ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    「大天狗 の 花嫁」DAITENGU NO HANAYOME เจ้าสาวแห่งขุนเขา

    ลำดับตอนที่ #58 : เมืองปิศาจ1 ตอนพิเศษ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 37
      1
      10 พ.ย. 61


                    คฤหาสน์ของไดเทนกุในยามฤดูหนาวมาเยือน ไดกิกับมายุที่เพิ่งกลับมาจากคฤหาสน์ของยูกิอนนะได้ไม่นานนั้น กำลังนอนเคียงข้างกัน ร่างกำยำเข้าสู่ห้วงนิทราในยามค่ำคืน ท่ามกลางความสงบเงียบยามที่พระจันทร์สุกสว่างทอแสงอยู่บนท้องฟ้ายามราตรี ใบหน้าที่ขมวดคิ้วดูทุกข์ทรมาณกับภาพในห้วงความฝันของเขา ก่อนชายหนุ่มจะผุดลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าที่ซีดเผือก หยาดเหงื่อผุดพรายบนใบหน้า เขามักจะฝันร้ายอยู่หลายครั้งเช่นนี้จนเกือบจะชาชินไปเสียแล้ว ความฝันอะไรกันนะที่ทำให้เขาอยากจะตื่นขึ้นมา คงไม่ใช่เรื่องอื่นใดนอกจาก เขาที่ฝันเห็นตนเองยืนอยู่กลางทุ่งหิมะที่ไร้ชีวิตชีวาใด กับกองซากศพเป็นจำนวนมาก ที่เขาได้ปลิดชีวิตลง ลมเย็นพัดโชยจนกัดกินเข้าไปถึงกระดูก เบื้องหน้าของไดกิมีแค่ลานหิมะกว้างสุดลูกหูลูกตา ก่อนสัมผัสที่เย็นเฉียบจะเรียกสติเขาคือกลับมา เขามองร่างบางที่จับแขนของเขาและมองชายหนุ่มด้วยความเป็นห่วง

    “ท่านไดกิฝันร้ายหรือคะ”ดวงตาสีเงินมองเขา เธอตื่นขึ้นมาเพราะชายหนุ่มที่ละเมออยู่สักพักแล้ว

    “ข้าทำเจ้าตื่นรึ ข้าขอโทษ”ไดกิโอบกอดเธอเอาไว้อย่างแผ่วเบา ในห้วงนิทราเขาอยากฝันถึงมายุบ้าง ตอนนี้เขาคงกำลังชดใช้ในสิ่งที่เคยทำลงไปอย่างแน่นอน

    “ท่านไดกิ ดิฉันอยู่ตรงนี้เสมอนะคะ”เสียงใสกล่าวออกมาและดึงเขาเข้ามากอดบ้าง ใบหน้าของชายหนุ่มซุกลงที่อกอีกฝ่าย ที่ตรงนั้นเขาได้ยินเสียงหัวใจของเธอเต้นเป็นจังหวะ เมื่อได้ยินเสียงหัวใจของเธอแล้ว ก็ค่อยเบาใจขึ้นมาหน่อย

    “ท่านไดกิคะ ท่านไดกินอนฝันร้ายเช่นนี้ตลอดเลยหรือคะ ดิฉันไม่ทราบมาก่อนเลย”เธอมีสีหน้าที่เป็นกังวลอย่างมาก มายุเพิ่งจะกลับมากับชายหนุ่มในฤดูหนาวและเขาก็ดูไม่ดีเสียเลย แต่ท่านไดกิก็พยายามจะอยู่กับเธอ

    “ข้า...แค่ไม่ชอบสภาพอากาศเช่นนี้เท่าไหร่ ข้าเคยทำสิ่งที่เลวร้ายเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการ ข้าไม่อยากให้เจ้ารู้ว่าข้านั้นเต็มไปด้วยความโหดร้ายและบ้าคลั่งมากเพียงใด”ไดกิพึมพำออกมา มือเรียวลูบศีรษะของเขาอย่างเบามือ เธอมองเขาอย่างอ่อนโยนและคอยปลอบประโลมอีกฝ่าย

    “ค่ะท่านไดกิ ขอบคุณนะคะที่อยู่เพื่อดิฉัน”เธอคลี่ยิ้มออกมา ไดกิเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ

    “เจ้าจำได้รึว่าเจ้าเคยพูดเช่นนั้น”เขาถามเธอออกมา ชิโระยูกิมีสีหน้าสงสัยชั่วครู่

    “ดิฉันแค่หมายถึงขอบคุณท่านไดกิที่คอยทนอยู่ในฤดูหนาวเพื่อดิฉันเท่านั้นเองค่ะ ทำไมหรือคะ”เมื่อไดกิเห็นใบหน้าที่ไร้เดียงสา เขาก็ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ ตอนแรกเขานึกว่ามายุจะขอบคุณที่เขายอมทนมีชีวิตอยู่กับเธอจนถึงตอนนี้เสียอีก แต่เธอคงจำไม่ได้หรอก

    “ท่านไดกิเหนื่อยไหมคะ”เธอถามเขาขึ้น

    “เหนื่อยรึ?

