คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #53 : ห้วงคำนึง
ชายหนุ่มกับหญิงสาวเดินไปที่ด้านหน้าคฤหาสน์ของตนและกางปีกสีดำขนาดใหญ่ออก ก่อนจะทะยานขึ้นฟ้าไป ร่างบางกอดเขาเอาไว้ และมองไปรอบๆอย่างสนใจ นี่ใกล้ฤดูใบไม้ผลิเข้ามาเต็มที ทุกสิ่งดูสดใสและมีสีสันสำหรับมายุมากนัก แต่เมื่อเห็นว่าที่แห่งนี้ไม่มีหิมะแล้วก็อดเสียดายไม่ได้ ทำให้ยูกิอนนะเศร้าใจนัก
“ท่านไดกิคะ ฤดูหนาวครั้งหน้าท่านไดกิจะอยู่กับดิฉันไหมคะ?”เธอถามเขา
“ข...ข้าไม่ค่อยชอบฤดูหนาวเท่าไหร่”เขากล่าวออกมาตรงๆ และกำลังลำบากใจอยู่เช่นกัน
“แล้วดิฉันล่ะคะ ท่านไดกิ ดิฉันเกิดขึ้นมาจากหิมะ ท่านไดกิชอบดิฉันไหม”เธอถามเขาออกมา
“ข้าชอบเจ้าสิ ข้าชอบเจ้ามากๆและก็รักเจ้ามากด้วย ข้าจะลองอยู่ชมหิมะกับเจ้าก็ได้ ข้าจะดูหิมะกับเจ้าเท่าเพียงผู้เดียว”หญิงสาวยิ้มออกมาเมื่อได้ฟัง ก่อนเขาจะนึกถึงความทรงจำในยามเหมันต์อยู่สักพักและเล่าออกมา
“ข้าแต่งงานกับเจ้ายามฤดูหนาว เจ้าอยู่ในชุดสีขาว งดงามมากเป็นที่สุด ข้าไม่อาจละสายตาไปได้ และรอคอยอย่างจดจ่อที่จะได้รับเจ้ามาเป็นคู่ชีวิตเคียงข้างข้า ในวันนั้นข้ามีความสุขอย่างมาก เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิตของข้า ที่ได้แต่งงานกับเจ้า แต่ว่าเพราะข้า...”ไดกิหยุดเล่า ภาพเขาฆ่าอมนุษย์ยังติดตาเขาอยู่ มันจะหลอกหลอนเขาเมื่อยามฤดูหนาวมาถึงทุกคราจนเขาต้องจำศีล
“ท่านไดกิคะมันผ่านไปแล้วนะคะ ท่านไดกิไม่ผิดค่ะ”เธอกอดเขา และมองใบหน้าของเขาอย่างเป็นห่วงนัก แม้ชายหนุ่มจะไม่อาจรับรู้ได้เลยว่าเธอรักเขาในแบบชายหญิงหรือเปล่า แต่นั่นไม่สำคัญแล้วเท่ากับที่เขาได้อยู่กับเธอเช่นนี้
“ข้าจะต้องอยู่เพื่อเจอนางอีกครั้ง...เพราะข้ารับปากนางเอาไว้ และวันนี้เจ้าก็กลับมา”ไดกิมองเธอด้วยสายตาที่หยาดเยิ้ม และจูบเธอเข้าที่หน้าผากอย่างอ่อนโยน
“อย่าได้จากข้าไปไหนอีก”เขากล่าวออกมาแกมออกคำสั่งเธอ
“ค่ะ ท่านไดกิ ดิฉันจะไม่ไปไหนจากท่านแล้ว”ชิโระยูกิกล่าว พอดีกับไดกิได้มาถึงที่แห่งนี้พอดิบพอดี เขาพาลงไปยังน้ำตก ขนาดใหญ่และค่อยๆวางร่างบางลง ชิโระยูกิเองก็มีอะไรบางอย่างในใจนักก่อนจะกล่าวออกมาบ้าง
“เพราะท่านไดกิทำให้ดิฉันเชื่อมั่นในตนเองมาขึ้น ท่านไดกิให้กำลังใจดิฉันตลอด ดิฉันจะต้องทำให้ท่านไดกิภูมิใจให้ได้เลยค่ะ”เธอกล่าวขึ้นและยิ้มแย้มออกมา
“ดีมาก เจ้าอย่าเป็นกังวลไป เจ้าพยายามต่อไปเถิดแล้วสักวันเจ้าจะได้ในสิ่งที่ต้องการ”เขาโอบเธอไว้และพาเดินไปจนไปถึงน้ำตกที่ไหลเอื่อย หิมะที่ละลายนั้นเป็นรอยเท้าที่เปื้อนโคลนของชายหนุ่มเมื่อเขาเดินย่ำไปตามทาง แต่ชิโระยูกิไม่มีรอยเท้าแต่อย่างใด ก่อนเธอจะเดินไปที่น้ำตกและเอาขาแช่น้ำโดยไม่รู้สึกหนาวแต่อย่างใดคงเพราะความรู้สึกอบอุ่นที่เริ่มคืบคลานเข้ามาแล้ว ชายหนุ่มนั่งอยู่บนขอนไม้ไม่ห่างนักมองเธอเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน
“การแช่น้ำนี่สบายจริงๆเลยนะคะ แต่ว่าถ้าน้ำร้อนกว่านี้ ดิฉันคงจะละลายแน่ๆ”เธอกล่าวออกมา เพราะการนั่งแช่น้ำในช่วงหน้าร้อนเธอคงเหมือนถูกต้มอยู่อย่างแน่นอนและนึกถึงเรื่องบางอย่างได้
