คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #40 : การท้าทาย
ร่างของทานูกิลอยขึ้นจากพื้นดินด้วยมือเรียวบางที่ดึงหางของมาโคะโตะ ร่างนั้นพยายามตะเกียกตะกายอยู่กลางอากาศอย่างกลับหัวกลับหาง แต่ก็ไม่หลุดพ้นจากมือที่แข็งแรงเกินหญิงของอีกฝ่ายไปได้ เขามองหน้าซุซาคุ และรีบยกมือขึ้นมาประสานกัน
“ข้าขออภัยขอรับ ท่านซุซาคุข้าจะไม่ทำแล้ว!!!!”ร่างนั้นร้องลั่นไปทั่วบริเวณ
“ให้ข้าเผาหางเจ้าเล่นดีไหม? บังอาจนักมาหลอกข้า!!!”ซุซาคุดูจะโมโหมาโคะโตะอย่างมาก มือของเธอเขย่าร่างของอีกฝ่ายไปมา จนเขามึนงงไปหมดแล้ว
“ยกโทษให้ข้าด้วยขอรับ!!!!”เขากรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ และมองหาสหายร่วมทางที่หายไปไหนก็ไม่อาจทราบได้
“ช่วยข้าด้วย!!!! ข้ามึนจะแย่อยู่แล้ว!!!!!
เจ้าอยู่ไหนกันฮะ มาช่วยข้าหน่อยย!!!!!”ทานูกิโวยวายออกมาและมองไปรอบๆด้วยความมึนงง
“ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้มาแค่คนเดียวนะขอรับ จะให้ข้าไปหาพวกที่เหลือไหมขอรับ”ไดกิกล่าวขึ้น
“เจ้ามันใจร้ายที่สุด!!!”มาโคะโตะกล่าวขึ้น และโวยวายต่อ
“เจ้ามันรู้ตัวดีเจ้าเทนกุ เจ้ามันรู้ในสิ่งที่ข้าจะต้องบอกเจ้ามาตลอด!!!!
ตอนนี้เจ้าควรรู้ตัวแล้วว่าข้าซ่อนอะไรจากเจ้าไว้!!! เจ้าจะเสียใจถ้าเจ้าไปตามหาพวกของข้า!!!”ชายหนุ่มดวงตาเบิกโพลงเมื่อได้ยิน อีกฝ่ายกล่าว
“ท่านซุซาคุพอเถิดขอรับ ทรมาณมันไปก็ไม่ได้อะไรหรอกขอรับ”เขากล่าวขึ้นมาเสียดื้อๆ วิหกเพลิงหยุดเขย่าร่างของอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ
“ท่านอิซานากิไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกขอรับ เราเสียเวลามามากแล้ว”ชายหนุ่มรีบเดินจากไปในทันที
“ไดกิ ข้าพาเจ้าบินข้ามภูเขามาหลายลูก ข้ามวันข้ามคืน แต่เจ้ายอมแพ้ง่ายๆเช่นนี้ได้ยังไงกัน!!!”วิหกเพลิงโวยวายออกมาด้วยความไม่เข้าใจ
“ขอรับ!!! ขอบคุณท่านซุซาคุมากขอรับ ทีนี้ท่านรีบกลับไปทำงานของท่านเถิดขอรับ”เขาไล่อีกฝ่ายไปเสียอย่างนั้น
“อะไรกัน นี่เจ้าจะไล่ข้าเลยรึ?!!!”เธอเดินสะบัดและจากไปในที่สุด โดนไล่กันขนาดนี้เธอก็ไม่มีกระจิตกระใจที่จะอยู่ต่อแล้ว เมื่อร่างบางเดินลับสายตาไป ชายหนึ่งจึงกล่าวขึ้น
“ข้าคงเชื่อได้นะว่านางอยู่กับเจ้าจริงๆ เจ้าทานูกิ!!”
“แหงสิ นางชื่อมายุ ใช่ไหมล่ะ ทีนี้พอจะเชื่อข้าได้หรือยัง?”
“ข้าเชื่อก็ได้…ฝากเจ้าดูแลนางด้วย ถ้าไม่ลำบากเจ้ามากเกินไป”คราวนี้ไดกิกล่าวกับอีกฝ่ายด้วยความสุภาพมากขึ้น
“แน่นอน…จนกว่าข้าจะเจอนายของข้า”
“ก็เขาอยู่ในถ้ำนี้ไม่ใช่รึ?”
“เจ้านี่ช่างมั่นใจเหลือเกินนะ!!”
