้าการเป็นผู้นำต้องมีความสามารถมากมายที่จะสามารถปกครองผู้อื่นอย่างเป็นสุขได้ ดิฉันเองที่จะเป็นเจ้าสาวของท่านไดกิก็ต้องมีคุณสมบัติเช่นนั้นเหมือนกันค่ะ ดิฉันจะพยายามนะคะ”ชายหนุ่มนึกถึงมายุผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลขึ้นมาชั่ววินาทีหนึ่ง หากเป็นนางล่ะก็ ก็คงกล่าวกับเขาเช่นนี้แน่
“เจ้าทำได้ดีมาตลอดมายุ นอกจากความงามที่เจ้ามีแล้ว เจ้ายังฉลาดเฉลียว ซื่อตรง ซื่อสัตย์ การที่เจ้าเป็นเช่นนี้ เจ้ามิได้เป็นคนที่ทำตัวเป็นขวานผ่าซากแต่อย่างใด เจ้ามีสัมมาคารวะ มีมารยาท มีความคิดที่ดี และรอบคอบ”
“ท่านจะชมมากไปแล้วนะคะ”เธอกล่าวออกมาด้วยความเขินอายยิ่งนัก
“แต่ว่าดิฉันเองจะเป็นแบบที่ท่านกล่าวจริงๆหรือเปล่านะ ท่านไดกิเจ้าคะ ตอนอยู่กับยูกิอนนะ ดิฉันรู้สึกว่า..ดิฉันอาจจะไม่ใช่อย่างที่ท่านไดกิกล่าวสักเท่าไหร่”เธอมีสีหน้าที่หนักใจ
“งั้นรึ? นั่นสิข้าลืมไปอย่างหนึ่ง เจ้าน่ะเป็นจอมวางแผน ชอบเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง และบีบบังคับให้คนอื่นเล่นตามเกมของตน เจ้ามักจะใช้ความรู้สึกผิดของอีกฝ่ายทำให้เขาหรือเธอยอมทำตามเกมที่เจ้าวางไว้”เขากอดอกตนเองและกล่าวออกมา
“ท..ท่านรู้ดีเกินไปแล้วนะคะ!!”ชิโระยูกิตกใจอย่างมากเมื่อได้ยินคำนั้นจากปากเขา
“อะไรกัน ข้าเดาถูกด้วยรึ? เจ้าคงจำไม่ได้ แต่เจ้าเคยช่วยข้าไว้ในสนามรบนั่นทำให้ข้าได้รู้จักเจ้าในอีกมุมหนึ่งเลยล่ะ”เขาแสยะยิ้มออกมา โดยเฉพาะเมื่อตอนที่มายุตั้งใจหันหลังให้คุโระเฮะบิลอบทำร้ายตน เพื่อให้คุโระเฮียวหวาดระแวงพวกเดียวกันเอง และหวังให้ชายหนุ่มมาช่วยเธอให้ทัน ถ้าไม่บ้าบิ่นจริงคงไม่มีใครคิดแผนเช่นนี้ขึ้นมาได้อย่างแน่นอน
“แปลว่าเจ้าเอาตัวเองไปเสี่ยงอีกแล้วใช่ไหม บอกข้ามาเลยมายุ เราแต่งงานกันแล้วจะไม่มีความลับต่อกันอีก ข้าอยากรู้ว่าเจ้าไปทำอะไรมาบ้าง”เขาคาดคั้นเธอ
“ดิฉันเล่าให้ฟังก็ได้ค่ะ แค่มีอยู่วันหนึ่ง ยูกิอนนะที่ชื่อว่ายูกิโกะ มาฟุยุ กับโอยูกิ ต่อว่าดิฉันกับมิยูกิค่ะ ดิฉันเลยทำเป็นเถียงกลับให้อีกฝ่ายโมโหจนดิฉันถูกตบค่ะ”
“ถูกตบ?!!”ไดกิมีสีหน้าประหลาดใจนัก
“ค่ะ...ยังมีที่แย่กว่านั้นอีกค่ะ ท่านไดกิ คือหลังจากวันนั้นก็คือวันที่ท่านไดกิไปช่วยดิฉันแหละค่ะ”ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเมื่อได้ฟัง ก่อนจะให้อีกฝ่ายเล่าเรื่องต่อ