    “ค่ะ ท่านไดกิเป็นผู้นำที่ดี คอยทำงานอยู่ตลอดเลยค่ะ ดิฉันเหนื่อยแทนท่านไดกิจังเลย ท่านไดกิเหนื่อยหรือเปล่าคะ” ชายหนุ่มนิ่งงันไปสักพัก

    “ใช่...ข้าเหนื่อย แต่มันเป็นหน้าที่”เขาตอบเพียงสั้นๆ และหลับตาลงเช่นเดิม ในที่สุดเขาก็อยู่กับเธอได้นานแสนนานเสียทีหนึ่ง

    “ดิฉันเป็นห่วงท่านไดกินะคะ ท่านไดกิพักผ่อนให้มากๆนะคะ”

    “พักผ่อน? ก็คงจะดี แต่ข้าไม่อยากฝากงานให้คนอื่นทำ ไม่อยากให้พวกเขาต้องมาแบกรับหน้าที่โดยที่ข้าเอาแต่สบาย”

    “ไม่หรอกค่ะ ดิฉันอยากให้ท่านไดกิพักผ่อน ดิฉันจะช่วยพวกเขาอีกแรงดีไหมคะ”

    “ไม่ต้องหรอก อยู่กับข้าตรงนี้ก็พอ ถ้าไม่มีเจ้าข้าก็ไม่ยอมพักผ่อนหรอกนะ”มายุคลี่ยิ้มออกมา และลูบศีรษะของเขาต่อประหนึ่งเหมือนเธอกำลังคอยดูแลเด็กน้อยอยู่

    “มายุของข้า...”เขาพึมพำออกมาอย่างมีความสุข

    “ค่ะ ท่านไดกิของดิฉัน”

    “ข้าดีใจจริงๆ  ที่ได้อยู่กับเจ้าอีกครั้ง”ชายหนุ่มค่อยๆปรือตาลงช้าๆ คงเพราะความเพลียที่ทำงานมาติดต่อกันมานานแสนนาน และจิตใจของเขาที่ดีขึ้นมากแล้วแต่ก็ยังต้องการที่สงบ ซึ่งตอนนี้เขาได้พบเจอที่ของหัวใจของเขาแล้วว่ามันควรอยู่ที่ใด เขาไว้วางใจคนเบื้องหน้าและหลับตาลงก่อนจะเข้าสู่นิทราในอ้อมกอดของเธอ มายุยังคงลูบศีรษะอย่างแผ่วเบาเหมือนจะขับกล่อมให้เขาเข้าสู่ฝันดี เธอฮัมเพลงออกมาอย่างแผ่วเบา

    ดิฉันจะอยู่ข้างๆท่านไดกิเช่นนี้เรื่อยไป ท่านไดกิพบเจอความลำบากมามากมาย ดิฉันอยากช่วยให้ท่านไดกิหลุดพ้นจากความทรมาณนั้นได้ ตอนนี้ดิฉันได้เป็นปิศาจแล้ว แบบที่มายุจริงๆไม่สามารถทำได้ ดิฉันอยู่ตรงนี้แล้วดิฉันจะต้องช่วยท่านไดกิให้ได้แน่นอนค่ะ

    มือเรียวประคองใบหน้าชายหนุ่มและจุมพิตอย่างอ่อนโยน อยากให้ไดกิรับรู้ไปถึงห้วงความฝันของเขาว่าเธอยังคงอยู่ข้างๆเขาเสมอ ริมฝีปากของชายหนุ่มสำหรับเธอแล้วช่างร้อนผ่าว นุ่มนวลและน่าหลงใหล อยากมอบรอยจูบนี้ให้เขาได้นานๆ

    “ดิฉันจะช่วยท่านไดกิเองค่ะ”เธอยิ้มออกมาอย่างมีความสุขและโอบกอดเขาเอาไว้

     

    ชายหนุ่มค่อยๆปรือตาขึ้นมาในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น ร่างเบื้องหน้าช่างหนาวเย็นประดุจน้ำแข็งก็มิปาน ไดกิลืมตาตื่นขึ้นมาก็ยังพบว่าตนเองอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่าย ชายหนุ่มครุ่นคิดถึงบทสนทนาเมื่อคืน  ปิศาจอย่างเขาไม่เคยนึกถึงเรื่องการพักผ่อนจากการทำหน้าที่เลยสักครั้ง ตลอดหลายร้อยปี แม้จะชอบพามายุไปทีต่างๆ แต่ที่แห่งนั้นก็ยังอยู่ในอาณาเขตของเขา มีแต่ป่าเขาเท่านั้น ชิโระยูกิเบื้องหน้าของเขาคงอยากจะเห็นที่ใหม่ๆนอกจากอาณาเขตของเขาบ้าง ซึ่งชายหนุ่มที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้ ก็รู้ตัวดีว่าเขาไม่มีหัวคิดเรื่องพวกนี้เลย บางทีหากเขาได้อยู่กับเธอโดยไม่ต้องสนใจว่าตนเองต้องมีหน้าที่อย่างไรก็คงจะดีไม่น้อย ดวงตาเรียวสีดำจับจ้องไปที่ร่างบางที่กำลังนิทราอยู่