“ดิฉันเคยบอกท่านยูกิว่า เรื่องที่ข้าจำได้ก่อนข้าตาย มีสีดำ สีขาว และก็สีแดง ตอนนี้ดิฉันพอจะนึกออกแล้วว่าท่านก็อยู่ที่ตรงนั้นเช่นกันใช่ไหมคะ ท่านไดกิเองก็บาดเจ็บมากเลยนะคะ และก็น่าสงสารมากด้วยค่ะ ท่านไดกิไม่ได้ผิดหรอกนะคะ”เธอกล่าวขึ้น
"เจ้าบอกว่าข้าน่าสงสารอีกแล้วนะ"ชายหนุ่มเพียงเหยียดยิ้มออกมา ความทรงจำที่เลือนลางนั้น สีขาวที่เธอเห็นคือหิมะ และสีแดงเป็นโลหิตของท่านไดกิ ส่วนโลหิตสีดำนั้นมาจากบาดแผลของเธอ ทุกอย่างดูวุ่นวายไปเสียหมด แต่เธอกลับรู้สึกได้ว่า เธอต้องทำให้คนรักของตนรอดชีวิตไปให้ได้แน่นอน แม้เธอจะไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาเลย แต่นี่เป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยเขาได้ ให้เขารับรู้ความรักของเธอที่มีต่อเขา ...
มายุหายใจรวยรินท่ามกลางทุ่งหิมะสีขาว ในที่แห่งนี้มันเป็นสถานที่ต้องสาปมีเพียงซากศพอมนุษย์ที่ถูกชายหนุ่มเบื้องหน้าฆ่าทิ้งอย่างไม่ใยดี และเธอเองก็กำลังจะเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน แต่ดวงตาสีน้ำตาลกลับจ้องร่างที่อยู่เบื้องหน้าอย่างโหยหา ไม่มีครั้งใดที่เธอจะหวาดกลัวเขาสักนิดเดียว หิมะที่โปรยปรายลงมาช้าๆด้วยความเงียบงัน มายุเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าปาฏิหาริย์มันไม่ได้เกิดขึ้นมาง่ายๆ ครั้งนี้เธอคงต้องตายลงอย่างแน่นอน ร่างที่ผอมแห้งมองเห็นชายหนุ่มที่หมดสติลงไปเบื้องหน้าเธอ ริมฝีปากที่ซีดเซียวพยายามเรียกชื่อคนรักของเธออกมา หญิงสาวนึกห่วงอีกฝ่ายอย่างจับใจ เขาพยายามปกป้องเธอจากตัวของเขาเอาไว้ ทั้งอยากมาพบเธอแต่ก็ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากถามเพราะวาจาสิทธิ์ที่เขาได้รับมันช่างรุนแรงนัก แม้สุดท้ายเขาจะยอมตายเพื่อเธอแต่มายุก็ไม่อาจรับความหวังดีนั้นไว้ได้
“ท่านไดกิคะ ดิฉัน…ขอโทษค่ะ แต่ว่าท่านไดกิช่วยมีชีวิตต่อแทนดิฉันด้วย…”ร่างบางมองอีกฝ่ายที่พยายามเอื้อมมือไขว่คว้าร่างของเธอ หญิงสาวมองที่มือของอีกฝ่ายหนึ่ง มือกำยำของเขาเอื้อมมาใกล้เธอมายุเองก็พยายามจะเอื้อมมือไปจับแต่ก็ไม่มีแรง ขยับเขยื้อนร่างกายแล้ว เธอมองฝ่ามือใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลนัก อยากจะสัมผัสเอาไว้เป็นครั้งสุดท้ายแต่ก็ไม่อาจทำได้
“ดิฉันรักท่านไดกินะ...คะ ดีใจที่ได้เป็นเจ้าสาวของท่านไดกินะคะ..”ดวงตาสีน้ำตาลมองไปยังบนฟ้ามองเกล็ดหิมะที่ร่วงหล่นลงมา โลหิตสีดำไหลทะลักออกมาจากอกก่อนหญิงสาวจะนอนค้างอยู่อย่างนั้นดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมีน้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมา
“ดิฉันขอโทษค่ะ...ที่ฆ่าตัวตายต่อหน้าท่านไดกิเช่นนี้...ดิฉันเลือกเกิดใหม่ในร่างเดิมด้วยสิ่งที่เทพอิซานากิสาปดิฉันเอาไว้ เพราะอย่างน้อยแม้สมองของดิฉันจำท่านไม่ได้...แต่ร่างกายและความรุ้สึกส่วนลึกของดิฉันจะคอยบอกเองว่า ดิฉันต้องรักใคร...”เธอมีใบหน้าที่ดูเจ็บปวดนักเมื่อกล่าวออกมา ชายหนุ่มเบื้องหน้าต้องเป็นทุกข์มากแน่ๆ แต่มันไม่มีปาฏิหาริย์สำหรับคนทั้งสองแม้แต่เหล่าเทพก็หันหลังให้เราทั้งสองคนแล้ว
ไม่มีทางที่เราจะรอดไปได้ทั้งสองคนเลย...ท่านไดกิ ขอโทษที่ทำให้ท่านไดกิเจ็บปวดถึงเพียงนี้ ดิฉันเสียใจจริงๆค่ะ แต่ดิฉันเชื่อว่าท่านไดกิต้องรู้ว่าเป็นดิฉันแน่นอน...