“งั้นรึ? ขอบคุณที่บอกข้า แต่ข้าขอห้ามเจ้าไม่ให้ทำเช่นนี้อีก เจ้าสำคัญกับข้ามาก อย่าให้คนอื่นทำร้ายเจ้าได้ง่ายๆสิ”
“เจ้านี่ชอบทำให้ข้าตกใจอยู่เรื่อย รักษาตนเองให้ปลอดภัยได้หรือไม่ สัญญากับข้าบ้าง”ไดกิกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ได้ค่ะท่านไดกิ ดิฉันสัญญา”เธอซุกอกของชายหนุ่ม และได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นเป็นจังหวะ
“เจ้ามีค่าสำหรับข้า อย่าทำเช่นนั้นอีกเลยถือว่าข้าขอร้องเจ้า ตอนนี้เจ้าคงไม่ต้องกลับไปที่นั่นแล้ว ข้าค่อยเบาใจขึ้นหน่อย”เขาพึมพำออกมา ก่อนจะพาร่างบางเดินชมดอกไม้ต่อไปเรื่อยๆจนวนกลับมาที่ศาลากลางสวนเช่นเดิมและพบทานูกิตนหนึ่งวิ่งมาหาเธอ
“เจ้าสวยขึ้น เหมือนเทพธิดาจริงๆ”มาโคะโตะกล่าวออกมา เขาถึงกับแอบอิซานากิออกมาเพื่อจะได้มาพบเธอเลยนะ ร่างบางมองอีกฝ่ายอย่างสงสัย
“เรารู้จักกันด้วยใช่ไหมคะ ขอโทษนะคะที่จำไม่ได้พอดีว่ามันเกิดเรื่องหลายๆอย่างขึ้นค่ะ”เธอบอกเขาไปตรงๆ ทานูกิมีสีหน้าประหลาดใจ แต่ก็พยักหน้ายอมรับ
“ข้ามีนามว่ามาโคะโตะ เคยเจอเจ้าตอนที่เจ้าเป็นอมนุษย์”เขาจับมือเธอ และกล่าวออกมา
“ข้าเคยสัญญาว่า จะเล่าเรื่องการเดินทางระหว่างข้ากับเจ้าให้ลูกหลานข้าฟัง เพราะมันเป็นการเดินทางที่ยิ่งใหญ่มาก สำหรับเจ้าที่เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว และในที่สุดในวันนี้เจ้าได้อยู่กับคนที่เจ้ารักเสียทีหนึ่ง ข้าดีใจด้วย ได้เห็นเจ้ามีความสุข ข้าก็ซาบซึ้งใจ”มาโคะโตะสูดน้ำมูกและพยายามไม่ร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตัน ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เคยเดินทางไปกับเขาเมื่อตอนนั้นจะเป็นหญิงสาวแสนสวยได้ถึงเพียงนี้
“ขอบคุณนะคะ ว่างๆช่วยเล่าเรื่องนี้ให้ดิฉันฟังด้วยนะคะ”เธอยิ้มออกมา พอดีกับเทพีแห่งความงามเดินมาพบเธอ
“เจ้าอาจจะจำข้าไม่ได้นัก แต่ข้าดีใจนะที่เจ้ากับปิศาจเทนกุตนนั้นมีความสุข หวังว่าเจ้ากับเขาคงครองรักกันเนิ่นนาน มีลูกหลานเยอะๆล่ะ เจ้าสวยถึงเพียงนี้ ลูกหลานเจ้าต้องหน้าตาดีแน่นอนข้าเชื่อเช่นนัั้น จากนี้ไปพวกเจ้าทั้งสองเป็นสามีภริยากันแล้วข้าขอยินดีด้วย”เบนไซเทนกล่าวขึ้น หญิงสาวลำบากใจที่ต้องมาคุยกับคนที่เธอจำไม่ได้ถึงสองคน เมื่อรู้ตัวอีกทีชายหนุ่มก็กุมมือเอาไว้ ทำให้มายุสบายใจขึ้นมาบ้าง
“ขอบพระคุณท่านเบนไซเทนมากขอรับ ที่ให้ข้ากับมายุได้มาแต่งงานในอุทยานของท่านเช่นนี้ ข้าไม่รู้จะตอบท่านอย่างไรดี ท่านเบนไซเทนช่างเป็นเทพีที่มีจิตใจงดงามจริงๆขอรับ”เขาคำนับอีกฝ่ายหนึ่ง