“แหงสิ ข้าต้องเชื่อสายข่าวที่ได้รับมา มากกว่าเจ้าอยู่แล้ว”ไดกิยักไหล่และเดินเข้าไปในถ้ำ เจ้าทานูกิจึงรีบวิ่งตามไปติดๆ เพราะเขาไม่อยากจะพบตาแก่เป็นคนที่สอง เด็ดขาด มาโคะโตะรีบสาวเท้านำหน้าอีกฝ่ายไป จนลืมไปแล้วว่ามายุไปหลบอยู่ที่แห่งใด สองข้างทางของถ้ำที่สว่างไสว ทั้งสองเดินลงไปตามทางลาดชัน หินงอกหินย้อยที่ทำให้ทางเดินแคบลง ทำให้ไดกิต้องเดินไปอย่างระมัดระวัง และมองไปรอบๆอย่างสงสัย ว่าที่นี่ไม่ควรจะเป็นที่ที่เทพมาซ่อนตัวอยู่สักเท่าไหร่ ก่อนเบื้องหน้าของทั้งสองจะปรากฏแสงสีทองอร่าม ของข้าวของเครื่องใช้ของเทพอิซานากิที่ก่ายกองประดุจภูเขา ทุกสิ่งทุกอย่างทำขึ้นมาจากทองคำดูอร่ามตา มีเพียงชายชราที่อยู่เบื้องหน้าเขา ที่ยืนนิ่งอยู่เฉยๆเช่นนั้น ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
“ท่านอิซานากิขอรับ…”ไดกิกล่าวยังไม่ทันจบ ทานูกิก็รีบวิ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายในทันที
“นายท่าน?”เขามองอย่างสงสัย ไม่แน่ใจเท่าใดว่าอีกฝ่ายเป็นอิซานากิจริงหรือไม่ ทำไมชายที่ดูน่าเกรงขามถึงมาอยู่ในร่างคนแก่กัน ชายชราหันหน้ามาช้าๆในมือของเขามีเพียงไม้เท้าเก่าๆเท่านั้น และมองทั้งสองอย่างเคลือบแคลง
“ท…ท่านอิซานากิใช่ไหมขอรับ ข้ามาโคะโตะขอรับ เป็นเพียงนักดนตรีให้จังหวะในวิหารของท่านเท่านั้นขอรับ แต่ท่านคือนายของข้า ท่านจำได้ไหมขอรับ?”เขาเดินเข้าไปใกล้ ชายชราเพ่งเสียพักหนึ่ง
“เจ้านี่เอง…แต่ข้าไม่เคยบอกว่านี่คือถ้ำของข้า เจ้ามาถูกทางได้อย่างไรกัน และทำไมคำสาปถึงหายไปเสียล่ะ?”
“ข้าเคยมาเมื่อไม่นานขอรับ ข้ามากับอมนุษย์นางหนึ่ง และข้ากับนางก็ช่วยล้างคำสาปของพวกนี้ขอรับ”ชายชรากับไดกิมีสีหน้าสงสัยเมื่อได้ฟัง ร่างที่ถือไม้เท้าเดินเข้ามาใกล้
“เจ้าพบวิธีล้างคำสาปนั่น?? เล่ามาอีกสิข้าอยากฟัง”ชายหนุ่มก็อยากฟังเช่นกัน
“ให้นางเล่าด้วยตนเองเถิดขอรับ ข้าเองมีหน้าที่แค่นำทางเท่านั้น”เขากล่าวออกมา
“ถ้าเช่นนั้นนางอยู่ที่ใดกัน?”ทั้งสองมองมาที่มาคาโคะโตะ
“งั้นข้าคงเสียมารยาทที่เข้ามา ณ ที่แห่งนี้ขอรับ ข้าขอตัวไปรอด้านนอกก่อนขอรับ”ชายหนุ่มคำนับอีกฝ่าย และกำลังจะเดินออกไป
“เจ้า ไดอิจิ…ไม่ใช่สิ…เจ้าคงเป็นบุตรของเขาใช่ไหม เจ้าช่างเหมือนเขาเสียจริง”ชายชรากล่าวจบก็กลายร่างเป็นชายผู้สวมชุดสีขาว ผมสีดำยาวไปถึงกลางหลัง รวมถึงหนวดเคราที่ยาวตามแบบฉบับเทพในสมัยโบราณ และมองเขาอย่างพินิจพิจารณา
“เจ้าอยู่ที่นี่เสียก่อนสิ ข้าคงคุยกับมาโคะโตะไม่นานนัก”ไดกิหยุดลงในทันที แต่มีสีหน้าลังเลอย่างเห็นได้ชัด
“นางอยู่ไม่ไกลมากหรอกขอรับ”ทานูกิตอบเลี่ยงอีกฝ่าย
“นั่นสิ ไปตามนางมาสิ”คราวนี้ทั้งมาโคะโตะกับไดกิก็มองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย
“ข...ขอรับ”มาโคะโตะคำนับและเดินจากไป เพื่อไปตามหญิงสาวลงมา ทันที่ทานูกิเดินจากไป ชายหนุ่มก็รีบโพล่งขึ้นมาในทันที
“ข้าคือไดกิเป็นบุตรของไดอิจิขอรับ ข้าได้รับวาจาสิทธิ์จากท่านให้กำจัดอมนุษย์ขอรับ”เขานั่งลงคุกเข่าแก่ร่างเบื้องหน้า
“งั้นรึ? แล้วกำจัดได้มากหรือเปล่า? ข้ารังเกียจพวกอมนุษย์ที่อิซานามิพยายามสร้างยิ่งนัก เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้เกิดอย่างปกติ แค่เพียงได้พลังก็กลายร่างเป็นพวกครึ่งๆกลางๆ ยิ่งเจ้ากำจัดได้เร็วเพียงใด ข้าจะให้รางวัลอย่างดีแก่เจ้า”ชายหนุ่มหลบหน้าอีกฝ่าย เรื่องนี้คงไม่ง่ายแน่ๆที่เขาจะได้กล่าวกับเขา
“ข้า…ก็กำจัดอมนุษย์ได้เกือบหมดแล้วขอรับ แต่ข้ามีเรื่องขอร้องขอรับอยากให้ท่านช่วยอมนุษย์ผู้หนึ่งขอรับ ข้ากับนางรักกัน หากท่านอิซานากิเมตตา ขอให้ช่วยนางเถิดขอรับ”ปิศาจเทนกุคำนับ สีหน้าของอีกฝ่ายแปรเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ฟัง
“ข้าเนี่ยนะต้องช่วยอมนุษย์ ข้าทำลายคำสาปอิซานามิไม่ได้หรอก!!!