ร่างบางนอนแน่นิ่งไป พร้อมกับสัญญาณแห่งการมีชีวิตที่ดับลง ร่างที่สวมกิโมโนอยู่นั้นลืมตามองเกล็ดหิมะที่ตกมาจากฟากฟ้าแสนไกล เธอมองไปเกล็ดน้ำแข็งนั้นเป็นสิ่งสุดท้าย ความคิดคำนึงของเธออยู่ที่เกล็ดหิมะสวยงามเป็นประกาย
ชิโระยูกิถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นภาพดังกล่าว เธอพอจะนึกออกมาบ้างแล้ว เรื่องที่ชัดเจนที่สุดเท่าที่เธอจะนึกออกได้ก็คือท่านไดกิ เขาพยายามจะช่วยมายุ ยอมสละชีวิตของตนเองและต้องทนทุกข์ทรมาณเช่นนี้ ร่างบางเดินไปหาไดกิและกอดเขาไว้ ไดกิค่อยๆหลับตาลงช้าในอ้อมกอดของอีกฝ่าย แน่นอนว่าเขายังคงได้รับแต่ความเย็นจากเธออยู่เช่นเดิมไม่ต่างจากการกอดครั้งแรก แต่เขาไม่สนใจหรอกเขาแค่มอบความอบอุ่นให้เธอก็พอแล้ว
“ใช่ แต่ข้าช่วยเจ้าไม่ทันการ”ไดกิกล่าวออกมา แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นห่วงเขาถึงขนาดนี้ จึงใช้มือของตนวางลงบนศีรษะของเธอ
“ดิฉันอาจจะไม่เหมือนมายุ แต่ว่าเพราะว่าท่านมายุ ถึงมีดิฉันในวันนี้ได้ค่ะ ท่านไดกิกรุณาให้ดิฉันดูแลท่านด้วยเถอะค่ะ”ร่างบางกล่าวขึ้น หญิงสาวตัวเล็กนี่นะจะมาดูแลผู้ชายตัวสูงใหญ่อย่างเขาได้ เขาจับมืออีกฝ่ายวางลงบนอกของเขาอย่างเบามือ
“ได้สิ ดูแลส่วนนี้ของข้าให้ดีๆล่ะ ข้าไว้วางใจให้เจ้าดูแลข้าเช่นนี้คนเดียวเท่านั้น”หญิงสาวยิ้มออกมาเมื่อได้ยินดังนั้น ไดกิเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มออกมาก็อดที่จะยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนออกมา ฉับพลัน เขาก็คว้าเธอเข้าไปจูบอย่างแผ่วเบาอย่างมีความสุข ชิโระยูกิที่เพิ่งถูกจุมพิตกลับทำหน้าสงสัยเป็นอย่างมาก
"ท่านไดกิทำอะไรหรือคะ"เธอถามออกมาด้วยสีหน้าที่สงสัย เธอยังไม่รู้จักจุมพิตเสียด้วยซ้ำไป
"นี่เรียกว่าจุมพิต คนรักกันเขาก็จะกอดและจุมพิตเพื่อแสดงความรักที่มีต่อกัน"ชายหนุ่มกล่าวออกมาอีกฝ่ายช่างไร้เดียงสาเสียจริง จนเขายังรู้สึกเป็นกังวลแทน หากนางยังไม่ประสีประสาเรื่องนี้มากนักก็จะเป็นอันตรายได้แต่ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ชิโระยูกิก็จุมพิตเขาคืนในทันทีไดกิดูจะตกตะลึงไปชั่วครู่
"ดิฉันรักท่านไดกินะคะ"เธอยิ้มออกมาอย่างสนุกสนาน จนอีกฝ่ายกระแอมเบาๆ
"เจ้าจุมพิตข้าได้คนเดียวเท่านั้นนะ ชิโระยูกิ เจ้าห้ามทำเช่นนี้กับคนอื่นเด็ดขาด การโอบกอดก็ด้วย"เขาสั่งสอนเธอ
"อย่างนั้นหรือคะ ดิฉันเพิ่งจะทราบ...เอ แล้ว การหลับนอนล่ะคะ พวกยูกิอนนะบอกว่าเวลาล่าเหยื่อบางคนก็จะทำเช่นนั้นด้วยนี่คะ และก็ค่อยๆฆ่าทิ้ง อย่างเช่น เอาแท่งน้ำแข็งแทงอีกฝ่ายให้ค่อยๆตาอย่างช้าๆหรือบีบคอให้ตายอะไรแบบนั้นค่ะ และก็ยังมีวิธีอื่นอีกนะคะ..."ชิโระยูกิ กล่าวออกมาหน้าตาเฉย
"เจ้าห้ามทำเช่นนั้นเด็ดขาด!!! ห้ามทั้งสูบพลังผู้อื่น หรือหลับนอนกับผู้อื่นเด็ดขาด!!"ไดกิรีบกล่าวออกมา จนอีกฝ่ายชะงักไปด้วยความตกใจ ก่อนชายหนุ่มจะถอนหายใจออกมา ยุกิอนนะตนอื่นๆสอนอะไรให้เธอก็ไม่รู้ช่างน่าหนักใจเสียจริง