“ไม่เป็นไร ข้าแค่เชื่อในความรักของเจ้าทั้งสองเท่านั้น การแต่งงานครั้งก่อนคงจะจัดในศาลเจ้าเก่าๆสินะ ข้าก็เลยอยากให้พวกเจ้าสองคนได้มาแต่งงานในที่สวยงามเช่นนี้บ้าง ถือเสียว่าเจ้าทั้งสองได้เริ่มต้นใหม่ก็แล้วกัน ข้าไม่ต้องการสิ่งใดหรอก ภาพของเจ้าทั้งสองเมื่ออยู่ด้วยกันแล้ว ข้าค่อยเอิ่มเอมใจขึ้นมาได้บ้างกว่าพวกเจ้ามามาถึงวันนี้ได้มันลำบากนัก แต่เพราะความลำบากนั้นพวกเจ้าคงไม่มีอุปสรรคใดที่ต้องกังวลแล้ว”คู่บ่าวสาวคำนับผู้ที่อยู่เบื้องหน้าและหันไปพบมาโคะโตะ ส่วนเทพีแห่งความงามก็เดินจากไปปล่อยให้บ่าวสาวอยู่ด้วยกันเหลือแต่ทานูกิที่ยังยืนอยู่เท่านั้น
“เจ้ายังไม่ไปอีกรึ?”ไดกิถามขึ้น อีกฝ่ายเองก็กอดอกอย่างท้าทายเช่นเคย ก่อนจะนึกได้ว่าตนเองก็ถึงเวลากลับได้แล้วจึงรีบวิ่งจากไปในทันที
“โชคดีล่ะ”เขากล่าวสั้นๆก่อนจะจากไปชายหนุ่มหันไปถามร่างบาง
“เจ้าไปรู้จักคนแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ?”เขาถอนหายใจออกมา
“ดิฉันจำไม่ได้ค่ะ”เธอกล่าวออกมาและนั่งลงบนก้อนหินขนาดใหญ่ข้างๆเขา
“ดิฉันมีความสุขจังเลยค่ะ แม้ว่าดิฉันจะจำคนอื่นๆไม่ค่อยได้ก็ตาม”
“ใช่ ทั้งมาโคะโตะ ทั้งท่านเบนไซเทน … เจ้าไม่ผิดหรอกนะที่เจ้าจำไม่ได้ อย่ารู้สึกผิดไปเลย” เขาจับมือเธอไว้แน่นและจะไม่มีวันปล่อยมือนี้ให้หลุดจากเขาเด็ดขาด ทั้งสองค่อยจุมพิตด้วยความอ่อนโยนอย่างมีความสุข ชายหนุ่มประคองร่างบางไว้ และสวมกอดเธออย่างแนบแน่นและกระซิบที่ใบหูอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยนถึงความรู้สึกที่มีต่อเธอ หญิงสาวหน้าแดงด้วยความเขินอายและอิงแอบเขาอย่างมีความสุข
เมื่อยามราตรีมาถึงคู่บ่าวสาวก็มาอยู่ร่วมห้องนอนเสียที ชิโระยูกิเดินเข้ามาในห้องนอนขอบหนุ่มอย่างว่าง่าย ห้องนอนของเขาก็ไม่ได้แตกต่างจากเดิมนัก ก่อนไดกิจะปิดประตูลง ทำไมบรรยากาศในวันนี้มันชวนให้เธอประหม่าได้ถึงเพียงนี้ ชายหนุ่มมือกำยำวางลงบนบ่าของเธอและกระซิบข้างๆหูของเธออย่างแผ่วเบา ยังไงตอนนี้ก็ถือว่าทั้งสองคนเข้าหอเรียบร้อยแล้ว
“เจ้าเป็นอะไรไปรึ?”เขาถามขึ้นและโอบกอดร่างบางจากด้านหลังไว้ อย่างแผ่วเบา
“ป…เปล่าค่ะ แค่รู้สึกแปลกๆเท่านั้นค่ะ ท่านไดกิทำตัวประหลาดจัง”เธอกล่าวออกมาและหัวเราะแฮะๆ จนเธอดูมีพิรุธยิ่งกว่าอีกฝ่ายเสียอีก