    “ข้ารักเจ้าเหลือเกิน ข้าอยากจะอยู่กับเจ้านานเท่านาน ขอให้อย่ามีอะไรมาพรากข้ากับเจ้าจากกันอีกเลย” เขาพรมจุมพิตร่างบางจนทั่วทั้งใบหน้าจนเธอตื่นขึ้นมาในที่สุด ชิโระยูกิลืมตาขึ้นมามองอีกฝ่ายด้วยความสงสัยในการกระทำของเขา

    “เช้าแล้วมายุ ตื่นสิ”มือใหญ่หยิกแก้มอีกฝ่ายอย่างเบามือ เมื่อเห็นว่าเธองัวเงียมากเพียงใด

    “มันเช้าเกินไป ท่านไดกิ ดิฉันง่วงจัง”ร่างบางนอนแนบอิงกับเขาก่อนจะหลับตาลง

    “ตื่นยากเหมือนเด็กจริงๆนะ”ชายหนุ่มยิ้มออกมา

    “ก็ดิฉันยังเป็นเด็กนี่คะ”เธอกล่าวงึมงำออกมา จนอีกฝ่ายอดที่จะอมยิ้มไม่ได้

    “มายุ วันนี้เราไปที่ไหนกันดีไหม”

    “ไปข้างนอกหรือคะ?”มายุลืมตาตื่นขึ้นมาทันทีด้วยความประหลาดใจ ระคนกับความสงสัยว่าทำไมชายหนุ่มถึงยอมทิ้งงานตนเองไปได้

    “ใช่ ช่วงนี้ข้าจะขอพักเสียหน่อย ยังไงฤดูหนาวเช่นนี้ ข้าก็ไม่ค่อยสบายเท่าใดนัก ปีนี้ข้าลองฝืนตื่นอยู่เพื่อจะได้ดูหิมะกับเจ้าแล้ว ข้าก็พอทำงานไปบ้าง หากข้าจะขอพักจากการทำหน้าที่การงานเสียหน่อยก็คงไม่เป็นไร”ไดกิตัดสินใจได้แล้วว่าเขาอยากทำตามสัญญาที่เคยได้ให้มายุเอาไว้

    “ท่านไดกิอยากไปที่ไหนคะ”เธอถามออกมาด้วยความตื่นเต้น

    “ข้าต้องถามเจ้าสิ ว่าเจ้าอยากไปที่แห่งใด เจ้าเคยไปเมืองปิศาจหรือไม่ อยากลองไปดู หรืออยากไปเมืองมนุษย์ก็ย่อมได้”

    “เมืองมนุษย์? แล้วมนุษย์ไม่ตกใจหรอคะที่เราไป”ดวงตาสีเงินเต็มไปด้วยความสงสัย

    “ไม่หรอก ยังไงเจ้าก็เป็นมนุษย์มาก่อน พวกเขาไม่มีทางรู้หรอก”

    “ไม่ดีกว่าค่ะ ดิฉันกลัว”จู่ๆเธอก็กล่าวออกมาไม่รู้เพราะความรู้สึกเมื่อตอนที่เธอยังเป็นมนุษย์ได้บอกให้เธอ คิดว่าเมืองมนุษย์มันน่ากลัวเกินไป

    “เจ้าช่างตลกยิ่งนัก มนุษย์ต้องเกรงกลัวพวกเรา แต่เจ้ากลัวมนุษย์รึ”เขาหัวเราะออกมาเมื่อได้ฟังเช่นนั้น และลูบหัวหญิงสาวอย่างเอ็นดู

    “ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”เขากระซิบกระซาบออกมา

    “ท่านไดกิคะ ดิฉันอยากไปเมืองปิศาจบ้างค่ะ ดิฉันยังไม่เคยไปเลยค่ะ”

    “ได้ ข้าจะพาเจ้าไป”ชายหนุ่มลุกขึ้นไปแต่งตัว มายุที่ตื่นเต็มที่แล้วก็เลยเดินกลับห้องของตนเพื่อไปเตรียมตัวบ้าง เหลือเพียงชายหนุ่มที่ลอบมองตอนที่เธอเดินออกไปเท่านั้น เขาอยากทำให้เธอมีความสุขบ้าง  อย่างน้อยถือว่าเป็นการตอบแทนที่เธอต้องไปอยู่ที่คฤหาสน์ของยูกิอนนะ และที่ผลที่รับเขาก็พอใจมาก ชิโระยูกิไม่ทำให้เขาผิดหวังเลยแม้แต่น้อย

     