"แล้วกับท่านไดกิ...ได้ใช่ไหมคะ?"ดวงตาสีเงินถามออกมาตรงๆ ไดกิหน้าแดงขึ้นมาในทันทีเมื่อได้ฟัง
"ด...ได้!! แต่อย่าถึงกับฆ่าข้าล่ะ"ชายหนุ่มแสยะยิ้มออกมา และชิโระยูกินึกอะไรขึ้นมาได้
“ท่านไดกิอยากจะตั้งชื่อใหม่ให้ดิฉันไหมคะ ชื่ออื่นที่ไม่ใช่ชิโระยูกิค่ะ ชื่อที่บ่งบอกถึงดิฉัน”เธอถามขึ้น
“เจ้าคิดเองไม่ดีกว่ารึ?”เขาลูบศีรษะของเธออย่างเบามืออยู่อย่างนั้น เขาไม่อยากตั้งชื่ออื่นให้นาง อยากให้ชิโระยูกิเป็นคนเลือกเอง ไม่ว่าจะชื่ออะไรเขาก็พอใจทั้งนั้น
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันชื่อมายุได้ไหมคะ?”
“ทำไมถึงยังอยากชื่อมายุล่ะ”เขาถามขึ้น และดูประหลาดใจนัก
“ก็เพราะว่า ดิฉันอยากได้ยินท่านไดกิเรียกชื่อนั้นอีกค่ะ ดิฉันรู้สึก...คุ้นเคยล่ะมั้งคะ”ชายหนุ่มดึงแก้มเธอเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยวและถามคำถามหนึ่งขึ้นด้วยการกระซิบข้างหูเธอ
“มายุ…เจ้าอยากแต่งงานกับข้าไหม?”ไดกิถามขึ้นในที่สุดใบหน้าของเขาแดงด้วยความเขินอายบ้าง แม้ว่าเขาจะเป็นฝ่ายกล่าวออกมาเอง
“แต่ว่า เราถือว่าแต่งงานกันแล้วไม่ใช่หรือคะ?”ชิโระยูกิถามขึ้นและมีสีหน้าที่สงสัย
“ครั้งนี้ข้าอยากจะทำให้มันออกมาดี…อย่าให้ผิดพลาดเหมือนครั้งก่อน และการแต่งงานนั้นจะทำให้เจ้ามาเป็นนายหญิงของการาสุเทนกุ นั่นหมายถึงเจ้าต้องมีภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่เช่นกัน”เขากุมมือของเธอ และรู้สึกถึงมือเรียวบางที่แม้จะเย็นเฉียบแต่ก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่เธอให้เขา
“ค่ะ...ท่านไดกิ ดิฉันจะเป็นเจ้าสาวของท่านไดกิ”ร่างบางยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ชายหนุ่มจูบลงที่หลังมือของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา
“ข้าแม้จะเป็นไดเทนกุผู้ยิ่งใหญ่ก็ตาม แต่พลังของข้านั้นมีจำกัด ข้าเรียกสายลมได้เท่านั้น มิได้มีอำนาจบันดาลทุกอย่างในชีวิตให้สุขสมหวังได้ ข้าหวังให้เจ้าเข้าใจ ว่าแท้จริงข้าเป็นเพียงปิศาจตนหนึ่งเท่านั้นและกำลังเป็นปรปักษ์กับเหล่าเทพชีวิตของเจ้าอาจจะไม่มีความสุขนัก เจ้าจะรับได้ไหม?”เขาถามขึ้น
“แน่นอนค่ะท่านไดกิ”อีกฝ่ายตอบในทันที
“เจ้ากล้าออกมาจากคฤหาสน์ของยูกิอนนะ และเดินทางมาถึงที่นี่ด้วยตนเอง เจ้ากล้าหาญมากเลยมายุของข้า และเมื่อเจ้ามาอยู่กับข้าแล้ว ข้าจะดูแลเจ้าเอง ปีกของข้าจะเป็นเกราะกำบังให้เจ้า”
“ค่ะท่านไดกิ งั้นดิฉันควรเป็นเกราะกำบังให้ท่านไดกิเหมือนกัน”ร่างบางกอดชายหนุ่มเอาไว้อย่างมีความสุข
“แบบนี้ดีไหมคะ?”เจ้าของเรือนผมสีเงินเงยหน้าขึ้นมาถามเขา ก่อนชายหนุ่มจะก้มลงมาจุมพิตเธออย่างแผ่วเบาอยู่นานอย่างมีความสุข ทั้งสองถอนจุมพิตออกมาและจ้องตากันอย่างซาบซึ้งใจ