“ไม่ต้องห่วง ข้าอยู่ตรงนี้เสมอ อยู่เคียงข้างเจ้าเช่นนี้เจ้าไม่ต้องกังวลสิ่งใด”ชายหนุ่มคลี่ยิ้มออกมาและโอบไหล่เธอไว้ ทั้งสองเดินที่นั่งลงที่ปลายเตียงและมองหน้ากันด้วยความหวานชื่น ไดกิเองจึงลูบศีรษะอีกฝ่ายหนึ่งอย่างอ่อนโยน เขาไม่มีหน้าจะบอกความต้องการของตนเองให้อีกฝ่ายทราบเด็ดขาดเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายแล้วก็ชวนน่าถะนุถนอมเสียเหลือเกิน มือเรียวบางเองก็กอดเขาเอาไว้แน่น มีหรือที่เธอจะไม่รู้ความต้องการของเขา เธอเอง...พอรู้เรื่องพวกนั้นแล้ว ก็อยากเป็นหนึ่งเดียวกับเขาเสียที ดวงตาสีเทาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเงียบงันจนไดกิหันมายิ้มให้เธอและจุมพิตอย่างอ่อนโยน
"มีอะไรรึ? เจ้ามีอะไรอยากจะกล่าวกับข้ารึ?"เขาหันมาถามเธอ
"ดิฉันรักท่านไดกิมากที่สุดเลยค่ะ และก็คิดว่าท่านไดกิทำในสิ่งที่ท่านไดกิอยากทำมาตลอดเถอะค่ะ"เขามีแววตาประหลาดใจชั่วครู่ก่อนจะหลบตาอีกฝ่ายหนึ่ง
"แล้วเจ้าพร้อมแล้วรึ? ข้าน่ะทนได้เจ้าไม่ต้องห่วงไปหรอกไว้คราวที่เจ้าพร้อมมากกว่านี้ดีไหม? ยังไงเราก็แต่งงานกันแล้วนะ"เขาคลี่ยิ้มออกมา
"ดิฉัน..ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้นแล้วนะคะ ท่านไดกิ ถ้าท่านไดกิอยากทำดิฉันก็อยากทำกับท่านไดกิด้วย ค่ะ"ชิโระยูกิกล่าวออกมาด้วยความแน่วแน่ ไดกิที่เห็นดังนั้นจึงต้องยอมในที่สุดเขา ยิ้มกริ่มออกมา
"ได้สิ ข้าอยากเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้ามานานแล้วชิโระยูกิ คืนนี้ข้าจะมอบความสุขให้เจ้าทั้งคืนเอง"เขากล่าวออกมา และจูบเธออย่างดูดดื่มความรู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วร่างเสียจนร่างบางอ่อนระทวยด้วยความเคลิบเคลิ้ม และส่งเสียงว่าตนพึงพอใจออกมา ก่อนชายหนุ่มจะพรมจูบไปที่คอเรียวของเธอ ใบหน้าที่แดงแจ๋ด้วยความเขินอายและเลือดสูบฉีดอย่างมากนั้นก่อนร่างบางจะถูกอุ้มและวางลงบนเตียง ชิโระยูกิทำตัวไม่ถูกทำไมเธอจึงรู้สึกไม่สบายเช่นนี้ รู้สึกตัวร้อนประดุจถูกไฟแผดเผาด้วยการกระทำของอีกฝ่าย ใบหน้าที่เขินอายเช่นนั้นดึงดูดอีกฝ่ายให้อยากใกล้ชิดเธอให้มากยิ่งขึ้นกว่านี้ ชายหนุ่มเริ่มปลดเสื้อของตนเองชุดคาริกินุนี่ช่างใหญ่และเกะกะยิ่งนัก ส่วนร่างบางนั้นนั่งมองชายหนุ่มผู้เปลือยท่อนบนก่อนเขาจะลงนั่งข้างๆเธอก่อนจะกระซิบข้างๆหูอย่างแผ่วเบา