    ชายหนุ่มสวมชุดกิโมโนสีครามพร้อมด้วยเสื้อคลุมสีฟ้าอีกชั้นหนึ่งกำลังพูดคุยกับการาสุเทนกุและฝากฝังเรื่องที่เขาจะไม่อยู่ที่คฤหาสน์สักสามสี่วันที่ห้องโถงของคฤหาสน์ ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นยูกิอนนะที่เดินลงมาจากบันได เธอสวมชุดฮากามะสีเหลืองส้ม ไล่สีกันอย่างสวยงาม เรือนผมสีขาวถูกรวบเอาไว้หลวมๆและกลัดไว้ด้วยปิ่นปักผมสีทองที่เขาเคยให้เธอไว้ หญิงสาวตรงหน้าของเขาช่างงดงามเสียจนเขาละสายตาไปไม่ได้แม้แต่น้อย

    “ท่านไดกิคะ...ทำไมถึงมองดิฉันอย่างนั้นล่ะคะ มีอะไรติดหน้าดิฉันหรือคะ หรือว่า ฉันแต่งตัวไม่ดีพอคะ”มายุถามเขาขึ้นด้วยความสงสัย

    “อะไรของเจ้า เจ้าสวยงามมากจนข้าละสายตาไม่ได้ มั่นใจตนเองสิ ที่รักของข้า”การาสุเทนกุตนอื่นที่ได้ยินถึงกับเอามือปิดหน้าด้วยความเขินอายแทน ส่วนชิโระยูกิยังยืนนิ่งใบหน้าของเธอแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    “ขอบคุณค่ะ ท่านไดกิก็หล่อที่สุดเลยค่ะ”เธอยิ้มแย้มออกมาอย่างมีความสุข ความรู้สึกที่ไม่มีสิ่งใดปิดบังอยู่ภายในใจ ก็ทำให้ชายหนุ่มอดยิ้มออกมาไม่ได้ เหตุใดภูติหิมะอย่างเธอถึงมีรอยยิ้มที่สดใสประดุจแสงแรกของวันได้นะ เขาช่างรักเธอมากยิ่งขึ้นเหลือเกิน

    “ท่านไดกิหน้าแดงแล้ว น่ารักจัง”เธอยิ้มแย้มออกมา เมื่อเห็นชายหนุ่มมีสีหน้าเช่นนั้น มือกำยำจับใบหน้าของตนเอง ก่อนจะทำหน้าเคร่งขรึมให้สมกับผู้นำของเหล่าการาสุเทนกุเช่นเดิม ในทันที

    “ไปกันเถอะ มายุ”เขากุมมือเธอเอาไว้ ทั้งสองเดินไปหน้าคฤหาสน์ที่เต็มไปด้วยหิมะ ไดกิชะงักชั่วครู่เมื่อเห็นหิมะที่โปรยปรายมาจากท้องฟ้า เขากำมือเรียวเอาไว้แน่น และหันมายิ้มให้เธอ ยังไง มายุก็อยู่ข้างเขาแล้ว เขาไม่ต้องกังวลสิ่งใดอีกต่อไป มือกำยำช้อนตัวเธอขึ้นมาอุ้มอย่างถนัดมือ ก่อนคนทั้งสองจะมองตากัน

    “ท่านไดกิคะ ดิฉันอยู่ตรงนี้แล้วนะคะ ไม่ห่างจากท่านไปไหนอีก”ร่างบางโอบแขนรอบคอของชายหนุ่มเพื่อไม่ให้ตนเองตก ก่อนไดกิจะกางปีกสีดำขนาดใหญ่และบินขึ้นไปบนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ทุกสิ่งที่เขาเห็นมีสีขาวหม่น ความหนาวเย็นทำให้ลมหายใจของเขาเป็นไอควัน ส่วนลมหายใจของหญิงสาวนั้นเย็นยะเยือกจนไม่เกิดควันแต่อย่างใด เธอยังโอบกอดเขาเอาไว้ ด้วยความเป็นห่วง

    “ดิฉันรักท่านไดกิเหลือเกินค่ะ เรารักคนคนหนึ่งได้มากเพียงใดกันคะ ดิฉันรู้สึกว่าจะรักท่านไดกิมากขึ้นในทุกๆวันเลย ความรักมันมีจุดสิ้นสุดของมันไหมคะ”เธอถามไถ่อีกฝ่ายหนึ่ง

    “ข้าคิดว่าไม่มี  ในทุกๆวันเจ้ามีเรื่องให้เขาได้รู้จักตัวตนของเจ้ามากๆขึ้น การที่ได้เรียนรู้ตัวตนของเจ้ามันช่างทำให้ข้ารักในความเป็นเจ้าเหลือเกิน เจ้าช่างยิ้มแย้มแจ่มใส น่ารัก และสวยงาม  เจ้าต่างจากตอนที่เจ้าเป็นมนุษย์แต่นั่นก็เป็นส่วนดีนะ”