ไดกิเจ้าต้องรู้ตัวนะ ว่านางตายไปแล้ว ตั้งแต่นางถูกคำสาป”ร่างนั้นเมื่อได้ฟังก็ถึงกับชาไปทั้งตัว พยายามจะหาข้อต่อรอง
“ถ…ถ้าเช่นนั้นท่านถอนวาจาสิทธิ์ได้หรือไม่ขอรับ”
“วาจาสิทธิ์แท้จริงคือบทลงโทษ แต่เมื่อตกมาอยู่ที่เจ้าที่ไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วข้าจึงมอบโอกาสให้เจ้าได้รางวัลตอบแทนนั้น และเทพอย่างข้ากล่าวแล้วไม่คืนคำ วาจาสิทธิ์ของข้าจึงไม่อาจถอดได้เช่นกัน”เขากล่าวออกมาอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร
“แต่ว่า…”เขาหมดหนทางแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะถ่อจนมาเจอเทพแห่งการสร้างสรรค์สรรพสิ่งได้แต่ก็ไม่ได้ผล
“ขอร้องเถอะขอรับ...ข้าจะทำตามคำสั่งโดยไม่ลังเลแล้ว แต่ว่าช่วยนางด้วยขอรับ ข้าไม่ขอรางวัลใดๆแล้ว หากท่านพบนางท่านจะรู้ว่านางคู่ควรกับการที่จะถูกท่านช่วยแน่นอนขอรับ”เขาคำนับแทบเท้าอีกฝ่าย โดยไม่เงยหน้าขึ้นและกล่าวต่อ
“นางมีนามว่ามายุ ไม่นานคงจะเข้ามาพบท่าน ขอให้ท่านกับนางได้พูดคุยกับนางเถิดขอรับ ข้าต้องไปแล้วขอรับ ข้าจะพบนางไม่ได้เด็ดขาดขอรับ ช่วยกรุณารับฟังนางด้วยขอรับ”เขากล่าวออกมาด้วยความเจ็บปวด ยังไงคนที่ตายไปแล้วก็ไม่มีทางฟื้นขึ้นมาเป็นครั้งที่สองได้ เขาเข้าใจดี ร่างนั้นรีบลุกขึ้นและหันหลังกลับในทันที ขายาวนั้นก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มาโคะโตะจะพานางเข้ามา เมื่อคิดเช่นนั้นเขาก็ออกวิ่งสุดชีวิตเสียงก้าวเท้านั้นดังก้องอยู่ในถ้ำ ทางที่ลาดชันพื้นหินที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ สะท้อนร่างที่กำลังออกไปจากถ้ำโดยเร็ว แสงอาทิตย์ด้านหน้าสาดส่องเข้ามาในถ้ำจนเขามองไม่เห็นทางที่ชัดเจน และรีบบินทะยานออกไปจากปากถ้ำทันที แต่ก็หยุดกึกที่พบมาโคะโตะที่กำลังอยู่ปากทางถ้ำพอดี
“ได้ผลว่ายังไง?”เขาถามไดกิออกมาด้วยความอยากรู้
“ข้าทำเท่าที่ข้าจะทำได้แล้ว
แต่ไม่มีใครรับฟังคำขอของข้าเลย…”ชายหนุ่มมองไปทางอื่นด้วยความกังวลยิ่งนัก
“ข้าก็คิดว่าเจ้าพยายามแล้ว อย่าโทษตัวเองเลย…เอ่อ…นางฝากมาบอกน่ะ”มาโคะโตะกล่าวออกมา
“มายุ…นางคงรู้สินะ….ว่ามันไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น….”ไดกิมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“นางทำใจได้แล้ว”ไดกิมองทานูกิด้วยสีหน้าที่บอกไม่ถูก และเดินจากไปเขากางปีกออกและทะยานขึ้นไปจนหายลับตา ไม่นานนักมายุก็เดินออกมาจากเส้นทางด้านข้างของทางเข้าถ้ำ เมื่อเห็นชายหนุ่มทะยานออกไปจากที่ที่ไกลที่เธออยู่ จึงค่อยๆเดินกลับมา และนึกขึ้นได้ว่าเธอเองก็วิ่งเตลิดไปไกลเหมือนกัน มาโคะโตะที่หันมาพบเธออีกทีก็โวยวายขึ้นมา
“เจ้าทิ้งข้า!!!รู้ไหมว่าข้าเจออะไรมาบ้าง!!!