“มาสร้างครอบครัวกับข้าเถอะ”เขายิ้มกรุ้มกริ่มออกมาและค่อยๆปลดโอบิของหญิงสาวออกช้าๆ และปลดเสื้อของหญิงสาวออกทีละชั้นทีละชั้นอย่างใจเย็น จนร่างเปลือยเปล่าปรากฏต่อหน้าเขา ร่างกายที่ขาวผ่องสัดส่วนของเธอช่างงดงามเสียจริง เว้นแต่รอยแผลเป็นที่หน้าอกและหัวไหล่เป็นรอยถูกของมีคนกรีดแทง ไดกิชะงักไปชั่วครู่ มือกำยำสัมผัสบาดแผลของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา มายุกังวลว่าเขาจะรังเกียจรอยแผลเป็นนี้หรือไม่
“เจ้าสวยเหลือเกิน มายุ”ชายหนุ่มกล่าวออกมาเมื่อมองร่างที่อยู่เบื้องหน้าและจุมพิตที่รอยแผลนั้นอย่างแผ่วเบา
"มายุของข้า ข้าคิดถึงเจ้าเสียเหลือเกิน วันนี้ข้ากับเจ้าได้กลับมาอยู่ด้วยกันเสียที ข้าจะต้องทำให้เจ้ามีความสุขให้ได้ ขอบคุณที่เจ้ายังกลับมาหาข้าอยู่เสมอ จากนี้ไปช่วยอยู่กับข้าตลอดไปด้วยเถิด" ชายหนุ่มพรมจูบไปทั่วร่างกายของเธอ ยูกิอนนะบิดตัวไปมาด้วยความอายและความสุขสมพร้อมกันมายุเขินอายอย่างมาก ดวงตาสีเงินจับจ้องในสิ่งที่เขาทำกับเธอทุกสิ่งทุกอย่าง ก่อนจะเชยคางไดกิขึ้นมาจุมพิต ก่อนเขาจะรู้สึกว่าพลังของตนเริ่มจะหดหายไป
“อย่าสูบพลังของข้าสิ”เขาดึงแก้มอีกฝ่ายอย่างเบามือเมื่อเห็นหญิงสาวทำเช่นนั้น
“ข...ขอโทษค่ะ”หญิงสาวรีบกล่าวออกมา พลังของท่านไดกิช่างอบอุ่นและอ่อนโยนจนเธอเผลอตัวไป มายุรู้สึกผิดเธอไม่ควรทำกับเขาเช่นนี้
“เจ้าเห็นข้าเป็นอาหารรึ?”ไดกิแสยะยิ้มออกมาและกดร่างบางเอาไว้กับเตียง
“น่าเสียใจจริงๆ ข้ากำลังมอบความรักให้เจ้านะ เจ้าเห็นข้าเป็นแค่เหยื่อของเจ้ารึ?”ชายหนุ่มกล่าวออกมาอย่างตัดพ้อและแกล้งทำเป็นโมโหอีกฝ่ายหนึ่ง
“ดิฉันขอโทษค่ะ ก็เพราะว่าพลังของท่านไดกิทำให้ดิฉันรู้สึกอบอุ่นอย่างไรล่ะคะ พลังของท่านไดกิไหลเวียนในตัวดิฉัน มันอบอุ่นมากๆเลยค่ะ”เธอยิ้มหวานออกมา
“เจ้าชอบพลังของข้าขนาดนี้เลยรึ?”ร่างบางพยักหน้าออกมา และทำหน้าอ้อนวอนอีกฝ่ายหนึ่ง ชายหนุ่มรู้สึกหนักใจเพราะพลังก็จำเป็นกับเขาเสียด้วยสิ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าอ้อนวอนขนาดนั้น เขาก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
“ข้าให้พลังเจ้าก็ได้ มายุ ทุกสิ่งทุกอย่างของข้าคือของเจ้า…ข้าเป็นของเจ้า”หญิงสาวหน้าแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ดิฉันก็เป็นของท่านไดกินะคะ”ชายหนุ่มจุมพิตที่หน้าผากของหญิงสาวอย่างมีความสุขเมื่อได้ฟังเธอกล่าวออกมาทั้งสองมองใบหน้าซึ่งกันและกันก่อนจะค่อยจูบอย่างดูดดื่มอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เขาจะไม่หักห้ามตนเองอีกต่อไปแล้ว รู้สึกมีความสุขยิ่งนักเมื่อในที่สุดเขากับเธอได้อยู่ในที่แห่งนี้ด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง
แสงอาทิตย์ในยามเช้าสาดส่องลงมายังผืนโลก เสียงนกร้องอย่างมีความสุขพร้อมอากาศที่อบอุ่นนั้น ในคฤหาสน์ไม้ขนาดใหญ่และเก่าแก่นั้น ภายในคฤหาสน์ช่างเงียบสงบ ร่างของทั้งสองนอนกอดกันอยู่บนเตียงอย่างมีความสุข หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆด้วยความร้อนจากฤดูใบไม้ผลิ ร่างบางผุดลุกขึ้นนั่งช้าๆ มองชายหนุ่มที่ยังคงอยู่ในห้วงนิทรา แขนกำยำของเขายังโอบเธอเอาไว้ทั้งคืน มายุหน้าแดงเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ และคิดว่าชายหนุ่มคงยังไม่ตื่นในเร็วๆนี้แน่ๆ หญิงสาวมองใบหน้าที่นอนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
“ท่านไดกิ ดิฉันรักท่านไดกินะคะ”เธอกล่าวออกมาและลูบศีรษะของเขาอย่างเบามือดูอีกฝ่ายนอนหลับเหมือนกับเป็นเด็กน้อย
“เมื่อคืน…ขอโทษนะคะที่สูบพลังของท่านไดกิ”เธอเอามือปิดหน้าตนเองด้วยความอาย ตอนนี้เธอเองก็ยังรู้สึกถึงพลังของเขาที่ไหลเวียนอยู่ในตัวของเธอได้ดี หญิงสาวก้มลงหอมแก้มอีกฝ่ายหนึ่งอย่างแผ่วเบาและยิ้มออกมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายขยับตัวนิดหน่อยนัก
“ท่านเจ้าป่าเจ้าเขานี่ ใจดีจังเลยนะคะและยังน่ารักอีกด้วย ดิฉันอยากอยู่อย่างนี้นานๆจัง ขอให้เราไม่ต้องแยกจากกันอีกนะคะ”เธอล้มตัวลงนอนต่อ แนบอิงร่างกำยำอย่างมีความสุข รอให้เขาตื่นขึ้นมาพร้อมเธอก่อนหญิงสาวจะหลับตาลงช้าๆ แสงตะวันเริ่มสาดส่องกระทบร่างที่นอนอยู่บนเตียง แต่ทั้งสองก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาแต่อย่างใดจนเวลาผ่านไปถึงตอนสายก็ตามที แต่ไม่นานนักดวงตาสีดำขลับค่อยๆลืมตาขึ้นมา เขารู้สึกว่าเปลือกตาของตนนั้นหนักอึ้งเสียจริง ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่ลืมตาขึ้นมามองเขาด้วยตาที่กลมโตอย่างสงสัย
“อรุณสวัสดิ์”เขากล่าวขึ้นกับมายุ
“แต่ว่าตอนนี้เกือบจะบ่ายแล้วนะคะ”เธอกล่าวออกมา ไดกิรีบลุกขึ้นนั่งทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาไม่เคยตื่นสายขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต
“ท่านไดกิคงเหนื่อยสินะคะ”ร่างบางถามเขาอย่างเป็นห่วง แต่ชายหนุ่มเองกลับมีสีหน้าที่บอกไม่ถูกนัก
“ข้าเหนื่อยเพราะเจ้าสูบพลังข้านี่แหละ…ร้ายนักนะ เห็นตัวเล็กๆแบบนี้ข้าประมาทเจ้าไม่ได้เลย”เขาหยิกแก้มชิโระยูกิอย่างเบามือ
“ขอโทษค่ะ แต่ก็เพราะว่าพลังของท่านไดกิมันอบอุ่นนี่คะ ดิฉันต้านทานไม่ไหวหรอกค่ะ”เธอยังคงดูยิ้มแย้มสดใสนักส่วนชายหนุ่มได้แต่เพียงถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่ายที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ถ้าปล่อยเอาไว้ตัวเขาคงจะแย่เช่นกัน ก็หญิงสาวเล่นสูบพลังของเขาไปจนหมดเช่นนี้ ร่างบางลุกขึ้นไปแต่งตัว
“ท่าทางข้าจะต้องสอนเจ้าถึงการเป็นปิศาจที่ดีเสียแล้วสิ ไม่งั้นล่ะก็ข้าคงตายเพราะความรักของเจ้าแน่ๆ”ไดเทนกุแสยะยิ้มออกมา
“ถ้าเช่นนั้นข้าคืนพลังของท่านได้ไหมนะ?”อีกฝ่ายรู้สึกผิดที่ทำให้ ไดกิต้องสูญเสียพลังไปเพราะความต้องการของเธอ
“ไม่ได้หรอก ข้าสูบพลังไม่ได้ ข้าไม่ใช่ยูกิอนนะ… เทนกุไม่มีความสามารถนั้นหรอกนะ”เขากล่าวออกมา มายุเริ่มเข้าใจแล้วว่า แม้จะเป็นปิศาจเช่นเดียวกันก็มีความแตกต่างกันอยู่สินะ แท้จริงก็คงไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ที่มีทั้งเรื่องที่ตนถนัดและไม่ถนัด
“นี่เป็นครั้งแรกที่ดิฉันทราบว่าท่านไดกิมีสิ่งที่ทำไม่ได้ด้วย”เธอกล่าวออกมาเมื่อร่างบางสวมชุดให้เรียบร้อยแล้วมานั่งลงกับเขา หญิงสาวเห็นแต่เรื่องที่เขาทำได้ดีมาตลอด นึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเช่นนี้ด้วย
“ข้าเองก็มีขีดจำกัดเหมือนกันนะ ไดเทนกุอย่างข้าคงไม่ไปสูบพลังคนอื่นหรอก ในเมื่อข้าสร้างมันขึ้นมาเองได้ แต่เจ้านี่สิมายุ…”มือกำยำเชยคางของอีกฝ่ายให้เงยหน้ามองเขา หญิงสาวขโมยพลังของเขาไปเสียหมด อย่างนี้น่าจับนางไปลงโทษเสียดีนัก
“ข้าชักจะลองสูบพลังคืนมาจากเจ้าเสียแล้วสิ”เขายิ้มออกมาอย่างกรุ้มกริ่ม และตะครุบอีกฝ่ายหนึ่งไว้โดยไม่ทันตั้งตัว ร่างบางร้องกรี๊ดขึ้นมาเบาๆ มือของชายหนุ่มโอบเอวของเธอเอาไว้
“ท่านไดกิ ทำฉันตกใจนะคะ”เธอทั้งตกใจทั้งอายที่ถูกอีกฝ่ายแกล้งเช่นนี้
“ข้าอยากเล่นกับเจ้าเท่านั้นไม่ต้องกลัวข้าไปหรอก วันนี้ข้าไม่มีธุระอะไร เลยอยู่กับเจ้าได้ทั้งวัน”ไดกิจูบอีกฝ่ายอย่างรุนแรงและดูดดื่ม จนร่างบางอ่อนระทวย และอีกฝ่ายจะค่อยถอนจุมพิตออกช้าๆเมื่อเห็นดังนั้น