“จะไม่มีใครมาพรากเราจากกันอีก…”ไดกิกล่าวออกมา ร่างบางมองเขานั่งลงใต้ต้นไม้เพื่อจะทำนั่งภาวนา อยู่สักพักใหญ่เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วดังมาจากในป่าไกลบ่งบอกว่าฤดูใบไม้ผลิได้มาเยือนแล้ว เหล่าสัตว์น้อยใหญ่เริ่มตื่นขึ้นจากการจำศีล ชิโระยูกิเองก็พยายามจะนั่งสมาธิบ้างแต่ในที่สุดก็ยอมแพ้เพราะการนั่งสมาธิคงไม่เหมาะกับเธอมากนัก ร่างบางนั่งจนรู้สึกเจ็บหัวเข่า จึงลุกขึ้นยืนและเดินไปมารอบๆแทน มายุเดินลงไปแช่น้ำอีกสักรอบหนึ่ง จะให้ทำเช่นไรได้ในเมื่อมันเป็นทางเดียวที่จะคลายร้อนได้ ยูกิอนนะรู้ตัวดีว่าหากฤดูร้อนมาถึง เธอคงทนไม่ไหวอย่างแน่นอน จากขาที่หย่อนไปเพียงสองข้าง ก็เริ่มแช่น้ำลึกขึ้นไปเรื่อยๆ กว่าเธอจะรู้ตัวอีกที ยูกาตะก็เปียกไปแล้ว
“ไม่นะ แบบนี้โดนบ่นแน่เลย”เธอกล่าวออกมา ก่อนจะรีบขึ้นมานั่งรอเขาข้างๆ แต่รอไปรอมาเธอก็เริ่มสัปหงกแล้ว ระหว่างนั้นเธอก็เริ่มรู้สึกร้อนระอุจากสภาพอากาศ นี่แค่ฤดูใบไม้ผลิ หากเป็นฤดูร้อนตัวเธอคงไม่ละลายไปก่อนหรือ
“ท่านไดกิ ดิฉันอยากบอกท่านว่า ดิฉันอาจจะมาหาท่านเพียงแค่ฤดูหนาวเท่านั้นได้ไหมคะ”ไดกิมีท่าทีที่สงสัยเมื่อได้ฟัง แม้จะนั่งภวานาแต่เขาก็ยังได้ยินเสียงทุกอย่างอยู่
“ทำไมล่ะ?”เขาไม่ยอมปล่อยเธอไปอย่างแน่นอนเด็ดขาด
“เพราะว่า ในฤดูอื่นๆ ดิฉันกลัวว่าจะต้องสูบพลังจากท่านไดกิ ถ้าดิฉันกลับไปอยู่ที่คฤหาสน์ของยูกิอนนะ ก็คงไม่ต้องทำให้ท่านไดกิต้องมาเป็นอันตรายเช่นนี้อีกค่ะ”ร่างบางกล่าวขึ้น ก่อนจะถูกดึงมากอดแน่น
“เจ้าทำเหมือนตอนนั้นอีกแล้วนะ ข้าเป็นสามีของเจ้า ข้าต้องอยู่เคียงข้างเจ้านะมายุ”มือใหญ่ลูบแผ่นหลังของหญิงสาวก่อนจะกล่าวต่อ
“ให้ข้าร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับเจ้า พลังของข้ามันเทียบไม่ได้กับการได้กลับมาอยู่กับเจ้า ถ้าเจ้าอยากจะอยู่ที่นี่ก็จงอยู่ อย่าได้กังวลใจ แต่ถ้าเจ้าคิดว่าการอยู่ในที่ที่ร้อนเกินไปจะเป็นการทรมาณเจ้า ข้าก็ไม่อาจรั้งเจ้าไว้ได้ ข้าจะไปหาเจ้าที่นั่นบ่อยๆก็แล้วกัน”ชิโระยูกิเขินเมื่อได้ฟังจึงซบชายหนุ่ม
“ท่านไดกิใจดีจัง”เธอยิ้มออกมา อย่างมีความสุข
“วันนี้ดิฉันมีความสุขที่สุดเลยค่ะ ท่านไดกิ”ร่างบางตะกายขึ้นมาบนตัวเขา และกอดเขาไว้แน่น ริมฝีปากสีชมพูยิ้มออกมาอย่างยินดี
“ข้าดีใจนะที่เจ้าเป็นภริยาของข้า ในที่สุดเราก็ได้มาพบกันอีกครั้งหนึ่งข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าไปไหนอีกแล้ว พวกเรามาสร้างครอบครัวกันเถิด”
“สร้างครอบครัว??”ชิโระยูกิกล่าวออมา
“ใช่ ข้า เจ้า และก็ลูกของเรา”เขายิ้มออกมาและกอดเธอไว้
“นั่นสินะคะ ในที่สุดพวกเราได้อยู่ด้วยกันเสียที ดิฉันอยากดูแลเด็กน้อยคนนั้นจัง”เธอกล่าวออกมาอย่างมีความสุข
“อยากมีสักกี่คนดีล่ะ?”ไดกิยิ้มกริ่มออกมา อย่างทีเล่นทีจริง หญิงสาวเองก็ทำหน้าครุ่นคิด
“แล้วท่านไดกิอย่างมีลูกกี่คนดีล่ะคะ”เธอถามเขากลับ
“ข้าถามเจ้านะ อย่าตอบข้าด้วยคำถามสิ”เขากล่าวออกมาอย่างอารมณ์ดี
“เอ…ก็สองคนดีไหมคะ?”