ข้าเกือบถูกเทพซุซาคุเผาทั้งเป็นแล้ว!!!”ทานูกิโวยวาย
“ข…ขอโทษค่ะ ก็เห็นคุณมาโคะโตะยืนอยู่ เลยนึกว่าจะช่วยพูดกับท่านไดกิให้เหมือนคราวก่อนค่ะ”เธอกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกผิด
“ช่างเถอะ… ข้าพบนายของข้าแล้ว เทพอิซานากิอยู่ในถ้ำ รีบเข้าไปเสียอย่าให้เขารอนาน!!”มาโคะโตะชี้นิ้วสั่ง คราวนี้เขาปล่อยให้เธอไปคนเดียวจริงๆด้วยเพราะยังโมโหที่อีกฝ่ายจากไปอย่างไม่ใยดี
“ค่ะ”มายุเดินเข้าไปในถ้ำเพียงคนเดียวอย่างไม่ลังเลใจ แต่ทว่าอิซานากิกลับเดินออกมาด้านนอกเสียก่อน มาโคะโตะรีบบอกหญิงสาว
“นั่นแหละนายข้า…”มายุพยักหน้ารับ ก่อนจะคุกเข่าคำนับเขาอย่างนอบน้อมแทบเท้า แต่ร่างนั้นกลับถอยเท้าออก มาโคะโตะเองก็ถึงกับหน้าเสียเมื่อเห็นเช่นนั้น
“เจ้าเองรึ? อมนุษย์ที่ลบล้างคำสาป เจ้าดูตนเองเสียบ้างสิ่ง ร่างกายบิดเบี้ยวผิดมนุษย์และยังเน่าเหม็นอีกต่างหาก ข้าทนคุยกับเจ้าไม่ได้แน่….”เขาทำหน้าขยะแขยงและมองเธออย่างดูถูกดูแคลน ไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าเทนกุตนนั้นยังรักนางได้อยู่อีกทั้งๆที่นางมีสภาพเช่นนี้
“ค่ะ ดิฉันเป็นคนลบล้างคำสาปเองเจ้าค่ะ ดิฉันแค่อยากให้ดิฉันเป็นคนสุดท้ายที่เป็นเช่นนี้ค่ะ”มายุถึงกับทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดออกมาในเมื่ออีกฝ่ายเกลียดเธอตั้งแต่แรกเห็นเช่นนี้
“นี่น่ะรึ คนรักของเจ้าไดกิ…”เขาดูผิดหวังยิ่งนัก ไม่ว่าเป็นเรื่องสารรูปของนางในตอนนี้ และการที่นางเป็นเพียงมนุษย์ที่ไร้พลัง ไม่มีอะไรที่เหมาะสมกับไดกิเลยสักนิดเดียว
“เอ่อ…ท่านอิซานากิขอรับ อย่างน้อยนางก็ถือว่าช่วยงานท่านได้ไม่มากก็น้อยนะขอรับ”ทานูกิกล่าวออกมาด้วยความเกรงกลัว บุรุษที่ถือว่าเป็นหนึ่งในเทพที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
“เจ้าเองก็เถอะ!!! ทนเดินทางมากับนางได้อย่างไรตั้งนาน แม้จมูกไม่ได้กลิ่น แต่สายตาเจ้ายังดีอยู่หรือไม่!!!”อิซานากิกล่าวขึ้น จนทานูกินั้นเงียบลงในทันที ก่อนจะลองอธิบายให้เทพเบื้องหน้าได้ฟัง
“…นางเป็นคนที่มีจิตใจดีขอรับ
ความดีของนางทำให้ข้ามองข้ามรูปลักษณ์ของนางไปได้โดยง่าย”อีกฝ่ายยังคงมีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก มายุตัดสินใจเล่าเรื่องที่เธอพบเสียจะดีกว่าว่าเธอทำอะไรไปบ้าง
“ดิฉันได้พบท่านอิซานามิค่ะ”
“เจ้า….เจ้าพบนาง?!!”ร่างนั้นมีสีหน้าที่ตกใจอย่างเห็นได้ชัด
“ค่ะ ท่านอิซานามิได้บอกดิฉันว่าจะไม่สาปสิ่งของและผู้อื่นอีกต่อไปแล้วค่ะ”เธอกล่าวออกมา
“เจ้าทำได้เช่นไรกัน!!!”ดวงตาของเขาเบิกโพลงด้วยความสงสัย เพราะไม่มีใครกล้าเผชิญหน้ากับเทพอิซานามิผู้มีแต่ความเคียดแค้นมากนัก แม้แต่เขาเองยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับเธอเลยแม้แต่น้อย
“ดิฉันแค่ดูดพลังคำสาปเข้ามาอยู่ในตัว ท่านอิซานามิทราบก็เลยมาพบดิฉันค่ะ ดิฉันก็แค่พยายามพูดโน้มน้าวใจของนางเท่านั้นค่ะ ท่านอิซานามิรับปากกับดิฉันเองว่าจะไม่ทำเช่นนี้แล้วค่ะ” ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่มายุมีร่างกายไม่น่าดูเช่นนี้
“เจ้า…ได้รับพลังของนางมามากมายเช่นนี้ คงจะกลับไปเกิดมนุษย์ไม่ได้อีกต่อไปกระมัง”อิซานากิมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ค่ะดิฉันทราบดีค่ะ”เธอกล่าวออกมาด้วยความนอบน้อม
“แล้วถ้าเช่นนั้น จะมาหาข้าเพื่ออะไรกัน อย่างเจ้าเองก็คงจะรู้ดีอยู่แล้วว่าข้าแก้คำสาปของนางไม่ได้”เขาดูมีสีหน้าที่รังเกียจมายุน้อยลงบ้าง
“ค่ะ ดิฉันคิดไว้แล้วค่ะ ว่าดิฉันจะไม่กลับไปเป็นมนุษย์อีก”ร่างบางกล่าวขึ้น
“ถ้าเช่นนั้น ท่านอิซานากิขอรับ ทำให้นางเกิดใหม่เป็นเทพธิดาเสียดีกว่าขอรับ แถมท่านจะได้รับคำชมเชยจากเทพทั้งใต้หล้าว่ามีความเมตตากรุณา”มาโคะโตะเสริม