    “ส่วนที่ดีหรือคะ”เธอมีสีหน้าสงสัย

    “เจ้ายิ้มแย้ม ซื่อตรงจากใจจริง และแจ่มใส ข้าไม่อยากให้เจ้าสูญเสียมันไป เมื่อข้าเห็นรอยยิ้มที่สดใสของเจ้าแล้ว รอยยิ้มที่ไม่มีความกังวลใดๆ ข้าก็ดีใจ”เขากำชับเธอไว้แนบอกเขาไว้แน่น เพราะในความทรงจำของเขา ร่างบางมักจะมีรอยยิ้ม แต่ก็ดูไม่สดใสเท่าชิโระยูกิที่ยิ้มแย้มออกมาอย่างมีความสุข มายุเป็นคนคิดมากอยู่เสมอเหมือนกับมิวะ แต่ตอนนี้เธอไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว เขาก็ดีใจเหลือเกิน

    “ถ้าท่านไดกิชอบ ดิฉันจะยิ้มให้มากๆเลยค่ะ”เธอกล่าวออกมาด้วยความสุข

    “เห็นเจ้าแล้ว ก็ชวนทำให้ข้าอยากจะเป็นเด็กเสียอย่างงั้น”เขายิ้มออกมาด้วยความสนุกสนาน ปีกสีดำทมิฬพาทั้งสองข้ามผ่านท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ และเข้าสู่เขตแดนของโลกปิศาจอย่างเต็มตัว ทั้งสองมองเห็นเมืองโบราณที่ตั้งไว้กลางป่าเขา ปีกสีดำกระพือปีกเร่งความเร็วให้มากขึ้น เขาช่างรู้สึกสนุกเหลือเกิน ส่วนชิโระยูกิก็มองไปรอบๆด้วยความตื่นเต้น ไร้ความหวาดกลัวใดๆ และดูเหมือนเธอจะสนุกด้วยด้วยซ้ำ

    “ท่านไดกิบินเร็วจังเลยค่ะ”เธอกล่าวออกมา และมองเขาด้วยสายตาที่ชื่นชม

    “สนุกหรือไม่”เขาถามไถ่อีกฝ่ายหนึ่ง

    “สนุกค่ะ ท่านไดกิ...จะเรียกว่ายังไงดีนะ..เก่งมากเลยค่ะ เวลาที่ท่านอยู่กลางท้องฟ้า ท้องฟ้าทั้งมวลเหมือนเป็นของท่าน ทานไดกิสง่างามมากจริงๆเลย จนดิฉันหันไปมองทางอื่นไม่ได้เลยค่ะ...”เธอกล่าวออกมาด้วยสายตาที่สนุกสนานและตื่นเต้นที่ได้อยู่บนท้องฟ้าเช่นเดียวกับเขา ไดกิหน้าแดงขึ้นมาอีกครา เมื่ออีกฝ่ายกล่าวด้วยใจจริงออกมา ก็ทำให้ใจของเขาหวั่นไหวได้ง่ายๆ

    “เจ้าซื่อตรงเกินไปแล้วนะ จนข้าหวั่นไหวตามคารมของเจ้าแล้ว”เขายิ้มออกมาก่อนจะค่อยๆลดระดับลงจนจะยืนลงบนพื้นช้าๆ และให้เธอลงมายืน ชิโระยูกิจัดเสื้อผ้าของตนให้เรียบร้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองสถานที่เบื้องหน้าด้วยความตกตะลึง เมืองเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยปิศาจมากมาย ทั้งตัวใหญ่ตัวเล็ก ทั้งรูปร่างเหมือนคนและไม่เหมือนคนในบางที เธอมองด้วยความตื่นตาตื่นใจ เธอไม่รู้ว่าปิศาจมีมากเท่าใดกัน หรือชื่ออะไรบ้าง กว่าจะรู้ตัว ชายหนุ่มก็จับมือของเธอเอาไว้ เมืองปิศาจในฤดูหนาวเช่นนี้ คงจะเหมาะกับชิโระยูกิเป็นที่สุด และเขาต้องดูเธอให้ดีไม่ให้พลัดหลงกัน อย่างคนเบื้องหน้าคงมัวแต่สนใจสิ่งรอข้างที่ไม่เคยเห็นจนหลงทางแน่

    “จับมือข้าเอาไว้ เจ้าจะไม่หลงทาง”เขากำชับ

    “ค่ะท่านไดกิ”เธอกุมมือของเขาเอาไว้ แม้จะมองผู้คนเบื้องหน้าด้วยความสนใจแต่กลับรู้สึกไม่ชอบมาพากลนัก จนต้องเดินติดชายหนุ่มไปตามทาง ดวงตาสีเงินมองไปรอบๆก็มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย แต่ก็อดมองปิศาจต่างๆที่เดินสวนกับเธอไม่ได้ พวกเขาช่างมีใบหน้าต่างกันเหลือเกิน และบางตัวก็หน้าตาน่ากลัวเหลือเกิน กว่าจะรู้ตัวอีกที มือกำยำก็โอบตัวของเธอไว้