“แค่สองเองรึ?”หญิงสาวทำหน้าตกใจเมื่อได้ยิน หรือว่าไดกิอยากจะมีลูกสักเท่าไหร่กันเชียว
“ข้าล้อเล่นน่ะ”ไดกิรีบกล่าวออกมา และลูบหัวหญิงสาวอย่างเบามือ ก่อนเธอจะลุกขึ้นมา และกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าที่เขินอาย ก่อนทั้งสองจะลุกขึ้นยืนและเดินจูงมือกันไปตามเส้นทาง เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นผ่านฝ่ามือของไดกิที่ส่งผ่านมายังเธอและรู้สึกมีความสุขที่สุด ที่ได้อยู่ข้างกายเขาเช่นนี้
“ขอบคุณมาก ข้าไม่เคยเสียใจที่รักเจ้าเลยสักครั้งเดียว มายุ…เจ้าช่วยดูแลข้าทั้งร่างกายของข้า รวมไปถึงที่ตรงนี้ด้วย ในนี้มันมีแค่เจ้าเท่านั้นที่จะดูแลรักษามันได้”เขาวางมือของเธอที่หัวใจของเขา และกล่าวต่อ
“ข้าป่วยมานานแล้วตั้งแต่เจ้าจากไป ร่างกายของข้ามันไม่เป็นอะไรมากแต่ข้างในหัวใจของข้านี้ ข้าเห็นเจ้าตายลงต่อหน้าต่อตาข้า เพราะข้า เจ้าถึงตัดสินใจจบชีวิตตนเอง ข้าเห็นเจ้าเอาดาบแทงตนเองข้านั้นก็รู้สึกเหมือนตัวข้านั้นถูกแทงทะลุหัวใจไปด้วย”หญิงสาวซบลงที่อกเขา ก่อนน้ำตาที่กลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งหยดใสร่วงหล่นออกมา เมื่อได้ยินอีกฝ่ายกล่าวเช่นนั้นออกมา เธอสงสารไดกินัก ที่เธอทำให้เขาเป็นเช่นนี้ ร่างกำยำโอบกอดเธอเช่นกัน
“ดิฉันจะอยู่กับท่านตลอดไปค่ะ จนกว่าท่านไดกิจะจากไป ดิฉันจะอยู่ข้างไดกิให้ถึงเวลานั้นไม่ห่างท่านไดกิไปไหนค่ะ”เธอกล่าวออกมา และเขย่งขึ้นไปจุมพิตชายหนุ่ม ไดกิโน้มตัวลงมาหาเธอก่อนริมฝีปากจะสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา และเงียบงัน ทั้งสองหลงลืมไปเสียทุกอย่าง การได้อยู่กับคนรักนั้นเปรียบเสมือนเวลาบนโลกได้หยุดนิ่งลง ก่อนทั้งสองจะถอนจุมพิตออกมา ชิโระยูกิขอร้องอีกฝ่ายหนึ่งหากเธอช่วยเขาได้จะดีไม่น้อย
“ดิฉันขอกลับไปที่คฤหาสน์ของยูกิอนนะได้ไหมคะ และดิฉันจะไปช่วยพูดกับยูกิอนนะเองค่ะ”เธอกล่าวออกมา
“แต่เจ้าถูกทำร้ายมาไม่ใช่หรือมายุ”เขากล่าวออกมาด้วยความกังวล
“ค่ะ แต่ว่าดิฉันทำได้แน่นอนค่ะ ท่านไดกิคอยให้กำลังใจดิฉันนี่คะ”เธอกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ มายุคนเดิมกลับมาแล้วสินะ
“ข้าคงต้องวานให้เจ้าช่วยแล้วล่ะ ข้าจะเขียนจดหมายให้เจ้านำไปให้ผู้นำยูกิอนนะเอง จะไม่มีใครกล้าปฏิเสธเจ้าเด็ดขาด ข้าจะให้เขารับเจ้าเป็นศิษย์ด้วย ให้นางสั่งสอนความรู้ให้เจ้า”ไดกิจับแก้มพวงของอีกฝ่ายหนึ่ง
“ค่ะท่านไดกิ”เธอกอดเขาอีกครั้งหนึ่งอย่างมีความสุข เขาเองก็โอบกอดเธอเอาไว้ เขาทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากไว้ใจ และเชื่อใจมายุเท่านั้น เขาจุมพิตที่หน้าผากเธออย่างเอ็นดูนัก