“ไม่ใช่นะ!!!”มายุเอ็ดอีกฝ่ายหนึ่ง ตอนนี้เธอต้องกล่าวออกมาแล้วว่าทั้งหมดที่เธอยอมทำเช่นนี้เพื่ออะไร
“ดิฉันไม่ต้องการเป็นเทพธิดาค่ะ ดิฉัน….ไม่สมควรได้เป็นเพราะดิฉันไม่ได้ทำเพื่อผู้อื่น ดิฉันทำเพื่อตนเองและท่านไดกิเท่านั้นค่ะ ดิฉันแค่อยากอยู่กับท่านไดกิไปนานๆค่ะ การที่ดิฉันเป็นมนุษย์มันไม่สามารถทำให้เราอยู่ด้วยกันได้ตลอดไปหรอกนะคะ ฉะนั้นแล้วดิฉันไม่อยากเป็นมนุษย์อีก...”เธอกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ หลังจากครุ่นคิดมานานแล้ว
“เจ้า….มันบ้า มายุ!!!”มาโคะโตะกัดฟันกรอด แบบนั้น เธอก็ยอมรับความตายเสียอย่างง่ายๆเช่นนี้ได้อย่างไรกัน เหมือนไม่เห็นคุณค่าของตนเอง แถมยังไม่เห็นค่าที่เขาอุตส่าห์นำทางเธอมานานแท้ๆ และยังไม่ยอมไปเกิดใหม่เพื่อเจ้าปิศาจตนเพียงตนเดียวอีก
“ดิฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณมาโคะโตะนะคะ แต่ว่าช่วยเข้าใจดิฉันเถอะค่ะ”มายุก้มหน้าลง และหันมากล่าวกับท่านอิซานากิ
“ทุกครั้งที่ดิฉันหลับ ดิฉันทราบดีว่าท่านไดกิพยายามจะมาพบดิฉันมากแค่ไหน แต่ตอนนี้แม้แต่ในจิตใจของท่านไดกิเองก็มีแต่เพียงซากศพและอมนุษย์เท่านั้นค่ะ ดิฉันเห็นในความฝันของดิฉันเองว่าเขาคิดสิ่งใดอยู่ ตอนนี้ท่านไดกิเองก็มาทำหน้าที่นี้นานหลายเดือนแล้ว ไม่นานนักเขาต้องทนไม่ได้แน่ๆค่ะ ดังนั้นแล้วดิฉันอยากจะอยู่กับท่านไดกิต่อเพื่อทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้บ้าง ได้โปรดเถิดค่ะท่านอิซานากิช่วยให้ดิฉันได้อยู่กับเขาเถิดค่ะ”
“ทำไมเจ้า ทั้งที่ชีวิตของเจ้ามันลำบากเสียขนาดนี้ แต่ยังนึกถึงเทนกุตนนั้นอยุ่ เจ้ารักมันถึงเพียงนั้นเลยรึ”เทพแห่งการสร้างสงสัย
“เพราะว่าสิ่งที่ดิฉันเป็นอยู่ตอนนี้ มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วค่ะ ดิฉันทำสิ่งที่พอจะทำได้เพื่อตัวฉันเอง เพื่อเขาเท่านั้นค่ะ”มายุกล่าวออกไป เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าคำสาปมันไม่มีวันหาย แต่เธอไม่อยากหนีไปเกิดใหม่อีกแล้ว โดยเฉพาะตอนนี้ที่ไดกิต้องการเธอ
"ฉันไม่อยากไปเกิดใหม่ ถ้าเกิดใหม่ดิฉันก็ต้องหลงลืมท่านไดกิ และทำท่านไดกิทุกข์ทรมาณอีกครั้ง และดิฉันก็ไม่ได้อยากจะเกิดเป็นมนุษย์ที่แสนอ่อนแออีกต่อไปแล้ว"
“หึ เจ้ามันทำเพื่อไดกิเสียจริง เจ้าเกิดมาเพื่ออยู่กับเขาและตายเพื่อเขาเท่านั้นหรือ ชีวิตของเจ้าขึ้นอยู่กับชายเพียงคนเดียว ช่างน่าสมเพชเสียจริง!!!”มายุที่ได้ฟังก็ถึงกับหน้าชา
“ใช่ค่ะ เพราะว่าความตั้งมั่นของดิฉันเมื่อแปดร้อยปีก่อน บอกว่าอยากจะมีชีวิตใหม่เพื่อได้อยู่กับท่านไดกิในตอนนี้ แต่แบบนี้มันยังไม่มากพอ ดิฉันยังเป็นมนุษย์ธรรมดาๆอยู่เท่านั้น ฉะนั้นแล้ว ดิฉันจึงตั้งใจว่าจะไม่เป็นมนุษย์อีกต่อไป ต้องขอบคุณเทพีอิซานามิที่สาปดิฉัน ให้ดิฉันเข้าใจว่าเรื่องราวหลายๆอย่างมากขึ้น ตอนนี้ดิฉันพอใจแล้วที่เป็นอมนุษย์ค่ะ”
“เจ้าพูดอะไรออกมาน่ะ มายุ”มาโคะโตะตกตะลึงกับคำตอบของนาง เป็นเช่นนี้ อิซานากิคงไม่มีวันเห็นใจนางได้แน่ เขาเกลียดอมนุษย์จะตายไป
“นั่นสินะ….”เทพแห่งการสร้างกล่าวขึ้นมา
“เจ้ามันอยากเป็นอมนุษย์ถึงเพียงนั้นเลยรึ ทั้งๆที่มันเป็นสิ่งที่ผิดปกติไม่สมควรเกิดขึ้นมามีชีวิตได้ แต่เจ้ากลับอยากเป็นในสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์เพื่อชายผู้เดียว ข้ามองเจ้าผิดไปตอนแรกข้านึกว่าเจ้าจะเป็นคนที่อยากจะหลุดพ้นจากคำสาปของนาง แต่เหมือนเจ้าจะพอใจที่เป็นเช่นนี้แล้วนี่ เจ้ามันถวายชีวิตอันต่ำต้อยของเจ้าเพื่อเขาคนนั้น ช่างน่าสมเพชเวทนากับความเห็นแก่ตัวของเจ้าโดยไม่สนใจความรู้สึกของไดเทนกุผู้นั้นเลย ว่าเขาอยากจะอยู่กับซากศพเดินได้เช่นนี้หรือไม่!!!”บุรุษเทพกล่าวออกมาด้วยความปลงตกและผิดหวังในตัวของเธอ มายุชะงักไปเมื่อได้ฟัง