“ข้าคงดูดพลังของเจ้าได้สักนิดกระมัง”เขาหัวเราะออกมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายไร้เรี่ยวแรง ก่อนจะลุกขึ้นไปแต่งตัวเสียให้เรียบร้อย
“ท่านไดกิแกล้งดิฉัน ท่านไดกิใจร้ายที่สุด”หญิงสาวกล่าวออกมาและฟุบหน้าลงบนหมอนด้วยความอาย ไดกิเพียงเหลือบตามองท่าทีอีกฝ่ายก่อนจะอมยิ้มออกมา ร่างบางค่อยๆลุกขึ้นนั่งที่ปลายเตียงและมองไปด้านนอกระเบียงที่แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบนอันสดใสอยู่อย่างนั้น
“คราวนี้ดิฉันจะได้อยู่กับท่านไดกิไปตลอดแล้วนะคะ ดิฉันจะไม่หนีท่านไดกิไปไหนอีกแล้วค่ะ ขอบคุณท่านไดกิมากๆเลยค่ะสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ดิฉันได้รับจากท่านไดกิ”เธอยิ้มออกมา
“ข้าก็ได้รับอะไรมากมายจากเจ้าเช่นกันมายุ ข้ารักเจ้าที่สุด เจ้าทำให้ข้าต้องการจะมีชีวิตอยู่เพื่อเจ้า ตลอดมาข้าจะเป็นจะตายอย่างไรก็ได้ เป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น แต่พอได้พบเจ้า เจ้าทำให้ข้าได้คิดว่าข้าอยากจะมีอิสระเพื่อมีชีวิตอยู่ร่วมกับเจ้า”
“ท่านไดกิปากหวานจัง”เธอยิ้มให้เขา และจุมพิตชายหนุ่มในทันที
“เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจอยู่เสมอมายุ”เขายิ้มกริ่มออกมา และจูบเธอกลับในทันที ครั้งนี้เขาจุมพิตเธออย่างเนิ่นนานด้วยความอ่อนโยนนัก ไม่อยากผละออกจากกันแต่อย่างใด ครั้งนี้ทั้งสองมั่นใจและตั้งมั่นอย่างแน่วแน่ แม้แต่ความตายก็ไม่อาจพรากคนเขาและเธอได้อย่างแน่นอน ทั้งสองถอนจุมพิตและสบตาซึ่งกันและกันอย่างมีความสุขยิ่งนัก ไม่เคยนึกเสียใจที่ได้รักกันแม้สักครั้งเดียว ไดกิโอบร่างบางเอาไว้และค่อยๆพาเธอออกมาที่ระเบียงใหญ่ของห้องนอน ที่นั่นเธอเห็นบ้านเรือนของเหล่าการาสุเทนกุที่มีมากมาย ภูเขาและป่าไม้อันเขียวขจีโอบล้อมอาณาเขตนี้ดูงดงาม ดวงตาสีเงินมองเห็นนกน้อยสองตัวที่บินคู่กันไปท่ามกลางท้องฟ้าใหญ่ มายุเอนกายซบอีกฝ่ายหนึ่ง ไดกิเหลือบมองร่างบางและยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน เขาจะอยู่เคียงข้างเธอไปนานแสนนานและมั่นใจว่า มายุจะไม่จากเขาไปไหนเช่นกัน เขาที่มีอายุยืนยาวนานนับพันปี อย่างหนึ่งที่เขาได้รับรู้จากการมีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนานนัก ก็คือฟ้าหลังฝนย่อมงดงามเสมอ ไม่ว่าพายุฝนจะยาวนานเพียงใดแต่สักวันหนึ่งมันจะผ่านพ้นไปในที่สุดและที่แห่งนั้นท้องฟ้าสีครามจะปรากฏพร้อมกับสายรุ้งอันงดงามกลางท้องนภา
ความคิดเห็น