“ชิโระยูกิ เจ้ากลับไปพักก่อนเถอะ ข้ายังต้องนั่งสมาธิอยู่ เจ้าคงเบื่อ แต่ก็ขอบคุณนะที่มาอยู่เป็นเพื่อนข้า”ร่างบางนิ่งฟัง
“ไม่ได้น่าเบื่อสักหน่อย ให้ดิฉันอยู่ใกล้ๆท่านไดกิเถอะค่ะ”เธอนั่งลงข้างๆเขา ชายหนุ่มยิ้มออกมา และเริ่มนั่งสมาธิอีกครั้งหนึ่งด้วยความสงบนิ่งยิ่งนัก หญิงสาวนั่งพิจารณาดูอีกฝ่ายหนึ่งอย่างน่าสนใจ
ท่านไดกิดูสงบนิ่งมากๆเลย ถ้าไม่บอกนี่นึกว่าก้อนหินนะเนี่ย แต่เท่าที่ฉันจำได้ ฉันไม่เคยเห็นท่านไดกิได้นั่งสมาธิหรือบำเพ็ญเพียรเลยนะ หรือว่าเพราะว่าเขาต้องคอยต่อสู้อยู่ตลอดเวลา ระยะเวลาที่ฉัน หรือมิวะอยู่เป็นเวลาที่วุ่นวายด้วยสงครามตลอดเลยนา ไม่น่าเชื่อว่าการสู้รบจะไม่จบสิ้นแม้เวลาได้ผ่านไปนับพันปี ท่านไดกิต้องควบคุมตนเองให้ได้นะคะ ดิฉันเอง...แค่ต้องการความรู้ของมายุก็เพียงพอแล้ว ตอนนี้ดิฉันได้สิ่งที่ตามหามานาน...
ยูกิเอง...ก็ตายไปแล้วสินะ ถ้าเป็นมนุษย์ก็ถือว่ามีชีวิตที่ยืนยาวมากๆเลย น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้มีโอกาสบอกลาเธอบ้างเลย ฉันเองก็จะจำที่ยูกิสอนฉันนะ เธอทั้งเป็นเพื่อนที่สำคัญของฉันที่สุดเท่าที่ฉันเคยมี ฉันจะจดจำเธอเอาไว้ ไม่ว่าเธออยากจะให้ฉันจำเธอเป็นเพื่อน หรือ ผู้ใหญ่ที่น่านับถือก็ตาม ขอบคุณนะที่คอยอยู่ข้างฉันเสมอ
เธอยังคงยืนมองภาพทิวทัศน์เบื้องหน้าและคิดคำนึงเรื่องราวมากมายไปด้วย มือเรียวกำหมัดแน่น ดวงตาเรียวสีเงินค่อยหลับตาลงเพื่อตั้งสติสักพักหนึ่ง ในตอนนี้เธอก็จะรอชายหนุ่มนั่งสมาธิเสร็จเท่านั้น มายุเดินไปมาเรื่อยๆเพื่อรอเวลาเท่านั้น จนเวลาล่วงเลยไป ร่างบางมองบรรยากาศโดยรอบที่แปรเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาของวัน จนพระอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้าไปในที่สุด มายุก็สัปหงกและเผลอหลับไปแล้ว ดวงตาเรียวสีดำค่อยลืมตาขึ้นมามองไปรอบๆ และเห็นมายุนอนพิงต้นไม้อยู่ ไดกิจึงค่อยๆอุ้มเธอขึ้นมาไว้แนบอกและกระพือปีกบินขึ้นไปบนฟ้า ไม่นานนักเขาก็มาถึงที่ห้องนอนของหญิงสาว และค่อยให้เธอเอนกายนอนพักในที่สุด เขาค่อยจุมพิตเธอที่หน้าผาก และในชั่วพริบตาร่างของชายหนุ่มก็หายวับไปกับตา
“ท่านไดกิ...”ร่างบางละเมอออกมาอย่างมีความสุขนัก ในห้วงความฝันของหญิงสาวเธอเห็นตนเองได้เข้าพิธีแต่งงานกับชายหนุ่ม ในชุดกิโมโนสีขาว ยามฤดูเหมันต์มาถึง ชายหนุ่มที่ผมสั้นนั้นสวมชุดกิโมโนสีดำและเดินไปเคียงข้างเธอจนกระทั่งไปถึงที่ศาลเจ้า ทั้งสองเข้าพิธีวิวาห์กันอย่างมีความสุขก่อนงานพิธีจะจบลงด้วยความโกลาหลนัก ดวงตาสีเงินลืมตาตื่นขึ้นมา ด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายบนใบหน้า ไม่น่าเชื่อว่าฝันดีในตอนแรกจะจบลงเช่นนี้ และมองไปรอบๆห้อง อย่างพิจารณา แม้จะแปลกใจนักที่เธอมาอยู่ในห้องนอนของตนเองได้ แต่ด้วยความเหนื่อยล้าจากอากาศที่ร้อนแสนสาหัส ก็ทำให้หญิงสาวนอนหลับต่อในทันที