“ใช่ค่ะ เพราะว่าดิฉันมันเห็นแก่ตัวอย่างไรล่ะคะ ถ้าท่านไม่พอใจจะสาปดิฉันอีกคราก็ได้นะคะ เหมือนที่ท่านอิซานามิทำกับดิฉัน ตอนนี้ยังไงดิฉันก็ไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว เหลือเพียงจะกลายร่างหรือไม่จากการได้รับคำสาปมากเกินไปเท่านั้น ถ้าเช่นนั้นถ้าดิฉันกลายร่างแล้วก็คงไม่ถือว่าเป็นอมนุษย์อีกต่อไปสินะคะ สุดท้ายอมนุษย์มันก็แค่เหมือนดักแด้ที่รอวันกลายเป็นผีเสื้อแต่ท่านกลับสั่งฆ่าพวกเขาก่อน แค่เพราะท่านรังเกียจที่อมนุษย์ไม่ได้เกิดมาตามวิถีธรรมชาติก็เท่านั้น แบบนี้ยังกล้าเรียกตนเองว่าเทพผู้สร้างได้อีกหรือคะ!!!”มายุกล่าวออกมาด้วยความไม่เกรงกลัวคนตรงหน้า ยังไงเธอก็ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว เมื่อมันแย่ก็หวังให้มันแย่จนถึงที่สุด
“พอได้แล้ว!!!!!!”ร่างนั้นตะโกนขึ้นมา ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ หญิงสาวเงียบลงในทันใดเพราะพลานุภาพของอีกฝ่ายหนึ่ง ส่วนมาโคะโตะได้แต่ยืนมองเธออย่างเป็นห่วง ไม่รู้ว่าผลจะเป็นเช่นไรต่อไป ร่างกำยำเดินงุ่นง่านไปมาอย่างอารมณ์เสียอยู่นาน
แต่มายุยังนั่งอยู่เฉยๆ ไม่มีทีท่าจะลุกออกไปแต่อย่างใด จนอิซานากิเดินไปนั่งบนก้อนหินไม่ไกลนักอย่างอารมณ์เสีย เขาไม่เคยถูกอมนุษย์ต่อว่าเช่นนี้มาก่อน ไม่เคยมีใครเลยเสียด้วยซ้ำ แต่กลับเป็นนางที่นั่งอยู่ตรงนี้อย่างไม่ทุกข์ร้อนใดๆ ที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจเช่นนี้มาก่อน
“เปิดปากเสีย!! อยากจะกล่าวสิ่งใดเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่ ข้าจะเรียกไดกิให้กลับมาฆ่าเจ้าเสียที่นี่ ตอนนี้ก็ยังได้”มายุถึงขยับปากพูดได้ในทันทีอย่างน่าประหลาด
“แล้วท่านไดกิผิดอะไรหรือคะ? ทำไมต้องมาทำงานนี้ ท่านมัดมือชกเขาชัดๆ หากไม่ใช่คำสั่งเพื่อการลงโทษท่านควรจะให้โอกาสเขาได้นึกไตร่ตร่องบ้างเสียหน่อย มิใช่บังคับเขา ดิฉันเชื่อว่าที่เมื่อสักครู่ท่านไดกิมาพบท่านก็คงจะกล่าวเรื่องนี้กับท่านอย่างแน่นอน ท่านเป็นถึงเทพแต่ลุแก่อำนาจ คนใต้ปกครองท่านไม่มีความสุขหรอกค่ะ”อิซานากิชะงักไป มาโคะโตะยืนนิ่งประดุจรูปปั้นหิน มายุอาจทนผ่านเรื่องต่างๆมาได้โดยที่ไม่ใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล แต่ครั้งนี้มันน่าโมโหเสียจริง
ฉันอยากจะปกป้องท่านไดกิให้ได้เท่านั้น….ฉันแค่พูดความจริงออกไปเท่านั้น อิซานากิรับไม่ได้ก็เป็นเรื่องของเขาสิ แต่ฉันไม่ยอมปล่อยเทพองค์นี้ไปเฉยๆหรอก…ฉันต้องพูดเท่านั้น ส่วนฉัน...ฉันไม่กลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว มันไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว
“แล้วดิฉันทำอะไรผิด ที่กลายมาเป็นอมนุษย์….ดิฉันคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ท่านไดกิเองก็เช่นกัน เขาถูกคำสาปจากการที่ท่านสั่งให้ไปหยิบทวนของท่านในศาลเจ้า ก็เกิดจากคำสั่งของท่านทั้งหมด แต่อมนุษย์ทำผิดอะไรคะ ท่านถึงต้องกำจัดเสีย”
“พวกอมนุษย์นั้นไม่ผิดหรอก แต่ว่าสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากคำสาป มันเป็นสิ่งผิดปกติ แม้ไม่มีความผิดก็ต้องถูกกำจัด แต่การกำจัดนั้นข้าต้องการเพียงปลดปล่อยวิญญาณเท่านั้น เหล่าอมนุษย์ที่ตายลงแล้ว วิญญาณจะได้กลับไปเกิดใหม่เป็นมนุษย์ได้”
“เห้อออ!!!”มายุถอนหายใจออกมาเมื่อได้ฟัง ไม่สนใจใครทั้งนั้นแหละว่าจะพอใจหรือไม่ ฟังยังไงเธอก็เชื่ออีกฝ่ายไม่ลงเสียจริง คำพูดกับการกระทำสวนทางกันขนาดนั้น การที่ถือดาบเข่นฆ่าคนอื่นเพื่อบอกให้เขาไปเกิดใหม่ในที่ที่ดีกว่า นั่นมันฟังไม่ขึ้นเสียจริง
นี่มันฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชัดๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าฉันต้องมาพบเจออะไรเช่นนี้ อิซานากิยิ่งพูดออกมาก็ยิ่งรู้ว่าเขาไม่ได้อยากจะช่วยอมนุษย์จริงๆ และก็ไม่ช่วยท่านไดกิด้วย….ทำยังไงดีล่ะ?