    “เจ้ากลัวรึ?”เขามองเธอด้วยความเป็นห่วง

    “ก..ก็นิดหน่อยค่ะ”มายุกล่าวออกมา หรือเพราะความรู้สึกตอนที่เธอเป็นมนุษย์ติดค้างมาถึงตอนนี้เธอถึงหวาดกลัวเมื่อเห็นปิศาจมากมาย และพวกนั้นยังมองเธอกับเขาอีก เหล่าปิศาจรอบๆข้างเริ่มซุบซิบกันเมื่อเห็นทั้งสอง

    “นั่นไดเทนกุนี่นา พลังปิศาจเยอะชะมัด และยูกิอนนะตนนั้นเป็นใครทำไมมีพลังมากมายขนาดนั้นกัน และก็ยังมีใบหน้างดงามมากเลย”ปิศาจยักษ์สาวตนหนึ่งกล่าวออกมา กับ ปิศาจจิ้งจอกที่สวมชุดแหวกชุดกิโมโนถึงไหล่ หน้าอกขนาดมหึมานั้นก็ทำให้ปิศาจตนอื่นจ้องกันตาเป็นมันได้ เธอมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจนักที่ทุกคนเลยจ้องมองเธอและมองชิโระยูกิแทน ดวงตาสีเหลืองจ้องมองมาทางเธอก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้

    “มายุสินะ วันนี้มาเที่ยวกับไดกิด้วยรึ”ไดกิมองอีกฝ่ายในร่างมนุษย์สักพักก่อนจะถอนหายใจออกมา

    “ซายูริสินะ ไม่รับใช้ท่านเบนไซเทนที่วิหารแล้วรึ”เขากล่าวออกมาตามมารยาท ที่จริงเขาอยากมาเที่ยวกับเธอเพียงสองคนเท่านั้นไม่ได้อยากพบคนรู้จักมากเท่าใดนัก

    “ข้ามีหน้าที่นำกำยานของท่านเบนไซเทนไปให้ที่ย่าน ยูคาคุ เท่านั้นแหละ เดี๋ยวจะเดินเล่นแล้วก็กลับแล้ว”เธอรีบกล่าวออกมาเพราะไม่อยากถูกหาว่าอู้งาน

    “ที่นั่นต้องใช้กำยานของท่านเบนไซเทนด้วยรึ?”เขากล่าวออกมา จนอีกฝ่ายทำหน้าไม่ถูก

    “แ...แหงสิ กำยานของท่านเบนไซเทนคือยาเสน่ห์นะ สถานที่พวกนั้นต้องการอยู่แล้วล่ะ...เจ้าเองก็อย่าเผลอเดินไปทางนั้นเชียวล่ะเดี๋ยวจะไม่ได้ออกมายันตอนเช้า”ซายูริหัวเราะคิกคักออกด้วยสีหน้าที่ชั่วร้าย

    “ขอบคุณที่บอกข้า”ไดกิกล่าวและพามายุเดินจากทั้งสองในทันที ร่างบางจึงหันมาถาม

    “ยูคาคุ คืออะไรหรือคะ”เธอหันมาถามเขาตรงๆ

    “คือ สถานที่นางโลมอาศัยอยู่น่ะ”เขาตอบสั้นๆ และกำชับเธอไว้แน่นข้างตัวเขา ชิโระยูกิที่เห็นเขามีท่าทีเช่นนี้ก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ก่อนทั้งสองจะเดินไปตามถนน เธอมองคลองที่คั่นกลางทางเดินด้วยความตื่นตาตื่นใจ สะพานทรงโค้งสีแดงดูสวยงามนัก ไม่ไกลนักริมคลองมีต้นหลิวปลูกเอาไว้ กิ่งและใบของมันห้อยระโยงระยางดูสวยงามยิ่งนัก ก่อนสายตาจะหันไปเห็นร้านค้าข้างทาง เธอมองปิ่นปักผมไม้อันหนึ่งที่ดูราคาไม่แพงนัก

    “สวยจังเลยนะคะ”เธอกล่าวออกมา ชายหนุ่มชายตาไปมองปิ่นปักผมไม้อันนั้น

    “ยังชอบเหมือนเดิมเลยนะ ที่รักของข้า”เขากระซิบข้างใบหูของเธอ  เธอมีสีหน้าแปลกใจนิดหน่อย แต่อย่างไดกิจำได้อยู่แล้วปิ่นปักผมไม้ที่เคยซื้อให้มิวะ เวลาผ่านไปกี่ร้อยปีเขาก็จำของที่คนรักของเขาชอบได้เสมอ

    “ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันชอบปิ่นปักผมที่ท่านไดกิให้มากที่สุดค่ะ”เธอกล่าวออกมาและดึงให้ชายหนุ่มเดินตามเธอต่ออย่างมีความสุข

    “ข้ารักเจ้า..”เขากล่าวออกมา มายุเพียงยิ้มรับเท่านั้นและเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