ขณะที่อีกด้านหนึ่งชายหนุ่มนั่งเผชิญหน้ากับการาสุเทนกุอาวุโส ท่ามกลางราตรีที่เงียบงัน ร่างทั้งสิบกำลังประชุมกันอย่างเคร่งเครียดนัก ทุกคนมีสีหน้าที่ไม่สบายใจนัก แสงเปลวเทียนในห้องนั้นวูบไหวด้วยแรงลมอ่อนๆ ดวงตาเรียวสีดำมองไปยังการาสุเทนกุเบื้องหน้าของตน ก่อนจะตัดสินใจกล่าวออกมาในที่สุด
“พวกท่านต้องการให้มายุไปใช่หรือไม่...แต่นางไปในฐานะนายหญิงของพวกเจ้า ภริยาของข้า ข้ากลัวว่าจะมีคนดักทำร้ายนาง”
“แต่ว่าพวกเราไม่มีทางเลือก เราไม่เหลือเวลาแล้ว ท่านต้องตัดสินใจตอนนี้ ก่อนพวกจตุรเทพจะหายจากอาการบาดเจ็บเจ้าค่ะ”อายุมุกล่าวออกมา
“ใช่ คราวนี้ข้าเห็นด้วยกับอายุมุ ตำแหน่งนายหญิงของพวกเรามิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนะเจ้าคะ ข้าคิดว่ามันจะเป็นการทดสอบนางเองด้วย ว่าพร้อมกับตำแหน่งนี้จริงๆด้วยไหม”อาโอะคิ กล่าวออกมา ตอนนี้เมื่อไดกิได้เป็นอิสระแล้ว พวกเขาก็ควรจะหาปิศาจตนอื่นๆที่แข็งแกร่งมาเป็นพันธมิตรด้วย เพื่อยันไม่ให้เหล่าเทพมาก่อกวนไดกิและเหล่าการาสุเทนกุตามใจชอบ เท่าที่คิดเอาไว้ก็มีเพียงไดเทนกุตนอื่นๆ กับ ยูกิอนนะเท่านั้นที่จะมีหวังให้คนเหล่านั้นมาเป็นพันธมิตรได้
“เรื่องนี้ข้าเห็นด้วย”ทานากะกล่าวออกมา ไดกินิ่งไปสักพักหนึ่ง แต่เขาต้องเชื่อใจอีกฝ่ายให้มากนัก เขาเองก็ต้องไป
“ไดเทนกุ มีอยู่หลายตนมากนัก ข้าเองก็ต้องไปพบพวกเขาทั้งหมด ดั่งเช่นท่านโซโจโบ ท่านทาโระโบะ ข้าต้องรีบไปให้เร็วที่สุด แต่ปัญหามิได้อยู่ที่ไดเทนกุ แต่ข้าห่วงเรื่องยูกิอนนะเสียมากกว่า เพราะมีธรรมเนียมที่ค่อนข้างแตกต่างจากเรามากนัก”เขาพึมพำออกมา และมีสีหน้าครุ่นคิดนัก
“ท่านไดกิขอรับ ตกลงว่าจะให้ท่านมายุไปหรือไม่ขอรับ”ยามะคาวะถามไถ่ขึ้น
“ขอรับ... นางจะต้องไป ที่นั่นไม่มีผู้ใดเหมาะสมที่สุดไปมากกว่านางแล้ว ข้าเชื่อใจนาง”ไดกิกล่าวขึ้นและจึงประชุมกันต่อไปเรื่อยๆ เวลาที่แสนน่าเบื่อหน่ายที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดนั้นช่างเนิ่นนานเสียเหลือเกินจนภายนอกห้องเริ่มมีเสียงนกร้องเจื้อยแจ้วนัก คงบอกถึงเวลาที่เวลาเช้าตรู่ได้มาถึงแล้ว แต่การประชุมยังคงไม่มีทีท่าว่าจบสิ้นเสียที ทั้งเขาและการาสุเทนกุต่างก็ก้มหน้าก้มตาประชุมกันต่อไปเรื่อยๆพร้อมด้วยความวิตกกังวลนัก
ความคิดเห็น