“เอ่อ…ท่านอิซานากิขอรับ แต่ว่ายังไงนางก็เป็นเพียงคนคนเดียวในรอบหนึ่งพันปี ที่พยายามจะถอนคำสาปจากสิ่งของต่างๆนะขอรับ อย่างน้อยสิ่งที่นางทำก็ถือว่าช่วยท่านอิซานากินะขอรับ ข้าคิดว่านางเพียงเศร้าโศกเสียใจอย่างมาก อาจจะทำให้นางโวยวายออกมาเช่นนี้ขอรับ แต่ท่านช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของนางให้ลดลงได้นะขอรับ”อิซานากิสูดหายใจเข้าลึกๆทีหนึ่ง ตอนนี้เขาไม่จะพอใจเธอมาก ไหงอสูรรับใช้ของเขาถึงไปอยู่กับอีกฝ่ายได้
“ท่านอิซานากิเป็นเทพที่มีความชอบธรรม เป็นผู้ที่สร้างสรรค์สิ่งต่างๆขอรับ เป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่ทุกคนให้ความให้ความเคารพขอรับ ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีใครเกินกว่าท่านอีกแล้วขอรับ ท่านอิซานากิเหมาะสมแล้วที่มีอำนาจและบารมีถึงเพียงนี้ขอรับ โปรดอย่าปล่อยให้ความโทสะเข้าครอบงำได้เลยขอรับ”ทานูกิพยายามยกยออีกฝ่ายหนึ่ง ให้เขาใจเย็นลง แต่ก็ดูไม่เป็นผล
“เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ใช่คนบ้ายอ พอได้แล้ว…”เขาหันไปกล่าว มาโคะโตะยกมือขึ้นมาปิดปากของตนในทันที และหันมากล่าวกับร่างบาง
“ข้าฟังเจ้ามามากพอแล้ว ข้าไม่มีวันช่วยเจ้าเด็ดขาด!!!”เขาจะเดินจากไป
“มาโคะโตะ ไปตามคนอื่นให้มาขนของไปไว้ที่วิหารของข้า”เขากล่าวออกมา ทานูกิคำนับ และหันมามองหน้าเธอ
“เจ้าจะมาโมโหตอนนี้ไม่ได้!!! และทีนี้เจ้าจะทำอย่างไร”มาโคะโตะถามไถ่ขึ้น และมองอิซานากิที่กำลังเดินไปช้าๆ
“ขอบคุณคุณมาโคะโตะมากค่ะ แต่ว่าให้ดิฉันจัดการเองจะดีกว่านะคะ”เธอลูบหัวอีกฝ่ายอย่างเบามือ และเดินตามเทพที่น่าเกรงขามไปติดๆ โดยที่เจ้าทานูกิมองเธออยู่ห่างๆเท่านั้น
“จะมาขอร้องอะไรข้าอีก ข้าขี้เกียจจะฟังเจ้าแล้ว…”เขามองดูเธอด้วยความขยะแขยงยิ่งนัก
“สาปดิฉันเลยค่ะ….ถ้าแน่จริง… ไม่ต้องให้ดิฉันได้ไปเกิดใหม่ ยังไงท่านก็ไม่คิดจะช่วยดิฉันอยู่แล้ว ดิฉันผิดหวังในตัวท่านเสียจริง ที่รอมาตลอด ท่านก็รังเกียจดิฉันเพราะว่าดิฉันเป็นอมนุษย์อยู่ดี อย่างน้อยก็น่าจะถือว่าดิฉันทำประโยชน์แก่ท่านบ้างก็ดี ในเมื่อท่านไม่เห็นค่าที่ดิฉันช่วยท่านถึงเพียงนี้...รู้เช่นนี้ดิฉันไม่ช่วยท่านเสียดีกว่า”ทั้งสองที่ได้ยินถึงกับตาเบิกโพลงด้วยความตกใจของอีกฝ่ายหนึ่ง ทานูกิถึงกับอ้าปากค้าง ครั้นจะไปปิดปากนาง ก็ไม่ทันแล้ว ร่างเล็กค่อยๆหันมามองอิซานากิช้าๆ และเห็นใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความโกรธที่ถูกเธอท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว
“แน่นอน!!! กล้าท้าข้ามากเสียจริงข้าจะทำให้เจ้ารู้ซึ้งถึงพลังของข้าเอง…”มือใหญ่ยกนิ้วชี้ไปทางเธอ ฉับพลันท้องฟ้านั้นมืดครึ้มลง สายลมที่เคยพัดเอื่อยๆสงบนิ่งลง เสียงนกร้องที่เคยเจื้อยแจ้วเองก็หยุดลง แม้กระทั่งมาโคะโตะที่ช่างพูดก็หยุดยืนนิ่งไม่ไหวติง
“สาปให้ดิฉันเป็นปิศาจไปเลยเสียตอนนี้สิคะ ในเมื่อท่านไม่เคยจะแก้ปัญหาอะไรได้เลย…เรียกตนเองว่าเป็นเทพได้อย่างไรกัน ไม่กระดากใจบ้างหรือคะ ในเมื่อท่านไม่เคยจะแก้ไขสิ่งที่ทำผิดไปได้ ก็ทำให้มันแย่จนถึงที่สุดเลยสิคะ สาปดิฉันเลยสิคะ กับการเป็นปิศาจยังดูจะทำอะไรได้มากกว่าเทพอย่างท่านอีก”เธอยิ้มออกมาอย่างยียวน
“ถ้าอยากเป็นนักข้าก็จะสนองให้ ข้าบอกไว้เลยว่าข้าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขข้อผิดพลาดนั้น เดี๋ยวก็มีคนอื่นจัดการได้เอง”
“เป็นเทพที่ไร้ความสามารถจริงๆค่ะ ดิฉันจึงไม่อยากเป็นเทพธิดาอย่างที่มาโคะโตะเข้าใจอย่างไรล่ะคะ เทพก็คงเหมือนกันทุกคน ให้ดิฉันเป็นปิศาจไปเลยค่ะ ไหนๆก็ไหนๆแล้วนี่คงเป็นค่าตอบแทนที่ดิฉันได้รับจากการช่วยล้างคำสาปให้ของทุกสิ่งทุกอย่างของท่านแล้ว ก็ตามสบายค่ะ”เธอยักไหล่
“ข้าไม่สนว่าเจ้าทำอะไรให้ข้าบ้าง แต่ว่าข้าจะสนองในสิ่งที่เจ้าต้องการบัดเดี๋ยวนี้!!!!”