    “เป็นอะไรรึ?”เขาถามไถ่เธอ กำลังสงสัยว่าหญิงเบื้องหน้าเขามีอะไรไม่สบายใจหรือไม่

    “จุมพิตท่านไดกิที่นี่ได้ไหมคะ”เธอกล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่สงสัย ไดกิรีบมองไปทางอื่นเพราะใบหน้าของเขามันแดงอีกแล้ว ทำไมหญิงสาวเบื้องหน้าถึงน่ารักเสียขนาดนี้

    “ดิฉันอยากแสดงให้เห็นว่ารักท่านไดกิ ดิฉันจุมพิตท่านไดกิตรงนี้ได้ไหมคะ”เธอยังถามไถ่เขาอยู่อย่างนั้น

    “อยากจุมพิตข้าขนาดนั้นเลยรึ ได้สิ แต่เราต้องหาที่อยู่ด้วยกันสองคนก่อน”เขาคลี่ยิ้มออกมาและจูงมือเธอไปตามทาง เมื่อถึงตรอกแคบๆแห่งหนึ่ง ร่างกำยำก็ดึงเธอเข้าไปในตรอก เล็กนั้น ชิโระยูกิถูกกดเข้ากับกำแพง ทั้งสองมองสบตากัน ทำไมการจุมพิตครั้งนี้มันถึงดูต่างจากคราอื่นนัก หัวใจของหญิงสาวเต้นแรงเมื่อใบหน้าอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ไดกิจุมพิตเธอก่อนลิ้นของเขาจะสัมผัสเข้าไปในปากของเธอ ชิโระยูกิตัวสั่นเทากับการจุมพิตดังกล่าว การจุมพิตแบบเล้าโลมเช่นนี้เธอตั้งตัวไม่ทัน

    “ท่านไดกิ...”มือเรียวยันอีกฝ่ายออก เธออยากจุมพิตเขา แต่ไม่ใช่แบบนี้ไม่ใช่หรอ

    “ข้าแค่อยากให้เจ้าได้ความรักจากข้าเท่านั้น”เขามองใบหน้าที่แดงแป๊ดของเธอก่อนจะยิ้มออกมา           

    “อย่างแกล้งดิฉันสิ ท่านไดกิ”เธอตัวสั่นเทา ก่อนมือกำยำจะหยิกแก้มเธออย่างเบามือ

    “ก็เจ้าอยากจุมพิตข้าไม่ใช่รึ ข้าไม่ได้แกล้งเจ้า”เขายิ้มอย่างยียวนก่อนจะพาเธอเดินออกไปตามทาง คราวนี้ยูกิอนนะเบื้องหน้าก้มหน้างุดด้วยความอาย เธอมองไปที่อีกฟากของถนนและเห็นอาคารไม้ขนาดใหญ่ยาวไปตามถนนอยู่ไกลๆก่อนมือกำยำจะจับมือเธอเอาไว้แน่น

    “ช่วงนี้จะมีเทนกุมัตสึริ เจ้าอยากดูหรือไม่”ชายหนุ่มถามไถ่อีกฝ่ายหนึ่ง เทศกาลน่าจะจัดขึ้นในอีกวันสองวันข้างหน้า หากเธอตกลง เขาจะได้พาที่พำนัก

    “เป็นยังไงหรือคะ?”เธอหันมามองด้วยความสงสัย

    “ก็มีการให้เทนกุเดินลุยไฟ และก็มีขบวนแห่ไปรอบเมือง”เขามีสีหน้าครุ่นคิด แม้เขาจะเป็นเทนกุก็จริงแต่ครั้งสุดท้ายที่ได้มาเห็นเทศกาลเทนกุนั้นก็นานมากจนเกือบจำไม่ได้แล้ว

    “แล้วท่านไดกิจะต้องเดินลุยไฟไหมคะ”เธอมองด้วยความกลัว แค่นึกถึงความร้อนของไฟก็กลัวจนตัวสั่นแล้ว

    “ข้าน่ะรึ ข้าเป็นถึงไดเทนกุข้าไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว จะให้ข้าเดินให้เจ้าดูก็ได้ หากเจ้าสงสัยในความสามารถของข้า”

    “ไม่หรอกค่ะ ท่านไดกิอย่าเดินเลยนะคะ”เธอกอดแขนเขาเอาไว้แน่นจนอีกฝ่ายอดยิ้มออกมาไม่ได้

    “ช่างเป็นห่วงข้าเสียจริง”

    “ต้องเป็นห่วงอยู่แล้วนี่คะ”มือกำยำลูบศีรษะของเธออีกคราแทนคำขอบคุณที่เธอหวังดีกับเขามากเพียงไร และพาเดินไปตามทางก่อนจะมาหยุดลงที่ด้านหน้าร้านค้าแห่งหนึ่ง คราวนี้ชายหนุ่มดูเหมือนจะสนใจสิ่งที่ขายอยู่ในร้านค้ายิ่งนักจนชิโระยูกิอดสงสัยไม่ได้ จึงมองเข้าไปด้านในบ้าง ก็พบว่าเป็นร้านขายผ้า ที่มุมของร้านมีชุดกิโมโนแขวนเอาไว้เป็นสีฟ้าดูสวยงาม ปักลายนกกระยางและก้อนเมฆ