“ด้วยวาจาสิทธิ์ของข้า ข้าขอสาปแช่งเจ้า…ให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมาณในร่างกายอันเน่าเฟะเช่นนี้ และถูกชายที่เจ้ารักตามมาปลิดชีวีอย่างไม่ปราณี วิญญาณของเจ้าหลังจากนี้จะไม่ได้ไปเกิดใหม่ตามวัฏสงสารแต่จงถูกฝังเอาไว้ในร่างนี้นับนานแสนนาน จงได้เกิดใหม่อยู่ในร่างที่เหมือนซากศพนี้เป็นปิศาจที่แสนอัปลักษณ์และพิกลพิการ!!!!”อิซานากิกล่าวออกมาด้วยเสียงอันกึกก้องไปทั่วปฐพี
ทางฝ่ายมาโคะโตะยืนนิ่งมองอีกฝ่าย เขาเห็นภาพทุกอย่าง แต่ขยับตัวไม่ได้ เสียงอิซานากิที่พร่าเลือนจนเขาจับใจความไม่ได้ นั้น เหมือนมาโคะโตะกำลังจะตกใจจนเป็นลมไปเสียมากกว่า แต่ก็ทำได้เพียงอ้าปากค้างเท่านั้น เมื่อรับรู้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ได้
"ท่านได้กล่าววาจาออกมาแล้ว..."มายุพึมพำออกมา แต่เธอกลับมีสีหน้าที่สงบลงอย่างเห็นได้ชัด
"ต้องให้ข้าสาปเจ้ารึ เจ้าถึงจะได้สติว่าอมนุษย์อย่างเจ้าไม่ควรต่อล้อต่อเถียงกับข้าผู้เป็นใหญ่"อิซานากิดูแคลนอีกฝ่าย
"ท่านเป็นเทพแห่งการเกิดสรรพสิ่ง ท่านไม่สามารถสาปในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับพลังของท่านได้นะคะ"เธอกล่าวออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์ ก่อนจะรู้สึกถึงพลังคำสาปที่เข้ามาสู่ร่างกายเธอ สติก็พลันดับวูบลงมายุล้มลงไปนอนอยู่ที่พื้นในทันที
“มายุ!!”มาโคะโตะตะโกนเรียกอีกฝ่ายหนึ่งออกมา และหันมามองหน้านายของตนเอง
“ท…ท่านอิซานากิขอรับ…ทำเกินไปหรือเปล่าขอรับ?”เขาไถ่ถามขึ้น ทว่าเทพแห่งการสร้างกลับมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะหันหลังให้ร่างที่ถูกคำสาปนั้น
“ข้าไม่รู้…นางยั่วให้ข้าโมโหเอง นางสมควรโดนสั่งสอนบ้าง”เขาดูใจเย็นลงมาก หลังจากที่สาปเธอไปเสียอีกรอบ คราวนี้พลังคำสาปของมายุนั้นเกือบจะเห็นได้ด้วยตาเปล่าแล้ว หมอกควันสีดำที่เข้มขึ้น ทะลักออกมาร่างของหญิงสาวอย่างมากมาย
“แ…แต่ว่าแบบนี้นางต้องเน่าลงจนเหลือแต่กระดูกแน่”มาโคะโตะเอามือปิดตาตนเอง ไม่อยากนึกภาพนั้น
“นางจะเป็นเช่นนั้นแน่นอน…”อิซานากิเดินผ่านร่างนั้นไป
“แล้วเจ้าจะไม่ทำงานรึ?”เขาหันมาถามทานูกิ
“ข…ขอรับ”ร่างเล็กคำนับเขา และมองเธอที่ไร้สติอยู่ที่พื้น อย่างคิดหนัก มาโคะโตะคำนับเธอ ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้มายุนอนอยู่อย่างนั้นคนเดียว
ปาฏิหาริย์ มันไม่มีจริงกับนางเลยรึ? มายุ เจ้าคงมีแผนไว้นะ ให้สมกับเป็นเจ้า ว่าเจ้าจะทำเช่นไรต่อไป ข้ากับเจ้าคงลาจากกันตรงนี้
ทานูกิออกเดินจนหายไป แม้ว่าเขาจะคิดหนักแต่ว่า ในที่สุดก็พบกับนายท่านที่เขาตามหามาตลอดแล้ว ข้าบอกนางตั้งแต่แรกแล้วว่าถ้าเจอนายของข้า ข้าจะไป หวังว่านางจะเข้าใจนะ มาโคะโตะหันกลับไปมองตามทางที่ตนเดินจากมา อย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ก็ตัดสินใจเดินจากไปในที่สุด
ความคิดเห็น