    “ข้าอยากให้เจ้าได้สวมเสื้อสวยๆบ้าง”เขาพึมพำออกมา

    “แต่ดิฉันก็เห็นว่าชุดที่ดิฉันสวมก็สวยอยู่แล้วนะคะ”เธอกล่าวออกมา

    “อย่างน้อยให้ข้าซื้อของให้เจ้าสักชิ้นก็ยังดี พวกเราไม่ได้มาที่นี่บ่อยๆหรอกนะ”

    “แต่ว่ามันน่าจะแพงมากๆเลยนะคะ”เธอกล่าวออกมาแต่ก็ยังมองผ้าทอที่พับไว้อย่างเรียบร้อยอยู่ในชั้นอย่างพิจารณา ปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นเป็นเนื้อผ้าที่สวยเหลือเกิน หากตัดเป็นชุดกิโมโนคงจะดูงามไม่น้อย

    “ถ้าเจ้าอยากได้ ข้าก็เต็มใจซื้อให้ เจ้าจะเป็นนายหญิง สิ่งของแค่นี้ข้าซื้อให้เจ้าได้อยู่แล้ว”เขายิ้มออกมา และพาเธอเข้าไปในร้าน พ่อค้าขายผ้าต้อนรับทั้งสองอย่างดี และสั่งให้คนงานในร้านขนม้วนผ้าออกมา มายุตกตะลึงกับลวดลายที่งดงามของผ้าผืนต่างๆเสียจนเลือกไม่ถูก แบบนี้มันแพงกว่าปิ่นปักผมไม้เสียอีก

    “เจ้าชอบดอกไม้ไม่ใช่รึ ลายดอกไม้ผืนนี้ข้าว่าก็สวยดี”ไดกินำผ้าสีชมพูอ่อนปักลายดอกไม้วิสทีเรียดูสวยงาม และนั่นทำให้ร่างบางยิ่งเลือกไม่ถูกเข้าไปใหญ่

    “ผ้าสวยทุกผืนเลยค่ะ ดิฉันเลือกไม่ถูกหรอกค่ะ”เธอกล่าวชมกับพ่อค้าและพยายามจะดึงชายหนุ่มให้ออกไปจากร้านแต่เขาก็รั้งเธอเอาไว้

    “คิดไม่ออกรึ ว่าอยากได้ผืนใด”ร่างบางพยักหน้ารับ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มออกมาเมื่อได้คำตอบ

    “เช่นนั้นข้าช่วยเลือกให้เจ้าได้หรือไม่”

    “ค...ค่ะท่านไดกิ”เธอกล่าวออกมาด้วยเสียงอ้อมแอ้ม มือใหญ่ค่อยๆดูลายผ้าไปเรื่อยๆอย่างใจเย็น ทั้งสองเลือกอยู่นานจนกระทั่งพบกับผ้าสีชมพูอ่อนลายซากุระ ดูอ่อนหวานและงดงามเป็นอย่างมาก

    “ผืนนี้เจ้าว่าอย่างไร ข้าว่าเหมาะกับเจ้าดี”เขากล่าวออกมา

    “สวยค่ะ ดิฉันชอบผืนนี้ค่ะ”มายุตอบออกมาในที่สุด อยากจะเห็นตนเองสวมใส่ชุดกิโมโนด้วยผ้าผืนนี้เร็วๆแล้ว จากนั้นพ่อค้าจึงวัดตัวของเธอ กว่าการตัดเย็บเสื้อกิโมโนจะเสร็จตามปกติก็คงใช้เวลานาน แต่ที่แห่งนี้แล้ว เพียงสองวันก็น่าจะเพียงพอ พ่อค้าคำนับคนทั้งสอง ก่อนไดกิกับมายุจะเดินออกมาจากร้านค้า หญิงสาวควงแขนชายหนุ่มอย่างมีความสุข แม้ว่าเธอจะเกรงใจก็ตามที

    “ขอบคุณนะคะท่านไดกิ ดิฉันอยากจะเห็นกิโมโนเร็วๆจังค่ะ...และก็ขอบคุณนะคะ ทั้งๆที่ผ้าผืนนั้นมันแพงเหลือเกิน”เธอกล่าวออกมาและกอดเขาเอาไว้

    “ไม่ต้องกังวลไป ที่รักของข้า”ไดกิเดินออกมาข้างนอก เพิ่งสังเกตว่าท้องฟ้านั้นมืดลงแล้ว ทั้งสองคงต้องหาที่พักเสียก่อน และหากนางกังวลเรื่องที่เขาซื้อกิโมโนแสนแพงให้เธอ ก็ค่อยไปคุยต่อในห้องพักน่าจะดีกว่า ไดกิยิ้มหวานออกมา อย่างน้อยวันนี้เขาก็ได้มอบของขวัญให้เธอและได้อยู่เคียงข้างเธอโดยที่ไม่ต้องเป็นกังวลกับสิ่งใดๆ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×